♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430439 ครั้ง)

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
"เป็นเมีย" ค่ะ จบนะคะ คุณน้องแนน 5555

golfjis

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากครับอ่านรวดเดียวจนทันละ ประทับใจครอบครัวผักมากโดยเฉพาะเจ้ผักกาด ที่ว่ามีแฟนให้พามาให้ พ่อแม่ เจ้ผัก รู้จักอ่ะ ตอนไปสุสานอีก น้ำตาซึมเลยครับ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงล่าสุด  มวยคู่ หมอตุล กับ นายทิม เป็นอะไรที่หน่วงมากก อ่านแล้วแบบเฮ้ย คะน้ามันโคตรจะเอ๋อ เบลอ และสับสนอย่างแรง
แต่พอมาเจอมวยคู่ น้องแนน กับ ทิม นี่มันแบบว่าอยากอ่านตอนต่อไปมากเพราะทิมพุ่งชนปัญหาทุกอย่างจริง ๆ ถ้าปล่อยให้คะน้าจัดการมีหวังโดนน้องแนนน็อคตั้งแต่ยกแรก เจอนางมาเป็นชุดคะน้านิ่งมาก เจอทิมบอกว่า เป็นเมีย จบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ ชอบจันทูมากเป็นตัวของตัวเอง แต่ที่คาใจคือเรื่องระหว่าง ทิมและตุล รู้สึกมันมีอะไรมากกว่าคู่แข่ง ทั้งคำพูดและการกระทำอ่านทีไรข้องใจทุกที เมื่อไหร่คนแต่งจะเฉลยซักทีไม่รู้ แล้วก็สงสารหมอตุลมาก นิยามของหมอตุลคือ 'รักคือการเสียสละ' ส่วนของทิม 'รักคือการแย่งชิง' อยากทั้งคะน้า ทิมและตุล สมหวัง อ่านตอนที่หมอตุลไปเรียนเมืองนอกแล้วน้ำตาคลอจากไปทั้งที่รักเจ็บยิีงกว่าจากกันเพราะไม่ได้รักซะอีก รอตอนต่อไปนะคะ

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
เฮอะ ยัยแนน แกน่ะมันเป็นแค่ส่วนเกินเท่านั้นล่ะ

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ผมคอมเม้นท์ไม่เก่ง ขอเอาใจช่วยนะครับ อย่าให้คะน้าซื่อนักนะครับ. แรงบ้างก็ได้นะ

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
อ่านรวดเดียวเลยอะ

สนุกมากกกกกกก

 o13

สารภาพว่าตอนแรกไม่กล้าเข้ามาอ่านเพราะดูจากชื่อเรื่องแล้วกลัวจะดราม่าจัด  :z3:

แต่ตอนนี้ชอบบบบบบบบอะ

หลงรักกระต่ายกับนายทิมซะแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
นิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่..
อ่านไปแล้วลุ้นระทึกยิ่งกว่าเล่นเกม death space สองภาครวดอีกล่ะ...
มันหักมุม!  o22 ในหลายๆความหมาย
ตั้งแต่ตอนที่ทิมไปฝากคิสมาร์คที่คอตุล นั่นก็ทำเอาเราอ้าปากค้างอย่างไม่คิดไม่ฝันแล้ว

..บอกตรงๆตอนแรกเชียร์หมอตุลมาก
แต่พอคะน้าไปรักกับทิมก็.. เอ่อ น่ารักดี -////-
ส่วนฉากลาที่หน้าเกตสนามบินนั่น..  :m15: พรากๆค่ะ น้ำตา

แล้วคือ.. เรากลัวว่าภาคต่อไป (เรียกให้ไฮโซตามคนเขียน)
มันจะมีอะไรมาทำให้เราหวาดหวั่นอีกรึเปล่า?
คือตอนนี้เลิกเชียร์ตุลแล้วนะ ให้พี่ต่ายน้องทิมเขาครองรักกันเถอะนะคะ
อย่าหักมุมนะ สาธุสาธุ 555555555555

รอตอนต่ออยู่นะคะ กอดคนเขียนสามสิบแปดที :กอด1:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ตัดสินใจถูก ที่เข้ามาอ่าน สนุก มากกกก ชอบต่ายน้อย

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ นะครับ
ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและมาทักทายกันนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่แต่งพวกตอนพิเศษเพราะขี้เกียจมาก ลำพังแค่เนื้อเรื่องปกติก็มือหงิกแล้ว 555
แต่เห็นเหมือนใครๆ เขาก็มีกัน(หรือเปล่า) ก็อยากไฮโซกับเขามั่ง เลยเอามาสักตอนขำๆ ฮิฮิ
ตอนที่จะลงนี้เป็นตอนพิเศษรับวันวาเลนไทน์นะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่
ถ้าเรื่องเรื่องปกติ เดี๋ยวกุมขมับเอา เลยแต่งเอามาให้อ่านกันเล่นๆ รับเทศกาลแห่งความรักครับ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนพิเศษ
:L2: สยองขวัญวันวาเลนไทน์ :L2:



พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์

ผมรู้สึกไม่ชอบ ออกแนวขยะแขยงกับคำหวานที่ฟังแล้วเลี่ยนหู  แล้วก็พาลไม่ชอบขนมหวานๆ ไปด้วย แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่ดาร์คช็อคโกแลต และที่ไม่ชอบจนเข้าขั้นเกลียดเลยก็คือฉากนั่งคุกเข่า ยื่นดอกกุหลาบสีแดงแล้วสารภาพความรัก มันน้ำเน่า ฟุ้งเฟ้อ มันเพ้อฝันเกินไป

ผมเกลียดวันวาเลนไทน์

ถึงแบบนั้นก็รู้สึกเซ็งยิ่งกว่าที่ต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนในช่วงเทศกาลแห่งความรักแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเฉลิมฉลองอะไรตามแคมเปญกระตุ้นยอดขายการ์ดวาเลนไทน์ของ Hallmarks แต่ที่เซ็งก็เพราะว่าผมต้องห่างจากกระต่ายน้อยของผมสามวันเต็มๆ ฝนที่ตกลงมาผิดฤดูในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำให้งานที่ผมทำล่าช้า และถ้าส่งมอบไม่ทัน บริษัทต้องเสียค่าปรับกว่าห้าสิบล้านบาท แน่นอนว่าสำหรับวิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ให้เกิดขึ้นไม่ได้

หลายวันก่อนที่ผมนั่งดูโทรทัศน์ เห็นนักข่าวในทีวีรายงานข่าวเรื่องราคาดอกไม้ที่ทะยานตัวขึ้นสูงในช่วงเทศกาลจากปากคลองตลาด

“มีแต่ข่าวไร้สาระ”

คนที่นั่งข้างๆ หน้ามุ่ยขึ้นนิดนึง ริมฝีปากที่คุ้นตาเชิดรั้น ...ผมดูออกว่าเจ้าตัวกำลังงอนผมอยู่เล็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่ผมเพิ่งบ่นไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำงานตลอดช่วงเทศกาลที่ว่านี้

คะน้าไม่ใช่คนเรื่องมาก ขี้ใจน้อย...น้อยใจ เป็นคนประเภทไม่เรียกร้องอะไรจากใครด้วยซ้ำ กับคนที่หน่ายกับสังคมจนบ้าความสันโดษแบบผมแล้ว กลายเป็นว่าผมเองที่หมดสภาพจนติดเขาแจ อยากเห็นหน้ามันทุกวัน ไม่ต้องพูดหรือทำอะไรก็ได้ แค่อยู่ใกล้ๆ มันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ผมยอมรับว่าคะน้าทำให้ผมเริ่มอยากหันมาให้ความสำคัญกับเทศกาลที่ไม่เคยใส่ใจ แต่มันก็เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่เหรอ ถ้าเทียบกับการที่ทำให้ผมกลายเป็นเกย์ได้โดยไม่รู้ตัว อีท่าไหนก็ไม่รู้แต่ผมก็เป็นไปแล้ว และคนที่อยู่ในความคิดผมในเวลานี้กำลังทำให้ผมทำอีกอย่าง ...สิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ

“พวกประสาท ยึดติดกับเทศกาล”

ฟังดูแล้วอาจจะแปลกๆ แต่ผมคิดว่ารอยยิ้มที่ระบายขึ้นมาบนมุมปากที่รั้นสูงนั้นเป็นเครื่องหมายของความเข้าใจ พักหลังๆ คะน้ารู้จักผมมากเกินไป ...ครับ ผมกำลังง้อคนที่งอนอยู่ และเจ้าตัวก็หันมายิ้มแป้นจนหน้ากลม สีแดงฝาดไปทั้งแก้ม ทำเอาเผลอมองค้างไปเลยล่ะ

“อืม... ทำทุกๆ วันให้เหมือนกับเป็นวันพิเศษของเราดีกว่านะ ไม่ใช่ดีต่อกันเฉพาะเทศกาล” คะน้ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่สดใสแบบที่ผมชอบ แล้วผมก็ชอบตาคู่นั้นด้วย มันดูเหมือนกับยิ้มอยู่ตลอดเวลา... แล้วก็...

บ้าเอ้ย แม่งเขินจนไปไม่เป็นเลยกู




เอาเถอะครับ แค่นึกถึงก็ทำเอาผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียวได้ทั้งวัน อาจจะบ้าไปแล้วก็ได้มั๊ง แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมมีความสุข อืม... แค่คิดถึงก็มีความสุข เออ... หรือผมบ้าไปแล้ว แต่มันก็น่ารักจริงๆ นะ นี่ผมไม่ได้คิดอะไรวนไปวนมาแบบคนประสาทใช่ไหม แต่ไม่รู้สิ มันอยากจะยิ้มน่ะ โอ้ย! ไอ้บ้าเอ้ย!

พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เฮ้อออ... แล้วทำไมต้องมานั่งทำงานอะไรแบบนี้ด้วยวะ งี่เง่าจริงๆ แทนที่จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน นั่งข้างๆ กัน จิบเหล้าอร่อยๆ สักช็อต มองรอยยิ้มที่น่ารักนั่น แต่ผมในตอนนี้กลับซดกระทิงแดง แล้วมองพวกช่างลงพื้น ก่อเสาอยู่แบบนี้ นับว่าห่างไกลจากจินตนาการไปมากโขทีเดียว

“นายครับ มาดูตรงนี้หน่อย มันไม่ค่อยอยู่ยังไงไม่รู้”

เสียงช่างที่เดินมาเรียกผมไปดูทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งที่ต้องทำตรงหน้านี้อย่างจริงๆ จังๆ เสียที จะว่าไปมองไปรอบๆ ตัวแล้ว เราทุกคนในที่นี้ก็คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน มือทั้งสองข้างในถุงมือผ้าราคาถูกที่เปรอะไปด้วยฝุ่นก็ล้าเป็น เม็ดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนหลังผมก็ไม่ต่างกันกับแผ่นหลังที่เปียกของคนที่อยู่ที่นี่ทุกคน ผ้าขาวม้าที่พันปิดหน้าซ่อนสิ่งที่อยู่ในตาของแต่ละคนไม่ได้ เราทุกคนที่นี่ต่างก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่งานก็คืองาน และเราต้องรับผิดชอบให้เต็มที่ไม่เกี่ยงเทศกาล

ความขี้เกียจเป็นศัตรูที่ร้ายกาจสำหรับการทำงานกลางคืน ยิ่งในช่วงเวลาที่ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา กับคนงานที่ควงกะเช้าคงพออนุโลมได้บ้าง แต่กับกะกลางคืน นับที่เรื่องที่ทำใจผ่อนผันไม่ได้เลย

“พวกเราน่ะ บอกพรรคพวกบ้างล่ะ ทำงานดึกๆ ที่นี่ระวังกันหน่อย มันมีข่าวลือว่าที่นี่ ‘มี’ น่ะ”

“มีอะไรครับนาย” พวกช่างเริ่มแตกตื่นกันใหญ่

“ก็ ‘มี’ น่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ล่ะ พวกเราน่ะมาใหม่ใช่ไหม อาจไม่ค่อยรู้ข่าวพวกที่มาแรกๆ ล่ะสิ” ทิมกวาดสายตามองรอบๆ ตัวแล้วยิ้มที่มุมปากเจ้าเล่ห์

ชอบแอบไปหลับด้านหลังกันนักใช่ไหม?

“ตกกลางคืนที่ริมรั้วด้านหลังโครงการจะมีคนได้ยินเสียงร้องแปลกๆ เป็นเสียงเขย่าลูกกรงเหล็กแรงๆ บางทีก็เป็นเสียงเหมือนกรีดร้อง ที่หนักหน่อย ก็เห็นคนตัวขาวๆ ยืนอยู่คนเดียว”

เสียงซุบซิบดังขึ้นจนเซ็งแซ่ หลายคนเริ่มทำสีหน้าหวาด จากที่ง่วงซึมหมดแรงเริ่มหันมาก้มหน้าก้มตาฟังอย่างระมัดระวังตั้งใจ เรียกว่าไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มชูกำลังก็ตื่นโดยทั่วกันเลยทีเดียว ก็มีบ้างที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่ทิมก็ไม่สนใจ หากส่วนใหญ่ขยันตั้งใจแล้ว เขาก็ค่อนข้างโอเคกับส่วนน้อย

วางใจเรื่องงานคืบหน้าแล้ว ชายหนุ่มก็ปลีกตัวไปดูความคืบหน้าของการก่อสร้างในส่วนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าเป็นไปด้วยดีทิมก็เบาใจ แหงนหน้ามองท้องฟ้า ป่านนี้กระต่ายตัวน้อยของเขาก็คงนั่งเหม่อแล้วมองพระจันทร์อยู่แน่ๆ ยิ้มให้กับจินตนาการของตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ก็สะดุ้งตัวตกใจจนอดตำหนิตัวเองไม่ได้

อีกแล้ว... เอาอีกแล้วไอ้ทิมเอ้ย

หลายวันที่ผ่านมา เขาใช้เวลาอยู่กับคะน้าจนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน พอเหลียวมองแล้วไม่เห็นคนที่เคยคุ้นตาอยู่ข้างๆ ตัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแบบเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ได้เห็นหน้าขอแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี ทิมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดไล่หาเชื่อที่บันทึกเอาไว้ ถอนหายใจซ้ำๆ แล้วจ้องชื่อที่อยู่ในความคิดตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น

นอนยังนะ ทำอะไรอยู่ว๊า แต่โคตรอยากได้ยินเสียงเลย คิดถึงว่ะแม่ง




ไม่รู้โว้ย ทำให้เป็นแบบนี้ ก็ต้องรับผิดชอบสิ


นิ้วโป้งออกแรงกดเบาๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็กระพริบแล้วขึ้นเครื่องหมายว่าโทรออกทันที เสียงสัญญาณโทรศัพท์ในหูที่ดังดูเหมือนจะดังไม่แพ้จังหวะที่เต้นรัวของผู้โทรออกในตอนนี้เลย

“สวัสดีครับ”

ทันทีที่ปลายสายรับ ทิมก็ได้แต่เงียบ ถึงเวลาจริงๆ แค่คำสั้นๆ ก็ทำให้เขายิ้มเหมือนคนบ้า เสียงที่คุ้นหูเหมือนกับทำให้ปอดของเขาทำงานได้สะดวกขึ้น ชายหนุ่มโล่งใจว่าอย่างน้อยคืนนี้เขาก็คงไม่ขาดอากาศหายใจตายแล้ว

“อ..อืม” ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทิมเลยเอ่ยเสียงรับให้พอรู้ว่ามีคนรอฟังเสียงนี้อยู่ปลายสาย ...แค่นี้ก็พอแล้ว คะน้าเงียบไปชั่วอึดใจ แต่นั่นก็นานจนทำให้ทิมใจหายจนแทบจะโวยใส่ลงไปในสาย โชคดีที่กระต่ายของเขาส่งเสียงกลับมาเสียก่อน

“ทิม... ทิมใช่ไหม?”

“อืม”

แล้วทุกอย่างก็เงียบอยู่แบบนั้น ก่อนหน้านี้ทิมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกอยู่ในสภาพของคนกึ่งเป็นใบ้ได้แบบนี้ วิศวกรหนุ่มคิดแค่เพียงว่าตัวเองแค่เป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์ก็แค่นั้น นึกแล้วอยากจะต่อยหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติแล้วทิมติดจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและหยิ่งผยองอยู่ไม่น้อย แต่ใครจะไปรู้ว่าสิงโตที่งามสง่าดูท่าจะมาสิ้นลายกับกระต่ายน้อยไม่มีพิษสงแบบนี้

“ทิมมีอะไรหรือเปล่า?” เป็นคะน้าที่ถามกลับ ทิมนึกขอบคุณที่ช่วยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ลงไปได้เสียที

“ไม่มี”

“อ้าววว...” คะน้าลากเสียงยาวแล้วทำเสียงแบบโล่งใจ “โอ้ย... ตกใจหมดเลยก็นึกว่ามีอะไร” ไม่รู้เลยว่าเสียงหัวเราะที่ปลายสายทำเอาคนที่ยืนฟังยิ้มเขินได้อย่างเหลือเชื่อ

“เหนื่อยไหม?”

...หายเหนื่อยแล้วครับ

ทิมยิ้ม ได้แต่เก็บคำตอบนั้นไว้ในใจ คะน้ายังส่งเสียงเจื้อยแจ้วแบบที่เขาคุ้นหู

“แล้วนี่ง่วงนอนหรือเปล่า?”

...หายง่วงแล้วครับ

“จะนอนยัง?” ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นคำเรียบๆ ที่เสียงเขาเอ่ยออกไป ปลายสายตอบกลับเสียงใส

“ยังๆๆ กำลังคิดถึงอยู่เลยเนี่ย ฮ่าๆๆ”

แค่นั้นหัวใจของทิมก็กระตุกแรงแล้วหยุดไปชั่วขณะ พอสติเริ่มประมวนผลได้สิ่งที่เพิ่งหยุดเต้นไปเมื่อครู่ก็พองฟูจนแน่นจนคับหน้าอกในชั่ววินาที ...มีความสุข เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มากเลย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะเรียกหรืออธิบายมันว่าอะไรก็ตาม

พี่ครับ... ผม... โคตรคิดถึงพี่เลย

“ตั้งแต่รู้จักมาไม่เห็นจะเคยโทรหา เบอร์ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ นึกว่ามีอะไรหรือเปล่า ใจหายหมดเลย”

“อืมม... เก็บให้”

“ห๊ะ?” คะน้ากลอกเสียงกลับมาทันทีด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจ นาทีนั้น ทิมเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ นี่เขากำลังบ้าแน่ๆ ถึงคิดจะเล่นมุกสะเหร่ออะไรแบบนี้ขึ้นมา

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ งงอ่ะ” คะน้ายังไม่เลิกถามด้วยความสงสัย ทิมยืนประหม่า ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี

ไหนๆ ก็ไหนๆ! เอาวะ!! เสี่ยวสะท้านฟ้า ปลาร้าสะเทือนไหกันไปเลยไอ้ทิมเอ้ยยยย!!!

“พี่ทิมเก็บให้แล้วไงครับ ไม่หายหรอก”

ได้ยินเสียงปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ๆ ก็แอบวิตกไปไม่น้อย แต่พอคิดย้อนกลับไปแล้วยิ่งทำให้หัวใจของทิมคึกคะนองยิ่งกว่าเดิม ทิมส่งเสียงเรียกอีกครั้งให้แน่ใจ ปลายสายก็ขาน ‘ครับ’ ซะเพราะพริ้ง ลองเป็นแบบนี้ เขาขอรุกอีกสักหน่อยคงไม่ผิดกติกาใช่ไหม

“เขิน?”

“แล้วตอนนี้พักเหรอครับ?” ...แบบนี้ชัวร์!

“ถามว่าเขิน?”

แม้ไม่มีเสียงตอบกลับจากปลายสาย แต่รอยยิ้มของทิมก็เบิกกว้าง จะหาว่ากระแดะหรือเปล่า ถ้าเขาอยากบอกว่าพักหลังๆ เขาชักจะเมื่อยหน้ามากขึ้นทุกวัน มีคนบอกว่าช่วงหลังมานี้ผมยิ้มบ่อยขึ้น ผมไม่คิดแบบนั้นเลยกระทั่งถึงตอนนี้ ...ตอนที่จำนนกับหลักฐานอยู่คาหน้านี่แหละ

“ว่าแต่ไม่มีอะไรแน่นะครับ โทรมาดึกเลย” คะน้าถามกลับอีกครั้ง จะตอบไปว่าอะไรดีล่ะ คิดถึงเหรอ ไม่มีทางซะล่ะ ไม่มีทางพูดอะไรหวานเลี่ยนชวนอาเจียนแบบนั้นหรอก มันไม่ใช่เขาเลย

“ถ้าอยากคุยก็ไปหาเอา เห็นหน้าชัดๆ ฟังเสียงใกล้ๆ มันให้ความรู้สึกดีกว่าโทรศัพท์จืดชืดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ทิมพยายามบ่ายเบี่ยงไปอีกเรื่อง มั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางจัดกลุ่มเขาว่าอยู่ในประเภทน้ำเน่าแน่นอน จะว่ายังไงดีล่ะ เขายังไม่อยากเป็นแบบที่เขาเคยด่าเอาไว้มั๊ง แล้วที่เขาต้องโทรมาน่ะเหรอ ก็...

“...แต่ตอนนี้ ไปหาไม่ได้ไงครับ”

ดูดีนะ คิดว่าเข้าท่าเลยล่ะ เทคโนโลยีพวกนั้นมันตอบสนองความต้องการของเขาไม่ได้ มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่เขาจะไม่ใยดีกับมัน ในเมื่อเขาทำได้มากกว่าที่มันทำเป็นไหนๆ ทำไมต้องพึ่งมัน?

“ทิมมม...”

“ครับ” ...ชอบจังเวลาได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผมแบบนี้

“ผ..ผม...”

“หืมม?”

“ผมรักทิมนะครับ คิดถึง... คิดถึงทุกวัน อยากเจอ อยากกอด อยากอยู่ใกล้ๆ ทิมคิดถึงผมไหมครับ?”

“คิดถึงสิครับ”

ฉิบหาย! พูดอะไรออกไปเนี่ย!!

ทิมเบิกตาโพลง อยากจะเอามือคว้าเสียงที่พูดยัดกลับเข้าไปในคอตัวเองใหม่ พลั้งเผลอด้วยความเคลิ้มจากเมดเล่ย์ชุดใหญ่จากปากของคะน้าที่กรอกเสียงมาตามสายจนเขาตอบไปแบบปราศจากการไตร่ตรอง

“พี่ทิมคิดถึงไหมครับ”

เหี้ยละ! ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้วะแม่ง!!

“พี่ทิมมมม...”

เอาวะ! เอาไงเอากัน!

“คิดถึงสิครับ คิดถึงมาก อยากกอด อยากจูบ หนุนตัก วันนี้ไม่ได้เจอกันเลย คิดถึงจะตายแล้ว นี่ก็ต้องอีกสองวันที่จะต้องเป็นแบบนี้ มันแค่สองวันเองนะแต่ทำไมมันนานฉิบหายแบบนี้ วันนี้ผมคิดถึงพี่ตลอดเลย แม่งเหมือนคนบ้าอ่ะ”

เล็ดออกมาได้ก็เหมือนจะหลุดออกมาทุกอย่าง ซ้ำดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปหมดแล้วซึ่งทิฐิที่ยกไว้สูงแบบทุกครั้ง ไม่มีความกระดากที่จะพูด ไม่มีซึ่งความเขินเก้อใดๆ ในความรู้สึกของทิม มันเหมือนกับว่าเขาเพียงแค่พูดความจริง ...ความจริงที่เก็บและกดไว้ในใจ

“...พี่ครับ มันเหมือนจะขาดใจเลย อยากให้อยู่ตรงนี้นะ ตอนนี้โคตรอยากกอดพี่อ่ะ”

ได้ยินเสียงที่เงียบไปที่ปลายสาย และตัวเอาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้เช่นกัน ทิมได้แต่ยืนเงียบๆ เซ็งกับการทำงานในช่วงเวลาแบบนี้


กูบอกแล้ว กูเกลียดวันวาเลนไทน์! เกลียดมันทุกอย่าง! ตอนนี้เกลียดแม้แต่งานที่ชอบด้วย!



(ครึ่งหลังต่อด้านล่างครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2013 20:17:12 โดย Lucea »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ครึ่งจบครับ)



“แต่ก็ต้องทำงานน่ะ ทนๆ กันหน่อยนะ” คะน้าพูดเสียงเรียบๆ เขารู้สึกโล่งขึ้น แปลกที่คำพูดง่ายๆ แบบนั้นทำให้ทิมหายเซ็งกับอะไรๆ ลงไปได้เยอะ “นี่ดึกแล้วเหมือนกัน รีบทำงานต่อเถอะครับ จะได้เสร็จไวๆ”

รอยยิ้มคลี่ขึ้นบนมุมปาก ทำงานก็ทำงาน ถ้าขยันขึ้น ตั้งใจขึ้น บางทีงานอาจจะเสร็จเร็วขึ้นกว่าที่คะเนเอาไว้สักครึ่งวันหรือหนึ่งวัน ซึ่งนั่นก็แปลว่าจะได้เจอกันเร็วขึ้นอีก คะน้าวางสายไปแล้ว ทิมไหวหัวไหล่ตัวเอง เริ่มเซ็งเล็กๆ ที่ลืมอวยพรให้นอนหลับฝันดี (แบบที่แอบทำทุกคืน)

หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมงผ่านไป อาจจะสั้นกว่าหรืออาจจะยาวกว่านั้น เขาไม่รู้เพราะไม่ได้สังเกตเวลาที่อยู่บนข้อมือตัวเองเลยแม้แต่น้อย ในสายตามีเพียงงานที่รออยู่ใต้ไฟสีเหลืองของเครื่องปั่นไฟ แต่เสียงร้องของหัวหน้ายามทำให้วิศวกรหนุ่มต้องพักงานทุกอย่างของตัวเองไว้ทันที

“นายครับ..นายช่างครับๆ นายช่างช่วยด้วย” หัวหน้าคนงานวิ่งหืบหอบมาแต่ไกล

“มีอะไรหรือครับ” ทิมหันกลับมามองด้วยความตกใจระคนไปกับความสงสัย

“ก็ไอ้คนงานที่มันไม่เชื่อที่นายช่างเตือนน่ะสิครับ มันไปแอบดูผีที่ด้านหลังโครงการมา ตรงรั้วที่นายบอกน่ะครับ แล้วมันก็วิ่งป่าราบกลับมาโวยไปทั่วว่าผีเฮี้ยนมาก มันกลัว มันไม่กล้าทำอะไรแล้ว ตอนนี้คนงานทุกคนกลัวผีกันหมดเลย ไม่มีใครยอมทำงานเลยครับ นายช่างไปช่วยดูหน่อยได้ไหมครับ”

ทิมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่พวกคนงานคงแอบกุเรื่องหาทางอู้งานกันแน่ๆ มันจะมีอย่างที่พูดได้ยังไง ในเมื่อเขาต่างหากที่เป็นคนปั้นเรื่องขึ้นมาขู่เหล่าคนงานไม่ให้ไปแอบหลับตรงท้ายโครงการที่เงียบ ซ้ำไปกว่านั้น ก่อนก่อสร้างโครงการ ทางบริษัทก็ทำพิธีทุกอย่างเรียบร้อยดิบดี

ทิมเดินหัวเสียตามหัวหน้าคนงานไปดูเหล่าช่างที่บอกว่าเจอผีทันที เมื่อเห็นใบหน้าของแต่ละคน ชายหนุ่มก็มีแต่ความสงสัย เมื่อใบหน้าคนงานสามสี่คนที่เข้มเพราะผิวที่กรำแดดกลับดูซีดจนเหมือนไม่มีสีเลือด ผมที่ตัดสั้นดูตั้งชี้ขึ้นมาจริงๆ ริมฝีปากของพวกคนงานดูแห้งผาก ทุกคนได้แต่ยกมือไหว้ประหลกๆ แล้วพร่ำพูดแต่คำขอโทษขอโพยเป็นภาษาถิ่นที่ไปลบหลู่ดูหมิ่น ทิมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาจะมาใส่ใจตอนนี้ แม้ทิมจะไม่เชื่อเรื่องผีสางเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป งานคืนนี้ไม่ไปถึงไหนแน่ๆ และถ้าเสร็จและส่งมอบไม่ทันตามกำหนด นั่นหมายความถึงความผิดใหญ่หลวง ทิมหันไปสั่งหัวหน้าคนงานให้ดูแลคนงานทุกคนให้อยู่เฉยๆ จนกว่าเขาจะกลับมา

เห็นหัวหน้าคนงานรับคำมั่นเหมาะ ชายหนุ่มก็รีบสาวเท้าเดินไปด้านหลังของโครงการทันที บรรยากาศที่นี่ในเวลากลางคืนเงียบและดูวังเวงกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก กระนั้นทิมก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นกลัวอะไรแบบที่คนงานพูดกัน กระทั่งสายตาของเขาไปปะทะกับร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมกำแพงสังกะสีที่ล้อมอีกชั้นด้วยลวด

...แม้ในที่มืด เขาก็จำได้ดี

“คะน้าใช่ไหม?”

คนที่ถูกเรียกชื่อหันขวับกลับมาทันที เมื่อเห็นเขาที่ยืนอยู่คะน้าก็โถมทั้งตัวเข้ากอด พร่างพรูถ้อยคำมากมายที่เหมือนอัดแน่นในใจ

“ขอโทษที่มาที่นี่ทั้งที่เคยห้ามว่าไม่ให้มา ขอโทษที่อยู่ๆ ก็มาหา แต่มันทนไม่ไหว ยังไงก็ต้องได้เจอ” ทิมยิ้มแล้วลูบหัวคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบามือ บทจะคิดถึงก็โผล่มาให้หายคิดถึงเอาเสียง่ายๆ เหมือนเล่นกล

“ทิมมม...”

“ว่าไง”

“คิดถึงนะ อยากกอด ...กอดแน่นๆ แบบนี้” คะน้ากอดเขาแน่นอย่างที่พูดจริงๆ ทิมยิ้มแล้วก้มหน้าลงจูบคนตรงหน้าให้หายคิดถึง

“ได้จูบแล้ว” ทิมยิ้มด้วยหัวใจที่เบิกบาน ในความมืดเขาเห็นบนหน้าของคนที่เพิ่งจูบเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“รีบออกจนลืมเอามือถือมา จะเข้าด้านหน้าพี่ยามก็คงไม่ให้เข้า เลยแอบปีนเข้าด้านหลังเอา กว่าจะขึ้นมาได้ก็เอาเรื่องน่าดู” คะน้ายังไม่หยุดพูดถึงวีรกรรมที่แม้แต่ทิมที่ได้ยินยังนึกขำ

“จะทำให้ลำบากไหม เมื่อกี้ตอนที่อยู่บนกำแพงเห็นพวกคนงานด้วย แต่พอกวักมือเรียกเขาก็วิ่งหนีกันไปหมดเลย เรียกไม่ทันจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง ปีนออกก็ไม่ไหว เลยยืนคิดอยู่ตรงนี้ พอดีมีคนงานผ่านมาอีก เลยรีบเรียกใหม่ เขาก็วิ่งหนี” ฟังถึงตรงนี้ทิมถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากไว้ไม่ให้ปล่อยขำออกมา และเมื่อมองดูคนตรงหน้าในชุดนอนสีขาวซีดและผมที่กระเซิงก็นับว่าเข้าเค้า เอาเป็นว่าปริศนาทั้งหมดคลี่คลายแล้ว

“ไหนดูสิ เป็นไงบ้าง ดึกๆ แบบนี้ มันอันตรายรู้ไหม” ทิมยกมือของคะน้าขึ้นดูอย่างอารมณ์ดี เห็นฝ่ามือและปลายนิ้วมือที่แดงช้ำ ก็จูบลงไปราวกับจะร่ายมนตร์รักษา

“อะไรน่ะ”

“ชู่ว์... เวทย์มนตร์รักษาไง หายไวๆ นะ” กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับคนที่คิดถึงเสียมากมายมาตลอดทั้งวัน “...นายนี่มันบ้าระห่ำจริงๆ แล้วบาดเจ็บอะไรอีกไหม”

“เมื่อกี้ผิดจังหวะก็เจ็บที่หลังนิดหน่อย แล้วก็ตกกระแทกพื้น ก้นเลยจ้ำเบ้าไปอีกที” คะน้าหัวเราะแหยอย่างเก้อเขิน ดวงตาระริกไหวน่ารักจนทิมไม่อาจหยุดสายตาได้ เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกติดใจกับคะน้าหนักหนา ไม่เคยรู้ในเหตุผลที่นึกคิดถึงอยู่ตลอดเวลาจนเหมือนกับคนบ้าได้ขนาดนี้

แต่ตอนนี้ ...ทิมคิดว่าเขาพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ทิมพลิกตัวของคะน้าให้กลับหลังแล้วถลกเสื้อขึ้น ฝ่ามือค่อยๆ ลูบไปบนรอยสีแดงอ่อนๆ ที่กลางแผ่นหลังแล้วก้มหน้าลง ริมฝีปากจูบไล้เบาๆ ที่กลางหลังในขณะที่สองมือก็เลื่อนไล้ไปทั่วทั้งตัวของคนที่อยู่ด้านหน้า คะน้าเอี้ยวตัวหนี เบี่ยงหน้าไปอีกฝั่งแล้วอุทธรณ์

“อย่าทำนะทิม เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า” คะน้ารีบบ่ายเบี่ยงแข็งขืน แต่ทิมเลิกเสื้อที่ดูเกะกะนั่นจนร่นขึ้นเกือบหมด จากนั้นก็กดน้ำหนักของตัวลงบนหลังของคะน้า ริมฝีปากพรมรอยจูบไปทั้งแผ่นหลังที่ค่อยๆ เผยให้เห็นมากขึ้น

“ที่ก้นก็เจ็บด้วยใช่ไหม ขอดูหน่อยนะ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ออกแรงเหนี่ยวกางเกงยางยืดของคนที่อยู่ด้านล่างแล้วกระตุกลงต่ำ

“แต่นี่มันกลางแจ้งเลยนะ ที่ทำงาน... อ๊ะ! อย่า...”

เขาไม่หยุด ...ยังไงก็ไม่หยุด ทิมโถมความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดแล้วระบายออกด้วยความอ่อนโยน โหยหา และลึกล้ำ ทั้งร่างกายตักตวงสัมผัสจากคนที่อยู่ด้านล่างและส่งกลับความสุขทั้งหมดที่ได้รับด้วยความกำซาบดื่มด่ำ โรมรันจนทั้งร่างกายและทั้งถ้อยคำของคะน้าปราศจากการปฏิเสธหรือป้องปัดใดๆ อีกต่อไป ทิมจูบเน้นลงบนริมฝีปากของคะน้าอย่างพึงใจ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ร่างกายพี่ดูมีความรู้สึกกว่าทุกทีเลยนะครับ ...ผมชอบจัง”





ภายใต้แสงสีเงินของพระจันทร์ที่ทาบทอลงมาที่พื้นจนเกิดเงาดำตัดกับสีส้มจากฟลูออเรสเซนต์ เงาของชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงข้างกันนั้นแนบชิดกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา ทิมโอบเอวของคะน้าจนแนบชิดเหมือนกับว่าจะไม่ยอมให้มีช่องว่างแม้แต่อากาศให้แทรกตัว

“กลับประตูใหญ่ก็ได้ เดี๋ยวเดินไปส่ง” ทิมหันมาถามคะน้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คนที่ถูกถามยิ้มรับแล้วเกาท้ายทอยแกรกๆ เหมือนกับไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น “ขับรถได้ไหม ให้ไปส่งไหม”

คะน้าส่ายหน้าแล้วชูกุญแจรถที่แอบจิ๊กมาจากผู้เป็นพี่สาว เป็นอันเข้าใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาแม้ผ่านการจัดหนัก?!?ให้หายคิดถึงมาหยกๆ สดๆ ร้อนๆ ก็ตาม

“กลับดีๆ นะ ถึงแล้วแมสเซจมาบอกด้วยแล้วกัน”

ที่หน้าประตูทางออก ลุงยามหันมามองคะน้าที่เดินออกมาพร้อมกับทิมแล้วทำหน้างง กระนั้นชายสูงวัยก็กุลีกุจอรีบเปิดประตูให้โดยดี คะน้าหันมายิ้มให้อีกครั้งแล้วโบกมือลา เป็นอีกครั้งที่ทิมทำอะไรแปลกๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขายกมือขึ้นโบกให้คะน้า ...โบกไกวทั้งที่รอยยิ้มยังเปื้อนเต็มหน้า ถือว่าเป็นภาพที่แปลกมากสำหรับคนที่เห็นหน้ากันมาหลายเดือนสำหรับลุงยาม ...แปลก ...แต่น่ามอง จนชายสูงวัยอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

ทิมเดินขึ้นมาบนส่วนก่อสร้างที่เหล่าช่างไปรวมตัวกันอีกครั้ง ได้ยินเสียงหัวหน้าช่างตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล “นายช่างงงงงง... นายช่างมาแล้วววว... ดีจัง พวกเรานึกว่านายจะโดนผีจับหักคอกินไปแล้ว นายไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

“นายหายไปเป็นชั่วโมงเลย พวกเรากลัวมากเลยครับ ทุกคนไม่กล้าไปไหนเลย” เหล่าช่างทั้งหลายค่อยๆ ตามออกมาสบทบอย่างหวาดๆ

“ใช่ๆ พวกเราได้ยินเสียงแปลกๆ ด้วย เหมือนกับคนกรีดร้องอะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็มีเสียงคนร้องโอ้ยๆ อะไรไม่รู้ อีกประเดี๋ยวมีเสียงกระแทกลูกกรงเป็นจังหวะด้วย น่ากลัวมากเลยครับ” ถึงตอนนี้ เล่นซะคนวางแผนแบบเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนอึ้งอึ้งถึงต้นเหตุหรือที่มีที่ไปของสิ่งที่เหล่าคนงานทั้งหลายพูดถึง

ตอบว่าอะไรดีล่ะกู?

“เอ่อ... คือ...”

“พวกผมเห็น มันใส่ชุดขาวๆ นั่งห้อยขาอยู่บนรั้วแล้วมองมาทางพวกผม จ้องผมตาเขม็งเลย โหดมาก มันกวักมือเรียกด้วย นายช่าง...ผมเผลอฉี่แตกรดกางเกงเลย”

“ผมเห็นมันยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เป็นผู้ชายใส่ชุดขาวๆ ตัวมันก็ขาวๆ มันยิ้มแล้วกวักมือให้ เรียกให้ผมเข้าไปหามันด้วย นี่คิดแล้วยังขนลุกไม่หายเลย”

ทิมกวาดสายตามองเหล่าคนงานหลายสิบคนที่จ้องเขาเหมือนจะค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตนหวาดกลัว ทิมหลับตาลงแล้วทำสมาธิ ถอนหายใจแบบคิดหนักแล้วลืมตาขึ้น ร้อนวาบๆ ที่บนหน้า แต่ก็ช่างมัน

“มาถึงขนาดนี้ ผมคงปิดบังทุกคนไม่ได้แล้ว!” ในที่สุดทิมก็เลือกที่จะตอบในที่สุด เพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำลงไปนับจากนี้นั้นจะดีหรือไม่ดีมากไปกว่ากัน

“เมื่อกี้ผมได้เจอมันแล้ว แบบระยะประชิดเลย มันเป็นผู้ชายนี่แหละ ตัวประมาณผมได้ ผิวขาวมากกกก... เอ้ย! ซีดมากน่ะ แต่ก็เนียนนะ ตัวหอมแล้วก็นิ่มสุดๆ เอ่อ... ไม่ใช่สิ ช่างมันๆ คือมันโผเข้ามาหาเหมือนจะกระชากวิญญาณผมให้ไปอยู่กับมันเลย ผมออกแรงกับมันไปเยอะมาก มันร้ายมากเลย! เล่นเอาผมขาสั่นแทบยืนไม่ไหวแน่ะ!! ก็เลยต้องซ้ำไปอีกที คราวนี้เหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่างจริงๆ แต่เพื่อทุกคน งานนี้ตายเป็นตาย มีเท่าไหร่ ผมจัดเต็มใส่ไปหมดตัวเลย!!!” ทิมก้มหน้างุด รู้สึกร้อนวาบแปลกๆ บนหน้า

ก็... มันเรื่องจริงนี่ ไม่ได้โกหกนี่หว่า

“เอ่อ... พอรู้ตัวอีกที ...มันก็จากผมไปแล้ว!” ทิมกระพริบตาปริบๆ หลบสายตาเหล่าคนงานแต่ละคนที่แทบจะถลนตาออกจากเบ้า หลบไปด้านซ้ายก็ต้องย้ายไปด้านขวา มองไปข้างหน้าก็เห็นหัวหน้าคนงานที่ยืนอ้าปากหวอ ลงท้ายทิมก็เลยเดินหันหลังกลับลงไปข้างล่างเอาเสียดื้อๆ ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ได้แต่เงียบๆ แล้วฟังเสียงเหล่าคนงานซุบซิบตามหลังมาไม่ขาดห้วง

“โห กูว่าแล้วไง นายช่างแกมีของ!!! แต่ไอ้ผีตนนี้นี่มันน่ากลัวจริงๆ นะมึง ไงล่ะ กูบอกพวกมึงแล้วววว... ไม่ได้นายนะ พวกมึงตาย มึงต้องขอบคุณไว้มากๆ นะโว้ย”




บ่ายแก่ๆ ของวันรุ่งขึ้น ช่วงเวลาที่แดดกำลังร้อนอบอ้าวเหมือนใครเอาน้ำมันมาราดพื้นแล้วจุดไฟเผา เสียงของคะน้าก็ดังมาแต่ไกลจนทำให้วิศวกรหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“นี่ทิม เรื่องใหญ่แล้ว รู้หรือเปล่าว่าคนทั้งตลาดซุบซิบกันใหญ่เลย” วิ่งหอบจนตัวโยนมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือจนทิมหยุดความสนใจกับข้าวของหน้าตาแปลกๆ พวกนั้นมากกว่ารอยยิ้มของคนที่หิ้วมา

“หืมมม?”

มาถึงก็เอาวางข้าวของบางส่วนลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นพนม สวดมนต์ท่องอาขยานอะไรสักอย่างงุบงิบ เบาและเร็วจนทิมฟังไม่รู้เรื่อง “นี่พระของหลวงพ่อที่วัดนะ เอาห้อยคอไว้ แล้วนี่ก็น้ำมนต์”

“เอามาทำอะไร” มองคนตรงหน้าแบบงงๆ ทิมไม่เข้าใจกับสองสิ่งที่คะน้ายื่นมาให้จนทำอะไรไม่ถูก

“ผมไม่อยากพูดถึงเลย เขาถือกัน” คะน้าตอบกลับด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “ไว้กำจัดพวกภูติผีปีศาจน่ะ เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ติดตัวไว้”

“เอ่อ... แล้วคือยังไง ผมทำไม่เป็น” ลึกๆ แล้วทิมก็ยังแปลกใจกับท่าทางแปลกๆ ของคะน้า แต่จะว่าไปสีหน้าตื่นๆ นั่น ก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะ

...เฮ้อออ อาการกำเริบอีกแล้วสินะ

คะน้ารีบเอาสร้อยพระแขวนลงบนคอทิมทันที ชายหนุ่มมองอย่างงงๆ แล้วก็ยกมือขื้นพนมไหว้ด้วยไม่รู้ว่าควรทำอะไรแล้วหันกลับมามองคนตรงหน้าต่อ คนหน้าตื่นยกขวดน้ำขึ้นในมือแล้วพนมมืออีกครั้ง ขมุบขมิบปากเท่าที่ทิมพอจะอ่านริมฝีปากได้ก็ประมาณ นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆอะไรแนวๆ นี้ ก่อนจะพร่าเลือนไปด้วยความรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นอิ่มเรื่อจนอยากจะจูบขึ้นมาเอาดื้อๆ อีกครั้ง จนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดอกุศลออกไป คะน้ายื่นขวดน้ำให้ทิมแล้วบอกว่าให้ดื่ม ร่างสูงเปิดฝาขวดออกแล้วจิบนิดๆ กลิ่นเทียนลอยขึ้นมาในจมูก ทิมย่นจมูกเล็กน้อยแล้วหันมายิ้มเฝื่อนๆ ให้คะน้า

คือว่า...มันอะไรของเขาหว่า?

“เขาบอกว่าที่ไซด์งานนี่น่ะ ตรงด้านหลังโครงการมันจะมีปีศาจหน้าตาน่ากลัวโผล่ตัวออกมาช่วงคืนวันวาเลนไทน์ เขาบอกด้วยนะว่ามันเฮี้ยนมาก มีสี่ปีก มีตาสีแดงแบบสีเลือด แล้วเขี้ยวแหลมมากเลยนะ แล้วที่นี่นะเป็นจุดรวมวิญญาณเลยล่ะ ส่งเสียงโหยหวนกันน่าดูเลย ดึกๆ อย่าไปแถวๆ นั้นรู้ไหม” ทิมพยักหน้าหงึกๆ ถึงจะไม่เข้าใจอะไรแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่น่าจะผิดไปจากที่เขาคิดนัก เหมือนว่าข่าวลือประหลาดที่เขากุขึ้นเมื่อคืนจะกระจายไปไกลและไวมาก ...ที่สำคัญเนื้อความก็ไปไกลจนกู่ไม่กลับทีเดียว

คะน้ายังคงหอบด้วยอาการเหนื่อยจากการวิ่งมาไกล ทิมพอจะนึกออกว่าคงจะไปวัดวาต่างๆ ที่คนในตลาดบอกว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ เจ้าถิ่นจึงพาผู้มาเยือนไปหลบใตร่มเงาไม้สักหน่อย อย่างน้อยก็ใบไม้พวกนี้ก็กรองความร้อนให้ได้ระดับหนึ่ง สักพักจนคะน้าเริ่มหอบน้อยลง ริมฝีปากสีสดก็เจื้อยแจ้วต่ออย่างลืมเหน็ดเหนื่อย

“จริงสิ วันนี้วันวาเลนไทน์แต่ผมมัวแต่ไปที่วัด นี่ไม่ได้ไปหาซื้อช็อคโกแลตเลย มีแต่ไอ้นี่ล่ะ จะพอแทนกันจะได้ไหมนะ” แค่เห็นก็รู้ทันทีว่าคืออะไร ทิมยิ้มให้คะน้า รับกระติกมาแล้วเปิดออกดู ด้านในเป็นไอศกรีมกะทิ เอาเข้าจริงเขาควรจะไม่ชอบเท่าไหร่เพราะมันหวาน แล้วเขาก็ขยาดรสหวานๆ เสียด้วย หากแต่สิ่งที่อยู่ในกระติกนี้ถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับทิม ...เขายินดีทานมันด้วยความเต็มใจ และมันก็อร่อยกว่าขนมประเภทไหนๆ ที่เขาเคยทานมา

“ได้สิ”

ทิมยิ้มอย่างอารมณืดี เขาหยิบช้อนจากมือของคะน้า ตักเกล็ดน้ำแข็งรสหวานขึ้นมาคำโต แทนที่จะส่งเข้าปากตัวเอง ทิมกลับป้อนให้คนที่แบกมาทานก่อน คะน้าชะงักไปพร้อมกับสีหน้างง สักพักก็ยิ้มเขิน อ้าปากแล้วยื่นหน้ามาทาน ทิมตักไอศกรีมขึ้นต่อ คราวนี้เป็นเขาที่ทานเอง รู้สึกว่ามันทั้งหวานทั้งชื่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อแกล้มกับรอยยิ้มแป้นที่ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเขา

“ดอกกุหลาบก็ไม่มี ตอนเช้ารีบไปวัดจนไม่ได้เข้าไปดูที่แผงดอกไม้เลย แต่... คือผมก็อยากให้ทิมนะ” ทำหน้าเขินๆ แล้วยื่นดอกบัวตูมสีขาวที่เริ่มงุ้มงอจากไอร้อนของแดดแล้วส่งให้ “ไม่มีตังค์ซื้อดอกกุหลาบสวยๆ ขอแบบนี้แทนกันสักปีนะ ติดไว้ก่อน”

“ได้สิ”

ทิมเอื้อมมือไปรับมาถือไว้ เขาอมยิ้มแล้วมองดอกไม้สีขาวอมเขียวที่ปกติมักจะเห็นที่บนหิ้งพระ ศาลพระภูมิต่างๆ หรือไม่ก็ที่วัด ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ...เหมาะกับคะน้าดี เหลือบไปมองคนที่ยื่นให้ก็เห็นยิ้มกริ่ม เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้า รอยยิ้มนั้นเหมือนคนที่ไม่รู้จักความร้อนเอาเสียเลย ซ้ำยังมีเรี่ยวแรงมากมายพูดได้จนเขาฟังไม่เบื่อจริงๆ

“แต่ว่าไปแล้วก็โชคดีจังที่เมื่อคืนเราไม่ได้เจออะไร และที่สำคัญ...”

เหนื่อยไหมครับ?

ทิมยกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อไรผมที่ขมับของคะน้า “พูดต่อสิครับ ...รอฟังอยู่” คะน้าชะงักแล้วพูดตะกุกตะกัก

“เอ่อ... ครับ คือที่สำคัญ... นายก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย มันน่ากลัวมาก” คะน้าหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ผีวันวาเลนไทน์เหรอ” ทิมทอดสายตามองแววตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน

“ใช่ๆ ผีวันวาเลนไทน์ น่ากลัวมาก” คะน้าพยักหน้ารัว แล้วทำท่าขนลุกขนพอง

พี่ไม่รู้หรือครับ เจ้าผีโหดร้ายที่เขาลือกันนี่น่ะ...

ทิมจับสร้อยพระที่แขวนอยู่บนคอตัวเอง มืออีกข้างก็หมุนดอกบัวตูมสีขาวเล่น ไอศกรีมในปากค่อยๆ ละลายความหวานช้าๆ ดับไอร้อนรอบๆ ตัวจนเย็นชื่นใจ คนไม่กลัวผีมองคนข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม ...ยิ้มแบบที่ในชีวิตนี้ เขาไม่เคยคิดจะยิ้มให้กับใคร


วันแห่งความรักที่พี่มีของให้กับผมมากมาย แต่ผมในตอนนี้กลับไม่มีอะไรให้พี่เลย
ผมมีแค่ความรู้สึก ไม่มีอะไรที่จับต้องได้ ไม่มีอะไรที่ทำให้พี่ยิ้มมีความสุขแบบคนอื่นเขา
แต่ความรู้สึกที่ผมมีนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกได้กับใคร

...ผมมีแค่นี้ ...และพร้อมจะให้ทั้งหมดที่ผมมี


พี่ครับ สุขสันต์วันแห่งความรักครับ

You are and you’ll always be...



...My only Valentine




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อ่านคะน้ามาเยอะแล้ว คราวนี้เลยกลับมาให้เป็นทิมเป็นคนเล่าเรื่องบ้าง จะได้ดูต่างจากตอนปกติเนอะ
ผลสรุปก็เลยออกมาว่าเราได้เห็นผีที่น่ากลัวมากกก พิมพ์ไปมือไม้สั่นไปหมด 555555555555
เอาเป็นว่าอ่านกันสนุกๆ รับเทศกาลแห่งความสุขวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับ
สุดท้ายนี้ ขอเลียนแบบคำพูดของทิมเป็นการส่งท้ายแล้วกันครับ

:L2: สุขสันต์วันแห่งความรักครับ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2013 20:36:19 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
น่ารักกก
ฮ่าๆ หวานได้อีกนะตอนนี้
แต่ตอนหลัก
เอิ่มม มันช่าง...แตกต่าง กร๊ากกก

zerea

  • บุคคลทั่วไป
คะน้ากลายเป็นผีวาเลนไทน์ไปซะแล้ววววว

ดีจังที่ตอนนี้นายช่างออกโรงบรรยายเองซะด้วย

แล้วถ้าลูกน้องรู้ว่านายช่างกับผีวาเลนไทน์ไปแอบทำอะไรจะตกใจกันขนาดไหนล่ะเนี่ย
><  :o8:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ผีน่ารักเนอะ  มาเพราะทนคิดถึงไม่ไหว
แต่หมอผีนี่สิ  หื่นจังเลยยยย
ปราบผีแบบเสียน้ำหมดตัว 55555555   :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
โอ้ยยยย น่ารักมากกกกกก สุดคำบรรยายเลย เขินแทน อิอิ ชอบอะทิมจัดหนักซะไปไม่เป็นเลย กลั้นขำแทบไม่อยู่ฮามามายเลย  o13 o13 o13

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
คะน้าไม่ต้องห่วงทิมหรอก
ทิมน่าปราบผีได้อยู่หมัดเลย

555555555555555+

พูดแล้วอยากโดนปราบบ้างจัง   :o8:

ออฟไลน์ whitefang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
น่ารักจัง หวานมากก :-[
อ่านไปยิ้มไป
ผีวาเลนไทน์น่ากลัวจังเนอะคะน้า ๕๕๕

ออฟไลน์ Windyne

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
    • Windyne Page on Facebook
อ่านแล้วยิ้ม ทิมน่ารักกกกกกกกก

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น่ารักจังทิม ให้ดิ้นตาย!!!
หว๊านหวาน คนละโลกกะเรื่องหลักเลย

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ฮาได้อีกคับท่าน คะน้ากลายเป็นผีก็เลยต้องโดนหมอผีทิมปราบซะ ฮ่า ฮ่า
 :3123: :3123: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ขอบคุณค่ะ ตอนพิเศษน่ารักมากกกก อ่านไปอมยิ้มไป มีความสุขจริงๆ
ถ้าคะน้ารู้ความจริงเกี่ยวกับผีวาเลนไทด์ คะน้าจะทำหน้ายังไงน้า  :m20:

+1  :กอด1:

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
+1 อั้ยย่ะ  ผีวาเลนไทน์ น่ากลัวมาก เนาะทิมเนาะ :m25:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อยากจะขำก๊าก ทิมหนอทิมทำไปได้
ผีวาเลนไทน์ผู้น่ารัก กับเซียนปราบผีจอมหื่น

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
โดนดาเมจถล่มทลาย
ตายอย่างสงบ
ทิมม นายน่ารักว่ะะะะะ  :o8: :z3:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
พาร์ทนี้หวานมากกกกกกกกก แอบหมั่นไส้คนปากแข็งเบา ๆ คิดถึงก็ทำเก๊กเนอะ โทรไปก็ไม่พูด
แต่พอคะน้าบอกรักยาว ๆ มาที ตอบกลับเป็นคอมโบ้เซ็ทเลยทีนี้ 555 พระเอกน่ารักเว่อร์
แต่คะน้าน่ารักเว่อร์กว่า คนอะไรขี้อ้อนเนอะ รู้ิมั้ยปลายสายยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้วจ้า
หวานไม่พอมาหาที่ไซต์งานอีก ให้มันได้อย่างงี้สิคะน้าของทิม เอิ่ม แล้วพระเอกตรวจตรา
ร่างกายคะ้น้าในที่โล่งแจ้งแบบนั้นเหรอ คนอ่านจะบ้าตาย  :-[
ผีที่ไซต์งานเค้าดุจริง เฮี้ยนจริง พระเอกเจ๋งอ่ะไม่กลัวผีเลย กร๊ากกกกกกกกก  :m20:
ชอบตอนคะน้าเอาไอติมพร้อมพระพร้อมดอกบัวมาให้ด้วยนะ มันงุ้งงิงน่ารักมาก
ส่วนพระเอกไม่มีไรให้เพราะให้เค้าไปทั้งใจแล้ว ฮิ้ววววววววววววว

น่ารักมาก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
กร๊ากกกกกกกก คนงานไซต์นี้น่าสงสารจริงๆ  :jul3:

ออฟไลน์ keniji01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :L1: สุขสันต์วันแห่งความรักเช่นกันครับ

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยยยยย น่าฮักมากกก
เราแพ้รุ่นน้องมากเลย พอทิมพูดพี่ครับนี่ ตายไปเลย
อยากเจอผีวาเลนไทน์บ้างจัง ไปแอบดูได้ไหม  o13

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
ถ้านู๋ต่ายรู้ว่าตัวเองกลายเป็นผีไปแล้วจะว่างัยน้ออ.....  o16

ทิมมันหื่นได้น่ารักมากกกก :m11:.......สงสัยจะเมากระทิงแดง!!!

เป็นตอนพิเศษที่น่าร๊ากกน่ารักค่ะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะคุณLucea

 :L1:     :L2:    :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด