♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430500 ครั้ง)

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ทิมมมมมมมมมมมมมมม  นี่พระเอกหรือคนคลุ้มคลั่ง?

..

เงียบ  หรือว่าจะช็อต







 :กอด1:

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
อ่านไปแทบลืมหายใจแน่ะคุณคนเขียน :a5:
อึดอัดมากค๊าาา :serius2: ใจจะขาดสงสารนู๋ต่ายน้อยของพี่ :เฮ้อ:
ส่วนทิมไม่เข้าใจทำไมทำแบบน้านนน..... :m16:

BONE

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านช้าไปตอนเดียว พลาดอะไรไปเยอะเลยเรา...
ตอนแรกสงสัย ทิมทำแบบนั้นกับตุลย์ทำไม
แต่ก็เข้าใจได้ในตอนถัดมา... ทิมอ่า
ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ต้องมีบ้าง ที่เราจะไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้
อดทนนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...

ส่วนคะน้า... ทำร้ายหัวใจตัวเองทำไมกัน
บางครั้ง แมัว่าเราจะไม่เคยได้เลือก
หรือไม่เคยคิดว่าตัวเองเหมาะจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
แต่ถ้ามันมีโอกาส เราก็ควรเลือกสิ่งที่คิดว่ามันทำให้ตัวเองมีความสุขสิ...

"คะน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พยายามกดเลื่อนดูกล่องข้อความที่ว่างเปล่า หากแต่ไม่มีข้อความใดๆ ข้างในนั้น หน้าจอจึงได้แต่ตีกลับซ้ำๆ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงกดย้ำอยู่ที่เมนูเดิมอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา"
อ่านประโยคนี้จบ นัำตาคลอโดยไม่รู้ตัวเลย
จุก... หาคำมาอธิบายไม่ได้ อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ...
ว่าข้อความของคนที่คะน้าไม่แม้แต่จะเมมเบอร์นะส่งอะไรมา...

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
(โบกปัายไฟทิมเงียบๆ พร้อมกับพยายามชวนทิมไปอยู่คอนโดใหม่)

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
เอาเลย  อยู่ด้วยกันไปเลยสามคน

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
tim FC รายงานตัวด้วยคน  :sad4: :sad4: :sad4:

ปวดตับ  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Benesmee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านตอนนี้แล้วหัวใจทำงานหนักมากกกกก...จะบีบคั้นอารมณ์ไปไหนคร้าคนเขียน  :sad4:
สงสารทุกคนเลย  :เฮ้อ: หวังว่าความอึมครึมนี้จะผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะตอนนี้มันพีคสุดๆ แบบหน่วงไม่ไหวแล้วววววว  :o12:


ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
นี่ๆคนเขียน  เขียนมาเพราะหมั่นไส้ทิมรึเปล่า
พยายามโจมตีฐานคะแนนทิมมากเลยอ่ะ
แต่ขอบอกนะว่า ต่อให้เลวกว่านี้เราก็เชียร์ ฮ่าๆๆๆๆ
คนอ่านบอร์ดนี่ทนน้ำทนไฟนะเออถ้าลองได้ชอบแล้วละก็นะ

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ผมขอโทษคับ
ตกลงแล้วตุลย์นั้น จะรุกต่าย แต่จะรับทิมสินะ กร๊ากกกกกกกกก

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Tim FC รายงานตัวตอนดึกๆ
มาอ่านตอนใหม่นิแบบ ไม่รู้จะเม้นอะไรจริงๆเลย
มันบีบมากอ่ะ มาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะอยากอ่านต่อแล้วว่าจะเป็นยังไงต่อ T3T

ออฟไลน์ tumtok

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
เพราะคิดว่าตุลเป็นคนดีมาก เลยไม่อยากให้ตุลเสียใจ
ตกปากรับคำเป้นแฟนกับตุลแล้ว ยังไงก้ต้องรักตุล อย่างนั้นน่ะหรือ???
แต่กับทิม เพราะคิดว่าเค้าเป็นคนที่เพียบพร้อม ไม่มีเค้าทิมก้มีสิทธิืไปเลือกคนอื่นได้
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก้รักทิม

แต่ยังสงสัยว่าคำว่ารักของคะน้าเอาอะไรมานิยาม คะน้าคิดว่าตัวเองรักทิมเพราะคำถามที่ทิมป้อนให้รึเปล่า
เพราะทิมรู้ว่าคะน้ารู้สึกยังไงกับตัวเอง เลยป้อนคำถามที่คำตอบมีแต่คำว่าใช่ ให้คะน้า

ทำตามหัวใจตัวเองบ้างก้ได้ เหตุผลบางครั้งมันก็ไม่ได้พาความสุขมาให้ชีวิตหรอกนะคะน้า

สนุกจัง ^^

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
สงสารทุกคนเลย ทิมคงหวังให้คะน้าเป็นคนจบไม่ได้แล้วล่ะ
แต่ถ้าเลือกเล่นงานตุลแทน ก็กลัวว่าตุลจะรับไม่ไหวนี่สิ

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: :sad4:  :m25:   






หลายอารมณ์ 
สรุปนี่ตุลมันเจ้าชู้จริงๆใช่ไหม !!?  :z3:

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ไม่เข้าใจทิมว่าทำแบบนั้นกับตุลทำไม  และไม่เข้าใจตุลว่าทำไมยอมให้ทิมทำแบบนั้น
ส่วนตัวคิดว่าเมิงสองคนไปเอากันเองเลยแล้วกัน  ถ้าจะทำกันแบบนี้น่ะ  เซ็งทิม เซ็งตุล

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เรื่องนี้จบไม่สวยแหงมๆ แต่ก็ติดงอมแงมแล้วสิไม่รู้จะทำไง -*-

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตอนที่แล้วโกรธทิมมาก ไม่เข้าใจการกระทำของเธอเลยจริง ๆ
มาตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าเธอทำเพราะอะไร
แต่มันช่างเป็นวิธีการที่ยุ่งยากจริง คะน้าเป็นคนที่ธรรมดามาก ๆ กรุณาใช้วิธีตรงไปตรงมาด้วย
ถ้าหมอตุลไม่ดีจริง อีกไม่นานคะน้าก็เห็นเอง ตาสว่างเองแหละ
ไม่เข้าใจพวกหนุ่ม ๆ เอาซะเลย เฮ้อ...

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ยกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อค่า แล้วลากไปหานายเอกคนใหม่เหอะ

ออฟไลน์ smilymoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มันเป็นเพราะอะไร ความรักหรือการต้องการเอาชนะ (ทิม)   ความอ่อนแอ ความไม่มั่นคง (ตุล)   ความสับสน ความไม่มั่นใจ (คะน้า) คนอ่านลุ้น อย่าใจร้ายจริงๆน่ะค่ะ (คนเขียน) เชียร์ทิมอยู่ ชัดเจนหน่อย แล้วก็หนักแน่นกับอารมณ์ของตัวเองกับคะน้าหน่อย  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกลุ้นๆค่ะ   

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยย~หน่วงมาก ให้ตายเหอะ ทำไมคะน้าไม่สู้นะ สงสารทั้งสามคนเลย เฮ้อ~รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ warnana001

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ยังไงทิมก็ดีกว่านะคะน้า~
แม้ว่าตุลจะยิ้มแล้วทำให้รู้สึกดี แต่คนที่ทำให้คลั่งได้ไม่ว่าจะทำอะไรก็คือ'ทิม' :-[


ถึงจะพยายามเท่าไหร่แต่ถ้าใจมันรักไปแล้ว ทำแบบนี้คนเจ็บก็คือ'ตุล'
เชื่อว่าตุลแอบนอกใจคะน้าเล็กน้อย ยอมให้ทิมทำแบบนั้นก็น่าจะมีโลเลแหละ :เฮ้อ:

และสาเหตุที่ทิมทำแบบนั้นก็เพื่อ'วัดใจ'กับคะน้า
ถ้าต่ายน้อยไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ แนะนำให้พาสองหนุ่มไปอยู่ด้วย~ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
“...คนแบบนายไม่มีวันเข้าใจคนธรรมดาแบบพี่หรอก
คนแบบพี่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งที่นายคุ้นเคย ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง
ไม่เคยมีคนมาสนใจ ชอบใครสักคนก็ได้แต่แอบชอบ เรียกว่าฝันก็ยังไม่มีสิทธิ์จะฝัน
พี่ไม่เคยเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือก และไม่เคยมีค่าพอจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
...”

ฉึก!!! โดนมาก T T

อย่างน้อยคะ้น้าก็รู้ใจตัวเองซะที
แต่มันจะทำให้อะไรๆยากขึ้นไปอีก
*ต้มน้ำรอมาม่า*

จุดๆนี้ อยากรู้แค่ว่าทำไมตุลถึงยอมให้ทิมเข้าใกล้
มันต้องมีเหตุผลสิ ตอนแรกเขม่นกันจะตาย

ออฟไลน์ fastation

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
อ่านแล้วแบบรู้สึกอึดอัดอะ มันบอกไม่ถูก คะน้าสู้ๆนะผ่านมันไปให้ได้ละ
รออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
อ่านทันล่ะ เชียร์ทิมนะ แต่ตอนนี้หน่วงสุดๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

คนแก่ทายไรผิดเสียที่ไหน

เพราะเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกบนโลก

อิอิ

ปล. ถ้ารวมเล่มหรอ?  เนื้อหา = ผ่าน  /  รูปหน้าปก = ?  เพราะมันก็มีส่วนช่วยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเหมือนกัน  เพราะต่อให้เนื้อหาสนุกแต่ถ้าปกไม่เข้า gap ก็รอเรื่องต่อไป อิอิ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
สนุกมากค่ะ...มันเต็มไปด้วยอารมณ์จริง ๆ พาร์ทนี้ ต้องเขียนยากมาก ๆ ด้วย ขอบคุณคนแต่งนะคะ
อ่านช้า ๆ เก็บอารมณ์ของทิมกับคะน้าไป ชอบที่พ่อสอนคะน้านะให้มีสติ ยิ่งเย็นเท่าไรทิมยิ่งโมโหเท่านั้น
ทิมช้าเองนะที่ไม่ทำอะไรจริงจัง แล้วพอเสียไปก็กลับไปแย่งมาเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น
ที่ทำกับตุลนี่คนอ่านโมโหมากนะ ประเด็นคือตุลดูรักคะ้น้าแล้วทำแบบนั้นด้วยทำไม หรือทิมบังคับ
อยากไล่ผู้ชายสองคนนี้ให้ไปพ้น ๆ คะน้่าที่น่ารักของเราจัง ชิ้วๆๆๆ ไป๊ (แล้วใครจะเป็นพระเอกล่ะ)
สะใจตอนคะน้าบอกว่าคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้คือตุล คือไม่อยากให้คะน้ายอมแพ้กับทิมอ่ะ
เพราะทิมเอาแต่ใจมากและรุกสุด ๆ แต่วิธีที่ใช้มันไม่ถูกต้องและมันทำให้ทุกคนเจ็บปวด
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ

MonaLis

  • บุคคลทั่วไป
แม่ยกวิศวกร..  :z3:  :z3:  :z3:
ความรู้สึกตอนนี้นะ..
มันหน่วง..มากกกกกกกกกกก

แอบเซ็งคะน้าเบาๆ ที่เลือกคนที่ดีแทนที่จะเลือกคนที่รัก
เชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเลือกจากหัวใจ..ก็คงไม่ดีใจสักเท่าไหร่ :เฮ้อ:

ยังยืนยันว่า..จบยังไงก็ได้ที่ไม่ใช่ 3p  :z6:
555555555555555

เอาใจช่วยทิม ตุลย์
และแผ่รังสีกดดันไปหาคะน้าเบาๆ  :m16:

รอตอนหน้าค่ะ  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
มาแล้วๆๆๆ ช้ากว่าแผนการเดิมนิดหน่อยครับ อย่าเพิ่งเคืองกันนะ
พอดีปรับปรุงนิดหน่อย ให้อ่านง่ายขึ้นนิดนึง ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเมนต์
ทุกข้อเสนอแนะ ทุกกำลังใจ และก็ทุกการกด Like ในเฟซบุคด้วย ขอบคุณจริงๆ ครับ
ว่าแล้วก็ขอเลี่ยงการตอบคอมเมนต์ด้วยการอัพตอนต่อไปเลยนะครับ แหะๆ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 16


สองวันแล้วนับจากวันนั้นที่ไม่ได้เห็นหน้าของทิมอีกเลย ไม่ได้พูดคุยติดต่ออะไร
แม้ว่าทุกวันอาหารของทิมยังคงส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบ้านดั่งหลายวันที่ผ่านๆ มาก็ตาม
คงจะพอมีเพียงรสชาติและกลิ่นหอมๆ เหล่านั้นที่ทิ้งร่องรอยของทิมเอาไว้ใกล้ตัว
เจ้ถามว่าพอจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าทิมเป็นอะไร ‘ดูไม่ร่าเริงแบบเคยๆ’
คือคำพูดที่เจ้อธิบายถึงท่าทีที่แปลกไปของทิม

“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”

ทะเลาะหรือเปล่าเหรอ? จะตอบไปว่าอะไรดี ความรู้สึกในตอนนี้มันก้ำกึ่งจนอธิบายไม่ถูก
เป็นสีเทาหม่นๆ ที่ไม่ชัดเจน ในความเป็นกลางระหว่างขาวและดำนั้น
บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันสว่างหรือมืดมากกว่ากัน

 “ต่ายเอ้ย... ทะเลาะหรือเปล่ายังไม่รู้อีก”
เสียงถอนหายใจของผักกาดดังขึ้นเมื่อไม่มีคำตอบในสิ่งที่เอ่ยถาม
หากแต่ทุกอย่างก็สิ้นสุดพร้อมสีหน้าที่ตั้งคำถามของหญิงสาวผู้เป็นพี่ที่นั่งทานมื้อเย็นเงียบๆ

“รู้ไหม เราไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะ”








“มีเรื่องเครียดๆ อะไรเปล่าอ้วน”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใยของตุลดึงคะน้าออกจากภวังค์ คะน้าหันมายิ้มน้อยๆ
เสียงทุ้มนี้ แม้หลับตาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของรอยยิ้มบางๆ ของผู้เอ่ยถาม
นอกเวลางาน ชายหนุ่มมักจะสวมแว่นสายตาเพื่อพักความอ่อนล้าจากการสวมใส่คอนแท็กเลนส์มาทั้งวัน
รอยยิ้มตอบไปแบบแกนๆ ของคะน้าเหมือนหน้ากากที่ถูกดึงมาสวมใส่เพื่ออำพรางความรู้สึกว้าวุ่นในใจ
เมื่อในเวลานี้ มีเรื่องราวมากมายในหัวสมองเกินกว่าจะสรรหาถ้อยคำ
ที่ทำให้คนที่ได้รับฟังรู้สึกดีกับความรู้สึกตอนนี้ที่เกิดขึ้นจริงๆ

ร่องรอยบนต้นคอที่ตุลจงใจปิดบังเมื่อวันก่อนเป็นเหมือนกับบาดแผลที่ยากจะรักษาให้หาย
เจตนาที่จะปิดบังนั้นไม่ต่างกับการเอามีดกรีดย้ำลงบนแผลให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น
และยิ่งทรมานอย่างถึงที่สุดเมื่อคนที่สร้างบาดแผลนั้น ...เป็นคนสองคนที่ไว้ใจ



ความรู้สึกของคนโง่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

...ทิม

คะน้ามองเหม่อออกไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง ความคิดหยุดลงเมื่อคิดไปถึงชายหนุ่มอีกหนึ่งคน
ภาพของผู้คนที่เดินไปมาที่ริมถนน รวมทั้งตึกรามบ้านช่องต่างๆ
เคลื่อนตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วด้วยแรงทะยานของรถยนต์ที่แล่นด้วยความเร็วสูง
คนแบบทิมคือคนแบบไหน และสิ่งใดที่ทิมต้องการ เป็นคำถามสั้นๆ
ที่วนเวียนอยู่ในความคิดคะน้าเรื่อยมานับตั้งแต่วันนั้น
ทิมในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับไฟที่ร้อนแรงและพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งรอบๆ ตัวให้วายวอด
และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ...คะน้ากลืนน้ำหลายเหนียวๆ ลงคอ
แม้ว่าใจหนึ่งจะรู้สึกไม่ไว้วางใจคนที่นั่งอยู่ใกล้ในเวลานี้สักเท่าไหร่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงตุลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“อ้วนเป็นอะไรเปล่า วันนี้ดูเหม่อๆ นะ”

คะน้าสะดุ้งตัวเล็กน้อย หากแต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป โทรศัพท์มือถือของตุลก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มเอามือคว้ามากดดู แต่แล้วก็รีบวางลงไปเมื่อพบว่าไม่ใช่เสียงเรียกเข้าจากเครื่องที่วางอยู่
ตุลปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวกมาลัยแล้วควานหาโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องในกระเป๋ากางเกง
ก่อนจะรีบกดรับแล้วคุยเรื่องอาการและการรักษาคนไข้กับสายจากทางโรงพยาบาล
คะน้าจึงหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ปล่อยความคิดตัวเองไปกับท้องฟ้าสีดำที่แสนมืดมัว
สีดำหม่นๆ ที่ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของคะน้าในเวลานี้เลย



...ผมรักทั้งสองคน

ใช่ครับ ...รักทั้งสองคน รักด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวที่แค่พยายามสร้างภาพว่าเป็นคนดี
แท้จริงแล้วผมเองก็เป็นแค่คนโลเลที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
ผมรู้สึกดีมากๆ ทั้งกับตุลและก็กับทิม กับตุล ผมรู้สึกถึงความมั่นคง
อะไรๆ มันเข้ากันได้ ผมมีความสุขทุกๆ ทีที่อยู่ใกล้ ส่วนกับทิมนั้นต่างโดยสิ้นเชิง
มันไม่มีความมั่นคงอะไรทั้งนั้น มีแต่ความตื่นเต้นทุกเวลา
ทิมให้ความรู้สึกของการผจญภัยที่แสนสนุกสนาน ผมเหนื่อยกับความรู้สึกนี้
ล้าทั้งกายและใจ บางทีความรักมันก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเข้าใจ


...แต่ผมเลือกแล้ว และไม่ว่าอย่างไร ผมจะไม่ผิดคำพูดนั้นกับตุล

“โทษทีนะ แพทย์เวรโทรมาคอนซัลต์อาการเคสที่ตุลดูน่ะ อาจต้องลองปรับยาไปใช้โดสที่แรงขึ้นดู”
ตุลวางโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องลงที่บริเวณหน้าปัดรถยนต์ คะน้าหันมายิ้มให้น้อยๆ

“ใช้มือถือสองเครื่องเหรอ ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าแต่ทำไมไม่ใช้เครื่องเดียวล่ะ”

“แยกกันน่ะ เครื่องหนึ่งใช้เรื่องส่วนตัว ส่วนอีกเครื่องเป็นของโรงพยาบาลให้หมอทุกคนไว้
ก็จะใช้กับเรื่องงานเป็นหลัก การใช้งานมันต่างกันก็เลยมีไว้สองเครื่อง”
คะน้ามองโทรศัพท์มือถือสองเครื่องที่วางอยู่เคียงกัน


...ถ้าอะไรๆ ในชีวิตจริง คนเราเลือกที่จะเก็บไว้ทั้งสองอย่างได้ทุกครั้งก็คงจะดีสินะ

รถของตุลชะลอตัวก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง
ทั้งคู่เดินลงจากรถแล้วเดินเข้าร้านอาหาร ตุลแจ้งชื่อที่จองไว้กับโฮสเตสที่ยืนต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเช็คดูรายชื่อจากการลงทะเบียนแล้ว หญิงสาวก็พาเราทั้งคู่เข้าสู่บริเวณร้าน

นับเป็นร้านอาหารที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดี ผนังที่กรุขึ้นด้วยอิฐสีส้มและให้ความรู้สึกแบบวินเทจ
ฉาบทาด้วยสีเหลืองอ่อนบนปูน ด้านข้างมีไวน์ชั้นดีเรียงหลั่นตามปีที่ผลิตเป็นระเบียบสวยงาม
เพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลอนั้นให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น
เหมือนอยู่กับบ้านของคนที่รู้จักมากกว่าจะเป็นร้านอาหารหรูๆ ย่านใจกลางเมือง

“อยากลองมาตั้งนานแล้ว ได้ข่าวว่าอร่อยนักหนา”
ตุลหันมายักคิ้วให้ เขาเป็นนักชิมตัวฉกาจ อะไรที่ขึ้นชื่อว่าอร่อย
ไม่ว่าจะอยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ ตั้งแต่อาหารข้างถนนจนไล่ไปถึงร้านอาหารหรูๆ ตามโรงแรม
ราคาถูกหรือแพง ตุลมักจะสรรหามาลิ้มลองหมดทุกอย่าง

แชมเปญสีสวยถูกรินลงแก้วสูงโปร่งทรง ก่อนที่ชีสและค็อกเทลสลัดที่แต่งเดรสซิ่งสวยงาม
ถูกยกวางลงด้านหน้า ใต้แสงเทียนที่ดูเหลืองนวล รอยยิ้มของตุลยังชวนหลงใหลอยู่เช่นทุกครั้ง
แปลกที่เวลามีเรื่องหนักใจแค่ไหน แค่เพียงรอยยิ้มนี้จุดขึ้นที่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าทุกความร้อนใจหนักใจนั้นจะค่อยๆ ละลายหายไปเสียทุกที
คะน้าตักอาหารขึ้นทานแบบแกนๆ ไม่ใช่ว่ารสชาติของอาหารนั้นไม่ถูกปาก
ทุกอย่างอร่อยสมราคาคุยของผู้พามารับประกันเอาไว้
...หากแต่เวลานี้ รสชาติอาหารดีแค่ไหน ก็คงทานได้แค่นี้จริงๆ

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าของโฮสเตสก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพูดคุยของลูกค้าสาว
ก่อนที่อีกฝีเท้าหนึ่งจะตามมาอย่างเงียบๆ เสียงทุ้มๆ
และสัมผัสของกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยชำแรกมาในประสาทสัมผัส
และในทันทีที่คะน้าเงยหน้าขึ้นก็รู้สึกชะงักค้าง

...บนโลกใบนี้มีเรื่องตลกมากมายที่เจ็บปวดเกินกว่าจะรู้สึกขำ

เชิ้ตสีขาวที่ยับย่นยังคงดูดีอยู่ในร่างสูงโปร่งนั้น
ผมสั้นที่ถูกแต่งทรงเป็นอย่างดีไหวตามจังหวะเดินที่รีบเร่งแบบที่เคยคุ้นตา
แม้มือข้างหนึ่งที่กุมเกาะโทรศัพท์มือถือจะอำพรางใบหน้าที่คมคายนั้นไว้กว่าครึ่ง
แต่ก็มากเกินพอที่คะน้าจะจดจำได้ดีว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามานั้น
เจ้าของดวงตาสีดำเข้มที่ชวนมอง ...คือคนๆ เดียวกับที่อยู่ในห้วงความคิดมาหลายวัน

และเพียงชั่วครู่ที่ร่างสูงเคลื่อนตัวผ่านคะน้าที่นั่งอยู่ ฝีเท้าที่รีบเร่งนั้นก็ชะงักลงในทันที
ทิมค่อยๆ ยกโทรศัพท์ลง และเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินผ่านคือใคร
เขาก็กดวางสายที่คุยอยู่อย่างไม่คิดจะสนทนาใดๆ ต่อ
ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องเขม็งแล้วรุดเดินไปนั่งโต๊ะที่ใกล้ที่สุดอย่างวิสาสะ
ในตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับคะน้า ใบหน้าคมนั้นแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง

“คุณทิมคะ โต๊ะที่ทางเราจองไว้ให้อยู่ด้านในค่ะ
เป็นที่นั่งที่ดีที่สุดของทางร้าน และเป็นส่วนตัวสูงเล...”

“ผมจะนั่งที่นี่”

ยังไม่ทันที่โฮสเตสสาวพูดจบประโยค ทิมก็พูดแทรกขึ้นมาแทบจะทันที
ตุลที่ได้ยินชื่อของคนที่เพิ่งมาใหม่ถึงกับเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร
วูบหนึ่งในแววตาที่ลอดผ่านกรอบกระจกใสแสดงออกมาถึงความไม่ชอบใจเช่นกัน
หมอหนุ่มวางมีดและส้อมจากอกเป็ดอบซอสส้มที่อยู่ตรงหน้าลงแทบจะทันที กรามถูกขบแน่นจนนูนสูง

“แต่ที่นั่งด้านในเมอร์ซิเออร์ปาทรีซเลือกให้กับคุณทิมเองเลยนะคะ”
โฮสเตสสาวแจงด้วยรอยยิ้ม

“ขอเมนู”

ทิมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วคลี่ผ้าเช็ดปากวางลงบนหน้าตัก
ไม่ได้สนใจคำเชื้อเชิญของโฮสเตสสาวแม้แต่น้อย

“นั่งสิแนน”

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่มาด้วยทำหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูกก็ออกปาก
ร่างบางค่อยๆ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงช้าๆ โดยมีโฮสเตสสาวผู้นั้นคอยดูแลใกล้ชิด

“ที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ ให้บรรยากาศอบอุ่นๆ ดี ลูกค้าบางคนก็ชอบบริเวณนี้ค่ะคุณทิม”
เธอยิ้มให้ด้วยไมตรี ตอนแรกคะน้ารู้สึกใจคอไม่ดีกับท่าทีของทิม
หากแต่โฮสเตสผู้นั้นก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอจะรับมือกับความหลากหลายของลูกค้าของร้าน
เธอแนะนำเมนูเด่นประจำวันอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับส่งเมนูอาหารให้กับทิมและเด็กสาวคนนั้น
หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ผิดกับหญิงสาวน่ารักคนนั้นที่เปิดดูเมนูอาหารอย่างพิจารณา

“พี่ทิมทานอะไรคะ น่าทานทั้งนั้นเลย แนนเลือกไม่ถูกแล้ว”
เสียงหวานดังขึ้นเบาๆ แม้จะเห็นแต่เพียงด้านหลัง
แต่คะน้าเดาว่าเธอผู้นี้ต้องเป็นคนที่หน้าตาน่ารักมากๆ แน่ๆ

“งั้นพี่เลือกให้” ทิมยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็น ชายหนุ่มหันไปมองที่โฮสเตส
แล้วพยักหน้ามาทางโต๊ะที่คะน้าและตุลนั่งอยู่

“ขอแบบโต๊ะนั้น ของผมเอาแบบคนที่ใส่แว่น ส่วนของคุณผู้หญิงนี่...”
ทิมเงยหน้าขึ้นมองคะน้า “...เอาแบบอีกคน” โฮสเตสมีท่าทีงวยงงอยู่ไม่น้อย
เธอหันมามองที่คะน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ซึ่งคะน้ารีบส่งยิ้มให้แต่โดยดี
พร้อมกับบอกเธอเบาๆ ว่ารู้จักกัน หญิงสาวผ่อนหายใจเล็กน้อยเหมือนโล่งอก
แล้วจึงทวนรายการอาหารคอร์สดินเนอร์อีกครั้งแล้วขอตัวจากไป

“พี่ทิม ...รู้จักกันหรือคะ” หญิงสาวที่มาด้วยกระซิบถามเสียงแผ่ว
ชายหนุ่มยิ้มแสยะพร้อมนัยน์ตาที่ลุกวาว แล้วยักคิ้วให้กับคะน้าอย่างยียวน

“รู้จักสิ สวัสดีครับพี่ โลกกลมจัง” ให้รู้สึกในน้ำเสียงว่ามีเพียงคะน้าคนเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้น

หญิงสาวรีบหันกลับมาไหว้ทั้งคะน้าและก็เลยมากล่าวสวัสดีกับตุลด้วย
ผู้หญิงที่ชื่อแนนมีใบหน้าเรียว ดวงตาใสดุจน้ำค้างวับวาว
และยิ่งน่ามองยิ่งขึ้นเมื่อรวมกับท่าทีที่อ่อนหวานของเจ้าตัว
ถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่คะน้าเคยเจอที่ไซด์งานก่อสร้าง
ผ่านมาไม่นานนัก ดูเหมือนว่าใบหน้าของเธอน่ารักขึ้นจริงๆ

“แนนคุ้นๆ หน้าของพี่จังเลยค่ะ เหมือนเราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”

“ครับ ดูเหมือนว่าน่าจะที่ไซด์งานก่อสร้างหรือเปล่าครับ”
คะน้าตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ แนนทำหน้าทบทวน หากแต่หญิงสาวกลับจำไม่ได้

“ก็คนที่ยกไอติมไปส่งที่ไซด์ไง” ทิมลอยหน้าตอบด้วยเสียงยียวน
ดวงตาจ้องกลับที่คะน้าอย่างท้าทาย หญิงสาวมีท่าทีที่อึ้งไปเล็กน้อย
แนนดูครุ่นคิดทบทวนในความทรงจำที่ผ่านตา วูบหนึ่ง ...แค่เพียงวูบเดียว
คะน้าเห็นแววตาบางอย่างที่เปลี่ยนไปในดวงตาใสๆ นั้น
แต่ก็ช่วงเวลาสั้นๆ บัดนี้ มีรอยยิ้มใสๆ ของหญิงสาวอยู่บนใบหน้าหวานๆ นั้นอีกครั้ง
ก่อนที่เธอจะหันกลับไปชวนคุยกับชายหนุ่มที่ร่วมโต๊ะอาหารต่อด้วยความประหลาดใจ

“พี่ทิมสนิทด้วยเหรอคะ” น้ำเสียงนั้นฟังดูแปลกไปอย่างรู้สึกได้

“สนิทเหรอ?” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองคะน้าอย่างไม่วางตา “จะพูดยังไงดีนะ?”

หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ จนร่างเล็กสั่นไหวคล้ายฟังเรื่องตลกขบขัน
ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะทำให้ตุลรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความพยายามที่จะอดกลั้น
กระนั้น ร่างสูงก็สบตาของคะน้าพร้อมความห่วงใยที่เจืออยู่ในแววตาคู่นั้น
ตุลค่อยๆ เอื้อมมือมาบีบที่คะน้าเบาๆ แล้วเอ่ยถาม

“อาหารไม่ค่อยถูกปากหรือเปล่า ไปที่อื่นไหมอ้วน”
คะน้ายิ้มให้น้อยๆ แทนคำขอบคุณในความห่วงใย เข้าใจดีว่าตุลหมายถึงสิ่งใด
หากแต่อดจะแปลกใจนิดๆ ไม่ได้กับความสัมพันธ์ของตุลและทิม
อะไรคือความเป็นจริงที่คะน้าไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม ในความลังเลที่หนักใจ
คะน้าได้แต่พยักหน้าเบาๆ แล้วก้มลงทานอาหารต่อ แต่ความสงบสุขที่เฝ้ารอ
ดูเหมือนจะยังห่างไกล เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะจากทิมลอยมา

“แนนนี่หุ่นดีนะ ตัวเล็ก ดูน่ารักน่าทะนุถนอมดี”
แม้จะพูดกับคนตรงหน้า หากแต่แววตาที่ลุกวาวนั้นจงใจจ้องมองที่คะน้าอย่างไม่หลบหนี
...เหมือนจงใจจะสื่อสารกับคนที่เขาจ้องมองกว่าคนตรงหน้า
“...ไม่อ้วน” แทบจะทันที ตุลหันกลับไปมองจ้องอย่างเหลืออด
หากแต่เป็นคะน้าที่รีบฉวยคว้าข้อมือนั้นไว้ก่อนอะไรจะเลวร้ายลงไปกว่านี้

“อ้วน! ตุลว่ามันมากไปนะ” คะน้าส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงห้ามทัพ

“อ้าววว... พี่ตุลเองเหรอ โทษที”
ทิมยกแชมเปญขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี “...มองไม่เห็น”

“นายต้องการอะไรกันแน่” ตุลสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะหันไปถามอย่างเหลืออด
เสียงทุ้มที่เคยราบเรียบ บัดนี้ขุ่นขึ้งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ทิม
สบตากลับอย่างไม่เกรงกลัว ริมฝีปากอิ่มถูกยกขึ้นที่มุมปากอย่างยียวน




“ถ้าตอบไป จะยกให้หรือเปล่าล่ะ”


(มีต่อด้านล่างนะครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2012 01:54:39 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อเลยครับพี่น้อง!)




“ถ้าตอบไป จะยกให้หรือเปล่าล่ะ”

ตุลลุกขึ้นแทบจะทันที หากแต่คะน้าดึงข้อมือนั้นไว้
หมอหนุ่มหันมามองหน้าคนที่นั่งอยู่อย่างไม่พอใจในความเหนี่ยวรั้ง
หากแต่ดวงตาแสดงออกเต็มที่ถึงถ้อยคำร้องขอของคะน้าทำให้ตุลปราชัย ร่างสูงค่อยๆ นั่งลงแต่โดยดี

“ทำเป็นหมางเมินกันไปได้ ออกจะคุ้นเคยกัน”
ทิมพูดลอยๆ แบบให้ตุลพอได้ยิน คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการห้ามทัพ
ส่วนที่อีกโต๊ะ แนนหันมองไปมาด้วยความสับสน หญิงสาวเอ่ยถามทิมด้วยความไม่เข้าใจ

“เอ่อ... มีอะไรกันหรือเปล่าคะ แนนรู้สึกไม่ดีเลย” ทิมหัวเราะขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“สงสัยลมมันเย็น ...มั๊ง” จังหวะที่เว้นไว้จงใจยียวนอีกสองคนที่นั่งอยู่อย่างเต็มที่
คะน้ารีบหันไปชวนตุลคุย หากแต่คนที่มาด้วยกลับดูเหมือนจะยั้งโทสะไว้ไม่อยู่เสียแล้ว

“ช่วยหุบปากเสียทีจะได้ไหม!”

“กลายเป็นเป็นคนอ่อนไหวไปแล้วเหรอ”
ทิมยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี ผิดกับแนนที่แทบจะนั่งไม่ติด

“พี่ทิมคะ พี่ทิมไปหาเรื่องเขาทำไม”

“แค่แซวกันขำๆ”

“นี่ไม่ขำแล้วมั๊งคะ พี่ทิมเป็นอะไรคะ พี่ทิมรู้ไหมวันนี้พี่ทิมดูแปลกมาก
ไม่ใช่พี่ทิมที่แนนรู้จักเลย พี่ทิมแปลก ...แปลกจนแนนกลัว”
ทิมดูจะไม่สนใจกับคำพูดของหญิงสาวนัก
หากแต่เป็นคะน้าที่ดูจะสนใจฟังคำพูดที่ร่างเล็กกล่าวออกมา

“เปล่านี่” ทิมปฏิเสธ

“พี่ทิมที่แนนรู้จักเป็นคนพูดน้อยและดูเงียบๆ พูดจาแต่ละครั้งมีความเด็ดขาดและมีความหมายเสมอ
ถึงพี่ทิมจะเป็นคนดุ ไม่ชอบพูดอะไรเล่นๆ แต่ทำไม... ทำไมวันนี้พี่ทิมดูไม่ใช่พี่ทิมที่แนนเคยรู้จักเลย”
หญิงสาวกระซิบถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา หากแต่ก็ดังพอที่คะน้าและตุลจะได้ยิน
ทิมเงยหน้าขึ้นสบตาคะน้าเพียงเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมา
มือกว้างหยิบแก้วสูงขึ้นแล้วดื่มน้ำสีเหลืองที่มีพรายฟองฟูสวยไปหมดแก้ว
ก่อนที่ลัฟเปริตีฟและลองเทร่จะถูกยกเสิร์ฟบนโต๊ะของคนทั้งคู่

ที่โต๊ะของคะน้าและตุล อาหารถูกยกเปลี่ยนจาก เลอเปรต์แปรงซิปาล
หรืออาหารจานหลักเป็น เลอโฟรมาช ซึ่งเป็นจานชีสที่นับเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส
ที่จะรับประทานในมื้ออาหารหลังจานหลัก ก่อนสิ้นสุดด้วยขนมหวาน
กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรงปิดท้าย

แม้ว่ารสชาติของจานอาหารจะเอร็ดอร่อยเพียงไหน
หากแต่บรรยากาศของมื้ออาหารกลับเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อ
ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มของตุลขรึมเข้มจนน่ากลัว
สันกรามถูกกัดแน่นจนนูนสูง เขาไม่ได้ทานอาหารอะไรอย่างที่อยากทาน
และไม่ได้พูดจ้อแบบทุกครั้งที่พบเจอ ตุลในเวลานี้เพียงแต่นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
บ่อยครั้งที่แก้วไวน์ที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้มจะถูกยกขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
ครั้งแล้วครั้งเล่าจนไวน์ขวดใหม่ถูกยกเข้ามาเสิร์ฟ
แม้จะพยายาปรามไว้หากแต่หมอหนุ่มก็ดูจะไม่รับฟัง
เมื่อไม่รู้จะทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้นได้อย่างไร
คะน้าจึงเอาส้อมของตัวเองจิ้มชีสจากจานแล้วส่งให้ตุลเพื่อถ่วงเวลา

“ทานหน่อยนะ ผมทานชีสไม่เก่ง เหลือก็เสียดาย”

คะน้าพูดเหมือนบ่น และนั่นกลับดูเหมือนจะได้ผล ตุลหันหลับมามองจ้องแล้วหัวเราะน้อยๆ
ดวงตาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ร่างสูงค่อยๆ ยื่นหน้ามา
แล้วกัดชิ้นชีสจากปลายส้อมของคะน้าด้วยสายตาวับวาว
และในวินาทีนั้น กลับกลายเป็นเสียงของแนนที่ร้องขึ้นจนคะน้าและตุลตกใจ

“พี่ทิมเป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ถูกปากเหรอ”
คะน้าเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง เห็นแววตาดุที่จ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ร่างสูงที่เคยดูสง่ากลับดูลนไปมาด้วยความหัวเสีย
ทิมยกมือขึ้นแล้วก็วางลง ริมฝีปากเผยอขึ้นเหมือนตั้งท่าจะขย้ำให้ได้

“ไม่ชอบ!”

“งั้นก็อย่าฝืนทานเลยค่ะ สั่งอย่างอื่นทานดีกว่า”
หญิงสาวเรียกบริกรมารับจานไปจากโต๊ะ
แล้วบอกให้ยกจานหลักซึ่งเป็นจานต่อไปในคอร์สลงเสิร์ฟต่อทันที

ฝั่งตุลเองก็กลับมาหัวเสียดังเดิมเมื่อได้ยินเสียงของทิม
แม้คะน้าจะไม่ค่อยเข้าใจทุกอย่างระหว่างตุลและทิมนัก
และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคน ความรู้สึกฉุนเฉียวของทิม
หรือแม้กระทั่งท่าทีที่ไม่พอใจของตุล เหมือนต่างฝ่ายต่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของกันและกัน
หากแต่ร่องรอยที่ต้นคอเมื่อวันก่อนนั้น ดูเหมือนว่าจะสวนทางกับทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้เหลือเกิน


...ความจริงคืออะไร?

“ทานอีกไหมครับ” คะน้าจิ้มชีสอีกชิ้นแล้วส่งป้อนให้ตุลด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้
กับสถานการณ์ตรงหน้า แม้จะยังมีท่าทางหัวเสียแต่ตุลก็ยิ้มรับแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
หมอหนุ่มเอาส้อมสีเงินจิ้มชีสอีกแบบจากจานของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้วส่งป้อนให้กับคะน้า

“อ้วนลองนี่ไหม อร่อยอยู่นะ”

คะน้ายื่นหน้าไปทานด้วยความเกรงใจ ไม่ได้รู้สึกนึกชอบชีสเท่าไหร่
แต่ก็จำใจทานแต่โดยดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สะดุ้งเฮือก
คราวนี้ ทิมยกมือขึ้นชีหน้าของคะน้าอย่างไม่เก็บอาการ
ใบหน้าแดงกล่ำเหมือนสิงโตที่ดุร้าย ดวงตาลุกวาวด้วยความโกรธ

ทิมนั่งแทบไม่ติด ลุกลี้ลุกลนจนแนนปรับตัวตามไม่ถูก
หญิงสาวเอาแต่พร่ำถามว่าอาหารไม่ถูกปากหรือเปล่า
หากคนเอาแต่ใจยังหันถลึงตาดุใส่พร้อมกับหันไปตอบหญิงสาวที่นั่งด้วยแบบขอไปที
คะน้ารีบหลบสายตา รู้สึกแปลกใจกับท่าทางสุดแสนประหลาด และอารมณ์ที่ไม่คงที่ของทิม
รู้ว่าไม่พอใจ แต่เพราะสาเหตุอะไร ที่ยุ่งกับตุลหรือ ถึงทำหมางเมินใส่กัน
คิดแล้วคะน้าก็รู้สึกแปลบขึ้นมาในใจอย่างไร้สาเหตุ
ถึงกับยกแชมเปญขึ้นดื่มเพื่อสลัดความรู้สึกแย่ๆ นี้ออกไป
แล้วก็นั่งทานชีสจากปลายส้อมของตุลด้วยความมึนงง

“อร่อยล่ะสิ กินใหญ่เลยนะ อ้วนเอ้ย!” คะน้าแทบสำลักแต่ก็จำใจทานต่อ
เมื่อเห็นตุลกลับมาสดใสอีกครั้ง รอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้น ทำงานของมันอีกครั้ง

“แนนชิมนี่สิครับ แลมป์นี่นุ่มมาก ไม่มีกลิ่นด้วย”
ทิมเอามีดค่อยๆ หั่นโครงแกะเล็กๆ ที่เรียงสวยอยู่บนจานอย่างกระฟัดกระเฟียด
แล้วส่งป้อนให้กับหญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะในนาทีถัดมาด้วยใบหน้าแทบจะกินเลือดกินเนื้อ
เป็นท่าทางที่น่าตลกขบขัน แต่แปลกเหลือเกิน ...แปลกที่จู่ๆ
คะน้าก็รู้สึกวูบในใจขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่มันควรเป็นแค่เรื่องธรรมดา
หากแต่ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นฉับพลันทันใดนั้น กลับแปลกจนอธิบายไม่ถูก



...ขำไม่ออก

ข้างในมันเหมือนกับผ้าที่ถูกขึงตรึงจนแน่นราวกับจะถูกฉีกกระชากจนขาดในพริบตา
และช่วงวินาทีที่ทรมานที่สุดนั้น กลับเจ็บทบเท่าทวีคูณ
คล้ายกับเอาปลายมีดแหลมค่อยๆ กรีดลงช้าๆ ที่กึ่งกลางใจ
คะน้าอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด และความเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ในสายตาของทิมโดยตลอด

ณ อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ คนที่นั่งตรงกันข้ามชะงักไปเช่นกัน
เพียงเสี้ยววินาทีนั้น ทิมก็พยักหน้าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ชายหนุ่มบรรจงป้อนหญิงสาวที่มาด้วยด้วยท่าทีที่อ่อนโยนผิดกับภาพเดิมเมื่อครู่
ยกมือขึ้นป้อนจนคล้ายภาพของคู่รักในช่วงเวลาดูดดื่ม
ผิดเพี้ยนไปก็เพียงที่แววตากลับจับจ้องลึกไปในดวงตาของคะน้าหาใช่หญิงสาวตรงหน้าไม่
ทิมยิ้มมุมปากราวกับรู้สึกพึงพอใจในบางสิ่งบางอย่าง
ร่างบางของแนนบิดตัวไปมาด้วยความสะเทิ้นอาย
หญิงสาวกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แทบจะทันทีทันใด คะน้ารู้สึกฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ชอบใจกับสิ่งที่ทิมทำอยู่เป็นอย่างมากอย่างหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้
ใครๆ ก็รู้ว่าทิมกำลังแกล้ง แต่ทำไมต้องไปแกล้งแนนแบบนั้น
ทั้งๆ ที่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย หากแต่ยิ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจออกไปเท่าไหร่
กลับกลายเป็นเหมือนอีกฝ่ายกลับยิ่งทำทุกอย่างให้มากยิ่งขึ้น

“อีกชิ้นนะครับแนน”

คะน้ารู้สึกเซ็งกับสิ่งที่ทิมทำเป็นอย่างมาก ชีสนมแพะชื่อประหลาด
ที่รสชาติไม่ถูกปากตรงหน้ายังให้ความรู้สึกที่ดีกว่าสำหรับคะน้าในเวลานี้
คะน้าได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากินให้มันหมดๆ ไป ผิดกับตุลที่รู้สึกแปลกใจ
และคิดว่าคะน้าชอบรสชาติของมัน หมอหนุ่มจึงสั่งเพิ่มมาอีกจาน

“Roquefort บลูชีสตัวนี้ดีมากเลยนะ ลองดูๆ” ว่าแล้วก็เอาส้อมจิ้มขึ้นมาแล้วตั้งท่าป้อนคะน้า
แม้จะรู้สึกผงะกับหน้าตาชีสที่ดูเหมือนขึ้นราและสีฟ้าเข้มแปลกๆ ที่แทรกอยู่เนื้อใน
หากแต่ใบหน้าที่ดูมีความสุขของตุลทำให้คะน้าไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ...เหม็นและฉุนจนแทบขาดใจ

ที่โต๊ะถัดไปก็ดูจะตกอยู่ในสถานการณ์แปลกพอกัน
ทิมหั่นขาแกะชิ้นโตแล้วส่งให้แนนเหมือนจะยัด
คำต่อคำส่งต่อราวกับเครื่องจักรที่ลำเลียงผ่านสายพาน

“พี่ทิมคะ แนนไม่ไหวแล้วค่ะ อิ่มจะแย่แล้ว”

“ทานนะ”

“แนนอิ่มค่ะ”

“ทานสิครับ”

ว่าแล้วก็ยัด เอ้ย! ป้อนขาแกะที่ราดเกรวี่ซอสชุ่มฉ่ำให้หญิงสาวเป็นระวิง
ส่วนคะน้าก็แทบจะเรอออกมาเป็นกลิ่นชีสเอาเสียให้ได้
หัวสมองในตอนนี้ ไม่ได้มีคำถามอะไรวุ่นวายจนปวดหัว
คะน้าคิดว่าถ้าเปิดออกดูคงจะมีแต่บลูชีสและสีฟ้าๆ แซมเป็นจุดๆ
แบบที่ทานไปมากมายนั่นแหละ คะน้าตั้งหน้าตั้งตาทานตามที่มี
แต่เห็นท่าทางของตุลกับผู้หญิงคนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดตาอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มจึงแย่งส้อมจากตุลมาหยิบจ้วงเองให้มันหมดๆ ไป
เพื่อที่จะได้พาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนั้น

ไม่ต่างอะไรกับทิม ยิ่งเห็นท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใยของตุลที่ดูแลคะน้าอย่างไม่วางตา
ทั้งการปลอบเพราะกลัวสำลัก หรือคำพูดด้วยความห่วงใยว่าระวังติดคอก็ยิ่งไม่พอใจ
ทิมป้อนอาหารทั้งจานให้กับแนนจนตัวเองไม่ได้ทานแม้แต่คำเดียว
และนั่นยิ่งทำให้คะน้ารู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

หากแต่ความผิดปกติของคนทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาของตุล
หมอหนุ่มขยับแว่นสายตาที่สวมใส่อยู่เล็กน้อย
เขามองคะน้าที่นั่งทานมือเป็นประวิงตรงหน้าด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกบางเบาแล้วนั่งนิ่ง แล้วหยิบไวน์แดงขึ้นดื่มเงียบๆ ต่อไป

มื้ออาหารจบลงด้วยความยากลำบาก ตุลพาคะน้าออกมาจากที่ร้านด้วยอาการเซเล็กน้อย
จึงเป็นคะน้าที่พยุงตุลมาที่รถและขับพาส่งกลับบ้าน
ชายหนุ่มหันมามองคนใส่แว่นที่นั่งเงียบๆ ด้วยความเป็นห่วง

“วันนี้ตุลดื่มเยอะนะ” ตุลหันกลับมายิ้มให้ รอยยิ้มนั้นยังคงดูอบอุ่นเหมือนทุกๆ ครั้ง

“นานๆ ที”

จริงอย่างที่ตุลว่า โดยปกติแล้วตุลไม่ใช่คนที่ดื่มอะไรมากมาย เรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คะน้าเห็นตุลดื่มค่อนข้างเยอะแบบนี้
แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก ในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา


...ความจริงคืออะไร?

ยิ่งคิดก็ยิ่งจนปัญญาจะคาดเดา สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตุลกับทิมที่เขาไม่รู้
...ไม่คิดอยากจะรู้ คะน้าไม่แน่ใจว่าจะเอ่ยถามดีไหม
และถ้าถามออกไป จะถามอย่างไรให้เหมาะหรือควร
การไปจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ดูเหมือนจะไม่ใช่นิสัยของคะน้าเลย



...คนรักกัน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะไว้ใจกันไม่ใช่หรือ?

คะน้าเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่มองเหม่อออกไปที่ริมหน้าต่าง
ไม่ช้าไม่นาน หวังว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม บางที
...บางที ตุลอาจจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขารับฟังก็ได้

คะน้าไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด
ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย การที่มีตัวตนอยู่ของตัวเขาได้ทำร้ายหรือทำลายตุลหรือเปล่า
ถ้าหากตัวคะน้าคือสิ่งที่ทำให้อนาคตของตุลต้องชะงัก ...มันคุ้มกันหรือ?
แต่หากเลือกจะจากไปก็ไม่รู้จะทนกับความรู้สึกตัวเองได้นานแค่ไหน

แล้วทิม... เกี่ยวข้องกับตุลยังไง?

คะน้าชะลอความเร็วของคันเร่งก่อนจะหักพวกมาลัยรถยนต์เพื่อเลี้ยวเข้าไปในบริเวณคอนโด
หากแต่จะตั้งคำถามกับตัวเอง อีกด้านก็จนปัญหาจะหาคำตอบ
ทิมต้องการอะไร การแสดงออกที่ชัดเจนทุกครั้งที่เห็นต่อหน้า
กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งกับตุล รวมถึงการปรากฏตัวของเด็กผู้หญิงที่ชื่อแนนในวันนี้




...ความรู้สึกที่มี และคำสัญญาที่ตั้งใจไว้ สิ่งไหนมีน้ำหนักกว่ากัน


ถามว่ารักทิมไหม ...ก็รัก ...คิดว่ารัก
ถามว่ารักตุลหรือเปล่า ...ก็ปฏิเสธไม่ได้

แต่ถามว่าตัวเองเหมาะสมกับใครสักคนไหม
คะน้าพบว่ามีเพียงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

เทียบกับหมอก้อยที่ดูจะเติมเต็มในทุกสิ่งที่ตุลมองหา ทั้งเธอก็ยังรักและห่วงใยตุลไม่แพ้ใคร
ดูก็รู้ว่าหมอก้อยเหมือนกับปีกที่พาให้ตุลโบยบินไปสู่ความสำเร็จในงานที่เขารัก
หรือแม้เทียบกับผู้หญิงที่ชื่อแนนที่พบวันนี้ เธอดูเหมือนฝันของผู้ชายทุกคน
ถ้าเลือกได้ ตัวเขาเองคงรู้สึกดีใจแค่ไหนที่ได้ดินเนอร์กับผู้หญิงแบบแนน

ท้องฟ้าในคืนนี้ดูมืดหม่นกว่าทุกครั้ง พระจันทร์เสี้ยวเร้นกายอยู่ในเมฆก้อนหนา
มีเพียงแสงรำไรจากประกายของดวงดาวที่ทาบทอขอบฟ้าสีดำให้ชวนมอง
อีกไม่นานพระจันทร์ก็คงกลับมาเต็มดวงอีกครั้ง อีกไม่นานทุกๆ อย่างก็จะผ่านไป
และอีกไม่นาน ...อีกไม่นานก็จะถึงวันนั้น


...วันที่ครบสิบห้าวัน




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขียนไปก็เบื่อไป อยากจะให้มันผ่านไปเร็วๆ เหมือนกัน
ดังนั้นก็อีกไม่นานแหละ ทนกันอีกสักแป๊บ สองแป๊บ สามแป๊บ สี่แป๊บ
ห้าแป๊บนะคับ ชักจะหลายแป๊บแล้วแฮะ 5555
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรโหดหรอกครับ ไม่ต้องกลัวดราม่าจัดๆ ไม่มีแน่ๆ
อย่างที่บอกว่าอดทนกันนิดนะครับ ก่อนจะเจอไม้เด็ดของคนเขียน
ไม่บอกหรอกว่าเป็นอะไร แต่ในไม่ช้านี้ ไม่กี่ตอนแล้วล่ะ coming soon!!!!

บวกคะแนนให้กับทุกคอมเมนต์แทนคำขอบคุณในน้ำใจและกำลังใจนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนจัง (ขอออดอ้อนคนอ่านนิดนึง แหะๆ  :o8:)

สุดท้ายนี้  :กอด1: ขอเนียนกอดทุกคนแน่นๆ ก่อนจะชิ่งหนีไปโดยไว  :o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2012 02:05:24 โดย Lucea »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด