♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430432 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
มาแล้วๆๆ คนแต่งรีบมาแล้วครับ ปั่นกันยิบตา ขืนช้ากลัวว่าชีวิตจะไม่ปลอดภัย 555 o18
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ ความคิดเห็นนะครับ จะบอกว่ายอมแพ้จริงๆ
ข้อสันนิษฐานบางคนมัดตัวจนคนแต่งจะไปไม่รอดเอา +1 ให้กับทุกคอมเมนต์นะครับ
ถ้าบวกให้ได้มากกว่านี้ก็จะบวกนะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านมาทักทายกันครับ อ่านต่อเลยเนอะ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 34



อาการบาดเจ็บและบาดแผลที่พอจะมองเห็นนั้นแทบไม่มีหลงเหลือ ผิดกับส่วนที่มองไม่เห็น มันไม่ได้ทุเลาลงไปเลย ความรู้สึกแบบเดิมยังวนเวียนอยู่อย่างนั้น และไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนที่จะเลือนไป บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงของเขานั้นยาวนานกว่าทุกคน คะน้าเหมือนกับคนที่นั่งอยู่นิ่งๆ บนเข็มนาฬิกาขนาดใหญ่ หายใจอย่างไร้ประโยชน์ไปพร้อมกับโลกที่หมุนไปข้างหน้าในจังหวะของมัน แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มชอบใจเอาเสียเลย

คนที่กลายเป็นคนตกงาน สิ้นหวัง หอบความฝันที่พังทลายและใจที่แหลกสลายออกมาสู่เงื่อนงำที่ดูจะบิดเบี้ยว เขาหิวโหยความจริงที่ถูกซุกซ่อนไว้ในเถ้าธุลี คะน้าเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่อุบัติเหตุนั้นถูกจุดขึ้นจากการลัดวงจรของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเม็ดเงินกันแน่? เขายังไม่ยอมหมดหวัง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่ามีอะไรมากกว่าเปลวไฟที่ชั่วร้าย และหากว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริง ธาดาพิพัตน์จะต้องได้บทเรียนที่ล้ำค่ากว่าจะประเมินได้

ชายหนุ่มลอดตัวผ่านแถบเชือกกั้นและป้ายสีแดงที่ระบุข้อความว่าห้ามเข้า กวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวอย่างพิจารณา กล้องดิจิตอลในมือลั่นชัตเตอร์ไปตามจุดต่างๆ ที่น่าสงสัย คะน้ากระโดดข้ามพื้นปูนเปล่าที่เต็มไปด้วยไม้ผุพัง กระโจนข้ามเศษความสิ้นสูญสีดำที่กองอยู่กับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า สองตาสำรวจทุกสิ่งรอบๆ ตัวชนิดไม่คลาดสายตา สิ่งแรกที่โผล่มาให้เห็นไม่ใช่หลักฐานที่คลายความสงสัย แต่เป็นชายวัยยี่สิบต้นๆ ที่กำยำทะมัดทะแมงในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย บางทีอาจจะเป็นคนของบริษัทประกัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ผักกาดหามาเฝ้าตามคำสั่งตำรวจเพื่อกันไม่ให้คนนอกเข้ามาในสถานที่ซึ่งยังอันตรายแบบนี้

“ที่นี่ไม่เปิดให้คนนอกเข้านะครับคุณ มันอันตราย” ชายคนนั้นตะโกนเสียงแข็งมาแต่ไกล

“ผมเป็นเจ้าของที่น่ะครับ อยากจะเข้ามาดูความสียหายนิดหน่อย” ในระยะใกล้ ยามหนุ่มในเครื่องแบบมีสีหน้าระวังภัยจนคะน้าต้องหันไปแจงเพิ่มว่าเขายินดีจะแจ้งสำนักงานให้ในภายหลังโดยไม่ต้องกังวลเรื่องโทษทัณฑ์ใด

ผู้ปฏิบัติหน้าที่ส่ายหน้าไม่รับรู้และยังคงไม่ยอมที่จะละเลยโดยไม่มีข้อยกเว้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอถ่ายรูปของเขาและบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐานแก่สำนักงาน ซึ่งคะน้าก็ยินยอมแต่โดยดี หากแต่ตัวเขาเองจะยังไม่ยอมที่จะถอยกลับง่ายๆ กระดาษสีเทาจึงนับเป็นบัตรผ่านที่ทรงอานุภาพในเวลาเหล่านี้

“แล้วนี่เห็นใครผิดปกติเข้ามาบ้างไหม” เจ้าหน้าที่คนนั้นพับเงินใส่กระเป๋าพร้อมกับส่ายหัว “กะอื่นๆ ล่ะ มีคนเห็นบ้างไหม” เขายังคงเพียรถาม ผู้รักษาความปลอดภัยได้แต่ส่ายหน้าซ้ำๆ แล้วเดินจากไป ภาพที่เห็นต่อมาคือชายหนุ่มจ่อมตัวลงบนเก้าอี้นั่งแล้วไม่ช้าก็สัปหงกจนตัวเอน ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาแม้แต่น้อย ลำพังแค่การที่เขาเดินเข้ามาในนี้ได้ก็เป็นเครื่องหมายบอกถึงความปลอดภัยในการอารักขาที่แห่งนี้เป็นอย่างไรแล้ว

คะน้าลัดเลาะไปตามทางเดินที่เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ ทุกที่เขรอะไปด้วยฝุ่นและไหม้เป็นสีดำที่คล้ายกับหมึกสาดเป็นทาง ไม่มีทั้งแผงอาหารสดและแห้งแบบทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงความว่างเปล่าและซากแห่งความหวังที่เศร้าโศก คะน้ามองดูทุกสิ่งรอบๆ ตัวในเวลานี้ด้วยความรู้สึกที่เหมือนตายไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงตลาดที่เสียหาย บ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบก็ดูจะย่ำแย่ไม่ต่างกัน ตึกแถวรอบๆ แทบจะเรียกได้ว่าร้างจนกลายเป็นที่อาศัยของเถ้าอากาศ

เสียงดังกึกทำให้ชายหนุ่มชะงักตกใจ แต่เมื่อเหลียวมองไปผ่านกรอบกระจกที่เป็นฝ้า ก็เห็นเงาเลือนลางคล้ายกลุ่มควันสีเทา และเมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ ระยะประชิดทำให้คะน้ารู้สึกโหยไห้ในใจ ตึกแถวที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านไม่เพียงแต่ชำรุดจนจำไม่ได้ แค่เพียงระยะเวลาไม่กี่วันภายหลังมัจจุราชที่มาพร้อมกับเปลวไฟเผาผลาญไปทุกอย่าง มันก็แปรสภาพเป็นที่พำนักของพวกวัยรุ่นติดยาที่พากันมามั่วสุม สภาพห้องนั้นดูสกปรกเลอะเทอะจนไม่น่ามอง มีกลิ่นอ้วกให้ชวนคลื่นไส้ปนมากับควันกัญชาบุหรี่ที่เจือมาในอากาศ คะน้าถอยห่างด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เขาเดินสำรวจบริเวณต่อ เป้าหมายคือการถ่ายรูปบริเวณที่น่าสงสัยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แผนการเล็กๆ ในช่วงเช้าแล้วเสร็จ ชายหนุ่มใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายดูรูปต่างๆ ที่ถ่ายมาผ่านจอมอนิเตอร์ คะน้าแบ่งภาพนับร้อยๆ ภาพเป็นหมวดหมู่ให้ดูได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หมวดแผงร้านค้า อุปกรณ์ไฟฟ้าในจุดต่างๆ หรือแม้แต่สภาพทั่วไป จากนั้นก็กดเลื่อนแสดงซ้ำๆ แล้วตรึกตรองอย่างใช้ความคิด ร่องรอยต่างๆ ดูจะปราศจากเงื่อนงำให้สงสัย คะน้าเพิ่งมองจนกระทั่งรู้สึกปวดกระบอกตา เขาจึงหยุดอ่อนล้านั้นด้วยการนั่งพักเฉยๆ แล้วหลับตา

เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากความมึนเมาในความคิด เมื่อตั้งสติได้ คะน้าก็รีบเดินไปยังประตูห้อง บทเรียนจากแนนในคราวก่อนสอนให้จดจำ เขามองลอดผ่านแผ่นกระจกเล็กๆ ที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าเป็นตุล คะน้าก็เปิดประตูขึ้นต้อนรับ รอยยื้มที่เป็นคำทักทายบนใบหน้าทำให้เขารู้สึกแช่มชื่นขึ้น หมอหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าแจ้งเจตจำนงค์โดยไม่ต้องเอ่ยถาม

“พี่สาวคุณขอให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ กลัวคุณต้องอยู่คนเดียว” คะน้าขมวดคิ้วนิดหน่อย และรู้สึกขัดใจเล็กน้อยกับคำร้องขอของพี่สาว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้นิสัย หากผักกาดต้องการสิ่งใดก็ยากที่ใครจะปฏิเสธ ยิ่งกับตุลที่ดูจะใจดีกับใครไปทั่วแล้วนับ นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

“ขอบคุณนะครับ” คะน้าเปิดประตูให้ สบตาเล็กแล้วแล้วเบือนสายตาหนี

มีคนบอกว่าเขาเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง คิดหรือรู้สึกอย่างไร มักจะแสดงออกผ่านดวงตาเป็นอันดับแรก ถัดมาก็คือท่าทางที่ปรปักษ์ต่อธรรมชาติของตนเองจนไม่ว่าใครก็ผิดสังเกต คะน้าไม่รู้ว่าควรจะแสดงตัวหรือเพิกเฉยต่อความจริงที่ซุกซ่อนไว้ของตุล หากแต่ในเมื่อหมอหนุ่มผู้แสนดีกับเขาเสมอมาไม่คิดจะเผยความใน เขาก็ไม่ควรจะทำให้ตุลหรือแม้แต่ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะแย่ไปกว่าอะไรที่เป็นอยู่นี้

คะน้าหยิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วนำมาวางให้ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งถูกปรับเป็นที่ทำงานเล็กๆ ของตุลด้วยคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาซึ่งเจ้าตัวพกมาพร้อมกับตำราการแพทย์อีกจำนวนหนึ่ง

“ผมขอนั่งทำงานตรงนี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณมากสำหรับน้ำผลไม้เย็นๆ นี่ด้วยครับ” คนสวมแว่นหยิบแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีส้มขึ้นจิบแล้ววางไว้ข้างแขน จากนั้นก็เริ่มปรับความสนใจทั้งหมดไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมที่ส่งแสงวาบ เป็นภาพฉายซ้ำแบบเดิมๆ ในระยะหลังจากที่ตุลกลับมา


...ปกปิดความรู้สึกได้อย่างแนบเนียนจนคะน้าไม่เคยเอะใจ

คะน้าจ้องมองคนตรงหน้าในความเงียบ ตุลมีความสามารถในการแผ่พลังงานด้านบวกไปให้กับคนที่อยู่รอบๆ ตัวอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่รู้ว่านั่นคือคุณสมบัติพิเศษของผู้เป็นหมอส่วนมากหรือเปล่า ไม่ต้องถึงกับพูดจาสื่อสารหรือแสดงออกด้วยทางหนึ่งทางใดแบบคะน้าที่ต้องสรรหาสารพัดวิธี ลำพังแค่ได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงเคาะประตู จิตใจของคนรอบข้างก็รู้สึกบรรเทาลงอย่างง่ายดาย คราวที่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล คนไข้ เหล่าญาติที่มาเยี่ยม หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ทุกคนชอบตุล และนี่คือสิ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดกันแบบนั้นถึงคนตรงหน้าเขาในเวลานี้

คะน้ายังคงนั่งมองภาพที่ขยับเขยื้อนไปมาได้ นานแล้วที่เขาไม่มีเวลาพินิจพิจารณาผู้ชายใส่แว่นคนนี้อย่างถ้วนถี่ นับตั้งแต่ได้พบกับตุลอีกครั้งมีแต่เรื่องยุ่งๆ จนเขาละเลยสิ่งที่ควรกระทำไปหลายอย่าง ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยทักทายพูดคุยอย่างที่เขาพึงกระทำ และมีพฤติกรรมอีกมากมายที่ดูไม่ต่างกับคนแล้งน้ำใจ แต่กระนั้น หมอหนุ่มผู้นี้กลับปฏิบัติตนกับเขาเป็นอย่างดี ทุกอย่างเหมือนเดิม และไม่เคยเปลี่ยนไปจากภาพในความทรงจำ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ดวงตาคู่นั้นลอดพ้นกรอบกระจกใสสี่เหลี่ยมพร้อมกับใบหน้าที่คลี่ยิ้มสดใส คะน้ายิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรงใจ

“มีแต่เรื่องวุ่นวายจนเราไม่ได้คุยหรือทักทายกันแบบที่ควรจะเป็นเลย รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้”

“อย่าคิดมากเลยครับ ผมเข้าใจ” ตุลแย้มริมฝีปากนั้นกว้างขึ้นแล้วก้มลงสนใจตำราแพทย์ข้างตัวต่อ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงไม่ถึงสิบวินาทีหมอหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงสบตาด้วยแววที่อ่อนโยน “ยังมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่หรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ อย่าเกรงใจกันเลยนะครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ตุลทำงานต่อไปเถอะ” คะน้ายิ้มตอบแล้วหันกลับไปสนใจภาพจากฝีมือตัวเองเมื่อเช้าบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยไม่รู้จะทำอะไร โชคดีที่ความสงสัยในใจของเขานั้นยังไม่แห้งตายจนแข็งเป็นซาก และตุลก็ดูเหมือนจะเคาเดาทุกอยางได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากเสียงทุ้มที่ตั้งเป็นคำถามตามมาอีกครั้ง



“ใช่เรื่องของทิมหรือเปล่าครับ?”

“ก็นิดหน่อยครับ แปลกใจนิดหน่อยที่ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันมาก่อน ...คือผมไม่ทราบมาก่อนเลย” ความรู้สึกเกรงใจผสานกับความอยากรู้ออกมาเป็นผลิตผลทางความคิดของเขาในตอนนี้

ตุลระบายลมหายใจด้วยจังหวะที่ราบเรียบ สองมือละจากหนังสือเล่มโตและคอมพิวเตอร์ก่อนจะยกขึ้นประสานตรงหน้าแล้วขยับเบาๆ ดวงตาที่เหมือนจะทอแสงอุ่นได้ตลอดเวลานั้นเต็มไปด้วยแววครุ่นคิด สักพักเขาก็เริ่มพูดขึ้น

“มันนานมาแล้ว นานจนผมอยากจะลืมมันไป เราเคยเป็นเหมือนพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ...สนิทแบบที่คิดว่าจะตายแทนกันได้เลยล่ะ”

“อะไรนะครับ” คะน้าอุทานขึ้นด้วยความตกใจ แม้จะเป็นสิ่งที่เขาพอจะคาดเดาได้ว่าทั้งคู่นั้นรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน แต่ความสนิทสนมในระดับนั้นดูจะเกินกว่าที่เขาเคยคาดคิดไปไกล ตุลผ่อนลมหายใจน้อยๆ แล้วพูดต่อ

“เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ต่อผมเฉพาะทางที่เบอร์ลิน มันก็เหมือนกับนักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศทั่วไป สังคมคนไทยเกาะกันอยู่เป็นกระจุก ผมได้รู้จักกับทิมที่นั่น ในตอนนั้นน้องเขาเพิ่งจะมาเรียนต่อ มาแบบไม่รู้จักใคร และไม่คิดรู้จักใคร ซึ่งตรงกันข้ามกับคนอื่นๆ”

“ในวันที่ทิมมาถึงทุกคนพากันแห่แหนไปต้อนรับลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีนักธุรกิจด้านอสังหาฯ ชื่อดัง ทำอะไรก็เป็นจุดสนใจ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่สนใจเขา ...แต่ทิมไม่เคยสนใจใคร กิตติศัพท์ความยะโสโอหังทำให้ไม่ค่อยมีคนอยากยุ่งด้วย เพราะทิมไม่เอารุ่นพี่และไม่คิดมีสังคม” ตุลค่อยๆ พาเดินทางไปสู่ตัวตนในอดีตของทิมทีละน้อย เป็นการเดินสู่เส้นทางที่คะน้าไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งที่รออยู่ในตอนจบได้เลย

“เดิมทีเดียวผมสนิทกับน้องอีกคนที่ชื่อ นภ เป็นนักศึกษาด้านภาษาศาสตร์ สนิทเหมือนคนในครอบครัว คอยดูแลช่วยเหลือกันโดยตลอด นภมีอายุเท่ากับทิมนั่นล่ะ เป็นคนสอนภาษาเยอรมันให้กับทิม ผมได้รู้จักกับเขาในตอนนั้น ความที่พูดจากันถูกชะตา อายุที่ไม่ได้ต่างกันมาก แค่เพียงไม่นาน ทิมก็กลายเป็นก๊วนเพื่อนสนิทของผมกับนภ เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง พึ่งพาอาศัยดูแลกัน ปาร์ตี้กินเหล้าด้วยกัน แม้แต่ชกต่อยกับฝรั่งตัวโตๆ ก็ทำมาแล้ว” คะน้าตั้งใจฟังทุกอย่างที่ตุลเอ่ยเล่า ดูเหมือนว่าอดีตนั้นจะมีเรื่องราวมากมายที่ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ ตุลมีสีหน้าที่ตึงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มหม่นลงอย่างไร้สาเหตุ

“น้องนภเป็นเหมือนกับผม นภไม่ได้ชอบผู้หญิง และเรื่องรสนิยมพวกนี้ทิมก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน รวมไปถึงการที่ลึกๆ แล้วนภก็แอบชอบทิมด้วย”

ถึงตรงนี้ตุลก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ๆ คล้ายกับว่าชายหนุ่มกำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการกดความรู้สึกบางอย่างไม่ให้มันพล่านออกมา ซึ่งแน่นอนว่าคะน้าพอจะคาดเดาอะไรทุกอย่างได้ แม้ว่าเรื่องราวจะพลิกผัน แต่นั่นนับว่าไม่ใช่ภาพที่จะเกินไปกว่าความคิดของเขาเท่าไรนัก

“ทิมควงสาวเป็นว่าเล่น เปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า และไม่เคยคิดจริงจังกับใคร ไม่มีใครเคยอยู่ในความคิด บางคนถึงขนาดจำไม่ได้แม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไงแน่ชัด เพราะตารางการเรียนของหมอไม่เหมือนกับสาขาอื่น ผมใช้เวลาอยู่ในแล็ปพอๆ กับหอพัก ส่วนมากจะเป็นนภที่อยู่กับทิมโดยตลอด แล้วมันก็เกิดขึ้น... วันหนึ่งทิมก็รู้ว่านภรู้สึกยังไงกับตัวเอง สิ่งที่ทิมเลือกที่จะทำก็คือการแสดงออกด้วยท่าทีที่รังเกียจ ไม่พูดคุย หัวเราะเยาะเย้ยใส่ รวมไปถึงเล่นกับความรู้สึกของนภสารพัด”



“เล่นกับความรู้สึก?”

คำๆ นี้ช่างเลือดเย็นและเชือดเฉือนอย่างร้ายกาจ เป็นเหมือนกับตะกอนที่ไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่มีวันที่จะผสมและกลืนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ ทุกครั้งที่มีแรงเขย่า ถึงแม้ว่าจะเป็นแรงเขย่านั้นจะเพียงเล็กน้อย แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็พร้อมจะฟุ้งขึ้นมาในใจให้ขุ่นมัวเจ็บปวด

“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมรับได้เลย อย่าให้ผมต้องรื้อฟื้นเลยครับ” ตุลหันมาสบตาด้วยความรู้สึกห่วงใย

“ครั้งแรกที่เห็นเขากับคุณ ผมรู้สึกไม่ชอบใจ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่คนอย่างเขาต้องการคืออะไร ในเมื่อเขาแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจ ไม่รู้จัก แต่แล้วทำไมถึงมาทำท่าทางแบบนั้นกับคุณ ผมได้แต่สงสัย ...แต่แล้วก็เข้าใจทุกอย่างพร้อมกันในวันนั้นนั่นแหละ เลวจริงๆ” คะน้ากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก จะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน แม้ว่าจะฝืนว่าแข็งแกร่งและทนได้เพียงใด ความเป็นจริงก็คือความเป็นจริง และความจริงในวันนั้น เป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่รับไม่ไหวและอยากลืมไปให้หมดสิ้น

“เวลาไม่เคยเปลี่ยนนิสัยคนเลย เลวยังไงก็อย่างนั้น คนๆ นี้ไม่เคยสนใจใคร สนใจแต่ตัวเอง” ตุลบีบกำมือทั้งสองจนเกร็งขึ้นเป็นรอยกระดูกสีขาว สันกรามขบตัวนูนสูงจนทำให้ใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นดูกร้าวขึ้นแปลกตา

“แล้วคุณนภล่ะครับ”

หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้ง ตุลระบายลมหายใจดังฮึดเหมือนจะคลายความตึงเครียดไว้ในร่องรอยแห่งอดีตที่ผ่านมาช้านาน “ตอนนั้นนภตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองฮัมบูร์ก และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น นภคงไม่กลับมาที่ไทยอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นเพราะทิม”

“มันรุนแรงมากเลยหรือครับ”

“เทียบกันแล้วก็ไม่ต่างกับที่คุณเจอเท่าไหร่ แต่คราวนี้ ผมคงไม่ยอมให้อะไรมันจบแบบนั้นอีกแล้ว” สายตาของตุลส่งแสงเรืองรอง ภายใต้กระจกสี่เหลี่ยมที่บางใส ดวงตาคู่นั้นคมกริบอย่างคาดโทษ


“นับจากนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง”


(ต่อด้านล่างอีกครึ่งหนึ่งครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อเลยครับ)


“นับจากนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง”

นับว่าเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่อาจซุกซ่อนความรู้สึกห่วงหาอาทรไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความเฉยชา ตุลในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะกลับไปเป็นตุลคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ภาพที่ซ้อนทับในตอนนี้เป็นด้านหนึ่งที่คะน้าเคยเห็นไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องที่ตามมาก็คือความความรู้สึกของตัวเอง ยิ่งตุลดีกับเขาเท่าไหร่ คะน้าก็ยิ่งรู้สึกทุเรศกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

“ขอบคุณครับ ทั้งๆ ที่ผม... ทำแบบนั้นกับตุลแท้ๆ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมเองก็ใช่จะเป็นคนดีอะไรนักหนา” แค่พริบตารอยยิ้มที่สดใสนั้นก็ทำหน้าที่ในแบบของมัน ตุลยังคงเป็นตุลที่แสนจะอ่อนโยนและอบอุ่น เป็นเจ้าของรอยยิ้มที่ปล่อยพลังงานให้กับทุกคนรอบตัว

“พักสักหน่อยเถอะ อย่าเครียด อย่ากังวลกับอะไร มีอะไรบอกผมได้นะครับ ผมนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ”

สมุดบันทึกในความทรงจำที่เคยซีดจางค่อยๆ กลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง กลับมาพร้อมกับความรู้สึกที่ปวดปร่าในใจ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาถูกผสมกับความเป็นจริงในอดีตบางอย่างที่เพิ่งได้รับฟังจากปากของตุล บางสิ่งบางอย่างตีตัวขึ้นเป็นเสาแข็ง ขึงและล้อมกรอบตัวของคะน้าไว้ในความกดดันแคบๆ จนกลายเป็นห้องที่ปิดตาย แม้จะชังความรู้สึกในตอนนี้แค่ไหน ก็ไม่มีทางให้ออกไปจากความรู้สึกนี้ได้เลย

“ช่วงเวลาแบบนี้ มันยากจังเลยนะครับ เหมือนกับว่าโลกมันจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้ว ทุกคืนก็ไม่อยากนอน กลางวันก็ไม่อยากเห็นอะไร ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาพบกับความจริงอะไรทั้งนั้น ความจริงที่ว่าทุกๆ อย่างของผมมันพังทลายไปหมดแล้ว ...ตลาด สิ่งที่ป๊ากับแม่สร้างเอาไว้ ทุกๆ อย่าง ทุกๆ สิ่ง ไม่มีอะไรหลงเหลือเลย” คะน้าพูดเสียงเนือย เขาหมดแรงเหมือนกับนกที่ปีกหัก เจ็บปวด สูญสิ้นพลัง หลงเหลือเพียงแค่ลมหายใจที่บอบช้ำ

“และที่มันทำให้เจ็บจนทนไม่ไหวก็คือที่จริงแล้วโลกมันก็ยังเหมือนเดิม ยังมีวันใหม่ๆ เสมอไม่จบสิ้น พระอาทิตย์ยังขึ้นที่เดิมทุกๆ เช้า น้ำทะเลยังพัดเข้าฝั่ง นกยังร้องเพลงแบบเดิมทุกวัน พระจันทร์ก็ยังส่องแสงคู่กับดาว ใครต่อใครก็ยังใช้ชีวิตไปตามปกติ หัวเราะเฮฮา ทุกสิ่งรอบๆ ตัวถึงยังดำเนินไปเหมือนเดิมของมันทุกวัน ทำไมจึงมีแค่ตัวเราเองที่เป็นแบบนี้”

ไม่ได้ฟูมฟาย คะน้าในตอนนี้ดูเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง ชายหนุ่มได้แต่พูดด้วยเสียงแผ่วคล้ายลมหายใจ ตุลละมือขึ้นจากทุกสิ่งตรงหน้า ร่างสูงเดินเข้ามาหาแล้วทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ...ใกล้จนหัวไหล่และเข่าแนบชิด ใบหน้าที่อ่อนโยนเอียงเข้าหาและสบตาด้วยความเข้าใจ ตุลถ่ายเทพลังงานของตัวเองมาให้ด้วยถ้อยคำที่ปราศจากเสียง ไม่มีอะไรที่มากมายและท่วมท้นไปกว่าความเรียบง่ายนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างคือความพอดีที่เหมาะสมและลงตัว

“บอกผมทีได้ไหมครับ เวลาที่ตุลต้องเจอกับอะไรหนักๆ สิ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเราเองจะผ่านพ้นมันไปได้ยังไง เราจะรับมือกับมันได้ยังไง เพราะทุกอย่างมันรวดเร็ว ...เร็วจนเราปรับตัวกับมันไม่ทัน” คะน้าหันกลับไปตั้งคำถามกับร่างสูงที่อยู่ใกล้ด้วยเสียงที่อ่อนแรง

“ตอนนั้นก็ได้ ที่ตุลเจอกับปัญหาหนักๆ ข้อผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คนไข้ที่เสียชีวิตจากการผ่าตัด คราวนั้นที่มันหนักจนแทบทนไม่ไหว บอกผมได้ไหม ตุลผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง”

ความนิ่งสงบนั้นเหมือนกับสายลมเย็นที่พัดผ่านผิวกายให้แช่มชื้น ตุลจ้องมองลึกไปถึงดวงตา ลึกจนเหมือนจะทะลุเข้าไปถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจ รอยยิ้มน้อยๆ ที่แสนอบอุ่นนั้นราวกับจะแต่งแต้มสีหม่นมัวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง



“ผมมีคุณ”

คำตอบนั้นสั้นและเรียบง่าย ทว่ากลับทรงพลกำลังอย่างเหลือเชื่อ แค่คำพูดสั้นๆ ผ่านทางน้ำเสียงเรียบๆ ที่มั่นคงนั้นก็เหมือนกับจะกระชากวิญาณแห่งความโศกศัลย์ให้สิ้นสูญ ตุลเอื้อมมือออกมาสัมผัสบนฝ่ามือของคะน้าเบาๆ เป็นเพียงแค่การสัมผัสนิ่งๆ ที่ปราศจากการออกแรงกด แปลกที่คะน้ากลับรู้สึกว่าฝ่ามือที่วางนิ่งอยู่นั้นแข็งแรงราวกับจะไม่มีวันทอดทิ้งไป

...เรียบง่าย เป็นเพียงการวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ ปราศจากเงื่อนไขของการผูกมัดที่เกาะกุม



“อยากให้รู้ไว้ คุณมีผม”

ตุลเอียงใบหน้าลงเล็กน้อย ปรับองศาให้รับกับดวงตาของคะน้าในเวลานี้ คนสวมแว่นช้อนสายตาขึ้นมอง ส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างในใจทางแววตา ราวกับพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงยามเช้า ไล่ความมืดหม่น ความเหน็บหนาวเดียวดายของค่ำคืนให้จางหายด้วยแสงอุ่นๆ นั้น


“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรืออะไรจะเกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกันครับ”

หัวใจไม่ได้เต้นแรงหรือลิงโลดอย่างบ้าคลั่ง คะน้ากำลังนิ่ง ...นิ่งเหมือนจะหยุดหายใจ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ มันหลายหลาย ฉูดฉาด พร่างพรู และท่วมท้นจนยากจะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึก สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดและเขาก็รู้สึกมั่นใจนั่นคือความปิติดีใจที่ก่อตัวขึ้นมาจนล้นเอ่อ

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง” คะน้าค่อยๆ เอ่ยขึ้น


“...รวมทั้งคืนก่อนด้วย”

ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับมาใหม่ทำลายกำแพงที่ซุกซ่อนความจริงที่คะน้าพยายามปกปิดเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว เขาไม่ได้เผลอที่จะพูดมันออกมา เขาตั้งใจ ...ตั้งใจที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณ

“คืนก่อน?” ตุลทวนคำพูดแล้วชะงักไป ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลาซีดเผือดเหมือนไร้สีเลือด คะน้ามองทุกอย่างตรงหน้าแล้วระบายรอยยิ้ม เขาเป็นคนเรียนรู้ไวพอสมควร ชายหนุ่มจึงยกมืออีกข้างของตัวเองขึ้นมาวางทับไปบนมือของตุล ...การวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ

“ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง ผม...รู้สึกดีขึ้นมากครับ”

แม้ว่าใบหน้าจะดูสดชื่นขึ้น หากแต่ร่องรอยแห่งความรู้สึกผิดนั้นยังฉายชัดเต็มวงหน้า “ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากให้คุณต้องลำบากใจ ผม...”

“ผมไม่ได้ลำบากใจอะไรครับ ขอบคุณมาก” คะน้าย้ำอีกครั้งถึงความรู้สึกในใจ ความรู้สึกที่ดีต่อกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เมื่อมันอยู่ในกรอบที่เหมาะสม มันจึงมีเพียงความรู้สึกดีๆ ที่มอบให้กลับไป

“ตุลบอกว่ากลับมาสักพักแล้ว ที่น้องจิ๋วมาซื้อไอติมที่ร้านทุกวัน เวลาเดิมซ้ำๆ นั่น...” ตุลชะงักงัน ชายหนุ่มหันมามองหน้าของคะน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ถูก

“ผมจำได้ว่าเธอไม่ได้ชอบการทานไอติมกะทิเลย ทุกครั้งที่ผมเห็น ก็อดจะคิดไม่ได้”

สิ่งที่ตามมาคือการเบือนสายตาหนีและเสียงหัวเราะเก้อๆ ของหมอหนุ่ม ร่างสูงหันมาสบตาด้วยอาการมือไม้ผิดที่ผิดทาง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเฉไฉไปอีกอย่าง

“เอ่อ... ว่าแต่ข้อเท้าไม่มีอาการแปลบแล้วใช่ไหมครับ ขยับได้ตามปกตินะ”

“ครับ ไม่แล้วครับ”

“เอ่อ... ครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นพยักหน้าหงึกแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “ไม่มีอะไรครับ พักผ่อนนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะครับ” ตุลเปิดตาราหนาแล้วกดแป้นคอมพิวเตอร์อีกครั้ง สักพักเสียงรัวนิ้วก็ดังขึ้นแบบขาดห้วงไม่เป็นจังหวะ

“คะน้าครับ” เสียงของตุลดังขึ้นอีกครั้งในเวลาไม่ห่าง คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ต้นเสียง ท่าทางของร่างสูงที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นดูกระวนกระวายจนเก็บซ่อนไม่อยู่


“มันยังทันไหม?”

“ผมหมายถึงถ้ามันสิ้นสุดแล้ว จะพอให้โอกาสผมได้ไหมครับ” ตุลสบตานิ่ง ใบหน้าดูจริงจัง คะน้าก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมาย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเดียดฉันท์หรือรู้สึกไม่ดีกับชายหนุ่มตรงหน้า ตุลเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่ง และคะน้าก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าจะให้กลับไปเหมือนเดิม ความรู้สึกในตอนนี้ของเขามันยากจะอธิบาย

ในสายตาของคนที่ตั้งคำถาม ทุกสิ่งนั้นง่ายที่จะอ่านความรู้สึกได้ชัดเจน ตุลประดับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า เข้าใจและรู้ซึ้งถึงความลำบากใจของคะน้าได้เป็นอย่างดี แววตาที่สดใสหม่นลงอย่างห้ามความรู้สึกลำบาก

“ผมเข้าใจครับ มันคงต้องใช้เวลา” เสียงนั้นแผ่วและเบาบางจนแม้ตัวผู้พูดยังแทบไม่ได้ยิน

คะน้าเอนศีรษะ ไม่ได้ยินถ้อยคำที่พัดผ่านริมฝีปากที่เพิ่งปิดตัวสนิท หากแต่ภายในหูที่ถูกปรับให้รับน้ำเสียงของตุลอยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นทำให้พอจะคาดเดาได้ว่าผู้พูดนั้นสื่อถึงสิ่งใด ในใจในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับทะเลที่แปรปรวน ไม่มีอะไรให้วางใจได้สักอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงต่างๆ นั้นเป็นอย่างไร ทุกอย่างหม่นเหมือนอยู่ในคืนที่ฝนตกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รอยสีแดงบนคอของตุลนั้นยังทิ่มแทงอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา

“ผมมีเรื่องอยากจะถามครับ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากเข้าไปวุ่นวายเลย” คำถามของเขาทำให้ตุลเงยหน้าขึ้นมอง คะน้าสบตาคู่นั้นกลับด้วยแววตาที่ดูจะไม่แสดงความรู้สึก “เป็นเรื่องที่มันกัดกร่อนความรู้สึกผมมาโดยตลอด”

“อะไรหรือครับ”

“มีครั้งหนึ่ง ผมเห็นรอยแดงที่คอของตุล”

คะน้าหยุด พยายามที่จะเอาชนะอุปสรรคบางอย่างในตัวเอง ก่อนจะเอ่ยทุกถ้อยคำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่มีการเน้นพยางค์ในเนื้อเสียง ปราศจากความรู้สึก คล้ายกับเป็นถ้อยคำภาษาแปลกถิ่นที่เขาไม่เข้าใจความหมาย



“...มันเป็นรอยที่ฝากไว้จากทิมหรือเปล่าครับ”

ราวกับจะทำลายคลื่นความรู้สึกใดๆ ที่ก่อตัวขึ้นในอากาศจากการเอ่ยประโยคคำถามนั้น คะน้าแจงเหตุผลในการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่สั้นและกระชับในความหมายในนาทีถัดมา

“ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไว้ใจใครได้บ้าง ผมในตอนนี้เข็ดกับความเชื่อมั่นในตัวใครสักคนไปแล้ว”

ตุลนิ่งสงบ ปล่อยให้มวลอากาศที่ลอยตัวอยู่ทั่วบริเวณดูดซับความไหวสะท้านที่ก่อตัวขึ้นในใจ ในชั่ววินาทีที่ตามมา หมอหนุ่มที่แสนสุภาพเหมือนจะดึงเปลือกนอกออกทั้งหมด แล้วกลับสู่ความลับที่ซุกซ่อนไว้ภายในส่วนที่ไม่น่าจดจำที่สุดของใจ

“ผมขอโทษครับ ...ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง”

“สุดท้าย... มันคือเรื่องจริงสินะ”

แม้จะยังสั่นไหวอยู่บ้าง กระนั้นน้ำเสียงนั้นก็ดูจะปรับความรู้สึกได้ดีจนเจ้าตัวยังนึกประหลาดใจ ภายหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผลักให้คะน้าก้าวเข้าไปในตำแหน่งของผู้สูญเสียที่ไม่เหลือสิ่งใดจะเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่จะธำรงค์มั่นไม่สั่นคลอนคือตัวตนของเขาเอง และความเป็นจริงที่ดูจะหายากยิ่งในช่วงเวลาเหล่านี้


...น่าเกลียดและไม่น่าฟังแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้

“มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องแย่ๆ ที่ผมอยากจะลบไปให้หมดจากความทรงจำ ...ให้ตายเถอะ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องมารับรู้อะไรพวกนี้จริงๆ” ตุลถอนหายใจและขยับมือไปมา

“การปิดบัง บางทีก็ชั่วช้าไม่ต่างกับการโกหก และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดเช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมอยากพูดนะ แต่ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด ใจผมมันสั่นจนไม่กล้า ผมกลัวการสูญเสีย ไม่อยากยอมรับว่าตัวผมเองทำให้คนที่รักที่สุดต้องเสียใจ”

“บอกความจริงมาเถอะครับ” คะน้านั่งนิ่ง สูดลมหายใจเข้าเหมือนคนเล่นหมากรุกที่กำลังตัดสินใจวางหมากตัวสุดท้ายบนกระดาน

“วันนั้น ที่ห้องพักผมในโรงพยาบาล เราพูดคุยกันเรื่องความหลังที่ไม่น่าจดจำ ดื่มกันนิดหน่อย แล้วอะไรๆ มันก็เป็นไปในทางที่ไม่ควรจะเป็น ผมไม่รู้ เราอยู่ใกล้กันเกินไป และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย” เสียงของตุลสั่นเมื่อเอ่ยถึงสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง ร่างสูงบีบฝ่ามือตัวเองด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย ทั้งหมดดูจะเป็นการกระทำที่ไม่รู้ตัว


“แล้วมันก็เกิดขึ้น ...ทิมทำคิสมาร์กบนคอของผม”

“ไม่ได้เมามาย ไม่ได้พลั้งเผลอ ใจที่ต่ำทรามของผมในตอนนั้นมันเต้นด้วยความฮึกเหิม เมื่อทิมไม่คิดจะหยุด ผมก็เลวพอจะปล่อยให้เกมมันดำเนินต่อไปโดยไม่ได้ขัดขืน” เสียงนั้นติดขัด ความลื่นไหลจางหายไป ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่น่าหวาดหวั่น

“ผมมันเหี้ย เหี้ยเองจะไปโทษใคร” คำพูดแรกถูกเค้นออกจากลำคอที่แหบแห้งและแข็งราวกับก้อนหินนั้น ไม่อาจทัดเทียมกับถ้อยคำต่อมาที่ทำเอาทุกความรู้สึกของคะน้าไหวจนสะท้าน


“เรา... เราจูบกัน”

ตุลเม้มปากแน่น ความสั่นเทาแผ่ซ่านไปทั่วกล้ามเนื้อใต้ผิวกายของตัวเอง ในช่วงสองถึงสามวินาทีนั้น คะน้าเหมือนถูกตรึงด้วยเชือดที่รัดบนลำคอ บิดและรัดแน่นขึ้นจนความรู้สึกที่เคยอยากค้นหาความจริงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวที่จะได้รับรู้ขึ้นมาทันที



“ทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน”

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอ่อ... อย่าเพิ่งดักซ้อม ฟาดหัว หรือเอาระเบิดมาปาหลังคาบ้านคนแต่งนะครับ :กอด1:
ต่ายน้อยซวยได้อีก น่าตกใจ และมีเรื่องให้เสียขวัญได้อีกไม่จบสิ้น เอาใจช่วยต่ายหน่อยนะ
ตอนนี้ ขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาสามตลบจนจนไปอีกตอน ใกล้แล้วขอเพิ่มเข้มข้นขึ้นอีกนิด
อยากให้แข็งใจอ่านกันต่ออีกหน่อยนะครับ ตอนต่อไป ทิมโผล่อีกรอบ จะเป็นยังไงลองมาลุ้นกันดู
ยังไงจะพยายามมาให้ได้เร็วๆ ในช่วงนี้นะครับ จะได้ไม่รู้สึกค้างคากับผมที่ขมวดจนเวียนหัว

สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้คะแนนเยอะๆ กันถ้วนหน้านะค้าบบบ o13

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เปลี่ยนพระ เปลี่ยนนาย
ย้ายคะน้าไปเป็นตัวประกอบน่าจะดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥KïssKïss_KÚRÚ♥

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารกระต่ายน้อยที่สุดละเรื่องนี้

ทั้งทิม ทั้งตุล หมดแรงจะเชียร์ละ  :sad4:

ไม่รู้จะเชียร์ใครแล้ว

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
เดี๋ยวๆ กลับมาพูดให้จบก่อนหมอ คืนนั้นใครเสร็จใครปะวะ ??? หรือแค่จูบ แค่ทำรอย? (โลกสวยไปมั้ย)
หมอเสร็จทิม ทิมเสร็จตุล  ตุลเสร็จหมอ เจ้ยยย อันหลังนี่มันคนๆเดียวกัน
Luceaคะ กลับมาไขปริศนาโคนันด่วนๆ
อ๊ากกกกกกกกกก อยากตายใข่มั้ยยยยยยยยยยยยยย ทำไมทิ้งค้างไว้แบบเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
สงสารคะน้ามากก
โถ่ เจอคนแบบนี้เป็นเจ้ เจ้กลับไปอยู่บนดวงจันทร์คนเดียวแล้ววววววววว

ออฟไลน์ Aleleni

  • 世界中の誰よりきっと
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ช๊อคมาก!!!!!!!
คือ คุณ Lucea บอกมาเถอะค่ะว่า เรื่องนี้มัน 3P ไม่ใช่ สามเศร้า

ช่วยด้วย หน่วงมาก และ ร้องไห้ต่ออีกตอน
พรุ่งนี้ตาบวมไปสอบแน่ๆเลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สุดจะเดาหัวใจคนเขียนแล้วนาทีนี้
ก็ถ้าตุลกับทิมจะกินกันเอง แล้วมาแย่งกันจีบคะน้าทำแป๊ะอะไร
อ้อ ตุลอาจรู้ถึงแผนการณ์ของทิมเลยมากันท่า
แต่ให้ตายเถอะ ความรู้สึกของคนทั้งคนมาทำเล่น ๆ กันอย่างนี้เหรอ
มันเป็นความจริงที่เกินจะรับไหวแล้ว คะน้าพอเถอะ เลิกคบหากับคนพวกนี้ดีกว่า
อยากพูดอะไรอีกมาก แต่พูดไม่ออก มึน...

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o18 o18 หวังว่าตอนคะน้าเอาคืนจะทำให้แรงกว่าอีกหลายเท่าตัวนะครับ  :fire: :fire:

ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
เดาว่า ตาทิมบักทู เป็นพระเอก .. ฟามสัมพันธ์ ตาทิมกะตาหมอ คลุมเครือเกิ๊น
ปล ส่วนใหญ่มาแบบตาคุณหมอนี่โคตรเชี่ยว โกหกเป็นไฟ

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
เฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยมันไมได้หยุดอยู่แค่จูบใช่หรือไม่ ทำไมสมองชั้นถึง blank ไปหมด

 ขอยาหอมและยาดมพม่ามาให้ชั้นด่วนค่ะ

ชั้นหายใจไม่ออก ก กก ก ก 

คะน้า เข้มแข็งไว้นะ ทำไมเกิดมาเจออะไรแบบนี้้ด้วยยย
 
 :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
มาต่อเร็วมาก อ่านแล้วก็อยากอ่านต่ออีก เฮ้อ ป่าวกดดันนะคะ แต่รอค๊อยรอคอยค่ะ 

“ทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน” ประโยคนี้คืออะไร แค่จูบกันหรือได้กันไปแล้ว
อ๊ากกกกกกกก คนอ่านจะเป็นลม ความจริงจากปากหมอตุลย์ โอย คะน้าจ๋าคะน้าของพี่จะเจ็บช้ำใจไปถึงไหน
ส่วนหนึ่งที่หมอตุลย์เลิกกับคะน้าคงเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ด้วย แล้วที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแผนของทิมใช่มั้ย
ทิมจะทำให้ผิดหวังไปถึงไหน เรื่องในอดีตก็นะ ทำจนคนนั้นเสียผู้เสียคนกันไป นี่มาคะน้าอีก ถ้าไม่รีบออกมาแก้ตัว
จะเชื่อตามหมอตุลย์ไปแล้วนะ ว่าแต่หมอตุลย์เปิดหมดใจแล้วใช่้มั้ย ทุกอย่างคือเรื่องจริงใช่มั้ย
ตอนนี้โคตรหลอนระแวงโลกไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นนอกจากคะน้ากับพี่ผักกาด

หมอตุลย์ตอนนี้อบอุ่นดูดีดูรักคะน้ามาก แต่อดีตอันน่าสะพรึงทั้งหลาย เราก็คิดว่าก็ไม่ไหวกับใจคะ้น้าเหมือนกันนะ
ดีใจที่คะน้าถามจะได้หายคาใจซักที (คาใจคนอ่านด้วย) ยังไม่อยากให้คะน้ามีใครตอนนี้เลย กลัวใจทุกคน

อยากเจอตาทิมมากกกกกกกก เจอกันตอนหน้าชิมิ ท่าทีแกจะเป็นยังไงนะคนใจร้าย :m16:  :angry2: :m31:

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
โอยจะเป็นลม กับคำว่าเต็มใจทั้งคู่นี่แหละ

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ๊ยยยยยจะเป็นลม ขอไปละลายยาหอมก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2013 01:02:43 โดย aorpp »

salemon

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:เพลียทั้งคู่
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่ไม่มีพระเอก
555+

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ่านตอนนี้แล้วแบบแทบคว้ายาดมมาแทบไม่ทัน

มันอารมณ์ อืมมมมมม ประมาณเราแก้ข้อสอบแล้วมารู้ว่าที่ไม่แก้นะถูกแล้ว ประมาณนั้นมั๊ง

ไม่รู้สึก อ่านตอนนี้แล้วแบบ ..... บอกไม่ถูกเลยอ่ะ สงสารต่าย ไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้เลยอ่ะ  :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
คิดว่าแค่โดนแกล้ง    :serius2: ไม่นึกว่าเต็มใจทั้งสองฝ่ายโอสวรรค์ช่วยเอาสองหนุ่มนี่ไปเก็บทีไม่ไหวจะเคลียร์ ต่ายน้อยเศร้าไม่พอใช่ไหม ช่างทำร้ายกันได้ลงคอนะ ช่างกล้า จริงๆ ปวดตับ  :z3: :z3:

ขอบคุณจ้า มาต่อเนื่องเลย แต่ทำไมรังแกต่ายน้อยของเราจัง :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
กรี๊ดด อ่านแล้วอึนมึนกว่าเดิมอีก

สรุปแค่จูบ หรือ เสร็จกันไปแล้วค่ะ T T

เอาจริงๆ เชื่อใครไม่ได้ทั้งทิมทั้งตุลอ่ะ
ให้ทิมกะตุลคู่กันไปเลยเถอะ คะน้าจะได้ไม่ต้องมาเจ็บอีก

Alphas

  • บุคคลทั่วไป
ความจริงที่รับรู้ มันทำให้แทบสำรอกออกมาจริงๆ
แต่ละคนเนี่ย เฮ้อออ



ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 o22 เป็นน้องต่ายก็แย่ มันเจ็บเกินจะทนรับไหว

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
หมอนะหมอมาดีแล้วแท้ๆ ไม่น่าไปหลงกลทิมเลย
ส่วนผู้ชายแบบทิมก็นะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ทุกอย่างเลยใช่ไหม
พยายามคิดว่าเพราะทิมเป็นเด็กน้อยเลยอาจหลุดๆบ้างในบางเรื่อง
แต่เรื่องนี้มันแบบว่า เกินไปแล้วจริงๆ

ก็รู้ว่าปมมันยังคลายไม่หมด แต่ ณ ตอนนี้ โมเม้นต์นี้ ขอเกลียดทิมไปก่อนนะ
แล้วถ้าอะไรๆมันคลี่คลายลงแล้ว ก็ช่วยจัดทิมหนักๆด้วยเถอะ อย่าคืนดีกันง่ายๆนะ
ไม่ไหวแล้วพ่อคนนี้ ตอนทำดีก็น่าหมั่นไส้ ตอนทำชั่วก็น่าหมั่นไส้ ไม่ไหวจะเคลียร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
ขี้เกียจเดา บอกเลย 5555555

เริ่มนึกไปถึงคำพูดทิมที่เคยบอกว่า ถ้าต้องการอะไรก็ต้องเอามาให้ได้
ตอนนั้นทิมหมายถึงอะไร ตลาด คะน้า หรือตุล

อิอิอิ ขอร้องอย่าเปนอย่างหลังเลยเหอะ
ยังเชียร์ให้ทิมกับต่ายให้ลงเอยกันนะ
บอกไม่ถูกอ่ะ ไม่ค่อยชอบตุลเท่าไหร่


แก้คำผิด เยอะมากจนทนไม่ไหว  :-[

wongwikkarn

  • บุคคลทั่วไป
เชียทิม ตุลเปนคนร้าย

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ให้ตายเถอะ ฉันอยากกระโดดทับคนเขียนจริงๆเลย :z6:
น้องต่ายของฉัน :m15:

ออฟไลน์ beery25

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-0
ใครโกหก ใครหลอกลวง ใครแย่งชิงใคร ใครต้องการอะไร ใคร ใคร ใคร :fire:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
กลัวจะพลิกล็อค  ตุลกลายเป็นมือเพลิงซะจริงเลยวุ้ย
เพราะแลดูความลับเยอะมากกกกก

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
เรื่องนี้ต้องรอให้จบ ไม่งั้นอิชั้นบ้าแน่  :m31:

ออฟไลน์ Windyne

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
    • Windyne Page on Facebook
ที่แท้ทิมกะตุลก็ซัดกันไปเรียบร้อยอย่างที่คิดไว้
แต่ที่ตะลึงตึงตึงคือ ทำไมคะน้ากล้าถาม แล้วทำไมตุลก็กล้าตอบ

ชอบ ๆ ๆ รอติดตามค้าบ

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
หมอตุลกับทิม ตุลต้องเป็นรับแน่เลย

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ยังเชียร์ทิมอยู่นะ

และคิดว่าตุลต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

ทำไมรู้สึกว่าตุลไม่ใช่คนดี ดูสวมหน้ากาก   :เฮ้อ:

รอตอนต่อไป

 :L2:

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ยังไงดี ทิมทำทำไม ตุลทำทำไม ถ้าเกิดคะน้าทำแบบนี้บ้างก็คงไม่ได้ คงถูกรังเกียจ
แล้วทำไมกลุ่มที่เราเรียกว่าพระเอกหรือเพศชายทำไมทำได้
ทำไมนายเอกโดนทำร้ายความรู้สึกทุกครั้งไป เฮ่ออออออออ

ปล.ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด