♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430418 ครั้ง)

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ชอบก็เพราะประโยคสุดท้ายนี้ล่ะ อ๊ากกกกกก....ฆ่าฉันแทนเถอะ

ออฟไลน์ maruko

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แอบเดาว่า ตุลรึเปล่าที่ชอบทิม? รู้สึกไม่ค่อยเชื่อที่หมอตุลเล่ายังไงก็ไม่รู้ ยังเชื่อมั่นในทิมและเป็นแม่ยกทิมต่อไป >_____<
รู้สึกตุลมาถูกจังหวะในหลายๆครั้งเกินไป เหมือนมีแผนหรือมีอะไรในใจ .. โอยยยยย มันค้างคาใจจริงๆ รอคนเขียนมาเฉลยดีกว่าาา

ออฟไลน์ Gutjang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อ๊ากกกกกก นี่มันอะไร
ตุลไม่ได้โกหกใช่มั๊ย

มาต่อวันนี้เลยค่ะ อ่าน 2 รอบแล้ว

zerea

  • บุคคลทั่วไป
..... :z6:

อืม...ถึงตอนนี้จะแอบปันใจให้ทิมมากกว่าตุลแล้ว
แต่หวังว่ามันจะไม่พลิกล็อคเป็นหมอที่ "เลว" กว่า
ยังไม่อยากเห็นใครซักคนที่กลายเป็นคนไม่ดีไป T^T

ตอนต่อไป...ไม่ขอเดาออกสื่อ เอาไว้กรี๊ดคนเดียวถ้าเดาถูก เอาไว้เซ็งคนเดียวถ้าเดาผิด
แวะมาหากำลังใจก่อนสอบ แล้วจะกลับมานั่งเฝ้าคะน้าใหม่ค๊าบ :กอด1:
(กระโดนถีบคนแต่ง แล้วกอดปลอบใจคะน้า)

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ดีนะว่าเรียนจบมานานแล้วเลยไม่มีช่วงสอบอะไรกับเค้า
แอบอู้งาน มานั่งอ่านหาความตื่นเต้นเสี่ยงโดนไล่ออกบ้าง
เจอตอนแบบนี้เข้าไป ดิชั้นอยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดด :a5:
ชีวิตน้องต่าง มันเฮงซวยได้อีก เจอผู้ชายแต่ละคนโฮกกกกกกกกกก :z6:

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยยยยยยยยย
ฉันไม่เชื่อใครทั้งนั้นแล้วตอนนี้
กลัวจะมีหักมุมอะไรอีก ไม่เดาละ (อันที่จริงเดาไปก็ไม่เคยถูก)  เจอแบบโครมมมมทีเดียวเลยละกัน  o22

ออฟไลน์ PlenG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หมออย่าเยอะค่ะ อย่าเสี้ยมคะน้าเลยนะ อย่ามาโกหกด้วย
ชักงงว่าเธอเป็นพระรองหรือตัวอิจฉากันแน่ ไม่อยากคิดแต่ก็กลับมาคิดอีกจนได้ว่าหมอชอบทิม

คืนนั้นไม่มีอะไรแน่ๆ เพราะไอ้ทิมบอกว่าต่ายเปิดซิง อิอิ
ที่เล่าให้คะน้าฟังแบบนั้นต้องการอะไรคะ
ตอนนั้นตัวเองคบกับคะน้าอยู่แท้ๆ แต่ดันเผลอใจไปกับคนอื่น ตลกค่ะ
แล้วก็พูดอะไรที่มันขัดแย้งกันว่า 'ทิมแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจเกย์แต่ทำไมมาสนใจคะน้า'
กับที่บอกว่า 'เรื่องทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน'
ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงคือทิมมาจีบคะน้าเพราะอยากได้ตลาด
งั้นทิมก็ไม่มีวันเต็มใจมีอะไรกับเธอหรอกค่ะหมอตุล
ตอนแรกก็คิดว่าไอ้ทิมทำรอย แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าหมอโดนใครทำมา

อีกประโยคที่ทำเอาแม่ยกทิมขึ้นค่ะ 'เวลาไม่เคยเปลี่ยนนิสัยคนเลย เลวยังไงก็อย่างนั้น'
ว่าตัวเองทำไมคะหมอ สิ่งที่ทิมแสดงออกกับสิ่งที่หมอแสดงออกมันต่างกันมากนะคะ
ถ้าการที่เราไม่ชอบแล้วได้ปฏิเสธไปชัดเจนเรียกว่าเลว
งั้นคนที่ชอบให้ความหวังคนอื่นไปทั่วนี่คงเรียกว่าดีมากสินะคะ

วนไปอ่านตอนเก่าๆมารู้สึกช็อคเบาๆกับประโยคนี้ค่ะ
'พี่ทิมก็รู้ใช่ไหมคะว่าคุณธาดา คุณพ่อพี่ทิมเอ็นดูแนนขนาดไหน' ไม่เคยเอะใจเลย
แสดงว่าทิมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แค่ไม่ได้บอก (อวยเข้าไป)

ขอบคุณคนแต่งค่ะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คนเขียนเก่งนะค้างปมตลอดเรื่องเก่าไม่หายเรื่องใหม่มาอีกแถมผูกจากเรื่องเก่าได้อีก รอให้ผ่านไปหลาย ๆ ตอนแล้วค่อยกลับมาอ่านดีกว่า เหอ ๆ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
...ระหว่างตุลกับทิม เดาว่าตุลเป็นฝ่ายรุก กร๊ากกกกก

ดีแล้วที่คะน้าสงบแล้วก็ใจเย็นขึ้นเยอะ อยากให้คะน้าเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเองมากกว่าเพราะมีคนใหม่(ที่ความจริงเป็นคนเก่า---ซับซ้อนวุ้ย)

ป.ล. แอบฮา "ความสามารถในการแผ่พลังงานด้านบวก"  :jul3:

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
ยืนยันอีกครั้ง คนเขียนโคตรเก่งค่ะ o13 o13
อ่านเม้นท์แต่ละคนแล้ว :a5:
เอาทุกเม้นท์ไปใส่เครื่อง ปั่นรวมกันแล้วว แล้ววววว
เอาไปให้นักเขียนกิน!!! ไม่ช่ายย! :laugh3: นั่นแหละความคิดพี่(ง่ายไปมั๊ยแก)
ต่ายน้อย สู้ สู้ :ped149: :ped149: :ped149:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lacie

  • ความดาร์กคือชีวิต
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • บ้านของเค้า
จุก หน่วง จะตายอยู่แล้ว คร่อก :m15:

ทิมร้ายไม่กลัว กลัวแต่หมอตุลมาเหนือเมฆสวมรอยซ้อนสถานการณ์ให้คะน้าหวั่นไหว

โอย มันดราม่า

ออฟไลน์ beautjang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โอ้ยยยยยยย มาต่อด่วนๆๆๆ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว หลังอ่านตอนนี้จบ

มาคลายปมอย่างเร็วค่าาา คนเขียนนน

อ้ากกกกก บ้าคลั่งในทันใด

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: :serius2: :serius2:

อะไรกันเนี่ย กระต่ายใช่ของเล่นมั้ย ใช่สิ่งของมั้ย ที่พวกนายมาทำร้ายความรู้สึกกันขนาดนี้
เหวี่ยงไปทางนั้นที ทางนี้ที ไม่ไหวจะรับรู้เรื่องราวอะไรอีกแล้ว

กระต่ายเชื่อเราเถอะ อย่าเลือกใคร ยังไงก็ยังยืนยันให้อยู่คนเดียวนะ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องปวด

อ่านไปอ่านมา ทำไม เริ่มรู้สึกไม่เชื่อใจหมอตุลยังไงไม่รู้ ทิมเองก็ใช่ว่าจะเคลียร์นะ การกระทำหลายๆอย่างมันก็ยังคลุมเครือเหมือนกัน ยกตัวอย่างเรื่องรอยจูบที่คออ่ะ ที่หมอบอกว่า เลยเถิดจนเรื่องมันเกิดขึ้น เราก็เหมือนจะเชื่อนะ เพราะจำได้ ทิมรู้เรื่องรอบจูบที่ต้นคอของหมอ วันนั้นที่เกิดเรื่อง หมอก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วทิมก็รู้ด้วย

โอ๊ยยยยย นี่เครียดนะ เครียดมาก อ่านจนหัวยุ่ง คิ้มขมวดจนเกิดริ้วรอย ไม่ไหวนะคนแต่ง แบบนี้ ฮ่าๆๆๆ

แต่ก็ชอบนะ ชอบมาก เพราะส่วนตัว ชอบเรื่องที่หน่วงๆ ดราม่าหนักๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ

ปล. ใจคอ ผมจะไม่เครียดกะการอ่านหนังสือสอบแล้วสินะ จะเครียดเป็นเพื่อนคะน้าอย่างเดียวแล้วใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ทำงานเสร็จอดใจไม่ได้ต้องเข้ามาอ่าน!!

อ่านแล้วสงสารคะน้าสุดๆ ... แต่ยังไงก็ไม่ชอบหมอตุลนะ
ไม่เคยชอบตั้งแต่แรกเลยค่ะ ไม่รู้เป็นไง

รอทิมมาปรากฎกาย  :กอด1:

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เออ...อารมณ์คนอ่านตอนนี้ อยากจะกระทืบทั้งทิม ทั้งตุล
เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะทำร้ายใครก้อได้งั้นเหรอ :m31:
เลวววว....ทั้งคู่!! สรุปแล้วต่ายน้อยไม่ต้องเอาใครเลย...ช่างมัน!!!

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เอิ่ม.... o22 เลวทั้งทิมและตุลย์เลย   :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สงสัยเหมือนกันว่าจริงๆ ตุลอาจจะชอบทิม เลยสร้างเรื่องใส่ร้าย เพื่อให้ตัวเองได้ทิมไปครอง
แต่พอกลับไปอ่านวันที่ตุลสารภาพเรื่องโกหกว่าจะไปนอกกับหมอก้อย
ตุลก็บอกชัดเจนว่าตุลชอบคะน้ามากๆ มันเลยไม่ค่อยสนับสนุนความคิดนี้เท่าไหร่นะ
ยกเว้นว่าสถานการวันนั้นเป็นเรื่องจัดฉาก ขอภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบนั้นเลย เกินจะรับได้แล้วนะ

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
จูบกันแล้วยังงัยต่ออะ อยากรู้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เราจูบกัน  อันนั้นไม่เท่าไหร่

แต่...

“คืนก่อน?” ตุลทวนคำพูดแล้วชะงักไป ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลาซีดเผือดเหมือนไร้สีเลือด

อันนี้สิ  ติดใจ

รอดูต่อไปว่าจะใช่สิ่งที่เดาอยุ่ในใจไหม อิอิ


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ก็ยังแปลกๆ แบบว่าทิมจะเลวได้ขนาดนั้น?

ตอนนี้เหมือนฟังความข้างเดียวจากตุลเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ไม่เชื้อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อหมอตุลเด็ดขาด
คนอะไรดีเกินมนุษย์
แล้วช่างไปอยู่ในที่เกิดเหตุ ช่วยชีวิตคะน้าไว้อย่างทันเวลา
แกไปวางเพลิงตลาดเขาหรือเปล่ายะ
ลำเอียงสุดชีวิต
ดีแล้วที่คะน้าหวาดระแวงไม่ไว้ใจใครไว้ก่อน
อยากจะถีบส่งทั้งหมอตุลทั้งทิมให้กระเด็นไปดูดคอกันบนดวงจันทร์เลย
คะน้ากับผักกาดก็อยู่กันสองคนพี่น้องต่อไป

ไม่ได้สอบกับเขาด้วยแต่ก็เครียดลุ้นเรื่องนี้มากกว่าลุ้นผลสอบของลูกเสียอีก
ขอบคุณนะคะ ทีนี้ก็ตั้งตารอตอนต่อไป


ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
ให้คะน้าไปดูไพ่ยิปซีมาใหม่ค่ะ กรี๊ดกร๊าดดดดดดดดดด

แล้วโชคชะตาของคะน้าก็จะเปลี่ยนไป เมื่อมีกระต่ายอีกหนึ่งตัวบนดวงจันทร์  คึ คึ คึ

หาพระเอกใหม่ หาพระเอกใหม่!!!!   เย้ เย้ เย้  :m11:


ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เปลี่ยนพระเอกๆ ๆ ๆ เย้เย้ เย่ เย้ เย้   :a2:


อยากให้ตุลคู่กับทิมไปเลยยยยยย  แล้วคะน้าก็พบพานผู้ชายที่ดีพร้อม รึไม่ก็ไม่มีพระเอก คึ คึ คึ  :oni1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2013 20:13:01 โดย kwangkoyha »

ออฟไลน์ beautjang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้ามาเม้นอีกรอบ

เราว่านะฟังจากที่ตุลเล่ามา

ก็ชักสงสัยว่าคนที่ร้ายนี่จะเป็นตุลรึเปล่าที่อยากจะแก้แค้นทิมแทนเพื่อนเก่าที่โดนทิมปั่นหัวให้เสียใจ

โอ้ยยย สับสน แต่ทิมก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรเล้ยยยย แบบนี้หมายความว่ายังงัย :z6:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ไม่นึกว่าทิมกับตุลจะเกินเลยไปได้ขนาดนั้น

คะน้าทำไมกลายเป็นคนที่โดนปิดบังตลอดเลย

ทิม แกนี่ยังไงเนี่ย มาเคลียร์ด่วนๆ เลย

ยังเชียร์แกอยู่บ้างนะ หมอก็เชียร์อยู่

แต่มารู้ว่าคำตอบที่คะน้าถามนี่แล้วอึ้งสุดๆ เลย

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ติดใจคำพูดที่เจ๊ผักกาดพูดกับทิมก่อนออกจากห้อง
เจ๊ดูเงียบเกินไปนะ หรือเจ๊จะรู้อะไร ?

shenta

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมาก ชอบ o13 o13

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :sad4: จริง ๆ แล้ว ยังทำใจอ่านไม่ได้ มา สาม ตอนแล้ว  :เฮ้อ: เพราะ ชีวิตเรา ก็ ดราม่า มาพอสมควรแล้ว รอให้ชีวิต คะน้าและทิม เมฆ หมอก พัดออกไปก่อน  o13 สู้ ๆ น่ะ

melody_pmfc

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยย! ทนไม่ไหวละ ยังไงก็ต้อมเม้นท์

พี่คะน้า อย่าเลือกใครเลยนะ

ทุกอย่างดูมีเงื่อนงำ TT ไม่รู้จะเชื่อใจใครได้

แต่ก็ยังแอบเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าทิมรักพี่คะน้า

เฮ้ออออ แต่ละคน สงสารต่ายจริงๆๆๆ

ช่วยเปลี่ยนพระเอกใหม่เถอะคะ

คราวนี้ขอแบบ ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องรวย แต่รักคะน้าคนเดียว

แล้วไม่เล่นกับความรู้สึกคะน้าด้วย!!!

#อินจัด

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ ตอนที่ 35 มาแล้ว คอมเมนต์เยอะ เลยรีบปั่นยิบตา 555 แต่เดี๋ยวขอทักทายทุกคนก่อนนะ
ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับทุกๆ คอมเมนต์เลย แอบตกใจในหลายคอมเมนต์มาสองสามตอนแล้ว
เพื่อนๆ เข้าใจหาหลักฐานมามัดตัวคนแต่งมากๆ เอาให้ดิ้นกันไม่หลุดเลยทีเดียว 55555555
คือจริงๆ คันปากอยากนั่งตอบนะครับ แต่สปอยล์รั่วแน่ๆ ดังนั้นจะขอแกล้งทำเป็นไม่เห็นไว้ก่อนนะ
แอบปรบมือให้จริงๆ คนอ่านน่ารักทุกคนเลย ดีใจจังได้อ่านคอมเมนต์ทุกคน ต่อตอน 35 เลยนะครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 35



แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ระลอกแห่งความผิดหวังนั้นโหมซัดเข้าที่เดิมซ้ำๆ ...ครั้งที่หนึ่ง ...ครั้งที่สอง ...ครั้งที่สาม และครั้งต่อๆ ไปจนเริ่มกลายเป็นความด้านชา ก่อนที่ความเจ็บช้ำนั้นจะโรยราจนกลายเป็นตะกอนปะปนกับความสิ้นสูญอื่นๆ ตุลก็ทำให้ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ในห้วงความคิด สลายเป็นมวลอากาศที่ไม่มีน้ำหนักในพริบตา

“เต็มใจ ตั้งใจ แต่มันไม่ได้เกิดเพราะความรัก ไม่ใช่แม้แต่ความใคร่ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความเกลียด”

“หมายถึงอะไรครับ” คะน้ากระชากห้วงความคิดกลับด้วยสติที่เต็มไปด้วยการรับรู้ ตุลยิ้มเฝื่อนแล้วกลืนน้ำลาย ใบหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับพยายามสรรหาถ้อยคำที่ทดแทนทุกความรู้สึกที่ตรงใจที่สุดออกมา

“เราจูบกันด้วยความขยะแขยง สะอิดสะเอียน มีแต่ความอยากแก้แค้นเอาชนะ มันก็แค่นั้น” นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของคะน้ามาก่อน ถ้อยคำที่บ่งแน่ชัดถึงความไม่ชอบและท่าทางที่ดูเหมือนกับคนกินของแสลงของตุลดูอย่างไรก็ไม่รู้สึกถึงความลวง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนตรงหน้านั้นเลือกที่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

“ทำแบบนั้นไปทำไมครับ”

ตุลนิ่งจนวิเวก เป็นการนิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการสำนึกในห้วงเวลาที่ไม่อาจย้อนคืน ความผิดชอบชั่วดีระเนระนาดจนกระเพื่อมไหวในอากาศ “บางครั้ง อันที่จริงควรจะเรียกว่าหลายครั้งด้วยซ้ำ ผมอยากจะเอาคืนให้กับนภ แต่อีกใจก็อยากถอยห่างกรวดน้ำคว่ำขันไม่ข้องแวะกันอีก วันนั้นผมเลือกอย่างหลัง เลิกแล้วต่อกันไป จนได้มาเจอกันอีกครั้ง”

“ตุลเลยอยากแก้แค้นให้คุณนภหรือ” คะน้าแปลเจตนารมย์มาได้เช่นนั้น ตุลไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ กระนั้นก็เรียกไม่ได้เต็มปากว่ายอมรับ

“ก็ไม่เชิงครับ เหตุผลมันปะปนกับความรู้สึกของผม ในตอนนั้น...หมายถึงตอนที่เราคบกันในฐานะ ...คนรักน่ะครับ ยิ่งมาข้องเกี่ยวกับคุณไม่จบไม่สิ้น ผมยิ่งรู้สึก...” ตุลหันมามองด้วยแววตาที่แจ่มชัดในห้วงความที่จดจำในอดีต สบลึกไปในดวงตา “เอาเป็นว่าช่างมันเถอะครับ ...คือกับคุณ ผมไม่รู้จริงๆ เขาต้องการอะไรกันแน่ แต่ผมจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ แบบคราวของนภอีกแล้ว และแน่นอนว่าผมจะทบคืนทั้งต้นทั้งดอกในส่วนของน้องชายผมด้วย”

“ถ้าวันนี้ ทิมรู้สึกแบบนั้นผู้ชายได้จริงๆ ผมจะทำให้เขารับรู้ความรู้สึกของนภในตอนนั้น” ตุลยักไหล่ด้วยความสับสน ดวงตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเคลื่อนตัวออกจากคะน้ากลับไปสู่ความว่างเปล่า

“หมายถึงจะเล่นกับความรู้สึกของเขากลับน่ะหรือครับ ถ้าไม่ชอบแบบนั้นทำไมถึงทำแบบเขาล่ะครับ นั่นไม่ดีเลยนะ” คะน้าหน่วงลมหายใจจนขาดห้วง อาจจะดูเหมือนกับว่าเขาดูเป็นคนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจดจำ แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ความรู้จักที่หยั่งลึกทำให้คะน้าเข้าใจในเหตุผลของการกระทำที่ดูไร้สาระของตุลในตอนนั้น ความรู้สึกที่ตามมาคือความเห็นใจและห่วงใยผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ครับ ผมยอมรับ มันเป็นความโมโหที่เกิดขึ้นชั่ววูบ และผมก็เจ็บปวด สะอิดสะเอียนกับจูบนั้นมาถึงตอนนี้ ไม่น่าหลงไปกับคำพูดยั่วโมโหพวกนั้นเลยจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าทิมเป็นคนแบบนั้น แต่ก็ยังเป็นไอ้งั่งหลงกลง่ายๆ” นับว่าสมมติฐานของคะน้าไม่ได้บิดเบือนเสียทีเดียวเมื่อไพ่ใบต่อมาถูกพลิกเปิดออก ความที่เป็นคนที่ทันคนจึงไม่แปลกเลยที่ทิมจะเป็นคนดึงตุลเข้าสู่เกมของตนเองอย่างที่คะน้าคาดเดาเอาไว้ แต่สิ่งนั้นคืออะไร?

“ยังไงหรือครับ”

ผู้ฟังไม่ได้ให้คำตอบในสิ่งที่คะน้าเอ่ยถาม ข้อเท็จจริงนั้นถูกปิดตายไว้ในความคิดของชายหนุ่มใส่แว่นตรงหน้า ตุลเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นแรงกล้าและเป็นการจ้องมองแบบตรงไปตรงมาไร้เปลือกหุ้มห่อ

“มีสิ่งหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจผมมาตลอดเช่นกัน ช่วยตอบผมตามความเป็นจริงได้ไหมครับ อย่างน้อยก็เพื่อให้ตัวผมเองไม่ต้องติดค้างในใจอยู่ต่อไป” แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของตุลนั้นคืออะไร คะน้าก็รับคำด้วยเสียงหนักแน่น

“ครับ”

“ระหว่างที่เราคบกันในฐานะแฟน ตลอดเวลาที่เดินข้างผม ตอนที่เราจับมือกัน กินข้าวกัน เล่าเรื่องตลกหรือฟังเรื่องเศร้าด้วยกัน ตอนที่คุณกอดผม ที่เราบอกคำรักกัน” มีความวุ่นวายอยู่ในท่าทีที่สงบของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ตุลกำลังประหม่าลังเล ในท่วงท่าที่ดูนิ่งเฉยคล้ายกับกำลังฝังลึกสู่ความปวดร้าว




“...คนที่คุณรักคือทิมใช่ไหม?”

คะน้านิ่งเหมือนกับคนหูอื้อเพราะได้ยินเสียงปึงปังดังสนั่น ใบหน้าซีดขาวเหมือนกับสีของก้อนเมฆบนฟ้าครื้ม ความตกใจเข้าจู่โจมจนชาไปทั้งตัว เวลาที่ผันผ่านทำให้เขาตระหนักในคำตอบได้เป็นอย่างดี หากแต่ความสับสนลังเลนั้นเข้าโรมรัน ระหว่างคำโกหกที่น่าฟังและความเป็นจริงที่น่ารังเกียจ คะน้าไม่รู้ว่าสิ่งใดที่จะดีกว่าสำหรับทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พบเจอกับอะไรยากๆ แบบนี้ ความคิดและถ้อยคำมากมายที่เหมือนรอเพียงปลดสลักให้ออกมาถูกกลืนลงในลำคอ คะน้าในตอนนี้เหมือนกับคนที่เป็นใบ้ที่ไม่รู้วิธีสื่อสาร




“วันนั้นทิมบอกว่าเขาจูบคุณ”

ตุลหรี่ตามองมาที่คะน้าอีกครั้งในระยะห่างที่สม่ำเสมอ ดวงตาที่เวิ้งวางดุจมหาสมุทรที่กว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยคำถามที่เจ็บปวด



“...ทิมบอกว่าคุณรักเขา”

ความตระหนักรับรู้ถึงความปวดร้าวในดวงตาคู่นั้นทำให้คะน้ารู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง ตุลสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกเหมือนพยายามจะเรียกเรี่ยวแรงกำลังให้กลับคืนมา หมอหนุ่มจ้องมองมาที่คะน้าด้วยแววที่ดูจะหลงเหลือซากพลังงานแห่งชีวิตแค่รวยริน ตุลระบายรอยยิ้มน้อยๆ ...เป็นรอยยิ้มที่หม่นจนน่าใจหาย

“แปลกไหมครับ? ...ที่ลึกๆ ในใจผมก็คิดอย่างนั้นมาโดยตลอด”

สองสามวินาทีที่มีแต่ความเงียบในอณูอากาศนั้นเนิ่นนานกว่าเข็มวินาทีเคลื่อนตัวไปข้างหน้าสองถึงสามจังหวะ ความหม่นเศร้าค่อยๆ ขยับแทรกไปยังช่องว่างระหว่างคนทั้งสองให้ดูกว้างกว่าระยะในความเป็นจริง คะน้ากลืนน้ำลาย รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองที่แผ่วจนยากจะฟื้นกำลัง




“คุณเลือกเขาแต่แรกแล้ว แต่คุณอยู่กับผมเพราะกลัวว่าจะทำให้ผมเสียใจ”

คะน้านิ่งงัง เขาหันกลับไปมองใบหน้านั้นตรงๆ และไม่อาจละสายตาจากได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตุลเพิ่งเอ่ยประโยคนั้นออกมา รอยยิ้มที่คุ้นเคยยังเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า คำว่า เปรอะ หมายถึงอยู่ในสภาวะที่ไม่ควรจะพึงมี นั่นเป็นเพราะผู้พูดจงใช้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเหตุผลบางอย่าง คะน้าคิดว่ามันคือหน้ากากที่ใช้ซ่อนเร้นความปวดร้าว

“ลึกๆ คุณเชื่อมั่นในตัวทิมมาโดยตลอด รู้ว่าเขาเข้มแข็งพอจะอยู่คนเดียวได้ คุณเลยเลือกที่จะอยู่ข้างๆ ผม ให้ความรักผมด้วยความห่วงใย ดีกับผมทุกอย่าง คุณไม่เคยทะเลาะกับผม หึ... คุณมีเซ็กซ์กับผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ตุลหัวเราะขื่น ร่องรอยแห่งความปวดร้าวดูหนักหนาเกินกว่าจะปิดบังได้อีกต่อไป คะน้านั่งนิ่งซ่อนตัวอยู่ในเปลือกของตัวเอง มีตัวตนให้มองเห็น แต่เป็นตัวตนที่ดูว่างเปล่าและไร้น้ำหนัก

“ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง ผม... ทำไมผมดูอ่อนแอและน่าสมเพชเหลือเกิน”

ไม่เคยคิดหรือคาดฝันว่าทุกอย่างที่ผ่านมาจะทำให้คนที่เขารักและห่วงมากที่สุดคนหนึ่งตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ แม้จะไม่อาจชดเชยอะไรได้ แต่สิ่งเล็กๆ สิ่งหนึ่งที่เขาพอจะทำได้ในเวลานี้นั้น คงเป็นถ้อยคำที่แสดงความรู้สึกออกมาจากส่วนลึกในใจ

“ตุล... ผม...”

“อย่าพูดคำขอโทษ ถ้ามีใครสักคนจะพูดคำนั้น คนนั้นควรจะเป็นผมเอง”

เสียงของตุลแทรกขึ้นมาในอากาศแล้วซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ภายใต้กระจกสี่เหลี่ยมใส คะน้าอ่านสัญญาณนั้นไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร และจะมีทางไหนที่จะชดเชยในสิ่งที่เขาทำลงไปได้บ้าง

“ขอโทษนะครับกับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่มันก็ตัดใจไม่ได้สักที ผมพยายามเก็บคุณไว้ ยื้อให้นานที่สุด ที่สนามบินนั่น มันเจ็บจนแทบบ้า แต่ในใจที่เจ็บเหมือนจะตายกลับรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดแล้ว ผมก็ปลดตัวเองออกจากความเห็นแก่ตัวได้เสียที จากนี้ไปคุณคงมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผม”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”

“คะน้าครับ ...ที่ผ่านมา คุณคงคิดว่าผมเป็นคนที่เฝ้าดูแลคุณมาโดยตลอดใช่ไหม? แต่มันไม่ใช่เลย ความจริงก็คือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ...ผมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายถูกดูแล”

“อย่าเพิ่งแย้งผมเลย มันเป็นเพราะคุณไม่เคยคิดถึงอะไรพวกนี้ต่างหาก จะว่าไปมันคงเป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวตามธรรมชาติของคุณล่ะมั๊ง แต่มันมีความหมายกับผมมากเลยนะ” ตุลระบายรอยยิ้มออกมาจนเต็มหน้า “ที่ผ่านมา คุณเลือกที่จะให้คนอื่นมีความสุขก่อนตัวเองมาโดยตลอด ดีกับทุกๆ คนรอบตัว คุณไม่เคยคิดร้ายกับใคร อาวุธของคุณคือความดี และไม่ใช่ดีแต่พูด คุณเป็นอย่างนี้โดยธรรมชาติของคุณจริงๆ” ถ้อยคำที่เป็นดั่งบรรณาการนั้นทำให้คะน้าได้แต่นั่งนิ่งๆ เปิดใจและลองรับฟังในอีกมุมหนึ่งที่ตัวเองไม่เคยได้ยิน

“แต่รู้ไหม? ยิ่งคุณดีกับผม ผมก็ยิ่งไม่อยากจะเสียคุณไป ทั้งๆ ที่ทำใจได้ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเป็นฝ่ายที่ดูแลคุณบ้างถึงแม้ว่าจะต้องอยู่ห่างๆ โดยคุณไม่เห็นก็ตาม แต่พอทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ผมก็ตัดใจไม่ได้ สุดท้ายผมก็ยังหน้าด้านขอโอกาสกับคุณอยู่ซ้ำๆ” สิ่งที่รออยู่ที่จุดหมายปลายทางนั้น ใช่ว่าตุลจะไม่รู้มาก่อน หากแต่สิ่งนั้นมันดูเป็นสิ่งที่ยากเย็นสำหรับเขาที่จะยอมรับได้เท่านั้น




“การตัดใจจากคุณมันไม่ง่ายเลย”

“ผมขอโทษนะตุล” ในห้วงเวลานี้นั้น ไม่มีสิ่งใดที่เขาพอจะทำไปได้มากกว่าคำพูดสั้นและเชยแบบนี้ ตุลเอียงใบหน้าขึ้นแล้วจ้องมองมาที่คะน้า สบลึกไปในแววตา



“คุณยังรักเขาอยู่ใช่ไหม?”

อีกครั้งที่คะชะงักงันเข้าจู่โจมเขา สิ่งที่เป็นจริงมากกว่าคำพูดและความสั่นสะเทือนของกล่องเสียงนั้นคือความรู้สึกของคะน้าในตอนนี้ แม้ว่าทิมดูร้ายกาจและเปี่ยมไปด้วยเล่ห์กลสารพัด แม้จะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่จำแนกไม่ได้ระหว่างความจริงและกลลวง และแม้ว่าเขาเลิกเชื่อไม่คิดจะฟังไม่ขอรับรู้ใดๆ อีก หากแต่ความลังเลลึกๆ ในใจของคะน้านั้นยังอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก ...และเขาโกหกความรู้สึกนั้นของตัวเองไม่ได้เลย



“ความรักมันเป็นอย่างนี้สินะ”

เสียงของตุลที่ดังขึ้นเหมือนกับตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยหมึกสีจางๆ ขาดห้วง และบางเบา ใบหน้าดูว่างเหมือนแผ่นกระดาษที่มีหมึกสีดำแต้มเป็นรอยคิ้วเหนือดวงตาที่จ่อมลงในความมืดอันลึกล้ำ กระนั้น แค่เพียงเข็มวินาทีเดินหน้าไปไม่กี่ครั้งตุลก็ปรับสีหน้าขึ้นจนดูแทบจะเป็นปกติ รอยยิ้มนั้นแม้จะดูไม่เบิกกว้างเต็มที่ แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงที่ปราศจากการเสแสร้ง คะน้าเดาว่ามันคือจุดปะทะกันระหว่างความรู้สึกสูญเสียและความโล่งใจ โดยที่ชัยชนะนั้นตกไปอยู่กับฝ่ายหลัง

“ตุล... ผมในตอนนี้กลายเป็นคนที่เลิกเชื่อมั่นในความรักไปแล้ว หัวใจมันก็แค่อวัยวะหนึ่งที่ทำหน้าที่แค่เพียงสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้อยู่รอด จริงอยู่ที่ในส่วนลึกผมยังรู้สึก แต่ผมไม่กล้า ไม่ศรัทธาหรือคาดหวังอะไรอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ หรือบางทีอาจจะไม่มีวันสิ้นสุดด้วยซ้ำ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ผมมาโดยตลอดนะครับ แต่ผมไม่คู่ควรกับสิ่งดีๆ เหล่านั้นเลย”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” ตุลแย้งขึ้น สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่เห็นด้วย คะน้าเพียงแค่ยิ้มกลับด้วยแววตาที่สงบนิ่ง

“คราวนี้ผมขอคำสัญญาบ้างจะได้ไหมครับ ตุลสัญญากับผมได้ไหมครับ ว่านับจากนี้จะมีความสุขที่สุด ร่าเริง หัวเราะกับทุกช่วงเวลาอย่างเต็มที่ และจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ...จนกว่าจะพบกับคนที่ดีกว่าผม”

“...คะน้า”

“สัญญากับผมได้ไหมครับ”

คะน้ามองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เติบโตขึ้นกว่าวันวาน เขาในตอนนี้เข้มแข็งขึ้นทีละน้อยจากอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา คะน้าพูดทุกคำออกจากความรู้สึก ไม่มีแม้การปั้นแต่งถ้อยคำให้สวยหรู และสิ่งนั้นก็ชัดเจนและแน่วแน่จนทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ ตุลคลี่ยิ้มขึ้นมาทีละน้อยกระทั่งเป็นรอยยิ้มกว้างแบบที่เขาคุ้นตา

“ครับ ผมสัญญา”

อากาศในตอนเย็นเต็มไปด้วยความซึมเซาและสีเทาหม่น กระนั้นก็อบอวลไปด้วยความเข้าใจ ตุลลากลับไปพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของผักกาดที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน ผู้เป็นพี่สาวไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าถ้อยคำทักทายเมื่อกลับถึงบ้าน จิบน้ำเย็นๆ แล้วนั่งนิ่งๆ อยู่กับตะกอนความคิด หลังจากมื้ออาหารที่ปรุงด้วยไมโครเวฟเช่นเดียวกับตลอดหลายวันมานี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจจนนับไม่ถ้วน ใบหน้าที่เหมือนกับยังไม่ฟื้นจากฝันร้ายนั้นทำให้คะน้ารู้สึกเป็นห่วง แม้ว่าเขาอยากจะไต่ถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จนสุดท้าย ผักกาดก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง

“นับจากคุยกันคราวนั้นมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย วันนี้พี่เพิ่งรู้ว่าเราถูกบีบจากธาดาพิพัฒน์ ที่ของเราตอนนี้กลายเป็นที่ตาบอด ทำอะไรไม่ได้เลย”

“คืออะไรครับ” ความไม่เข้าใจพุ่งขึ้นในใจของคะน้า

“ธาดาพิพัฒน์เพิ่งกว้านซื้อที่รอบๆ ตลาดจากชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายตอนไฟไหม้ด้วยราคาที่สูงลิ่ว แน่นอนว่าข้อเสนอที่น่าสนใจทำให้ใครๆ ก็ไม่อยากปฏิเสธ เมื่อบริเวณที่ดินรายรอบทั้งหมดเป็นของเขา ที่เราก็เหมือนถูกตีกรอบไม่มีทางออกสู่ถนนได้ เรากำลังถูกบีบให้ขายทิ้งเท่านั้น” ผักกาดถอนหายใจยาวแล้วฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองของตัวเอง

ทิมอย่างนั้นหรือ?

ในใจของคะน้าอดที่จะคิดอย่างนั้นขึ้นมาไม่ได้ แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าทิมต้องมีส่วนรู้เห็นกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จนกว่าที่ปริศนาทุกอย่างจะคลี่คลาย คำถามนั้นจะยังดังก้องอยูในใจของเขาด้วยความเจ็บปวดและฟังดูราวกับจะดังเช่นนั้นไปตลอดกาล

“ผมไม่ค่อยอยากเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ความรู้สึกมันเทไปที่ธาดาพิพัฒน์เป็นคนเล่นงานเรา และเราจะไม่อยู่เฉย” เขายืนยันในความคิด ผักกาดมีท่วงท่าที่ลังเลกลับ เธอพูดช้าๆ และไตร่ตรองคำพูดอย่างระมัดระวัง

“มีหลักฐานบางอย่างระบุว่าทิมอยู่บริเวณตลาดในเวลาที่ไฟไหม้”

ความสั่นสะเทือนของเสียดเสียงในอากาศดูเหมือนจะส่งตรงเข้าสู่หัวใจแล้วลามไปแข้งขา ก่อนที่แรงไหวนั้นจะกลายเป็นความหน่วงชาไปทั่วร่าง น้ำเสียงของคะน้าในเวลานี้แห้งโหยและเบาบางเหลือเกิน


(มีต่อด้านล่างอีกนะครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)




“อย่างนั้นหรือครับ”

ผักกาดถอนหายใจแล้วกดใบหน้าตัวเองลงด้วยความเรียบเฉย เป็นความนิ่งที่อัดแน่นไปด้วยความคิดต่างๆ นานาซึ่งคะน้าพอจะอ่านออกผ่านดวงตาที่กลอกกลิ้งเหมือนใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างอยู่ “แต่ตอนนั้น พวกเรากลับไม่เห็นเขาอยู่ที่นั่น ทุกอย่างดูขัดแย้ง พี่กำลังรอทางตำรวจสรุปหลักฐานที่แน่ชัดอีกที”

หลังจากนั้นผักกาดไม่ได้พูดถึงสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ อีก บทสนทนาจึงหยุดอยู่ที่กลุ่มควันสีเทาที่รอให้ลม แสงแดด หรืออะไรสักอย่างที่จะพัดพาหรือขับไล่มันออกไปจนอะไรๆ ชัดเจนขึ้น คืนนั้นคะน้าหงายฝ่ามือขึ้นแล้ววางบนหน้าผาก เคาะนิ้วตัวเองเป็นจังหวะในอากาศที่ว่างเปล่า สมมติฐานและมูลเหตุบางอย่างที่ปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว จัดเรียงจนเป็นระเบียบเป็นที่เป็นทาง และเมื่อเชื่อมโยงและผนวกความคิดที่เคยมองข้ามหรือหลงลืมไปแล้วจนเป็นกลุ่มก้อนได้สำเร็จ ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมาไล่ภาพต่างๆ ที่ถ่ายดู เปรียบเทียบกับร่องรอยต่างๆ จากเสี้ยวความจำแล้วมองหาจุดแตกต่าง

คะน้าหยุดนิ่งและมองดูภาพแนวสายไฟที่เดินเชื่อมต่อกับแสงสว่างและเครื่องขยายเสียงทั่วตลาด สายไฟเหนือแผงหอยทอดของสายใจนั้นเล็กและเปรอะไปด้วยคราบน้ำมันจนดำลื่น ไม่มีอะไรน่ามองและน่าสนใจ จุดยึดสายไฟนั้นแหว่งเว้าคล้ายกับโดนใครกระชากให้ขาดสะบั้นลงมาทั้งที่อยู่สูงและไม่โดนเปลวเพลิงเผาไหม้ นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ดูมีเงื่อนงำ จากจุดเริ่มต้นคะน้าค่อยๆ เปรียบเทียบไปสู่จุดต่างๆ ในตลาด ลอดอุโมงค์ต่างๆ ในความคิด ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน กระทั่งเจอกับทางออกที่เห็นแสงสว่างกองอยู่ที่ปลายเท้า

เขามั่นใจ มันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา ใครสักคนจงใจทำให้มันดูคล้ายกับอุบัติเหตุต่างหาก และความมั่นใจนั้นก็มากกว่าทุกความนึกคิดที่ผ่านมา ที่ต้องการก็คือหลักฐานอีกนิดหน่อยเพื่อเปรียบเทียบและยืนยันว่าความสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ไร้สาระจนหาความไม่ได้

คะน้าหลับตาลงพร้อมกับหัวใจที่ไหวจนอยากกระโจนไปจัดการกับไอ้บ้าสักตัวที่ทำเรื่องที่ชั่วช้าแบบนี้ แต่เขาต้องนิ่ง ...นิ่งและสงบกว่านี้อีกสักนิด จนกว่าที่เขาจะมีหลักฐานทุกอย่างมากพอ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะมัดเงื่อนทุกอย่างเข้าด้วยกันจนแน่น ต่อให้เป็นธาดาพิพัฒน์ก็สลัดไม่หลุด และคะน้าก็สามารถทำได้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลอย่างคุณธาดา

...หรือแม้แต่จะเป็นทิมก็ตาม

วันรุ่งขึ้น แผนการที่ได้ครุ่นคิดมาเป็นอย่างหนักและรอบคอบเป็นเวลาหลายชั่วโมงเริ่มดำเนินการตามวิถีของมัน คะน้ารอให้เวลาพลบค่ำก่อนจะออกเดินทางไปตลาดอีกครั้ง เหตุที่ต้องไปเวลาโพล้เพล้เพราะชายหนุ่มต้องการเปรียบเทียบระบบการติดตั้งสายที่ต่อเชื่อมจากระบบไฟฟ้าตามท้องถนนของทางการ และจุดเชื่อมและข้อต่อต่างๆ ภายในตลาด ระบบของดวงไฟเหล่านั้นจะทำให้เห็นความบกพร่องชัดเจน

ยามคนเดิมยังนั่งคออ่อนอยู่อย่างที่เขาเห็นในวันก่อน คนอื่นๆ ในบริเวณใกล้ๆ ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ป่วยการจะปลุกหรือเรียกให้ได้ความ คะน้าลอดตัวเองผ่านเชือกที่ขึงอยู่ด้านนอกเข้าไปในซากตลาดอีกครั้ง ความคุ้นเคยทำให้เขายังคงเคลื่อนที่ได้แม้ในสถานที่ซึ่งมีแสงเบาบางลงทุกที คะน้ามีไฟฉายในมือหนึ่งกระบอก กล้องดิจิตอลอีกตัวที่สามารถซูมได้ในระยะไกลหลายสิบเท่า รวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวด้วยคุ้นเคย เจ้าของพื้นที่มองดูทุกอย่างรอบๆ ตัว พินิจพิจารณาจากภาพต่างๆ ที่ถ่ายไว้ยิ่งน่าสงสัย แม้สายไฟจากจุดเกิดเหตุจะถูกเผาไหม้ไปหลายส่วน หากแต่ร่องรอยบางอย่างยังคงอยู่ คะน้ากดถ่ายภาพอีกหลายครั้ง แสงวาบจากแฟลชสะท้อนขึ้นไปมา ...ก่อนที่แขนของเขาจะถูกกระชากจนร่างกายเสียการทรงตัว

“กล้องนี้ท่าทางจะหลายตังค์ กูขอแล้วกันนะ” คะน้าแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ก่อนที่หัวจะหมุนด้วยแรงกระแทกจากด้านหลัง เขาร้องโอยและยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยปฏิกิริยาจากความเจ็บปวด

สิ่งให้แสงสว่างที่เพิ่งร่วงลงพื้นกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง คะน้าถูกฟาดซ้ำด้วยกระบอกไฟฉายเข้าที่เดิม เจ็บเอาการ แต่ก็ไม่ถึงกับเลือกตกยางออกและสติก็ยังทำงานได้ดี ประสาทการรับรู้แยกการทำงาน ในความเจ็บแปลบบนหัว สายตาของเขาก็กวาดไปรอบๆ ตัว มีผู้ชายสามคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามอซอ คะน้าจำหน้าพวกนี้ได้ พวกนี้คือแก๊งค์วัยรุ่นเมากัญชาที่เขาเห็นในตอนสำรวจครั้งก่อน

ไม่น่าไหว

พิจารณาจากหน่วยก้านและสภาพการณ์แล้ว เขารู้สึกลังเลอยู่มาก ตัวต่อตัวไม่เป็นปัญหาสำหรับคะน้า แต่หมาหมู่สามต่อหนึ่งนั้นไม่ใช่ง่ายที่จะรับมือ ช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิด กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหวี่ยงกระบอกไฟฉายตั้งใจจะฟาดซ้ำอีกรอบ คะน้ารีบพลิกตัวหลบ และก็พ้นไปอย่างหวุดหวิด เสียงหัวเราะขบขันที่น่ารังเกียจดังขึ้นในหมู่พวกมัน นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่คะน้าเห็นว่าสิ่งมีชีวิตในร่างมนุษย์พวกนั้นดูเหมือนจะมีการมึนอยู่ด้วยฤทธิ์สารเสพติดบางอย่างอยู่ ทั้งยังเลินเล่อประมาท และไม่ได้ระวังตัวอย่างที่ควร ...ความหวัง แม้จะเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นความหวัง คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก นับลมหายใจรอจังหวะที่พลั้งเผลอของอีกฝ่าย

ตอนนี้ล่ะ!

จังหวะที่มาถึง คะน้าก็กระโจนขึ้นพร้อมกับสองแขนที่กางออก กวาดรวบวัยรุ่นเมายาสองคนในเสี้ยววินาทีที่รวดเร็วแล้วชาร์จเข้าชนกับคนที่เหลืออย่างเต็มแรงจนทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาด้วยกระเด็นกระดอนล้มลง คะน้าตั้งสติแล้วรีบดันตัวขึ้น ไม่ลืมจะซัดหมัดข้างขวาแบบไม่เล็งเป้าหมายไปข้างหน้าเพื่อถ่วงเวลา สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเอาตัวออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดพร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่มีทุกอย่างที่เขาต้องการ มือซ้ายกวาดไปที่พื้นแล้วคว้าสายกล้องก่อนจะกระชากกลับจากมือของใครสักคนในสามคนตรงหน้า คะน้าลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งสุดกำลัง

เขาไม่ชอบทะเลาะวิวาทและการเอาตัวเองไปข้องเกี่ยวกับพวกติดยานับว่าไม่คุ้มเอาเสียเลย คะน้าทะยานตัวไปข้างหน้า ร้องเรียกความช่วยเหลือจากเหล่ายามที่กำลังนั่งสัปหงกหรือทำกิริยาเอื่อยเฉื่อยอยู่ ผู้รักษาความปลอดภัยย่อมมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย แค่เพียงได้ยินเสียงเรียก สัญชาติญาณที่ตื่นตัวก็ปลุกให้พวกเขากลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง ยามนับสิบคนกรูกันเข้ามาหาคะน้าในเวลาสองนาที

“มีอะไรหรือครับคุณเจ้าของที่” ยามที่เจอในวันก่อนทักคะน้าแบบนั้น ไม่รู้ว่าด้วยความคุ้นตาหรือเพราะคุ้นในธนบัตรสีเทาที่ได้รับไปในวันก่อน

“มีวัยรุ่นเมายาสามคนข้างในจะแย่งกล้องของผมไป ยังไงพวกพี่ช่วยไล่ออกไปจากที่นี่และกันอย่าให้เข้ามาได้อีกนะครับ เป็นพวกคนประเภทที่อันตรายมากด้วย” คะน้าแจงให้กับทุกคนได้ฟัง ยังหอบอยู่จากการวิ่งเมื่อครู่

“พวกขี้ยาเหรอ ไอ้พวกนี้น่ะนะ แม่งงงง” เสียงสบถของยามดังสนั่น “พี่นำผมเข้าไปหน่อยได้ไหม เกิดเหตุตรงไหน ผมต้องบันทึกรายงานหัวหน้า ไอ้พวกนี้แม่งหาเรื่องให้พวกกูซวยจริงๆ”

ว่าแล้วก็เดินนำเข้าไปข้างในพร้อมกับยามที่เหลืออีกหลายคน คะน้าพิจารณาชายร่างกำยำนับสิบคนตรงหน้า ติดอาวุธแบบหนักและเบาสลับกันไป อาวุธเบาในที่นี้คือพวกกระบองไม้ขนาดกระชับมือ ส่วนชนิดที่ว่าก็คือปืนสั้นที่พกไว้ในกระเป๋าเล็กๆ ตรงบั้นเอว แม้ไม่อยากจะเข้าไปมีเรื่องมีราวกับพวกนั้นอีก แต่คะน้าก็อยากให้เรื่องจบๆ ไปดีกว่าจะมีใครต้องได้รับอันตรายเพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้อีก

ลัดเลาะเข้าไปข้างในจนขึ้นจุดเกิดเหตุ วัยรุ่นทั้งสามยังยืนนิ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้นมาก่อน ยังไม่ทันจะได้แจกแจงอะไร ภาพแรกที่เห็นก็คือหนึ่งในกลุ่มยามนั้นเดินตรงไปที่กลุ่มวัยรุ่นมึนเมาพวกนั้นแล้วง้างมือฟาดไปบนหน้า!

เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปก้องบริเวณราวกับสายฟ้าฟาดสามครั้งติดๆ แล้วทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง คะน้ายืนอึ้ง นึกแปลกใจในความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นลงมือกับคนพวกนั้น เสียงตวาดของผู้ลงมือดังลั่นจนก้อง

“ไอ้เหี้ย! พวกมึงจะทำให้พวกกูซวยไม่รู้ตัว แค่นี้ก็ให้พลาด”

“แค่นี้ก็ให้พลาด?”

คะน้าทวนคำด้วยนึกประหลาดใจ ทันใดนั้นกล้องดิจิตอลที่สะพายอยู่บนใหญ่ก็ถูกกระชากออกด้วยฝีมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างๆ ตัว คะน้ายืนงง มึนจนทำอะไรไม่ถูก ยามคนนั้นแกะเอาเมมโมรีการ์ดที่ใช้บันทึกออกมาแล้วหักทิ้งลงคามือ

“แค่กระต่ายตัวเล็กๆ พวกมึงก็ไม่มีปัญญา นับประสาจะทำมาหาแดกอะไร สุดท้าย ก็พวกกูออกแรงทุกที”

“นี่มันอะไร”

คะน้ารำพันอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเริ่มเข้าใจอะไรทุกอย่างมากขึ้น คิดว่าเข้าใจแบบไม่มีพลาดแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าอยากจะให้มันเป็นการเข้าใจผิดมากแค่ไหนก็เถอะ ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจริง ไม่มียาม ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การจัดฉากเพื่อป้องกันหลักฐานที่อาจหลงเหลือบางอย่างในที่นี้ให้เป็นความลับที่มืดดำจนไม่มีใครรู้ต่อไป แต่ใครที่เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ ...ธาดาพิพัฒน์อย่างนั้นเหรอ?

หรือว่า...

“ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ คุณเจ้าของที่ไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก” ยามคนนั้นยิ้มหน่ายๆ แล้วปลดอาวุธออกจากกระเป๋าหนังข้างสะโพก เป่าลมเหมือนไล่ฝุ่นเล็กน้อยและเช็คลูกกระสุน คะน้ากวาดสายตาไล่ไปที่ทุกคนที่เหลือ มียามทั้งหมดเก้าคน ทุกคนยืนหัวเราะชอบใจ นั่นรวมไปถึงวัยรุ่นขี้ยาสามคนนั้นด้วย เสียงหัวเราะที่ทำให้คะน้าเย็นวาบไปถึงสันหลังนั้นดังสนั่น เดรัจฉานในคราบผู้รักษาความปลอดภัยติดอุปกรณ์บางอย่างที่ปลายกระบอกปืน คะน้าเดาว่ามันคือสิ่งที่ช่วยเก็บเสียงที่ดังลั่นเวลาลูกตะกั่วดีดตัวออกจากปลายกระบอกเล็กๆ นั้น

“วิ่งสิ หนีให้ได้นะเจ้ากระต่ายน้อย วิ่งให้สุดแรงเกิดเลย เพราะเดี๋ยวเกมล่าสัตว์มันก็จะเริ่มต้นแล้ว”

คะน้าเริ่มวิ่ง วิ่งแบบที่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปที่ไหน เขาไม่รู้จุดหมายของการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เพียงแต่สมองในตอนนี้ออกคำสั่งให้รีบพาตัวเองออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สองขาก้าวสลับราวกับไม่เหน็ดเหนื่อย เขาหวาดกลัว เสียขวัญ ตกใจ และตกอยู่ในสภาวะที่เกือบจะเรียกได้ว่าสิ้นไร้สติ แม้ว่าจะพยายามแล้วที่จะควบคุมสัมปชัญญะทั้งหมดที่มี หากแต่มันก็ล้มครืนอย่างไม่เป็นท่า มองไม่เห็นทางชีวิตของตัวเองจะรอดจากกระบอกปืนในพื้นที่ที่รกร้างปราศจากผู้คนนี้ได้อย่างไร เขาเริ่มหอบ ...หอบจนสะเทือนไปทั้งตัว คะน้าไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเหนื่อยหรือความหวาดกลัว เสียงหัวเราะครื้นเครงไล่ตามมาด้านหลังเหมือนเงาที่เกาะเขาไปทุกหนแห่ง



“ตายไปพร้อมกับเรื่องที่เสือกเข้ามาจุ้นนั่นล่ะ”

ฟิ้ววว!!!

เสียงนั้นราวกับสายลมพัดด้วยความเร็วสูง หลังคาด้านบนเหมือนถูกปะทะด้วยอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น แผ่นกระเบื้องเหล่านั้นจึงแตกยับและร่วงกรูลงมามากมาย

“แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย”

มีเสียงหัวเราะเฮลั่นพร้อมกับเสียงโห่ร้องราวกับได้พบเห็นหรือได้ฟังเรื่องที่น่ายินดี คะน้าวิ่งหนีซมซาน หัวใจไหวสะท้านด้วยความรู้สึกช็อคสุดขีด เขาสะเปะสะปะเหมือนคนที่สูญเสียการทรงตัว ไม่รู้จะไปต่อที่ไหนหรือจะหนีอย่างไร เสียงตะโกนตามหลังและฝีเท้าดังตามมาในระยะที่ไม่ไกลนักก่อให้เกิดความพะวงจนทำให้เขาไม่รู้ตัวถึงคนที่กระโจนเข้ามาใกล้

ช่วงวินาทีที่ไวจนตาแทบมองไม่เห็นนั้น น้ำหนักที่ถาโถมและแรงก็ฉุดกระชากก็ดึงเขาให้จมหายลงไปในกองเศษไม้ที่ทับถมอยู่ระหว่างทางเดินในพริบตา ความตกใจและหวาดหวั่นทำให้ออกแรงขืนตัวเต็มกำลัง หากแต่อุ้งมือที่แข็งดั่งกรงเหล็กถูกยกขึ้นแล้วกดลงบนปากจนไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ในความเงียบงันที่คะน้าได้ยินถึงจังหวะหัวใจตัวเองที่รัวราวกับจะระเบิดนั้น เสียงที่คุ้นหูก็เสียดดังขึ้นในระยะประชิด

“อยู่นิ่งๆ”

ร่างกายไหวสั่น คะน้าเผลอทำตามคำสั่งที่เป็นเพียงเสียงกระซิบนั้นโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดสงบ ข่มตัวเองจนนิ่งไม่ไหวติงแล้วรอให้เวลาดำเนินผ่านไปช้าๆ เพียงครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงสบถดังขึ้นด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับฝีเท้ามากมายที่ตามมา

“เฮ่ยยย! มันหายหัวไปไหนของมันวะ! เร็วฉิบ!”

หัวใจของคะน้าเต้นรัวจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขากลั้นหายใจ ไม่สิ! หยุดหายใจไปชั่วขณะ แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่สมมติฐานที่เขาตั้งเอาไว้เลย อันที่จริงคะน้าลืมวิธีหายใจไปแล้วต่างหาก

เจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่เงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวกระทั่งมันค่อยๆ ไกลห่างออกไป เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ในสภาวะที่พ้นขีดอันตราย คนที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มคลายสัมผัสที่รัดจนเจ็บนั้นออก เหลือเพียงการกอดแน่นๆ ในท่าทีที่สงบลงเล็กน้อยเป็นปราการปกป้อง ฝูงปีศาจร้ายพวกนั้นผ่านพ้นไปสักพักแล้ว หากแต่จิตใจของคะน้าในตอนนี้กลับรู้สึกกระเจิดกระเจิงยิ่งกว่าเดิม ...โสตประสาทของเขานั้นจดจำสำเนียงเสียงทุ้มได้เป็นอย่างดี

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เนื้อเสียงที่แข็งกร้าวเจือไปด้วยความอ่อนโยน เป็นนาทีเดียวกับที่ฝ่ามือซึ่งกดแน่นอยู่บนปากค่อยๆ คลายตัวออกช้าๆ ความรู้สึกในใจขณะนี้เต็มไปด้วยความสับสน ประหลาดใจ คะน้าได้แต่นิ่งเงียบและเลือกที่จะส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ

มีเสียงผ่อนลมหายใจเหมือนโล่งอกดังขึ้นที่ในระยะที่เกือบจะแนบชิดกับใบหน้าของคะน้า คนๆ นั้นโอบเขาให้นั่งบนตักแล้วลูบไล้เส้นผมไปทั่วทั้งหัวด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่คุ้นมือ

“เอาล่ะ ฟัง... และอย่าส่งเสียงดัง”

เสียงแผ่วราวกับคำกระซิบข้างๆ หูนั้นมีเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ข้อตกลงนั้นถูกยอมรับด้วยการพยักหน้าของคะน้า เขานั่งนิ่งจนไม่ขยับ ทำใจให้สงบ และพอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ สติที่เต็มเปี่ยมนั้นก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนออกตามร่างกายจนชุ่มเหงื่อของคนที่อยู่ด้านหลัง เบาะหนุนนั่งที่มีชีวิตกำลังหอบเหนื่อยตามจังหวะหายใจ

“มีเรื่องต้องพูดกันมากมาย แต่คงต้องหลังจากเรารอดไปจากที่นี่ ตอนนี้...ขอแค่สั้นๆ ก่อน”

ในแสงที่ไม่แจ่มชัด สายตาของคะน้าปรับตัวเข้าหากับเงาดำที่นิ่งสงบตรงหน้าจนเห็นชัดเจนเต็มตา คนๆ นั้นจ้องมองมายังคะน้าแน่นิ่งไม่หวั่นไหว เขายังเหมือนเดิมที่รู้จัก มีใบหน้าที่คมคายได้รูป และมีดวงตาสีกาฬที่มุ่งมั่นราวกับไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด


“พี่ครับ ยังเชื่อผมอยู่ไหม?”


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ถ้าเพื่อนๆ เป็นคะน้าจะตอบว่าอะไรนะ แล้วคิดว่าต่ายซังจะตอบไปว่ายังไงหนอ :กอด1:
พักหลังๆ รู้สึกว่าใช้ภาษายากขึ้น พิมพ์ติดๆ กันมากขึ้น อาจอ่านแล้วลายตาหน่อยนะครับ
แต่ก็อยากขอให้ฝืนทนกันหน่อยนะ คือไม่รู้ยังไงถึงติดพิมพ์แบบนี้ไปได้ 5555555

+1 ให้กับทุกๆ ความคิดเห็นครับ ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาร่วมสนุกและพูดคุยกัน
ฝากตอนนี้อีกตอนนะครับ หนทางไปถึงตอนจบอยู่อีกไม่ห่างไกลเท่าไหร่แล้ว
อยู่เป็นเพื่อนมาช่วยลุ้นต่ายน้อยกันต่อนะครับ จะเป็นยังไงต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป

น้องๆ ที่อยู่ในช่วงสอบ อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยนะครับ ขอให้ได้คะแนนเยอะๆ เลย o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2013 15:02:05 โดย Lucea »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด