♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430454 ครั้ง)

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เชียร์ทิมขอให้เป็นทิมมมมม ถ้าเป็นคนอื่่นละก็ หึๆๆๆๆ
เอ๊าสอคนนัน้นไหนว่าจะไม่มาไง 55

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
มาแล้วครับๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีเปื่อยนิดหน่อย
เลยไม่ได้แต่งเลยครับ แว๊บเข้ามาเห็นเพื่อนๆ แวะมาบ่อยๆ
เลยรีบๆ เข็นออกมาเท่าที่จะพอเอื้ออำนวยครับ 5555
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ มึนๆ อยู่น่ะครับ แหะๆ
ขอให้อ่านอยางมีความสุขนะครับ ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 9



ไม่รู้จะทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ถูก คำพูดและสัมผัสที่แผ่วเบานั้น มั่นใจว่ายังไงก็ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ
ความรู้สึกยังคงอยู่ ยังจดจำได้ดี ...อ่อนโยนแล้วก็หอมหวานแบบนั้น

“ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวดี ปล่อยให้พี่จ้อกับเพื่อนเราตั้งนาน” ผักกาดชะโงกหน้าออกจากครัวมาบ่น
ในมือสาละวนไปกับการคลุกเคล้าน้ำสลัดกับผักในชาม ก่อนที่มือเล็กๆ จะวางทัพพีไม้ลง

“นี่เราไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าแดงๆ”
เดินเข้ามาหาแล้วเอามืออังบนหน้าผากน้องชาย “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”

“ไม่ๆๆ ไม่เป็นอะไรนะเจ้” คะน้าปฏิเสธพัลวัน

“พักนี้แปลกๆ นะน้องชายชั้น เอาเถอะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเลย จะเสร็จละ”
ดันหลังน้องชายกลับเข้าห้องแล้วหันไปหาแขกผู้มาเยือนทั้งสองคน
“หนุ่มๆ คะ ขอแรงให้สุภาพสตรีจะได้ไหมคะ” กระพริบตาวิ๊งๆ ใส่จนทั้งสองยิ้มขำ

“ตุลช่วยเจ้ยกไอ้ที่เสร็จๆ แล้วมาที่โต๊ะที” ว่าแล้วก็เพยิดหน้าไปทางครัว

“ได้เลยคร้าบบบ...” หมอหนุ่มขานรับเสียงยาว ผักกาดหันไปที่ทิมต่อ

“ส่วนน้องทิมเนี่ย ช่วยคลุกสลัดในโบล์ต่อแล้วยกตามมา เข้าใจนะ เจ้กลัวจานแตกหมดบ้าน”

“โห่ยยยยพี่ผักกาด... ก็มันลื่น” เสียงใสจนคะน้าสะดุ้งตัว
ต้องชะโงกออกมามองว่าใช่คนเดียวกับที่รู้จักหรือเปล่า

“ไม่ต้องมาเถียง! เจ้ไม่ชอบ!” หันไปทำตาดุใส่

“ครับ” ทิมถึงกลับก้มหน้างุด จะว่าไปคะน้ากลับไม่แปลกใจอะไรนักที่ทิมจะหงอ
ก็ผักกาดนี่เผ็ด สวย ดุ ของจริง ขนาดเจอบ่อยๆ
เขาเองยังรู้สึกหงอเลยกับสายตาพิฆาตกระต่ายคู่นั้น
มองแล้วก็ถอนหายใจ อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่รู้จักนรกซะแล้ว ทิมเอ้ย

“พอกับเจ้าต่ายเลย ซุ่มซ่ามแล้วยังมีหน้ามาเถียง ไม่ได้เรื่อง”
ได้ยินชื่อ คนที่สลดอยู่ก็หัวเราะขำ

“ก็ไม่งั้นจะคบกับต่ายได้ไงเล่าพี่”
ทิมเย้าเสียงหวานจนคะน้าแทบพ่นยาสีฟันออกจากปาก
ตาโตๆ ทั้งสองข้างแทบจะถลนออกจากเบ้า
มันคือไอ้เห้ เอ้ย! ไอ้เท่จริงๆ เหรอนั่น! แล้วมาต่งมาต่ายบ้าอะไรไอ้นี่

แต่ที่แปลกก็คือผักกาดกลับหัวเราะชอบใจ ไม่รู้ว่าทิมไปทำอีท่าไหน
ถึงสนิทสนมกับพี่สาวเขาได้ไวขนาดนี้ แถมดูเหมือนว่าพี่จะรู้สึกเอ็นดูอีกต่างหาก

ผลัวะ!!!

“โอ้ยยย... เจ็บนะครับ” เอามือลูบแขนป้อยๆ

“ฟาดให้เจ็บ” ผักกาดกระหน่ำไม่คิดชีวิต แม้ไม่ได้เห็นจะๆ กับตา คะน้าก็รู้สึกได้
ถึงสีหน้าที่มีความสุขของพี่สาวตอนที่ได้ทำร้ายร่างกายคนอื่น ...เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

กระทั่งจัดแจงทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย คะน้าก็เดินออกมาแบบงงๆ
ไม่เข้าใจว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาผล็อยหลับไปด้วยความเพลียนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทำไมผักกาดถึงได้ดูสนิทสนมกับสองหน่วยนั้นจนน่าตกใจ ยังไม่ถึงที่โต๊ะดี
ก็ได้ยินบทเพลงสรรเสริญพระบารมีเวอร์ชั่นหมอตุลจากริมฝีปากผู้เป็นพี่สาวเข้าให้อีก

“จุดนี้ เจ้ปลื้มตุลมาก น่ารัก เพอร์เฟ็กต์ ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย แลดู family man สุดๆ”

“โห... พี่ผักกาดก็ว่าไปครับนั่น ผมจะตัวลอยเอาแล้วครับ”
กลั้วเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มพิฆาตมารอีกแล้ว นี่ล่ะนะ พี่สาวเขาถึงได้ใจอ่อนเอา

“ตายจริง ชอบคนอายุมากกว่าไหมจ๊ะเนี่ย” มันขาดคำไหมล่ะนั่น

“แหะๆ พูดแบบนี้ผมก็เขินพอดีสิครับ โอ๊ะ... ต่ายมาพอดี”
ตุลหันมายิ้มให้คะน้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใครต่อใครต้องเผลอไผลยิ้มตาม

“เจ้เผยแพร่ลัทธิอะไรเนี่ย ทำไมไม่เรียกว่าคะน้า” หันไปถลนตาใส่ตุลจนเจ้าตัวยิ้มขำ

“ตัวแสบมาเลยๆ ไปนั่งตรงโน้น ให้ไกลๆ จากเจ้เลย เบื่อแสนเบื่อแล้ว
ตุลมานั่งนี่ เจริญหูเจริญตา ส่วนเจ้าลิงนั่งตรงนี้ แล้วอย่าทำลายข้าวของอีกล่ะ”

“อ้าว ทำไมผมกลายเป็นลิงเล่า” ทิมประท้วง

“บอกว่าอย่าเถียง!” วิศวกรมาดเข้มถึงกับหงอก้มหน้างุดทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป

จัดแจงเสร็จสรรพ ลงท้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มไปด้วยอาหารหอมฉุยฝีมือผักกาด
หญิงสาวนั่งข้างๆ กับทิมโดยมีตุลฝั่งนั่งตรงข้าม
ส่วนข้างๆ ตุลเป็นคะน้าที่ฝั่งตรงข้ามเป็นทิมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กับผักกาดนั่นเอง

มื้ออาหารดำเนินไปด้วยความราบเรียบเป็นปกติสุข
ไม่มีคำถามซักไซ้ใดๆ ที่แปลกประหลาดออกจากปากผู้เป็นพี่สาว
เป็นไปได้มากว่าคงซักไปหมดแล้วในระหว่างที่เขาหลับอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คะน้าหวั่นหวาด
หากแต่เป็นอาการไม่ถูกชะตาระหว่างตุลและทิมต่างหากที่ทำเอาเขารู้สึกหนักใจ
แต่คำแล้วคำเล่าของอาหารที่แสนอร่อยนั้น
กลับไม่มีอาการเขม่นของแขกผู้มาเยือนทั้งสองอย่างที่คะน้าวิตก

“ตุลทานนี่นะคะ เจ้ทำเต็มฝีมือ” ผักกาดตักอาหารใส่จานให้กับตุล

“แค่มันเวฟไม่ใช่เหรอเจ้”

“ยังมีเมนูกระต่ายเผาหนังกรอบ หนุ่มๆ สนใจไหมจ๊ะ”
หันไปยิ้มให้ตุลและทิมก่อนจะเขม่นสายตาพิฆาตไปยังผู้เป็นน้องชายจนสลดจนทิมแอบขำ

“ขำอะไรเล่าไอ้จ๋อ” ยืมนิยามความเป็นทิมมาจากผู้เป็นพี่สาวเล่นเอาผู้ถูกขนานนามถึงกับหน้าหุบ

ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเบาๆ ที่หน้าแข้งจากปลายเท้าของคนนั่งตรงข้าม
คะน้าสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นทิมทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน ซ้ำยังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

โบราณว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ว่าแล้วกระต่ายสุดโหดก็จงใจกระแทกเท้ากลับไปยังเป้าหมาย
เห็นทิมสะดุ้งตัวเล็กน้อยก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่มื้ออาหารจู่ๆ ก็อร่อยขึ้นทันตา

ดูเหมือนว่าคะน้าจะลืมคำลักษณะเฉพาะตัวของคู่ต่อสู้ไปเสียสนิท ‘แรงมาก็แรงไป’
เช่นนั้น แรงกระแทกครั้งล่าสุดจากทิมถึงกับทำให้โต๊ะสะเทือนจนผักกาดและตุลลอบมองด้วยความสงสัย

รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นอมยิ้มแป้นๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามยิ่งแสลงใจ
โบราณว่าไว้ชัยชนะก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตัดสินเสียทุกครั้ง
ว่าแล้วคะน้าก็ตักกับข้าวโปะลงไปบนจานของตุล

“ทานเยอะๆ นะครับหมอ จะได้อ้วนๆ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำไปแบบนั้น

...ปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างนั้นเหรอ?

และแล้วมื้ออาหารที่เงียบสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง กระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
เนื่องจากที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ทำอะไร หน้าที่ล้างจานจึงตกเป็นของคะน้าอย่างไม่ต้องอาสา
ข้าวของต่างๆ ที่มากมายทำให้ตุลเสนอตัวเป็นลูกมือช่วยล้างจานชามกองโตที่หน้าอ่างล้างมือ
ในขณะที่ทิมนั่งคุยกับผักกาดที่โซฟาตัวโตหน้าทีวี

“แย่จังเลยนะครับ ลำบากหมอด้วย”

“เรียกชื่อเถอะครับ นอกเวลางาน ผมก็ไม่อยากเป็นหมอนะ”
ตุลตอบกลับขำๆ พร้อมรอยยิ้มทำเอาคะน้าหัวเราะเห็นด้วย

“นั่นสินะ เหมือนทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลย”

“อาหารอร่ยมากนะครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้ทานอาหารที่บ้านแบบนี้”

“อยู่คนเดียวทำทานเองไม่คุ้มหรือเปล่าครับ เป็นผมก็คงไม่ทำหรอก” ก้มหน้าล้างจานต่อไป

“ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติหรอกครับ มันมีความรู้สึกในนั้น
บรรยากาศของความเป็นบ้านน่ะ ผมไม่ใช่คนทานอะไรยากหรอกครับ”
รับจานจากคะน้าก่อนจะล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดอีกที

“แวะมาทานบ่อยๆ สิครับ พี่ผักกาดคงดีใจแย่” กดฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยฟองแล้วถู

“ครับ” ตุลยิ้มกลับพร้อมตอบรับในไมตรี
ครู่หนึ่งก็เริ่มฮัมทำนองเพลงขึ้นเบาๆ บทเพลงที่คุ้นหูคะน้าอย่างบอกไม่ถูก



ขอ... แค่ใครสักคนที่รักจริง
ขอ... แค่เพียงที่พิงพักใจ
ไม่รู้ต้องทนต้องรอสักเท่าไหร่
จะได้พบใครที่หัวใจนั้นตามหา



“เฮ่... เพลงนี้ ผมจำได้ๆ วันนั้นที่สวนด้านล่าง” ดีใจที่รู้จักเพลงอะไรแบบชาวบ้านเขาด้วย

ตุลไม่ได้ตอบสนองต่อความกระตือรือร้นดีใจแบบเด็กๆ ของคนข้างๆ ตัว
ดวงตาคู่นั้นยังทอแสงอุ่นไปยังคะน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เสียงทุ้มๆ เว้นห้วงด้วยร่องรอยแห่งความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจ
ตุลทอดเสียงช้าลงพร้อมกับแววตาที่คงมั่นไปที่จุดหมายเดิม
สบลึกเหมือนบ่งบอกความหมายที่มากมายในแววตา



ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงาไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืมความเหงาเสียที



ใบหน้าที่อบอุ่นที่จับจ้องมองคะน้าอย่างไม่ละสายตานั้น
ทำเอาคนที่ตัวเล็กกว่ารู้สึกหวั่นไหว กี่ครั้งกี่หน เสียงของตุลก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจเสียทุกครั้ง
...เพลงเพราะอย่างบอกไม่ถูก เนื้อเพลงที่เหมือนเป็นเสียงสะท้อนของความเหงาที่เกาะกุมในใจ
แม้ว่าจะทำให้หัวใจของคนที่ไม่มีใครหลายๆ คนรู้สึกหลงใหล
หากแต่แววตาคู่นั้นและรอยยิ้มที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก
ที่เป็นตัวเร้าความรู้สึกลึกๆ จนหวั่นไหวจนเกินควบคุม


...ทำเอาจานใบใหญ่ในมือเกือบจะลื่นหล่น

เมื่อสติถูกเรียกกลับมาในเวลาที่จวนตัว ทุกอย่างรวดเร็วจนคะน้าทำอะไรไม่ถูก
ลงท้ายก็ได้แต่ปลงเสียแล้วหากจานใบใหญ่ในมือจะหล่นแตกเสียหาย

“โอ้ย!” คะน้าหลับตาปี๋ ไม่อยากจะจินตนาการถึงเสียงจานเวลาตกกระทบพื้นแล้วแตกกระจาย
หากแต่ทุกอย่างยังนิ่งเงียบ เจ้าตัวถึงค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองอย่างหวาดๆ

ตุลเอี้ยวตัวคว้าจานที่ลื่นจากมือของคะน้าไปได้อย่างหวุดหวิด
อารามตกใจทำให้ลืมไปถึงความชิดใกล้ของหัวไหล่ตนเองที่บดเบียดกับแผ่นอกกว้างของคนที่ยืนข้างๆ

“ระวังหน่อยนะครับ” ตุลกระพริบตาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนเป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
แล้วค่อยๆ กระถดตัวออกไปสาละวนกับจานชามกองที่อยู่ตรงหน้า

เสียงทุ้มในระยะประชิดใกล้ของหมอหนุ่มกลับสะกิดในใจของคะน้าให้นึกถึงคำพูดที่ได้ยินในยามหลับใหล





“ผมรักคุณ”




คำพูดที่พาลให้คิดต่อไปถึงสัมผัสนุ่มนวลแผ่วเบาที่อ้อยอิ่งนั้น

...จูบที่ถูกประทับในยามหลับตา

หยุดนิ่งทุกอย่าง ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ อีกต่อไป ไม่หยิบจานชามมาเช็ดล้าง
ไม่แม้แต่ความรู้สึกที่อยากจะหายใจ มีเพียงความรู้สึกสงสัยที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมอง

...ใครสักคนในที่นี้ ที่พูดคำนั้นกับเขา

...ใครคนนั้น ที่ฝากความหวานฉ่ำไว้บนริมฝีปาก



“หรือว่า...” เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“ครับ?” ตุลหันกลับมาถามด้วยแววตาสงสัย

“เมื่อกี้ตอนที่ผมนอน...” มีคำพูด คำถามนับร้อยๆ คำ
อยากเอ่ยออกไป แต่มันก็จุกแน่นอยู่แค่นั้น

“ครับ?” หันกลับมามองทั้งตัว

“เอ่อ...”

ก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะถามออกไปตรงๆ มันก็ช่างแปลกประหลาด
...โกรธไหม ...โมโหหรือเปล่า บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก มีความรู้สึกร้อนในอก
แต่ไม่ใช่เพราะโทสะหรือความไม่พอใจ ความรู้สึกในตอนนี้ที่มี
ต่างกับความรู้สึกเหล่านั้นมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้าม

ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ ...แปลว่าลึกๆ แล้วพอใจ?

เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า



...แล้วถ้าเป็นตุลจริงๆ




(ยังมีต่ออีกเพียบครับ!)  :o8:
เครดิต: เพลง ใครคนนั้น ของ Jetseter ครับ

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อนะครับๆ)





...แล้วถ้าเป็นตุลจริงๆ

แว๊บหนุ่งก็หวนไปคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่อ่อนวัยกว่า
คะน้าค่อยๆ เหลือบมองไปในกระจกที่สะท้อนเงาด้านข้างๆ
เห็นสายตาที่จ้องเขม็งที่เขาอย่างไม่วางตา ท่าทีที่หัวเสียแสดงออกมาด้วย
อากัปกิริยาที่ลุกลี้ลุกลนจนเหมือนอยู่ไม่เป็นสุขจนผักกาดหันไปถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรเหรอทิม ดูกระสับกระส่ายแปลกๆ แฮะเรา”
คำถามของผักกาดทำเอาตุลเห็นกลับไปมองด้วยเช่นกัน

“เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ” จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดพราดจนผักกาดก็สะดุ้งเล็กน้อย

“ขอบคุณมากสำหรับอาหารครับ ผมขอตัวก่อนครับ” แล้วร่างสูงก็ออกจากห้องไป
ไม่แม้แต่จะหันมาเอ่ยคำลากับคะน้าจนผักกาดถึงกับรำพึงกับดัวเองด้วยความมึนงง

“บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไปเลยแฮะ พิลึกมากเจ้าลิงนี่”

หากแต่ผู้เป็นน้องกลับรู้สึกเคยชินจนไม่คิดตั้งคำถามสงสัย
...จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นทิมจะพูดอะไรสักคำ อยากมาก็โผล่มา
อยากไปเมื่อไหร่ก็หายไปเหมือนกับสายลม ไม่เห็นจะพูดจะจาอะไรแบบคนปกติสักครั้ง

ไม่นานนักจากชามกองใหญ่ก็ถูกเช็ดทำความสะอาดและวางคว่ำจนเรียบร้อย
ตุลนั่งคุยอยู่กับผักกาดและคะน้าอีกสักพัก
ก็ขอแยกตัวกลับไปห้องของตนเอง คะน้าจึงเดินออกไปส่งที่หน้าประตู
นับว่าเป็นโอกาสเหมาะสำหรับผักกาดที่จะยัดเยียดหน้าที่สุดพิเศษให้กับน้องชายอีกครา

ถุงขยะแยกประเภทถูกยัดใส่มือของคะน้า
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ฝากเดินออกไปหย่อนตรงช่องทิ้งขยะด้วยสิต่ายน้อย”

“เอ่อ... อย่าเรียกแบบนี้สิเจ้” รู้สึกกระดากเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกครอบครัว

“ก็น่ารักดีออก ว่าไหมตุล ออกจะเหมาะ”

“ฮ่ะๆๆ จริงครับ” เพื่อนบ้านผู้แสนดีกลับเห็นดีเห็นงามไปด้วยซะงั้น

คะน้าและตุลจะเดินออกไปทิ้งขยะด้วยกันที่ช่องทิ้งขยะที่ถัดจากลิฟต์ไปไม่ไกล
คะน้าหันมาขอบคุณตุลอีกครั้ง “ตอนแรกคิดว่าหมอจะไม่มาแล้ว”

“ถ้าเป็นหมอคงไม่มาล่ะครับ เพราะหมอต้องอยู่โรงพยาบาล
นอกเวลางาน ผมก็แค่คนธรรมดาแหละครับ”

“ฮ่าๆๆ นั่นสินะครับ ผมก็ติดปากเรียกว่าหมอเอาตามเจ้ทุกที”
ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความเก้อเขิน

“ไปเดินเล่นๆ ย่อยอาหารด้านล่างกันไหมครับ”
ตุลหันมาเชื้อเชิญ “หรือง่วงนอนอีกแล้ว”

“ไม่แล้วล่ะครับ หลับซะเพลินเลย
เดินเล่นก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ลดพุงซะหน่อย”

กดลิฟต์ลงไปยังชั้นกลางที่เป็นพื้นที่ส่วนรวม จุดหมายคือสวนหย่อมเล็กๆ
ที่ไว้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย ประตูลิฟต์เปิดออก
คะน้าก็เดินตัวฉิวออกไปโดยมีตุลเดินตามหลังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยกว่าทุกที

“ไปตรงนั้นไหมครับ” ชี้มือไปเก้าอี้นั่งที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อตุลพยักหน้า คะน้าก็กระโจนไปเหมือนกระต่ายตัวน้อยๆ ที่กระโดดเล่นอยู่ในสวน

“ทำไมถึงต้องเดินมาไกลขนาดนี้ด้วยนะ”
ตุลถามขึ้น แต่ก็ก้าวตามคะน้าไปยังที่หมาย

“ก็ที่นี่เราพบกันครั้งแรกไง” คะน้าหันมายิ้มตาใส

“จำได้ด้วยหรือครับ”
ร่างสูงผ่อนลมหายใจคลายความตึงเครียดที่มี รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า

“ก็ไม่ได้ลืมอะไรง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย”

“ดูเหมือนกับต่ายมีอะไรจะถามผมหรือเปล่านะครับ ท่าทางดูแปลกๆ”

“เอ่อ...” ไม่คิดว่าจะถูกอ่านได้ง่ายๆ อย่างนี้
แม้จะรู้สึกง่ายขึ้นที่ตุลเกริ่นนำให้ถามได้แล้ว หากแต่อะไรๆ กลับดูไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาเสียเลย
คะน้าถอนหายใจหนักๆ อย่างจนปัญญา ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าจะพูดจาหรือสอบถามอะไรออกไปดี
ตุลลากเท้าเดินตามมาทีหลัง สบตาคะน้าอย่างเข้าใจในทุกๆ อย่าง




“รู้สึกตัวสินะครับ ตอนนั้นที่คุณหลับอยู่”

ตุลก้มหน้าลงต่ำ หลบสายตาด้วยความรู้สึกผิดในใจ

คะน้าสัมผัสได้ถึงความฝืดสากในคอเมื่อพยายามที่จะน้ำเหนียวลงไป
ตุลกำลังจะพยายามพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนกับว่า
กำลังจะคลี่คลายบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คะน้ารู้สึกสับสนอยู่ในเวลานี้




“ขอโทษ ...สำหรับทุกสิ่ง”

เงยหน้าขึ้นสบตาของคะน้าด้วยแววตาที่มั่นคง ร่างสูงยืนนิ่ง
ผิดกับท่วงทาปกติที่คะน้ามองเห็นจนคุ้นเคย ตุลในเวลานี้ดูจริงจังจนดูแปลกตา
ไม่มีเค้าของความขี้เล่นบนริมฝีปากที่เจ้าตัวมักขยับขึ้นไปมาตลอดเวลา




“ผมเป็นคนที่จูบคุณเองครับ”

คะน้ายืนนิ่ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบตรงไปตรงมาอย่างนี้
กับความสงสัยมากมายที่อัดแน่นภายในใจมาโดยตลอด
...เป็นตุลอย่างนั้นหรือ คนที่จูบเขา แล้วคำพูดนั้นที่ได้ยิน
มันคือความรู้สึกของตุลอย่างนั้นหรือ ทำไมที่ผ่านมาถึงไม่เคยรู้สึกเอะใจเลย

ไม่ได้รังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกัน ไม่ได้นึกรังเกียจตุล ...สักนิดก็ไม่เคย
แต่มันรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็มีคนมาจูบ มีคนมาบอกรัก
คนแบบเขาน่ะหรือที่คนอย่างตุลมองหา ...มันเป็นไปได้จริงๆ น่ะเหรอ

ใบหน้าของคะน้าเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ความสงสัยต่างๆ ที่อัดแน่นจนซุกซ่อนจากสายตาของตุลไม่อยู่




“และถ้าเครื่องยืนยันนั้นคือจูบนั่น ผมจะพิสูจน์เอง”

ตุลขยับตัวเข้ามาแนบชิด สบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แปลกออกไปจากทุกที
ริมฝีปากที่ดูนุ่มนวลนั้นยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
รู้สึกแปลกกับตัวเองทุกครั้งที่ความใกล้ชิดของคนที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างทิม
หรือแม้กระทั่งตุล ที่กลับทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะปกติสักครั้ง

มือกว้างๆ ยกขึ้นลูบเบาๆ บนศีรษะก่อนลากลงมาบนแก้มแล้วช้อนยกใบหน้าของคะน้าให้เงยขึ้นสบตา
ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าตุลเป็นผู้ชายที่ดูดีอย่างเหลือเชื่อ ผิวขาวละเอียดถูกดูแลจนสะอาดสะอ้าน
ผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากเล็กน้อยกลับทำให้คิ้วเข้มๆ นั้นดูโดดเด่นขึ้น
ดวงตาที่ดูเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ในนั้นตลอดเวลาเป็นประกายวาวใสจนน่าหลงใหล
จมูกที่เป็นสันสูงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหาจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นแผ่วๆ ที่ลามไล้บนใบหน้า




“หลับตานะครับ...ต่าย”

ราวกับต้องมนตร์ คะน้าค่อยๆ หลับตาลงอย่างไม่รู้สาเหตุ
ได้ยินเสียงทุ้มๆ หัวเราะอย่างอารมณ์ดีในลำคอเจือมากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมบนร่างกาย
เสียงลมหายใจค่อยๆ ได้ยินชัดขึ้น ...ชัดขึ้น และไออุ่นนั้นก็ใกล้ชิดจนร้อน




“น็อคๆ”

เสียงทุ้มกังวานขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแทนที่จะเป็นเสียงเคาะประตูแบบที่ควรจะเป็น

“จะทำอะไรกับพี่ชายของผมน่ะ”

น้ำเสียงที่เจือด้วยความไม่สบอารมณ์แทรกมาทางด้านหลัง
ทำให้สองคนหันกลับไปมองที่ต้นเสียง ร่างของชายหนุ่มรุ่นน้องยืนอยู่ด้านหลังไม่ห่างออกไป
แม้ในระยะไกลก็สัมผัสได้ถึงแววตาที่แข็งกร้าวที่จ้องมอง
ทิมค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วแทรกตัวขวางตรงกลางระหว่างตุลกับคะน้า
วิศวกรหนุ่มมองหน้าคนที่สูงพอกันแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เกือบเหมือนจะเกิดขึ้น

“แบบนี้ก็แย่นะ” แสยะยิ้มพร้อมกับดวงตาที่ลุกวาว

“หึหึ ก็ความรู้สึกดีๆ ไม่มีเหตุผลอะไรให้เก็บงำนี่นะ”
ตุลยิ้มกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเคย
สบตาอีกฝ่ายกลับแบบไม่ได้รู้สึกใดๆ กับการปรากฏตัวของอีกคน

“ว่าไหมครับ...น้อง”

จังหวะที่เว้นช่วงเหมือนจะเน้นเพื่อความนัยยะบางอย่างแก่ผู้ฟัง
ลงท้ายกลายเป็นทิมเองที่เจื่อนรอยยิ้มลงด้วยใบหน้าที่ดูเกรี้ยวกราด

คะน้ากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เห็นทีว่าจะเป็นอย่างที่คนเขาบอกจริงๆ ว่า
คนที่เป็นหมอมักรับกับแรงกดดันได้สูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัลยแพทย์แล้วนั้น
การลงมีดแต่ละครั้งต้องมั่นใจเพราะนั่นหมายถึงชีวิตหนึ่งชีวิตที่ฝากอยู่ในมือ
หากแต่เมื่อมองไปอีกด้าน ก็เห็นสันกรามที่ถูกขบแน่นจนกล้ามเนื้อเด่นนูนขึ้นชัดบนใบหน้าคม
คล้ายกับระเบิดที่รอเพียงแค่ประกายไฟน้อยนิดเพื่อจุดชนวน
คนอย่างทิมดูเหมือนจะไม่รับกับแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าเรื่องนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

...ไม่ใช่ว่าทนไม่ได้หรอก หากแต่เลือกที่จะไม่ทนมากกว่า

ไม่มีคำพูดที่พยายามปรุงแต่งใดๆ ให้ดูเหมือนคำทักทายอีกแล้ว
ไม่มีรอยยิ้มใดที่เคลือบแฝงให้คาดเดา ดวงตาที่แข็งกร้าวไม่ได้ดูขี้เล่นหยอกเย้าใดๆ
มีเพียงความไม่พอใจที่ฉายชัดอย่างไม่ปิดบัง
แววตาที่แหลมคมและดุดันคู่นั้นเต็มไปด้วยความผยอง
...สายตาที่คมคายของนกอินทรีที่พร้อมจะห้ำหั่นสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างที่หมายไว้

หากแต่ที่ทุกอย่างยังดูเงียบสงบและราบเรียบราวกับผิวน้ำในท้องทะเล
เป็นเพราะคนอย่างตุลฉลาดพอที่จะไม่เล่นไปตามเกมที่เต็มไปด้วยโทสะนั้น

หมอหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ชิดคะน้าอีกครั้ง
ร่างสูงค่อยๆ โน้มตัวลงมาแล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
หากแต่มันก็ยังดังพอที่คนที่อยู่ใกล้ๆ อีกคนจะได้ยิน

“คิดว่าผมโกหกหรือพูดความจริงล่ะครับ”
รอยยิ้มที่น่ามองนั้นทำเอาคะน้าทำอะไรไม่ค่อยถูก
รู้สึกร้อนวูบไปทั่วหน้าจนต้องเลี่ยงสายตาที่จ้องมองคู่นั้น
จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าจะหายใจไม่สะดวก
พยายามจะหาคำตอบให้กับอาการแปลกๆ ของตัวเองเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักที

“หึ... ช่างเถอะ” จู่ๆ ตุลก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม

“เอ๊ะ? ทำไมเหรอครับ”
เงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ ดวงตาใสเบิกกว้างด้วยความสงสัย
ตุลค่อยๆ เอื้อมสองมือขึ้นมาขยี้หัวคะน้าเบาๆ และยิ้มสดใส

“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกครับ”

ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอย่างไม่วางตาพร้อมรอยยิ้มที่พร่างพรายนั้น
สายตาที่ดูอบอุ่นของตุลค่อยๆ มองสำรวจไปบนตัวของคะน้าทีละส่วนๆ
ไล่จากดวงตา ค่อยๆ ลามลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำตัวสมส่วนนั้น
เพียงครู่เดียวแววตาที่เคยนุ่มนวลก็ตวัดขึ้นมองจ้องที่ริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
...จ้องมองจนรู้สึกเขิน ยิ่งใกล้ชิด ก็ยิ่งทำให้หัวใจมันสั่นๆ อย่างบอกไม่ถูก
สบตาก็เห็นแต่แววตานั้นที่มองจ้องพร้อมรอยยิ้มที่ตรึงสายตาจนไม่อยากจะขยับ

ตุลขยับริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย ปลายลิ้นสีระเรื่อจงใจยั่วเย้าด้วยการลามเลียบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ
ดวงตาที่วับวาวกลิ้งกรอกราวกับหยดน้ำใสหยุดลงบนใบหน้าของคนข้างหน้าที่กำลังร้อนผ่าว
ก่อนที่ริมฝีปากของตุลนั้นจะถูกขบด้วยฟันของผู้เป็นเจ้าของจนมันฉ่ำฉาน




“คิดว่าผมได้รับคำตอบที่ดีมากๆ แล้วล่ะครับ”



(เหลืออีกอันครับ มีต่อๆๆ)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(สุดท้ายละ ยิ่งแต่งยิ่งยาว ไม่รู้ทำไม)  :o8:






“คิดว่าผมได้รับคำตอบที่ดีมากๆ แล้วล่ะครับ”

เล่นเอาทำอะไรต่อไม่ถูก ถึงกับไม่รู้จะทำยังไงดี
มือไม้จู่ๆ มันก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเกะกะไปเสียหมด
คำพูด ท่าทาง หรือแม้แต่การแสดงออกของตุลเล่นเอาคะน้าไปไม่เป็น

“ได้เวลาที่ผมต้องไปเข้าเวรแล้วล่ะครับ ยังไงคงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ”
แม้ว่าปิดตาจนมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงทุ้มๆ ของตุลนั้น
ยังคงแจ่มชัดไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงไหลนั้น
ปลายนิ้วค่อยๆ ลูบไปบนผมของคะน้า ...ลากไล้เบาๆ

“รู้ไหมครับคุณกระต่าย ผมยังไม่อยากไปทำงานเลย”
ดึงเศษใบไม้เล็กๆ ที่ติดผมคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาชูตรงหน้าแล้วบิดเล่นไปมาในนิ้วมือ
...ไม่รู้ว่าไอ้ใบไม้ที่กำลังกวัดแกว่งตรงหน้านั้นหรือหัวใจที่มันแกว่งไกวไปมากกว่ากัน

ครู่นั้นก็มีแรงลมเป่าจากอีกด้านจนเศษใบไม้เล็กๆ บนมือตุลปลิวร่วงไป
ทิมนิ่งเฉย ไม่ได้พูดจาใดๆ ดวงตาคมจ้องมองตุลแบบท้าทายอยู่ในที
หมอหนุ่มมองกลับอย่างไม่หลบสายตา สีหน้าและดวงตาเรียบเฉยแบบทุกที
ตุลค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะขอตัวเดินจากไปพร้อมกับท่าทางฟึดฟัดของคนที่ยืนอยู่ที่เดิม

คะน้ามองทิมด้วยความรู้สึกหวั่นๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
แล้วก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นดีไหม
แต่ก็หาคำตอบให้กับตัวเองว่าจะอธิบายไปทำไมในเมื่อทิมก็คงไม่ได้อยากจะฟัง

“เอ่อ... ไปกินติมกันไหม คิดว่าที่ห้องน่าจะมี”
...งี่เง่า ...โคตรงี่เง่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้
คนที่ตัวสูงกว่าแค่หันกลับมามอง แววตาคู่นั้นแทนทุกคำตอบได้ดี
...แม่งเอ้ย เจ็บปวดกว่าที่กูด่าตัวเองอีก

“เอ่อ... เรื่องของเรื่อง... คือเมื่อกี้นี้น่ะ”
ลงท้ายก็รู้สึกอึดอัดกับตัวเองจนต้องพูดออกมา
คิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าจะพูดถึงอะไรบ้าง

...ในฐานะเพื่อนไง เพื่อนก็ปรึกษาเพื่อน มันก็เรื่องปกติแหละ

“จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรหรอก เข้าใจผิดกันไปเองน่ะ ฮ่าๆๆ”
หัวเราะทั้งๆ ที่ไม่รู้จะหัวเราะไปทำไม
ยิ่งเจอสายตาของทิมที่เหลียวกลับมามองยิ่งรู้สึกอึดอัด
ไม่ชอบความรู้สึกตัวเองในตอนนี้แล้ว แต่กลับไม่ชอบสายตาแบบนั้นของทิมมากกว่า

“...เข้าใจว่า?”

“เข้าใจว่าตอนที่หลับอยู่ในห้องน่ะ ตุล...”
ชะงักเพราะไม่รู้จะพูดยังไงต่อไปดี ไม่อยากพูดถึง แต่ก็อยากอธิบาย

“ทำไม?”

“ไม่ทำไมนี่นา ฮ่าๆๆๆ” เหลียวไปมองเจอตาดุๆ คู่นั้น
ไม่รู้ทำไมรู้สึกสลดๆ กับมุกควายของตัวเองพิกล

“มันทำไม”

“เอ้ย! ทำไมไปเรียกตุลแบบนั้นล่ะ เค้าเป็นรุ่นพี่ทิมนะ”
คะน้าตกใจและแปลกใจ ไม่คิดว่าจะไม่ชอบหน้าขนาดนั้น

“ไม่ชอบขี้หน้า”

“เฮ้อ... ไปคิดอะไรแบบนั้น” คะน้าถอนหายใจ
ไม่รู้จะทำยังไงกับอาการไม่ชอบหน้ากันของคนทั้งคู่ดี
เดินเคียงไปด้วยกันเรื่อยๆ ในพื้นที่คอนโด
บ่อยครั้งที่คะน้าเห็นว่ามีคนเหลียวมองเป็นระยะๆ ตลอดทาง

หันไปมองหน้ารุ่นน้องที่เดินข้างๆ ดูเหมือนว่า
เจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ กับสายตาที่จ้องมองแบบไม่วางตาเหล่านั้น
อันที่จริงดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ในสายตาของทิมเลยด้วยซ้ำ

“ลงมาเดินเล่นเหรอ” คะน้าถามขึ้น
ทิมหันกลับมามองแล้วเบือนหน้ากลับไปตามเดิม

“ไหนว่าจะไม่มา” คะน้าพูดครั้งมาอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบา
และก็อีกคราวที่ทิมไม่ได้ตอบในสิ่งที่ถาม หากแต่กลับกลายเป็น...

“คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
จู่ๆ ก็ถามขึ้นจคะน้าปรับความรู้สึกไม่ถูก

“หืม?”

“ถามว่าคิดว่าไอ้หมอนั่นมันโกหกหรือพูดความจริง”
สิ้นเสียงกระชากจนกร้าว คนตั้งคำถามหันกลับมาจ้องเขม็ง



“....................”

“เงียบทำไม?”

“ไม่รู้”

“ไม่รู้? ไอ้บ้าเอ้ย!”
ปลายเสียงเหมือนสบถกับตัวเองเสียมากกว่าจะพูดกับคนข้างๆ

“ผมไม่รู้จริงๆ เหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ เหรอ คือ...”
คนอายุมากกว่ามีสีหน้ากระดากเล็กน้อยที่จะพูดถึง “...คือไงล่ะ เราเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ”

“หึ...”

ทิมแค่นหัวเราะในลำคอแล้วเดินต่อไปเงียบๆ
คะน้าจึงก้าวเดินไปข้างหน้าตามทิมไป
จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าทิมจะชะลอฝีเท้าจนระยะห่างค่อยๆ แคบลง

“ถ้าบอกว่าไอ้หมอนั่นมันโกหกล่ะ”

“หืม? โกหกเหรอ” คะน้าหยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้าขึ้น
มองคนที่ยืนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

“ถ้าบอกว่าหมอนั่นมันโกหก
ไม่ใช่เรื่องจริงอะไรทั้งนั้นล่ะ จะเชื่อกันไหม?”

ทิมสบตาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายความหมายได้
ในดวงตาสีดำคู่นั้นเหมือนซุกซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ในสีดำที่ดูลึกล้ำ
อะไรบางอย่างที่ไม่ว่าคะน้าพยายามค้นหาแค่ไหนก็หาสิ่งนั้นไม่เจอ

“เอ่อ... ทิม”



...ความรู้สึกบางอย่าง เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอก

...สงสัย รู้สึกสงสัยจนไม่อยากเก็บเอาไว้ในใจอยู่อย่างนี้

...จะเป็นไปได้ไหม ที่บางทีนั้น อาจจะ... อาจจะเป็น...




“....คงไม่ใช่ว่า” คะน้าพูดออกไปทั้งที่เสียงสั่นๆ
ไม่รู้ว่าจะดีไหมกับความสงสัยที่มีในหัวสมอง

“อะไรเหรอ”

“เอ่อ...” รู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะพูดยังไง กระอักกระอ่วน
กระดากและไม่คิดว่าสมควรหรือเปล่าถามออกไปแบบนั้น
แค่เพียงคิดยังไม่รู้ดลยว่าเหมาะสมไหม เพราะเท่ากับว่า...

...แค่เพียงคิดก็รู้สึกแน่นในใจอย่างบอกไม่ถูก

เพราะความที่ง่ายต่อการอ่านความรู้สึก
อาการแปลกๆ ของคะน้าทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับกลั้วเสียงหัวเราะ

“ทำไมจะต้องทำอะไรงี่เง่าแบบนั้น” ทิมถามกลับพร้อมรอยยิ้มขบขัน

“เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ไม่บ้าไปหน่อยเหรอ”
คนที่ฟังได้แต่ก้มหน้างุด รู้สึกกระดากจนไม่รู้จะวางตัวยังไง

“เอ่อ... นั่นสินะครับ” หากแต่ท่าทางของคะน้า
กลับเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายยิ่งรุกคืบ



“คิดว่าผมชอบพี่แบบนั้นเหรอ”

“เปล่าๆ ไม่..” ยังไม่ทันสิ้นประโยค
เสียงหัวเราะยวนของอีกฝ่ายก็สวนขึ้นมาทันที




“หึ... หรือเพราะว่า...”

ทิมสาวเท้าเข้ามาใกล้ ความสูงที่หลั่นกันทำให้เขาก้มลงมองใบหน้าของคะน้าที่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อย
ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวกลับมาดูแวววาวอย่างประหลาด
...แววตาที่เหมือนกับค่ำคืนนั้น ราวกับหมุดแกร่งที่พันธนาการทุกสิ่งไว้อย่างแน่นหนา
แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วหากแต่ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในขณะนั้น
คะน้ายังจดจำมันได้ดี ริมฝีปากของทิมค่อยๆ แย้มกว้างก่อนกล้ามเนื้อที่มุมปากจะถูกยกขึ้นสูง
แปลกที่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกเดียวกับรอยยิ้มของตุล

สำหรับตุลแล้ว คะน้าคิดเสมอว่ารอยยิ้มของเขามันเหมือนกับ
ช่วงเวลาที่เราได้รับกล่องของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่ที่เฝ้ารอคอยมานานเป็นปีๆ
และแล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่เนิ่นนานนั้นก็ได้สิ้นสุดลง
ทั้งดีใจ ทั้งปลาบปลื้ม จนอยากจะกอดกล่องของขวัญนั้นไว้แน่นๆ แนบกับตัวตลอดเวลา

หากแต่รอยยิ้มของทิมกลับเป็นเหมือนช่วงวินาที
ที่เราค่อยๆ คลายริบบิ้นที่หุ้มห่อกล่องของขวัญชื้นนั้นออก
วินาทีสั้นๆ ที่เราไม่รู้ว่าข้างในนั้นมันมีอะไรรอเราอยู่
เป็นเพียงช่วงวินาทีสั้นๆ ที่ทำให้เราตื่นเต้นและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน




“หรือเพราะว่าอยากให้คนนั้นเป็นผม”

เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้างุด ทิมก็โน้มตัวเองให้ต่ำลง ใบหน้าคมเอนลงต่ำช้าๆ
ก่อนที่สายตาที่ยียวนนั้นจะช้อนขึ้นอย่างเจตนามองลึกลงไปในดวงตาของคะน้า




“ว่าไง?”


...เหมือนกับความรู้สึกที่หลากหลายมากมายในใจนั้นค่อยๆ ถูกปลดปล่อย

เบือนหน้าหลบไปอีกทาง หากแต่รอยยิ้มและดวงตาวาวคู่นั้นก็ยังตามมาประชิดอยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มที่เกินจะคาดเดาความหมายของใครคนนั้นเหมือนกำลังรอคอยคำตอบจากคนที่ยืนสั่นๆ อยู่

...ค่อยๆ คลายออก

...ช้าๆ

...ในวินาทีที่ริบบิ้นสีแดงค่อยๆ ถูกคลายออก






“หึ้มมมม...”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



:เฮ้อ: จบตอนซะที มันจะบ้าแต่งอะไรของมัน 5555
ตอนนี้แต่งด้วยความสะลึมสะลือจริงๆ ถ้ามันมีช่วงไหนดูแปลกๆ ขอโทษด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ คำแนะนำ และที่แวะมาทักทายกันนะครับ
อ่านทุกๆ คอมเมนต์แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก เชื่อแล้วว่านักอ่านในบอร์ดนี้เทพมากจริงๆ
เก็บได้ทุกๆ รายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ!!! ชื่นชมมากๆ ครับ เก่งมากกกก  o13

อยากแวะมาคุยกับเพื่อนๆ จังเลยแฮะ แต่เพลียๆ อยู่ ขอตัวไปสลบก่อนล่ะครับ
เอาเป็นว่า +1 ให้เพื่อนๆ ทุกๆ คนนะครับ แหะๆ ก่อนจากกันนี้ มาม๊ะๆๆ ขอกอดสักที

 :กอด1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
กรี๊ดดดด ร้อยแปดสิบเดซิเบล
ยกนี้ให้ทั้งสองคนเสมอกัน
แต่ยังคงเชียร์ทิม
หมอมันเป็นได้แค่พระรองนะเออ 5555
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2012 22:22:41 โดย Rafael »

Aksel

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์ทิมต่อไป(ถือป้ายไฟ)  อยากอ่านต่อ แอบค้าง :o12: 

ขอให้เป็นทิมเหอะ~ :call: :call:

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
ยาววววว สะจาย ชอบ  :laugh:

สรุปคนจูบคือหมอเรอะ เจนเทิ้ลล :o8:
ทิมนี่ก็มาแรงตลอด พูดนิดๆหน่อย 'หืมมมม?' แต่ฮอทเว่อออออออ 555555555555

มิใช่ตอนจบ ทิมกะหมอได้กันเอง เย้ย

 o22

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โอ๊ยยยยๆๆๆคนอ่านใจสั่นไปหมดแล้ว :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ยังไงก็เชียร์ทิม อ่านแล้วมึนตามคนเขียนอ่ะ 555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อย่างนี้น้องต่ายน้อยของเราจะไปทันเล่ห์สองหนุ่มได้ไง
ถึงจะยังไม่เลือกใคร แต่เอนเอียงมาทางทิมใช่ไหมล่ะต่ายน้อย

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ริบบิ้นหลายออก = รู้ใจตัวเองแล้วสินะคะน้า 5555555

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
"หึ้มมมม..." เดียวเท่านั้น ทำเอาเราตายสนิทอ่ะ
เท่ไปแล้ววววววว
คะน้าจะคิดเป็นอื่นไปได้อย่างไร
ก็ต้องอยากให้เป็นทิมทิมอยู่แล้วล่ะนะ
เชียร์ทิมทิมนะ ไอ้ลิงน้อย

faratellll

  • บุคคลทั่วไป
เป็นหญิง เป็นนางไปปล่อยให้เค้าจูบได้งัย นู๋คะน้า
แต่ ขอยกเว้นนู๋ทิม คนนึงละกัน  :laugh:

P.S. เค้าว่านะไม่ใช่หมอตุลหรอก มันดีเกินไปไม่กล้าจูบหรอก  :z2:

Panny

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงงงงงงงง
แต่นาทีนี้ อยากรู้ว่าเจ้าหมอกับเจ้าจ๋อเนี่ยจะรุมปั่นหัวต่ายน้อยทำไม๋ สงสารเห้อ

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ชอบเวลาคะน้าอยู่กับทิมนะ มันเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษอ่ะ พิเศษมากกว่าใครๆ

แต่ตอนนี้แบบไม่ไหวแล้ววววววทั้งตุลทั้งทิม คนอ่านจะเขินตาย  :z3:
ตกลงใครเป็นคนบอกรักคะน้า? ใครกัน?

ยังไงเราก็เชียร์ทิมจ๊ะ *ชูป้ายไฟทิม*

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ปกติเวลาอ่านเราจะอยากเป็นพระเอก แต่เรื่องนี้เรื่องเดียว เค้าอยากเป็นต่ายมากกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย ชอบมาก ยกนี้ให้เสมอค่ะ แต่ใจยังชอบทิมอยู่นะ ผู้ชายอะไร๊ น่าจับทำซะมี

รออ่านตอนต่อไป มายาวๆแบบนี้อีกนะ ที่จริงอยากอ่านทุกวันเลย 5555
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ  :กอด1:

cotone

  • บุคคลทั่วไป
เอาตรงๆก็คืออ่านแล้วมึนๆตั้งแต่บทที่ไปห้องทิมแล้วค่ะ แต่จะทำตีเบลอมันไปเพราะยังไงคะน้าก็ดูเป็นคนมึนๆกับชีวิตอยู่แล้ว

เหมือนจริงๆยังมีปริศนาเรื่องกระต่ายน้อยอีกตั้งเยอะ รอดูต่อไปละกันค่ะ

คนเขียนเมามาอัพเราเข้าใจ เพราะเราก็เมามาอ่านเหมือนกัน55555

ไม่รุ้เคยบอกรึยังแต่ถ้าเคยบอกแล้วก็ย้ำอีกรอบค่ะ ชอบชื่อเรื่องอ่ะ!

ปล. เรายังเป็นแม่ยกทิมเสมอ ฮ่าๆๆๆๆๆ หมอตุลย์พลาดแล้วล่ะที่ทำตัวเจ้าชู้ไปตอนนึง เราเป็นคนจำฝังใจนะเออว์ ยังไงก็เชียร์น้องทิมอ่ะงานนี้ หมอที่ไม่ค่อยมีเวลารึจะสู้หนุ่มวิศวะ55555

BONE

  • บุคคลทั่วไป
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
มาแบบเท่ๆ เลยนะ จะบ้าตายอยู่แล้ว~
ตอนแรกก็แอบใจแป้ว หรือว่าคะน้าจะชอบหมอไปแล้วว้า~
เวลาอยู่กับหมอทำไมดูหวั่นไหวจังเลย แต่พออ่านมาเรื่อยๆ
คะน้าเปรียบรอยยิ้มของหมอเหมือนของขวัญที่รอมานาน
แต่ในขณะเดียวกันก็เปรียบรอยยิ้มของทิมเหมือนของที่อยู่ในกล่องของขวัญ
สำหรับเราแล้ว แม้ว่าจะตื่นเต้นกับกล่องของขวัญเพียงใด
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะให้ความสำคัญก็คือของที่อยู่ในกล่องอยู่ดี...
ขอให้คะน้าคิดเหมือนเราด้วยเถอะ ไมใช่ว่าพอเห็นความรู้สึกตัวเองจริงๆ
กลับกลายเป็นชอบหมอนะ ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะ...
ร้องไห้เป็นเพื่อนทิมจริงๆ ด้วย T^T

ขอบคุณนะคะ *โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ยาวสะใจมาก เสียงหึ้มมมมสุดท้ายอย่าบอกนะว่า...

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ความรู้สึกคะน้าระหว่างได้ของขวัญกับตอนเปิดของขวัญ ต่างกันยังไงนี่

ทิมสู้ๆ  :ped149:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านเรื่องนี้
แต่ว่าติดมากๆเลยค่ะ ><
จะติดตามต่อไปน้า

สุดท้ายแล้วใครจะเป็นพระเอกน้อ ?? :confuse:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ถ้าคนจูบเป็นหมอจริง ๆ ละก็ *ล้มโต๊ะ

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
แอบย่องมาดึกๆ แวะมาคุยกับเพื่อนๆ นะครับ พอดีเพิ่งฟื้นขึ้นมาใหม่ เหอๆๆ
คือเนื่องจากว่าไม่ได้คุยกันมานานมากๆ แล้ว ขออนุญาตตอบแบบรวมๆ แล้วกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเป็นพวกโรคตามใจคนเขียน คือชอบรีเควสทิม หลังๆ ก็เลยมีทิมโผล่มาให้บ่อยๆ
แถมออกมาก็มักจะขโมยซีนตามที่เห็นน่ะนะ ทำไงได้ล่ะ ของแกแรงจริง แม่ยกเพียบเนอะ 555
คือเรื่องนี้ แต่งตอนต่อตอนน่ะครับ ไม่ได้วางโครงเรื่องอะไรทั้งสิ้น มีบ้างที่คิดๆ ไว้
พอถึงเวลาอ่านคอมเมนต์ทีไร คนแต่งสยบตามคอมเมนต์เอาซะทุกทีสิน่า แพ้ทางอย่างแรง
แถมเป็นพวกบ้ายออีกต่างหาก คราวก่อนพิมพ์ไป ปรากฏว่าดันมีเพื่อนๆ ยุให้อีก
เดี๋ยวหายวุ่น หายป่วนก่อนนะ จะปั่นมาบรรณาการให้อ่านกันตาลายไปข้างทีเดียว เหอๆๆ

เรื่องการเขียน มันก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เสถียรจริงๆ ครับ น้อมรับโดยดุษณี มึนๆ เอาซะมาก
ขอบคุณที่แนะนำนะครับ จะพยายามให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ก่อนอื่น ขอหายเปื่อยก่อนนะ คริคริ
แล้วก็จริงครับ ที่คนแต่งกั๊กแหลก ไม่บอกอะไรคนอ่านทั้งนั้น คือจะรู้แค่ความคิดของคะน้าเท่านั้น
แต่ความรู้สึกนึกคิดของสองหนุ่ม หรือแม้แต่ของผักกาดเนี่ย จะไม่มีบอกครับ
ก็คือเป็นเรื่องที่เล่าจากมุมมองของคะน้าคนเดียวนั่นเอง แล้วก็ไม่คิดมีตอนพิเศษมาแทรกเพื่อเฉลยด้วยสิ ฮิฮิ

ส่วนเรื่องอารมณ์ที่แปรปรวนของทิมนั้น แม่ยกไม่ต้องตกใจไปนะครับ เป็นความตั้งใจครับ
ซึ่งเดี๋ยวพอไปถึงช่วงหนึ่งก็จะมีที่มาที่ไปโผล่มาเองล่ะครับ อีกเรื่องก็คือด้วยวัยด้วยน่ะครับ
ถึงเป็นคนนิสัยประมาณนี้ แต่ความสนุกสนาน ความบ๊องๆ ตามวัยก็ยังมีอยู่แหละเนอะ

แอบสารภาพแหละครับ ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มาลง แต่เป็นอีกเรื่องครับ
ซึ่งตัวเดินเรื่องเป็นพระเอกซึ่งโหดเถื่อนของจริงครับ รู้งี้ตอนนั้นลงเรื่องนั้นก็ดีหรอกเนอะ
ป่านนี้ ได้ตกใจสะดุ้งๆ เป็นระยะกับความเถื่อนของพี่แกเป็นแน่แท้ ฮ่าๆๆ

มีคำถามอะไรฝากไว้ได้นะครับ ไว้อัพตอนหน้าจะตอบกระหน่ำครับ
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์มากนะครับ คิดว่าจำได้ทุกคนนะ เพราะคนแต่งตั้งใจอ่านคอมเมนต์มาก
อารมณ์เดียวกับคนอ่านที่ตั้งใจอ่าน fiction ยังไงยังงั้น 55555555
แล้วก็ยินดีที่รู้จักเพื่อนๆ ที่เพิ่งได้เข้ามาอ่านทุกคนนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าครับ กอดแหลกเพื่อนๆ ทุกคน แล้วแพร่เชื้อหวัดใส่ ฮ่าๆๆๆ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เสือปะทะสิงห์ของจริง

ยอดเยี่ยม


แต่คำตอบสุดท้าย ทิมเท่านั้น


หึหึ ใครจูบไม่สำคัญมันสำคัญที่ต่ายน้อยอยากให้เป็นใครใช่ไหม ทิม ร้ายมากลูกชายชั้น  o7 ไม่ทำให้เจร๊ผิดหวัง


ปล.แอร๊ยยยยเห็นบอกอีกเรื่องพระเอกเถื่อน อยากอ่านนนจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เอางัยดีตอนนี้รักพี่ (หมอ) เสียดายน้อง (ทิม) มาก

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
งงๆ กับนายทิมเค้าจริงๆ
จะจีบจริง หรือจีบเล่นๆ กันเนี่ย
อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ สงสารหนูต่ายที่จะต้องมาคอยปรับอารมณ์ o2

zero3

  • บุคคลทั่วไป
รักทิม
เชียร์ทิม
ทิมบอก หมอโกหก
เราเชื่อ เดี๋ยวจะเข้าฝัน บอกน้องต่ายให้เชื่อด้วย หึหึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด