♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430431 ครั้ง)

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
แอร๊ก!!!!!!!!!!!!!!
คนอ่านจะหัวใจวายตาย
ลุ้นอ่ะ ระทึกด้วย โอ๊ย อยากจะกรี๊ด!!!อันแรกสุดที่ลง พอถึงฉากตุลย์แล้วแอบชิเสียงดัง แต่พอมาอันที่สอง เขาแอบเอนเอียงอ่ะ!!!แย่แล้ว เผลอใจเชียร์ให้จูบ เผลอเสียดายตอนที่ถูกทิมขัดจังหวะ อ๊าค ทิมทิมเขาขอโทษษษษษษษษษษษษ
พออันที่3 โอ๊ย โดนทิมทิมเบ่นเข้าให้แล้ว ไม่ไหวนะ กิริยาอะไรกันเนี่ย จะเป็นลม โอ๊ย
พูดจริงๆว่าตอนนี้ปวดแก้มมาก!!!
อ๊าค!!!
คะน้าเอ๊ย รวบ3ไปเลย!!!(กรั่กๆๆๆ)
แต่ยังไงก็ยังถือธงแม่ยกทิมนะเออ!

ออฟไลน์ maruko

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
“ถ้าบอกว่าหมอนั่นมันโกหก ไม่ใช่เรื่องจริงอะไรทั้งนั้นล่ะ จะเชื่อกันไหม?”
โอยยย เชื่อจ้ะ เชื่อแบบไม่คิดต่อเลย ขอแค่เป็นน้องทิมพูด ป้าเชื่อหม๊ดดดด >/////<
คะน้าคงสับสนจริงๆ  งั้นน้องต่ายลองพิสูจน์จูบทีละคนใหม่เอาให้แน่ใจเลย 5555555
คุณหมอนี่ดูรุกทีละนิดมาแบบช้าๆแต่ชัว แม้จะเคลิ้มไปบ้าง แต่ขอยังเป็นแม่ยกน้องทิมต่อไป ฮิๆๆ
 

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ถึงจะยังมึนๆอยู่กับความแปรปรวนทางอารมณ์ของทิมอยู่ แต่ยังอยู่ในระดับรับได้จ้า
ชอบที่คะน้าเปรียบเทียบสองหนุ่มกับของขวัญ แต่รู้สึก(ซึ่งไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า)ว่าทิมจะเครดิตดีกว่าคุณหมอหน่อยนะ หุหุ
เอาจริงๆตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าตกลงแล้วคะน้าชอบใคร หรือยังสับสนอยู่น้อ
เจ้าสองหนุ่มนี่ก็มาพูดให้มึนจริงจังอ่ะ ตกลงคนนึงจูบ คนนึงบอกรักแล้วกัน ฮ่าๆๆ

ปล.บุคลิกทิมตอนอยู่กับผักกาดเป็นอะไรที่คิดไม่ถึง คิดว่าฮีจะเงียบๆขรึมๆเหวี่ยงๆได้อย่างเดียวเสียอีก
แบบนี้ก็น่าค้นหาไปอีกแบบ ว่าต่อไปจะแสดงด้านไหนออกมาให้แปลกใจอีกไหมเนอะ

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ทิม...ทีเล่นทีจริงนะเออ
เดี๋ยวไม่เชียร์ซะนี่  5555


ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ก็ได้ยิน "บทเพลงสรรเสริญพระบารมี" เวอร์ชั่นหมอตุลจากริมฝีปากผู้เป็นพี่สาวเข้าให้อีก = มิบังควร

อนึ่ง  ทำไมเจ้อ่านตอนนี้แล้วคิดว่า ตุลเหมือนจะชนะ  แต่ไม่ได้ชนะ  ทิมเหมือนแพ้ แต่ยังพอมีหวัง

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น  เดาจากความรู้สึกของคะน้าล้วนๆ   ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ ใครจูบใคร จ้า

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
กินกันไม่ลงจริงๆค่า

อ่านแล้วเขินทั้งตอนเลย ><

แล้วตอนนี้ก็ยาวสะใจมาก

ความจริงเชียร์ทิมนะ แต่ส่วนตัวชอบนิสัยแบบตุลมากกว่า  :-[



ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
=[]=;;;....ค้างงงงงงงงงงง...."หืมมมมมมมมมม..." :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เข้ามาลงชื่อเป็นพ่อยกให้น้องทิมมี่ พร้อมชูป้ายไป

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ตอนนี้ต่ายน้อยคงหัวปั่น ใจป่วน
จะเลือกใครดีเนี้ย  เหมือนโดนสองคนนี้ปั่นหัวเล่นเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

Jesale

  • บุคคลทั่วไป

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป
ทิมเหมือนมีอะไรในใจตลอดเลย แต่ยังไงก็เชียร์ทิมๆ

ja-aae

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ่านตอนนี้แล้วไม่รู้จะเชียร์ใคร
เอิ่ม แม่งกวนตีนทั้งคู่เลย เหอะๆ
ปวดหัวแทนต่ายจริงๆ=_____=

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ขอโทษจริงๆ ที่มาช้านะครับ พอดีหลังเดี้ยง นั่งพิมพ์คอมนานๆ ไม่ได้เลย
แค่ 10-15 นาทีก็ปวดแล้ว เลยพิมพ์แบบขยักขย่อนได้ทีละนิดๆ
ขอบคุณพี่ oaw_eang มากๆ ด้วยครับสำหรับคำแนะนำและที่ช่วยแวะมาดันกระทู้ให้ตั้งหลายที
ไว้ผมจะปรับแก้ตามที่แนะนำนะครับ เห็นด้วยทุกประการ ขอหายเดี้ยงแล้วจะตามปรับนะครับ

สำหรับตอนนี้ อย่างที่บอกคือพิมพ์ทีละน้อย แถมไม่ได้อ่านตรวจทาน
ถ้าไม่ลื่นไหล ขออภัยด้วยนะครับ รีบเข็ญมาส่งเพราะไม่อยากให้นานเกินไปอ่ะครับ
ขอให้มีความสุขกับตอนที่ 10 นี้นะครับ อ่านเลยๆๆๆๆ ^ ^




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 10




“พระจันทร์คือจิตใต้สำนึก คือความคิด ความวิตกกังวลที่หาคำตอบไม่ได้
มันเหมือนกับความรู้สึกโดดเดี่ยวคนเดียว สังเกตไหมในตอนกลางคืนมันไม่เหมือนกลางวัน
พระจันทร์ส่องแสงไม่เคยทั่วถึง เราจึงเห็นเพียงแค่ภาพลางๆ”
นิ้วชี้ที่มีรอยยับย่นกวาดไล่ไปบนกระดาษที่เรียงหลั่นตรงหน้า
กระทั่งสายตาสำรวจครบถ้วนก็เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่นั่งหวาดๆ ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“กำลังกังวลอยู่เหรอ เรื่องความรักสินะ”

“กังวล? The Moon เนี่ยเหรอครับพี่อ้อย”

“อืม ไพ่เรามันมีแต่ไพ่ที่พูดถึงเรื่องความรักทั้งนั้น มีแต่ความกังวล”

“ความรักงั้นเหรอ” เหมือนคะน้าจะรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะตั้งคำถามกับพี่อ้อยที่กำลังจ้องมองอยู่
หมอดูวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆ แล้วอ่านตามคำพยากรณ์

“9 ถ้วยประกบกับ The Devil ความรักของเราน่ะ ไม่เหมือนกับคนทั่วไป”

“ยังไงครับ” คะน้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย พี่อ้อยถอนหายใจเบาๆ

“มันไม่เหมือนกับกฎเกณฑ์ในสังคม เอาเถอะ ลึกๆ เราก็เลือกแล้วไม่ใช่เหรอ
ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่คิดไว้นั่นแหละ ฝืนไม่ไหวหรอก
ใจเรามันไปแล้ว หยิบไพ่ขึ้นมาซิ 3 ใบ เอามือซ้ายหยิบนะ”
คะน้าค่อยๆ เอื้อมมือซ้ายออกไปดึงไพ่ขึ้นมาตามที่หมอดูร้องขอ

“Hanged Man - Temparance - The World
ต้นร้ายปลายดีนะ อดทนหน่อย เราจะพบกับความสุขที่รอคอย เชื่อพี่”

“เอ่อ... แล้วที่คราวก่อนพี่อ้อยบอกว่า... เอ่อ... จะมีคนเข้ามา
เอ่อ... ผู้ชายสองคนน่ะครับ ใช่เรื่องนี้หรือเปล่า”
คะน้าพูดไปด้วยความแปลกแปร่งอย่างบอกไม่ถูก

“ดวงมันก็คือดวงน่ะ ไพ่มันบอกอย่างนั้น พี่ก็อ่านตามไพ่ล่ะจ๊ะพ่อหนุ่ม
คำพยากรณ์น่ะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับสถิติ มีตรง มีไม่ตรง หรือถ้ามันเป็นดวง มันก็อาจจะฝืนได้
แต่ความรู้สึกเราน่ะ พ่อหนุ่มจะฝืนมันไหวเหรอ เราเลือกไปแล้วนี่”

“เลือกแล้ว?”

แม่หมอยิ้มเล็กน้อย เอื้อมมือไปหยิบไพ่ใบหนึ่งเอามาวางลงตรงหน้าของคะน้า
ชายหนุ่มก้มลงมองรูปภาพบนกระดาษสี่เหลี่ยมนั้น ไม่เข้าใจถึงความหมายของไพ่ทาโร่ต์แม้แต่น้อย

“ไพ่ 6 ถ้วย มันหมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ไม่เลวร้ายอะไรหรอก วางใจได้ อย่าไปกังวลเลย จิตใจเราตอนนี้มันพะว้าพะวง
คิดอะไรไปเรื่อย ไพ่ใบนี้มันไม่ได้บอกสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
แค่เรายังไม่ยอมรับมันเอง ยิ่งรู้ความหมาย เราก็ยิ่งกังวล ปล่อยมันไปเถอะ ทำใจให้สบายๆ อย่าคิดมาก”

“เอ่อ.. ครับ”

“มันจะปวดหัวหน่อยนะ มีเรื่องมารบกวนใจเราบ้าง แต่จำคำพี่ไว้นะพ่อหนุ่ม
ต้นร้ายปลายดี อดทน แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลาย
ว่างๆ ก็สวดมนต์ ทำบุญอะไรบ้าง ใจจะได้สงบนะ”

คะน้าลาจากพี่อ้อย หมอดูไพ่ยิปซีที่การันตีสรรพคุณทั้งตลาด
อันที่จริงเขาเป็นคนไม่ได้เชื่อถือเรื่องคำพยากรณ์อะไรนัก
แต่จะแย้งยังไงกับคำทำนายครั้งก่อนนับตั้งแต่ตุลและทิมที่ก้าวเข้ามาในชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน

จะเรียกว่ากำลังวิ่งหนีอยู่ก็ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าคำพูดไหนคือความจริง
ที่ตุลบอกว่าเขาเป็นคนทำ หรือแม้แต่ที่ทิมบอกว่าตุลโกหก
และถ้าไม่ใช่ตุลที่เป็นคนทำ มันก็เป็นทางอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่าคนที่ทำเรื่องนั้นคือ...

ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นไหวและทำตัวไม่ถูก กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จะมองหน้าคนทั้งคู่ได้อย่างสนิทใจได้ยังไง
กระทั่งตัวเองก็ไม่เข้าใจ ลงท้ายแล้วตัวเองรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เอาเถอะ ยังไงก็ตามจะให้ผักกาดรู้สึกสงสัยอะไรไม่ได้
สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสอดการ์ดแล้วปลอดล็อกประตูห้องเข้าไป

“กลับมาแล้วเหรอต่าย” รู้สึกถึงแรงโถมมาทั้งตัวจนแทบจะล้ม

“โหย เจ้ทำอะไรเนี่ย” คะน้ารีบโวยกลบเกลื่อนพลางรีบแกะมือแล้วเลี่ยงสายตาผู้เป็นพี่สาว

“ไปทำอะไรที่ตลาดมา ของก็ไม่ได้ขายนี่”

“วันหยุดก็ไปสำรวจหน่อย ตลาดของเราเอง ก็เผื่อจะพัฒนาปรับปรุงอะไรได้มั่งไง”
ผักกาดพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับความคิดเอาการเอางานของน้องชาย
คะน้าเลี่ยงไปอีกทางก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แต่พักนี้ต่ายซังดูแปลกๆ นะ กลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติออกจะเอ๋อๆ พักนี้ตื่นตัวน่าดูนะ เมื่อคืนไปทิ้งขยะ ก็หายไปตั้งนานสองนาน
กลับมาก็หน้าตื่นอย่างกับไปเจอผีมาแน่ะ” คำทักของผักกาดเล่นเอาคะน้าสะดุ้ง
คิดย้อนไปถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งเรื่องที่ตุลมาสารภาพทุกอย่าง
หรือแม้แต่ที่ทิมบอกว่าตุลโกหก ซ้ำยังเย้าเขาเล่นจนวิ่งเตลิดกลับมาแบบนั้น

“โหย เจ๊คิดมากไปน่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวละ หิว”
เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วเริ่มลงมือจ้วงแต่ละจานเข้าปาก

“ต่ายซัง เจ้จะต้องตามนายไปทำงานที่ญี่ปุ่นนะ ยังไงช่วงที่ไม่อยู่
มานอนที่นี่ทีได้ไหม มันจะมีเอกสารด่วนส่งมา อยากให้ช่วยแกะดูให้หน่อย”

“ได้ๆ” เคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความอร่อย

“จะว่าไปเพื่อนเราทั้งคู่ก็ดูเข้าท่าดีนะ ตอนแรกก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เที่ยวไปได้รู้จักใครเขาไปเรื่อย แต่พอคุยๆ ดูแล้วก็เหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร
อย่างน้อยช่วงที่เจ้ไม่อยู่ เราก็ยังมีเพื่อน”

“เพื่อนเนี่ยนะ แถมพวกนี้ก็ไว้ใจไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นมันจะ...”
คะน้าถึงกับอ้าปากค้าง ...เกือบแล้ว เกือบพูดไปแล้ว

“จะอะไร?” ผู้เป็นพี่สาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ทำไมวันนี้มีแต่อาหารแบบนี้น๊า ตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบปลาดุก”
แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปแล้วกัน

“แหม แกจะให้ชั้นจกตำปูปลาร้าซิ๊ดซ๊าดๆ ต่อหน้าเพื่อนแกเหรอ
ชั้นยังสาว ยังสวย แถมยังโสดนะยะอีต่ายบ้า”
คะน้าถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักฝ่ามือที่บีบคอ ...ก็ดีกว่าความลับรั่วไหลล่ะมั๊ง

หลายวันต่อมา ความคิดต่างๆ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความรู้สึกไม่หาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องในวันนั้น สัมผัสที่อ่อนนุ่มและแผ่วเบาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหอบเอาความคิดฟุ้งซ่านมาที่ตลาดด้วยทุกวันจนผิดสังเกต

“คะน้า เอ็งไม่สบายหรือเปล่าลูก พักนี้ดูไม่กระฉับกระเฉงนะ”
เจ๊เป็ดตะโกนถามในบ่ายวันหนึ่งที่ตลาดค่อนข้างเงียบเหงาจากสายฝนที่กระหน่ำลงมา
หากแต่คะน้ากลับเหม่อลอยจนจันทูต้องสะกิด

“แปลกๆ นะเอ็ง ทำอย่างกับคนมีความรัก” สิ้นเสียงเจ๊เป็ด จันทูถึงกับหันขวับมาสอดส่ายสายตาเต็มที่
คะน้าจึงแกล้งดุไปสองสามคำแล้วก็เฉไฉก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของไปเรื่อย จันทูถึงเลิกสนใจ

สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
แต่ตลาดของคะน้าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีหลังคาตีครอบตลอดทั้งโครงการ
มีกรรมการตลาดที่เป็นเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ได้รับคัดเลือกจากเหล่าผู้ค้าขายในตลาดทั้งหมดให้ช่วยดูแล
ฝนจะตกแรงแค่ไหนจึงไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมขังหรือแม้แต่หลังคารั่วแต่อย่างใด

สายฝนตกกระทบหลังคาเป็นเสียงดังจนฟังไม่ได้ศัพท์
จะว่าไปนี่เป็นวันแรกในหลายๆ วันที่คะน้าขายไอศกรีมไม่หมด
อาจเพราะอากาศที่เปลี่ยนไป ไม่อบอ้าวแบบเดิมๆ
หรือเพราะสายฝนที่ตกมาบ่อยครั้งจนทำให้คนมาจับจ่ายดูบางตา

นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยไปส่งไอศกรีมที่ไซด์งานก่อสร้างของทิมอีกเลย
ไม่เคยจะไปส่งที่ห้องตามที่เจ้าตัวร้องขอด้วยสักครั้ง ก็เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ถึงอยู่ก็ไม่มีคีย์การ์ดอยู่ดี
หรือแม้แต่ตุลก็ไม่ได้พบอีกเลย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะเหมือนว่าจะเปลี่ยนกะมาประจำตอนบ่ายซึ่งกว่าจะเลิกก็มืดค่ำ

ตกเย็นก็แบกไอติมที่เหลือกลับไปนอนกินเล่นที่คอนโด
เห็นทีว่าต้องสั่งให้จันทูบอกคนงานว่าช่วงนี้ให้ทำน้อยลงสักหน่อย
ฝนตกจะค้าขายอะไรก็ลำบาก กดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องพร้อมกับกระติกไอศกรีมที่อัดแน่น
คืนนี้มีหวังได้นอนพุงกางแน่ๆ เปิดไฟและเก็บทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เปิดทีวีที่มีแต่ชองรายการญี่ปุ่น ไม่รู้ใจคอผู้เป็นพี่สาวจะไม่ดูรายการทีวีไทยเลยหรือไงนั่น
ล้มตัวนั่งกับโซฟาแล้วเปิดฝาไอศกรีม ถึงจะชอบแค่ไหน แต่เห็นปริมาณก็อยากจะอาเจียน คิดอยู่นาน





“เจ้าต่ายลูกพ่อ สายไหมไม้เบ่อเร่อจะกินหมดจริงๆ เหรอเรา”

“หมดๆ” เด็กชายตัวน้อยถลกเสื้อเปิดพุงโชว์

“โอเคๆ แล้วผักกาดล่ะคะ หนูจะกินหมดเร้อ หนูกินไม่หมดประจำเลย”
เด็กหญิงพยักหน้าหงึกๆ ส่งสายตาวิบวาวจนผู้เป็นพ่อใจอ่อน

เพียงครู่เดียวสายไหมที่นุ่มเหมือนปุยเมฆสีลูกกวาดเสียบไม้ก็ถูกส่งให้กับเด็กทั้งสอง
ผู้เป็นน้องชายเมื่อได้รับมาก็ลงมือเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่เอร็ดอร่อย
ส่วนเด็กหญิงผักกาดฉีกปุยนุ่มนั้นเป็นสามส่วน ส่งให้พ่อเป็นคนแรก แล้ววิ่งเอาไปให้แม่สำหรับส่วนที่สอง
สุดท้ายเหลือแรงลมที่พัดทำให้เด็กหญิงเหลือขนมหวานนิดเดียวติดกับไม้
เหมือนผักกาดจะน้ำตาซึมๆ เล็กน้อยจนน้องชายหันมาเห็น
ผู้เป็นพ่อและแม่จ้องมองทุกอย่างอยู่ในสายตา

ไม่นานนัก ผักกาดก็ได้ครอบครองเมฆสีลูกกวาดไม้โตจากมือของน้องชาย







เวลาผ่านไปหลายสิบปี แต่เหมือนบางสิ่งบางอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลงไป
คะน้าเดินไปตักแบ่งไอศกรีมเย็นๆ ใส่กล่องพลาสติกสองกล่อง แม้จะไม่ค่อยอยากเจอหน้าเท่าไหร่ก็ตาม

ของกิน กินคนเดียวไม่อร่อยหรอก ผักกาดมักจะกรอกหูอยู่บ่อยๆ
และถ้าเจ้าตัวอยู่ก็คงเคี่ยวเข็ญให้ไปส่งให้สองคนนั่นอยู่ดี
คะน้ายืนอยู่หน้าห้องข้างๆ เหมือนพยายามทำใจ เหตุการณ์วันก่อนยังฝังแน่นในความคิดชวนปวดหัว
เสียงดนตรีจากเครื่องเสียงแทนที่จะเป็นเสียงกีต้าร์ที่คุ้นเคยทำให้คะน้าแปลกใจเล็กน้อย

...แค่มาส่งให้แล้วกลับ อย่าคิดมาก

กดกริ่งที่หน้าประตูห้อง ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู
ใบหน้าของตุลดูเคร่งเครียดจนสังเกตได้ ดวงตาทั้งสองข้างบวมเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
แม้ทันทีที่เห็นคะน้า รอยยิ้มที่อบอุ่นแบบทุกครั้งจะอยู่บนใบหน้าของเขา
เป็นรอยยิ้มที่แม้คนที่ไม่เคยรู้จักตุลมาก่อนก็พอจะดูรู้ว่านั่นคือการฝืน

“ผมเอามาฝากน่ะครับ” ส่งกล่องพลาสติกในมือให้ ตุลยื่นมือมารับพร้อมกับขอบคุณ

“เอ่อ... ขอเข้าไปหน่อยจะได้ไหมครับ”
ความตั้งใจที่แค่ส่งให้แล้วกลับนั้น หายไปสิ้นตั้งแต่ที่เห็นหน้าของตุลแล้ว
แม้ตุลจะมีท่าทีที่ลังเลแต่ก็เบี่ยงตัวให้คะน้าเดินเข้ามาในห้องในที่สุด

ห้องของตุลใกล้เคียงกับห้องของผักกาด แตกต่างที่พื้นที่ใช้สอยและการตกแต่งนิดหน่อยที่ไม่เหมือนกัน
ดูขรึมและเรียบกว่าเพราะไม่มีลูกเล่นทางการตกแต่งมากนัก
ส่วนมากจะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษและเยอรมันเล่มหนาๆ ที่เรียงรายไปทั่วทุกมุมของห้อง

“หมอสบายดีไหมครับ” ตุลยิ้มให้แทนคำตอบ
แล้วขอบคุณเบาๆ ไม่ได้ช่สงพูดช่างคุยเหมือนทุกๆ ที

“กินไอติมก่อนสิครับ เดี๋ยวละลาย”

“นั่นสินะ ทานด้วยกันนะครับ” ตุลเดินไปในส่วนครัวแล้วตักแบ่งไอศกรีมเป็นสองส่วน
ก่อนจะส่งส่วนหนึ่งให้กับคะน้า แล้วลงไปนั่งนิ่งๆ เขี่ยของเย็นในชามแก้วของตัวเองไปมา

“เอ่อ... มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ดูไม่สบายเลย”

“เฮ่ๆๆ เปล่านี่ครับ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ” รอยยิ้มนั้นอีกแล้ว
ยิ่งตุลดูพยายามฝืนเท่าไหร่ คะน้ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

“เฮ้อ... ผมควรเชื่อดีไหมเนี่ย”

ตุลยิ้มให้เล็กน้อย เป็นรอยยิ้มแฝงไปด้วยความขมขื่นในใจ ทุกอย่างดำดิ่งสู่ความเงียบงันจนน่าอึดอัด

“ขอโทษด้วยนะครับ ผมคุยไม่สนุกเลย”

“เข้าใจครับ ผมก็ดูเป็นคนไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไรกับใครเขาด้วยสิ
ยังไงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไวๆ แล้วกันนะครับ ผมไม่รบกวนต่อก็แล้วกันนะครับ”
คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับออกไป ตุลจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามมาส่ง

“ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ” ตุลยืนนิ่ง

“แต่ที่หมอทำอยู่ ทำให้ผมไม่สบายใจจริงๆ”

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ แต่มันยาก ผมไม่รู้จะพูดยังไง”
สบตาคะน้าด้วยความจริงใจ ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆ จุดขึ้นบนใบหน้า




“รู้ไหม... คุณเป็นคนสำคัญสำหรับผมนะครับ”





“แล้วคิดว่าคุณสำคัญกับผมหรือเปล่าล่ะครับ”


พูดออกไปก็ยังนึกแปลกใจตัวเอง แต่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น
และเขาก็ไม่อยากจะโกหกความรู้สึกของตัวเอง
แม้จะรู้จักได้ไม่นาน แต่คะน้าก็อดเป็นห่วงตุลไม่ได้จริงๆ






“ผมกอดคุณได้ไหมครับ”

ไม่รู้จะยังไง แม้จะรู้สึกกระดากๆ รวมทั้งยังคิดเรื่องในวันก่อนอยู่
แต่ก็พยักหน้าในที่สุด ตุลค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ สองแขนกางขึ้นก่อนจะโอบรอบทั้งตัว
ค่อยๆ รัดแน่นขึ้น ...และแน่นขึ้น คะน้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วโอบกอดร่างของคนที่สูงกว่า
ตัวของตุลอุ่นและให้ความรู้สึกถึงความโหยหาบางสิ่งบางอย่าง
ร่างสูงสั่นจนไหวสะท้าน คะน้าลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างนั้น
สักพักก็เริ่มรู้สึกถึงความชื้นบนบ่า ตุลสั่นแรงขึ้น มีเสียงสะอื้นเล็กๆ ที่จับความไม่ได้ให้พอได้ยิน

“ผมไม่รู้ว่าตุลกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่
แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจ รู้ไหมครับ ว่าผมเป็นห่วงตุลนะ”

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับด้วยความสั่นเครือจนแทบไม่เป็นภาษา

“ถ้าผมสามารถช่วยอะไรได้ ผมยินดีนะ
อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นไกล ตุลก็รู้ ผมอยู่ข้างๆ ตุลนี่เอง”

“ขอบคุณครับ” ร่างนั้นสั่นสะท้านหนักยิ่งขึ้น

คะน้าค่อยๆ ดันร่างคนในอ้อมกอดออกห่าง เห็นตุลที่อ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ
ดวงตาที่เคยเหมือนกับยิ้มได้ตลอดเวลานั้นเอ่อชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
ร่างสูงที่เคยดูสง่า สุขุม ในเวลานี้กลับดูคล้ายเด็กชายตัวน้อยๆ
ที่ไม่รู้จะทำยังไงกับโลกที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง ทั้งอ่อนไหว ...และอ่อนแอ


“มันจะผ่านพ้นไปครับ”

คะน้าค่อยๆ ประคองใบหน้าของตุลขึ้น สองมือค่อยๆ ปาดเกลี่ยหยดน้ำตาที่เอ่อล้นบนใบหน้า
ฝ่ามือลูบบนใบหน้าของตุลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวเองเข้าไปใกล้




“ตุลครับ ผมจะให้พรวิเศษหนึ่งอย่าง”

หัวสมองในตอนนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
มีแต่ความห่วงใยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพียงความรู้สึกเดียวที่แจ่มชัดในความคิด
ไม่รู้ว่าเหมาะสม หรือควรไหมกับสิ่งที่ทำลงไป

คะน้าค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าหาตุล
ก่อนที่ปลายจมูกจะกดตัวลงบนแก้มของคนที่ยืนสั่นอยู่
ดูเหมือนว่าตุลจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ และช่วงเวลานั้น
ริมฝีปากสีระเรื่อของคะน้าก็แตะลงเบาๆ บนแก้มที่ชื้นนั้น

ผละออกพร้อมกับรอยยิ้มและความร้อนวาบไปทั่วใบหน้า เห็นท่าทางของตุลที่ยืนอึ้งก็ได้แต่ยิ้มให้
คะน้าเอ่ยคำลาด้วยเสียงที่แผ่วเบา ก่อนเตรียมจะเปิดประตูกลับห้องไป
หากแต่ข้อมือนั้นถูกกระตุก และร่างกายนั้นก็ถูกรั้งเข้าสู่วงแขนของคนที่สูงกว่าอีกครั้ง
ตุลกอดคะน้าแน่น ก่อนที่จะฝังร่องรอยของจมูกลงบนแก้มของคะน้าเบาๆ

“ขอเวลาผมอีกหน่อยนะ ผมสัญญาว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”




...ในที่สุด รอยยิ้มของตุลที่เคยสดใสก็กลับคืนมา



(มีต่ออีกนะครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อนะครับ)





เมื่อกลับมาที่ห้อง ก็ได้แต่ยืนอึ้งๆ ความคิดในหัวสมองตีรวนจนปั่นป่วน
ทั้งๆ ที่เป็นคนที่อยากจะหนีขนาดนั้น แต่กลับเอาตัวเองเข้าไปใกล้ขึ้นทุกที ซ้ำยังทำเรื่องบ้าๆ นั่นลงไปอีก

...แต่จะให้ทำยังไง ยอมรับว่าทนเห็นตุลเป็นแบบนั้นไม่ไหวจริงๆ

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กับกล่องพลาสติกในมืออีกกล่อง ยังมีอีกคนที่อยากจะออกห่างให้ไกล
หยิบมือถือขึ้นมากดไล่โทรหาชื่อ เบอร์นั้นยังคงอยู่ในบันทึก
แต่เพิ่งจะรู้ว่ายังไม่ได้เมมเก็บเอาไว้ กดโทรออก ปลายสายก็ปิดเครื่องอยู่

คิดจะถอดใจในความยุ่งยาก เพราะเป็นเพนท์เฮาส์
ระบบความปลอดภัยจึงมากมายเป็นพิเศษ ไม่มีการ์ดก็ขึ้นไปไม่ได้
ยัดกล่องพลาสติกที่บรรจุไอศกรีมจนแน่นเข้าตู้เย็นใหม่
แล้วไปนั่งดูรายการทีวีภาษาต่างดาวของผักกาดต่อ

กดไล่ไปทีละช่องที่ความรู้สึกหงุดหงิดในใจยังไม่จางหาย
เหมือนบางสิ่งบางอย่างคั่งค้างในใจ ลงท้ายคะน้าก็ลุกขึ้น
แล้วต่อสายไปหาฝ่าย concierge ส่วนกลาง

ไม่นานนักมูลเหตุของความขัดใจก็ปรากฏกายที่หน้าประตูห้อง
พร้อมกับเสียงกริ่งที่กดย้ำซ้ำๆ จนคะน้าต้องรีบวิ่งไปเปิดประตูแทบไม่ทัน

“กี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว งี่เง่าอะไรขึ้นมา” นี่คือคำทักทายในแบบของทิม

“มีไอติมจะแบ่งให้ เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวขอหยิบก่อน”
ไม่รอให้พูดจบดี แขกผู้มาเยือนก็แทรกตัวเดินเข้ามาในห้องอย่างวิสาสะ

“พี่สาวไม่อยู่เหรอ”

“ไปทำงานต่างประเทศ ไม่อยู่หลายวัน” คะน้าปิดประตูแล้วเดินไปในห้องครัว

“ไม่มีใครอยู่แล้วเที่ยวได้เปิดรับใครๆ เข้ามาห้องเนี่ยนะ”

“จะเป็นอะไรเล่า ทำอย่างกับไม่เคยมา ห้องนายมีของแพงๆ กว่าเยอะ
ที่นี่ไม่มีอะไรที่อยากได้หรอก” เดินมาพร้อมกับกล่องไอศกรีมในมือ
แต่ทิมกลับหายวับไปจากส่วนห้องรับแขก คะน้าจึงเดินไล่หา
จนกระทั่งพบทิมยืนอยู่ในห้องนอนของเขา “มาเล่นอะไรในนี้ล่ะเนี่ย”

“แน่ใจเหรอ”

“แน่ใจอะไร” คะน้าทวนคำด้วยความมึนงง

“ว่าไม่มีอะไรที่อยากได้”

“ก็แล้วอยากได้อะไรล่ะ” คะน้ากวาดตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นว่าจะมีข้าวของที่มีมูลค่าอะไร
หันกลับไปมองก็เจอสายตาของทิมที่จ้องมองอยู่ไม่วางตา ทิมเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนของคะน้า
รอยยิ้มแปลกๆ และแววตาที่บอกไม่ถูกนั้นยังแจ่มชัดอยู่บนใบหน้า ...เจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก

จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ไม่ชอบเลยกับรอยยิ้มและสายตาแบบนั้นที่มองเย้าด้วยแววตาแปลกๆ
แม้จะเริ่มคุ้นกับนิสัยของทิมแล้ว แต่แววตาแบบนั้นกี่ครั้งกี่หนก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย

...อ่านไม่ออกว่ามันหมายถึงอะไร

คะน้าค่อยๆ มองคนที่นั่งอยู่ ทิมในเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นพอดีตัว
ผ้าบางๆ ที่แนบชิดไปกับลำตัวจนเห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจนนั้นชวนให้รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
ซ้ำเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยระมัดระวังกับกางเกงขาสั้นที่ใส่มาเสียเท่าไหร่
ยังนึกถึงตอนที่เจ้าตัวนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหน้าตาเฉย บทจะง่ายก็ง่ายซะขนาดนั้น

“ไอติม”

“ห๊ะ?”

“ก็อยากได้ไอติมนี่ไง งี่เง่า”
เหมือนจะเป็นคำที่ไม่มีความหมายสำหรับทิมมากกว่าจะเป็นถ้อยคำตำหนิ

ก็จริงของทิม เรียกมาเองแท้ๆ ไม่อยากหน้าแตก
คะน้าเลยแก้เขินด้วยการชักชวนแทน
“จะกินเลยไหม จะไปตักใส่ชามให้”

“ดึกขนาดนี้ จะให้กินไอติมเนี่ยนะ”

“อ้าว ไม่อยากกินแล้วลงมาทำไมเนี่ย”

“ก็ขึ้นไปที่ห้องไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
ทิมพยักเพยิดหน้าไปบนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องนอน
คะน้ามองตามก็เห็นคีย์การ์ดวางอยู่บนนั้น

“เอ้ย นั่นมันคีย์การ์ด”

“เก็บไว้”

“ไม่กลัวของในห้องหายกันบ้างหรือไง”
ทิมไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับล้มตัวลงนอนบนเตียงคะน้าหน้าตาเฉย

“แทนที่จะชวนมากินเหล้า ดันมาชวนกินไอติม อายุเท่าไหร่กัน”

“ที่นี่ไม่มีหรอก”

ท่าทางจะไม่จบเรื่องเอาง่ายๆ เป็นแน่ คะน้าจึงเดินกลับไปที่ครัว
แล้วเก็บกล่องพลาสติกในตู้เย็นแล้วเดินกลับมาที่ห้อง
เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงดูอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
ทิมยิ้มน้อยๆ พลางมองสำรวจห้องเล็กๆ ของคะน้าไปเรื่อยเปื่อย
ก่อนจะทำหน้าขรึมเมื่อพบว่าเจ้าของห้องยืนมองอยู่

“พักนี้ ดูอารมณ์ดีนะ ช่างพูดผิดปกติหรือเปล่า ปกติไม่เห็นพูดจาอะไร”
เจ้าตัวเหมือนจะหัวเราะในลำคอด้วยความขบขัน

“อย่างนั้นเหรอ”

“จริงสิ พี่ผักกาดยังบอกว่าทิมพูดเก่ง
แถมตลกด้วยอีกต่างหาก ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ทิมที่รู้จักเลยแฮะ”

“ก็มันไม่ใช่น่ะสิ”

“หืม?”

“เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คนคาดหวังจะเห็น แค่ให้สิ่งที่คนคาดหวัง มันก็แค่นั้น”

“แปลว่านายฝืนตัวเองเหรอ บ้าน่า ทำแบบนั้นไปทำไม”
ทิมหลับตาลงราวกับไม่รับรู้อะไร
คะน้าถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ทิมที่นอนอยู่บนเตียงนอน

“ยังไงก็อยากให้ผักกาดรู้จักตัวตนจริงๆ ของนายมากกว่า”

“เลิกเซ้าซี้ซะทีเถอะ น่าเบื่อ”
ทิมตอบด้วยเสียงหน่ายๆ เห็นท่าทางแล้ว คะน้าก็เหนื่อยใจ

“งั้นบอกเหตุผลให้ฟังได้ไหม ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น”
ได้ยินเสียงทิมถอนหายใจเบาๆ ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบ





“เค้าเป็นคนสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอ”

เป็นคำตอบที่ดูจะเกินความคาดหมายเหลือเกินสำหรับคะน้า
...คนสำคัญอย่างนั้นหรือ คำๆ นี้มีความสำคัญมากมายแค่ไหนกันนะ

“แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกันด้วย” คะน้าถามออกไป
ไม่แน่ใจว่าตีความนัยของคำพูดนั้นถูกหรือเปล่า

“หึ” มีเพียงเสียงหัวเราะทุ้มๆ ในลำคอที่ทดแทนคำตอบของทิม

เกิดความเงียบในอากาศอีกครั้ง ปกติ ทิมก็ไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว
และเมื่อคะน้าครุ่นคิดเรื่องราวมากมายอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกอย่างจะดำดิ่งสู่ความเงียบงัน

“ทำไมถึงไม่ชอบพูดอะไรตรงๆ แบบคนอื่นเขา”
คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ ในความเงียบนั้น

“ใครๆ ก็พูดได้ คำพูดมันไร้สาระ”

“แต่คำพูดทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้น” ทิมแค่ยิ้มตอบบางๆ เท่านั้น
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก

“มีเบียร์ไหม”

“ไม่มีอ่ะ”

“แค่เบียร์ก็ยังไม่มีเหรอ”

“กินไม่เป็น”

“กินไม่เป็น?” นับว่าเป็นเรื่องที่ดูจะเกินคาดหมายสำหรับผู้ถาม
ทิมเบิกตาแล้วยิ้มขำก่อนเปรยขึ้นอย่างเสียดสีในที

“หึ เรียบร้อยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก”
ทิมหัวเราะในลำคอก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองคะน้าที่นั่งปั้นหน้าไม่ถูก
“ใจดี เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่น มีน้ำใจกับใครเขาไปทั่ว แถมยังจะขี้อ้อน”
กวาดตามองคะน้าอย่างสำรวจ

“หน้าก็แบบนี้ ตัวก็แบบนี้ นิสัยยังแบบนี้ รู้ไหมว่าแบบพี่น่ะ
ถ้ามาเรียนที่คณะ หรือทำงานแบบผม ป่านนี้เสร็จไปไหนต่อไหนแล้ว”

ทิมกลั้วเสียงหัวเราะ ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำด่า แต่น้ำเสียงกึ่งจะล้อถึงรูปร่างหรืออุปนิสัยใจคอ
ยิ่งได้ยินคะน้าก็ยิ่งไม่ชอบใจ นึกอยากจะเถียงแต่ก็จนปัญญาจะหาถ้อยคำมาสู้รบให้ทันท่วงที

“เป็นอะไร พูดหน่อยก็ทำหน้าเอ๋อ ตาแป๋วเหลือเกินนะ อ้าว... หน้าแดงแล้ว ฮ่ะๆ”
ทิมระเบิดเสียงหัวเราะครื้นเครงพร้อมกับจ้องมองคะน้าที่ได้แต่ก้มหน้างุดๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไร




“...แต่ก็ดีแล้ว”

มองคนที่หลบสายตาอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มกว้างค่อยๆ จางลงทีละน้อยๆ จนเป็นอมยิ้มก่อนยิ่งสนิท
จู่ๆ ทิมก็นิ่งไป แววตาที่เคยหยอกเย้าเปลี่ยนเป็นนิ่งคม เขาค่อยๆ มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
แม้ผมสีน้ำตาลเข้มจะตกลงมาปรกหน้าแต่ก็ไม่อาจซุกซ่อนผิวขาวเนียนที่ค่อยๆ ระเรื่อเป็นสีฝาดเลือด
ดวงตาที่เหมือนกับยิ้มอยู่ตลอดเวลานั้นใสราวกับเด็กน้อยที่อ่อนเดียงสา
ริมฝีปากที่ถูกฟันที่เรียงตัวสวยกัดเม้มจนเป็นสีเข้ม
ไหนจะท่าทีที่ดูประหม่าและเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูกของเจ้าตัว ...ดูน่ามองไปหมด

ครู่เดียว ทิมก็เลี่ยงสายตาลงมองพื้น ปลายเท้าเขี่ยขยับไปมา แล้วถอนหายใจ



“ตอนที่เห็นไอ้หมอมันแอบจูบพี่ยังคิดว่างี่เง่า”

“ห๊า! หะ...เห็นด้วยเหรอ”

คะน้าที่ก้มหน้าอยู่ถึงกับสะดุ้ง รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าขึ้นมาทันที
แต่เมื่อเจอแววตาที่มองจ้องอยู่ตรงหน้านั้น หัวใจกับสั่นอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับความรู้สึกที่มีอยู่จะยิ่งทวีตัวขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีที่อยู่ในสายตาคู่นั้น

ใช่ว่าคะน้าจะไม่รับรู้ถึงความผิดปกติไปในแววตาที่จับจ้องอยู่
รับรู้ถึงบรรยากาศสนุกสนานเมื่อสักครู่ที่จู่ๆ ก็ค่อยๆ หายไป
มีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างเข้ามาแทนที่อย่างไม่รู้ตัว
ทิมยังคงจ้องมองคะน้าอย่างไม่วางตา ดวงตาสีดำที่คมกริบคู่นั้นไม่เคยปิดบังความรู้สึกสักนิด
มันค่อยๆ ไล่ไปทีละส่วนบนร่างกายอย่างวิสาสะราวกับว่ามีกรรมสิทธิ์บนทุกสิ่งที่ได้จับจ้องอย่างเสรี
หากเป็นทุกครั้ง อย่างน้อย คะน้าคงจะพอเห็นรอยยิ้มยวนๆ ของทิมให้พออุ่นใจว่าเป็นการหยอกล้อ
หากแต่ในเวลานี้บรรยากาศแบบที่เคยคุ้นกลับถูกทดแทนด้วยอะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบาย




“พี่”

“หืม?”


ทิมยังคงจับจ้องอยู่อย่างนั้น แววตาคมเลื่อนขึ้นมาหยุดนิ่งในดวงตาของคะน้า
ท่วงท่าของร่างกายมีความรู้สึกประดักประเดิกบางอย่าง
หากแต่ความมุ่งมั่นนั้นฉายชัดในดวงตา
ทิมขยับเข้ามาใกล้ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเต็มเสียงทุกถ้อยคำ









“ขอหอมแก้มทีได้ไหม”

ไม่รู้จะตอบว่าอะไร คิดไม่ถึง ไม่เคยคาดการณ์ใดๆ เอาไว้กับความตรงไปตรงมาจนน่าตกใจนี้
กว่าจะรวบรวมสติที่มีเพียงเล็กน้อยพอจะสบตาได้ แต่ความพยายามทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสูญเปล่า
เมื่อปลายจมูกโด่งของคนที่อ่อนวัยกว่าฝังลงบนแก้มแล้วบดตัวช้าๆ
คะน้าได้ยินเสียงสูดลมหายใจอย่างโหยหาผ่านผิวเนื้อของตนเองอย่างวิสาสะ
เวียนวนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นก่อนที่น้ำหนักที่ปลายจมูกที่กดลงนั้นจะค่อยๆ เลือนลางลง

รู้สึกสั่นๆ หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น ความรู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าจนต้องกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บชา
แขนขาที่มีดูเกะกะจนไม่รู้จะเอาไปวางไหน ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองคนข้างๆ
แปลกที่คะน้ากลับแลเห็นแต่ปฏิกิริยาที่ผิดปกติ
สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิดขัดใจในตัวเองที่ทิมแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง



“แม่งงงง...”

เสียงสบถเบาๆ ดังขึ้นพอให้ได้ยินด้วยความไม่สบอารมณ์ในตัวเองทำให้คะน้าสะดุ้ง
ไม่รู้จะไต่ถามหรือนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าจะขอโทษหรือตำหนิกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดี
มันรวดเร็ว ...เร็วจนทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเลยจมอยู่กับความสงบเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ได้แต่นั่งเฉยๆ กันอยู่อย่างนั้นราวกับจะปล่อยให้ความเงียบทำให้ทุกความรู้สึกที่พลุ่งพล่านนั้นตกตะกอนลง
เป็นความเงียบที่ต่างฝ่ายล้วนมีถ้อยคำมากมายอัดแน่นอยู่ข้างใน






“..พี่”


“...ครับ”





“ขะ...ขอลองอีกทีนะ”


เสียงของทิมตะกุกตะกักอย่างบอกไม่ถูก
ท่าทางนั้น ยิ่งดูไม่เหมือนกับเป็นตัวของเขาเองเท่าไหร่




“ที่...”

เหมือนแกล้งให้ทรมานกับการรอคอย เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็หยุดคำพูดตัวเองอยู่แค่นั้น
...ทิมหลบสายตา เขาดูร้อนรน เหมือนกับพยายามค้นหาถ้อยคำ
ที่พอจะถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะพูดอย่างยากลำบาก
เป็นห้วงเวลาสั้นๆ ที่เนิ่นนานจนคะน้าแทบจะลืมหายใจ
...อึดอัด เหมือนกำลังถูกทรมานด้วยความเงียบที่ไม่อาจคาดเดาอะไรได้
...เงียบจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ













“...ปาก”

ไม่รีรอคำตอบใดๆ จากผู้เป็นเจ้าของ สิ้นเสียง ก็รับรู้ถึงแรงกดตัวลงบนริมฝีปากของตัวเอง
อ่อนนุ่ม แผ่วเบา และหวานหอมอย่างบอกไม่ถูก
บางสิ่งที่นุ่มชื้นค่อยๆ บดเบาๆ อย่างอ้อยอิ่งทว่าพริ้วไหวราวกับสายลม
สองมือของทิมค่อยๆ สอดผ่านเข้ามาทางสีข้าง
...โอบ ...แล้วค่อยๆ เลื่อนไปทั่วแผ่นหลัง
ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเคลื่อนลงต่ำสู่ช่วงเอวอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้วออกแรงกดตัวของคนในวงแขนให้แนบชิดยิ่งขึ้นราวกับจะไม่ให้ขยับไปไหน
ฝ่ามืออีกข้างจะแทรกตัวผ่านไรผมที่ท้ายทอย
ลูบไล้และขยี้เบาๆ จนยุ่งเหยิงแล้วโอบอุ้มจนรอบศีรษะ

นาทีนั้น คะน้าได้ยินเสียงแผ่วเบาของทิมที่ฟังไม่เป็นภาษา
ลมหายใจของทิมร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟ
ก่อนที่สัมผัสที่นุ่มนวลจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนร้อนวาบ
...บด ...และขยี้ทุกสิ่งตรงหน้าเหมือนจะให้มอดไหม้เป็นธุลี
สองแขนที่โอบรัดออกแรงกดแน่นขึ้นอีก
ราวกับจะให้ร่างกายของอีกคนฝังจมอยู่ในพันธนาการของอ้อมแขนทั้งสองข้างนั้นนิจนิรันดร์

ช่วงเวลาที่สั้นเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ราวกับพายุที่แปรปรวนจนคะน้าทำอะไรไม่ถูก
ร้อนแรงเหมือนพระอาทิตย์ที่พร้อมจะหลอมทุกอย่างให้ละลายก่อนจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาเสียดื้อๆ 

สัมผัสที่บดขยี้อยู่บนปากนั้น จู่ๆ ก็ผละจาก แม้แต่วงแขนที่เคยรัดแน่นก็รีบคลายตัวเองออกอย่างรีบร้อน
ทิมทะลึ่งตัวขึ้นเหมือนตกใจกับบางสิ่งบางอย่าง เสียงลมหายใจนั้นถูกพ่นออกแรงด้วยความสับสน
เขาจ้องมองคะน้าที่นั่งด้วยอาการสั่นๆ ดวงตากลมไหวระริกอย่างหวั่นหวาด
ซึ่งไม่ต่างอะไรนักกับทิมในตอนนี้ เขาค่อยๆ ยกนิ้วโป้งปาดริมฝีปากตัวเอง
เหมือนไม่เข้าใจในรสสัมผัสเมื่อครู่ที่ได้ลิ้มลองก่อนเสียงคำรามจะดังขึ้นในลำคอ



“เหี้ย! แม่งเอ้ย!”

ถ้อยคำสบถผ่านทางไรฟันของชายหนุ่มที่ผละตัวไปยืนห่างทำเอาหัวใจคะน้าเหมือนดิ่งลงสู่เหวลึก
ท่าทางที่เหมือนบันดาลไปด้วยโทสะนั้นทำให้คะน้าได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก
ได้ยินเสียงกำปั้นของทิมทุบกำแพงเป็นเสียงก้องก็ได้แต่สะดุ้งตกใจ ก่อนทุกอย่างเงียบสงบจนน่ากลัว
และเพียงครู่เดียวก็มีเสียงทุ้มของคนอายุน้อยกว่าที่คำรามผ่านมากับสายลม




“...แม่งน่ารักว่ะ!”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กำลังคิดว่าแต่ละตอนมันยาวจนไม่รู้จะคอมเมนต์เรื่องไหนดีหรือเปล่านะครับ แหะๆ
ที่แน่ๆ ก็คือถ้าคอมเมนต์มันบันทึกเสียงได้ แอบคิดว่าคงสนุกดีนะครับ
ป่านนี้เหล่าแม่ยกทิม ไปไหนต่อไหนแล้วล่ะนั่น ปรับอารมณ์กันถูกไหมนะ
จริงๆ ควรจะดีกว่านี้ แต่ผมไม่ได้อ่านทวนอะไรเลย ไม่รู้ว่าระหว่างตอนมันเหวอะไหมนะ
ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ ไว้หายเดี้ยงแล้วจะตั้งใจเขียนมากขึ้นครับ
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ทั้งเสนอแนะ ให้กำลังใจ และร่วมเวิ่นเว้อไปด้วยกัน
มาให้กอดซะดีๆ เร็วๆ นักอ่านทั้งหลาย ขอสามที  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ papa_paolo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
  ชอบตอนนี้ :o8: :-[ :impress2:

แม่ยกทิมขอบอกว่า แม่ง น่ารักว่ะ คึคึ :3123: :L2:



 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Jesale

  • บุคคลทั่วไป
ทิม สู้ๆ. จัดเต็มให้กระต่ายน้อย ขโมยหัวใจมาให้ได้  o13

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
อยากเป็นต่ายน้อยยยย

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ทิมตอนนี้ ได้ใจจริงๆ หุหุ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ปรับอารมณ์ตามน้องทิมแทบไม่ทัน
คนหนุ่มเลือดร้อนเขาสบถเพราะพอใจอย่างแรงนี่เอง
หมอตุลเป็นไรหนอ คงไม่ใช่อกหักแล้วมานั่งร้องไห้หรอกนะ

คนเขียนหายเร็ว ๆ นะ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3

คะน้านี่ขี้ใจอ่อนมากๆอ่ะ

แต่ดูยังไฃก็เหมือนทิมจะนำโด่ง

เอ  หรือเรื่องนี้จะสามพีน้าาา  อิอิ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อุ๊ยยย ดีใจเล้ากลับมาแล้ว แต่เม้นท์หาย ไม่เป็นไร เม้นท์ใหม่ๆ

ตอนนี้เลิกเชียร์ทุกฝ่าย ขอเชียร์คะน้าก่อน อาการหนักสุดแร้ววววว

faratellll

  • บุคคลทั่วไป
แม่งงงงงงง.   โครตน่ารักอ่ะ นู๋ทิม   :o8
คะน้า ทำงี้กะหมอตุล ได้งัยเด๋วเจ๊ฟ้องทิมเลย o22

P.S.   ให้เจ๊เป๊นคะน้าหน่อยไม่ได้จะฟาด. เรียบบบบ

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม! ชูป้ายไฟ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวใจจะวายแล้วค่ะ เขินแทนคะน้า เขินมากอ่ะ :o8:
ตอนนี้ทิมโครตได้กำไรอ่ะทั้งกอดจูบลูบหอม -..-

แอบอยากรู้ว่าทำไมตุลถึงเป็นแบบนั่น?

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
จะเม้นตั้งแต่เล้าล่ม พิมพ์ไปแล้ว  :m15:

หาย

จุดนี้เลยมา

*โบกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ป้ายไฟ ให้ลูกชายสุดฤทธิ์ ทิม*

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด