♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430425 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
+1 ม่ายยยยยยยยยยยย :sad4: ทิม นายเป็นพระเอกน่ะ ตายไม่ได้ :o12: อินจัด

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ ♫~Eristneth~♪

  • ดวงจันทร์~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
no comment

ขอหลบไปเช็ดน้ำตาก่อน
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
.......เม้นไม่ออกกำลังอึ้งอยู่ o_O

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
หัวข้อเปลี่ยนเป็น37แล้ว แต่นิยายไม่มา T_T

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ มารายงานตัวพร้อมกับตอนที่ 37 นะ ใกล้เช้าเส้นชัยขึ้นอีกนิดแล้ว
ก่อนอื่นต้องขอทักทายสวัสดีเพื่อนใหม่นะครับ ดีใจที่ได้รู้จักกันนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย
แล้วก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกันด้วย เจอคอมเมนต์กันทีไร อดปลื้มใจไม่ได้ทุกที
+ 1 ให้กับทุกๆ คนนะครับ เอาล่ะ ตอนนี้มาลุ้นเอาใจช่วยทิมกันต่อนะครับ
แต่ขอแจงล่วงหน้านิดนึง คือมีฉากโหดและคำหยาบปะปนอยู่ด้วย ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วน่ะครับ
น่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วที่อยู่ในโหมดนี้ ตอนต่อไปจะเริ่มให้ความรู้สึกใหม่แล้วล่ะ(มั๊ง)ครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 37



ผมกำลังแบกพระจันทร์ที่กลมเหมือนลากวงเวียนวาด แบกท้องฟ้าสีฟ้าที่เคยมองทุกเช้า ไออุ่นของแสงแดดและสายฝนที่เย็นฉ่ำ ผมกำลังแบกความหวัง ความฝัน และทุกๆ อย่างบนโลกใบนี้ ผูกรวมทุกสิ่งที่ผมรักไว้ด้วยด้ายเส้นเล็กที่เปราะบางและมัดเข้ากับคนที่อยู่บนหลัง ผมในตอนนี้ช่างไร้เรี่ยวแรง แต่หากยอมแพ้กับน้ำหนักและความอ่อนล้าที่อยู่บนบ่านี้แม้แต่วินาทีเดียว หากผมเลือกจะปล่อยมือที่ยื้อไว้ โลกทั้งใบคงไม่เหลืออะไรที่ผมอยากเห็นอีก

นับตั้งแต่ที่คนๆ นี้ถูกประเมินค่าเป็นแค่อากาศที่ผมมองไม่เห็นและไม่เคยคิดจับต้อง ผมไม่เคยรู้เลยว่าสุดท้ายแล้ว ทิมก็กำลังจะเป็นแค่อากาศที่วนอยู่รอบๆ ตัวจริงๆ



สิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับชีวิตสำหรับผม ...อากาศที่ใช้หายใจ

ภาพถ่ายที่ถูกทำลายทิ้ง ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ไฟฉายก็คงจะพังไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ถูกใช้แทนอาวุธในตอนนั้น ส่วนโทรศัพท์มือถือก็หล่นหายในที่ไหนสักแห่งระหว่างทาง หรือบางทีอาจจะระหว่างที่ต่อสู้หลบหนี ไม่อย่างนั้นเขาคงพอจะทำอะไรได้ดีกว่านี้

แปดคน ...แปลว่ายังเหลืออีกสี่ เป็นสี่คนที่มีปืนอีกหนึ่งกระบอกและอาวุธมือ เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายครั้ง เสียงต่อสู้หลายนาที รวมถึงเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ว่าใครก็ต้องได้ยิน

คำถามคืออีกสี่คนนั้นหายไปไหน ทำไมถึงไม่เข้ามา คะน้ามั่นใจว่าคนที่เหลือนั้นไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินแต่อย่างใด ลางสังหรณ์บอกเขาว่าพวกมันที่เหลือนั้นมีจิตใจที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นพอที่จะรอดักเก็บในกรณีที่เกิดความผิดพลาดอยู่ภายนอกต่างหาก บทเรียนโหดร้ายของความรอบคอบไม่ประมาทซึ่งคะน้าเพิ่งได้เรียนรู้มาด้วยความเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนั้นบอกให้เขาคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด

แสงจันทร์หรือบางทีอาจจะแสงไฟจากเสาไฟฟ้าริมถนนลอดตัวผ่านเศษกระเบื้องที่ตกแตกพอให้เห็นทุกอย่างเพียงเลือนลาง คะน้ารีบสำรวจทางออก หากแต่บานประตูที่เป็นเหล็กนั้นกลับถูกล็อคแน่นด้วยแม่กุญแจ เขาคงต้องย้อนเข้าออกบ้านพวกนั้นหลายหลัง แล้วสวดภาวนาให้มีซักหลังที่ไม่ได้ถูกล็อคจากด้านนอก

คะน้าคลายแขนที่โอบทิมไว้ ถอดปืนแล้ววางลงกับพื้น แต่สีหน้าที่ซีดจนแทบไม่มีสีเลือดและท่าทางที่อ่อนแรงนั้นทำให้เขาใจไม่ดี คะน้ารีบถอดเสื้อของคนบาดเจ็บเจียนตายออกแล้วสำรวจบาดแผลในแสงที่ลางเลือน เลือดของทิมยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง และถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปทิมอาจจะช็อคเพราะขาดเลือด หรือถ้าโชคร้าย... คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวกลับลงคอที่แห้งผากแล้วหยุดความคิดไว้แค่นั้น

ต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่อะไรจะสายไป

สมองของคะน้ากำลังอื้ออึง เขาลนและทำอะไรไม่ถูก ในใจมีแต่ความรู้สึกหวาดหวั่น คะน้ากำลังแข่งอยู่กับความกล้าและความขลาดกลัว รวมทั้งแข่งขันกับกลเกมในการเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ ...แม้กระทั่งแข่งกับเวลาในการยื้อนาทีชีวิตของทิม แต่เวลานั้นเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง มันกำลังค่อยๆ ดูดกลืนแสงสว่างแห่งความหวังในใจและแสงสว่างจริงๆ ที่ใช้มองเห็น บัดนี้ ทุกอย่างรอบตัวเริ่มถูกกลืนหายไปในความมืดที่น่าหวาดกลัว ทว่าสายตาของคะน้ากลับสะดุดกับแสงสว่างบางอย่างที่สะท้อนเข้าม่านตา ...เงาจากแสงที่สะท้อนอยู่บนกระจกของตู้ยาสามัญประจำบ้านตรึงสายตาเขาไว้อย่างนั้น คะน้านิ่งไปชั่วอึดใจ ตรึกตรองอย่างใช้ความคิดแล้วเขาก็รีบกระโจนไปตามสิ่งที่ผุดขึ้นในหัวสมองทันที

ผมจะลองเสี่ยงดู!

ว่ากันว่าพระจันทร์นั้นไม่เคยกลัวความมืด และเมื่อไม่เกรงกลัว ความืดก็มีแต่ยิ่งทำให้แสงของดวงจันทร์ยิ่งสว่างเฉิดฉาย คะน้ากวาดสายตาดูอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ตัวเองพอจะหาได้จากบ้านที่ไร้เงาของผู้คน ที่เขาได้มาจากตู้ยาซึ่งแขวนไว้ที่ผนังก็เป็นข้าวของจำพวกสำลี ผ้ากลอส แอลกอฮอลและเบตาดีนที่ใช้กับแผลสด จากในบ้านที่ส่วนอื่นๆ นั้นมีเข็มและด้ายสำหรับเย็บผ้า สุดท้ายคือมีดสั้นที่ชิงมาได้จากพวกขี้ยาเมื่อครู่และไฟแช็คพอให้แสงสว่างและความร้อน คะน้าหันไปมองทิมแล้วนิ่งไปชั่วอึดใจ พยายามปรับน้ำเสียงของตนให้ดูเป็นปกติที่สุดทั้งๆ ที่ในใจนั้นรู้สึกสั่นสะท้านจนแทบทำอะไรไม่ถูก เขาเรียกชื่อทิมแล้วส่งสัญญาณ

“รอหมอคงไม่ไหว ผมจะปิดแผลที่ท้องและที่หัวไหล่ก่อนนะ พอเรียบร้อยแล้วค่อยหนีพวกมัน เราโชคดีมากทีเดียว ผมเจออุปกรณ์ที่คิดว่าจะใช้การได้ในเวลาแบบนี้”

คะน้าสะกิดทิมหลายครั้ง กระทั่งชายหนุ่มปรือตาขึ้นเล็กน้อยแล้วรับฟังก่อนจะพยักหน้าเหมือนรับรู้ เป็นการรับรู้ที่เรียกได้ว่าแทบจะดูไม่เหมือนกับคนที่หลงเหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีกแล้ว ทิมปิดตาลงอีกครั้งด้วยท่าทีที่นิ่งสงบจนใจหาย คะน้าไม่รอให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาเปิดขวดแอลกอฮอลแล้วราดบนแผลก่อนจะซ้ำด้วยเบตาดีน ร่างของทิมสะดุ้งแล้วบิดเบี้ยวด้วยความแสบทันที ใบหน้านั้นฉายชัดไปด้วยความเจ็บทรมาน คะน้าเอื้อมมือไปแตะที่ตัวทิม พยายามลืมภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่แล้วกัดฟันข่มชะตากรรมที่กำลังรอเขาอยู่

“โชคร้ายที่เราไม่มีไฟฟ้า ผมมองอะไรได้ไม่ชัดมาก แต่จะรีบทำให้เร็วที่สุด ทนหน่อยนะ”

แม้จะพูดไปอย่างนั้น หากแต่มือของคะน้ากลับสั่นจนโยก ทุกอย่างรอบตัวหยั่งลึกเข้าสู่ความเงียบงัน เขาในตอนนี้รู้สึกกลัวตัวเองเหลือเกิน มีดสั้นในมือไหวไปมาจนสะท้อนเป็นแสงปลาบ เขาไม่รู้ว่าว่าจะทำมันได้ไหม คะน้าไม่เคยมีความรู้อะไรเลยในด้านนี้ หากในเวลาปกติเขาคงจะเตลิดไปไหนต่อไหน แต่ในเวลานี้ ไม่มีทางเลือกอื่นให้ทำแบบนั้นได้ กระนั้นก็พยายามปลอบใจตัวเอง ...ทุกสิ่งต้องมีครั้งแรกแบบนี้เสมอ

“เรื่องที่แย่ก็คือผมคงต้องเปิดแผลให้กว้างขึ้นแล้วเอากระสุนออก”

ในความมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟพียงรำไรจากไฟแช็คและแสงจากด้านนอก ทิมไหวหน้าตัวเองเล็กน้อยเหมือนรับรู้ ใบหน้าซีดเซียวนั้นเพียงแค่หลับตาแล้วอยู่นิ่งๆ จนคะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักแสร้งทำไม่รู้ไม่เห็น หรือคิดอะไรไปกว่าเป้าหมายที่เขาต้องการจะทำ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นบนใบหน้า เขาตั้งสติแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง

“และที่แย่ไปกว่านั้นอีกนิดหน่อยก็คือ ...เราไม่มียาชา”

ทิมปรือตาขึ้นอีกครั้งเพื่อบอกว่าเขาได้ยินและรับรู้ในทุกถ้อยคำที่อีกฝ่ายพูด แม้จวนเจียนจะขาดสติแค่ไหน ชายหนุ่มก็ยังส่งรอยยิ้มอันแห้งผากมาที่เขาราวกับไม่ได้เผชิญกับเรื่องอะไรหนักหนา คะน้าตั้งสติ เขาถอดเสื้อของตัวเองออก ขมวดเป็นเกลียว แล้วยื่นส่งให้ที่ปากทิม

“กัดเอาไว้นะทิม คงเจ็บหน่อย”

ทิมเผยอปากเล็กน้อยทั้งที่ยังหลับตา สิ่งที่พอทำได้ในตอนนี้ไม่ใช่การกัด ชายหนุ่มที่นอนอยู่ทำได้เพียงแค่ออกแรงคาบเสื้อของเขาเอาไว้ไม่ให้ร่วงเท่านั้น ใบหน้าของทิมซีดเผือดราวกับสีขาวของแสงจันทร์ ลมหายใจเบาบางกว่าอากาศที่หมุนวน ช่วงขณะหนึ่งในความคิด คะน้าเกิดความลังเล อัตราส่วนในความปลอดภัยลุล่วงนั้น เขาไม่รู้ว่าน้อยแค่ไหนบางทีอาจจะเพียงแค่เปอร์เซ็นต์เดียว ซึ่งมันน้อยมากๆ



...แต่หากถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย โอกาสรอดมีค่าเท่ากับศูนย์ทันที!

คะน้ายกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติก่อนที่เขาจะคลั่ง นับหนึ่งถึงสิบในใจไปสองสามครั้งแล้วกดปลายมืดแหลมเหนือบาดแผลของทิม สูดลมหายใจลึกจนปอดขยาย คะน้านิ่ง ...นิ่งอยู่แบบนั้นพร้อมกับอาการสั่นไหว

...สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่กล้า

ชายหนุ่มวางมีดลงด้วยอาการหวาดๆ ลองขบคิดเปลี่ยนแผนใหม่ซึ่งอาจจะเสี่ยงมากกว่า เขาจะลองแบกทิมแล้วหนีไปด้วยกัน ถ้าฟ้าเป็นใจเขากับทิมก็อาจมีสิทธิ์รอด แต่ถ้าโชคร้ายเจอะเจอกับพวกมัน อย่างมากก็ตายพร้อมกัน ...แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่มีวันทิ้งทิม



“อย่าลังเล ผมไว้ใจพี่ ...เอาเลย”

เสียงรวยรินของทิมดังขึ้นคล้ายกับเสียงกระซิบในอากาศ คะน้าชะงักงันทันที เขาหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่ด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ใบหน้าที่ซีดจนแทบจะกลายเป็นซากที่ไม่มีชีวิตกำลังมองมาที่เขา แววตาที่หลงเหลือเพียงพลังอันน้อยนิดนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

“บอกแล้วไง ...ชอบหน้ายิ้มๆ มากกว่า”

คะน้าขยับมุมปากยิ้มขึ้นทันที เป็นรอยยิ้มที่รื้นไปด้วยน้ำตา จนในเวลาแบบนี้คนๆ นี้ก็ยังสนใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเขามากกว่าความเป็นความตายของตัวเอง คะน้าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด เพราะคนแบบนี้ทำให้หัวใจเขาสั่นไหวได้ทุกครั้ง ทำให้เขาอ่อนแอหรือให้เขากลายเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในโลกในพริบตา ทิมทำให้เขาชอบและเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้

คะน้ายกมือขึ้นเช็ดไล่ความชื้นบนดวงตาให้หมดไปพร้อมกับความลังเล เปลวไฟเล็กๆ จากไฟแช็คในมือเปลี่ยนโลหะของคมมีดสีขาวให้กลายเป็นสีเข้มแล้วราดด้วยแอลกอฮอลซ้ำอีกรอบ คะน้านับหนึ่งถึงสิบในใจอีกหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

...ค่อยๆ กดมีดลงไปที่ช่องแผลจากลูกกระสุนบริเวณท้องของทิม

กลิ่นไหม้ของผิวหนังเหมือนถูกไฟเผาฉุนขึ้นมาทันที ร่างของทิมดีดกระตุกขึ้นพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ไร้สีเลือดนั้นเกร็งจนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นในพริบตา คะน้าสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่จนแทบจะได้ยินเสียงลมที่แทรกผ่านเข้าไปในลำคอแล้วค่อยๆ กรีดเนื้อให้เปิดกว้าง ทิมดิ้นสะบัดเหมือนงูที่ถูกทุบหัว ชายหนุ่มที่นอนอยู่กัดเสื้อของเขาในปากจนเกร็งไปทั้งใบหน้า คะน้ารีบยกตัวขึ้นคร่อมเพื่อไม่ให้แผลเปิดกว้างไปกว่าเดิม เขารีบลงมือต่ออย่างไม่ลังเล ไม่มีทั้งยาชา ไม่มีทั้งแสงไฟ ไม่มีคีมสำหรับคีบ และเหนือสิ่งอื่นใด ...เขาไม่มีประสบการณ์ความรู้เลย!

คะน้าเปิดปากแผลด้วยมีดและใช้ปลายแหลมของมันเขี่ยยกลูกกระสุนออก เลือดของทิมไหลไม่หยุด เขารีบคว้าเอาเข็มร้อยด้ายที่ราดแอลกอฮอลเอาไว้ขึ้นมา กลั้นใจแล้วแทงเข้าไปในเนื้อของทิม จังหวะนั้นทิมแอ่นกระชากตัวแรงเหมือนจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนออกมาจนเห็นได้ชัด ทิมกำลังชักดิ้นชักงอ และเกร็งกล้ามเนื้อต่อต้านในทุกครั้งที่สิ่งแปลกปลอมแทงทะลุผิวหนังร่างกาย

ดวงตาของทิมแดงก่ำเป็นสีเลือด เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และมีน้ำตาไหลออกมาที่ใบหน้า ใต้เสื้อของเขาที่ถูกกัดแน่นจนเส้นเอ็นเกร็งขึ้นที่สันกราม ทิมส่งเสียงร้องที่แหบและโหยหวน มีของเหลวไหลย้อยออกมาจนเลอะคาง ในที่สุดคะน้าก็ปิดแผลที่บริเวณท้องได้สำเร็จ เขาราดแอลกอฮอลซ้ำลงไปอีกครั้ง ทิมบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะสงบลงพร้อมกับหายใจด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นทั่วทั้งใบหน้า กระนั้นเจ้าตัวก็ยังส่งยิ้มกวนราวกับความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านไปนั้นคือสิ่งสามัญธรรมดาของผู้กำชัยชนะในสุดท้าย



“ก็ไม่เท่าไหร่นี่ แค่มดกัด”

ทิมหัวเราะหึๆ ทั้งที่หมดสภาพ เนื้อตัวยังสั่นไหวไปทั่วร่าง ร่างนั้นหอบจนสะเทิ้น นิ้วข้อมือที่ซีดเผือดค่อยๆ คลายเขม็งเกรียวที่ปูดโปนออก เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ เลือนไปคล้ายกับสายลมที่พัดผ่าน คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกดความรู้สึกกับทุกอย่างที่เห็น ท่าทางเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนั้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกสะเทือนใจที่ได้เห็นการเสแสร้งแสดงว่าไม่เจ็บ ไม่รู้สึกรู้สา ทิมฉีกยิ้มกว้างมาที่เขาทั้งที่ลมหายใจรวยรินเหลือกำลัง

“ต่อเลย ผมไหว เรื่องจิ๊บๆ น่า”

คะน้าสูดลมหายใจลึกพร้อมกับตั้งสติ เขาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งกับแผลที่บริเวณหัวไหล่ ในครั้งนี้ คะน้ารู้สึกนิ่งและมีสมาธิมากขึ้น เช่นเดียวกับทิมที่ดูจะทานทนกับความเจ็บปวดได้มากขึ้นกว่าครั้งก่อน ตลอดเวลาที่เขาจัดการกับแผลที่หัวไหล่ ทิมลืมตาขึ้นและมองมาที่เขา แม้ใบหน้านั้นจะแดงจัดจนแทบกลายเป็นสีม่วง แม้ว่าสีหน้าและร่างกายทั้งตัวจะแสดงออกว่าเจ็บปวดแค่ไหน แต่ทิมกลับเกร็งตัวจนนิ่งเหมือนท่อนไม้แข็ง แววตาทั้งสองบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะไม่ขอยอมแพ้ สีดำที่แข็งแกร่งคู่นั้นไม่หลงเหลือความหวาดกลัวหรือเจ็บปวดอีกต่อไป

ถึงใจจะสู้แค่ไหน แต่ร่างกายมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด นาทีต่อมา ทิมกระตุกจนเกร็งเส้นเลือดปูดโปนแล้วสงบนิ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายหมดเรี่ยวแรงและด้านชากับความเจ็บปวดไปแล้ว หรือบางที...

ทิมหายใจช้าและสงบราวกับยอมจำนน เจ้าของบาดแผลค่อยๆ หลับตาลงอย่างผู้แพ้พ่ายในสงคราม พร้อมกับความเจ็บปวดของเข็มสุดท้ายที่แทงบนหัวไหล่ และพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเกินจะกลั้นของคนที่นั่งคร่อมอยู่

คะน้าร้องไห้... เขาสะอื้นและส่งเสียงดังออกมาอย่างไม่รู้สึกอาย ร่างทั้งร่างสั่นระรัวไปกับกำแพงความอดกลั้นที่พังทลายลง พอแล้ว... พอเสียทีกับความเข้มแข็งที่เขาแบกเอาไว้ คะน้าโผลงกอดร่างคนที่นอนอยู่ ปลดเปลื้องความรู้สึกและตัวตนที่ซ่อนเร้นเอาไว้ทั้งหมด เขาได้ยินเสียงตัวเองพร่ำเรียกชื่อของทิมเป็นสิบๆ ครั้ง ตะโกนให้ฟื้นขึ้นอีกเป็นสิบเป็นร้อยหน เสียงคร่ำครวญของคะน้าสะท้อนก้องไปในความว่างเปล่าที่โศกศัลย์






“อย่าเพิ่งแช่งกันดิ๊”

เสียงแหบแห้งและแผ่วเกือบจะเท่าลมหายใจของทิมดังขึ้น คะน้าหยุดชะงักทุกสิ่งพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง เขาดันตัวสูงขึ้นแล้วมองดูคนที่อยู่ด้านล่าง ทิมยังคบหลับตา ใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนนั้นเริ่มเห็นสีฝาดเลือดขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าคิดชิ่งไปเสวยสุขกับไอ้เหี้ยแว่น บอกไว้เลย อย่าได้ฝัน”

ถ้อยคำที่ถือดีนั้นสั่นและขาดห้วง กระนั้นก็บ่งได้ดีว่าผู้พูดนั้นยังสู้ไหว แม้ทุกครั้งที่ได้ฟัง คะน้าจะรู้สึกไม่ชอบหูกับความยียวนกวนประสาทสักเท่าไหร่ หากแต่พอนานไปเข้า คำพูดเหล่านั้นกลับทำให้เขายิ้มออกมาได้ทุกครั้งโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รับรู้ ...แม้กระทั่งในเวลานี้ก็ตาม คะน้ากำลังยิ้มหรืออาจจะเรียกได้ว่าหัวเราะทั้งน้ำตา



“ไม่แพ้ไม่กระสุน แต่บอกตรงๆ ...แพ้น้ำตาพี่ว่ะ”

คะน้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่นอนอยู่ ทิมกำลังยิ้มให้ มือซ้ายที่พอจะขยับได้เอื้อมมาบีบมือของเขาเบาๆ



“อย่าร้องไห้อีกได้หรือเปล่า ไม่รู้เหรอว่าเห็นแล้วมันเจ็บ”

คะน้าพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เขารีบขยับตัวออกมาแล้วหยิบผ้ากลอสและผ้าพันแผลขึ้นพันรอบๆ เพื่อกันฝุ่นละออง ด้ายพวกนี้แม้จะก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว แต่เพื่อประทังอาการไม่ให้ทรุดชั่วครู่ก่อนถึงมือหมอนั้นถือว่ายอดเยี่ยม ดวงตาคู่นั้นของทิมจับจ้องที่ใบหน้าเขาตลอดเวลาจนคะน้ารู้สึกประหม่าเขิน เมื่อทำแผลเสร็จ ยาแก้ปวดหลายเม็ดพร้อมกับน้ำประปาที่รองใส่ขันก็ถูกส่งเข้าปากคนที่เจ็บอยู่เพื่อบรรเทาความปวดปร่า ไม่ช้าทิมก็นอนพัก เขาจะรอให้ทิมพักฟื้นตัวสักพัก และถ้าเป็นไปได้ เขาจะหนีออกไปจากที่นี่ก่อนรุ่งเช้า

ระหว่างที่ทิมหลับอยู่เพราะความเพลีย คะน้าออกเดินสำรวจบ้านในละแวกนั้นแต่ละหลังอย่างระมัดระวัง เรื่องประหลาดก็คือประตูเหล็กพวกนั้นถูกล็อคตายจากด้านนอกทุกบ้าน คะน้ามั่นใจว่าพวกมันที่เหลือเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ ต่างฝ่ายต่างระวังกัน เมื่อฝั่งนั้นก็รู้ดีว่าเขามีปืนและมีด แม้จะไม่รู้จำนวนลูกกระสุนที่เหลือ แต่ช่วงเวลาในตอนนี้ ใครที่เพลี่ยงพล้ำก่อนจะเป็นผู้จบชีวิตในทันที คะน้าเดาว่าพวกมันคงดักรอที่ปากทางเข้าแต่ละจุดแล้วรอเวลาที่จะฝังเขาและทิมอย่างไม่ต้องออกแรงอะไรให้มากมาย

เขาย้อนกลับไปหาทิม พยายามค้นคิดหาทางเป็นไปได้อื่นๆ ก่อนความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในความคิด มีทางออกหนึ่งที่นับว่าเสี่ยงเอามากๆ แต่คะน้าค่อนข้างมั่นใจว่าคุ้มพอที่จะเสี่ยง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงคาดไม่ถึงกับความคิดหลุดโลกแบบนี้ ยังมีอีกทางหนึ่งออกจากตลาดนี้ไปได้ และเขาเองก็เคยใช้ไปหาทิมที่ไซด์งานก่อสร้างตอนกลางคืน


...ใช่ เราจะปีนรั้วออกไปทางไซด์งานก่อสร้าง



(มีต่อด้านล้างครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อเลยนะ)



คะน้ารีบรุดกลับไปหาทิมที่รออยู่ สีหน้าของชายหนุ่มดีขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ยาที่ออกฤทธิ์และการพักผ่อน เขาเหน็บปืนและมีดเข้าที่ขอบกางเกง หยิบเสื้อขึ้นสะบัดแล้วสวมทับให้กับตัวเองและทิม จากนั้นก็พยุงร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นแล้วค่อยๆ ประคองไปทางด้านหลังของตลาดช้าๆ

พื้นที่ของตลาดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางเข้าจากด้านหน้าสองทาง และทางเข้าด้านข้างจากลานจอดรถ ตลาดถูกล้อมรอบด้วยอาคารพานิชย์ขนาบข้างซ้ายและขวา ด้านหลังถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนั้นเดิมเป็นพื้นที่กว้างที่ใช้สำหรับจอดรถ ปัจจุบันถูกขยายต่อเชื่อมกับส่วนที่สองซึ่งก็คือคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่

พระจันทร์เสี้ยวเปล่งแสงสีเงินลอดผ่านรอยแตกบนหลังคา รอบๆ ตลอดในตอนนี้มืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น ความคุ้นเคยในพื้นที่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อยทำให้คะน้าพอจะประคับประคองทิมให้เดินไปสู่ด้านหลังตลาดได้ มีสายลมเอื่อยๆ วิ่งผ่านร่างของเขาเป็นระยะ คะน้าได้ยินเสียงกรีดร้องของดวงดาวสะท้อนก้องไปในความเวิ้งว้างที่มืดดำ เข็มนาฬิกาแห่งรัตติกาลเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างไม่เคยรีรอ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงรุ่งเช้า แสงอาทิตย์ให้ทั้งคุณและโทษ สะดวกผู้หลบหนี แต่ในทีก็สะดวกกับผู้ไล่ล่าเช่นกัน

คะน้าใช้เวลานี้อย่างรอบคอบ เขาค่อยๆ ดันทิมให้ปีนป่ายขึ้นบนรั้วกำแพง มือที่เจ็บจนขยับไม่ไหวทำให้คะน้าใช้แผ่นหลังของตัวเองส่งให้อีกฝ่ายขึ้นสู่ที่สูง ทิมขยับตัวได้เชื่องช้าและเกือบพลัดตกมาหลายรอบด้วยความโรยแรงและแผลที่บอบช้ำ กระนั้นชายหนุ่มก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดของกำแพงได้สำเร็จ ทิมนั่งพักอยู่บนนั้น เพื่อพรางไม่ให้สังเกตเห็นได้ง่าย ชายหนุ่มค่อยๆ หมอบตัวลงอย่างยากลำบาก จุดสีแดงบนหัวไหล่และช่องท้องซึมขยายอาณาเขตช้าๆ แต่แล้วทิมก็ทำได้สำเร็จ

สถานการณ์ปลอดภัย ทุกอย่างปลอดโปร่งและเงียบปราศจากทุกสรรพเสียง คะน้าค่อยๆ ส่งตัวเองขึ้นสู่กำแพงทีละน้อย ตัวเขาเองก็อ่อนล้าจนแทบกระโดดปีนไม่ไหว คะน้าส่งสัญญาณให้ทิมลงจากกำแพงไปก่อนได้เลย แต่ชายหนุ่มที่รออยู่นั้นกลับยื่นมือซ้ายของตัวเองแล้วส่งมาที่เขา คะน้าส่ายหน้าปฏิเสธ หากแต่ทิมก็ดื้อแพ่งในความคิดไม่ต่างกัน

“ผมจะไม่ไปคนเดียว”

คะน้ายืนนิ่ง แหงนหน้าขึ้นสบตาคู่นั้นแล้วแย้มริมฝีปากเล็กน้อย ทิมกระตุกคิ้วแล้วกวักมือมาข้างหน้า ชายหนุ่มทั้งสองตกอยู่ในลักษณาการนี้อยู่เนิ่นนาน กระทั่งคะน้าเป็นฝ่ายปัดมือนั้นแล้วเดินมาที่กำแพงเอง เขาจะลองพยายามดูอีกครั้ง การใช้แรงของทิมช่วยพยุงจะทำให้บาดแผลของทิมเปิดตัวออก ซึ่งนั่นไม่ดีเลย คะน้าตั้งสติและกะระยะด้วยสายตา เมื่อปรับจุดหมายที่จะยืดจับได้เสถียรแล้ว เขาก็ย่อตัวลงแล้วกระโจนขึ้นสูงอีกครั้ง ในที่สุดคะน้าก็ยึดมั่นกำแพงได้สำเร็จ ที่เหลือก็เพียงแค่พยุงตัวไต่ขึ้นสู่ยอดกำแพง ทิมจ้องมองมาที่เขาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้




ปั่งงง!!!

จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นที่ขอบกำแพง คะน้ารู้สึกถึงแรงลมที่เฉียดฝ่ามือของตัวเองไปในระยะประชิด สายตาของเขาเห็นเศษอิฐปูนระเบิดขึ้นตรงหน้าพร้อมกับลูกกระสุนที่ค่อยๆ ร่วงลงมา คะน้ารีบปล่อยมือจากกำแพงแล้วทรุดตัวลงหมอบ มือทั้งสองกุมหัวตามสัญชาตญาณ

“พลาดไปซะได้!” เสียงสบถด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นพร้อมกับเงาตะคุ่มของคนจำนวนสามคน คะน้าจำหนึ่งในนั้นได้เป็นอย่างดี ยามคนที่เขาเคยส่งคนเงินในวันก่อน “กะแล้วว่าพวกมึงไม่ธรรมดา ถึงขนาดล้มคนแปดคนได้ กูไม่แปลกใจเลย”

“มึงที่อยู่บนกำแพงน่ะ ไม่ต้องกระโจนไปหรอกนะ อีกฝั่งก็มีพวกกูรอรับมึงด้วยลูกปืนเหมือนกัน มึงสองตัวไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ” พวกมันส่งเสียงแล้วหัวเราะออกมาราวกับผู้กำชัยชนะ ทิมกัดฟันแน่นส่งเสียงคำรามในลำคอแล้วตวาดออกไปด้วยท่าทางที่พร้อมสู้ทุกเมื่อ

“คิดดูให้ดี ถ้าพวกมึงจะลองดีกับกู”

คะน้าเห็นพวกมันสามคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนที่คนหนึ่งในกลุ่มพวกมันจะตะโกนออกมาด้วยท่าทางที่ตกใจ “เหี้ยแล้วมึง นั่นมันลูกชายคุณธาดา แม่งจะพากันบรรลัยแล้วไหมล่ะ”

ช่วงเวลาที่พลั้งเผลอ คะน้าค่อยๆ อ้อมมือเข้าด้านหลังตัวเองแล้วหยิบปืนที่เหน็บไว้ที่เอว เขารีบยกขึ้นเหนี่ยวไกแล้วยิงทันที! ความที่ใช้แรงนิ้วในการเกาะกำแพงทำให้มือของเขาสั่น กระสุนนั้นจึงพลาดเป้าไปอย่างหวุดหวิด! คะน้ารีบเหนี่ยวไกปืนขึ้นอีกครั้ง แล้วออกแรงกดที่นิ้วชี้! ทว่าทุกสิ่งนั้นนิ่งเงียบ



...ลูกกระสุนในปืนนั้นถูกใช้ไปหมดเสียแล้ว!

นาทีถัดมาคะน้าถูกล็อคจากด้านหลัง มีดสั้นถูกปลดออกจากเอว รวมถึงปืนสั้นที่ถูกกระชากออกจากมือก่อนที่กระบอกของมันจะย้อนกลับมาฟาดลงบนหน้าของเขา คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า ก่อนที่ร่างกายจะรับรู้ถึงความเจ็บและกลิ่นคาวเลือดที่พุ่งขึ้นในโพรงปากในวินาทีถัดมา เขาถ่มกลิ่นแห่งความพ่ายแพ้ที่น่าสะอิดสะเอียนนั้นทิ้งและเงยหน้าขึ้นสบตามันผู้นั้นอย่างไม่หวาดเกรง

“แสบนักนะมึง” มันง้างหมัดแล้วอัดเข้าที่ท้องของคะน้าอีกครั้ง คะน้าทรุดตัวงอด้วยความจุกพร้อมกับเสียงตลาดด้วยความกราดเกรี้ยวของอีกคน

“ถ้ามึงทำคนของกู กูสัญญาว่ามึงจะได้เห็นนรกที่แท้จริงแน่!!”

ทิมกระโจนลงมาจากด้านบนแล้วโถมเข้ามาทั้งตัว มันคนนั้นอัดหมัดเข้าที่ใบหน้าของทิมทันทีจนร่างสูงกลิ้งหลุนไปกับพื้น “มึงสองตัวไปจับแม่งไว้! กูจะจัดการไอ้เหี้ยนี่ก่อน”

“เฮ้ย! จะดีเหรอเฮีย ไอ้เหี้ยนี่มันสุดๆ เลยนะ ใครๆ ก็กลัวแม่ง” อีกสองคนที่เหลือส่งเสียงหวาดๆ

“แล้วมึงคิดว่าถ้าแม่งรอดไปได้ มันจะปล่อยมึงไว้หรือเปล่า! งานนี้พวกแม่งจะไม่ได้รอดสักตัว!!!” มันตวาดกลับ สองคนที่เหลือหันมามองหน้ากันเลิกลั่กเหมือนตัดสินใจทำอะไรไม่ถูก

ทิมค่อยๆ พยุงตัวขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะถูกตรึงไว้ตามคำสั่งของคนที่เหลือ ชายหนุ่มพยายามดิ้นสะบัดให้หลุด แต่เหมือนร่างกายตัวเองไม่ได้หลงเหลือเรี่ยวแรงมากมายพอจะทำได้ขนาดนั้น ภาพที่เห็นในสายตาของทิมคือร่างที่ขดแบบพื้นจนตัวงอโค้งของคะน้า พร้อมกับเท้าที่เตะอัดนับครั้งไม่ถ้วน ร่างกายของคะน้ากระดอนไปมาตามแต่แรงเหวี่ยงน้ำหนักจากหน้าแข้งของอีกฝ่าย

“สัตว์!!! มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!! กูบอกให้หยุด!!!!!!!” ทิมกระชากตัวเองโดยไม่สนอะไรอีกต่อไป ปากก็ตะโกนส่งเสียงแผดร้องเหมือนโลกจะสิ้น ชายหนุ่มออกแรงกระทืบ ทั้งศอกทั้งเตะพัลวัน พล่ามด่าคำสบถสาบแช่งต่างๆ นานา “มึงตาย! มึงเตรียมตัวตาย!!! รอกูได้เลย!!”

“มึงอยู่ตรงนั้น! รอกู!! มึงต้องเจอกับกู!!!! เหี้ยแม่งงงง!!!!”

ทิมทั้งโหม่ง ทั้งโขกหัวตัวเอง ทั้งออกอาวุธอีกสารพัดที่ร่างกายกึ่งซากชีวิตของตัวเองจะพอทำได้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คำท้าทายของทิมจุดเชื้อเพลิงให้อีกฝ่ายยิ่งฮึกเหิม ทิมออกแรงทั้งหมดที่หมีหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการ แต่เมื่อใดๆ ที่ทำลงไปกลับไม่บังเกิดผล ปฏิกิริยาที่เหลือพอจะแสดงออกได้ถึงการไม่ยอมให้ภาพตรงหน้าเดินต่อคือน้ำตาของลูกผู้ชาย ก่อนจะตามมาด้วยหนทางสุดท้ายที่ชายหนุ่มพอจะทำได้ในเวลานี้ ทิมส่งเสียง แหบพร่า ขาดห้วง และหมดสภาพราวกับไม่ใช่ทิมที่ใครๆ เคยรู้จัก

“มึงหยุดเถอะ ได้โปรด... มึงจะทำอะไรมาทำกับกูนี่ กูไม่สู้มึงก็ได้ มึงมาลงกับกู แต่อย่าทำกับคนของกู กูขอร้องงงง หยุดเถอะ... กูขอร้อง ...กูขอร้องงง”

เสียงสั่นจะสะท้านพร้อมกับน้ำตาแห่งคนที่ได้ชื่อว่าจอมยะโสไหลออกมาอย่างไม่เหลือศักดิ์ศรีให้ทนง วงแขนที่รัดร่างของทิมมาโดยตลอดคลายตัวออกช้าๆ ไม่ใช่เพราะแรงที่ขัดขืนของทิม หากแต่เพราะท่าทางแบบนั้นที่ใครเห็นก็คงยากจะไม่รู้สึกใดๆ ทิมวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาคะน้า สองมือคว้ามาโอบกอดอย่างลืมความเจ็บปวด ชายหนุ่มเอาแผ่นหลังของตัวเองเป็นเกราะกำบังให้กับคนในวงแขนของตัวเอง ทิมโดนเตะและกระทืบซ้ำๆ เข้าที่กลางหลังและลำตัว หยดเลือดซึมออกมาจนย้อมผ้าสีขาวให้กลายเป็นสีแดง

“อย่าโทษกูล่ะ กูแค่ทำตามที่มึงขอ”

ทิมอยู่นิ่ง เขารักษาคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างของตัวเองกระดอนไปตามแรงเหวี่ยงจากปลายเท้า ทิมไม่ได้รู้สึกเจ็บ ...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับบาดแผลมากมาย ความรู้สึกพวกนั้นมันเล็กน้อย กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในเวลานี้ ทิมแค่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาพึงจะทำได้แล้ว ร่างของทิมไหวไปตามแรงกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า หัวของชายหนุ่มผู้ทนงตนเองหนักนาในเวลานี้กลับสยบแทบเท้าของเดรัจฉานที่ไม่มีหัวใจ มันตัวนั้นกระทืบลงบนหัวแล้วขยี้ปลายเท้าลงบนหัวของทิมช้าๆ พร้อมเสียงหัวเราะร่าอย่างปีศาจ

หากแต่อีกมุมหนึ่งของภาพที่ไม่น่ามองเหล่านั้น กลับแสดงภาพที่แตกต่าง หากแม้นใครสักคนในที่นั้นพอที่จะมีหัวใจแบบปุถุชนคนธรรมดา มนุษย์ผู้นั้นจะได้สัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นกว่าทุกความรู้สึกในใจ




...ทิมลูบหัวของคะน้าอย่างแผ่วเบา มือที่แข็งแกร่งค่อยๆ ปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนบนผมที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นด้วยความรู้สึกทนุถนอม ชายหนุ่มที่เปลือกนอกแข็งกร้าวและด้านชาโน้มใบหน้าลงมาช้าๆ แล้วจูบลงกลางกระหม่อมของคนในอ้อมแขนพร้อมกับรอยยิ้มอุ่นๆ

“ไม่เป็นอะไรนะ ผมอยู่นี่”


มีคนบอกว่าจุดอ่อนของผู้ที่เข้มแข็งที่สุดนั้นคือความอ่อนโยน หากได้สัมผัสแล้วนั้น แม้แต่กำแพงที่แข็งกว่าเหล็กกล้าก็กร่อนทลายได้ในพริบตา สุดท้ายแล้ว มันผู้นั้นก็หยุดการกระทำที่ต่ำช้าแล้วจ้องมองภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกราวกับผู้พ่ายแพ้ปราชัย

สัตว์อสูรในร่างคนถอยกราดอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง จิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยไม่ตั้งใจจนแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่คาดคิด หากแต่คนในสถานะแบบนั้นเมื่อกระโจนขึ้นหลังเสือแล้วก็คงยากที่จะถอยกลับ มันผู้นั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับพวกพ้องที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน

“กูเปลี่ยนใจแล้ว กูจะไม่ลงมือให้เหนื่อยอีกแล้ว กูมีวิธีที่ดีกว่านี้” มันหันมองมองทิมที่นั่งอยู่นิ่งๆ ที่เดิมแล้วเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างไม่อยากจะมอง “จับพวกแม่งไปขังไว้ในบ้านร้างแล้วปิดทางเข้าออกทั้งหมด กูจะให้พวกมันค่อยๆ ตายไปเอง”

ที่ดินโดยรอบตลาดนั้นถูกกว้านซื้อโดยฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์ ...คุณธาดา ไม่มีผู้ใดเข้ามาในสถานที่เหล่านั้นอีก ถ้าไม่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากผู้ถือครองกรรมสิทธิ์

“แต่แบบนั้นมันก็ตายนะ แล้วไอ้เหี้ยนั่นมันจะปล่อยเราไว้เหรอ” มีคำท้วงติงออกจากปากของพรรคพวก หากแต่มันตัวนั้นไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรมากมาย

“พวกมึงยิงกล้องวงจรปิดที่ถนนหมดแล้วใช่ไหม” ใบหน้าที่ไหวลงของสองตัวที่เหลือเรียกรอยยิ้มของผู้ออกคำสั่งขึ้นมา “งั้นพวกมึงเอามันสองตัวไปเก็บตามที่กูบอก”

“เฮีย...”

“มึงอย่าลืมสิ กูแค่ออกแรงนิดหน่อยและมันก็ไม่ถึงตาย มันสองตัวอดตายกันเองต่างหาก กูไม่ได้ฆ่าพวกแม่งสักนิด” มันผู้นั้นละสายตาจากชายสองคนที่หมดสภาพอยู่ที่พื้น แล้วหันไปพูดกับลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล



“...ไอ้เหี้ยนั่นต่างหากที่เป็นคนฆ่าลูกชายตัวเอง”

หลายนาทีถัดมา ร่างที่เหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณทั้งสองถูกลากเข้ามาอยู่ในห้องที่ปิดตาย ว่างเปล่าและมืดสนิท มีเพียงหน้าต่างบานเล็กๆ ล้อมลูกกรงเหล็กให้พอได้อากาศจากภายนอก พวกมันล็อคประตูทางเข้าด้วยแม่กุญแจและโซ่ขนาดใหญ่ แล้วเดินลงไปสำรวจบริเวณต่างๆ ด้านล่าง เก็บเศษซากร่องรอยต่างๆ แล้วฝังไว้ในกองไม้ไหม้ๆ ที่ผุพัง พวกมันพยุงร่างของพรรคพวกคนอื่นๆ ไปทีละคน ทิมไม่ได้สนใจอะไรคนเหล่านั้นมากมาย เขามองจ้องเพียงแต่ร่างของคนในอ้อมกอดที่หายใจแผ่วจนเหมือนไม่รับรู้สิ่งใด

คะน้ารับรู้ได้ถึงแรงเขย่าตัว แต่เขาในตอนนี้รู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่อยากจะทำอะไร ลมหายใจอ่อนล้าดูเหมือนจะผุพังไม่ต่างอะไรกับสภาพของตลาดที่ตัวเขาเองเติบโตขึ้นมา ในภวังค์เขาได้ยินเสียงของทิมเรียกชื่อเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกถึงหยาดน้ำผ่าวร้อนที่หยดลงใบหน้า คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการกลั้นใจลืมตาขึ้น และเผื่อความพยายามอีกนิดในการฝืนรอยยิ้มของตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด


“โทษทีนะ ผมพลาดจนได้ ไม่โกรธใช่ไหม”

ทิมส่ายหน้าตัวเองไปมา คะน้าใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดในการเอื้อมมือไปสัมผัสความอบอุ่นตรงหน้า นิ้วโป้งค่อยๆ คลี่แล้วปาดซับหยดน้ำใสๆ รอบดวงตาของคนที่ทำให้หัวใจเขากระเจิดกระเจิงได้ถึงเพียงนี้ ทิมร้องไห้แต่ไม่ได้สะอึกสะอื้นแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนี้ยังเป็นชายหนุ่มที่ทรนงและโอหังอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเขานิ่งสนิทราวกับรูปปั้น คงมีเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่เผยให้เห็นความเปราะบางในใจ

“พี่จะไม่เป็นไร ผมสัญญา ...ผมสัญญา”

เสียงทุ้มนั้นพร่ำถ้อยคำซ้ำๆ หลายครั้ง คะน้ายอมรับว่ามันเรียกกำลังใจขึ้นมาได้อย่างประหลาด หากแต่เขารับรู้ดีว่าร่างกายนั้นมันอีกเรื่อง คะน้าในตอนนี้รู้สึกอ่อนล้าเหลือเกิน เขาเหนื่อย บอบช้ำสะบักสะบอม และเหมือนจะทนอะไรต่อไปไม่ไหว

คะน้าเงยหน้าขึ้นจดจำแสงสีนวลของเสี้ยวพระจันทร์ที่ทาบทอขอบฟ้า หลับตาแล้วสัมผัสถึงสายลมที่วนอยู่รอบๆ กาย ลมเย็นที่พัดผ่านมาทางหน้าต่าง และลมอุ่มๆ ของลมหายใจคนที่อยู่ใกล้ๆ ความมืดไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เขาเคยคาดคิด ความรักก็เช่นกัน มันทิ้งร่องรอยดีๆ จนกลายเป็นภาพความทรงจำที่เขาคงไม่อาจลืมเลือน สุขหรือทุกข์ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนเราที่จะเลือกปรุงแต่ง

เขาค่อยๆ เติบโตขึ้น เรียนรู้ทุกสิ่งมากขึ้นด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป ความฝัน ความหวัง แม้จะสูญสลายไปดั่งคลื่นที่วิ่งเข้ากระทบฝั่ง แต่ก็มีคลื่นใหม่ๆ มาเสมอ ท้องฟ้าที่ดำหม่นอีกไม่นานก็จะกลายเป็นสีฟ้า ความมืดที่มองไม่เห็น สักพักก็จะถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง โลกใบนี้ก็เป็นอย่างนี้ การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นของอีกสิ่งเสมอ

“ผมทนได้ พี่ก็ต้องทนได้!” ทิมตวาดเสียงก้อง ร่างไหวสะเทิ้นประท้วงขึ้นไปด้วยความรู้สึกที่ถาโถม คะน้าสบตาแล้วตอบเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม


“แค่เหนื่อยน่ะ”

คำตอบนั้น ดูจะทำให้ทิมจะคลายความวิตกลงไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าร่างกายตัวเองจะอ่อนล้าจนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่าง บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ หลายคราที่คะน้าอดแปลกใจไม่ได้ ทิมลืมความเจ็บปวดของบาดแผลที่เฉียดเงื้อมมือของมัจจุราชพวกนั้นไปได้อย่างไร ซ้ำยังฝืนร่างกายมาใส่ใจห่วงใยกับเขาจนลืมตัวเองเสมอไม่เว้นแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้

“งั้นพักก่อน แต่สัญญาว่าจะตื่นขึ้นมาหาผม พี่ต้องสัญญา”

ทุกสิ่งเงียบ ...เงียบจนวิเวก ทั้งสายลมรอบๆ ตัว ทั้งจิตใจของตัวเอง คะน้าไม่ได้เอ่ยคำตอบใดๆ ออกไป มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่ระบายขึ้นให้กับเจ้าของวงแขนที่ปกปักษ์เขาอยู่ไม่ห่าง เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด

“สัญญาสิ ได้โปรด... รับปากกับผมก่อนว่าพี่จะไม่เป็นอะไร จะไม่ไปไหน” เสียงทุ้มของทิมยังพร่ำกังวานอยู่ในหู

อย่างกับเด็กๆ ที่ชอบงอแงเวลาที่อยากได้อะไรเลย ...แต่ก็ดีแล้วที่หมอนั่นไม่เป็นไร

“สัญญา... สัญญากับผม พี่ต้องสัญญา” ทิมเขย่าตัวของเขาไปมา คะน้ายิ้ม ...ยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายให้กับทิมแล้วค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ปลดเปลื้องทุกสิ่งในใจ


...สัญญาสิ ผมอยากตอบแบบนั้นจริงๆ


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปอีกตอน ขยับเข้าใกล้ตอนจบขึ้นอีกนิด เหลืออีกประมาณ 2 ตอนก็จะจบแล้วล่ะครับ
เรียกว่าชัดเจนแล้วกันล่ะนะครับว่าใครเป็นพระเอก ถึงจะยังมีเงื่อนงำอยู่ก็เถอะ แต่ก็จัดมาซะขนาดนี้แล้วนี่นา
จากนี้ไปมาเอาใจช่วยสองคนนี้กัน อยากให้อะไรๆ ผ่านไปได้ด้วยดีไวๆ แต่งไปก็เอาใจช่วยไป
(ที่เป็นแบบนี้ได้ข่าวว่าก็ฝีมือแกเองล้วนๆ) ยิ่งใกล้จบยิ่งเข้มข้น ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ
จริงๆ แล้วคนแต่งก็อยากสปอยล์ตอนจบมาก เพราะรู้ว่าคงครียดกับหลายตอนที่ผ่านมาน่าดู
แต่อ่านตอนต่อไปก็จะเห็นทรงแล้วล่ะครับว่าจะเป็นยังไงต่อ อยู่กันมาถึงขนาดนี้ อดทนอีกนิดนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์ครับ ดีใจทุกครั้งที่เห็นคนที่คุ้นเคยกันมาทักทายกันนะ
อีกนิดเดียวแล้ว เราจะลงเรือลำเดียวกันไปถึงฝั่งเนอะ มาถึงตอนนี้ได้ก็เพราะกำลังใจจากทุกคนล่ะครับ

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :fire: :fire: :fire:
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
หัวข้อเปลี่ยนเป็น37แล้ว แต่นิยายไม่มา T_T

:z13:
จิ้มคุณสมาคมโคแก่ครับ พอดีนั่งตรวจคำผิดอยู่น่ะครับ ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นด้วย เขินเลย 5555 :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โหดมาก
นี่มันแอ๊คชั่นดราม่าชัดๆๆๆๆ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
เอาอีกแล้วนะ วนิดาาาาาา  จบค้างอะ ค้างงงง
แล้วใครจะมาช่วยล่ะทีนี้ ตุลย์ ตามหาต่ายที ฮือออออออออออออออออออออออออออ
แต่ทิมแมนมาก ไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วพาลจะร้องไห้
ต่ายสัญญาแล้วทิม เดี๋ยวจะตื่นมาอยุ่ด้วยกันบนดวงจันทร์ บ่แมนทางช้างเผือก
รอตอนต่อไป กิ๊ดๆๆ ลุ้นๆ

ออฟไลน์ Aleleni

  • 世界中の誰よりきっと
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เค้าคิดไว้แล้วววววว่าคุณ Lucea ต้องมาบีบหัวใจคนอ่านอีกแน่ๆ
 อ่านแล้วมันแบบ ทั้งหวาน ทั้งหน่วง เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
ทั้งคะน้าและทิมต้องรอดนะ อย่ามาเอาน้ำตาเราไปเลยยยยย

หึ่ย ถ้าตอนหน้ามาช้าเค้างอนนะ บู่ววววว

อ๊ากกกกก หน่วงขนาดนี้คงนอนไม่หลับ คงต้องไปงอแงที่เพจต่อ 5555

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
ทิมมมมมมมมมมมมมมม
คะน้าาาาาาาาาาาาาาาาา
อยากเอาM79ไปถล่ทจริงๆ สะบัดสะบอมกันทั้งคู่
ฉากเย็บแผลที่เสียวดีจริงๆ แค่เข็มตำก็โคตรเจ็บแล้วอ่ะ นี่กรีดแล้วเอากระสุนออก
หมายความว่าไงที่พ่อทิมฆ่าลูกชายตัวเอง? อีก2ตอนจบแล้วเหรอออ ม่ายยย
 :o12: จงรอด จงรอด

ออฟไลน์ Jaiko★

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะทำร้ายกันไปถึงไหน;[];!!!
คะน้าาาอย่าเป็นอะไรไปนะ;_____;
อ่านไปจะร้องไห้ไป โฮรววววว

รออ่านอยู่นะคะ! อัพต่อเลยเถอะพลีสสส ค้างมากลุ้นมาก;^;

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เห้ยยยยยังอึ้งจากตอนที่แล้วไม่หาย
ตอนนี้ยิ่งอึ้งกว่า

สงสาร เรื่องนี้ เรียกว่าหาบทที่หว๊าน หวานได้น้อยมากเมื่อเทียบกับดราม่า
ชีวิตคะน้าชั่งอาพับยิ่งนัก ;(

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อ่านตอนนี้ไปหัวใจกระเด้งกระตอนไป แบบว่าทั้งโดนยิง ทั้งเย็บแผลผ่ากระสุน แล้วยังโดนรุมกระทืบอีก ถึกมาก
แต่อะไรก็ไม่ช็อคเท่าช่วงท้ายที่บอกว่าเหลืออีก 2 ตอนจบ    :a5:

แบบนี้ต้องทวงตอนพิเศษล่วงหน้าสัก 10 ตอน ถึงจะสมกับที่ให้คนอ่านกินมาม่าไปหลายชามโต  :m16:

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
.........ทิมน่าสงสาร คะน้าน่าสงสาร

คนแต่งก็น่าสงสารแต่...ไม่สงสารแล้ว!!!!!!!! :fire:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ลุ้นจนตัวโก่งแล้วต้องมีคนมาช่วยน่า ต้องมีเน๊อะ  :o12: :o12: จะโหดกันไปไหนเนี่ย ต่ายน้อยช้ำแย่แล้ว :sad4:
ขอบคุณจ้า o13 o13 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนนี้เล่นเอาน้ำตกซึมไปเลย ฮือๆ T_T
คนแต่งใจร้ายอ่ะ โฮๆๆๆๆๆๆๆ ทำร้ายพทิมได้ลงคอ T3T
คะน้าอน่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ทั้งสองคนต้องรอดไปให้ได้นะ

มาต่อเร็วๆนะคนแต่ง เค้าค้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
อย่าใจร้ายกับกระต่ายนักเลย สงสารจะแย่แล้ว T T

ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนที่แล้วไม่ได้เม้นท์เพราะอึ้งและอึดอัด มึน
เป็นสองตอนที่อ่านแบบข้ามๆ เพราะสุดที่จะทนไหว แถมลุ้นจนแทบไม่ได้หายใจกันเลยเชียว

ตอนนี้ความรู้สึกเมื่ออ่านจบ ดีขึ้นคงเพราะtalkของคนแต่งทำให้มีแรงใจขึ้นมา

อยากจะเปลี่ยนชื่อน้องทิมเป็นน้องทน เจอเข้าไปขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้
คะน้าออกจะเก่งเกิน สามารถกระทั่งผ่าหัวกระสุน และเย็บแผลหยุดเลือด
จำได้ว่าจบโทการตลาดนี่นา หรือจำมาจากหนังhollywoodจ๊ะพ่อ
อ่านแล้วขัดใจ ไม่ทำให้เชื่อได้เต็มที่

รอตอนต่อไปอย่างมีความหวัง
ขอบคุณที่มาสมำ่เสมอไม่ทำให้ต้องรอนานนะคะ

ออฟไลน์ AfternoonTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คืออออออออออออออออออออออออออออ.....
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
จะมีใครมาช่วยสองคนนี้ไหม?
พ่อทิมเป็นคนสั่งใช่มั้ย?

อีกสองตอนจะจบแล้วหรอ ปัญหายังไม่เคลียร์เลยยยย
แต่ที่สำคัญคือ ดีใจอะ ดีใจที่เชื่อทิม ทิมรักคะน้ามากรักมากจริงๆ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ถึงตอนนี้มันจะโหดร้าย แต่มันก็ยังมีบรรยากาศหวานๆ อบอุ่นของต่ายน้อยกับทิมให้เห็นอยู่

แต่ !!!!!  ใครก็ได้เถอะมาช่วยสองคนนี้ที  ไม่ไหวแล้วนะ  :m15: :m15:

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ต่ายเอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว งั่กๆๆ
สงสารทิม สงสารต่ายน้อย T___T ใครก็ได้มาช่วยที แง

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวนะคุณธาดา
หึ จะรอดูวันที่รู้ว่าลูกตัวเองจะตายเพราะน้ำมือตัวเอง
ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเพราะความโลภเล่นซึ่งๆหน้าไม่ได้ต้องเล่นลับหลัง

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
อ่านไปก็น้ำตาซึมไป สงสารทั้งคู่เลย ทำไมต้องมาเจออะไรหนักหนาแบบนี้ฟระ ไอ้พวกนั้นมันก็โคตรโหดจริง ๆ นะ
ซึ้งกับทิมด้วย ไ่ม่แพ้ลูกปืนแต่แพ้น้ำตาพี่ตาย โอย สั่นคลอนหัวใจคนอ่านมาก อึดได้อีกทั้งสองคนเลย
ทิมนี่แบบอึดมากตอนเย็บแผลนี่โคตรทรมานมากนะ สงสารคะน้าด้วยที่้ต้องทำ สุดท้ายปล่อยโฮเลยคะน้าเรา
เหมือนจะไปรอดแต่ก็ไม่รอดอีก ตอนทิมร้องไห้แล้วเข้าไปกอดคะน้านี่แบบ โอย สะเทือนใจมากซึ้งมากด้วย
ตอนท้ายน้องต่ายเหมือนจะไม่ไหว ไม่นะ...แค่พักเหนื่อยแล้วตื่นมาอยู่กับทิมต่อนะ
ชื่อหมอตุลย์โผล่มานิด ๆ ทิมดูเกลียดชัง แกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มั้ยนะ
เีืรื่องพ่อของทิมด้วย ยังไง สรุปไม่ใช่พ่อแท้ หรือพ่อแท้แต่ิิทิมไม่ยอมทำตามคำสั่ง อยากรู้เกิ้นตอนนี้

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ beery25

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-0
จากโรแมนติค คอมเมดี้ กลายมาเป็น ดราม่า จนมาเป็นโศกนาฏกรรมรัก :m15: :sad4:

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
ทิม!!!

ในที่สุดนายก็เป็นพระเอกจริง ๆ ดีใจที่เลือกทิม
ทิมแม่มดีอ่ะ โคตรดี ดีมาก
ดีใจที่ต่ายยอมทำตามใจตัวเอง แต่ถึงไม่ยอม ด้วยนิสัยก็ต้องช่วยทิมอยู่ดี
แต่อย่างที่อ่านมา ต่ายยังรักทิไม่เปลี่ยนแปลง

ลางสังหรณ์มันบอกว่าทิมนี่แหละพระเอก
เอาจริง ๆ ก็ตั้งแต่ีำทำนายแม่หมอแล้วมั้ง
อีกอย่างคนนิสัยอยางตุล เรื่องไหนเรื่องนั้นถ้ามีคนนิสัยอย่างทิม ตุลจะไม่มีวันเป็นพระเอกเด็ดขาด 555
อ้างเองจากที่เคยนิยายในเล้าหลาย ๆ เรื่อง

แอบภมิใจตัวเองอ่ะที่วางใจทิมตั้งแต่แรก อิอิ

ว่าแต่เค้าสังหรณ์ว่าตุลจะอยู่เบื้องหลังมั้ยน้าาาาา

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
หนทางรอดนั้นริบหรี่

พระคุ้มครองทั้งสองคน

ช้านนนนนนร้องไห้ไม่ออก

 o22

คนที่ไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด ... อยู่ๆก็นึกถึงคำนี้ และตุลก็โผล่มาในหัว

ชั้นคิดมากไปรึเปล่าา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด