♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430445 ครั้ง)

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อ๊าค ซื้อหวยไม่ถูกคิดไว้แล้วเชียว   :z3:  :z3:  :z3:  ทิมมมมมม   :m15: ต่ายน้อยจะเป็นไงบ้างเนี่ย  :เฮ้อ:
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ วุ้ย  o13 o13 o13

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
อ่านแล้วยังมีความหวัง รอลุ้นว่าจะมีอะไรเบื้องหลังอีก
จากนิยายรัก เหงาๆธรรมดา ชักจะตื่นเต้น ซับซ้อนขึ้นทุกทีนะฮะเนี่ย
รอตอนต่อไปฮะ มาไวไวน้า

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
หึ้ย!!! นี่มันอะไร๊!!! :m31: :m31:

อ๊ากกกกกก  ทิมของเจ้ หวังว่าตอนนี้จะอธิบายได้นะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
โอยยย~ :o~ คนแต่งเนี่ยเป็นไรมากรึป่าว :serius2:
ไปแอบหัวเราะเยาะคนอ่านอยู่ใช่ม้ายยย......... :3125:
เห็นคนอ่านมีความสุขเลยแกล้งเล่นใช่ป่ะ หักมุมได้อีกนะคนเรา
ไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าทิมยังไงก็รักคะน้าจริงๆ :m5:
หมอตุลนี่ยังไง แอบกลับมาคอยดูแลปกป้องคะน้าอยู่ห่างๆหรอ
ไม่เดาละ รอตอนต่อไปดีกว่า.......... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อึ้งไปเลย ยังไงเนี่ยทิม

ตกลงคิดไงกับคะน้าเนี่ย

อ๊ากกกกกกก มาต่ออีกเลยได้มั้ยคะเนี่ย

ไอ้บ้าทิมมมมม อยากรู้จะเป็นไงต่อ  :z3: :z3:

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ย! ทิม ไม่นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
......
รอตอนต่อไปค่ะ ...............

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยย  :a5:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :a5: ช็อคข้อสอบเสร็จมาช็อคอันนี้ต่อ
ม่ายน้า ทิมมมมม ม่ายยยย :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






SaTan_G

  • บุคคลทั่วไป
นี่มันอะไรเนี่ย วุ่นวายดีจริงๆ
แต่เชียร์3Pไปเลยค่า แบ่งกันลงตัวดี

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ไม่นะ คุณทิวัฒน์ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ช้านนนนนนนหน้ามืด หมอตุลช่วยชั้นด้วยค่ะ  :z3:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
สนุกค่ะ เจ้มจ้นมาก อืม...คนอ่านยังเชื่อใจทิมอยู่นะเพราะที่ผ่านมาทิมไม่ได้มีท่าทีว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์อะไรเลย
แต่หมอตุลย์ก็ดูสงสัยทิมหรืออาจเคยเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างกันมา แถมยังเข้ามาในจังหวะที่มีเรื่องพอดี
รู้เรื่องอะไรมารึป่าวหว่า 
ส่วนคะน้า เฮ้อ คิดยังไงยังไม่รู้เพราะคะน้าคิดเรื่องบริษัทนี้อยู่แล้วว่าอาจตั้งใจทำ ที่จริงทิมอาจอยู่ในสถานะที่ลำบาก
มากก็ได้นะคือทิมไม่น่าจะใช่คนที่ทำแบบนั้น แต่ทิมเป็นลูกเจ้าของบริษัทก็ต้องทำไปตามหน้าที่  :เฮ้อ:
หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ทิมรักคะน้าๆๆๆ ท่องไว้ๆ

หยุดคิดเรื่องดราม่าบ้างเนอะ ทิมน่ารักนะมานอนเฝ้าตลอดเลย หมอตุลย์เข้ามาแบบนี้ก็ยิ่งหวงล่ะสิ
แทบอยากเปลี่ยน รพ. ทันที หมอตุลย์ก็แกล้ง ๆ เนอะ จับโน่นจับนี่ เออ แล้วที่หมอตุลย์เข้ามาได้ถูกจังหวะ
แบบนี้ เค้ารู้อะไรมารึป่าวนะ  :เฮ้อ: อีกรอบ

อยากอ่านต่อมาก ๆ ค่ะ

 :pig4:

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ไม่นะ งืออออออ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้หล่ะ :a5: :a5: :a5: :a5:

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ขอพูดอะไรก่อนทั้งนั่น

แต่ทำไมทิมถึง...โฮก

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
แล้วคะน้าก็จะกลับไปหวั่นไหวกับหมออีกครั้ง กลับไปกลับมาแล้วก็ลงเอยกับหมอ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เข้มข้นจริง โอเค ยังรับได้อยู่ค่ะ  :กอด1:

รอว่าคุณทิวัตถ์จะว่าอย่างไร

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เข้มข้นจริง โอเค รับได้อยู่ค่ะ  :กอด1:

รอดูว่าคุณทิวัตถ์จะว่าอย่างไร

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
โอ้ยย สรุปรู้จักกันมาก่อน แล้วประเด็นคิสมาร์กที่คอตุลล่ะ???

Alphas

  • บุคคลทั่วไป
อะไรกันเนี่ยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ whitefang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
โอ๊ยยยยย ทิม ทิม ทิม ทิมมมมม
อย่านะ อย่า เราเชื่อใจทิมนะ ทิมมี่
คะน้าอย่านะ ไม่ หมอก็อย่าเลยนะ ฮืออ

*เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง*

ออฟไลน์ PlenG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หมอต้องการอะไรคะ รู้สึกแย่กับหมอมากกว่าเดิมอีก
รู้อะไรมาเหรอคะ ไปจัดการชีวิตตัวเองให้ดีก่อนเถอะค่ะ
ส่วนเรื่องทิมคงไม่เหนือความคาดหมายมากหรอก
วิศวกรธรรมดามันไม่ได้รวยขนาดนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องเผาตลาดคิดว่าไม่ได้ทำแน่
คะน้าก็อย่าคิดเยอะอยากรู้อะไรก็ถามทิม ไม่อยากอ่าน3P เซ็งหมอค่ะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
 :serius2: :serius2: :serius2:
รอตอนต่อไป ยังไม่อยากรีบกระโดดก้านคอทิม  :m16:

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ๊ากกกกกก ทิม แต่เราเชื่อนายนะ นายรักน้องต่ายจริงๆนะ .............../โอ้ย หัวใจจะวาย กดดันจะไม่ไหววว

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ คิดว่าตอนที่แล้วสะเทือนขวัญพอสมควร แต่อยากให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ
แล้วจะค่อยๆ พบกับคำตอบของทุกเรื่องที่ค้างคาใจนั่นล่ะ อีกไม่นานครับ ใกล้แล้ว
ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้จะรีบมาต่อไวๆ นะ จะได้อ่านอย่างต่อเนื่องครับ
ออกมาร่วมสนุก เวิ่นเว้อ คาดเดา และลุ้นไปด้วยกันนะ เดาคนเดียวไม่มันส์นะครับ
+1 ให้กับทุกๆ ความคิดเห็น คอมเมนต์ ติชม เสนอแนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 33



“งั้น... ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวอีกครั้งแล้วสินะ”

ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มนั้นดูยวนอย่างเป็นธรรมชาติ ทิมหันไปมองทีกรรมการบริหารคนอื่นๆ ก่อนที่ผู้ช่วยสาวจะส่งแฟ้มเอกสารให้ในมือ ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษในแฟ้มปกหนังสีดำเหล่านั้นไปมา กวาดสายตาดูรายละเอียดต่างๆ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองที่คะน้าและผักกาดอีกครั้ง

“ก่อนอื่นคงต้องขอบอกว่าทางเรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทางคุณด้วยครับ” สีหน้าและน้ำเสียงที่เอ่ยถ้อยคำนั้นเรียบเฉย เป็นทางการ “ขอกลับเข้าสู่เรื่องเลยก็แล้วกัน คิดว่าทีมของผมคงแจ้งพวกคุณไปหมดแล้วถึงรายละเอียดต่างๆ ธาดาพิพัฒน์คิดว่าพื้นที่ของทางคุณเป็นทำเลที่ดี และเราอยากผุดโครงการดีๆ ขึ้นที่นั่น เชื่อว่ามันจะเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงเทพได้อย่างแน่นอน”

“เมื่อไหร่” เสียงแผ่วๆ ของคะน้าแทรกตัวขึ้นมาในอากาศ ทิมหันกลับมามองแล้วตอบคำถามที่ตัวเองได้ยิน

“โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ คงจะแล้วเสร็จภายในสองถึงสามปี”



“ผมหมายถึงโกหกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ร่างสูงในชุดสูทชะงักงันไปในทันที ทิมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเพียงเล็กน้อยแล้วจงใจเบือนสายตาไปทางอื่น คะน้าจึงเบี่ยงเป้าหมายเป็นทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมของธาดาพิพัฒน์แทน “พวกคุณหลอกลวงมานานแค่ไหน ทำเรื่องแย่ๆ พวกนี้กันไปได้ยังไง จิตใจพวกคุณมันทำด้วยอะไร เห็นทุกอย่างบนโลกนี้เป็นเรื่องของเงินทองเท่านั้นหรือ แล้วเรื่องเหตุไฟไหม้นั่นก็เหมือนกัน...”

ก่อนที่คะน้าจะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่อยู่มุมห้องก็ขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่กร้าวและเอาเรื่อง “คุณควรจะเลือกที่จะใช้คำพูดที่ดีกว่านี้นะครับ เพราะหากมีคำพูดใดๆ ที่สื่อไปในทางทำลายชื่อเสียงของธาดาพิพัฒน์ ทางเราคงหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับจากนี้ไป”

ผู้เป็นรองประธานกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์ยกมือขึ้นเล็กน้อย เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายก็เงียบลงทันที ทิมผ่อนลมหายใจอย่างเชื่องช้า ในที่สุด ชายหนุ่มก็หันกลับมาสบตากลับ ทว่าดวงตาคู่นั้นดูผิดแผกไปกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่สายตาแบบที่ใช้มองคนรัก ไม่มีแม้แต่ความอนาทรในดวงตาสีดำที่ลึกลับคู่นั้น ไม่เหมือนแม้แต่สายตาที่ใช้มองของคนที่เคยรู้จักหรือว่าสายตาที่ห่างเหินแบบไม่เคยพบปปะพูดคุย หากแต่แววตาคู่นั้นช่างแข็งกร้าวราวกับคนที่มองจ้องอยู่ตรงหน้านี้นั้น ...เป็นศัตรู

ชายหนุ่มที่เพิ่งจะนั่งลงในไม่กี่นาทีถัดมาเพียงกวาดสายตาอีกครั้งไปที่ผู้ช่วยวัยกลางคนแล้วพยักหน้าเบาๆ หญิงสาวคนนั้นก็ผายมือให้กับคนของธาดาพิพัฒน์ทุกคนในห้องประชุม แจ้งเจตจำนงค์ที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใดๆ แก่เหล่ากรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ด้วยท่าทีที่นอบน้อมอย่างมืออาชีพ และเพียงครู่เดียวห้องประชุมที่เคยเต็มไปด้วยคนของธาดาพิพัฒน์ก็เหลือแค่เพียงผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการพันล้านที่วางแผนจะก่อสร้างขึ้นใหม่

“เมื่อกี้เราว่ากันถึงไหน?” ทิมคลายเนคไทที่ปกเสื้อออกเล็กน้อย คะน้ามองไปที่ชายหนุ่มที่เอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วถามย้ำอีกครั้ง

“โกหกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หากแต่ว่าทิมยังคงนิ่งเฉยไม่มีวี่แววที่จะคลายปริศนาที่ถูกถามจนคะน้าย้ำขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บแปลบไปทั้งใจ “ผมเป็นไอ้โง่มานานแค่ไหนแล้ว” ปลายสายตาของทิมเหลือบกลับมามองจ้องคะน้าอย่างเต็มหน้า ไม่ไหวติง และปราศจากความลังเล




“ตั้งแต่แรก”

สิ้นคำก็รู้สึกชาไปทั้งตัว หัวใจรู้สึกถึงความหน่วงที่พ่วงมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนพร้อมจะแหลกสลาย มีความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาในเวลาพร้อมๆ กัน รวดเร็วและรุนแรงจนเขาไม่อาจปรับตัวได้ หากแต่ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจในความเขลา ถ้อยคำอีกระลอกจึงกระหน่ำซ้ำเหมือนกับของมีคมขนาดใหญ่ที่ทุบแทงเข้ากลางใจจนแหลกเป็นผง

“ทุกอย่างที่เห็นมันเป็นแค่ภาพลวงมาตั้งแต่แรก ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าแผนการทางธุรกิจ” คำตอบง่ายๆ เพียงไม่กี่คำนั้นเล่นเอาคะน้ายะเยือกไปถึงสันหลัง แขนขาไม่รู้จะขยับไปไหน คล้ายกับถูกน้ำแข็งที่เย็นจัดตรึงให้อยู่กับความปวดปร่าทรมาน ทิมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เคาะปลายนิ้วตัวเองลงบนแผ่นกระจกสีดำบนโต๊ะเป็นจังหวะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงกิริยาแก้เซ็งที่ทำเพื่อฆ่าเวลาให้หมดไป ในนาทีถัดมาชายหนุ่มยกสายตาขึ้นแล้วจ้องลึกไปในดวงตาของคะน้า น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนคำกระซิบ ทว่าความรู้สึกนั้นแรงกล้าอย่างประหลาด




“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เคยล่ะ จะเชื่อผมไหม?”

ใบหน้าของทิมในเวลานี้ยากเหลือเกินที่จะอ่านความรู้สึกใดๆ คะน้ารู้สึกเหมือนกับว่าหัวของตัวเองกำลังถูกหยิบลงเข้าเครื่องปั่นที่ทรงพลัง แรงเหวี่ยงแห่งคำปดปะทะเข้ากับสัมผัสที่นิ่มนวลจนสับสนทำอะไรไม่ถูก เช่นเดียวกับความโกรธและโทสะที่กำลังถูกผสมเข้ากับถ้อยคำง่ายๆ และภาพที่จดจำมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของทิม หากแม้ในใจของเขาเป็นตราชั่งที่เที่ยงตรงและแม่นยำที่สุดในโลก ก็คงต้องบอกว่าน้ำหนักของทั้งสองความจริงและความลวงนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้เลย ทิมเหมือนกับสีเทา ผสมสีขาวเข้ากับสีดำจนแยกไม่ออก คล้ายกับมีความจริงในความลวง และก็มีความลวงซุกซ่อนอยู่ในความจริงเช่นกัน

ช่วงวินาทีเดียวกันนั้น ผักกาดเพียงแต่นั่งนิ่งๆ ในแววตาของหญิงสาวราวกับครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ความเงียบที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่แผ่วเหมือนคนจะขาดใจนั้นดูเย็นเยียบอย่างร้ายกาจ ตุลเหลือบมองคะน้าที่มีสีหน้าหนักใจแล้วมองไปที่ผักกาดผู้เป็นพี่สาว หลายนาทีที่ผันผ่าน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่าเข็มนาฬิกาที่เดินหน้าไป สุดท้ายตุลก็เลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างปัญหาที่ดูจะไม่จบง่ายๆ นั้น

“พอเถอะครับ ทำไมคุณไม่พูดกันแบบตรงไปตรงมาล่ะ พูดให้ชัดเจน คุณต้องการอะไร แฟร์ๆ กันไปเลย” ไม่บ่อยที่จะเห็นท่าทีที่ขึงขังและจริงจังจากคุณหมอหนุ่มที่ดูจะเป็นคนอ่อนโยนตลอดเวลาแบบตุล ทิมหัวเราะในลำคอแล้วตอบกลับด้วยเสียงที่ดังชัด

“ได้สิ พูดกันตรงๆ ก็คือธาดาพิพัฒน์ของเราต้องการพื้นที่ที่คุณเป็นเจ้าของ และทางเราก็พยายามติดต่อเจรจามาตลอด ผมไม่ได้จะซ้ำเติมอะไรพวกคุณในเวลาแบบนี้ แต่สิ่งนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราทั้งสองฝ่าย คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ทางเราก็ได้ในสิ่งที่เราต้องการเช่นกัน” มีแต่ร่องรอยของนักธุรกิจที่ไร้หัวใจ คำพูดเพราะๆ ที่ดูเหมือนจะพูดไปตามมารยาทสังคม และหน้ากากแห่งการแสแสร้ง ใดๆ เหล่านั้นล้วนทำให้คนที่พยายามนิ่งมาหลายนาทีทนไม่ไหวอีกต่อไป

“นายทำได้ยังไง คนแบบนายมัน...” ตุลง้างหมัดขึ้นพร้อมโถมตัวเข้าใส่ทิมที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาได้ตลอดเวลา หากแต่แรงรั้งที่ข้อมือทำให้ชายหนุ่มได้แต่กระฟัดกระเฟียด หมอหนุ่มหันไปจ้องมองที่คะน้าราวกับจะตั้งคำถามในการยื้อรั้ง แต่คนที่สร้างความปั่นป่วนกลับไม่หยุดถ้อยคำที่ปั่นทอนความรู้สึกของทุกคน

“คนแบบผมทำไมหรือครับคุณหมอผู้แสนดี โอ้... ช่วยแฟร์ๆ กันหน่อยสิครับ ถ้าคุณกำลังคิดว่ากำลังแบกความฝันของครอบครัวคุณอยู่ มือของผมก็ต้องแบกความหวังของครอบครัวของผมเช่นกัน คุณมีคนมากมายที่ต้องดูแล ธาดาพิพัฒน์ก็มีพนักงานมากมายที่เราจะต้องดูแลเหมือนกัน ถ้าไม่มีปัญญาดูแลความฝันตัวเอง ก็อย่าเอาใครมาเป็นข้ออ้างในความล้มเหลวพ่ายแพ้ ธุรกิจก็คือธุรกิจ และเราทุกคนที่มานั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ก็เพื่อธุรกิจไม่ใช่หรือ?”

แม้ว่าสิ่งที่ทิมพูดไปนั้นล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง และคะน้าก็ไม่ปฏิเสธในมุมมองอีกด้านของชายหนุ่มเจ้าของสายตาที่ดูเลือดเย็นนั้น ทุกคนมีหน้าที่ มีความหวัง ความฝัน และภาระที่ต้องแบบรับอยู่ เขาก็มี และทิมก็มีอยู่เช่นกัน หากแต่สิ่งเดียวที่คะน้าไม่ชอบใจในตัวของทิมในเวลานี้นั้นคือวิธีการ มีเป็นสิบวิธีร้อยถ้อยคำที่ดีกว่าการเชือดเฉือนกันด้วยถ้อยคำและท่าทีเหล่านั้น

“แปลว่านอกจากแผนการทางธุรกิจและผลประโยชน์ที่คุณจะได้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นใช่ไหม” คะน้าพยายามอย่างหนักที่จะจบทุกเรื่องราว และทุกสิ่งที่คั่งค้าง ขอเพียงแค่ความชัดเจน แค่ความชัดเจนในทุกๆ อย่างอีกครั้ง

“ถ้าทางคุณยังต้องการอะไรมากกว่าข้อเสนอที่ยื่นให้ก็ลองแจ้งทางฝ่ายซื้อขายของเรามา คุณน่าจะมีเบอร์ติดต่อแล้ว หรือจะสะดวกทางที่ลัดกว่านั้น...” ทิมยกนิ้วโป้งเกลี่ยปาดไปมามาริมฝีปาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า “...ผมก็ไม่มีปัญหา”

คำตอบของทิมดูจะเป็นสิ่งที่จงใจเล่นกับความรู้สึกของคน และตลกที่ร้ายกาจนั้น มีแต่เพียงเจ้าตัวที่ได้รับความบันเทิง ในพริบตา ร่างของทิมก็ลอยขึ้นแล้วกระแทกกับผนัง ปกเสื้อถูกยกแล้วดันจนชิดติดกับแผ่นวอลล์เปเปอร์สีอ่อนที่ประดับไว้ คะน้าจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง เสียงนั้นเย็นและสงบกว่าทุกครั้ง



“แค่นี้ใช่ไหมที่นายต้องการ”

“ก็ไม่เชิง” ทิมยักคิ้วแล้วยิ้มกวน

“บอกตรงๆ แล้วกัน ผมอยากได้ของแถมนะ ถ้าใจดีมีหมอนข้างแถมให้ผมทุกคืนก่อนนอนก็จะดีมากเลย ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา เรียกว่าถูกใจผมมากทีเดียว” ทิมยิ้ม และเป็นรอยยิ้มที่รุนแรงกว่าอาวุธใดๆ เมื่อรอยยิ้มนั้นเล็งเป้าหมายไปที่ชายหนุ่มใส่แว่นที่ยืนไม่ห่างออกไป

“ไอ้...” เสียงของตุลตวาดก้อง ดูเหมือนว่าแพทย์หนุ่มดูจะหมดความอดทนกับทุกสิ่งแล้ว

“ระวังข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยก็ดีนะครับ ทุกที่ของธาดาพิพัฒน์มีกล้องวงจรปิดที่ใช้การได้ดีมากๆ เลยล่ะ” ทิมหันไปจ้องมองที่ตุลกลับอย่างไม่หวั่นเกรง ...บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนแบบทิมเลือกที่จะไม่ใช้กำลังแบบทุกครั้งในเวลาแบบนี้

“ตุลครับ ...ผมขอ” คะน้ารีบหันไปปรามหมอหนุ่มที่ดูไม่จะสะเทือนกับคำท้าทาย เมื่อตุลที่พร้อมจะสงบลงกับท่าทีที่ฟึดฟัด เขาก็หันกลับมาที่ทิม

“ที่ผ่านมา ผมมันเป็นแค่ไอ้โง่ใช่ไหม” คะน้าลู่สายตาของตัวเองลง น้ำเสียงค่อยๆ นิ่งและสงบลงทุกที ผิดกับอีกคน เสียงของทิมในเวลานี้ช่างร่าเริงสดใสราวกับดวงตะวันที่เจิดจ้า

“อันที่จริง ผมไม่ได้ชอบคนที่ฉลาดเท่าไหร่ มันควบคุมยาก” ทิมตอบคำถามโดยไม่ต้องใช้เวลามากมายที่จะครุ่นคิด ราวกับตอบตามนิสัยส่วนตัวที่คุ้นเคยกับรู้สึกแบบนั้นมาเนิ่นนานแล้ว “แต่ต้องยอมรับนะว่าเรื่องพรรค์นั้นคุณเด็ดจริง ทำเอาผมติดใจรสชาติของผู้ชายไปเลย”

สิ้นคำ คะน้าก็ออกแรงกดบนฝ่ามือซ้ายของตัวเองมากขึ้น เขาดันตัวเองเข้าไปหาชายหนุ่มที่เคยคุ้นตาตรงหน้า รองประธานวัยเยาว์หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มยียวนที่มุมปากยกขึ้นอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน ทิมสบตา มือทั้งสองยกขึ้นแล้ววางบนสะโพกของคะน้า ...ลูบมันอย่างคุ้นมือ



“รู้ไหมว่าแค่เห็นก้นคุณ ของผมมันก็แข็งแล้ว”

คะน้าหลับตาลงครู่ใหญ่ พยายามคุมแผ่นอกให้ไหวและขยายตัวด้วยจังหวะที่ช้าลง เนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่รู้กว่าที่จังหวะหัวใจจะเต้นเป็นปกติ เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยถามครั้งสุดท้ายเพียงเพื่ออยากจะฟังให้แน่ใจ



“ผมมีค่าแค่นี้ใช่ไหม?”

ทิมถอยหายใจแล้วไหวหัวไหล่ของตัวเองเบาๆ ดวงตาสีดำทอดมองมาที่เขาด้วยความเอ็นดู เป็นความเอ็นดูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเวทนา หากสิ่งนี้คือคำตอบ มันก็เพียงพอแล้วกับทุกสิ่งที่เขาต้องการจะรับรู้จากคนๆ นี้ คะน้าค่อยๆ สงบนิ่งแล้วถอยตัวเองให้ออกห่างจากผู้ชายที่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเบื้องหน้า

จะไม่มีแม้แต่การต่อว่า จะไม่มีการกระหน่ำหมัดใส่ให้หายแค้น และจะไม่มีแม้กระทั่งความเสียใจ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เท่าเทียบเพียงพอกับที่คนๆ นี้จะได้รับแม้แต่น้อย คะน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบ เป็นความสงบที่ดูว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกใดๆ หมัดที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก น้ำหนักที่กดอยู่ที่ลำคอของอีกฝ่ายก็เช่นกัน ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือกระทั่งทิมรู้สึกชะงักงันจนไม่ว่าใครก็คงสังเกตเห็น

สิ่งที่แย่กว่าการต่อว่าแรงๆ หรือหมัดหนักๆ พวกนั้นคือความเกลียดชัง แต่มันคงยังไม่เพียงพอ และที่หนักหนาไปกว่าความเกลียดนั้นคือการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวลำพังบนโลก โดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครให้แบ่งปันความทุกข์หรือแม้กระทั่งความสุข สิ่งนั้นก็ยังไม่สาสม แม้แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์เราหวาดกลัวไปกว่าความเดียวดาย ...ความตาย ก็ยังไม่อาจจะทดแทนความรู้สึกของผมในตอนนี้

มีสิ่งเดียว ...เพียงสิ่งเดียวที่เจ็บปวดกว่าทุกความเจ็บปวด มากกว่าคำด่าที่เจ็บแสบ กว่าการโหมโจมหมัดให้หายแค้น มากกว่าความเกลียดชัง กว่าการทรมานให้อยู่เดียวดาย และมากกว่า แม้กระทั่งตายจาก



...สิ่งนั้นคือ การถูกลืม


(มีต่อด้านล่างครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2013 00:20:46 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อเลย)




...สิ่งนั้นคือ การถูกลืม

หากแม้นคะน้าเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ชกต่อย ต่อว่าด้วยคำแรงๆ จะจงเกลียดจงชัง หรือแม้กระทั่งฆ่าให้ตายด้วยมือของตัวเอง สิ่งที่ทิมได้ทำลงไปนั้นก็จะดูเหมือนได้รับบทลงโทษเป็นการชดเชยให้ไม่มีอะไรติดค้าง แต่ความเจ็บปวดของเขาในตอนนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะยอมรับได้ เทียบกับทุกสิ่งที่ทิมทำไปนั้น มันไม่มีอะไรจะชดเชยได้เลยแม้กระทั่งความตาย ที่สาสมที่สุดก็คือการต้องจมอยู่กับความรู้สึกติดค้างไปตลอด จะยิ้มได้อย่างไม่เต็มสุข แม้แต่ทุกข์ก็จะทุกข์ได้อย่างไม่เต็มที่ ให้ในทุกวินาทีที่ข้ามผ่านนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานไปกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้าย ...ด้วยความรู้สึกของการถูกลืม

จงมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่แบบไร้คุณค่าและไม่มีใครมองเห็น อยู่กับทุกสิ่งที่โหยหาช่วงชิงมาแล้วไม่รู้ว่าจะแบ่งปันให้กับใคร ส่วนผมก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน แต่ชีวิตนับจากนี้นั้นจะไม่มีที่ยืนให้กับชายหนุ่มคนนี้อีก

ผมจะลืม ...จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับทิม ทุกอย่างที่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกรอยยิ้มและน้ำตา ทุกอย่างแม้กระทั่งความทรงจำ จะไม่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และจะไม่มีอนาคตใดๆ อีก ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยรู้จักเกี่ยวข้อง ไม่เคยมี ...แม้กระทั่งตัวตน

“แบบนี้ดีแล้วเหรอ” ผักกาดถามด้วยเสียงที่สงบนิ่ง หากแต่แววตาที่ทอดมองนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อผู้เป็นน้องชาย

“ดีที่สุดแล้วครับ” คะน้าตอบเบาๆ ด้วยสายตาที่เหมือนตรงหน้ามีเพียงอณูอากาศ เขาพลิกตัวกลับแล้วเดินจากมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับเบื้องหน้านั้นไม่มีใคร และไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น น้ำเสียงปกติ แววตาและท่าทางปราศจากร่องรอยของความเจ็บปวด โศกเศร้า แม้แต่ชิงชัง ค้อยหลังผู้เป็นน้องชาย ผักกาดเดินเข้าไปหาทิมแล้วสบตาร่างสูงตรงหน้าอย่างแน่นิ่ง

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร”

ไม่มีคำตอบใดๆ จากปาก ไหล่สูงทิมเพียงยกตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วใบหน้าของผู้ถูกถามก็เบือนไปอีกทางคล้ายกับไม่สนใจไม่ได้ยิน ความเงียบและนิ่งสงบนั้นไร้ประโยชน์ เพียงครู่เดียว ผักกาดและตุลก็หันตัวกลับแล้วเดินตามคะน้าออกมา ทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ในห้องประชุมที่หรูหรา ...ทว่าเดียวดาย

อดีตเพื่อนบ้านที่บัดนี้กลายเป็นแขกผู้เยี่ยมเยือน ตุลถูกเชื้อเชิญมาที่คอนโดอีกครั้งด้วยผู้เป็นพี่สาวต้องการตอบแทนในน้ำใจ บ่ายอันเงียบสงบ ผักกาดสั่งอาหารง่ายๆ ขึ้นมาทานบนห้องแต่ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวสาละวนหน้าแท็บเล็ตสี่เหลี่ยมเล็กๆ สะสางงานการต่างๆ ที่ค้างคา ขณะที่ตุลนั่งจ้องความว่างเปล่า กรอบกระจกใสสะท้อนแสงแดดสีส้มที่มุมขอบฟ้า ใบหน้าเรียบกริบดั่งผิวน้ำที่นิ่งสงบนั้นเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดบางอย่าง

ส่วนตัวคะน้าเองนั้น ในใจของเขาเวลานี้นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับผู้รอดตายจากโลกที่แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับภูมิทัศน์ทุกอย่างรอบๆ ตัวนั้นเปลี่ยนไป เส้นขอบฟ้าเปลี่ยนตำแหน่ง พระอาทิตย์เปลี่ยนสี เศษเสี้ยวที่หลงเหลือจากพิบัติภัยที่เลวร้ายคือร่องรอยของลมหายใจที่เพียงให้พอแช่มชื่นใจ

“ผมจะไม่ขายที่ดิน เราจะไม่ทำสัญญาใดๆ กับธาดาพิพัฒน์” เสียงของคะน้าดังเสียดขึ้นมา ผักกาดและตุลที่นั่งกระจายอยู่ในแต่ละมุมห้องเงยหน้าขึ้น สักพักผู้เป็นพี่สาวก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เหมือนจะเตือนสติ

“สิ่งมีค่าที่สุดที่ป๊ากับแม่มอบเอาไว้ให้กับเราทั้งคู่ ไม่ใช่ที่ดินในทำเลเศรษฐกิจและไม่ใช่ตลาดที่เราเติบโตขึ้นมาแต่เล็กแต่น้อย มันเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่านั้น มรดกที่ไม่ว่าจะถูกโจรปล้นกี่ครั้งหรือไฟจะโหมแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำให้มันสูญสลาย และเพราะเหตุนี้มันจึงมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ ที่เรามี” ผักกาดขยับตัวเองออกจากสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้าแล้วมุ่งมาที่น้องชาย

“ความรู้และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักที่ท่านมอบไว้ให้กับต่ายและพี่นั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ...ไม่ใช่ของที่สูญสิ้นพังทลายได้แบบนั้น อย่าทิ้งมันไปในเวลาแบบนี้ เจ้อยากให้ต่ายใช้เวลากับมันนานๆ” มือเล็กๆ นั้นตบลงบนบ่าของคะน้าเบาๆ แล้วหันไปทางแขกที่นั่งง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วส่งเสียงทักทาย

“มัวแต่ทำงานจนลืมทักไปซะแล้ว ว่าแต่คุณหมอขา ทำไมปุปปับถึงย้ายออกล่ะ สาวๆ เสียใจแย่” คำถามนั้นดูจะดึงให้ชายหนุ่มสวมแว่นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้

“หลายๆ อย่างครับ” จัดว่าเป็นรอยยิ้มตามมารยาทที่เจ้าตัวมักพกติดบนใบหน้าเป็นประจำ ตุลละมือจากคีย์บอร์ดแล้วยกขึ้นมาขยับขาแว่นพลาสติก “หลักๆ ก็... อืม... ความสะดวกมั๊ง” เป็นคำตอบที่ทำให้ผักกาดนิ่วหน้าไปเล็กน้อย หญิงสาวย่นจมูกและรั้นปากขึ้นก่อนจะถามต่อแบบไม่อยากจะใส่ใจกับคำตอบที่ผ่านมา

“สะดวกกายหรือสะดวกใจล่ะคะคุณ” หญิงสาวตั้งคำถามอย่างไม่เกรงใจ “แล้วนี่จะขายเลยหรือเปล่า ถ้ายัง ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่น่าจะสะดวกกว่านะ เจ้อยากมีเพื่อนบ้านหล่อๆ” ตุลไหวหน้าไปมาพร้อมกรอบรอยยิ้มที่ขยายกว้างขึ้น นั่นคือคำปฏิเสธในแบบฉบับของเจ้าตัวที่มักจะเลือกที่รักษาน้ำใจอีกฝ่ายเสมอ

“กำลังพยายามปรับตัวให้ชินกับอะไรใหม่ๆ อยู่น่ะครับ” หญิงสาวมุ่ยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เลือกที่จะเปิดเผยความคิดในใจทุกอย่างตามนิสัยที่คุ้นเคย

“พูดอะไรแปลกๆ แล้วนี่กลับมานานหรือยัง”

“ก็สักพักน่ะครับ”

จากนั้นก็มีบทสนทนาสั้นๆ ประเภทถามมาตอบไปโต้ตอบอยู่กันอีกหลายนาที โดยมากเป็นคำถามคำตอบเชิงสารทุกข์สุกดิบ เรื่องราวงานวิจัยของตุล และการใช้ชีวิตหลายเดือนในดินแดนที่ห่างไกล คะน้าดูจะไม่ได้สนใจฟังอะไรมากมาย นานๆ ทีเขาจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มที่ไร้ความหมายแล้วก้มลงมองความว่างเปล่าในมือของตนเอง จุดสิ้นสุดของการพูดคุยคือการที่ผักกาดเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วซุกตัวอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมาย

ตุลหันกลับไปสนใจที่หน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้าต่อ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนและเวลาใด หมอหนุ่มนั้นรู้จักที่จะวางตัวเป็นอย่างดีและไม่สร้างความอึดอัดใดๆ ให้กับทั้งเจ้าของห้องทั้งสอง กับคะน้าแล้ว ความรู้สึกหลังจากการลาจากนั้น อัดแน่นไปด้วยความเป็นห่วงที่ตุลต้องใช้ชีวิตอยู่ผิดบ้านผิดเมืองในสภาวะของจิตใจแบบนั้น ความห่วงใยที่ตุลมีให้กับเขาเสมอมา ไม่ต่างอะไรเลยกับที่คะน้าห่วงใยตุล เขากังวลกับเรื่องสารพัด ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นไม่มีสิ่งใดที่อยากจะพูดคุยถามไถ่ไปมากกว่าการได้เห็นรอยยิ้มของตุลอีกครั้ง ดังนั้นการได้พบกันในครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับคะน้าไม่น้อย หากแต่สิ่งคั่งค้างที่ได้ทุเลาเบาบางนั้นช่วยให้เขาตัดเรื่องที่รบกวนจิตใจไปได้มากขึ้น คะน้าในตอนนี้มีเพียงแค่ความดีใจและหมดห่วงเมื่อเห็นคนที่ดีกับเขามากที่สุดคนหนึ่งในชีวิตมีความสุข และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี

เสียงหน้ากระดาษที่พลิกตัวดังขึ้นเป็นระยะ ชายหนุ่มสวมแว่นยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารมากมายตรงหน้า นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุร้ายๆ นั้น ตุลดูจะปฏิบัติต่อเขาแบบเพื่อนที่ห่วงใยและให้เกียรติกันมากกว่าจะพยายามหาทางหวนคืนไปสู่ความรู้สึกแบบเดิมๆ ไม่เคยหยอดคำหวาน ไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกใดๆ ผ่านแววตา ทุกครั้งมีเพียงแค่การไถ่ถามอาการบาดแผล ปฏิบัติและดูแลเหมือนหมอที่ดูแลคนไข้ทั่วไป

หมดห่วงเรื่องของตุล คะน้าผนึกตัวเองอยู่กับความว่างเปล่า ตั้งคำถามซ้ำๆ ว่าจะมีของวิเศษใดในโลกที่ทำให้มนุษย์เราสามารถมองทะลุความเสแสร้งจอมปลอมของกันและกันได้ ถ้ามีก็คงจะดี เพราะความเจ็บปวดจากการถูกทรยศนั้นมีรสชาติขมจนอยากสำรอก และเขาก็ไม่รู้เลยว่าอีกนานแค่ไหนบาดแผลนี้จะเยียวยาจนหายดี

ใครๆ ก็บอกว่ารักครั้งแรกนั้นมักลงเอยด้วยความเจ็บปวด เขากระจ่างแล้วในวันนี้ว่ามันเจ็บและทรมานแค่ไหน เพราะรักครั้งแรก ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย และถ้ามันพ่วงมาด้วยความทรยศหักหลัง ความเจ็บนั้นรุนแรงเหลือเกินกับมือใหม่แบบเขา

ถ้าถามว่ายังรักไหม คำตอบในใจนั้นมีได้โดยไม่ลังเล เขาเป็นแค่คนธรรมดา มีหัวใจ มีความรู้สึกไม่ต่างกับใครๆ ถ้าถามว่าอยากสิ้นสุดทุกเรื่องราวเหล่านี้หรือเปล่า ในความลังเลที่ก่อตัวขึ้นในใจ คะน้าเลือกที่จะให้ทุกอย่างจบลง ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

ผมเหนื่อย ในหัวสมองว่างเปล่าเหมือนกับอวกาศที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ตัวเบาหวิวเหมือนกับกำลังล่องลอยและเจือจางอยู่ในมวลอากาศบางเบา ผ้าปูเตียงยวบไปตามน้ำหนักตัวจนย่นยับ เครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสกลับหนาวเหมือนจุดเยือกแข็ง ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หลายวันที่ผ่านหมดไปกับการทอถักสายใยที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ บันทึกที่อยู่ในที่ไหนสักแห่งในความทรงจำนั้นกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ไม่รู้วัน ไม่รู้เวลา ผมลืมตาอยู่ในความมืดดำที่เงียบงัน ฟังเสียงเข็มนาฬิกาค่อยๆ ขยับตัวไป

เสียงฝีเท้าที่สัมผัสกับผืนพรมยวบยาบไปมาที่หน้าห้อง มีเสียงอื่นๆ เล็กน้อยที่คะน้าอุปทานว่าคงเป็นเสียงเก็บคอมพิวเตอร์แล้วข้าวของอื่นๆ ตุลปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้องที่มืดมิด หากแต่เจ้าของห้องไม่มีกระใจจะพูดจาสนทนาใดๆ ในยามที่ความฝันแตกกระจายและเจียนจะสิ้นสูญ

“ผมอยากขอตรวจข้อเท้ากับสะเก็ดแผลสักหน่อยน่ะครับ”

ได้ยิน แต่อยู่ๆ เขาก็ไม่อยากพูดอะไร ไม่อยากสนใจรับรู้ใดๆ ขึ้นมา เหมือนส่วนลึกเรียกร้องอยากให้พัก พักทั้งกาย พักทั้งใจ และก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ มากไปกว่านี้ เสียงเคาะประตูที่เปิดกว้างดังขึ้นอีกครั้ง และเงาสูงสีดำนั้นก็ยังนิ่งรออยู่สักพัก หากแต่มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ ชายหนุ่มผู้สวมแว่นจึงก้าวเข้าห้องมา เจ้าของห้องยังคงแน่นิ่ง ดิ่งดำไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ปกคลุม มีเพียงดวงตาที่เปิดอยู่คอยมองร่างสูงที่เคลื่อนเข้ามาใกล้

“คะน้า... คะน้าครับ” เสียงทุ้มๆ นั้นขานชื่อซ้ำ แต่อยู่ๆ กล่องเสียงผมก็หมดถ้อยคำเอาดื้อๆ

“หลับแล้วหรือครับ” ตุลยังคงถามซ้ำ และที่ผมทำอยู่ในตอนนี้คือมองร่างสูงใหญ่สีดำที่มีแสงสลัวจากด้านนอกลอดเร้นจากเบื้องหลัง

“คุณคะน้า” ตุลเดินมายืนใกล้ๆ ที่เตียง ทอดสายตามองคนที่นอนอยู่

“หลับเสียแล้วสินะ”

มีเสียงผ่อนลมหายใจช้าๆ กับแสงจากภายนอกของห้องซึ่งทอดตัวเป็นเงาสีขาวที่ยาวเหยียด ช่วงเวลาที่แสงสว่างและเงากำลังเกี่ยวก้อยเป็นสหายที่ไม่คุ้นหน้ากัน ตุลนั่งลงที่ปลายเตียง เอื้อมมือขึ้นและจับที่ข้อเท้าซ้ายของคะน้า พลิกและดันเบาๆ สายตาจับจ้องไปในความมืดที่เลือนลาง หมอหนุ่มทิ้งประสาทการรับรู้ทั้งหมดไว้เพียงบนปลายนิ้วบนข้อเท้า เขารู้สึกถึงแรงตึงเล็กน้อยในจังหวะที่มือกว้างนั้นจับพลิกและนวดคลึงเบาๆ ภายใต้สีดำที่หม่นมัว คะน้าเห็นรอยยิ้มของตุลค่อยๆ คลี่ตัวออกคล้ายกับโล่งใจ ชายหนุ่มที่ย่อตัวคุกเข่าอยู่ที่พื้นรั้งผ้าห่มที่อยู่บนตัวเขาขึ้นอีกนิด แล้วก้มใบหน้าลงดูสะเก็ดแผลในความสลัว สองมือเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องทว่ากลับแผ่วเบาราวกับขนนก สำสีเย็นๆ ปาดซับลงบนผิว ตามด้วยตัวยาบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนเล็กๆ แค่เพียงไม่กี่นาทีในสายตา ตุลก็จัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

คนใส่แว่นเก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วหยิบยกขึ้นมาวางใกล้ตัว มือทั้งสองดึงผ้าห่มคลุมทั่วทั้งตัวเขาจนมิดชิด จากนั้นก็หันไปหยิบรีโมตสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขึ้นมา คะน้าได้ยินเสียงกดอะไรบางอย่างก่อนที่อุณหภูมิในห้องจะอุ่นขึ้นจนน่านอน ตุลเดินมาใกล้ๆ อีกครั้ง ย่อตัวแล้วนั่งลงบนเตียง มือกว้างสัมผัสศีรษะเขาในความมืดแล้วลูบเบาๆ คะน้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ได้ตระหนก แต่ก็ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดจินตนาการ



“เหนื่อยไหม... ไม่เป็นไรนะครับคนดี”

ไม่อาจคาดเดาสีหน้าท่าทางของตุลจากเงาสะท้อนของแสงในความมืดได้ และยากที่จะบอกได้ว่าความสั่นสะเทือนของคนที่ขยับมานั่งอยู่เคียงข้างในตอนนี้นั้นจะทำสิ่งใดต่อไป ทุกสิ่งนิ่งและเงียบจนมีเพียงเสียงลมหายใจที่หมุนวนเข้าออกราวกับจะดำเนินไปชั่วนิรันดร์ คะน้าขยับหน้าผากที่แนบกับหมอนขึ้น มองดวงตาสีเข้มที่ทอแสงอุ่นในท่วงท่าที่เรียบและเฉยชาของตุล สัมผัสแผ่วเบาของปลายนิ้วที่พร่างพรมบนหัวนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ ...ท่วงทำนองที่ปราศจากดนตรีดังขึ้นพร้อมกับเสียงอ่อนโยนที่ทุ้มกังวานในความมืด

http://www.youtube.com/watch?v=tm7dFy_iVn0

ฮืม... หลับเถอะนะ แก้วตาจงนอนหลับไหล
จะอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน หลับตาพักวางดวงใจไว้กับฉัน


คะน้าหม่นดวงตาลง นับตั้งแต่พบกันอีกครั้ง ทุกอย่างคงเป็นเพียงการกดความรู้สึกเอาไว้ คนๆ นี้เพียงแค่เฝ้าและมองดูห่างๆ โดยไม่ทำให้เขาลำบากใจ ตุลซ่อนทุกความรู้สึกเอาไว้ด้วยเปลือกนอกที่เฉยชา ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยอ้อนวอน ไม่มีสักครั้งที่ดวงตาคู่นั้นจะเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อัดแน่นจนล้นใจแบบในเวลานี้

เหนื่อยพอแล้ว เจ็บพอแล้ว สิ่งเลวร้ายให้แล้วล่วงไปเป็นเพียงแค่ฝัน
จะกอดเธอไว้ จวบจนสิ้นแสงจันทร์ จากนี้เธอไม่มีวันเดียวดาย


การเคลื่อนไหวของตุลนั้นเชื่องช้าราวกับจะไม่ให้สัมผัสที่นุ่นนวลนั้นเสียดสีใดๆ ให้ระคาย คะน้าลอบมองใบหน้านั้นในความมืด ฟังทุกสรรพสำเนียงที่สะท้อนไปมา ทุกถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมาเป็นจังหวะสูงต่ำ ฝ่ามือกว้างค่อยๆ ตระกองบนบ่าและแผ่นหลังของเขาด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน ความอบอุ่นนั้นราวกับจะดูดซับน้ำหนักที่ไม่มีตัวตนซึ่งแบกไว้ตลอดระยะเวลาหลายวันในใจของเขาให้ผ่อนเบา

จะเคียงข้างเธอทุกคืน และจะคอยสบตาเมื่อตื่น อย่าคิดอย่านึกกังวลกับสิ่งใด
จะกล่อมให้เธอฝันดี จะไม่ยอมให้เธอฝันร้าย หลับตาพักให้สบายคนดี


สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นราวกับกุญแจที่ปลดสลัก เกราะปราการที่ก่อสร้างขึ้นอย่างแน่นหนาค่อยๆ ผุพังลงช้าๆ ชิ้นส่วนความทรงจำที่แตกกระจัดกระจายในหลายวันที่ผ่านมาค่อยๆ ประกอบตัวเข้าทีละเล็กละน้อย ตัวตนแท้จริงที่เปราะบางของคะน้าค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง

ฮืม... หลับเถอะนะแล้วฉันจะพาเธอข้ามคืนนี้
จะกอดเธอไว้ จะอยู่ที่ตรงนี้ กล่อมเธอให้นอนฝันดีตลอดคืน


หยดน้ำตานั้นเหมือนกับพระเจ้าที่ทำหน้าที่ชะล้างทุกสรรพสิ่งที่ขุ่นมัวจนบริสุทธิ์ ความชื้นที่ก่อตัวขึ้นในดวงตานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลก ทิ้งตัวลงช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่ละลายออกมาพร้อมกับมัน

ในความมืดที่สงบเงียบ และบนร่างกายที่เหมือนคนไร้ความทรงจำ ผมร้องไห้ ...เป็นการร้องไห้โดยที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้จุดเริ่มต้น และไม่รู้จุดสิ้นสุด ทุกสัมผัสของร่างกายด้านชาไม่เคลื่อนไหว ผมกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า กำลังเสียใจอยู่หรือไม่ ผมกำลังผิดหวัง หรือว่ากำลังรู้สึกเบาใจ ผมไม่รู้ ...ไม่รู้อะไรเลย



“ฝันร้ายนะครับ ...ไอ้น่ารัก”

แรงกดยุบบนฟูกนุ่มค่อยๆ คลายตัวพร้อมกับเสียงปิดประตูเบาๆ ที่ดังขึ้นในนาทีถัดมา นับตั้งแต่เปลวไฟเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างจนเหลือเพียงความว่างเปล่า นี่คือน้ำตาหยดแรกที่ไหลออกมา ครั้งแรกในรอบระยะเวลาหลายๆเดือน และเป็นการร้องไห้ที่ทำให้ผมลืมทุกความเสียใจที่เคยผ่านมาจนหมดสิ้น

ท่ามกลางความว่างเปล่าที่มืดมิด เสียงสะอื้นของผมดังขึ้นมาอย่างไม่อายใคร


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปอีกหนึ่งตอน ถึงตอนนี้แล้วไม่รู้ว่าคนอ่านจะเลือกทางไหนนะ
เชื่อทิมต่อ หรือว่าหันกลับมามองที่ตุลที่ดูแลคะน้าอยู่ใกล้ๆ แบบไม่คิดแสดงออก
รักครั้งแรกของต่ายจะโชคดีกลายเป็นรักสุดท้ายไหม หรือว่าจะมีความรักที่ดีกว่าเข้ามา
ถ้าเป็นแบบนั้น คะน้าจะเลือกจะลืมอดีตแล้วก้าวต่อ หรือเลือกจะอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาทิมแค่เพียงเล่นละครหรือเปล่า แล้วการกลับมาของตุลครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างตุลและทิม รวมทั้งคิสมาร์กเจ้าปัญหา
แล้วเป็นการลอบวางเพลิงหรือไม่ ต่ายน้อยจอมพลังและผักกาดจะทำอย่างไรต่อไป
บทสรุปของทุกๆ เรื่องที่คาใจจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามนะคร้าบบบบบบบบบ... :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2013 00:20:19 โดย Lucea »

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
เชื่อทิมมมมม มั้ง

ออฟไลน์ Aleleni

  • 世界中の誰よりきっと
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สุดท้ายก็ทนสอบเสร็จไม่ไหว  โดดอ่านหนังสือสอบมาอ่าน
สองตอนล่าสุดทำเอาช๊อคมาก ตอนนี้มันอึนๆหน่วงๆจังเลย
แต่เราเชื่อทิมนะ คิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
แต่ขอเถอะนะะะ อย่าให้มีอะไรเกินเลยสำหรับคะน้ากับตุลเลย
เม้นต์แบบเห็นแก่ตัวไปหน่อยขอโทานะคะ
เข้มข้นมากๆ สอบเสร็จคาดว่าจะมาเวิ่นได้มากกว่านี้แน่ๆ 555

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ต่ายน่าสงสารรรรร น่าสงสารมากกกกกกกกก
ฮือออ อ่านแล้วจะร้องไห้
ไอ้ทิม ไอ้บ้า แกเล่นบ้าอะไรอยู่ ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นด้วย ไอ้คนไม่มีหัวใจ
ฮืออออออออออออออ 
ไม่รักคะน้ารึไง  ฮืออออออออออออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สรุปแล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่

ทิมคิดอะไรอยู่

เฮ้อออออ อ่านแล้วสงสารต่าย  :o12: :o12: :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด