♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430437 ครั้ง)

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ว๊ากกกก  ตุลกลับมาทำไมอี๊กกก 
กลับไปวิจัยอะไรโน่นต่อเถอะพ่อคุ๊ณณณ  :serius2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ถ้าคะน้ายังลังเลอยู่นะ เราจะโกรธ

ออฟไลน์ Gutjang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รักของหมอตุล รักที่คอยปกป้อง คอยดูแล

แต่คะน้ารักทิม ไม่เปลี่ยนใช่มั๊ย

มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ nooklepper

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ว๊ากกก ตามทันละ
><  คะน้า ว่าไง~~ 

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
หมอกลับมาแล้ว อิตาทิมจะโดนแย่งซีนคราวนี้แหละ 555
เนื้อเรื่องมันส์มาก เข้มข้นสุดๆ  แต่สงสัยว่าไฟมาได้ไง ต้องมีใครแอบวางเพลิงแน่ๆ
อืมมันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆเรื่องนี้

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
โอ๊ยยย ตายแล้ว คะน้าของเจ๊ ทั้งสงสารและภูมิใจในตัวต่ายน้อยที่สุด นายเอกของเจ๊ต้องแมนเยี่ยงนี้
ง่ะ คนแต่งสับขาหลอก คิดว่าจะได้ดูโชว์อลังการมีเซอร์ไพร์สเป็นคู่จิ้นแห่งปี
ดันเจอเซอรืไพร์สขั้นกว่าหรือขั้นสูงสุดก็เป็นได้ อย่าให้น้องต่ายของเค้าเป็นอะไรน้า
หมอตุลกลับมาเปิดตัวแบบโคตรพระเอกเลย พระเอกตัวจริงอย่างทิมอย่าลืมมาทวงเวทีคืนเน้อ

+1  :กอด1:


ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อัยยะ หมอตุลมาแล้วเย้ แต่จะเป็นต่อไปเนี่ย วุ้ยไม่อยากจะคิด  :z1: :z1: :z1:

ใครทำตลาดของคะน้าเนี่ย เดี๋ยวจะโดนน้า  :z6: :z6:   :z6: :beat: :beat: :beat: :beat:

ต่ายน้อยเป็นไรมากเปล่า ผิวสวยๆเสียหมด วุ้ยคุณหมอทำคะแนนหน่อย ทิมนำไปหลายขุมแล้ว อิอิ  :oo1: :oo1:

ขอบคุณมากค่ะ มาต่อเนื่องเลยดีใจจังเป็นกำลังใจให้สู้ๆ (เพราะเราจะได้อ่านต่ายน้อยบ่อยๆๆ อิอิ)
 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ตอนอ่านเห็นคำว่าเปลวเพลิงก็ร้องจ๊ากแล้วนะ
หนูคะน้าอึดมาก ช่วยเปิดน้ำได้ทันเวลา

แต่พอเจอ "ผมกลับมาแล้ว" เข้านี่ ร้องยิ่งกว่าจ๊ากอีก!!
มันรู้สึกเหมือนหมอจะกลับมาทวงคะน้าคืนยังไงยังงั้นเลยค่ะ

กลัวมาม่า ... ไม่เอาได้ไหมคะ ช่วงนี้หัวใจอ่อนแอ  :กอด1:
ไม่อยากให้คะน้าคิดสองจิตสองใจอีก ... นะ ...
(เข้มข้นได้แต่ไม่เอามาม่านะคะ)

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
เฮ๊ยย!!! ไม่เอาตุล ไม่อ๊าวว! :serius2: ไม่ใช่ตอนนี้ :z3:

ทิมอ๊าาทิมไปไหน :dont2: เอาทิมกลับมาก่อนนนน~

ถ้าเป็นงี้ ตลาดนี้ก็ต้องเปลี่ยนคู่จิ้นพลังวายในแผนเจ๊ผักกาดอ่ะดิ(...ยังจะ :m17:)

    o9    o9

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
ไม่เข้าใจคะน้า
ต้องการตุลไปทำไม ตุลคือเพื่อน??? ไม่น่าใช่ป๊ะ
คะน้าบอกว่ามีตุลแล้วเหมือนทึกอย่างจะผ่านไปได้ งั้นก็ไปหาตุลเหอะ ไม่ชอบเลยอ่ะ
ถ้ามองมุมทิม เวลาเรารักใคร แม้ว่าเวลาสุขจะอยู่ด้วยกันตลอด
แต่เราจะดีใจกว่าป๊ะถ้าเวลาเค้ามีความทุกข์แล้วจะคิดถึงเราเป็นคนแรก
แล้วอะไรคือการที่ตุลโผล่มาตอนนี้

เค้าจะเอาตอนต่อไปเดี๋ยวนี้เลยยย!!
ปล. ขอโทษนะครับที่ตอนผ่าน ๆ มาไม่ได้มาเม้นท์เลย
พอดีเดินทางมาต่างประเทศแล้วหาคิมที่มีภาษาไทยไม่ได้เลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
โอ่ยยยมาอ่านสามตอนรวด ตอน 29 30 ก็ดีอยู่หรอก

แต่ตอน 31 นี่แบบ อยากจะสลบคาอกหมอตุล เอ๊ยยย ไม่ใช่แระ

มันลุ้น มันเหนื่อย มันร้อนนนนน ช้านนนนนจะเป็นลม

ว่าแต่ หมอ หมอกลับมาแล้ววววว

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
แดกจุด..........

พิ.. พี่หมอ หนูหวั่นไหว
ไม่ได้เชียร์ตุลคะน้า แต่เชียร์ตัวเองกับหมอตุลได้มั้ย
พอเถอะตัวเรา..

BF-e

  • บุคคลทั่วไป
จะกลับมาทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม???  ไปวิจัยต่อสิหมอตุลลลลล!!!!!!

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ดีใจนะที่หมอกลับมา

แต่ว่ามันต้องมีเรื่องแน่ๆ เลยอ่า

สงสารทั้งทิมและตุลย์น้า

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
สงสารคะน้า สงสารทิม สงสารหมอ

อ๊ากกกกกก  :sad5: จะดราม่าไปไหน

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เฮ้ย หมอกลับมาจริงๆอ่ะ!? หมอตัวจริงป่าว!?

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด หมอกลับมา
ต้มมาม่ารอรอเลย หมอจะกลับมาทำอะไรอ่ะอยากรู้
อิทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ไปไหนมาดูคะน้าด่วนเลยแก

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
หมอมาได้ไง เซอร์ไพรส์จิงๆ

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
"ยิ้มที่ดูเหมือนจะดับได้ทุกเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ" ไม่ชอบใจประโยคนี้เลย ไม่ใช่ทิมหรอกเหรอที่ทำให้น้องต่ายสบายใจ เสียใจอะ  :o12:

สงสารน้องต่ายตอนนี้จัง แต่ถ้าคนที่มาเป็นทิมไม่ใช่ตุลจะดีมาก ๆ  :serius2:

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีวันศุกร์ครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ +1 ทุกคนเลยนะ
ต่อจากตอนที่แล้วเลยนะครับ ตอนต่อไปที่จะได้อ่านนี่เป็นตอนที่สาระหนักหน่อย เอาจริงเอาจังกันมาก
ให้ความรู้สึกออกแนวสืบสวนสอบสวนเล็กๆ คือจะเอามันให้ครบทุกรสในนิยายเรื่องเดียวให้ได้ 5555
หลังจากที่ตลาดไฟไหม้ และตุลก็กลับมาแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป อ่านได้จากตอนที่ 32 โลดดดด


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 32



ผมตื่นขึ้นพร้อมกับความอ่อนล้าและปวดแสบ หน้าแข้งข้างซ้ายหนักชา กลิ่นยาฉุนๆ พวกนี้ทำให้รู้สึกมึนหัว พอๆ กับเครื่องปรับอากาศที่ครางหึ่ง เป็นเวลาหลายนาทีกว่าที่จะปรับสายตาตัวเองให้ชินกับเพดานสีขาวที่กดห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ให้ดูอุดอู้และทึบแคบ สิ่งต่อมาที่เห็นก็คือสายน้ำเกลือโยงระยางจนเกะกะ ผมพยายามกระพริบตา ปรับสติที่เลือนพร่าให้แจ่มชัดขึ้น และในพริบตานั้น ความรู้สึกที่จู่โจมทันทีก็คือความเจ็บปวดที่ปะทะเข้าข้างแก้มพร้อมกับกำปั้นของหญิงสาวที่อัดเข้าเต็มรักจนเจ็บชาไปทั้งหน้า

“ทำไมไม่รู้จักห่วงตัวเองบ้าง!!!”

เสียงของผักกาดดังก้องไปทั่วทั้งห้อง พอๆ กับเสียงร้องหลงของพยาบาลสาวด้วยความตกใจ คะน้าอยากจะยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองด้วยความเจ็บที่ถาโถม หากแต่แขนทั้งสองข้างก็ถูกตรึงด้วยสายสารพัดจนขยับไม่ไหว แล้วนาทีถัดมาร่างของคนที่เหวี่ยงหมัดลงเมื่อครู่ก็โผเข้ากอดจนแน่นพร้อมกับร่างที่ไหวสะเทิ้น เพียงคู่เดียว ชายหนุ่มก็รับรู้ถึงความเปียกชื้นบนบ่าของตัวเอง สองมือของคะน้าจึงค่อยๆ ขยับขึ้นแล้วโอบร่างเล็กๆ บนตัวเองหลวมๆ ไม่มีถ้อยคำสื่อสารใดๆ ไปมากกว่าดวงตาทั้งสองข้างที่รู้สึกถึงความชื้นที่เอ่อคลอ

“โทษทีนะเจ้ ผมมันดันโง่ เลยถนัดใช้แต่แรงมากกว่า” ว่าแล้วก็หัวเราะร่วนทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย คะน้าพยายามพูดติดตลก ไม่อยากจะสร้างฉากดราม่าเพิ่มอีกแล้วกับอะไรๆ ที่เกิดขึ้น ผักกาดดันตัวเองขึ้นแล้วฟาดมะเหงกลงกลางกระหม่อมจนน้องชายร้องเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บ

“แกมันโง่” หญิงสาวมุ่ยหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา แล้วทอดมองน้องชายที่เต็มไปด้วยสารพันผ้าพันแผลและสายโยงไปทั่วทั้งตัว




“แต่เจ้ภูมิใจในความโง่ของแกนะ คะน้า”

ชายหนุ่มที่รับฟังยิ้มให้กับพี่สาวด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นขึ้น “เจ้เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ได้อยู่ แต่เราสิหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ เลย”

หนึ่งวันเต็มๆ อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง ทุกๆ คนที่นั่น รวมถึงตลาดที่ไฟไหม้ คืนนั้นภาพที่จำได้ก่อนที่จะหลับไปก็คือกลุ่มควันตรงหน้าที่เริ่มเบาบางลงเหลือแค่เพียงความร้อนระอุจากการเผาไหม้ และซากปรักหักพังที่ประเมินด้วยสายตาไม่ได้ว่าสภาพหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร

“แล้วทุกคนปลอดภัยไหม ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหมเจ้” แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ ชายหนุ่มก็ยังจะมีกระใจเป็นห่วงคนรอบข้างมากกว่าตนเอง ผักกาดยิ้มแล้วพยักหน้า น้ำหนักที่กดในใจของชายหนุ่มจึงรู้สึกเบาลงอีกนิด “แล้วที่ตลาด ...เป็นอย่างไรบ้าง” คะน้าถามด้วยความรู้สึกที่หวั่นใจ ความกังวลที่ฉายชัดบนใบหน้าทำให้ผักกาดแจงความเป็นไปหลังจากที่น้องชายหลับไหลไปกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงเต็ม

“ค่อนข้างเสียหายเยอะ ต้องปิดตลาดเป็นเวลาอีกสักพัก อย่างน้อยก็เพื่อให้ทางตำรวจกับบริษัทประกันสรุปมูลเหตุต่างๆ ทำอะไรไม่ได้แม้แต่ซ่อมแซม”

“แล้วคนที่ตลาดล่ะเจ้ ทุกคนจะทำอะไรกินกัน มันจะต้องรออีกนานแค่ไหน” ความรู้สึกในใจของชายหนุ่มเริ่มพล่าน ในสายตาคนภายนอกอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่คนที่คลุกคลีอยู่กับตลาดจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เล็กแบบที่จินตนาการไว้เลย เมื่อแต่ละวันที่ผ่านไปล้วนหมายถึงรายได้ที่แปรเป็นศูนย์ การไหวหน้านิดๆ ของหญิงสาวทดแทนคำตอบที่ไม่น่าฟังได้เป็นอย่างดี คะน้าได้แต่ถอนหายใจแล้วมองเพดานนิ่ง สักพักก็เปลี่ยนเรื่องพูด

“ผมมาที่นี่ได้ยังไง”

“ตุลพามาพร้อมกับรถพยาบาลน่ะ เป็นหมอเจ้าของไข้แกด้วยต่าย อีกเดี๋ยวก็คงมาตรวจล่ะ” คำตอบของผักกาดทำให้คะน้ารู้สึกชะงัก ...ในคืนนั้นอีกภาพที่ยังจดจำได้ติดตาก็คือตุลที่มีสภาพยับเยินไม่ต่างกัน ปากพะงาบเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจอยู่ข้างๆ กัน

“แล้ววันนั้นเขาโผล่ไปได้ยังไง”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอเห็นแกกระโดดเข้าไปในไฟแบบนั้น อยู่ๆ ก็วิ่งตามเข้าไป ใครจะห้ามก็ไม่ฟัง คนดึงไว้ตั้งหลายคน แต่แรงเยอะมาก ยื้อไว้ได้ไม่นานก็สะบัดแล้วก็กระโจนตามกันไปนั่นล่ะ”

คำตอบของผักกาดทำให้ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ทั้งๆ ที่ข่าวลือที่ได้รับมาตลอดเวลาคือตุลยังคงทำวิจัยอยู่ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือข่าวที่บอกว่าอาจจะเลือนระยะเวลาการวิจัยออกไป แม้แต่อาจจะไม่กลับมาที่ไทยอีกนานก็ได้ แน่นอนว่ายังไม่นับรวมกลับการย้ายข้าวของออกจากคอนโดกลับไปที่บ้านซึ่งเป็นการย้ำให้ข่าวนั้นน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก ...แต่บทจะโผล่มา ชายหนุ่มก็โผล่มาแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว แถมยังโผล่ในเวลาที่พอดิบพอดีเหมือนกับว่าเป็นคนที่อยู่ใกล้และรู้ความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ยังมีคำถามมากมายอยู่ในใจของคะน้าในตอนนี้ หากแต่เมื่อเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น อะไรๆ ก็ดูจะลดความสำคัญลงไปหมดเมื่อเทียบกับเรื่องที่ตลาด

“เจ้... ทิมล่ะ” คำถามต่อมาของน้องชายทำเอาผักกาดทำหน้าหมั่นไส้

“ห่างกันบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม ฝ่าไฟไม่ตายแต่จะมาขาดใจตายตอนไม่เห็นกันหรือไง” ผักกาดส่งเสียงเสียดสีน้องชาย “เมื่อวานนี้มาเฝ้าแกทั้งวันทั้งคืน ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน คงนึกว่าเป็นหมาที่น้องเจ้เลี้ยงไว้นะเนี่ย”

“บ้าสิ... ก็พูดไปนั่น” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ในใจคะน้ากลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ยิ่งรู้ว่าใส่ใจดูแลกัน ยิ่งรู้สึกมีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ

“หน้าอย่างกับหมาหงอย เพิ่งจะเคยเห็นคนไม่เจ็บดูหมดสภาพกว่าคนเจ็บก็ตอนนี้ล่ะ” คำพูดประชดประชันของพี่สาวเรียกรอยยิ้มขึ้นมาได้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน และถ้าความรู้สึกของตัวเองไม่ผิดแผกจนเพี้ยน คะน้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินเล็กๆ ด้วยซ้ำ

“เจ้ๆ แล้วตำรวจเขาว่าไงบ้าง”

“ดูเหมือนจะยุ่งยากกว่าที่คิดนะ เดี๋ยวบ่ายนี้ก็คงมาอีก ไม่รู้จะมีความคืบหน้าอะไรขึ้นมาบ้าง ...น้ำสักหน่อยไหม” ผักกาดรินน้ำใส่แล้วแล้วเตรียมปักหลอด หากแต่น้องชายกลับส่ายหน้า น้ำเกลือทำให้เขารู้สึกอยากจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ

“ผมขอดูหนังสือพิมพ์ได้ไหม” ผักกาดทำหน้าชั่งใจ สักพักก็เดินกลับไปที่โต๊ะเล็กๆ ในห้องที่อยู่ห่างจากเตียงออกไปเล็กน้อยแล้วหยิบสิ่งที่ชายหนุ่มเรียกหากลับมาส่งให้

พาดหัวข่าวตัวหนาทำให้ใจของคะน้าตกไปอยู่แทบเท้า ยิ่งภาพที่เต็มไปด้วยสีแดงที่ชั่วร้ายนั้นยิ่งทำให้เขาหวนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันก่อน คะน้าก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงบ้าบิ่นได้มากมายขนาดนั้น คงเพราะแบบนี้หรือเปล่าที่หลายคนบอกว่าเวลาที่เราตกใจกับอะไรมากๆ สักอย่าง ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียในสิ่งที่เรารักจะผลักให้สัญชาตญาณบางอย่างดึงเอาพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์เราออกมา

เนื้อหาข่าวระบุถึงตัวเลขของความเสียหายที่ประเมินเป็นหลักหลายล้านบาท และบทสัมภาษณ์เล็กน้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงความน่าจะเป็นของมูลเหตุ แน่นอนว่าไม่มีอะไรชัดเจนในเนื้อหาข่าวนั้นนอกจากความสูญเสียและคราบน้ำตา คะน้าพับกระดาษที่เต็มไปด้วยหลักฐานแห่งความสิ้นหวังนั้นแล้ววางนิ่งๆ ข้างตัว เขาไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ในหัวสมองเต็มไปด้วยควันสีเทาที่ขมุกขมัวจนมองไม่เห็นทางออก




“ต่าย... บางทีเราอาจจะต้องขายมันก็ได้”

เสียงเรียบๆ ของผักกาดที่เลี่ยงจะพูดตรงๆ ให้บาดใจกันนั้นเขาเข้าใจดี ผักกาดหมายถึงตลาดแห่งนี้ และเขาก็เชื่อว่ากว่าที่ผู้เป็นพี่สาวจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาคงผ่านกระบวนการคิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย สีหน้าที่เซียวเหมือนกับคนที่นอนไม่หลับ หรือแม้แต่ดวงตาหรือรอยยิ้มที่ดูแห้งผากนั้นเป็นตัวบ่งชี้ได้ดี

“อาจจะมีวิธีอื่นหรือเปล่าเจ้ ค่อยๆ คิดกันไป คนที่เขาอยู่กับเราเขาจะเอาอะไรกิน เราทิ้งเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก เขาก็เหมือนคนในครอบครัวเรานะเจ้ ผมขายที่นี่ไม่ได้” ชายหนุ่มไม่ยอมรับ เขาจะลองพยายามดู คงต้องมีวิธีไหนสักวิธี ซึ่งเป็นทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย

“บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ติดต่อเรามาให้ข้อเสนอที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน เขาจะสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ แล้วใช้พื้นที่ของด้านล่างทั้งหมดทำเป็นตลาดแนวใหม่ พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่กับเรา สามารถเข้าทำการค้าขายได้ และถ้าเราตกลง ทันทีที่เรื่องราวจากทางบริษัทประกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเสร็จ เขาจะสร้างพื้นที่ชั่วคราวให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าค้าขายได้ทันทีภายใน 15 วัน” นับว่าข้อเสนอที่ผักกาดพูดขึ้นมานั้นมีน้ำหนักและตรงใจจนเกินจะคาดคิด แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากให้ตลาดซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของป๊ากับแม่ต้องเปลี่ยนไปเป็นอื่น ...ยังไงก็ยอมรับไม่ได้

“เจ้... ผมขออะไรได้ไหม เราพอจะใช้เงินที่เรามีซ่อมแซมมันได้ไหม” คะน้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดให้นิ่งสนิทอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ลึกๆ ในใจเขานั้น ทำใจกับเรื่องราวต่างๆ พวกนี้ไม่ได้เลย

“เราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น และต่อให้ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันแล้วก็ยังเทียบกับมูลค่าความเสียหายไม่ได้เลย ค่าใช้จ่ายต่างๆ มัน...” เสียงเล็กๆ ของผักกาดขาดห้วง หญิงสาวมีสีหน้าที่หนักใจ

“...เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ใช่ว่าเจ้อยากจะยอมรับข้อเสนอ หรือว่าอยากจะขายปล่อยออก เราสองคนมีความรู้สึกไม่ต่างกัน เจ้ก็รักที่นี่ไม่ต่างกับต่าย เราสองคนโตมาที่นี่ ...ที่นี่เป็นที่ที่ป๋ากับแม่รักกัน ที่นี่เป็นความฝันของเราทุกคน”

“แต่เราอยู่ในโลกของความจริง ทางเลือกเรามีแค่ปล่อยให้มันเสื่อมโทรมอยู่แบบนั้น หรือขายมันเพื่อให้คนอื่นๆ ทำมาหากินต่อไปได้ เราไม่ได้ถูกบีบจากใคร แต่เหตุและผลบนพื้นฐานความเป็นจริงทำให้เราต้องยอมรับข้อเสนอแล้วพิจารณาดู” เหตุผลของผักกาดแรงและตรงจนเกิดกว่าจะรับได้ง่ายๆ แต่ถึงแบบนั้นคะน้าก็ไม่รู้ว่ามีมีจุดไหนที่เขาจะแย้งความคิดนั้นได้สักทาง

“...เราไม่มีอะไรสักอย่าง แต่เขามีพร้อมทุกอย่าง กำลังคน กำลังเงิน เจ้อยากต่ายลองคิดดู จริงๆ แล้วเราในตอนนี้ ไม่ได้มีทางเลือกเลย”

ความเป็นจริงที่ตีเป็นเส้นขนานกับความฝันทำให้เขาจำนน หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดูเหมือนว่าทางเลือกสำหรับเขาแล้วมีไม่มากเลย แต่ถึงอย่างนั้น คะน้าก็ไม่อยากถอดใจ ความผูกพัน ความรัก ทำให้เขาทำใจกับมันไม่ได้

“แล้วการแสดงที่ทุกๆ ตั้งใจทำเพื่อตลาดของเราล่ะ”

“จะไม่มีการแสดงพวกนั้นอีกแล้ว” ผักกาดตอบเสียงเรียบๆ หญิงสาวคว้าหนังสือพิมพ์ที่พับวางอยู่ข้างๆ มือเขาแล้วเดินกลับไปคืนบนโต๊ะ ความเงียบงันดำดิ่งไปถึงทุกอณูความรู้สึก คะน้าได้แต่ปล่อยให้ความสงบนั้นเป็นยาสมานความเจ็บปวดกับความเป็นจริงที่ยากจะรับไหว

“เจ้... เรามีเวลาถึงเมื่อไหร่” คะน้าถามด้วยเสียงแผ่ว

“อีกห้าวัน เขาอยากคุยกับเรา”

“ผมจะไปคุย”

เสียงตอบนั้นดูราวกับคนที่ไม่มีชีวิต แม้ร่างกายจะแน่นิ่ง แต่ภายในใจนั้นตรงกันข้าม ทุกอย่างดูรวดเร็ว วุ่นวาย สับสน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เจอคำตอบ ไม่นานนัก ความเพลียจากพิษไข้และเรื่องหนักอึ้งต่างๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาสารพัดที่ให้ผ่านทางสายน้ำเกลือนั้นทำให้คะน้ารู้สึกอ่อนแรง และไม่ช้าชายหนุ่มก็เข้าสู่นิทรารมย์โดยไม่รู้ตัว

คะน้าตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบกับร่างสูงที่ขดตัวฟุบอยู่ข้างเตียง ท่อนแขนที่ต่างหมอนหนุนล้อมกรอบใบหน้าที่เหนื่อยจนดูเหมือนเด็กหลงทางนั้นให้ชวนมองยิ่งขึ้น กลิ่นกาแฟจางๆ ลอยอยู่ในอากาศ คะน้ามองใบหน้าที่นิ่งสงบของทิมแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป ไม่รู้ว่าเข็มนาฬิกาบอกเวลาเท่าไร ร่างสูงที่เหนื่อยอ่อนก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับหน้ากากแห่งความเงียบขรึม ดูเหมือนว่าทิมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผล็อยหลับไปคาเก้าอี้ที่ถูกลากมาวางข้างๆ เตียง

“ยังเจ็บมากไหม” ทิมที่ยังคงงัยเงียจากการนอนเมื่อครู่ เอ่ยถามเสียงเบา

“พอไหว ไม่ค่อยแล้ว”

“งั้นย้ายโรงพยาบาล” ทิมพูดเอาง่ายๆ แล้วก็คว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาแล้วตั้งท่ากดต่อสาย เล่นเอาคะน้าส่งเสียงปรามไม่ทัน

“จะย้ายทำไม นี่ก็ดีแล้ว”

“หมอมันห่วย ไม่ได้เรื่อง” น้ำเสียงที่ดูหงิดหงิดของทิมนั้นเทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าของเจ้าตัวในเวลานี้ ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าก็กระแทกบานประตูปิดเสียงดัง “ไปทั้งแบบนี้ล่ะ แล้วค่อยเอาชุดโรงพยาบาลมาคืนทีหลัง”

“หมอไม่อนุญาตครับ” เสียงของตุลดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวฝีเท้าเข้ามาในห้อง สีหน้าของหมอหนุ่มดูเรียบเฉย และปฏิบัติราวกับในห้องพักในเวลานี้มีเพียงคะน้าเท่านั้น

“แผลของคุณยังไม่แห้งสนิทนะครับ การย้ายผู้ป่วยอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ หมอจะไม่ส่งคนไข้ออกนอกจนกว่าจะอยู่ในสภาวะปลอดภัยนะครับ” ฝ่ามือกว้างอังที่หน้าผากแล้วยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างพึงพอใจ

“เหมือนไข้จะลดลงแล้ว แต่เดี๋ยวหมอขอวัดอุณหภูมิอีกครั้งนะครับ” ตุลหยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาแล้วโน้มตัวลงมาหาคะน้าที่นอนอยู่

“ใกล้ไปมั๊ง” ทิมส่งเสียงเข้ม ดวงตาจ้องเขม็งเหมือนพร้อมจะขย้ำคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ ตุลเพียงแค่ส่งรอยยิ้มบางๆ กลับแล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าต่อ ...โน้มตัวลงมาอีกนิด

“คนไข้อ้าปากหน่อยนะครับ” ตุลก้มลงมองที่นาฬิกาข้อมือตนเองแล้วเดินไปหยิบแฟ้มผู้ป่วยที่ปลายเตียงขึ้นมา เปิดพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่บันทึกไว้ คะน้าเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ สันกรามของทิมถูกกดแน่นจนขึ้นนูน ร่างสูงเกร็งตัวแข็งค้างราวกับกำลังขืนตัวเองต้านกระแสโทสะที่มีแต่เจ้าตัวที่รู้สึกได้ ผิดกับชายหนุ่มในชุดกาวน์ ตุลยังคงนิ่งสงบเหมือนกับผิวน้ำที่เรียบราบ ดวงตากวาดมองเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มกว้างให้

“หมออธิบายคนไข้หน่อยนะครับ สำหรับแผลที่เกิดจากสะเก็ดไฟและน้ำมัน ถือว่าโชคดีที่มาถึงไว หมอจึงดูแลได้ทันท่วงที ดังนั้นหมอรับรองว่าคนไข้จะไม่มีแผลเป็นใดๆ บนร่างกายครับ ในส่วนของช่วงหน้าแข้งที่โดนทับนั้น ผลเอ็กซเรย์กระดูกไม่พบรอยร้าวหรือแตก คงมีเพียงอาการบาดเจ็บจากข้อเท้าแพลงและอาการปวดร้อนเฉยๆ หมอให้ยาแก้ปวดและลดไข้ที่ดีที่สุดทางน้ำเกลือนะครับ ดังนั้นจะค่อนข้างมึนอยู่บ้างแต่จะหายไวขึ้นครับ” ตุลขยับเท้าเข้ามาหาแล้วเอามือลูบไปตามลำคอและใบหน้า พริบตาคะน้าก็รู้สึกถึงสายลมฉิวที่มากระทบผิวกายพร้อมกับร่างสูงของทิมที่มายืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาที่ดุดันแบบสัตว์ป่าจ้องไปที่แพทย์เจ้าของไข้ ตุลแค่เพียงเงยหน้าขึ้นมองผ่าน ก่อนจะดึงเอาปรอทออกจากคนป่วยที่กำลังหน้าเครียด

“เก่งมากครับ ไม่มีไข้แล้ว” คะน้ายิ้มแห้ง กลัวว่าอีกไม่นานไข้จะตีกลับเอา

“ขอบคุณครับตุล” คะน้าเอ่ยขอบคุณ ความรู้สึกถึงน้ำใจและความห่วงใยพ่วงไปด้วยกับเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนนั้น หมอหนุ่มก้มลงสบตา สักพักรอยยิ้มก็คลี่ออก

“หมอก็แค่ทำไปตามหน้าที่น่ะครับ”

“หมดธุระแล้วใช่ไหม? คนไข้ต้องการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว” ทิมพูดลอยๆ หากแต่เนื้อเสียงนั้นแข็งจนดูกร้าว ตุลถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าสงบนิ่ง รอยยิ้มที่โค้งตัวบนริมฝีปากนั้นค่อยๆ คลายตัวลง เป็นครั้งแรกที่แพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นและสบตาชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่

“ถ้าคนไข้ต้องการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว หมอออกคำสั่งห้ามเยี่ยมให้ได้นะครับ”

“จะลองดูก็ได้นะ”

ทิมแสยะยิ้มกลับอย่างไม่เกรงกลัวจนคะน้ามีสีหน้าที่ลำบากใจ




(มีต่อข้างล่างอีกครับ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครึ่งหลับครับ)





ก่อนที่สงครามจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้ ประตูห้องพักก็เปิดออกขึ้นอีกครั้ง ผักกาดก้าวเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองนาย หญิงสาวมีสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งเครียดซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายในชุดสีน้ำตาลเข้มทั้งสองคน

“อาการเป็นยังไงบ้างตุล?” ผักกาดถามเสียงเนือย ใบหน้าดูเหนื่อยอ่อน

“ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ แผลไม่มีการติดเชื้อและสมานตัวไวมาก ในส่วนของข้อเท้าเป็นแค่อักเสบนิดหน่อย พรุ่งนี้น่าจะหายสนิท ในส่วนอาการไข้ไม่เหลือแล้ว ที่เหลือก็แค่พักฟื้นครับ” ตุลตอบไปตามอาการ

“ขอบใจนะตุล” ผักกาดยิ้มให้ชายหนุ่มในขุดกาวน์สีขาว “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอรบกวนคุยเรื่องคดีกับเจ้าต่ายก่อนนะ ทิมด้วยนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอมา” หญิงสาวหันไปทางทิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คะน้าก่อนจะหันไปสบตาตุลอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงเดินออกจากห้องไป และทันทีที่แผ่นหลังทั้งสองนั้นพ้นไปจากสายตา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งก็เริ่มประเด็นทันที

“จากการตรวจสอบอย่างละเอียด เราพบมูลเหตุที่น่าสงสัยอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือปัญหาเรื่องการลัดวงจรของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งอาจมาเจอกับเชื้อเพลิงทำให้ปะทุลุกลาม”

“แต่เราเพิ่งปรับปรุงซ่อมแซมในส่วนต่างๆ ไป ระบบไฟฟ้าไม่น่าจะมีปัญหาได้เลยนะครับ” คะน้าแย้งด้วยความรู้สึกไม่เห็นด้วย

“แต่เราก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่ามันจะปลอดภัยไม่มีปัญหา ในเรื่องอุบัติเหตุ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้” เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายมีสีหน้าที่ดูยุ่งยากใจ “อย่างไรก็ตามเราพุ่งเป้าไปอีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือการลอบวางเพลิง กรณีแรกคือวางเพลิงจากผู้เอาประกันเอง ซึ่งหลังจากสอบปากคำทางฝั่งคุณทุกคนแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่น่าจะใช่จากการวางเพลิงเพื่อเอาเงินประกัน ดังนั้น เราจึงอยากจะพุ่งไปที่อีกประเด็น”

“อะไรหรือครับ”

“วางเพลิง ...จากผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยตรง”

“ใครครับ?”

“บริษัทธาดาพิพัฒน์ที่ติดต่อเจรจาของซื้อที่ดินจากทางคุณมาโดยตลอด จากโครงการคอนโดมีเนียมที่สร้างขึ้นใหม่ ถ้าขยายเชื่อมต่อกับคอมเพล็กซ์ที่เป็นโครงการที่วางแผนต่อเนื่อง มูลค่าและผลประโยชน์ที่ทางบริษัทจะได้รับนั้นจะมากมายเป็นทวีคูณ”

“เราถูกลอบวางเพลิงจากคนที่ต้องการที่อย่างนั้นเหรอ” คะน้าเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ คาดไม่ถึงกับสมมติฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“แค่ข้อสันนิษฐานน่ะต่าย เพราะมันไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งไปในแนวทางนั้นได้เลย” เสียงของผักกาดแทรกขึ้นมาในความสับสน คะน้าหันไปมองหน้าผู้เป็นพี่สาวสลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าไม่ต่างกัน

“สองวันนี้เราพยายามสืบหาหลักฐานทุกอย่างแม้แต่ภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งเมื่อเปิดดูย้อนหลังแล้วก็พบเพียงแค่การวิวาทชกต่อยกันเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีการนำเชื้อเพลิงหรืออุปกรณ์ใดๆ เข้ามาในบริเวณตลาดและใกล้เคียง ไม่มีผู้ต้องสงสัย แม้ว่าความจะเป็นไปได้จะสูง แต่หลักฐานทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปลงไปแบบนั้นได้” ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเข้มกล่าวนิ่งๆ สีหน้ายากจะอ่านความรู้สึก

“เราคงต้องกลับไปสู่ประเด็นเดิม จากผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายพิสูจน์หลักฐานระบุว่าเหตุการณ์ไฟไหม้นี้เกิดจากระบบไฟฟ้าลัดวงจร”

“หมายความว่าอย่างไรครับ” คะน้าส่งเสียงถามด้วยเสียงแผ่ว

“หมายความว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นเท่านั้นครับ และเจ้าหน้าที่จำต้องบันทึกผลการตรวจเพื่อปิดคดีตามนั้นครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นกล่าวพร้อมสีหน้าสี่นิ่งสงบก่อนจะขอตัวจากไป

แม้ว่าผลการตรวจสอบด้วยหลักฐานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่เป็นไปในแนวทางที่เป็นอุบัติเหตุ แต่เงื่อนงำต่างๆ กลับค่อยๆ ขมวดเข้าในความคิดของเขาจนยุ่งเหยิงกว่าเดิม คะน้าค่อยๆ ดึงด้ายแต่ละเส้นออกจากความคิด เรียบเรียงและรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก่อนจะพบกับชิ้นส่วนของปริศนาบางอย่างที่ตกหล่นมองข้าม

ทิม...

ชายหนุ่มที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะวิศวกรคุมโครงการมหึมาที่กำลังก่อสร้าง คนเดียวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับครอบครัวของคะน้าเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าทิมจะไม่เคยเอ่ยถามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องตลาด แต่จะเป็นไปได้ไหมที่คำสั่งย้ายแบบฟ้าผ่านั่นไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลจากเด็กสาวที่ชื่อแนนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการกีดกันคนที่ค่อนข้างยากต่อการควบคุมอย่างทิมให้ไกลห่างเพื่อให้ธาดาพิพัฒน์ง่ายต่อการทำการใดๆ ให้บรรลุเป้าหมาย โดยใช้เปลือกนอกของข้อเรียกร้องจากสหายจากครอบครัวอย่างแนนเป็นข้ออ้าง เพื่อเป้าหมายหลักบางอย่างที่มีค่ากับธาดาพิพัฒน์กว่าสิ่งอื่นใด

...ผลประโยชน์ที่มีมูลค่าอย่างประเมินมิได้

ความสงสัยเหล่านี้ยังคงเวียนวนอยู่ในสมองของคะน้ามาเนิ่นนานหลายวัน อันที่จริงควรจะพูดว่านับตั้งแต่ได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนั้น และแม้ว่าความสงสัยเคลือบแคลงนั้นจะรุนแรงเพียงใด คะน้าก็เลือกที่จะซุกซ่อนความขับข้องใจเหล่านี้ไว้จากทุกคน ขอเพียงเวลาอีกสักนิดเพื่อที่เขาจะแน่ใจทุกอย่างมากกว่านี้ และถ้ามันใช่ในสิ่งเหล่านั้น เขาก็จะไม่ลังเลที่จะใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อตอบกลับความเห็นแก่ได้ของธาดาพิพัฒน์

กระทั่งวันที่นัดพูดคุยกับบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นวันเดียวกับที่แผลต่างๆ บนแขนและลำตัวเริ่มตกสะเก็ด หากแต่เชิ้ตสีเข้มนั้นปกปิดทุกอย่างไว้ได้อย่างแนบเนียน เช่นเดียวกับกองไฟมากมายที่แอบปะทุอยู่ในใจของคะน้าราวกับจะไม่มีวันดับสนิท วันนี้เองที่เขาจะได้เจอกับหมากตัวสำคัญที่สุดของธาดาพิพัฒน์ ...คุณธาดา ชายวัยกลางคนที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจของประเทศไทย

อาหารมื้อเช้าตรงหน้ามากมายราวกับงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จหรือไม่ก็เลี้ยงอำลาอะไรสักอย่าง หากแต่สามคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารกลับทานเพียงแค่ประทังความหิว คะน้าทานน้อยกว่าทุกวัน ผักกาดเองก็ดูจะไม่ต่างสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าผู้เป็นพี่สาวก็คงกังวลกับอีกไม่กี่ชั่วโมงที่รออยู่ตรงหน้าไม่น้อย ทิมตักอาหารใส่จานข้าวของผักกาดและคะน้ามากมาย และเมื่อมันไม่พร่องลงไป พ่อครัวหนุ่มก็ดูจะเนือยกับมื้อเช้าแห่งวันนี้เช่นกัน

“ถ้าจะไปที่บริษัท ให้ผมไปส่งไหม ยังไงก็ทางเดียวกัน” ทิมเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ แววตาที่เคยยั่วเย้าดูจะราบเรียบและจริงจังกว่าทุกวัน

“ไม่เป็นไรหรอก แยกกันไปดีกว่า เดี๋ยวมันจะมีปัญหาเอา”

“แต่ผม...” ยังไม่ทันจะพูดจบดีทิมก็แย้งขึ้นมา หากแต่สายตาที่ร้องขอของผักกาดนั้นดูจะทำให้ชายหนุ่มหยุดข้อโต้แย้งไว้แค่นั้นแล้วนิ่งลง จากนั้นหญิงสาวก็หันมาที่คะน้า

“เจ้ขอให้ตุลไปกับเราด้วยนะ แผลเรา เท้าเราก็ยังหาไม่ดี อย่างน้อยมีหมอไปด้วยก็อุ่นใจ อีกอย่างถ้ามีเอกสารกฎหมายต่างๆ เจ้ก็อยากให้ทางเรามีพยานรับรู้ด้วย” เหตุผลของผู้เป็นพี่สาวนั้นฟังขึ้นและปราศจากข้อโต้แย้ง หากแต่ชายหนุ่มอีกคนบนโต๊ะอาหารกลับชักสีหน้าราวกับจะแย้งทุกถ้อยคำด้วยท่าทางที่ปราศจากคำพูด

นับเป็นการเริ่มต้นของวันที่ดูจะผิดไปจากทุกวันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนโต๊ะอาหาร ตั้งแต่เกิดเรื่อง ดูเหมือนผักกาดจะไม่ยิ้มอีกเลย หรือแม้แต่ตัวเขาเองก็หมดกำลังใจจะยิ้มแย้มในเวลาแบบนี้เช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พักหลังๆ มา ทิมเองก็ดูจะกลับกลายเป็นเป็นคนที่เงียบขรึมแบบเริ่มต้นที่รู้จักกันใหม่ๆ ได้แต่คึ่นคิดอยู่แบบนั้นโดยไม่มีอะไรดีขึ้น คะน้าจึงตักอาหารแล้วใส่จานของทิม

“ทานเยอะๆ สิทิม จะได้มีแรงทำงานทั้งวัน” ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มหม่น แล้วผ่อนลมหายใจจนแผ่นหลังนั้นยวบลง ทิมพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มลงเขี่ยอาหารในจาน

“วันนี้คงเป็นวันที่แสนยาวนาน”

คะน้าหันกลับมามองอาหารตัวเองที่แน่นจนเต็มจาน นึกทบทวนคำพูดสุดท้ายของทิมที่โต๊ะอาหาร บางที... วันนี้อาจจะเป็นวันที่แสนยาวนานสำหรับเขาด้วยเช่นกัน ไม่กี่นาทีต่อมา ทิมก็ลุกจากไปพร้อมกับท่าทางที่สงบนิ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะการที่ผักกาดเลือกที่จะขอร้องให้ตุลมาเป็นเพื่อนแทนที่จะเป็นทิม คนที่ดูเหมือนว่าน่าจะได้รับความไว้วางใจและใกล้ชิดมากกว่าคงรู้สึกแย่และเสียใจไม่น้อย หากแต่เหตุผลเรื่องสุขภาพที่ผู้เป็นพี่สาวกังวลก็นับว่าเป็นเหตุลผที่คะน้าโต้ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งเงียบๆ หวังเพียงแค่ว่าหลังจากที่พบคุณธาดาและทีมบริหารของธาดาพิพัฒน์ในวันนี้จะพอทำให้เขาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่างมากขึ้น


...คะน้าเพียงแค่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าทุกอย่างมันเป็นเพียงอุบัติเหตุนั่นเอง

ตุลมาถึงตามเวลาที่นัดหมาย อดีตเพื่อนบ้านถอดเสื้อกาวน์สีขาวที่สวมใส่ยามทำงานเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นง่ายๆ กับกางเกงสีควันบุหรี่ ตุลเช็คข้อเท้าของคะน้าอีกครั้งและตัดสินใจสวมเฝือกอ่อนเพื่อประคองข้อเท้าไม่ให้กลับมาพลิกอีก คะน้ามองร่างสูงที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า ตุลเหมือนเดิม ...เหมือนเดิมทุกๆ อย่าง หากแต่ในประกายเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้กรอบพลาสติกสีเข้มทรงเหลี่ยมนั้น ...มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่รื่องของท่าทีปฏิบัติที่เหมือนหมอที่ดูแลคนไข้เสียมากกว่าแบบเพื่อนดูแลเพื่อน แต่มันคือะไรบางอย่างที่ยังดูคลุมเครือจนกว่าที่คะน้าจะเดาได้ เขาอ่านไม่ออกว่ามันคือความกังวลหรือความห่วงใยที่ดูมากมายกว่าปกตินั่นหรือเปล่า ที่ทำให้ในความอบอุ่นอ่อนโยนนั้นดูแปลก กระนั้นในความอ่อนโยนของแววตาคู่นั้นก็ดูเข้มแข็งขึ้นอยู่ในที

ห้องประชุมขนาดใหญ่ของธาดาพิพัฒน์นับว่าสมศักดิ์ศรีบริษัทอสังหาริมทัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศ คะน้าเปิดประตูเข้าไป สองเท้าก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่าที่ดูน่ากลัว เขานั่งลงที่เก้าอี้บุหนังสีเข้มซึ่งเข้ากับสีดำสนิทของกระจกตัดพิเศษขนาดใหญ่กึ่งกลางห้องโดยมีตุลและผักกาดผู้เป็นพี่สาวนั่งขนาบทั้งสองข้าง เพียงไม่นาน เสียงสั่นสะเทือนในอากาศก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ร่างของคนกลุ่มหนึ่งในชุดสูทภูมิฐานเดินเข้ามาในห้องและเริ่มแนะนำตัว ส่วนมากจะเป็นเหล่ากรรมการบริหาร ส่วนที่เหลือก็จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย และเจ้าหน้าที่แผนกอื่นๆ อีกสองสามคน โดยทั้งหมดจะเว้นเก้าอี้ด้านหัวโต๊ะที่อยู่กึ่งกลางของห้องเอาไว้

...นั่นคงสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าใครๆ ในห้อง และคงไม่ต้องบอกว่าเป็นคนที่คะน้ารอคอยที่จะเจอมาเป็นระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานั่นเอง

การประชุมเริ่มต้นขึ้น เนื้อหาของการเจรจาเป็นเรื่องของตัวเงิน และรายละเอียดโครงการต่างๆ ที่ฝ่ายบริหารแจกแจงอธิบาย ข้อตกลงเกี่ยวกับการให้สิทธิ์ค้าขายของชาวตลาดที่เคยแจ้งไว้กับผักกาดนั้นยังคงอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่นและน่าฟัง ภาพของโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ฉายขึ้นที่จอสีขาว แม้จะยังไม่ใช่ตัวสำเร็จสุดท้าย แต่ก็ทำให้พอจินตนาการได้ว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ทำเลตรงนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินมหาศาลเลยทีเดียว

“ถ้าทางคุณไม่มีข้อติดใจสงสัย เราจะเชิญท่านรองประธานกรรมการเข้ามาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมของโครงการอีกครั้ง” ผู้ชายในที่สวมชุดสูทคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากที่จบการอธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่โดยคร่าวๆ ไปแล้ว ซึ่งนับว่าเรื่องที่ผิดแผนสำหรับคะน้าอยู่ไม่น้อย

“โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่แบบนี้ ไม่ใช่คุณธาดาเป็นผู้ดูเองหรือครับ” คะน้าตั้งข้อสงสัย นี่เขายังเจาะเข้าไปไม่ถึงผู้ชายที่ชื่อธาดาคนนี้อีกหรือ?

“เกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ทั้งหมด ท่านประธานมอบหมายให้ท่านรองฯ เป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมดเพียงท่านเดียวครับ ท่านรองประธานเป็นคนเก่งและสามารถให้รายละเอียดได้ทุกอย่าง รวมถึงตัดสินใจได้ทุกอย่างทันที” ผู้ชายคนนั้นก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “อีกสักพัก ท่านคงจะเสร็จจากประชุมบอร์ดใหญ่และสะดวกเข้าร่วมประชุมครับ”

ห้าหรือสิบนาทีถัดมา ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้งโดยปราศจากเสียง ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับเลขาที่เป็นหญิงสาววัยสามสิบกลางๆ ที่ดูคล่องแคล่วเอาการเอางาน ชายคนนั้นดึงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่แล้วนั่งลง ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่คะน้าพร้อมกับคำกล่าวทักทายตามมารยาท

“ยินดีต้อนรับสู่ธาดาพิพัฒน์ สวัสดีครับ”

ไม่มีเสียงตอบกลับจากคะน้าหรือแม้แต่ผักกาด มีเพียงความเงียบงันและความประหลาดใจอย่างถึงที่สุดกับคนที่เพิ่งมาถึง เมื่อรองประธานกรรมการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์คือคนๆ เดียวกับชายหนุ่มที่คะน้านั่งตรงข้ามบนโต๊ะอาหารในบ้านทุกเช้าและเย็น ...คนเดียวกับที่อาสาจะมาส่งที่ธาดาพิพัฒน์ในวันนี้

“สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิด” ตุลเป็นเสียงแรกที่เอ่ยขึ้นมาในความเงียบที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แปลกใจ ประหลาดใจ ...และเสียใจ

“หมายความว่า... ตุลรู้จักกับทิมมาก่อนหรือครับ” คะน้าหันกลับไปมองตุลด้วยสายตาหวาดๆ พยายามอย่างหนักที่จะสะกดเสียงที่สั่นไหวของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ทั้งๆ ที่ส่วนลึกในใจนั้นเหมือนกับแก้วที่ถูกโยนขึ้นที่สูงแล้วปล่อยให้ดิ่งตัวลงมาจบชีวิตด้วยความแหลกสลาย

“เรียกว่าลืมไม่ลงจะดีกว่าครับ” เสียงหัวเราะของตุลเสียดดังขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณทิวัตถ์ ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณธาดา ประธานกลุ่มบริษัทธาดาพิพัฒน์ที่พยายามจะซื้อที่ดินผืนนี้มาโดยตลอด” ชายหนุ่มใส่แว่นที่นั่งอยู่เคียงข้างคำรามในลำคอแล้วจ้องมองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงกลางอย่างแข็งกร้าว

ทิมตอบกลับด้วยดวงตาคมกริบที่ท้าทายอย่างไม่หวั่นเกรง กล้าแกร่ง และแน่นิ่งกว่าทุกครั้ง ก่อนที่รอยยิ้มกวนๆ ที่มุมปากจะถูกยกขึ้นแบบที่เจ้าตัวมักทำบ่อยๆ

...เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเอาเสียเลย


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



คนแต่งพลีชีพโดนด่าแล้วครับ ดาบมา หอกมา กระสุนมาได้เลย พร้อมแล้ว กร๊ากกกกก
คือตามที่เกริ่นไปเมื่อตอนที่แล้วว่าจะเข้มข้นขึ้นหน่อย ก็ตามที่ได้อ่านไปนี่เลยครับ 5555
กำลังเข้าสู่ห้วงสุดท้ายแล้วล่ะครับ อีกประมาณ 10 ตอนบวกลบ จะตื่นเต้น กดดัน และมาม่า
แต่ก็จะเข้มข้นขึ้นนะ อ่านก็สนุกไปอีกแบบ ยังไงจะพยายามอัพถี่หน่อยนะครับ
จะได้ไม่ค้างคานาน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ครับ +1 ทุกคนเลยยยยย :กอด1:

ออฟไลน์ pixie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช็อคคค!!!!!! ทิมมมม ไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นของปลอมม ทิมต้องเป็นพระเอกสิ!
เรื่องที่โดนตีมานี่เกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่าหว่า แบบไม่อยากทำเลยโดนพ่อกระทืบ ไรงี้ หุหุ. มโนเก่งจริงเรา

อ้ากก
อิน ไม่ไหวแล้ววว. มาต่อด่วนนะคะ ;(

ช่วยนี้อัพบ่อยมาก ถูกใจแม่ยกเป็นที่สุด ( กอดคนแต่งแน่นๆหนึ่งที) :กอด1: :))

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ตอนที่แล้วว่าค้างมากแล้วเชียว
มาเจอตอนนี้ค้างมากกกก กว่า อีก  :z3:
เม้นต์ไม่ถูกเลย  :serius2:
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
เราเชื่อว่าทิมรักคะน้าจริง
แต่คะน้าจะยังรกทิมมั้ย แม้ทิมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง
แต่ความรู้สึกคงติดลบไปมั่งไม่มากก็มาก


ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อะไร คนเขียนทำอะไรกับน้องทิม
อยากเจรจาขอซื้อที่ ก็มาซึ่ง ๆ หน้าสิ ไม่ใช่มาล้อเล่นกับความรู้สึกคน
ไม่ใช่แค่เสียความรู้สึกนะ ถ้าคะน้าไม่รอดจากกองไฟทำไง ไม่แคร์งั้นเหรอ
ทำม๊าย...ทำไม เคยมีคำถามกับทิมว่าตกลงเธอจะเป็นพระเอกหรือนางอิจฉา
แล้ววันนี้ก็ต้องถามอีกว่าตกลงจะเป็นผู้ร้ายให้ได้ใช่ไหม อกแม่ยกหักสะพายแล่งซ้ำอีกแล้ว

pinkfuku

  • บุคคลทั่วไป
ทิมเรารักนายนะ พระเจ้า ขอร้องไห้ทิมเป็นพระเอกนะ ได้โปรด :call: :call:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ไอ้เชี่ยทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม


ชอคอะ ชอค

วืดมาก!!!!
โอย  หมดคำคอมเม้นต์  มาเฉลยยย  เดี๋ยวนี้เลย!!!!!
มาาาาาาา  ไม่ทำงานแล้ว ลางานนนนนนน

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เอ่อ ทิม =_= เหอๆๆ ที่ผ่านมาคือไร เซ็งเป็ดเซ็งห่านมากตอนนี้ ไม่น๊า ไม่ดราม่าเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ nuwi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ทำไมทิมทำงานนี้กับคะน้าอะ หมอตุลเข้าเสียบเลย อยากให้หมอตุลเป็นพระเอกอะ
ไม่งั้นเอา 3pก็ได้ได้หมด แต่ไม่อนากให้หมอตุลคู่กันผู้หญิงอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด