♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 430484 ครั้ง)

ออฟไลน์ Aleleni

  • 世界中の誰よりきっと
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หลังจากลุ้นไส้บิดมาแล้วหลายตอน... ตอนนี้ก็เริ่มหายใจทั่วพุงแล้ว
ความจริงทุกอย่างก็รู้แล้ว แอบสงสารทิมมากๆ พระเอกสุดๆ
ไอ้ตอนที่สารภาพว่าอิจฉนั่นมันโคตรน่ารักเลย~
ทิมนายมันพระเอกจริงๆนะนายก็คนธรรมดา ไม่ใช่เลวหรอก 555
... แต่พระเอกทิมเนี่ย เป็นพระเอกแบบหื่นๆนะ
ขนาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะหื่นอีก 5555
อย่างหนีตอนอดออกไปต้องคิดทบต้นทบดอกกับคะน้าแน่ๆ

สารภาพความจริงว่าถึงแม้จะอ่านตอนพิเศษมาแล้ว
แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี อิอิ ว่าใครเป็นพระเอก
มาต่อเร็วนะคะ

ปล. คิถึจะทูจุเบยยยย  :z10:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เข้าใจกันแล้วดีจัง แล้วจะเป็นไงต่อไปเนี่ย ปูเสื่อรอเลยอิอิ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณจ้่า :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
 :m4:    :m3:    :m1:

น่าร๊ากกกจริงๆ :give2: ทั้งพี่ทิมและนู๋คะน้า

จะจบแล้วจริงๆน่ะหรอ ใจหายนะเนี่ยขอตอนพิเศษด้วยนะคะคุณLucea :pig4:

      :กอด1:      :กอด1:


ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ไม่รู้สิ  ก็คิดนะว่ามันคงออกมาแบบนี้  และมันก็ไม่ต่างไปจากเรื่องอื่น

ใจแอบหวังให้ทิมเลว  แต่คะน้าก็ไม่ได้เลือกตุล

อยากให้จบแบบ ไม่สมหวัง  คงจะดีมาก

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
หวานไม่แคร์โลเคชั่นจริงๆ เชอะ!!!!
กลับมาเข้าใจกันก็ดีละ ทิมโคตรพระเอกเลย ทำไมๆๆ  :o8:
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ จริงดิ  :a5:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Every cloud has a silver lining
ตอนนี้เห็นแค่ประโยคนี้เลยแหละ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
 โอเค เคลียร์ไปเป็นอย่างๆ แต่อ่านแล้วเหมือนกับพล๊อต
นิยายฝรั่งที่เคยอ่านเลย ให้ตาย!

ตอนที่นั่งคุยกันตอนแรกและเห็นแววตากัน นั่งหลังพิงอกอยู่
ไม่ใช่หรือคะ หรือดิฉันอ่านไม่ละเอียด ไปหมุนตัวเห็นหน้า
กันตอนไหน

มีตอนพิเศษด้วยหรือคะ ไม่เห็นอ่ะ เดี๋ยวตามไปมองหา

รอดูว่าจะรอดแบบไหน ...  :กอด1:

............

ไม่เห็นมีตอนพิเศษตรงไหนเลย มีแค่ตอนที่38นี่คะ ...
เอ้อ งง

...........

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2013 11:37:25 โดย cinquain »

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
สำหรับตอนนี้ ขอบอกแค่ว่า "เฮ้อ!  โล่งอก"

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บอกว่าคะน้าเป็นคนแรกของตัวเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าได้กับตุลมาแล้ว
เอ๊ะ ทั้งที่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือความไว้ใจแท้ๆ

ออฟไลน์ whitefang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
อู๊ยย ขนาดคับขันยังหวานกันได้ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AfternoonTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอนนี้หวานมาก แบบไม่มีอะไรจะกล่าวววว

ชอบมากกกกกกก  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แหมะ จะตายกันอยู่แล้วยังมาจูบกันกุ๊กกิ๊กอีก
ทิมนี่มีอดีตน่าสงสารจัง อีคุณธาดามันจะงมงายไปมั้ย บ้าไปแล้ว
เสียดายจังที่เรื่องนี้จะจบแล้ว แต่ก็คุ้มที่ได้นั่งลุ้นมาตลดเกือบทุกตอน
แล้วก็ดีใจที่เชียร์ทิมแต่แรกด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆ

zerea

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ตื่นเต้นแต่ว่าเอาใจไปเลยเต็มๆนะตอนนี้

คนมีความรักนี่ดีจริงๆเลยน๊า

รอลุ้นตอนสุดท้ายฮับ o13

ออฟไลน์ PlenG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คนแต่งใจร้ายมากค่ะ ตอนนี้ทิมก็ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล ฮ่าๆ
เชื่อที่ทิมเล่าทุกอย่างค่ะ น่ารักน่าสงสารมาก
แต่ยังไงก็ไม่ชอบหมออยู่ดี ชอบมาใส่ร้ายทิม

ตอนหน้าก็จะจบซะแล้ว ทำไมรู้สึกว่ามันยังต่อได้อีกหรือจะมีภาคต่อ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
ช่างคิดนะนายช่าง
ได้อยู่กันสองต่อสอง โรแมนติ๊ก โรแมนติกเนอะ :m29:

ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
โล่งอกแระ
หายใจคล่องขึ้นมาหน่อย เดี๋ยวจะกลับไปอ่านสองตอนที่แล้วโดยละเอียด
รู้สึกว่าคะน้ารักษาแผลถูกยิงได้เก่งมาก คนไข้ฟื้นตัวมาห่ามหื่นได้แล้ว

ดีใจที่เดาถูกว่าทิมต้องเล่นไปตามบทเพราะมีกล้องจับอยู่
คะน้าช่างเป็นคนน่ารักเสียจริง ทิมโชคดีจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ เริ่มนับถอยหลังถึงตอนต่อไปละ

ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ๋อยยย
นั่งอ่านรวด...แล้วนั่งลุ้นตัวโก่ง...
ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไง..
ลุ้นกว่าคำตัดสินประหาร(ผลสอบ) พรุ่งนี้อีก
(ปกติถ้าผลสอบออก ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันจะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย)
อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี...โดยเฉพาะทิม คะน้า และหมอตุล
ตั้งแต่อ่านมาไม่เชียร์ใครเป็นพิเศษ
แต่ไหนๆทิมก็คู่กับคะน้าแล้ว...หาคู่ให้หมอตุลกับเจ้กาดเถอะ..สงสารเค้า..=_+!!
 ฮ่าๆ ดูซิว่าจะห้าวันรอคนมาช่วย หรือว่าจะมีใครมาช่วยก่อนหน้านั้น
แล้วพ่อของทิม..ยังไงก็ได้ ขอให้สาสมกับสิ่งที่ทำกับทุกๆคนและวางเพลิงขนาดนั้น
(ก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอะนะ...ทำไปขนาดนั้น)
ส่วนสิบกว่าคนที่ทำร้ายขนาดนั้นน่ะ...ขอจองเวรจองกรรมไปชั่วชีวีเล้ยย!!
จริงสิ ตอนที่คะน้าเย็บแผลให้ทิมน่ะ
ใจเด็ดมาก ตัดสินใจดีมาก ยอดเยี่ยมและสมเป็นนายเอกน่าปลื้มที่สู๊ดดดด >!<
(ชอบนายเอกแบบนี้จัง ฮ่า)

สุดท้าย รออัพนะค้า อย่าให้คนอ่านลงแดงไปมากกว่านี้เล้ยยย
(ขอปลอบใจพรุ่งนี้หลังผลสอบออกเถอะค่ะ ฮ่าๆ)

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
หึหึหึ

จะบอกว่าเพราะตอนพิเศษนี่แหละทำให้เราเลือกจะเชื่อทิม
เพราะมันบรรยายว่าทิมโคตรจะรักคะน้าเลย คือยังคิดไม่ออกว่าถ้าทิมมันเลว
คนแต่งจะบอกว่าที่บรรยายในตอนพิเศษไปคืออะไร 5555

เอาจริง ๆ คือมันก็เดาได้แหละว่าทิมคือพระเอก
เริ่มมั่นใจมาตั้งแต่ตอนที่เลิกกับตุลแล้ว
คนอย่างคะน้าถึงแม้จะคิดถึงคนอื่นอยู่ตลอดแต่ก็เอาแต่ใจตัวเองประมาณหนึ่ง
เมื่อคบตุลแล้ว แต่สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะว่ามันไม่ไหวจริง ๆ เรื่องความรักมันต้องสองคนไปด้วยกัน
แต่ด้วยใจคะน้ามันไม่ไป แล้วไฉนมันจะรอดใช่มิฃ
สุดท้ายก็ต้องเลือกตามใจตัวเองอยู่ดี

รักทิมมาก บอกได้แค่นี้ ทิมคือคนดี
คือพระเอกในใจเรา อิอิ

จะจบแล้วเหรอตัวเอง จะรวมเล่มเมื่อไหร่
อย่าเพิ่งรวมแล้วได้มะ ตอนนี้เค้าอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
อยากกลับไปสั่งอ่ะ รอเค้านะ จุ๊บุ๊

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
แค่นี้ก็ลุ้นกันจะเป็นจะตายอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้เคลียร์แล้วว่าทิมทำไปทำไม

ฮาเร็มของพี่ทิมโรแมนติคมากเลย พระเอกเราสามารถทำให้ทุกที่เป็นที่ที่มีความสุขได้
แค่มีพี่คะน้าอยู่ใกล้ ๆ ก็พอแล้วชิมิ ไอ้ตอนคิดจะทำอะไรเพื่อคะน้าเยอะแยะเนี่ยก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีนะ
แต่เวลาเป็นเรื่องคะน้ากับหมอตุลนี่กลายเป็นเด็กน้อยโีคตรไม่มั่นใจตัวเองขึ้นมาทันที
ชีวิตทิมน่าสงสารเนอะ พ่อทิมใจร้ายจัง คราวนี้อยู่ที่คะน้าแล้วว่าจะตัดสินใจยังไง
เอาเรื่องกับบ้านทิมมั้ย มันจะจบได้ง่าย ๆ เหรอ เรื่องพวกนี้ อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว
รู้ว่ารักกันก็พอ เอิ่ม แล้วคนจะมาเจอสองคนเมื่อไร กลัวจะอดตายกันเสียก่อน

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
จริงมาก ถ้าพี่ไม่ได้เขียนตอนพิเศษขึ้นมาก่อนนะ
..อื้อหือ ลุ้นกันอะไรๆเหนียวไปหมดแน่นอน
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ขอบคุณมากที่มีตอนพิเศษของทิมออกมา
เพราะมันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว(?)เดียวของจิตใจ และช่วยปลอบประโลมขณะอ่านเลยก็ว่าได้(??)

และแล้วก็เข้าใจกันซักที..
ฮึก .. สงสารหมอ พี่หมอ :m15: มาซบอกหนูมะๆ กร๊ากกก

รอตอนต่อไปค่า :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
โหวตคู่นี้เป็นคู่รักทรหดแห่งปี
พอคู๊ณณณณณณณณณณณ  อะไรจะหวานขนาดน้านนน
ไม่เกรงใจคนอ่านเล้ยยย
อ่านแล้วอยากมีคนรักที่รักเราแบบนี้บ้างจัง

ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ผมได้เข้ามาติดตามเรื่องนี้ช่วงท้ายๆ แล้ว
แต่อ่านตั้งแต่แรกก็เชียร์ทิมมาตลอดนะครับ
คงเพราะไม่ชอบบุคคลิกหมอตุลย์เท่าไหร่

ตอนก่อนหน้านี้ก็ลุ้นอยู่ว่า คุณจะจบแบบทำร้ายคนอ่านหรือเปล่า
ทิมกับคะน้าโดนปางตายขนาดนั้น พอมาตอนนี้ก็โล่งออกเรื่องราวต่างๆ
ก็เริ่มคลายปม คงต้องรอบทสรุปล่ะครับจะลงเอยยังไง
แอบสงสารตุลย์นะเนี่ย

 :m17:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมพระเอกสุดๆอ่ะคนนี้

ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอร๊ยยย ขนาดเจ็บขนาดนี้ ทิมก็มิวายหวานปนหื่นนะนี่ 555

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ม่ายยยยยอาวววว  ไม่ให้จบบบบ    :sad4:
แงๆๆๆ  ร้องไห้ฟูมฟาย วิ่งไปซบอกน้องทิม  :o12:

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เข้าใจกันสะที ~

(ลุ้นมาหลายตอนเหลือนเกิน)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โฮ่...ถ้าไม่มีเหตุปางตาย จะมีโอกาสนั่งคุยปรับความเข้าใจกันแบบนี้ไหม
เคลียร์ทุกปัญหาคาใจ รับได้ ผ่าน เป็นพระเอกต่อได้นะน้องทิม
แต่ความหื่นไม่เลือกเวลาและสถานที่ ได้ข่าวว่าพึ่งถูกยิงมา คะน้าพึ่งจะฟื้นอีกต่างหาก
สภาพไม่น่าจะหวานกันลงเลย

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
สอบเสร็จแล้ว แต่เรื่องก็หายหน่วงแล้ว

เฮ้ออออ

สารภาพตามตรงว่า ผิดหวังนิ้ดดดด นึง แบบว่าส่วนตัวไม่ชอบแบบแฮปปี้แอนดิ้ง ชอบแบบจบผิดหวัง ฮ่าๆๆๆ

แอบโรคจิต ฮ่าๆๆๆ


แต่ทั้งหมดทั้งมวล ขอบอกว่านิยายเรื่องนี้ ประทับใจในฝีมือคนแต่งมาก ชอบครับ ยกขึ้นหิ้งเรียบร้อย ชอบครับ
หลังจากเรื่องนี้จบ ขอแบบ ผิดหวัง ชีวิตพังพินาศมั่งนะครับ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ คนแต่งขอพลิกลิ้นเพราะจบไม่ลงจริงๆ เลยต้องขอเพิ่มอีกตอน :o8:
นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ลงมือเขียนจริงก็ไม่รู้ว่าจะยืดยาวได้ขนาดนี้ งอกมาอีกตอนคงไม่เป็นไรเนอะ
สำหรับตอนที่ 39 ข่าวดีก็คือแต่นแต๊นนน... ถูกหามส่งโรงพยาบาลซะที 555555
ตอนนี้มีเนื้อหาอะไรเกิดขึ้นมากมาย และเป็นตอนที่ตัวหนังสือแน่นมาก ลองอ่านดูนะครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 39




เราทั้งสองคนจะรอด

ร่างกายเหลวช้ำเหมือนกับผลไม้สุกที่ร่วงจากต้นกระทบพื้น หลังจากการร่วมรักอย่างเผ็ดร้อนนับครั้งไม่ถ้วนราวกับจะไม่มีพรุ่งนี้ ทั้งทิมและผมก็เหมือนกับคนที่เจียนจะขาดใจตาย ทิมบอกรักเป็นสิบหนจนร้อนวาบไปหมดทั้งตัว ความเจ็บปวดถูกกลืนหายไปกับร่างกายที่แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน หลังจากนั้น ก็เหมือนกับคนหมดแรงที่ใกล้สิ้นลมหายใจ ใครจะรู้บ้างว่านาทีข้างหน้าจะเป็นแบบไหน จะมีวันพรุ่งนี้อีกหรือเปล่า ผมกับทิม...เรามีแค่วันนี้ แค่ตอนนี้เรายิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไปกับเรื่องงี่เง่าชวนหัว สำหรับผมมันก็เพียงพอแล้ว

แต่วันเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน

สองวัน สามวัน อาจจะสองสัปดาห์ หรืออาจจะแค่สองชั่วโมงหลังจากนั้น เราพูดกันน้อยลงและใช้เพียงสายตาสื่อความรู้สึกและถ้อยคำมากมายถึงกัน ทิมโน้มตัวมาหอมที่ขมับของผมหลายครั้ง ยิ้มให้แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าอดทนอีกนิด ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ผมไม่ได้เป็นคนช่างฝันอีกต่อไปแล้วแต่ผมเชื่อมั่นในคำพูดนั้น มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าตาคมที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด บางทีอาจจะเป็นหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ของทิมที่ทำให้เขาเชื่อแบบนั้น

ความหิวมันช่างน่ากลัว น้ำประปาที่ดื่มเข้าไปหลายลิตรดูจะไม่ช่วยให้ฤทธิ์ของน้ำย่อยในกระเพาะเจือจางไปสักเท่าไร คะน้าปวดแสบไปทั้งลำไส้ ทรมานกับความรู้สึกโหยหาอาหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากแต่เมื่อมองดูชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกายแล้ว ความเจ็บปวดของเขาที่มีดูจะเพียงน้อยนิดจนไม่อาจเทียบได้

มือซ้ายของทิมยังคงบีบแน่นที่ฝ่ามือของคะน้า และเขาเองก็จะไม่ปล่อยมือที่อบอุ่นนี้เช่นกัน คะน้าออกแรงที่ฝ่ามือขวาของตัวเอง ส่งต่อความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ต่อให้กับคนข้างๆ กาย ทิมเจ็บปวดจากพิษไข้และบาดแผลที่ระบม ผิวกายรอบๆ เป็นดวงสีม่วงและเปล่งปูด ใต้ผ้าพันแผลสีขาวที่มีหยดเลือดแห้งกรังเริ่มเป็นหนองช้ำ ข้อมือขวาของทิมบวมจนน่ากลัว เนื้อนิ่มพวกนั้นขยายตัวจนกดแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ อีก

อดทนอีกนิดนะทิม ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี นายก็เชื่อแบบนั้นไม่ใช่หรือ

ทิมนิ่งขึ้น หลับนานขึ้น และขยับเขยื้อนน้อยลง ร่างกายที่หอบนั้นร้อนเป็นไฟ แต่กระนั้นก็ไม่มีสักครั้งที่คนๆ นี้จะแสดงความอ่อนแอออกมา ในเวลาที่มีสติ ทิมไม่เคยบ่นไม่เคยร้อง หากแต่บ่อยครั้งที่หลับใหล อาการเพ้อด้วยพิษไข้และบาดแผลนั้นไม่สามารถแอบซ่อนได้เช่นเวลาปกติ หลายครั้งที่ทิมบิดร้าวไปมาแล้วครางเหมือนฝันร้าย หากแต่พอตื่นขึ้น เจ้าตัวก็เพียงแต่ส่งยิ้มมาให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คะน้าพบว่าดวงตาสีเข้มนั้นจะเปล่งแสงแห่งชีวิตเฉพาะยามที่หันมาสบตากับเขาเท่านั้น นอกจากนั้นจุดกลมๆ สีดำในตาทั้งคู่จะมีเพียงแต่ความมืดมัวที่เคว้งคว้าง ผมโน้มตัวไปจูบที่ริมฝีปากที่แห้งผากนั้น และทิมก็ตอบรับด้วยความรู้สึกที่นุ่มนวล

“ถ้านายตาย รู้ใช่ไหมว่าพี่จะฆ่าตัวตายตาม”

ทิมแค่ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มแทนคำตอบ ...แค่นั้นจริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้พูดจาใดๆ ออกมา คะน้ามองเห็นเม็ดเหงื่อเล็กๆ ที่ผุดขึ้นตามไรผม ผิวกายที่ร้อนดั่งไฟเผาแต่เจ้าของร่างกลับกำลังสั่นด้วยความหนาว คะน้าเช็ดตัวให้กับทิมจนสีหน้าที่ไร้สีนั้นดูแช่มชื่นขึ้น ไม่ช้าทิมก็หลับไปอีกครั้ง ความพยายามที่จะเข้มแข็งของทิมนั้นสร้างความเจ็บปวดขึ้นในใจของเขาเหลือเกิน คะน้าไม่ได้ทักท้วงอะไร เก็บและกดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจที่อ่อนแรง เขาในเวลานี้นั้นชาชินกับทุกความรู้สึกเจ็บปวดไปหมดแล้ว มีเพียงความหวังและแรงใจที่เหมือนแสงไฟลางๆ ที่ใกล้ริบหรี่

คะน้าผ่อนลมหายใจที่หนักอึ้ง ความเจ็บจนชาไหลไปในกระแสเลือดจนซึมไปทั่วทั้งร่างคล้ายกับเมล็ดความมืดที่กลืนกินแสงสว่างไปช้าๆ เขาอยากจะหลับ หลับให้ลืมความหิวและความเจ็บปวดเหล่านี้ไปให้หมด แต่อะไรๆ มันไม่ง่ายแบบนั้น นานแค่ไหนแล้วที่ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ จากกลางวันเป็นกลางคืน จากกลางคืนเป็นกลางวัน เวลาที่แสนสั้นนั้นช่างยาวนานจนเขาบอกไม่ถูก

หลายโมงยามแห่งความปวดร้าวที่ยาวนานเหมือนนิรันดร์ ในความง่วงงุนที่ครอบงำ คะน้าได้ยินเสียงตะโกนโวยวายไปทั่ว เสียงฝีเท้าคนมากมายจากที่ไหนสักแห่ง เสียงทุบประตูปึงปัง และเสียงตีโลหะด้วยของแข็งอะไรสักอย่าง เขาอยากลืมตาขึ้นมอง อยากตะโกนร้องเรียก แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งจนไม่อาจฝืน ทั้งลำคอก็ดูจะไม่มีเสียง คะน้าออกแรงบีบมือของทิมแน่น

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ...มือของเราจะไม่ปล่อยกันและกัน

สติดูเหมือนจะลางเลือนและห่างไกลออกไป โสตประสาทที่พอแยกแยะเสียงนั้นได้เริ่มได้ยินเพียงเสียงอู้อี้และมึนงง ทุกอย่างในตอนนี้ดูเหมือนจะไร้ความหมาย ราวกับดาวมากมายร่วงหล่นจากฟ้าจนกลายเป็นเพียงผ้าใบสีกาฬ สิ่งที่เห็นในตอนนี้มีเพียงอวกาศที่ว่างเปล่า คะน้ารู้สึกไม่ชอบใจสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่ พวกมันเข้ามารบกวนความสงบเงียบของเขา เขาแค่อยากพักผ่อน อยากล้มตัวนอนบนหมอนนุ่มๆ ...ข้างๆ กับคนที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้จนนิจนรันดร์




เสียงลมหายใจของตัวเองปลุกคะน้าให้ตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความมึนงง ในสัมผัสรับรู้ที่เลือนลาง มีเสียงเครื่องช่วยหายใจ เสียงอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ และเสียงพูดคุยของคนมากมายแว่วขึ้นในหู คะน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากอาการสลบไสล รู้สึกมึนและหนักที่หัวเหมือนถูกของแข็งฟาด หลังจากสลัดหัวไล่ความมึนออกไปได้ในที่สุด เขาก็เริ่มกวาดตามองรอบๆ ตัว ...ทุกสิ่งเปลี่ยนไป คะน้ารีบมองที่มือของตัวเองก่อนจะพบแต่ความว่างเปล่า เขาแทบจะดีดตัวขึ้นนั่ง หากแต่ความระบมและอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายที่เชื่อมต่อเกือบทั้งตัวนั้นทำเอาเขาขยับไปไหนไม่พ้น

ความมืดหม่น กลิ่นซากไม้ที่ไหม้และกลิ่นอับชื้นถูกทดแทนด้วยกลิ่นยา เขาจำบรรยากาศที่เงียบเชียบของที่นี่ได้ มันคือโรงพยาบาล และทันทีที่ความรับรู้กลับคืนมาจนครบ ชีพจรของคะน้าก็เต้นรัวด้วยความลิงโลด ...เขารอดตาย รอดอย่างปาฏิหารย์

...ทิมล่ะ? ทิมจะเป็นอย่างไรบ้าง?

คะน้ารีบเอื้อมมือไปกดปุ่มเล็กๆ ที่หัวเตียงด้วยหัวใจที่ระรัว มือของเขายังสั่นๆ เหมือนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นความจริง สักพักก็ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นแข็งด้วยจังหวะกระชั้นที่ใกล้เข้ามา และไม่ถึงเสี้ยวนาทีประตูบานนั้นก็เปิดออก ตุลในชุดสีขาววิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีกสองสามคน หมอหนุ่มรีบเดินมาหาเขาที่เตียงแล้วเอ่ยทัก

“คะน้า! ดีใจที่คุณฟื้นนะครับ คุณได้ยินไหมครับ” เปลือกตาของเขาถูกดันเปิดขึ้นแล้วส่องด้วยไฟฉาย คะน้ากระพริบตาสองสามครั้งเพื่อหลบแสงจ้าแล้วส่งยิ้มบอกว่าไม่เป็นไรให้กับตุลที่ดูพะว้าพะวง

“ตุลเห็นทิมไหม? เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

ชายหนุ่มสวมแว่นที่ยืนอยู่ชะงักงันไปจนไม่ว่าใครก็ต้องสังเกตเห็น ท่าทางนั้นทำเอาคะน้าสะกิดใจจนสะอึกไปไม่น้อย ความกังวลทำให้เขาลืมไปถึงความรู้สึกของคนฟัง แต่หากไม่ไถ่ถาม ในใจตอนนี้ก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะทำอะไรได้

“อาการหนักครับ แต่ก็พ้นระยะอันตรายแล้ว” ตุลผ่อนสีหน้าสีถอดสีนั้นให้กลายเป็นปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น หมอหนุ่มระบายรอยยิ้มน้อยๆ ออกมาให้กับเขา “เขาอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง ผมเดาว่าคุณเย็บแผลให้เขาหรือเปล่าครับ”

“ครับ มันจะเป็นอะไรไหมครับ” คะน้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแหย ตุลไหวหน้าเล็กน้อย

“หมายถึงแผลใช่ไหมครับ อันที่จริงก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ มีการติดเชื้อแล้วก็ระบมมาก ตัวด้ายเริ่มกลืนกับเนื้อไปเหมือนกัน เราต้องผ่าแผลแล้วเย็บใหม่อีกครั้งพร้อมกับให้ยาควบคู่ไป” คะน้ามีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด “...อย่าทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดแบบนั้นสิครับ เพราะถ้าคุณไม่ช่วยไว้ เขาอาจเสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือหมอก็ได้ ว่าไปแล้วเขาสู้มากนะครับ แผลสองแห่งเย็บสดโดยไม่มียาชาเนี่ย ถือว่าหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว”

“ผมจะเยี่ยมเขาได้ไหมครับ ตุล?”

“พักผ่อนก่อนเถอะครับ ร่างกายคุณอ่อนเพลียมาก คุณสลบไปสองวันเต็มๆ เลยนะ เขาเองก็ยังไม่ฟื้นเลยครับ แต่จากอาการคิดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะครับ”

“เอ่อ... พี่ผักกาดล่ะครับ”

“เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ครับ จริงๆ ผักกาดเพิ่งกลับไปเมื่อหัวค่ำเอง เดี๋ยวผมขอให้ยาเพิ่มอีกนิดหน่อยนะครับ คุณเองก็พักผ่อนมากๆ นะครับ ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ตุลยิ้มให้แล้วเดินจากไปพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่ง

สาวๆ ในชุดสีขาวที่ยังอยู่ในห้องส่งรอยยิ้มทักทายให้กับคะน้าแล้วไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยตามมารยาทแล้วปลอบขวัญเขาเสียยกใหญ่ สักพักก็มีพยาบาลอีกคนเดินมาปักขวดยาเข้ากับขวดน้ำเกลือ ไม่นานเปลือกตาของคะน้าก็หนังอึ้งอีกครั้งก่อนที่เขาจะดิ่งสูห้วงแห่งการพักผ่อน

วันรุ่งขึ้น คะน้าถูกส่งไปตรวจคลื่นแม่เหล็กและแสกนสมองตลอดจนตรวจวัดปฏิกิริยาทางการรับรู้ของประสาทส่วนต่างๆ ในร่างกาย ผลตรวจเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่คะน้ายังขยับตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แขนและขาก็ยังขยับไม่ไหวตามใจคิด ศีรษะของเขาก็เช่นกัน ร่างกายเหมือนถูกตึงอยู่ในรังไหมจนคล้ายคนที่เป็นอัมพาต เขาจึงต้องทานอาหารอ่อนจากการป้อนของเหล่าพยาบาล ซึ่งบางครั้งก็เป็นผักกาด และในบางคราวก็เป็นตุล

ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าพี่สาว ความหวาดกลัวก็สั่นสะท้านไปถึงสันหลัง คะน้ายังจำกำปั้นนั้นของผักกาดได้ รวมทั้งน้ำตาที่เขาไม่อยากเห็นนั้นด้วย แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นเหลือเชื่อกว่าที่เขาคาดคิดเสมอ หญิงสาวเพียงยกมือเล็กๆ ของเธอแล้วลูบลงบนหัวของเขาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“อะไรร้ายๆ ก็ให้มันผ่านไปเถอะนะ น้องพี่”

คะน้าร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวในอ้อมกอดเล็กๆ ที่แข็งแรงของพี่สาว หลังจากนั้น หญิงสาวก็นั่งลงและแกะผลไม้นิ่มๆ แล้วป้อนให้กับเขาโดยไม่ต่อว่าหรือไถ่ถามอะไรให้เขาลำบากใจสักคำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ อันที่จริง ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่หลักฐานที่กล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนว่าการสอบถามจะเป็นเพียงแค่การยืนยันหลักฐานต่างๆ ให้กับทีมสืบสวนสอบสวนเท่านั้น

สามวันต่อมา คะน้าเริ่มมีแรงพอจะทานข้าวได้เอง เขาทานได้เยอะมากจนตัวเองยังตกใจ แต่ถึงเรี่ยวแรงจะกลับคืนมาแล้ว ก็ยังไม่มากพอที่จะออกไปเยี่ยมทิมได้ ห่างกันแค่เพียงกำแพงกั้นไม่กี่เมตร แต่เขาไม่รู้ว่าทิมจะเป็นอย่างไรบ้าง จะฟื้นตัวขึ้นมาได้แล้วหรือยัง หรือร่างกายยังอ่อนแออยู่

ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ แม้ตอนนั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องแคบๆ เขาจะสวดภาวนานับครั้งไม่ถ้วนให้หลุดพ้นไปจากที่นี่ หากแต่อีกใจก็ยังนึกหวั่นหวาดถึงสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น



ความเป็นจริง ความถูกต้อง และการตัดสินใจ

ความเป็นจริงที่ว่าทิมเป็นลูกของคนที่วางแผนทำลายตลาดแห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ลูกที่ดูเหมือนจะอยู่นอกสายตาก็ถาม แต่คะน้าก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ทิมรู้สึกลำบากใจไม่น้อย แล้วความถูกต้องล่ะ เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี เอาเรื่องให้ถึงที่สุดตามตัวบทกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ยากต่อคะน้าจะตัดสินใจ เจ็บปวด โกรธแค้น ชิงชังก็ใช่ แต่อีกใจก็นึกเป็นห่วงทิมอยู่มากเช่นกัน

คะน้าคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในใจ เขาให้น้ำหนักกับความถูกต้องเป็นอันดับแรก หากแต่เขากลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้รู้สึกบอบช้ำน้อยที่สุด ช้าหรือเร็วก็ต้องถึงเวลาที่เขาจำต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ว่าคุณธาดา นักธุรกิจที่เป็นที่น่าจับตาในวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับเอเชีย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพ่อทางสายเลือดของทิมนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด



...แล้วทิมกับคุณแม่จะเป็นอย่างไร

“คิดอะไรอยู่น่ะเรา” เสียงผักกาดถามขึ้นพร้อมใบหน้าที่ตีเครื่องหมายคำถาม

“เจ้รู้เรื่องทุกอย่างมาโดยตลอดเลยใช่ไหม” คะน้าหันไปถามผู้เป็นพี่สาว ผักกาดวางมีดที่ปอกผลไม้ลงบนจาน ผ่อนลมหายใจแล้วนั่งนิ่ง

“ก็ไม่เชิง ขึ้นอยู่กับที่ว่าหมายถึงเรื่องไหน”

“เรื่อง... ทิมน่ะครับ”

“ถ้าหมายถึงที่ทำตัวแบบนั้น ก็สงสัยมาตั้งแต่ในห้องประชุมแล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปทำไม มันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่ถึงตอนนี้ น้องของเจ้คงรู้ทุกอย่างดีกว่าใครไม่ใช่หรือว่าเจ้าตัวทำแบบนั้นไปทำไม” คะน้ากดใบหน้าของตัวเองลงหลบสายตาของผู้เป็นพี่สาว ไม่รู้ว่านั่นหมายถึงเครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงความรักที่ทิมมอบให้ในทีหรือเปล่า

“บอกตามตรงว่าแรกๆ เจ้รับไม่ได้หรอกนะที่เราจะเป็นแบบนี้ แต่พอยิ่งนานวัน ไม่รู้สิ ถึงจะไม่ได้เหมือนกับคนทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้ในตอนแรกนะ” ผักกาดยิ้มน้อยๆ ให้กับน้องชายก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปจนดูจริงจัง

“แต่ถ้าหมายถึงการที่เจ้าตัวให้การกับตำรวจซึ่งเป็นประโยชน์ในการสืบคดี คงต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ตัวพี่เองก็คาดไม่ถึง คำพูดของทิม ถึงแม้จะไม่ได้ฟันธงว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่พี่มั่นใจว่ามันทำให้คุณธาดาและธาดาพิพัฒน์ตกที่นั่งลำบากแน่นอน”

คะน้านั่งฟังทุกอย่างและทบทวนอยู่ในใจ เป็นอย่างที่ทิมเคยบอกไว้ว่าผักกาดเป็นคนช่างสังเกต และนั่นก็ไม่ได้ผิดไปจากความคิดของเจ้าตัวเลย ส่วนการที่เลือกจะให้การที่ยึดมั่นอยู่บนความเป็นจริงที่ไม่บิดเบือนด้วยเห็นแก่ความเป็นพ่อนั้น คะน้ายอมรับในน้ำใจของทิมเป็นอย่างมาก





“เจ้จะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากขายที่ดินให้กับธาดาพิพัฒน์”

คำพูดของคะน้าทำให้ผักกาดถึงกับหันมามองด้วยความแปลกใจ คะน้าหันไปยิ้มบางๆ ให้กับพี่สาว สบตาแล้วหัวเราะเหมือนสมเพชตัวเอง “ใครๆ ก็บอกว่าผมเป็นคนโง่ ไม่ทันคน บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แต่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้คิดทบทวนอะไรต่างๆ มากมาย มันอาจจะดูไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เจ้บอกผมวันก่อน”

“สิ่งมีค่าที่สุดที่ป๊ากับแม่มอบเอาไว้ให้กับเราทั้งคู่ ไม่ใช่ที่ดินแพงๆ หรือตลาด ท่านทั้งสองมอบความรู้และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักให้กับเราทั้งคู่ไว้ต่างหาก มันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด มากกว่าตลาดที่ไฟเผาแล้วก็พัง ก็จริงอยู่ที่เงินมันมีค่า แต่ทุกวันนี้เราก็พอมีกินและมีความสุขดี ผมพอแล้ว ผมอยากจะรักษาสิ่งที่ป๋ากับแม่ทิ้งไว้ให้กับเรา อยากให้ท่านภูมิใจกับเราสองคน ...ผมคิดแบบนั้นจริงๆ” ผักกาดโอบร่างของน้องชายไว้ด้วยวงแขน มือเล็กๆ ลูบบนผมเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความภูมิใจ

“คิดทบทวนดีแล้วหรือ”

“ผมไม่ได้อยากขายเพราะถูกหรือแพง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่ทิมทำให้กับเรา ไม่เกี่ยวเลย แต่ผมอยากขายให้กับธาดาพิพัฒน์เพราะเชื่อว่าเขาจะทำให้พี่น้องชาวตลาดที่เรารักเหมือนครอบครัวได้มีอาชีพ ได้ทำมาค้าขายในสิ่งที่เขารักต่อไป คงไม่มีบริษัทไหนที่จะยอมให้ข้อเสนอแบบนี้กับเราอีกแล้ว”

“แม้ว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนที่ทำลายเราน่ะเหรอ”

“เขาไม่ได้ทำลายอะไรเราได้มากมายแบบนั้น แต่ถ้าเรายังปล่อยให้ความโมโหเกลียดชังคงอยู่นั่นละ เขาทำลายทุกอย่างของเราได้จริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่ามีอะไรบนโลกนี้อีกมากมายที่มีค่าเกินกว่าที่เงินทองจะซื้อหาได้ และผมโชคดีแค่ไหนที่ได้เป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ พวกนั้น”

“แกอย่าบอกนะ ว่าแกตั้งใจจะบวช” ผักกาดเหล่ตาแล้วทำสีหน้าหวาดๆ คะน้าหัวเราะชอบใจ แต่ไม่ทันไรชายหนุ่มก็สะดุ้งเพราะยังช้ำในไม่หายจนผู้เป็นพี่สาวหัวเราะขัน คะน้าโหม่งหัวใส่ผักกาดหนึ่งทีเพื่อชำระแค้นจนพี่สาวยัดแอปเปิลที่ปอกไว้จนเต็มปากเขา

“...เจ้ ทุกวันนี้ เรามีความสุขกันไหม” คะน้าพูดพลางเคี้ยวแอปเปิลตุ้ย

“มีแก เจ้ก็พอใจแล้ว ความสุขของสาวแก่ขึ้นคานแบบฉันมันก็แค่นี้ล่ะ จะเอาอะไรหนักหนากับชีวิต” ผักกาดยิ้มให้กับคะน้าแล้วยัดผลไม้สีขาวใส่ปากน้องชายอีกชิ้น ชายหนุ่มอิงหัวซบบนไหล่เล็กๆ นั้นเบาๆ แล้วเคี้ยวด้วยความอร่อย

“ที่ไหนล่ะ เห็นมีแต่หนุ่มๆ มาจีบแต่เจ้ก็ไม่เห็นจะสนใครสักคน”

“ไม่สนล่ะค่ะ ถ้าขายให้ธาดาพิพัฒน์เจ้ก็เศรษฐีนีนะจ๊ะ ไหนจะค่าประกันหลายล้าน แล้วไหนจะค่าที่ นอนนับเงินเจ้ก็ฟินแล้วต่ายเอ้ย” ผักกาดหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

“ดูพูดเข้า แต่ก็ดีแล้ว อยู่ปอกผลไม้ให้น้องกินแบบนี้ก่อน ฮ่าๆๆๆ”

“เจ้าค่ะ บรรดาศักดิ์นะคะ ต้องมีคนปอกให้ โน่นๆๆๆ ไปใช้อีทิมโน่นไป” ผู้เป็นพี่สาวดูจะไม่แคร์กับถ้อยคำที่ตัวเองเอื้อนเอ่ยแม้แต่น้อย แต่คะน้ากลับปั้นหน้าตัวเองไม่ถูก อันที่จริงแอปเปิลก็ไม่ได้หวานสักเท่าไหร่ แต่คะน้าคิดว่ามันดีกว่าจะตัวเขาจะหุบปากเงียบๆ แบบนั้น

“รู้ไหม สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดในชีวิตคนเราคือการให้อภัยกับคนที่คิดร้ายกับเรานี่ละ ตัวเจ้เองบางทีก็ทำไม่ได้ ...เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าไม่โกรธไม่แค้น เราก็มนุษย์ธรรมดา แต่สิ่งที่เจ้ต้องการที่สุดไม่ใช่การให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำ แต่เป็นการที่น้องของเจ้ปลอดภัยกลับมาน่ะ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว” ผักกาดเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา “เราเกลียดเขาที่เป็นแบบนั้น เราจะไม่เป็นแบบเขา สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็ให้กฎหมายเป็นคนตัดสินแล้วกัน”


(ยังมีต่ออีกครึ่งครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ครึ่งหลังของตอน ต่อเลยครับ)



หลายวันต่อมา เขาและผักกาดก็เซ็นสัญญาซื้อขายกับธาดาพิพัฒน์ บนกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือที่ร่างด้วยภาษาทนายความหลายหน้านั้น สิ้นสุดด้วยลายเซ็นของคุณธาดาและกรรมการคนอื่นๆ พร้อมกับตราประทับของบริษัท ไม่มีชื่อของทิมปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษอย่างที่คะน้าเข้าใจ ในเวลาที่ลูกชายของตัวเองกำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยฝีมือของตัวเอง ผู้เป็นพ่อกลับทำสัญญาซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพรัดกุม ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือแผนการต่างๆ ของทิมที่ปรับโครงสร้างของคอมเพล็กซ์นั้น ดูจะไม่มีความหมายในสายตาพอจะให้ผู้มีอำนาจสูงสุดมองเห็นความสำคัญขนาดจะให้เป็นหนึ่งในผู้ลงนาม คนๆ นี้ใจร้ายได้อย่างเหลือเชื่อ และดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะตีค่าความเป็นมนุษย์จากมูลค่าของตัวเงินเท่านั้น

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้พอชื่นใจขึ้นมาได้บ้างในเวลาแบบนี้คือข่าวการฟื้นคืนสติของทิมพร้อมกับอาการที่ดีขึ้นตามลำดับ หากแต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากมายด้วยอาการช้ำระบมจากแผล และคงอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ หมอหนุ่มสวมแว่นที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ตุลทอดสายตามองออกไปยังเส้นขอบฟ้าด้านนอกคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ เหมือนตุลมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ผมคงไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ” คนสวมชุดกาวน์หัวเราะเสียงใสแล้วยกนิ้วขึ้นขยับขาแว่น

“ผมปิดไม่ได้เลยสินะ อืม... อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมกำลังคิดถึงเรื่องอนาคตนิดหน่อย ทางมหาวิทยาลัยที่ผมไปทำวิจัย แอดไวเซอร์ผมเขาส่งเรื่องต่อเฉพาะทางที่นั่นไว้ตั้งแต่คราวก่อนน่ะครับ ผมไม่ได้หวังอะไรเอาไว้เลย เพราะมันรับน้อยมาก ปีหนึ่งๆ รับแค่ห้าคนจากผู้สมัครทั่วโลก มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะครับ แต่อืม... จะว่ายังไงดีนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกผม” หมอหนุ่มปล่อยม่านลงแล้วเดินมาหาคะน้าที่เตียง

“เป็นข่าวดีนี่นา ผมยินดีด้วยครับ สนับสนุนนะครับ เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลย”

“มันก็ลังเลนะ ผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ทำงานที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสุข ถ้าไปก็หลายปีเลยนะครับที่ผมต้องอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าตัวเองจะไหวไหม”

“บางทีตุลก็ประเมินตัวเองต่ำไป ความจริงแล้ว ตุลทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าที่ตุลเองจะคาดคิดนะครับ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นมั๊งครับ แต่ผมอยู่ที่นี่มันก็เหมาะสมกับตัวผมดีนะ ผมไม่ชอบการแข่งขัน ไม่ชอบสังคมแก่งแย่งชิงดี อยู่ที่นี่ผมก็เติบโตในสายงานได้ แม้จะไม่ถึงกับเป็นความฝัน และอาจไม่ใช่เต็มร้อยของเรา แต่ผมก็ทำได้ดี” แววตาของตุลเต็มไปด้วยความไตร่ตรองครุ่นคิด

“บางครั้งมันก็เลือกยากนะครับระหว่างสิ่งที่เราเลือก กับสิ่งที่เลือกเรา”

คะน้านิ่งแล้วนึกทบทวนถึงตนเอง ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งงานที่เขารักเพื่อมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการเป็นพ่อค้าตักไอศกรีมขายในตลาด นักศึกษาที่จบปริญญาโทจากต่างประเทศกับเงินเดือนแต่ละวันที่ได้กำไรหลักร้อยหรืออย่างดีก็พันต้นๆ ไม่มีเกียรติ ไม่มีชื่อเสียง ไม่ได้ดูโก้หรูแบบเพื่อนๆ ในรุ่น แต่ถึงวันนี้ คะน้ากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่างานที่ตลาดก็ทำให้เขาได้ประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวเองมากมาย เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านไปเลย

“ผมอยากให้ตุลคว้าโอกาสเอาไว้ครับ อย่างน้อยก็ลองกับมันดูสักตั้ง ลองไปคุยดู แล้วถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือครับ” ดูเหมือนว่าคำตอบของคะน้าจะทำให้ตุลสงบใจที่ว้าวุ่นลงได้ ใบหน้าที่มีแววกังวลเหมือนตัดสินใจไม่ถูกถึงคลี่ออกด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย




อาการของคะน้าค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เขาเริ่มเดินได้สะดวกขึ้น อาการปวดร้าวไปถึงกระดูกทุเลาลงจนแทบไม่เหลืออาการ รอยช้ำต่างๆ บนร่างกายกลับเป็นผิวปกติไม่มีอาการปวดใดๆ หลงเหลือ แต่ละวันคะน้าก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อย จากคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารความเป็นไป กลายเป็นคนติดหนังสือพิมพ์แบบตอนที่เขาทำงานออฟฟิศเมื่อหลายปีก่อน

หนังสือพิมพ์วันนี้พาดหัวเป็นข่าวใหญ่โตเรื่องการรื้อคดีเพลิงไหม้ตลาด มีการจับกุมผู้ร้ายที่หลบหนี คะน้าจำหน้าคนในภาพได้อย่างแม่นยำ น่าแปลกที่ทั้งหมดไม่มีการซัดทอดไปถึงคนบงการ ดูเหมือนว่าเงินของธาดาพิพัฒน์จะทรงพลานุภาพกว่าที่ใครจะคาดคิด คะน้าไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เงินมีอำนาจพอจะปิดปากพวกนั้น แต่เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ดูเหมือนว่ายุคสมัยนี้ เงินจะอยู่เหนือกฎหมายไปเสียด้วย

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่ คอมเพล็กซ์ซึ่งมูลค่ากว่าหมื่นล้านบนสถานที่ที่เคยเป็นตลาดซึ่งมอดไหม้ด้วยน้ำมือตัวเอง แผนการช่วยเหลือชาวบ้านที่ค้าขายในตลาดซึ่งเป็นแนวคิดของทิมทำให้คุณธาดาได้รับคำเยินยอจากผู้คนทั้งสังคมไปอีกกระบุงโต คงมีเพียงกลุ่มคนเล็กๆ เพียงไม่กี่ชีวิตที่รับรู้ความจริงทั้งหมด เสียงเล็กๆที่คงไม่มีน้ำหนักใดๆ ในสังคม แล้วพอเนิ่นนานไป กระแสของวันเวลาก็คงทำให้ความจริงที่โหดร้ายกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมายอีกต่อไป

โลกเราก็แบบนี้ อะไรๆ ไม่ได้ดูสวยงามไปหมดเหมือนกับนิทานที่เจ้าชายเจ้าหญิงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แล้วบทสรุปของตัวโกงไม่ว่าจะเป็นพ่อมด ราชินีที่โหดร้าย หรือหมาป่าผู้เหี้ยมโหดก็จบชีวิตลงพร้อมกับความเข้าใจของคนทั้งเมือง บรรยากาศชื่นมื่นพวกนั้นแทบจะไม่มีในโลกแห่งความเป็นจริง ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราเหี้ยมโหดกว่าที่จะบรรจุลงไปในนิทานให้เด็กฟังก่อนนอนได้

ยิ่งโลกมันกลายเป็นสถานที่ที่ร้ายกาจขึ้นขนาดไหน มนุษย์เรายิ่งต้องไม่ยอมแพ้กับมัน ตอนจบแบบในนิทานอาจจะไม่มีจริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าตัวเราจะยอมพ่ายแพ้ต่อความดีในใจของตัวเองไม่ใช่หรือ และด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าอย่างไร คะน้าก็จะเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเชื่อมั่นและศรัทธา ...เขาจะไม่ยอมละทิ้งตัวตนของตัวเอง

วันต่อมาคะน้าก็ได้ยินข่าวที่ไม่คาดฝันจากปากของตุล ดูเหมือนว่าคุณธาดาจะย้ายทิมออกไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นที่ดูจะสะดวกสบายกว่านี้ แม้ว่าตามคำวินิจฉัยของแพทย์เจ้าของไข้จะยืนยันว่าต้องการให้ทิมพักต่ออีกสักระยะเพื่อให้แข็งแรงขึ้นอีกนิด และทางโรงพยาบาลเองมีศักยภาพเพียงพอจะดูแลรักษาได้ก็ตาม มองในแง่ดีก็คงเป็นไม่กี่ครั้งที่คนๆ นั้นพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้เป็นลูกในไส้ หากแต่หลายวันต่อมาคะน้าก็เพิ่งรับรู้ความจริงที่ว่าตัวเขาเองมองโลกในแง่ดีเกินไป



...เขาติดต่อกับทิมไม่ได้อีกเลย

ไม่ว่าจะโดยวิธีการไหนก็ตาม โทรศัพท์มือถือ ไลน์ หรือแม้แต่โทรไปที่ห้อง คำตอบกลับมาของเจ้าหน้าที่ทำให้คะน้ารู้สึกใจหายกว่าที่ตัวเองจะคาดคิดได้ ทิมย้ายของออกไปทั้งหมดแล้ว ห้องดูเพล็กซ์ชั้นบนสุดว่างเปล่า มีเพียงแต่ห้องโล่งๆ ที่เหลือเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เท่านั้น

ผักกาดแจ้งว่าคำให้การกับตำรวจในรอบหลังจากที่ได้สติครบถ้วนของทิมนั้น ดูจะทำให้ธาดาพิพัฒน์พ้นผิดทุกข้อสงสัย ความผิดทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เหล่าผู้ร้ายที่ได้รับเงินว่าจ้างราวๆ สิบคนด้วยข้ออ้างชนิดที่ฟังไม่ขึ้นว่าบันดาลโทสะ ไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมใดๆ นับจากนั้นอีก ไม่มีอะไรที่เปิดเผยบนพื้นที่สื่อนับจากนั้น

ภาพในความคิดทั้งหมดของคะน้าแปรปรวนอีกครั้ง ทุกอย่างตีรวนจนยากจะบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ระหว่างทิม คนปากแข็งที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ห่างๆ อยู่ตลอดเวลา กับทิมผู้เป็นรองประธานฯ ของบริษัทใหญ่ยักษ์ ผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงทางธุรกิจ เจ้าเล่ห์ และวางแผนได้อย่างแยบยล



อะไรคือความจริง อะไรคือการลวงหลอก และตัวตนที่แท้จริงของทิมคือคนไหน?

ดูเหมือนว่าผักกาดก็ดูจะอึ้งไปไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดทิมจึงทำแบบนั้น เป็นการตลบหลังความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างนั้นหรือ แค่เพียงเพราะหลังจากที่ธาดาพิพัฒน์ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ทิมจะต้องมาข้องเกี่ยวใดๆ กับเขาและผักกาดอีกหรือเปล่า เพราะหลังจากที่ทำการตกลงซื้อขายที่ดิน วันต่อมา ทิมก็ย้ายออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ฟังแม้คำทัดทานใดๆ ของแพทย์ คะน้าได้แต่เก็บความสงสัยมากมายให้คั่งค้างอยู่ในใจ

...คำถามที่เขาก็ไม่รู้จะหาคำตอบจากใคร




หลายวันต่อมาคะน้าออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านจนร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติทุกอย่าง เขาพยายามที่จะติดต่อหาทิมหลายครั้ง แต่นั่นดูจะไม่เป็นผล เมื่อทุกอย่างยังเหมือนเดิม โลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่เคยมีคนชื่อทิมมาก่อน ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเคยได้ข่าว

คะน้าลองไปที่ตลาดซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงให้มีพื้นที่ชั่วคราวสำหรับซื้อขายตามสัญญา ซากปรักหักพังที่ถูกเผาไหม้ถูกกำจัดออกไปจนเหมือนพื้นที่ว่างเปล่า เขาเห็นเจซึ่งเป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้าง หากแต่เมื่อตั้งใจจะไต่ถามข่าวคราว กลับกลายเป็นฝ่ายของเจที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามถึงทิมกับคะน้า ทุกอย่างว่างเปล่าเหมือนกับพื้นที่ตรงหน้า ทิมหายไปโดยไม่มีใครรู้ แม้แต่คนของธาดาพิพัฒน์เอง ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันได้สักครู่ เจก็ขอตัวกลับไปในไซด์งานเพื่อจัดแจงทุกอย่างต่อ





อากาศวันนี้อึมครึมจนรู้สึกไม่สบายตัว กระนั้นก็มีสายลมแผ่วๆ พัดมาบางครั้งให้ผิวกายได้พอสดชื่น เมฆก้อนหนาเคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์จนทำให้ท้องฟ้าเป็นสีเทาทึมๆ หลงเหลือเพียงแสงเส้นเล็กๆ ที่ทาบทอขอบฟ้าให้เห็นความสว่าง

วันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบสองเดือนแล้วนับจากวันที่เขาและทิมเสี่ยงชีวิตด้วยกันในที่แห่งนี้ คะน้าไม่รู้จะสลัดความทรงจำเหล่านั้นไปได้อย่างไร วันที่เขาและทิมสลัดทิ้งทุกความกลัวและทำในสิ่งที่ในชีวิตของตัวเองไม่คิดจะทำ วันที่การมีชีวิตอยู่ต่อและความตายมีค่าพอๆ กัน เป็นวันที่ปลดเปลื้องทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ ปลดขอบเขตและพันธนาการมากมายที่ต่างคนต่างแบกไว้ วันที่ทิมบอกคำรักเป็นสิบเป็นร้อยหน และเป็นวันที่คะน้ารู้ตัวเองว่าที่ผ่านมา เขารักคนๆ นี้มากแค่ไหน

เขาจะลืมเรื่องราวต่างๆ ในวันนั้นได้อย่างไร

คะน้าเคยวาดฝันในอากาศ เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ในเวลาที่เขาอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ในนั้นมีแต่ภาพแห่งความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสมหวัง ถึงตอนนี้คะน้าเพิ่งรู้ตัวเองว่าเขาไม่ได้เป็นคนฉลาดเลย แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ คนโง่ที่ดื้อด้านแบบเขากลับพาตัวเองมาในสถานที่แห่งนี้ ในวันที่ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่อยู่ในความคิดตลอดเวลา

...คิดถึง

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทิมเป็นคนดีหรือคนร้าย หวังผลอะไรจากเขาหรือจริงใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน มีความสุขที่หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจบสิ้น หรือทุกข์เจียนตายที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน เขาไม่รู้ ...ไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่รู้ในตอนนี้มีเพียงใจตัวเองที่ยังคงคิดถึงทิมอยู่แบบนั้น คิดถึงทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเชื่อในตัวของทิมได้มากหรือน้อย แค่เพียงสายลมที่พัดมากระทบผมเพียงแผ่วผ่าน ...แค่นั้น ...เพียงเท่านั้น เขาก็กลับพาลให้นึกถึงฝ่ามือนั้นที่เคยลูบไปบนหัวเขาเบาๆ ด้วยความอบอุ่นรักใคร่เหมือนเป็นภาพที่คุ้นเคย

คะน้า? ผักคะน้าน่ะนะ

น้อยกว่าสามปี ถามทำไม ชอบเหรอ?

พี่... ขอหอมแก้มทีได้ไหม?


เขาเป็นคนจำแม่น...ขนาดนี้เลยหรือ? ใครๆ ก็บอกว่าเวลาจะช่วยทำให้ลืมทุกอย่าง เวลาจะช่วยรักษาจิตใจ ใครๆ ก็บอกว่ามันได้ผล แต่ทำไมเขายังจดจำเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่วันแรกนั้นได้อย่างแม่นยำ ชัดเจนเหมือนกับเพิ่งเกิดไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แล้วแปลกไหมที่เขาก็ยังเป็นเขาคนเดิม คนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ บ่อยครั้งที่เห็นหรือทำอะไรอยู่แล้วอดคิดไม่ได้ว่า นี่คงทำให้ทิมหัวเราะและมีความสุขมากๆ เดี๋ยวนี้ แม้แต่ไอศกรีมกะทิที่เขาชอบนักหนา หึ... เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตนี้จะทานมันได้อร่อยอีกไหม

เคยถามตัวเองไหม ใครทำให้พี่กลายเป็นคนบ้าได้?

จะให้ทุกอย่างที่มี

พี่ทำให้ผมนอนฝันดี

สำหรับผมพี่ไม่ใช่คนอื่น พี่เป็นคนสำคัญ


จากตัวตนที่เติบโตขึ้นทีละนิดจนเข้มแข็ง เขารู้สึกเหมือนน้ำตาตัวเองรื้นขึ้นอีกครั้ง คะน้าในตอนนี้ดูเหมือนจะเปิดประตูแล้วกางแขนรับความเจ็บปวดจากความเชื่อใจที่พรั่งพรูเข้ามาปะทะทุกอวัยวะร่างกาย เมื่อเขาปล่อยให้ตัวเองหวั่นไหวไปตามอารมณ์ ผลที่ได้รับมาจึงปวดร้าวจนเหมือนจะทนไม่ไหว ตัวตนดั้งเดิมในวันวานกลับมาสู่จิตใจของเขาอีกครั้ง ...รู้สึกหน่วงจนเจ็บไปทั้งใจ

...เจ็บเหมือนถูกยุงกัดเลยว่ะพี่

มึงจะทำอะไรมาทำกับกูนี่ กูไม่สู้มึงก็ได้ มึงมาลงกับกู แต่อย่าทำกับคนของกู กูขอร้องงงง

ขอโทษที่พูดไม่เพราะ ...ผมโคตรรักพี่เลยว่ะ


คะน้าเงยหน้าขึ้นมองพื้นที่ที่เขาเคยเป็นเจ้าของ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาอยู่ที่นี่ ความทรงจำ ความฝัน แม้แต่ความหวัง แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายไปเป็นสมบัติของธาดาพิพัฒน์ไปเสียแล้ว ถึงแม้อยากจะเอื้อมมือไขว่คว้าแค่ไหนมันก็คงคว้าได้เพียงแต่ความว่างเปล่าที่กระทบมือ ...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หมดสิ้นทุกอย่างแล้วสินะ เสียงตอกเสาเข็มดังสนั่น มันสะเทือนเหมือนกับใครเอาเหล็กแหลมชิ้นใหญ่มาตอกลงซ้ำๆ ที่กลางใจ

หลายคนบอกว่าความทรงจำนั้นสร้างความปวดร้าวเสมอ โดยเฉพาะความทรงจำที่หอมหวาน นั่นเป็นคำพูดที่เป็นความจริงทีเดียว



บอกผมทีได้ไหม พี่ยังรักคนๆ นี้อยู่หรือเปล่า?


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จบตอนได้เขย่าขวัญสั่นประสาทคนอ่านพอสมคสร สาเหตุเพราะต้องหั่นครึ่งตอนเพราะยาวจัด
ผลก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น ตอนต่อไป(คิดว่า)น่าจะเป็นตอนจบของแท้ได้แล้วล่ะครับ
อย่าลืมติดตามบทสรุปของเรื่องที่ยาวเหยียดได้ขนาดนี้นะครับ เอาใจช่วยต่ายน้อยด้วยนะครับ
+ 1 สำหรับเพื่อนๆ ทุกคน ทุกๆ ความคิดเห็น คำเสนอแนะต่างๆ นานาครับ รักทุกคนมากมายจุงเบยยย

:กอด1: :L2: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด