♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430452 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gaem

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
เค้าเชียร์ทิม  เค้าชอบหนุ่มวิศวะ (อันนี้ออกแนวส่วนตัว :o8:)    :impress2:

แต่เค้าก็ชอบหมอตุลนะ  เอามาปั่นรวมกันได้มั้ย?  :z3:

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
หายไปเลยน้าา งานยุ่งเหรอ

ออฟไลน์ warnana001

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เห็นชื่อเรื่องแอบงงๆ แต่พอมาอ่านนี่รู้สึกฟินสุดๆ :-[ :-[
เชียร์ทิมที่รัก~ ห้ามหักมุมนะคะ!!!
อนึ่งที่เชียร์เพราะว่าทิม หล่อ รวย นิสัยดี(หรือจะแค่กับต่าย?) น่ารัก(ความเห็นส่วนบุคคล)
ส่วนตุลย์นี่ก็น่ารัก(แต่สู้ทิมไม่ได้)
แอบฮาสาวพม่า ฮาดี
เลิฟนิยายเรื่องนี้มากๆๆๆๆ รีบๆมาต่อนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
กลับมาย้อนอ่านเรื่องนี้อีกรอบ :)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586



แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

ยังไม่มา

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
ไม่ได้เข้ามาซะนาน


ยังรออยู่นะ :monkeysad:


และจะตามต่อไปจ้า

สู้ๆนะคนแต่ง

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ขอโทษทีนะครับ หายไปนานจริงๆ พอดีงานแทรกเยอะมาก ไม่ไหวแล้ว
คนแต่งอยากหนีไปบวชตัดขาดจากทางโลกเสียจริงๆ ฮือๆๆ
งานยังไม่พอแถมยังไม่สบายงอมแงมอย่างต่อเนื่อง เอาแต่นอนทั้งวัน แหะๆ
ทานยาแล้วง่วงจริงๆ นะ พยายามแต่งแล้วไม่ไหวจริงๆ

เอาล่ะ ไม่โม้ให้มากความ อ่านต่อเลยครับ!   :z3:


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 11 (ต่อ)



กระทั่งพระอาทิตย์สีส้มขึ้นแตะขอบฟ้าแทนที่ดวงจันทร์ที่คุ้นตา
สีดำเข้มที่เคยแต่งแต้มอยู่ทั่วผืนฟ้าถูกย้อมด้วยแสงสีทองที่เฉิดฉายงดงาม
เสียงโทรศัพท์ที่ใช้แทนนาฬิกาปลุกทำให้ชายหนุ่มกระพริบตาตื่นขึ้น
มือไม้แกว่งไกวจนปัดป่ายให้สมุดไดอารี่เล่มหนาหล่นมาทับหัวแทนระบบการปลุกซ้ำอัตโนมัติ

“โอ้ยยย”

คะน้าเอามือคลำหัวตัวเองป้อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผล็อยหลับลงไปตอนไหน ลุกขึ้นแล้วรีบไปอาบน้ำ
เผื่อว่าน้ำเย็นๆ จะช่วยเรียกสติกลับคืนมาได้บ้าง แต่ผลลัพธ์กลับดูจะไม่เป็นไปตามคาด
เมื่อเจ้าสติดันกลับมาพร้อมกับภาพความทรงจำของทิมและตุลที่ไม่น่าจดจำในช่วงหลายวันนี้
ลงท้ายก็แบกเอาเรื่องมึนๆ มากมายที่อยู่ในใจไปที่ตลาดด้วยความจำใจ

ที่ตลาดวันนี้เกิดสงครามย่อมๆ เมื่อผู้ท้าชิง สายใจ หอยใหญ่ หอยโต
จะขอเทียบรัศมีกับสาวพม่านัยน์ตา Korea อย่างจันทูที่ปัจจุบันควบตำแหน่ง
ราชินีไซด์งานก่อสร้างพ่วงอีกหลังจากที่ได้ไปเสิร์ฟไอศกรีมแทนคะน้าเป็นครั้งคราว

แล้ววันอันแสนอลหม่านก็จบลงไปอีกวันพร้อมกับอาการปวดหัวของคะน้า
จนซมซานกลับมาที่คอนโดพร้อมร่างที่แทบจะหมดเรี่ยวแรง
กระทั่งสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวที่โรยตัวลงมากระทบผิวเรียกความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง
ความรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าจึงเริ่มเข้ามาบำบัดความเครียดที่มีให้จางหายไปทีละน้อยๆ
สายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านตัวช้าๆ ราวกับชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปเบื้องหลัง

แม้ว่าจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่บ้านอีกหลัง แต่ที่นี่แตกต่าง
ห้องที่เคยเห็นผักกาดนั่งดูทีวีบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน เดินไปมา
หรือส่งเสียงประหลาดกลับดูเงียบเหงา แห้งแล้งและไม่มีชีวิตชีวา
เงียบสงบราวกับเหลือเขาเพียงคนเดียวบนโลกนี้ลำพัง ออกไปนั่งเงียบๆ คนเดียวที่ระเบียง
มองฟ้าที่ไม่มีทั้งดวงดาวหรือพระจันทร์ กระทั่งได้ยินเสียงกีต้าร์เบาๆ ล่องลอยมาตามสายลม

มีคนเคยบอกว่าคงจะมีเพียงคนเหงาที่เข้าใจคนเหงาด้วยกัน แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตา
หากแต่เสียงดนตรีที่กระซิบผ่านมาในอากาศนั้นกลับดูหงอยเหงาจนสัมผัสได้
เพียงได้ยินแค่เสียงดนตรีที่ไร้คำร้อง คะน้าก็พอจะคาดเดาออกว่า
เพื่อนบ้านที่เคยมีรอยยิ้มสดใสราวกับจะหยุดโลกทั้งใบได้นั้นเป็นเช่นไร

ครู่เดียวเสียงกริ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของคะน้าที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตุล
ไม่ใช่แค่เพียงความเหงา แต่ในใจของหนุ่มน้อยเจือไปด้วยความห่วงใยจางๆ
โดยที่เจ้าตัวอาจไม่ทันเอะใจ และเพียงชั่วอึดใจประตูบานทึบก็ค่อยๆ แง้มออก

“หวัดดีค...ครับ” ชะงักค้างเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ตุลผู้เป็นเจ้าของห้อง
แต่กลายเป็นผู้หญิงสวมกางเกงขาสั้นสบายๆ

...รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรคะ” เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้าเฉยเมย
อันที่จริงอาจจะเจือความไม่พอใจไว้นิดๆ เสียด้วยซ้ำ

“เอ่อ... ผมคือ เอ่อ... มาพบตุลน่ะครับ”

“ให้บอกว่าใครคะ” สีหน้าของเธอปรับเป็นรอยยิ้มขึ้นตามมารยาท

“ผม...”

“ต่ายเหรอ...” เสียงเจ้าของห้องดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับโผล่ตัวขึ้นที่ด้านหลัง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” รอยยิ้มจางๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
...ใบหน้าที่ดูจะไม่มีความสุขเท่าไหร่

“ว่าจะแวะมาคุยเล่นน่ะครับ ไม่รู้ว่าหมอ... เอ่อ... ติดธุระอยู่”
คะน้าเหลือบมองแววตาที่จ้องเขม็งของเธอคนนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกตำหนิที่มารบกวน
“งั้นผมกลับก่อนนะ ไว้ว่างๆ ค่อยมาคุยใหม่เนอะ แหะๆ” โบกมือลาแล้วพลิกตัวกลับ แต่ข้อมือก็ถูกรั้งไว้

“เข้ามาข้างในสิ” ไม่ฟังคำทัดทาน ตุลคว้ามือของคะน้าแล้วเดินเข้าห้องไป
จนใจจนกลายเป็นจำยอมเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

เมื่อเดินนำเข้าไปด้านในแล้วตุลก็ดึงมือของคะน้าให้นั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับเขา
หญิงสาวที่เดินตามมาทีหลังยิ้มน้อยๆ แบบพอรักษามารยาทหากแต่คะน้ารับรู้ถึงความไม่ชอบใจในที

“นี่ก้อย เพื่อนผม ต่ายพอจำได้ไหมครับ”

“สวัสดีครับ ตอนแรกว่าหน้าคุ้นๆ แค่ผมจำไม่ได้จริงๆ ที่แท้ก็คุณหมอก้อยนี่เอง”
คะน้าทักทายแล้วยิ้มให้ด้วยไมตรี

“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มกลับแต่โดยดีแล้วหันไปทางตุล “ใครเหรอคะ”

“เพื่อนบ้านน่ะครับ ก้อยเคยเห็นแล้วไง ตอนนั้นที่โรงบาล”
ตุลตอบพร้อมส่งรอยยิ้มน้อยๆ มาให้คะน้า
หญิงสาวเพียงเหลือบมองชั่วครู่ แววตาไม่รู้สึกถึงความคุ้นเคยแม้แต่น้อย
เธอเงียบไปก่อนจะเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สะบัดสูงไม่ใยดีใดๆ

“ก้อยนึกว่าเป็นแฟนกันเสียอีก”

เสียงเรียบๆ นั้นทำให้คนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งสุดตัว คะน้าหันไปมองคนพูดด้วยความเหรอหรา
สลับกับใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ด้วยความมึนงง ตุลยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบอะไร
เขายกมือขึ้นแล้วโอบลงบนบ่าของคะน้า ชายหนุ่มสะดุ้งกายเล็กน้อย หันไปมอง
อ้าปากพะงาบพร้อมโวยเต็มที่ แต่เมื่อเจอรอยยิ้มหวานฉ่ำของคนที่นั่งข้างๆ เข้าไป
...ท่าจะบ้าไปแล้ว จากที่ตั้งใจจะต่อว่ากลับกลายเป็นเผลอยิ้มเขินตอบไปโดยไม่รู้ตัว
ตุลหัวเราะนิดๆ แล้วโน้มศีรษะตัวเองเข้ามาโขกด้านข้างของหัวคะน้าเบาๆ แล้วอมยิ้ม

...แผ่นดินไหวใช่ไหม ทำไมใจมันสั่นๆ หว่า

หากแต่ไม่มีคำพูดใดๆ แทนคำตอบออกจากปากของตุล
และนั่นดูเหมือนจะทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจนัก

“จะไม่พูดชี้แจงอะไรหน่อยหรือคะ” ก้อยมองจ้องไปที่ตุลเหมือนเค้นเอาคำตอบ
แต่แววตาของตุลยังคงเรียบเฉยราวกับผิวน้ำเรียบๆ ที่ยากจะคะเนความลึก
...จนปัญญา หญิงสาวจึงปรายแววตาคุกรุ่นนั้นมาที่คะน้าที่นั่งเคียงข้างชายหนุ่มอีกคนแทน
จนแขกผู้มาเยือนอย่างเขารู้สึกตัวฟีบลงไปในทันที ไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่เอาเสียเลย
พยายามจะอ้าปากอธิบาย แต่สายลมเบาๆ ที่เป่าอยู่ข้างๆ หูมันทำให้ขนลุกอย่างประหลาด

คะน้าหันไปมองด้วยสายตาที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ระคนไปด้วยความโมโหที่ไม่ดูกาลเทศะ
แต่ก็เจือไปด้วยความเขินกระดากพอๆ กัน ตุลยกปลายคิ้วน้อยๆ สองสามครั้ง
พร้อมกระพริบตาทะเล้นใส่ เล่นเอาคะน้าเหวอ ก่อนจะมีสายลมเบาๆ
เป่ามากระทบใบหูอีกครั้งจนรู้สึกร้อนฉ่า ...ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ

เสียงสูดลมหายใจกระฟัดกระเฟียดของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำ
“ดูตุลสบายใจขึ้นนะคะ ไม่เครียดอะไรอีกแล้ว” ลงท้ายดูเหมือนว่า
จะเป็นก้อยเองที่จะหมดความอดทนกับความเงียบที่เป็นอยู่

“แบบที่ผมบอกก้อยแหละครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

แล้วตุลก็หันมาชวนคะน้าคุยไปเรื่อยเปื่อยโดยมีก้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ
“กินข้าวยังน่ะเรา เย็นนี้ไปทานอะไรกับผมนะ”
หญิงสาวก้มหน้านิ่งไม่ได้แสดงท่าทางหรือความรู้สึกใดๆ ออกมา
กระนั้น คะน้าก็ได้แต่ยิ้มๆ ด้วยความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
...ได้แต่นั่งเงียบๆ มีตุลหันมาส่งยิ้มให้กับคะน้าเป็นระยะๆ แล้วก็นั่งจับเจ่าอยู่แบบนั้น

เผินๆ ดูมีความสุขดีหรอก แต่ในดวงตาที่เคยสุกใสนั้นมันหม่นจนคะน้ารู้สึกใจไม่ดี
หมอก้อยเองก็คงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของตุล
เธอลอบมองชายหนุ่มบ่อยๆ ความห่วงใยนั้นฉายออกมาแจ่มชัด
แต่ตุลกลับไม่ได้มองเห็นท่าทางของหมอก้อยนั้นเลย ...อันที่จริงดูเหมือนแกล้งไม่เห็นเสียมากกว่า

ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สุดท้าย เสียงผ่อนลมหายใจของหญิงสาวดังขึ้น
หมอก้อยคว้ากระเป๋าถือใบเล็กๆ ของเธอขึ้นมาสะพายไหล่ แล้วก็ลุกออกจากห้องไป
คะน้าหันไปมอง อยากจะถามว่าเธอไปไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามดีหรือเปล่า
ได้แต่หันมามองหน้าตุล หัวไหล่ของคนตัวเล็กกว่ากระแทกลงไปบนบ่ากว้างของคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
เหมือนส่งสัญญาณให้เจ้าของห้องทำอะไรสักอย่าง จนตุลเงยหน้ามามองด้วยความแปลกใจ
คะน้าถมึงตาใส่แกมบังคับว่าตุลควรจะลุกขึ้นไปส่งหมอก้อยที่เป็นเพื่อนของเขา
หากแต่หมอหนุ่มกลับมีท่วงท่าเฉยเมยเช่นเดิม

“เค้าจะไปไหนน่ะ” คะน้าถามด้วยความหงุดหงิด

“ไม่รู้”

“ก็แล้วไม่ถามซะหน่อยเหรอ” ชักจะเซ็งๆ กับท่าทีของตุล ทำไมไม่ดูแลเพื่อนเอาเสียเลย

“ก็ไม่อยากรู้”

“อ้าววว...” คะน้าถึงกับอ้าปากหวอในคำตอบ มึนงงจนต้องนิ่งไปสักพัก “ทะเลาะกันเหรอ”

“เปล่านี่”

“แล้วทำไมดูตึงๆ กัน เหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรกัน มันเหมือนทะเลาะอะไรกันอยู่เลย
หมอก้อยเป็นเพื่อนที่ทำงานไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เค้าก็มาเยี่ยมหมอเลยนะ
ขนาดเด็กประถมสี่ยังดูรู้เลยนะหมอว่าเขาห่วงหมอขนาดไหน”

“เด็กประถมสี่เลยเรอะ” ตุลถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อคะน้ารัวคำถามใส่เป็นชุด

“อ้าว ก็พูดจริง นี่มันสาวมาหาถึงบ้านเลยนะเว้ยเฮ้ย แถมยังเป็นสาวสวยซะด้วย”

“แล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับเด็กป.สี่” ตุลยังคงล้อเลียนไม่เลิก

“อ้าว ไอ้นี่ ก็แปลว่าเค้าห่วงมากแคร์มากนะเว้ย
มีสาวสวยขนาดนี้ เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ มันน่าดีใจจะตายไป
ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนนะเว้ย ทำเป็นเล่นไป”
คะน้าพล่ามเป็นชุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับสบตาหวานฉ่ำของตุล
ที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของตนเองอยู่ไม่วางตา ราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่คะน้าพูดไปเลย
หมอหนุ่มจ้องมองอยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดจนต้องชะงัก

...มองอะไรนักหนาวะเนี่ย

“พูดต่อสิครับ ผมกำลังฟัง” ค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้
ปลายนิ้วเลื่อนไล้ที่ไรผมเล่นอย่างเบามือ

“เออ ช่างเหอะ” เบือนสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ครั้นเหลือบมองดูคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกสั่นไหว
คะน้าก็เห็นแต่รอยยิ้มจางๆ ที่คลี่แฝงอยู่ที่มุมปาก
ปลายนิ้วที่เขี่ยผมเล่นถูกดึงกลับไปวางนิ่งอยู่ข้างกาย
เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้น ก่อนทุกสิ่งจะกลับมานิ่งสนิทตามเดิม

คะน้าหันไปมองเหมือนจะตำหนิที่ตุลเล่นอะไรไม่เข้าท่า
พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นกับรอยปื้นแดงเล็กๆ ที่กระจายอยู่บริเวณซอกคอของตุล
...ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นรอยอะไร และเมื่อสังเกตดูดีๆ จะพบว่า
เสื้อเชิ้ตของเขามีรอยยับย่น กระดุมเสื้อถูกปลดลงลึกแทนที่จะติดครบทุกเม็ดแบบที่คะน้าคุ้นตา
...บางทีอาจจะเกิดสงครามย่อมๆ ก่อนที่เขาจะเข้ามาก็เป็นได้
คิดดูแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่หมอก้อยแดงสีหน้าแบบนั้น

ตุลหันมามองก็พบว่าถูกคะน้าจ้องอยู่อย่างไม่วางตา เขาไม่ได้คิดที่จะ
เก็บซ่อนมันไว้อย่างเขินอาย ตรงกันข้ามกลับยิ้มแปลกๆ ที่มุมปากราวกับ
อยากให้คะน้าเห็นเช่นนั้นเสียมากกว่า ...ดูเป็นยิ้มที่ดูจงใจให้เห็นว่าเป็นยิ้มชอบกล
อันที่จริงเรียกว่ากระตุกริมฝีปากขึ้นแบบขอไปทีแค่นั้นยังจะดีกว่า

“อยากจะพูดอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่” คะน้าตอบกลับเบาๆ

“อือ”

ทุกอย่างเงียบสงบด้วยความเก้อเขินของคะน้าและอารมณ์หม่นๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง
กระทั่งน้ำหนักศีรษะของคนนั่งใกล้ๆ ค่อยๆ ถ่ายเทลงบนบ่า
พร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยล้าของคนที่นั่งใกล้
คะน้าเหลือบไปมอง ไม่ได้เห็นใบหน้าอย่างที่ตั้งใจ
มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของยาสระผมบนผมของคนที่นั่งใกล้ที่เจือมาให้รู้สึก
...ปล่อยให้ทุกอย่างดำดิ่งสู่ความเงียบอีกครั้ง

เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ กระทั่งคะน้ารู้สึกปวดล้าที่บนบ่า
เสียงถอนหายใจเบาๆ ของตุลยังดังขึ้นเป็นระยะๆ จนเขาอดไม่ไหวที่จะเอ่ยถาม
“ตุลเป็นอะไร ผมเป็นห่วงนะ รู้ไหม?” คะน้าพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาเหมือนกับสายลมพัด
มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของตุลดังขึ้นใกล้ๆ
...เพียงเท่านั้นจริงๆ ที่พอจะบ่งบอกว่าคนที่ชิดใกล้ยังมีชีวิตอยู่

“ตุล...”

“ครับ”

“เป็นไร” รู้สึกถึงแรงขยับที่สั่นไหวบนบ่าและเสียงลมหายใจหนักอึ้งที่ติดขัด
“รู้ไหม? หลายวันมานี้ นายดูไม่เหมือนกับคนที่ผมเคยรู้จักเลย
คนที่เคยหัวเราะ ยิ้มมันทั้งวัน คนที่ร้องเพลงเพราะๆ นั่งดีดกีต้าร์อารมณ์ดี
มันหายไปไหนว๊า บอกมา!” เสียงทุ้มๆ คำรามเบาๆ ในลำคอแทนคำตอบ

“บอกมาเด๊! บอกมา เงียบแบบนี้ กู... กู...” คะน้ากลืนน้ำลายอย่างติดขัด
ยิ่งตุลเงียบเฉยเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก คะน้าหอบลมหายใจแรงก่อนจะค่อยๆ
ปรับความรู้สึกที่คุกรุ่นของตัวเองลง เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งเงียบของตุล
ชายหนุ่มค่อยๆ ยกศีรษะของตัวเองขึ้น ขยับตัวเว้นระยะห่างจากคะน้าไปเล็กน้อยแล้วนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น
คนตัวเล็กกว่าทอดสายตามองตามด้วยความรู้สึกหน่วงอึ้งอย่างบอกไม่ถูก

“ก...กูเหมือนคนที่ไม่มีประโยชน์สำหรับมึงเลย”

“ขอโทษ”

“เป็นไร”

“ไม่เป็นไร” ตุลหันมามองแล้วฝืนยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจนะ”

“ขอบใจเหรอ” คะน้าหันกลับไปมองคนข้างๆ
ที่ตอนนี้ได้แต่ทอดสายตามองอย่างไร้จุดหมาย “อือ... แค่นั้นสินะ”

“อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริงๆ” แรงขยุ้มเบาๆ บนหัว
ทำให้คะน้าหันกลับไปมองดวงตาที่ดูเศร้าๆ คู่นั้น
รอยยิ้มน้อยๆ จางอยู่บนใบหน้าพอเป็นพิธีเท่านั้น

“ผมดีใจมากนะครับที่คุณเป็นห่วงผม
ทั้งๆ ที่ผมมันก็แค่คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย”

“หมายความว่ายังไงเหรอ” คะน้าหันมาถามด้วยความมึนงง

“ผมทั้งชั่ว ทั้งเลว ทำความผิดที่ไม่น่าจะให้อภัย
หึ... คนแบบผมไม่มีค่าอะไรที่คนดีๆ แบบคุณควรมาเห็นใจอะไรเลย”

“ผมไม่เข้าใจ” ตุลเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นช่วงเวลานานหลายนาที
ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดอะไรบางอย่างออกมา

“...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”

“นิทานเหรอ” คะน้าถามด้วยความไม่เข้าใจ

“อือ... นิทาน” ตุลพูดกลับเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่เจือด้วยความรู้สึกประหลาด



(มีต่ออีกจึ๊กนะ)



ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ตอนที่ 11 (จบตอนละ)




“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กตัวน้อยๆ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น
และภายในร่างกายที่ค่อยๆ เติบโตของเธอนั้น อัดแน่นไปด้วยความฝันมากมายที่เธออยากจะทำ
ถ้าถามเธอว่า ถ้าหนูโตขึ้นหนูอยากจะเป็นอะไร เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยเสียงดัง
แบบไม่ต้องคิดเลยว่าเธออยากจะเป็นกระเป๋ารถเมล์”

“ฮ่ะๆๆ น่ารักจังเลยนะครับ” คะน้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ออกมา

“อือ... รอยยิ้มบนหน้าเธอตอนนั้น เชื่อไหม ว่ามันทำให้ใครๆ ที่อยู่ใกล้
ก็อดยิ้มตามไม่ได้ ดวงตาสดใสเป็นประกาย ทุกๆ วันเธอจะคุยเล่นกับเด็กคนอื่นๆ
ถามคำถามว่าพอโตขึ้นอยากเป็นอะไร แล้วเธอก็จะคอยบอกกับ
เด็กทุกคนว่า ...เป็นเด็กดีนะ ...โตขึ้นต้องเป็นคนดีนะ แล้วจะมีแต่คนรักใคร่
จะมีเพื่อนเยอะแยะเลย จะไม่เหงาด้วย เพราะคุณตาของเธอบอกอย่างนั้น”

“เธออยู่กับคุณตาเหรอครับ”

“คุณพ่อและคุณแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ และเธอคือ
ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ...ทั้งๆ ที่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่เธอ”

“เป็นเด็กที่เข้มแข็งมากนะครับ” คะน้าพูดด้วยความรู้สึกสลดกับเรื่องรวที่ได้ยิน

“มากๆ ครับ เธอเป็นคนโชคร้ายมากนะ ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้
แต่ก็มีสุขภาพที่แย่มาตั้งแต่เกิด พระเจ้าทำให้ร่างกายของเธอผิดปกติจากคนทั่วไป”

“แต่พระเจ้าก็ให้พรวิเศษที่ทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าใครหรือเปล่าครับ”
คะน้าติงขึ้นในทันทีและคำท้วงติงนั้น สร้างรอยยิ้มให้กับคนที่นั่งใกล้อย่างเหลือเชื่อ
...เป็นรอยยิ้มของตุลที่เขาไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน

“ครับ ...รู้ไหม ว่าเด็กคนนี้เหมือนกับผมมากเลยนะ คล้ายมาก ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ
อยู่กับคุณยาย ทุกครั้งที่เห็นเธอ ผมกลับรู้สึกอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ทั้งๆ ที่เธอโชคร้ายกว่าผมมากมาย
แต่ทำไมเธอถึงได้มีความสุขเหลือเกิน ทำไมถึงได้เป็นคนที่น่าอิจฉาขนาดนั้น”

คะน้าเหลือบมองไปที่ตุล ไปๆ มาๆ ชักเริ่มไม่แน่ใจว่า
เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่นิทานอย่างที่ตุลพูดหรือเปล่า

“เชื้อโรคที่ชั่วร้ายกำลังลามจากกระดูกไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เธออยากเข้าผ่าตัดทั้งๆ ที่มีความเสี่ยง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ...เพื่อไปทำความฝันของหนู เธอพูดแค่นั้น
รู้ไหม ผมไม่สนับสนุนเลย มันมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ถึง 3%
แต่มันก็คือความเสี่ยงมาก แต่เธอสิ ยิ้มสู้อย่างไม่หวั่นเลย ฮ่ะๆๆ
รู้ไหม ผมไปซื้อกระบอกเก็บตังค์แบบกระเป๋ารถเมล์มาให้เธอด้วยนะ
กะว่าถ้าเธอหายดีจะให้กับเธอ ให้เธอได้ทำตามความฝันนั้น”

“ฮ่าๆๆๆ อย่างนั้นหรือครับ” คะน้าหัวเราะออกไปแบบขอไปที
ความรู้สึกบางอย่างบ่งบอกว่าเรื่องไม่ดีคงอาจจะเกิดตามมา

“ผมเป็นแพทย์ผ่าตัดให้เธอเอง ผลการผ่าตัดออกมาเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา
เมื่อเธอฟื้นจากการผ่าตัด ผมก็มอบกระบอกเก็บตังค์ที่ผมซื้อไว้ให้กับเธอ
ฮ่ะๆๆ รู้ไหม ว่าเธอดีใจแค่ไหน ตาเป็นกระกาย ขอบคุณผมตั้งมากมาย
เธอบอกว่าถ้าขึ้นรถเมล์เธอ เธอจะให้ผมนั่งฟรีด้วยนะ”

“ดีจังเลยนะครับ เธอชื่อว่าอะไรเหรอ”

“อธิษฐานครับ คุณตาเธอตั้งชื่อให้ว่าเด็กหญิง อธิษฐาน”

“เป็นชื่อที่เหมาะกับน้องเค้าดีนะครับ ตอนนี้ เธอคงได้ทำตามความฝันของเธอแล้ว”
เมื่อฟังมาถึงตอนนี้ คะน้ารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หากแต่เสียงของตุลกลับเริ่มสั่นไหว

“ไม่หรอกครับ วันนั้น กลางดึกที่ผมออกเวรแล้ว ระหว่างพักฟื้นมีการผ่าตัดด่วนอีกครั้ง
โดยอาจารย์ท่านอื่นเพราะมีอาการแทรกซ้อน ผมรีบตามมาดู พอฟิ้นมา
อธิษฐานบอกผมว่าหนูเจ็บอย่างบอกไม่ถูก เธอบอกว่าหนูเจ็บจนทนไม่ไหว
เธอมีการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดน่ะครับ ผลจากการผ่าตัดไม่สู้ดี
อธิษฐานถามผมว่าเธอจะหายไหม เธอถามผมเพราะรู้ว่าผมจะไม่โกหกเธอ
แบบคุณตา หรือคุณหมอท่านอื่นๆ ผมบอกว่าเธอจะหาย เธอขอบคุณผม
พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าใจหายนั่น เธอบอกว่าผมไม่โกหก แต่ผม... ผม...”

“ตุล...”

“...ผมโกหกเธอ”

“ตุล...” ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ สั่นสะเทิ้นเล็กน้อยก่อนจะหอบสั่นอย่างแรงพร้อมกับเสียงสะอื้น
“ตุลล...” คะน้าเอื้อมมือออกไปจะปลอบ แต่ก็ชะงักกับคำพูดเบาๆ ของตุลที่เอ่ยออกมา

“ผมฆ่าคนตาย” ตุลตะโกนออกมา

“ผมฆ่าคนตายครับ ได้ยินไหม ผม... ผมฆ่าคนตาย” เขาเงยหน้าขึ้นมามอง
ด้วยดวงตาบอบช้ำที่แดงกล่ำ “ด้วยมือทั้งสองข้างของผมเอง ผมทำให้อธิษฐานตาย”

“โรคนั่นต่างหากที่ทำให้เธอตาย ตุลเป็นคนพยายามรักษาโรคนั่นต่างหาก”

“ผมก็ควรรักษาได้สิ ไม่งั้นจะเป็นหมอเพื่ออะไร แค่เด็กคนเดียว
ชีวิตชีวิตเดียว ผมยังช่วยไว้ไม่ได้ แค่เด็กตัวเล็กๆ คนนั้น”

“แต่นายทำดีที่สุดแล้วนะ”

“ทั้งๆ ที่เธอแค่อยากเป็นกระเป๋ารถเมล์เองนะ
ผมซื้อกระบอกเก็บตังค์ให้แล้ว ...แค่นี้เอง ...ไอ้โง่เอ้ย
มึงก็ทำได้ทำได้แค่นี้เองแหละ แค่เด็กคนเดียว
...คนๆ เดียวมึงยังช่วยเขาไว้ไม่ได้เลย”

คะน้ากอดร่างที่สั่นสะท้านของตุลไว้จนแน่น บีดรัดด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เข้าใจและรับรู้ถึงความเจ็บปวดต่างๆ นานาที่ตุลหรือแม้แต่หมอคนไหนๆ ก็คงต้องแบกรับเอาไว้
“เป็นผมเอง ผมก็คงช่วยอธิษฐานไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่มีความรู้อะไรเลย
ถ้าตุลที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดทำไม่ได้ แล้วคนไหนบนโลกนี้จะทำได้”

“มีคนที่เก่งกว่าผม ถ้าผมไม่อวดดีคิดว่าทำได้
ถ้าผมเลือกที่จะไม่ผ่า หรือถ้าพยายามมากกว่านี้อีกนิด ถ้า...”

“ตุล! ฟังนะ!” คะน้ากอดร่างที่สั่นไหวของตุลจนแน่นขึ้น

“ตัวเธอยังอุ่นจนถึงเมื่อเช้าวันนั้นอยู่เลย แล้วก็...”

“ตุล! ฟัง! ฟังผม... ฟังนะ ตอบผม ผมรู้ ตุลไม่โกหกผม
...ผ่าตัดนั้น นายทำทุกอย่างอย่างเต็มที่หรือเปล่า”

“เต็มที่ ผมอยากให้เธอหายเป็นปกติ ผมคอนซัลต์แพทย์หลายๆ ท่านเรื่องการผ่าตัด
ทั้งทางวิสัญญี กุมารเวช และด้านอื่นๆ ทุกคนให้ความเป็นไปในทางเดียวกัน
แต่แค่นั้นมันอาจจะไม่พอ ต้องมากกว่านี้ พยายามให้มากกว่านี้”

“งั้นฟังนะ! นายทำดีที่สุดแล้ว และดีที่สุด ก็หมายความว่านายได้ทำเต็มที่เท่าที่นายพอทำได้แล้ว
ไม่มีดีมากไปกว่านี้ นายควรจะเสียใจถ้านายไม่ได้ทำมันอย่างเต็มที่ต่างหาก”

คะน้าพยายามอธิบายต่อเพื่อเรียกสติของตุลกลับคืนมา
“การเข้าใจความรู้สึกของคนไข้เป็นเรื่องดีมากๆ แต่นายควรรักษาสมดุลย์ของมันไว้ด้วย
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อย่าฝังใจกับการรักษาในอดีตที่ผ่านมา
เพราะนั่นแปลว่าเรายอมหยุดนิ่งแล้วกับความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้น
ในความเป็นจริง การแพทย์หรือการรักษา มันต้องพัฒนาต่อไปทุกวันไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ ...ผมโกหก ผมกำลังโกหกคะน้าอยู่” ตุลพยายามฝืนรั้งตัวเอง
แต่เหมือนอะไรๆ กลับไม่เป็นไปอย่างที่ใจเขาต้องการ

“ใช่ นายโกหก ...และมันไม่เนียนเอาซะเลย”

ร่างที่ไหวสะท้านของตุลค่อยๆ สงบลง มีเพียงเสียงหอบเบาๆ และความชื้นบนบ่า
ของคะน้าที่เป็นร่องรอยแห่งความเสียใจที่เขาแบกรับมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“ไม่ได้บอกให้ลืม แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเราเองให้ดียิ่งขึ้น
ตุลทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง รักษาโรคอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ซึ่งผมทำไม่เป็น
ดังนั้นอย่าให้อดีตทำร้ายตัวเราจนเกินไป เข้าใจไหม”

“มันก็แค่อาชีพน่ะครับ เหมือนกับอาชีพหนึ่งในสังคม ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร”

“ไม่ได้ถามว่าเหาะได้หรือเปล่า ถามว่าเข้าใจไหม”

“อ่า... เข้าใจครับ” ตุลอึ้งๆ แบบไปต่อไม่ถูก
สุดท้ายก็ก้มหน้างุดๆ แล้วเอ่ยขอบคุณด้วยไมตรี “ขอบคุณนะ”

แม้ว่าจะไม่เห็นหน้า แต่ก็รับรู้ได้ในน้ำเสียง ไม่ผิดแน่ ตุลกำลังยิ้มอยู่
“คิดมากน่า เยี่ยวเหลืองพอดี” คะน้าพูดติดตลก

เท่าที่พอรู้จักมา ตุลมักเป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ
ประมาณว่าออกจะเกรงใจคน กล้าๆ กลัวๆ ถ้าจะเปรียบเทียบให้พอเห็นภาพ
คงต้องเปรียบกับทิม ขานั้นนอกจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความกลัวแล้ว
ยังเรียกได้ว่าอยากจะพูดจะทำอะไรก็ทำ มาเต็มไม่มีกั๊ก จนเข้าขั้นหน้าด้านก็มี

นี่เหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่ตุลได้ทะลายกำแพงของตัวเองลง
และก็น่าจะเป็นครั้งแรกที่คะน้าได้รู้จักตัวตนของเพื่อนบ้านผู้นี้อย่างแท้จริง

...เขาเป็นคนที่ช่างอ่อนไหวเหลือเกิน

“ความฝันของตุลคืออะไรครับ”

“หือ?” ตุลเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงง คะน้าจึงอธิบาย

“ความฝันน่ะ ที่เคยคิดไว้ตอนเด็กๆ”

“ไม่รู้ จำไม่ได้” ใบหน้าที่คมสันกดลงที่เดิม พำนักความอ่อนล้าที่บนบ่าของคะน้า

“คิดสิ นึก ...นึกให้ออก”

“เป็นหมอ ...อยากรักษาคนที่ไม่สบาย”

“ไม่เอาสิ ...เอาตอนที่เราเด็กกว่านั้น
ความฝันครั้งแรกเลย ตอนที่เด็กๆ ไร้เดียงสาน่ะ”

“อยากเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก”

“ขับรถตุ๊กตุ๊กเหรอ ทำไมล่ะ”

“ซิ่งดี”

“อยากแว๊นซ์เหรอ”

“ก็บางทีนะ ...อยากมาก ฮ่ะๆๆ”
ตุลหัวเราะเบาๆ ใบหน้ายังเปื้อนด้วยคราบน้ำตา

“งั้นไปแว๊นซ์กับพี่ไหมน้องตุล” คะน้าดัดเสียงให้ดูกวน

“จะดีเหรอน้องต่าย” ตุลถามอย่างหวั่นๆ คะน้ายักคิ้วให้อย่างกวนๆ

“พี่เว้ย พี่ๆๆๆ เชื่อพี่ต่ายไม่มีผิดหวัง”

“พี่ตุลเป็นพี่ได้ไหม แล้วน้องต่ายเป็นน้อง”

“ไม่ได้เฟ้ย!”

“ครับ พี่ต่าย”

“เออ ดี พูดง่ายๆ เป็นเด็กดีจะได้โตไวๆ” คะน้าเท้าเอวตัวเองยืดอก แต่ไม่ทันไร
มือกว้างของตุลก็วางลงบนหัวของคนตัวเล็กกว่าเหมือนคะเนความสูงกับตัวเอง

“ท่าทางตอนเป็นเด็กจะเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหม เด็กชายต่าย”

“เดี๋ยวโดน” คะน้าหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที
ตุลหัวเราะได้เต็มที่ขึ้นแล้ว รอยยิ้มนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดี

“หลับตาดิ”

“หืมม?”

“หลับตา ...มาอธิษฐานให้เด็กหญิงอธิษฐานกัน” ตุลยิ้มน้อยๆ

“อือ” คะน้ายิ้มรับแล้วพยักหน้า

ชายหนุ่มตัวสูงค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ใบหน้าที่เคยโรยไปด้วยความเจ็บช้ำ
บัดนี้ความเจ็บปวดนั้นได้ค่อยๆ ทุเลาลงไปบ้างแล้ว ตุลในตอนนี้
ดูเหมือนว่าจะกลับเป็นชายหนุ่มทรงเสน่ห์คนเดิมที่เขาได้รู้จัก รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากนั้น
ยังคงอยู่ไม่หายไปจากใบหน้า ดีใจที่อะไรๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียที

“อธิษฐานนะ” คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“อืมมม” ตุลส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

บรรยากาศอะไรบางอย่างรอบๆ ตัวทำให้คะน้ารู้สึกดี
ทั้งการได้รับรู้ตัวตนอีกด้านของชายหนุ่มที่เขาไม่เคยรู้จัก ทั้งความใกล้ชิดที่ผ่านมา

อะไรบางอย่างทำให้คะน้าขยับเท้าเข้าไปใกล้ ปลายเท้าค่อยๆ เขย่งขึ้นเล็กน้อย
ก่อนที่ริมฝีปากของคะน้าจะสัมผัสกับริมฝีปากอ่อนนุ่มของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเบาๆ

ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบสนองความอบอุ่น
ในรสสัมผัสที่ได้รับจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างนุ่มนวล



...ขอให้ทุกคำอธิษฐานบนโลกนี้กลายเป็นจริงนะ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รอมานานแถมเจอแบบนี้ จะโดนด่าไหมเนี่ย 55555555
อย่างไรก็ตามไม่ต้องกลัวนะครับ ขอโม้ว่าเรามีสต็อคนะเออ
คิดว่าหายไปนานอาจลืมๆ กันแล้วแน่ๆ เลยขอสักวันอังคารแล้วกันจะมาอีกรอบนะครับ
ตอนนี้ขอลงไปสลบก่อนนะครับ อยากหายหวัดไวๆ จัง นอนเอาๆๆๆ
ฝนตก อากาศเปลี่ยนบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนมากนะครับ อายนะเนี่ย ฮ่าๆๆ รีบออกจะกระทู้ด้วยความอับอาย  :o12:

ปล. คนแต่งอนาถาเข้าเฟซบุคตัวเองไม่ได้ ใครใจดีฝากแปะลิงค์ในเฟซบุคเพจหน่อยนะครับ
ตอนนี้ใช้มือถือซิงค์เน็ตอยู่ เข้าลำบากแท้ โหลดเฟซบุคไม่ขึ้นเลย ฮือๆๆ  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2013 22:32:15 โดย Lucea »

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
แง้!!! ไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม เราไม่ยอม แง้ๆๆ
 o9 o9 o9
อยากจะเอามือไปคั่นระหว่างปากของสองคนนั้น
แล้วน้องทิมของเราล่ะคะน้าจ๋าาา น้องทิมมมมมล่ะ! โอ๊ยตาย หวั่นใจคะน้าจะเลือกหมอจัง
หรือถ้าจะปลอบใจกัน แค่กอดไม่ได้เหรอหนู จุ๊บๆแบบนี้คุณหมอแกยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ดิ!
โอ๊ย แล้วหมอก้อยนี่อะไรอ่ะ ก็รู้นะว่าวัวเคยค้าม้าเคยขี่คนเค้าคุ้นเคยอะไรๆกันอยู่แล้ว
แต่แบบเศร้าเรื่องทำงาน ต้องมีมาปลอบใจแบบนั้นกันถึงที่เลยฤา? ก็ไม่ชอบหมอตรงนี้แหละ!!!
คุณหมออย่าได้คิดมากไป ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าโทษตัวเอง มันไม่มีใครผิดหรอก ทำเต็มที่แล้วนิ

ยังคงโบกธงเชียร์ทิมอย่างบ้าคลั่ง!
 :a9:

ปล.ขอให้คนเขียนหายจากไข้หวัดไวไวนะคะ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เฮ่ยยย หมอทำคะแนนอะ
หมอเรียกร้องความสนใจ (ไม่ใช่และ ฮ่าๆ)
แม่ยกทิมนะ ยืนยันๆๆ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
รอทิมกลับมาจัดแบบหนักๆ อิอิ

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
หมออออออออออออ หมออย่าเศร้าเค้าไม่ชอบเห็นคนเศร้า  :sad4:
แม่ยกทิมนะ แง้ พูดเพราะอ่ะเค้าหวั่นหวายยย /คิดว่าตัวเองเป็นคะน้า   :z6:


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ยักน่ารักได้อีกอะ น้องต่ายน่ารักมากเก่งมากเลย ชอบอะ เชียร์ทั้งตุลและก็ทิม
ใครก็ได้ทั้งนั้น ก็น่ารักอะ ตุลก็แสนดี ทิมก็ได้ใจ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน อิอิ
หายไปนานนึกว่าจะลืมน้องต่ายเสียแล้ว กลับมาก็ดีใจมากมาย ยังไงก็ดูแลสุขภาพ
อย่าให้เจ็บป่วย จะได้มาต่อน้องต่ายไวไว อิอิ

ขอบคุณมากๆๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1:+ :3123:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องต่ายอ่อนไหวอีกแล้ว
ต้องปลอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวด้วยอะ ลืมน้องทิมแล้วหรือไง
เห็นใจหมอตุล ไม่มีใครอยากพลาด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :o211: :o211:



มันอะไรกัน ขัดใจปร้ามากเลยคะน้าาาาาาาาาาาาาาาาา  :o7: :o7:

ปวดใจแทนลูกชาย

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
อ่าวๆๆๆ พ่อยกทิมเข้ามาตีอกชกหัวอีกคน ไม่ยอมนะเนี่ย  :z3:

BONE

  • บุคคลทั่วไป
T_______________________________________T
ร้องไห้ให้น้องทิม คะน้าเขาจูบผช.คนอื่นไปแล้ว
พี่เสียใจ ฮือ~ สรุปที่จูบกับทิมตอนนั้นเพราะบรรยากาศมันพาไปรึเปล่าเนี่ย
อันนี้จูบหมอตุลย์ก่อนด้วย ฮืออออออ น้องทิมของพี่~
พี่เสียใจแทนแล้วนะ ถ้ารู้เรื่องก็ไม่ต้องเสียใจนะ~

อ่านตอนนี้แล้วก็สงสารหมอตุลย์เบาๆ ก็อย่างว่าล่ะนะ
มันเป็นธรรมดาของโลก มีเกิด มีเจ็บ มีแก่ มีตาย
หมอก็สู้ๆ นะ เป็นหมอต้องเข้มแข็งดิ โด่ๆๆๆ
มาแอ๊บเสียใจให้คะน้าปลอบป่ะเนี่ยยย ย
(ไอ้นี่ก็พาลแทนทิมไปเรื่อย ฮา~)

เห็นคนเขียนหายไปนาน เรานึกว่ากลับมาจะเจอน้องทิม
ที่ไหนได้.... T________________T
*นั่งปลูกเห็ดที่มุมห้อง*

ขอบคุณนะคะ
รอตอนต่อไปอยู่เน้อ~
(แอบเอาป้ายไฟน้องทิมเขวี้ยงประตูห้องนอนคะน้า??)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26


น้องทิมไปหนายยยยยยยยย  :serius2: :serius2: :serius2:


หมอตุลเจ้าชู้  ถึงตอนนี้จะน่าสงสาร แต่เค้าก็ไม่ชอบอยู่ดี  แง๊ๆๆๆๆๆๆ  :sad4: :sad4:

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
คะน้าอย่าหวั่นไหวนะค่ะ
ท่องไว้ๆๆ Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only   :-[

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
เชียร์น้องทิม แม้จะไม่มีทิมในตอนนี้
นังน้องต่ายชอบหมอเสียแล้วหรอ ไม่นะๆ   :serius2:

wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
โอย....เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว :serius2:
ทำให้คะน้าหวั่นไหวได้แบบนี้อ่ะ

แต่...ยังไงก็ยังเชียร์ทิมอยู่นะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ทิมมมมมม  ทิมมาทวงตำแหน่งด่วน!!!

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
ตอนนี้หมอตุลเรียกคะแนนสงสารจากคนอ่านได้เยอะ
แต่ไม่ใช่เราคนนึง ยังคงเชียร์ทิมอยู่เสมอต้นเสมอปลาย
ส่วนน้องต่าย  :z2: เลือกสักคนได้มั๊ยตัวววววววววววววววววววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด