♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430444 ครั้ง)

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นจริงๆด้วย  :กอด1:
รู้เสียทีว่าพ่อแม่กระต่ายไม่อยู่แล้ว

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ไม่เศร้ามากนะ แต่รู้สึกน้ำตาซึม ๆ เฮ้อ ชอบอะ

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ซึ้งง่ะ เศร้าด้วย

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
แอบซึ้งนะตอนนี้ อิอิ
เพิ่งรู้ว่าต้องการมาเฉลยเรื่องพ่อกับแม่คะน้าตอนนี้
ฮ่าๆ เพราะโดยส่วนตัวไม่รู้ทำไมแต่คิดมาตลอดเลยว่าทั้งสองคนไม่อยู่แล้ว


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ว่าตอนหมอตุลเศร้าแล้ว มาเจอตอนนี้ไปกันใหญ่ เศร้าด้วย ซึ้งด้วย
ทิมดูแลคะน้าให้ดีนะ อย่าทิ้งกัน ไม่ว่ายามหนุ่มหรือยามเฒ่า

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
มันเป็นความเศร้าที่สวยงามมากๆ
ในใจตอนนี้มันช่างเต็มตื้น  ซาบซึ้ง อิ่มเอม
ขอบคุณมากๆนะคะ คนเขียน

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อ่านตอนนี้ซึ้งจัง ต่ายและเจ๊โตมาได้อย่างดีเลย


ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนถูกโอบอุ้มด้วยความรัก
น้ำตาซึมเลย

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
มาแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกคอมเมนต์เลย o13
ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี +1 ให้หมดใจเลยนะ ฮิ้วววว...
ตอนต่อไปเลยแล้วกันครับ มาถึงตอนที่ 27 แล้ว ไปไวเหมือนกันแฮะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 27



แสงแห่งวันชุบชีวิตในตลาดสดแห่งนี้ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ผู้คนเริ่มทยอยมาจับจ่ายใช้สอยข้าวของอาหารสดต่างๆ ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบจนตลาดดูคึกคัก ที่แผงของคะน้าก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าไข่ไก่สดๆ จากฟาร์มที่ได้มาใหม่จะค่อนข้างคุณภาพดี ไอศกรีมไข่แข็งที่คะน้าประยุกต์ขายจึงได้รับผลตอบรับดีจนหมดไวกว่าทุกวัน มะพร้าวอ่อนที่แผงก็เลยพลอยขายดีไปด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมการตลาดได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการใส่ใจในคุณภาพของข้าวของในตลาดมากขึ้น เจ๊เป็ดที่เริ่มหันมาขายผักปลอดสารพิษก็ดูจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพ่อค้าแม่ขายอื่นๆ หันมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าของตนยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าสู้กับห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ได้อย่างไม่อาย หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น (ไม่นับผมทรงใหม่ของสายใจที่เจ้าตัวโฆษณาว่าสวยใสไม่แพ้ตั๊กแตน ชลลดา แต่ทุกคนกลับลงความเห็นว่าออกแนวซีเนียร์แบบตั๊ก มยุรามากกว่า)

“ถ้าทุกวันมันคึกคักแบบนี้ก็ดีนะจ๊ะเจ้เป็ด จะหมดแผงแล้วเนี่ย” คะน้าที่มาช่วยเจ๊เป็ดขายผักที่แผงข้างๆ หันไปคุยกับเจ้าของแผง

“วันเงินเดือนออกก็แบบนี้ล่ะ แต่ถ้ามันได้แบบนี้ทุกวัน แม่จะถอยทองสักสลึงเลยคอยดู” หญิงสาววัยแตะห้าสิบยิ้มอย่างมีความสุขจนคะน้าเพลินจนยิ้มตามไปด้วย “ขอบใจเอ็งที่มาช่วยนะคะน้า เอ็งนี่มันทั้งมีน้ำใจ ทั้งขยันขันแข็งเหมือนพ่อเอ็งไม่มีผิด”

“จริงเหรอจ๊ะเจ๊”

“ข้าไม่ได้แก่จนจำอะไรไม่ได้หรอกนะ เอ็งสองคนน่ะ โตขึ้นมาแล้วนิสัยเหมือนพ่อเอ็งไม่มีผิด แต่เอ็งกับผักกาดมันได้ตาใสๆ กับยิ้มหวานๆ แบบแม่ของเอ็ง เผลอไปแผล็บเดียว ดูสิ ไอ้เด็กที่วิ่งซนไปทั้งตลาด โตเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีไปซะแล้ว”

“เพราะได้เจ๊ช่วยป้อนข้าวฉันหรอกจ๊ะ ไม่งั้นก็ไม่โตหรอก” ชายหนุ่มยิ้มแป้นให้กับหญิงสาวที่เค้าคุ้นตามาตั้งแต่เด็กๆ

“เอ็งนี่มันปากหวานนะ” เจ๊เป็ดหัวเราะด้วยความชอบใจระคนไปกับความเอ็นดู “เอ๊า เอาไปแบ่งกันกิน ผักปลอดสารพิษ กินแล้วแข็งแรง”

“โห เจ๊เป็ดเก็บไว้ขายเถอะจ๊ะ” คะน้าส่ายหน้าไหวๆ ด้วยความรู้สึกเกรงใจ

“เอ็งเอาไปกิน อย่าขัดใจคนแก่สิวะ”

“งั้นฉันซื้อเจ๊นะ” เกรงใจกับของซื้อของขาย

“ข้าโกรธจริงๆ นะ ดูถูกน้ำใจกัน” เจ๊เป็ดส่งเสียงฉุน “น้ำใจคนมันตีค่าด้วยเงินไม่ได้ ข้าเองก็เป็นหนี้บุญคุณพ่อกับแม่เอ็งที่ช่วยเหลือจนตีค่าเป็นเงินทองไม่ไหว และพ่อแม่เอ็งก็ไม่เคยคิดจะรับไว้อีกต่างหาก แค่น้ำใจแค่นี้ เอ็งรับไปนะ ให้คนแก่อย่างข้าได้ชื่นใจ”

“งั้นเจ๊เป็ดแบ่งไข่ไก่ฉันไปนะ วันนี้ฟองโต สดๆ เลย”

คะน้ารีบคว้าไข่ไก่จากแผงตัวเองใส่ถุงแล้วส่งให้ ไม่เพียงแต่ผักสดๆ ที่คะน้าได้รับจากเจ๊เป็ดเท่านั้น น้ำใจของคนในตลาดแห่งนี้เผื่อแผ่ถึงกันและกันราวกับคนในครอบครัวใหญ่ๆ ที่รักใคร่กันมานาน คะน้าได้รับหมูสับเกือบกิโลจากเฮียตี๋ ปลาทูนึ่งตัวโตๆ จากบังอร แม้แต่แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายจากเจ๊เมาท์ที่ขายแกงถุง ไข่ไก่และมะพร้าวน้ำหอมจำนวนไม่น้อยแลกเปลี่ยนอัธยาศัยให้กันและกัน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นทุกๆ วันจนคะน้ารู้สึกผูกพันกับทุกๆ คนเหมือนเพื่อนฝูง เหมือนคนในครอบครัว

“ขอโทษนะคะ พี่คะน้ายุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” เสียงเรียกใสๆ จากด้านหลังทำให้พ่อค้าหนุ่มหันกลับไปมอง เมื่อเจอต้นเสียงก็ชะงักไปจนปั้นหน้าไม่ถูก ถึงอย่างนั้นคะน้าก็ยิ้มให้ด้วยไมตรี

“สวัสดีครับน้องแนน วันนี้มาเดินเล่นที่ตลาดเหรอครับ” ใบหน้าของหญิงสาวดูมีเลือดฝาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ้มให้กับคะน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“พี่คะน้าขายอะไรบ้างคะ แนนอยากอุดหนุนจังเลย” ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบๆ แผงด้วยความตื่นตาตื่นใจ หากแต่เสียงของผู้หญิงอีกคนที่คิดว่าสวยไม่ด้อยไปกว่าใครนั้น ตอบคำถามแทนคะน้าเสร็จสรรพ

“โหมะแล้!” จันทูเดินอาดๆ มาหาคะน้าแล้วควงแขน “วานี้ขาโหมะแล้ ม่ามีขา จาซื้ออาราเก๊าะมาวาหลางงง...”

ดูเหมือนว่าแนนจะผงะจนไปต่อไม่ถูกเมื่อเจอจันทูเข้าไป จนคะน้าต้องส่งเสียงดุผู้ช่วยชาวพม่า แต่เจ้าตัวดูจะไม่สะทกสะท้านอะไร ซ้ำยังส่งสายตาเขม่นไปที่หญิงสาวอีกคนอย่างกับจะให้เป็นผุยผงในพริบตา

“แนนมารบกวนพี่คะน้าหรือเปล่าคะ”

“โร๊ะกัว! โคนเค้าจาขายขอ ทำมาค้าขา” เป็นจันทูอีกครั้งที่ตอบแทนคนที่ถูกถาม

“เออ ไม่หรอกครับ น้องแนนมีอะไรหรือเปล่าครับ” หลังจากปรามจันทูแล้ว คะน้าก็หันไปตอบหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าแผงด้วยอาการหวาดๆ ดูเหมือนแนนจะรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวจึงเอ่ยขอร้องบางอย่างกับคะน้า

“คือแนนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ เอ่อ... หมายถึงส่วนตัวน่ะค่ะ” คะน้าพยักหน้ารับ พอเข้าใจว่าแนนต้องการพูดเรื่องอะไร และก็คงไม่เหมาะที่จะยืนอยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากหนีปัญหา อะไรที่พอปรับความเข้าใจกันได้ คะน้าก็ไม่ลังเลที่จะทำ

“คนนั้นน่ากลัวจังเลยนะคะ เค้าเป็นใครเหรอ” แนนเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่คะน้าปลีกตัวออกมาเดินด้วย

“อ้อ จันทูน่ะ เป็นผู้ช่วย เค้าก็เป็นคนดีนะ ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก” เขาตอบตามความเป็นจริง ภายนอกจันทูอาจจะดูเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้ถูกกับประชานิยมทั่วไป แต่เนื้อแท้แล้ว คะน้ารู้ดีว่าผู้ช่วยพม่าคนนี้ของเขาเป็นคนรักดี เอาการเอางาน และไว้ใจได้

“แนนไม่ค่อยมีโอกาสมาเดินตลาดสดเลยค่ะ รู้สึกตื่นตาจัง พี่คะน้าพาแนนเดินหน่อยได้ไหมคะ” ดูเหมือนว่าแนนจะไม่ได้สนใจฟังคำตอบอะไรกับคำถามที่ตนตั้งขึ้นมาเท่าไหร่ หญิงสาวเดินมองไปรอบๆ ตัวราวกับเดินในสถานที่แปลกใหม่ ไม่คุ้นเคย

คะน้าพาแนนเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน เขาเองก็ไม่รู้จะพาเดินไปไหน การเดินในตลาดดูจะเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับที่คุยเท่าไหร่ แต่คะน้ายังจำเหตุการณ์ครั้งก่อนไม่หาย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ แบบนี้

“เอ่อ... เรื่องเมื่อวันนั้น แนนขอโทษนะคะ แนนไม่น่าดื่มเลย เวลาแนนเมา แนนไม่รู้สึกตัวเลย แนนทำอะไรแย่ๆ ไปหรือเปล่าคะ จำไม่ได้จริงๆ” จู่ๆ หญิงสาวก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สลด คะน้าหันไปมองหน้าของแนน แววตาคู่นั้นดูหมองเศร้าจริงๆ หม่นจนเขาก็ไม่รู้จะตำหนิอะไรเธอ ลำพังแค่นี้ คะน้าก็รู้สึกว่าแนนเองก็คงรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของตัวเองไปแล้ว

“ถ้าแนนทำอะไรที่พี่คะน้าไม่ชอบลงไป แนนขอโทษพี่ด้วยนะคะ พี่คะน้าไม่โกรธอะไรแนนใช่ไหมคะ”

ไม่มีใครบนโลกนี้สมบูรณ์แบบ และไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด คะน้ารับรู้ในความจริงข้อนี้ดี แม้ว่าถ้อยคำหรือการกระทำในคืนนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาร้สึกไม่ดีเป็นอย่างมากก็ตาม หากแต่เมื่ออีกฝ่ายสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปจากใจจริง ตัวเขาเองจึงยินดีให้อภัย

“เอ่อ... ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“พี่คะน้าใจดีจังเลยค่ะ” แนนมีสีหน้าที่สดชื่นขึ้น แต่ก็เพียงครู่เดียว ดวงตาที่เคยสุกใสราวกับตาของกวางตัวน้อยๆ ก็หมองลงอีกครั้ง “เอ่อ... จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าแนนจะขอรบกวนพี่อีกอย่าง” คะน้าหันมามองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความสงสัย

“พี่อย่าบอกเรื่องที่แนนเมา หรือแม้แต่ที่แนนทำอะไรไปวันนั้นกับพี่ทิมได้ไหมคะ แนนจำไม่ได้ว่ามีแนนทำอะไรลงไปบ้าง แต่แนนเดาว่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่” ร่างเล็กมีสีหน้าลำบากใจ ดวงตาคู่นั้นเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา

“พี่คะน้าคะ ถึงแม้ว่าแนนจะรู้ว่าแนนไม่สมควรมาขออะไรพี่แบบนี้ แต่พี่คะน้าก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าถ้าพี่ทิมรู้เรื่อง แนนจะเป็นยังไง แนน... แนนกลัวค่ะ” ไหล่ที่ไหวเบาๆ ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก คะน้าพยายามควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงตัวเองส่งให้ ก็เพิ่งรู้ตัวว่าลืมไว้ที่แผงผักตอนที่ไปช่วยเจ๊เป็ดขายของ ลงท้ายชายหนุ่มได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะปลอบประโลมหญิงสาวอย่างไร

“อ่อ... ครับ คือพี่ก็เข้าใจครับ พี่สัญญาว่าจะไม่พูดอะไร น้องแนนวางใจนะ” เธอปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจนปริ่มนั้นออกพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้น คะน้าก็รู้สึกใจชื้นขึ้น

“ขอบคุณพี่คะน้ามากนะคะ พี่ใจดีกับแนนมากเลย แนนไม่รบกวนเวลาพี่คะน้าดีกว่าค่ะ แล้ววันหลังแนนจะแวะมาอุดหนุนให้ได้เลยค่ะ แนนสัญญา”

“อ้อ... ครับๆ ขอบคุณมากครับ”

ว่าแล้วร่างเล็กๆ ของหญิงสาวก็กลืนหายไปกับผู้คน คะน้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นถือว่าเป็นเรื่องโง่งี่เง่าหรือเปล่ากับการยอมอะไรใครง่ายๆ หรือแม้แต่ยกโทษอะไรง่ายๆ ด้วยคำพูดเพราะๆ ไม่กี่คำ การผูกใจเจ็บ คิดร้ายนั้นไม่ยากเลย แต่ใจของตัวเราเองคงร้อนเหมือนไฟไม่มีที่สิ้นสุด และคะน้าไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้ร้อนรนกับความโกรธแค้นไม่จบไม่สิ้น มันผ่านไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ถึงกับเสียหายอะไร ยกโทษให้ได้ คะน้าก็ยินดี ...อย่างน้อยก็ให้มันจบๆ กันไป





เย็นวันนั้น เป็นครั้งแรกที่ทิมได้มาบ้านของเขาอีกหลัง ชายหนุ่มขันอาสาที่จะเป็นธุระช่วยย้ายข้าวของของคะน้าไปที่คอนโด ความที่มีสมบัติไม่ได้มากมายอะไรแบบใครเขา การขนย้ายของจึงดูเป็นเรื่องที่ไม่สาหัสเกินไปสำหรับชายหนุ่มสองคนจนไม่ต้องพึ่งพาบริษัทช่วยขนย้าย

อารามที่ไม่ได้อยู่อาศัยมาสักพักและความคร้านจะทำความสะอาด บ้านที่ดูอบอุ่นจึงมีสภาพไม่ต่างกับโกดังเก็บของเก่าๆ ฝุ่นผงดูจะเป็นปัญหาที่เอาเรื่องกับการขนย้าย เชิ้ตสีขาวถูกกำจัดออกไปจากร่างกายของทิม และไม่นานเสื้อยืดของคะน้าก็เช่นกันเมื่อคราบสีดำๆ ทิ้งตัวเป็นปื้นขนาดใหญ่พาดกลางตัว

อีกปัญหาที่ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องแต่กลับเอาเรื่องยิ่งกว่าฝุ่นที่เขรอะไปทั่วบ้านเป็นไหนๆ ก็คือร่างสูงที่ขนย้ายข้าวของอยู่ระยะประชิดในพื้นที่กะทัดรัดของห้องรับแขกนี้ บ่อยครั้งที่คะน้าเผลอมองทิมที่ส่วนบนของร่างกายขยับตัวไปมาอย่างอิสระ ...ยอมรับทั้งๆ ที่กระดากปาก น่ามองจนไม่อยากละสายตา

“เป็นอะไร ดูเหม่อๆ”

“เปล่านี่” ตอบไปแบบแกนๆ แล้วเฉไฉลงนั่งพักให้หายเหนื่อย ทิมเดินตามมานั่งใกล้ๆ คะน้ายอมรับว่าเสมองไปอีกทางเพื่อจงใจเลี่ยงภาพที่เห็นในระยะประชิด

“เหนื่อย?”

ทิมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเอียงมอง ดวงตาคู่นั้นตั้งคำถามด้วยความสงสัย คะน้าเบนสายตาเลี่ยงไปด้านข้างทันที

“พักหน่อยน่ะ”

อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรมากมาย ออกจะสบายด้วยซ้ำ เมื่อกล่องที่ใส่ของมีน้ำหนักมากๆ ทิมจะเป็นคนแย่งที่จะขนไปเรียงไว้หน้าบ้านเสียหมด ส่วนเขาเองได้แต่ขนข้าวของทั่วไปที่มีน้ำหนักเบา ทิมถูฝ่ามือกว้างของตัวเองกับขากางเกงไปมาหลายครั้งแล้วยกขึ้นมา ค่อยๆ ปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ทั่วใบหน้าของคะน้าออก แม้จะสะดุ้งกับสัมผัสที่เอาใจใส่เกินกว่าจะคาดคิด แต่คะน้าก็นั่งนิ่งๆ ให้ทิมเช็ดออกแต่โดยดี ...แล้วต่างฝ่ายก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

ในวินาทีที่เชื่องช้าและยาวนาน ใจของคะน้าวิ่งวนอยู่กับความคิดแปลกๆ จนสลัดไม่หลุด ณ ห้วงเวลานั้น คะน้าตอบไม่ได้ว่าความกระสับกระส่ายแปลกๆ นี้คือการเล่นกลสารพัดสารพันของจิตใจตัวเอง หรือแท้จริงนั้นคือการเพรียกหาความปรารถนาอันคุ้นเคยจากสัมผัสคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สายลมกรีดกรายผ่านความเงียบเข้ามากระทบผิวที่ร้อนผ่าวไปด้วยการใช้กำลัง หยดน้ำเล็กๆ ยังคงซึมผ่านแผ่นอกออกมาเพื่อระบายความร้อนของร่างกาย เส้นสายของมันทิ้งตัวลงช้าๆ ไปทั่วแผ่นหลังจนสะท้อนแสงวาว ร่างของคะน้าหอบ ไม่รู้ว่าเหนื่อย หรือเพราะหัวใจที่เต้นจนร่างกายมันไหวตาม หัวไหล่คนนั่งข้างเบียดบดเข้ามาใกล้ ในใจของคะน้าเต้นระรัวราวกับต้องมนตร์



...แล้วทิมก็จูบลงบนริมฝีปาก

คลอเคลีย รุกเร้า ท่วมท้น ...แต่นั่นดูจะไม่เพียงพอ คะน้าค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ใบหน้าถูกตระกองขึ้นด้วยฝ่ามือของคนที่อยู่ตรงหน้า สัมผัสที่ยั่วเย้าดึงดูดเขาจนคล้ายกับแมลงที่โผบินเข้าสู่เพลิงที่โชนแสง หยุดหายใจ และตอบรับสัมผัสนั้นราวกับโบยบินอยู่บนก้อนเมฆ เพียงไม่นานความหอมหวานนั้นก็ผละจาก ไม่มีท่าทีจนคะน้าปรับความรู้สึกไม่ทัน ทิมหายใจฟืดฟาด ร่างกายแดงก่ำและสะเทือนไหวราวกับสูบฉีดไปด้วยอะดรีนาลีน

“ใส่เสื้อได้ไหม”

“หืม?”

“ผมจะไม่ไหวเอาว่ะพี่”

ทิมบริภาษด้วยความรู้สึกต่างๆ คละเคล้ากันไป คำพูดตรงไปตรงมาและแววตาที่จ้องมองด้วยความไหวสะท้านนั้น แม้เพียงชั่วขณะ ก็เนิ่นนานพอจะทำให้หัวใจของคะน้ากระตุกเต้นรัวเหมือนถูกฉีดปั๊มด้วยเครื่องอัดอากาศขนาดใหญ่ ทิมคว้าเสื้อตัวเองขึ้นมาคลุมหัวคะน้า ออกคำสั่งกำชับ

“นั่งเฉยๆ เดี๋ยวทำเอง”

แล้วคะน้าก็ได้แต่ดูร่างสูงตรงหน้าขนของไปมาราวกับเครื่องจักรที่ไม่รู้ความเหน็ดเหนื่อย พอจะเอี้ยวตัวไปคว้าฉวยอะไรขึ้นมายก สายตาเขม่นคู่นั้นก็ตรึงฝ่ามือทั้งสองข้างและปลายขาให้คงที่ เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก แต่ดูเจ้าตัวที่ออกแรงจนหอบแฮ่กจะสบายใจกว่าที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทิมทิ้งตัวลงข้างๆ คะน้าบนโซฟาหวายสีอ่อนนั่น สะท้านโยนไปทั้งตัว คะน้ามองด้วยความรู้สึกอาทรและอิ่มเอิบไปทั้งใจ ค่อยๆ ขยับตัวเข้าใกล้ นิ้วมือเกลี่ยปาดผมที่ลงมาปรกหน้าผากของทิมออก

“หิวไหม”

“มาก” ทิมตอบทันควันโดยไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ

“จะกินอะไรล่ะ”

คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงสายตาคู่นั้นที่จ้องมองอย่างไม่วางตา ...มองอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายต้องงุดหน้าลง ทิมสอดมือเข้าไปในเชิ้ตที่ไม่ได้ติดกระดุมบนร่างกายของคะน้าแล้วสวมกอด


...โซฟาหวายที่คะน้าเคยเอนตัวได้สบายดูจะแคบลงถนัดตา



(ต่อด้านล่างอีกครึ่งครับ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)



คะน้าและทิมกลับมาถึงที่คอนโดในเวลากลางดึกด้วยสภาพที่ดูเปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อไคลและฝุ่นผง ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องนั่งจ้องสภาพของชายหนุ่มทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่ใช่แค่สารรูปที่ดูไม่ต่างกับวิ่งมาราธอนหรือผมที่กระเซอะกระเซิงมา แต่เป็นการที่น้องชายของตัวเองสวมเชิ้ตสีขาวราคาแพงของชายหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างๆ โดยที่เจ้าตัวกลับใส่เสื้อยืดย้วยๆ ของคะน้ากับยีนส์สีเข้มของตัวเองแทน

“คือ... ก็... แลกกันใส่ไง เนอะๆ” คะน้ากระทุ้งข้อศอกเข้าสีข้างของคนที่ยืนข้าง ทิมพยักหน้าหงึกแล้วยิ้มกริ่ม

“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหม” คงจะดีกว่าสำหรับผักกาดที่จะไม่ถามอะไรที่ไม่พร้อมจะรับฟังคำตอบ ...บางที สู้ไม่รู้ไม่เห็นจะดีกว่า สองหนุ่มผ่อนผันด้วยการขอพักสักครู่ คะน้าเดินไปที่ตู้เย็นแล้วรินน้ำมาสองแก้ว แก้วหนึ่งให้กับทิม อีกแก้วสำหรับตัวเขาเอง

“แล้วนี่ทานอะไรกันมาหรือยังน่ะเรา ต่ายเลี้ยงอะไรทิมหรือเปล่า”

“ครับ เรียบร้อย” ทิมตอบเสียงใสแล้วหันไปสบตาด้วย คะน้ายกน้ำขึ้นจิบ รู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบของทิมนั้นหมายถึงอะไร ผักกาดผ่อนคิ้วที่ตึงลงมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยก็ไม่แขวนท้องเปล่ากลับมา

“อร่อยไหม กินอิ่มหรือเปล่าทิม”

“อร่อยครับ” ทิมจ้องหน้าคะน้าแล้วยิ้มหวาน “...กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม”

พรวด!!!

น้ำในปากคะน้าถึงกับทะยานตัวไปข้างหน้ากับคำตอบที่เจื้อยแจ้วของอีกคน ทิมยังคงมองจ้องไม่ไหวติง ดวงตาคู่นั้นจงใจสบตาเขาแบบไม่สนใจอากัปกิริยาคนรอบข้าง ซ้ำยังยิ้มลอยหน้าลอยตามาให้เขาอีก ...กวนทีน!

จากที่เคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ อย่างที่ดูพิลึกพิลั่น สุดท้าย ผักกาดก็ยกมือกุมขมับแล้วขอตัวกลับไปนอนสักงีบแก้เครียด พี่สาวกำชับน้องชาย ถ้าหิวให้หาอะไรทาน แล้วเก็บของเท่าที่พอจะเก็บได้ให้เป็นที่ทาง แต่สุดท้ายผักสดๆ และอาหารต่างๆ ที่ได้มาจากตลาดในวันนี้ก็ผ่านฝีมือปรุงของทิม คะน้าตักข้าวเข้าปาก จ้องมองคนที่นั่งเคี้ยวตุ้ยๆ ตรงหน้า ท่าทางคงอ่อนเพลียไม่น้อย

“ไม่เหนื่อยเหรอ”

“อีกยกก็ยังไหว”

คะน้ายิ้มเย็นยะเยือกให้กับคนที่ยิ้มร่า หากแต่ที่ใต้โต๊ะอาหาร กลับง้างเท้าขึ้นถีบทิมอย่างเต็มที่ เจ้าตัวรีบขยับหนีแล้วแกล้งร้องโอดโอย

“มันกระตุก”

“ระวังเจอ ‘มัน’ กระตุกมั่งนะ”

ทิมหัวเราะแบบมีเลศ คะน้ามองแล้วถอนหายใจหน่าย อะไรๆ ก็ดูจะไม่ได้ผล ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไปหลงพิศวาสคนแบบนี้ได้ลงคอ ยิ่งนานวันก็ยิ่งทะลึ่งทะเล้น

“ไม่เบื่อมั่งเหรอไง ทุกวันเลยนะ”

“ไม่เบื่อ วันละหลายๆ รอบก็ได้” ทิมยักคิ้ว ทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย คะน้ามองคนตรงหน้า ถึงแม้พักหลังเจ้าตัวจะชอบกวนประสาทด้วยความทะเล้นยั่วโมโหบ่อยครั้ง หากแต่เขารู้ดีว่ามันก็แค่การกลบเกลื่อนไม่ให้คะน้ากังวลเกินไป วันนี้คงเป็นอีกวันที่เหนื่อยมากๆ สำหรับทิม สักพักคนที่ทานข้าวอยู่ก็ชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม คิ้วเข้มขมวดขึ้งจริงจัง

“แล้ว...เบื่อเหรอ”

“รีบๆ กินข้าวไปเถอะ” คะน้าตอบกลับแล้วก้มลงกินข้าวบ้าง

“แปลว่าชอบ”

“บอกให้กินข้าวไป!!” ทิมหัวเราะร่วน บางทีคะน้าก็คิดว่าตัวเขาเองก็ติดนิสัยบางอย่างมาจากทิมโดยไม่รู้ตัว หวังว่ามันจะเป็นนิสัยที่ดีๆ มากกว่าที่ไม่ดีก็แล้วกัน

หลังมื้ออาหาร ทิมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก มีเสียงจากทีวีเป็นเพื่อนในเวลาหลับไหล คะน้าจ้องมองคนที่นอนหลับอยู่ แปลกที่บ่อยครั้งในความคิดของคะน้ากลับรู้สึกคุ้นเคยกับทิมเหมือนกับเค้าเห็นที่ไหนมาก่อน หรือคล้ายกับเคยรู้จักมาก่อนอย่างที่ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งนานวัน ยิ่งได้รู้จัก ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นจนเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง

สะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆ ให้ออกไป ยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องทำ ชั่งใจดูแล้ว การปล่อยให้ทิมพักผ่อนอีกสักพักน่าจะดีกว่าที่ปลุกให้ตื่นขึ้นมา ...รอยยิ้มแบบนั้น ฝันถึงอะไรดีๆ อยู่นะ คะน้าหอมลงที่แก้มของทิมเบาๆ ปัดผมที่ตกลงมาปกหน้าให้เปิดออกแล้วหยิบผ้าห่มจากห้องนอนมาคลุมให้ ตัวเองก็ค่อยๆ รื้อเก็บข้าวของต่างๆ โดยเน้นไปที่ของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งเกือบหมด

หลังจากจัดเก็บข้าวของต่างๆ ที่ย้ายมาพอจะเป็นระเบียบก็พาเอาเหนื่อย คะน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งกับภาระที่เสร็จสิ้นไปอีกอย่างในวันนี้ ปล่อยความคิดต่างๆ นานาให้ล่องลอยไปในอากาศ ทบทวนอะไรต่อมิอะไร แล้วคะน้าก็เผลอยิ้มออกมากับช่วงเวลาในนาทีนี้ เหมือนละอองแห่งความสุขโรยตัวลงรอบๆ มองไปทางไหน คะน้าก็รู้สึกอยากจะยิ้มให้กับเวลาที่ดีๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีความทรงจำที่ดีๆ ให้คิดถึง และก็มีเป้าหมายในอนาคตใหม่ๆ ที่รอให้ลงมือทำ แวดล้อมด้วยคนดีๆ และความสุขมากมายที่เงินตราไม่อาจซื้อหา มีครอบครัวที่ดีอย่างผักกาด ...คะน้าชะเง้อออกไปมองคนที่นอนอยู่ด้านนอกแล้วยิ้มน้อยๆ แล้วก็มีงานที่ทำให้มีความสุขได้ทุกวัน รวมทั้งมีคนที่ปรารถนาดีมากๆ กับเขาตลอดเวลา


...แม้ว่าในเวลานี้ คนๆ นั้นจะอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้าก็ตาม

คะน้าเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา กดหาไฟล์ที่เคยได้รับจากตุลแล้วเขาส่งเก็บเข้าไว้ในคอมพิวเตอร์ รูปถ่ายที่เคยถ่ายเล่นด้วยกันตอนไปหาอะไรทานมื้อเย็นที่งานวัด แม้มันจะผ่านไปแล้ว และเป็นเพียงความทรงจำ แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดี

ค่อยๆ กดเลื่อนดูไปทีละภาพ ...ทีละภาพ

ภาพตัวเองที่ทำหน้าเหวอตอนถูกแอบถ่ายช่างดูเสื่อมจับใจ ...ไม่ต้องคิดให้มากความ ลบทิ้ง!
มีภาพที่เขายิ้มโง่ๆ กับลูกชิ้นปิ้งกองพะเนิน อันนี้ ดูไปดูมาก็หล่อดี ...เก็บก็ไม่เสียหาย
ภาพวิว ภาพบรรยากาศต่างๆ เหรอ ...ก็ได้นะ ไว้ดูเล่นๆ ให้คิดถึง
แล้วก็ภาพยืนถ่ายตามท้องถนน อืม... จะว่ายังไงดี ภาพน่ะไหว(สั่น) แต่คนน่ะไม่ไหว ...ลบด่วน!!!
ภาพคู่ที่ตุลยกมือถือขึ้นถ่าย ...ภาพที่ตุลป้อนของกิน และมีภาพคู่อีกสองสามภาพที่ทำให้คะน้าอดคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้ ก่อนจะถึงภาพสุดท้าย...


...ภาพของตุลที่ใส่แว่นแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี

รอยยิ้มที่มุมปากของคะน้าจุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่มองคนในภาพนั้น รอยยิ้มของตุลดูสดใสไม่ต่างกับในความทรงจำของคะน้า ห้วงเวลาเก่าๆ ย้อนคืนกลับมาให้รู้สึกโหยหาจดจำ อดีตที่แม้จะผ่านไปแล้วนั้นยังโอบกอดคะน้าไว้จนอิ่มเอิบไปด้วยความสุข ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากเรียกร้องให้เข็มนาฬิกาหมุนย้อนหรือแม้ให้สายลมพัดหวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในห้วงเวลาที่เดินผ่านไปทุกวัน ตุลคือหนึ่งในสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา ...ไม่รู้ว่านับจากตอนนั้น ตุลจะเป็นอย่างไรบ้าง

...คิดถึงนะ ดูแลสุขภาพด้วย
...ผมอยู่ทางนี้ ก็จะดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน


คะน้าจ้องมองภาพนั้นอยู่เนิ่นนาน กระทั่งชายหนุ่มร่างสูงเดินหน้ามึนเข้ามาในห้อง เขาจึงปิดภาพในคอมพิวเตอร์นั้นลง คะน้าเอี้ยวเก้าอี้หันกลับไปมอง เห็นทิมกวาดตามองไปรอบๆ ตัวเหมือนหาอะไรบางอย่าง คนที่เพิ่งเดินเข้ามาถอนหายใจเล็กๆ จนเจ้าของห้องทำหน้าสงสัย

“ตื่นแล้วเหรอ” ทิมพยักหน้าหงึกๆ ในตายังมองซ้ายแลขวาไม่เลิก “มีอะไรเหรอ”

“จะยืมอะไรหน่อย” ทิมยังตาปรือๆ ยักคิ้วให้พร้อมกับมุมปากที่ยกตัวสูงขึ้นแบบที่เจ้าตัวชอบทำบ่อยๆ คะน้าทำหน้าสงสัยจนชายหนุ่มประท้วงด้วยอาการตั้งแง่เล็กๆ

“เดี๋ยวคืนให้น่ะ สัญญา”

“ได้สิ อะไรล่ะ” คะน้าหมุนเก้าอี้กลับมาเต็มตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองทิมที่ยืนยิ้มอยู่ ดวงตายังปรอยๆ

“ได้แน่นะ” ทั้งที่สะลึมสะลือ ชายหนุ่มก็ยืนยิ้มกว้างขวาง และทันทีที่คะน้าพยักหน้า ทิมก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาใกล้

...ขโมยจูบไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว!

แม้จะโดนบ่อยจนควรเริ่มจะชิน กระนั้นก็คุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้สักครั้งกับรสชาติที่หวานหอมนั้น คะน้ารู้สึกร้อนวาบขึ้นที่หน้าเล็กน้อย เขาส่งสายตาดุไปให้ทิม เจ้าตัวกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ทำให้คะน้าฉุกในความคิด ...คิดว่าพอจะเข้าใจนะ ...คิดว่า

“แล้วน้องต่ายจะเอาคืนเมื่อไหร่ ก็บอกพี่ทิมแล้วกัน”

ทีซื้อหวยล่ะไม่เคยจะถูก! ทิมขยุ้มผมตัวเองจนยุ่งแล้วส่งยิ้มหวาน ผิวปากหวิวอย่างอารมณ์ดี เหมือนจะปลง คะน้าถอนหายใจแล้วมองคนที่ยืนอยู่ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ให้กับมุกตลกบริโภคห่ามๆ นั้นของทิม

สัญญากับตุลได้ไหมครับ?

จะไม่ร้องไห้เป็นเด็กขี้แย จะมีความสุขที่สุด
จะร่าเริง หัวเราะ และยิ้มอย่างเต็มที

 ...ทำได้ไหมครับ?




ครับ ผมสัญญา


ถ้อยคำที่เคยรับปากไว้จารึกลงบนความทรงจำนั้นฝังแน่น ทุกภาพฉายชัดขึ้นจากตะกอนที่เริ่มโรยตัวลงในห้วงความคิด กลิ่นอายสุดท้ายแห่งการจากลายังพร่าพรายและอบอวลรอบตัว

“เดี๋ยวนี้ได้ไหม...”

คะน้าเงยหน้าขึ้นและสบตาคนที่ยืนอยู่สูงกว่า แล้วริมฝีปากของทิมก็แย้มขึ้น

“...ได้สิครับ”

ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำจนไม่อยากละสายตา ดูเหมือนว่าร่างสูงนั้นจะจำนนต่อคำร้องขอนั้นอย่างง่ายดาย ทิมโน้มตัวลงมาอีกครั้ง และใกล้เข้ามา

สายฝนในฤดูหนาวร่วงพรูลงจากผืนฟ้า เศษเสี้ยวดนตรีที่ไร้ทำนองดังขึ้นและเวียนวนอยู่ในหัว เป็นบทเพลงที่เพราะจับใจและน่าหลงไหลเหลือเกิน


ขอบคุณมากนะครับ ...ไอ้น่ารักของตุล


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ผ่านไปอีกตอนกับเป้าหมายของตัวเองที่ปักหมุดเอาไว้ว่านี่คือครึ่งเรื่อง
เรียกแบบให้ดูดีมีชติมีตระกูลก็คงประมาณว่าจบภาคแรก (ไฮโซขึ้นมาเล็กน้อย)
เป็นจุดกึ่งกลางของเรื่องที่ดูกึ่งกลางแบบกลับตัวไม่ได้ ไปไม่ถึงดี
เดาไม่ออกเท่าไหร่ว่าลงท้ายเรื่อง จะเป็นระบบแบบ นายเอก - พระเอก - พระรอง
หรือ นายเอก - ตัวเอก - พระเอก กันแน่ (งงไหมนะ) อันนี้ต้องติดตามอ่านต่อๆ ไปนะครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ข้อเสนอแนะ กำลังใจ +1 ให้ทุกคนนะครับ
ผ่านมาเกินครึ่งเรื่องแล้ว ขอบคุณมากๆ จริงๆ อยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปนะครับ :กอด1:

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0

:L2: ช่วงพูดคุยกับคะน้า :L2:

สวัสดีครับ ครั้งที่สามที่พบกันแล้ว หลังจากผ่านพ้นสองหนุ่มไป
คราวนี้คงได้ถึงคิวของคะน้า หรือต่ายน้อย ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเสียที
ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องได้ราวแค่ไหน ลองกันสักตั้งดูครับ!

ถึงแม้จะรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว อยากให้แนะนำตัวอีกครั้งกับแฟนๆ นักอ่านครับ
โอ่ยยย เหมือนเป็นคนสำคัญเลย ฮ่าๆ เอ่อ... ชื่อ มัยมนัส ครับ ชื่อเล่นว่า คะน้า
มีพี่สาวหนึ่งคนครับ ชื่อพี่ผักกาด บางทีก็โดนเรียกว่า กระต่าย ต่าย อุซากิ และอีกมากมาย
คือสารพัดที่แปลว่ากระต่ายน่ะครับ ที่ชอบเรียกชอบล้อแบบนั้นกัน เพราะผมชอบมองพระจันทร์น่ะครับ
มีคนถามว่าเป็นอะไรมากไหมกับพระจันทร์ เอะอะก็พระจันทร์ๆ พระอาทิตย์ไม่ได้เหรอ
ผมเป็นกระต่ายบนดวงจันทร์ครับ (แต่ก็อยากเป็นกระต่ายบนดวงอาทิตย์เหมือนกัน เท่ห์ดี)
แล้วชื่อคะน้านี่มาจากอะไร
เมื่อก่อนที่บ้านขายผัก แต่พอคุณแม่เสีย เจ๊เป็ดที่แต่ก่อนเป็นผู้ช่วยคุณแม่ก็เลยขายแทน
ชื่อของลูกๆ ก็เลยเป็นเชื่อของผักครับ ผักกาด คะน้า ถ้าผมมีน้องอีกคนอาจจะชื่อตำลึงมั๊ง 555+
ขายไอศกรีมนี่ ทำเป็นกับเขาไหมเนี่ย
เป็นครับ แต่ทุกวันเราทำขายเยอะ เดี๋ยวนี้ใช้เครื่องจักรแทนครับ
ผมทำอร่อยเหาะเลยนะ ไม่อยากจะโม้วววววววว...
ก่อนจะมาผันตัวเป็นพ่อค้านี่ทำงานอะไร
จบโทด้านการตลาดมาครับ ทำงานออฟฟิศเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทแห่งหนึ่ง
แต่ก็ออกมาดูกิจการที่บ้านน่ะ ทำยังไงได้ เจ้ผักกาดได้เงินเดือนเยอะกว่าผมนี่นา
ดูต่ายรักกับเจ้ผักกาดมาก แต่เราจะให้เผาเจ้ผักกาดให้ฟัง
จัดไป! เรื่องแบบนี้ ขอให้บอกครับ เจ้ผักกาดเห็นสวยๆ เปรี้ยวๆ แบบนี้นะ งกโคตร!!!
แถมตัวจริงซกมกมาก บางทีน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบ ห้องไม่ยอมเก็บ (ผมเก็บให้ประจำ)
เรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่เป็นสักอย่าง แถมซุ่มซ่ามที่สุด แต่นอกบ้านสวยมาก หญิงมาก
ขอบคุณครับ เดี๋ยวเราจะเอาไปให้เจ้ผักกาดดู
อิ๊บอ๋าย!! ผมล้อเล่นครับ อำเล่นๆ ขำๆ ไม่มีใครเชื่อจริงๆ ใช่ไหม
จากนี้ไปให้เลือกระหว่างสองสิ่งว่าชอบอันไหนมากกว่า หมากับแมว
ชอบหมามากกว่านะครับ อยากเลี้ยงพวกตัวโตๆ
โค้กหรือเป๊ปซี่
ต้องโค้กสิ!
จันทูหรือสายใจ
โหวววววววว... เหมือนพี่ให้เลือกระหว่าง ปอบหรือกระสือ อ่า
เลือกสิครับ!
อ่า... ครับๆ ยังไงดีล่ะ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ
บางทีผมก็คิดว่าทีตัวเองเป็นแบบนี้เพราะสองคนนี้ล่ะ -"-
โอเค เดี๋ยวจะเอาไปให้จันทูกับสายใจอ่าน
โหยพี่! เจ็บแค้นเคียงโกรธโทษฉันใย เกลียดกันแต่ปางไหนค้าบบบบบบ
ต่อนะ ระหว่างบุคลิกอบอุ่น ขาวตี๋มีแว่น กับซึนเดเระ มาดกวน เร้าใจ เลือกแบบไหน
ไม่ระบุชื่อไปเลยล่ะคร้าบบบบบบบบบ
เดี๋ยวไม่ยอมตอบอีก งั้นระบุชื่อนะ ทิมกับตุล เลือก!
โฆษณาเลยครับ อันนี้ต้องติดตามอ่านเรื่อง ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ไปเรื่อยๆ นะครับ
โอเค งั้นบอกสเป็คที
ได้เลยครับ เพื่อนๆ นักอ่าน ส่องกระจกเลยครับ
ดูสีข้างคุณต่ายถลอกๆ นะครับ คำถามต่อไปเลยแล้วกัน กลายเป็นคนเชื่อหมอดูไปเลยไหม
ฮ่าๆๆๆๆ ผมไม่เชื่อหรอกครับ เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ มันครบสามเดือนหรือยัง?
เห็นมีคนมาชอบเยอะ เคยคิดไหมว่าเสน่ห์ของตัวเองอยู่ที่ไหน
(ทำท่าคิด + หันมาถามคนสัมภาษณ์) ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่น่ามีนะ นึกไม่ออกจริงๆ
เห็นแฟนๆ บอกว่าเพราะต่ายเป็นคนน่ารัก (เหล่มอง)
เฮ่ยพี่! ผมไม่ได้จ่ายเงินใครจริงๆ นะ อย่ามองแบบนั้น ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ
เหรอครับ? เขาบอกกันด้วยว่าเป็นคนชอบยั่วโดยไม่รู้ตัว
ยั่วโมโหใช่ไหม? ผมเปล่านะ ไม่รู้จริงๆ ขอโทษจริงๆ ครับ (ปาดเหงื่อ)
ตอนนี้คนสัมภาษณ์เริ่มโมโหแล้วครับ ข้อต่อไปนะ นินทาตุลให้ฟังหน่อย
เฮ่ย! พอแล้วๆ เดี๋ยวคนอื่นเขาคิดว่าผมเป็นคนชอบนินทาคนอื่น
สักหน่อยน่า แฟนๆ อยากรู้
อืม... ก็ได้ครับ เป็นท่านราชามุกแป๊ก ปล่อยมุกออกมาทีฮากริบ แต่คนก็ขำกันนะ คือขำตรงที่มันไม่ตลก
เป็นคนปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น ดังนั้น มีอะไรไหว้วานได้เลยครับคนนี้ (กระซิบ) แอบหลอกให้เลี้ยงข้าวก็ได้นะ
นินทาทิมให้ฟังบ้าง
ขี้เก็ก หามุมหล่อตลอดเวลา ไปไหนต้องหล่อไว้ก่อน เป็นคนซื้อของไม่เป็น หน้าบาง
ไม่กล้าต่อราคากลัวแม่ค้าเสียใจ แต่กก็เจ้าเล่ห์ กวนประสาทคนเก่ง อ้อ! ทะลึ่งและหื่นมากๆ ครับ!
นินทาคนอ่านให้ฟังหน่อย
ได้เล๊ยยย... น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณมากๆ นะครับที่เป็นเพื่อนกันมาถึงตรงนี้
ดีใจที่ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับทุกคน ไม่รู้จะนินทาอะไรให้เจ็บแสบไปได้มากกว่านี้
อยากกอดทุกคนมากครับ ถ้าเจอก็อยากจะจับกอดแน่นๆ แล้วหอมสักฟอดให้ชื่นใจไปเลย ฮ่าๆ

คงเป็นบทสัมภาษณ์ที่น่าจะทำให้หลายๆ คนเห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของคะน้าขึ้นมาบ้าง
สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อน พบกันใหม่เมื่อมีโอกาสดีๆ จะจับมานั่งพูดคุยกันอีกนะครับ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คะน้านึกถึงตุล  เราก็นึกถึงตุลเหมือนกัน  ยังเศร้าเล็ก ๆ เฮ้อ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เก็บตุลไว้เป็นความทรงจำ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า
ยัยน้องแนนโผล่มาทำไรอีก

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
อ่านตอนคะน้านึกถึงตุลแล้วมันเหมือนมีกลิ่นไรอบอวลลอยมา

แบบกลิ่นความทรงจำดีๆอะนะ

 ป.ล. ดิฉันสัมผัสได้ถึงความสตรอเบอรี่ของยัยแนนค่ะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้องแนนโกหกที่บอกว่าไม่รู้ตัว ถ้าจริงหล่อนจะทำได้ขนาดนั้นเรอะ ที่เรียบอยู่น่ะสร้างภาพทั้งนั้น
ทำเป็นมาขอโทษ ประเด็นสำคัญคือกลัวทิมจะรู้มากกว่า ให้จบนะหล่อน ๆ อย่ามาเรื้อรัง ที่จริงอยากให้ทิมรู้มาก ๆ เลยนะ
คันปากยิบ

ขนของกันได้เซ็กซี่มากจ้า ทั้งคุณคะน้าและคุณพระเอก ก็รู้กันอยู่ว่าหุ่นดีแซ่บเว่อร์ขนาดไหน
เกือบขนกันไม่เสร็จซะแล้ว ว่าแล้วพี่ต่ายก็เลี้ยงน้องทิมซะอิ่ม อิอิ อิ่มอะไรแว๊  :o8:
พี่ผักกาดยังไม่ไหวจะทนเขินหนีเข้าห้องไปเลย

ตอนคะน้าดูรูปตุลแบบเศร้าเล็ก ๆ เนอะ คิดถึงหมอตุลย์ผู้แสนดีเหมือนกัน มันก็เป็นความทรงจำดี ๆ ระหว่างสองคน
นี่ถ้าทิมเห็นว่าคะน้ามานั่งดูรูปอ้อยอิ่งนี่คงหึงเนอะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ชอบมากกกก ไม่ไหวแล้ว  จบทิ้งแบบมีประเด็นนะ อย่างนี้ลุ้นตายยยย
รออ่านภาคต่อค่ะ   ใครจะบินไปดวงจันทร์กะต่ายบ้าง  ลุ้นนนน

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ใช่จ๊ะน้องต่าย เก็บตุลไว้เป็นความทรงจำเนอะ

ความจริงอยู่กับทิมนะดีที่สุดแล้ว ครึ่งแรกของเรื่องหวานยังไง

ครึ่งหลังต้องหวานกับทิมให้มากกว่านี้นะจ๊ะ จากแม่ยกทิม 55555555

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ยัยน้องแนนนี้มีแผนอะไรในใจรึเปล่าหว่าเพราะดูท่าเธอไม่ได้เมาเลยนะ วันนั้น

แต่ว่าทิมน่ารักเนอะ ดูแลต่ายดีจริงๆ เลย :o8: :o8:

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แนนดูไร้ซึ่งความจริงใจมาก
ส่วนคะน้ากับตุลนี่จริงๆแล้วก็มีความทรงจำดีๆร่วมกันนะ
ในเป็นความรงจำที่อบอุ่น แต่คะน้าอยู่กับทิมก็มีความสุขดีแล้วแหละ
ขอให้ตุลได้เจอคนใหม่ๆดีกว่
ปอลอ. อยากอ่านบทสัมภาษณ์เจ้ผักกาดจัง จะมีอ๊ะเปล่าอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ทิ้งปมมมม
ทิ้งปมไว้อีกแล้ว
มันไม่จบง่ายๆใช่ม้ายย
มันต้องมีอะไรมากกว่านี้
ทิ้งไว้แบบนี้เหมือนทะเลสงบก่อนคลื่นจะซัดเข้าฝั่งง
อ๊ากกกกก

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
อ่าน ตอนนี้แล้วมันบรรยายไม่ถูก แต่เรารู้ว่าเรากำลังยิ้มและมีความสุขตามคะน้าจริงๆ :) ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะมาแนวไหน 2p 3pก็เอาเถอะ แค่คะน้ามีความสุขก็พอ

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
จบภาคแรกแล้ววววว.......

น้องต่ายกับพี่ทิม(หรออ...)น่าร๊ากกมากกกกก....... :m1:

พี่ผักกาดผู้แสนดีจะมีคู่มั๊ยน้าา :undecided:.....รอลุ้นภาคต่อนะคะ

    :110011:    :z7:       :110011:     :z7:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
คิดถึงหมอ

ปล. คะน้า น่ารักจัง  ที่รู้จักอยู่กับปัจจุบัน  และทำให้มันมีค่า  ส่วนอดีตที่หอมหวานก็เก็บมันไว้ให้ลึกสุดใจนะ

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
ไม่คิดว่าคนไม่เคยเกย์อย่างคะน้าจะหื่น 555 เก็บของกันได้เซ็กซี่สุดๆ
ว่าแต่ติดใจสองหนุ่มเคยรู้จักกันตอนเด็กม่ะ

ออฟไลน์ norimakii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
สนุกมากกกกกก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองพลาดไปได้ยังไง

แต่ครึ่งเรื่องหรือนี่!! แล้วต่อไปจะเป็นยังไง
ติดตาม + เป็นกำลังใจให้นะคะ  o13

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ครึ่งหลังยัยแนนคงไม่มาบีบน้ำตาต้มมาม่าให้คู่นี้อีกนะคะ
เพลียกับยัยนี่เหลือเกิน  :เฮ้อ:

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยใกล้จะจบ ไม่มีอุปสรรคอะไรแล้วนี่

zerea

  • บุคคลทั่วไป
กระชากหัวน้องแนนตบ (อุ๊ย เสียมาดหมด)

เดี๋ยวนี้ทิมกับต่ายน่ารักมากขึ้นน๊า
แล้วก็...ขอคิดถึงหมอด้วยคน ><

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ยัยน้องแนนนี่ต้องให้ทิมจัดการ

น้องต่ายก็ ใจดีเหลือดีเกิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด