ตอนที่ 8ทอรุ้งหันมามองหน้าน้องชายสลับกับศรัยด้วยความสงสัย "เคลียร์กันแล้วหรือคะ ไวจัง"
"ก็มันไม่มีอะไร จะให้เคลียร์อะไรล่ะ" น้องชายตอบทันที ขณะที่ทำหน้าตายู่ยี่เดินหนีไปห้องน้ำ
"ต่อไปชั้นจะไม่ถามอะไรแกละ ถามร้อยเรื่อง ทุกเรื่องตอบว่าไม่มีอะไร ถามพี่ศรัยก็ได้ พี่คะ..."
"เฮ้ย พี่ทอ" น้องชายตะโกนขัดออกมาจากในห้องน้ำ
"เออๆ ไม่ถามก็ได้" ทอรุ้งหัวเราะร่วน แต่ไม่วายหันมาถามศรัย "เรียบร้อยดีใช่มั้ยคะ"
"ดี ขอบใจมากที่ช่วยเชียร์"
"หนูเปล่าเชียร์ แค่อยากให้น้องชายมีความสุขเท่านั้นเอง" ทอรุ้งบอก ขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มให้
ศรัยได้แต่เดินตาม "พี่ก็รู้ว่าวาดเป็นทุกข์มาก แต่ไม่มีโอกาสได้พูด ได้คุย" ชายหนุ่มหันไปมองประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทแล้วหันมาหาทอรุ้งอีกครั้ง "ปชายังโทรหาทออยู่หรือเปล่า"
หญิงสาวส่ายหน้า "ไม่ค่ะ มีแต่พี่ตุ้มที่โทรมาถามเรื่องวาดเมื่อวาน พี่ปชาดีขึ้นหรือยังคะ"
"ก็ตามเรื่องของมันน่ะแหละ พี่เองก็แทบไม่ได้เจอมันเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง"
"อ้าว แล้ววันนี้พี่มา พี่ไม่ได้บอกเขาหรือคะ"
"โทรบอกมันไว้ ว่าวันนี้มา อาจต้องใช้ห้องมันแต่ก็ยังไม่ได้เจอกัน"
ทอมองหน้าศรัยตรงๆ
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
ศรัยส่ายหน้ายกแก้วน้ำขึ้นจิบ หันไปหาคนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ทอรุ้งก็เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
"เมื่อเช้าหนูลงไปซื้อไข่ไก่ ได้ยินยามคุยกันว่าห้องที่ ชั้น 2 ตรงกับที่พี่เขาตกลงไปน่ะค่ะ เขาบอกขายห้องเพราะกลัว ทั้งที่พี่แหม่มเขานิมนต์พระมาทำพิธีไปตั้งแต่เช้าวันถัดมาแล้ว"
ศรัยหันมาหาวาด "วาดกลัวหรือเปล่า"
วาดส่ายหน้า ขณะที่ทอรุ้งท้วงขำๆ "หนูเปิดเรื่องนี้ แต่พี่กลับไปถามน้องชายหนู เฮ้อ...หาแฟนมั่งดีกว่า..."
"ยังไม่ใช่ซะหน่อย" น้องชายอ้อมแอ้ม หนีกลับไปนั่งดูโทรทัศน์
แต่ศรัยหันมาหาทอรุ้ง "ถ้าจะมีก็ต้องดูว่าเขาเป็นคนดี ไม่ใช่ใครก็ได้ที่กล้าเดินเข้ามาขอเบอร์"
"พี่พูดเหมือนพี่เขียนเป๊ะ" ทอรุ้งบอก
ชายหนุ่มวางแก้วน้ำดื่มแล้วเดินกลับมานั่งข้างวาดที่ลงไปนั่งกับพื้น พิงโซฟาหน้าโทรทัศน์
“เที่ยงกินอะไรกัน ออกไปหาอะไรกินข้างนอกมั้ย”
วาดหันมามองหน้าพี่สาว ที่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“หนูไม่ได้ทำอะไร กะว่าจะอุ่นกับข้าวกินกันเฉยๆ ถ้าพี่กับวาดจะออกไปกินข้าวข้างนอกก็ไปกันเถอะ ”
“ร้อน ไม่ไปหรอก” วาดตอบปฏิเสธได้ทันทีเหมือนกัน
ศรัยแกล้งหันมาทำหรี่ตามอง วาดก็รีบหันกลับไปดูโทรทัศน์ต่อ
ท่าทีพิรุธเก้อๆ จนทอรุ้งสงสัย แต่ก็พอจะเดาได้
“งั้นกินพิซซ่ากันมั้ยคะ”
“ก็ได้” วาดรีบตอบ ขณะที่ศรัยขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับกดเข่าของอีกคนไม่ให้ขยับหนี
“ไหนว่าไม่กลัว”
“ก็ไม่ได้กลัว แค่ไม่ไว้ใจ”
ศรัยยิ้มขำ “ทอรุ้งอยู่ทั้งคน ไม่ทำอะไรหรอกน่า”
“คืนนั้นพี่ปชาก็อยู่ ไม่เห็นพี่จะกลัวอะไรเลย”
“ก็คืนนั้นมันเมา”
วาดหันขวับมาหาทันที “อ้อ ต้องกอดผมตอนเมาเท่านั้นสินะ” พูดไปแล้วก็หน้าแดงได้ทันที “ผมเถียงบ้าอะไรวะเนี่ย เงียบซะก็สิ้นเรื่อง”
ศรัยถึงกับยิ้มขำ มือใหญ่ขยี้ผมนุ่ม แต่ทอรุ้งหัวเราะคิก ทำให้น้องชายหันมาทำตาคว่ำใส่
“ปกติ 2 พี่น้องอยู่บ้านอย่างนี้ตลอดเลยหรือ” ศรัยชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“มันขึ้นอยู่กับว่าต้นเดือนหรือปลายเดือนพี่” ทอรุ้งช่วยตอบ “ถ้าพี่เขียนเพิ่งจ่ายเงินเดือนก็ออกไปดูหนังโรง แต่ตอนนี้มันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ก็อยู่บ้านดูหนังเคเบิลก็ได้”
คุยกันไปเรื่อย จู่ๆ ศรัยก็หันมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พรุ่งนี้วาดไปกินข้าวบ้านพี่มั้ย”
“ไปทำไม วันเกิดพี่หรือฮะ”
“ไม่ใช่หรอก” ศรัยตอบ “ถ้าวาดไม่มีนัดที่ไหน ก็ไปกินข้าวกับพ่อแม่พี่ไง”
วาดดูอึ้งๆ แล้วก้มหน้ามองมือตัวเอง ยิ่งพูดยิ่งอึกอัก “เร็วไป ไว้สัก....2 เดือนถ้าพี่ยังไม่ไปไหน ก็...ค่อย...คุย..กัน ละ กัน”
มีเสียงกระแอมมาจากด้านห้องครัว “ขอโทษค่ะ จะรับพิซซ่าหน้าอะไรคะ ใกล้เที่ยงแล้ว จะได้โทรสั่งค่ะ”
บ่ายจัดคนที่กดออดหน้าห้องพักกลายเป็นเพื่อนตุ้มที่มาพร้อมกับกล่องขนมเค้ก และรอยยิ้มกว้าง ท่าทางสดชื่น
“ทำไมมึงดูดีใจผิดปกติวะ”
เพื่อนตุ้มไม่ตอบ มีแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จนกระทั่ง 10 นาทีถัดมา เขียนก็กลับมาถึงพร้อมกับกล่องขนมและกับข้าวมื้อเย็น ชายหนุ่มตัวโตถึงกับยืนอึ้ง
“ทำไมคุณมาเร็วกว่าผม”
“เพราะผมมามอ’ไซค์” เพื่อนตุ้มลอยหน้าลอยตาตอบ ทั้งหันไปชี้ที่กล่องขนม “ผมเห็นนะ ตอนที่คุณซื้อเค้กแค่ 3 ชิ้นน่ะ กะมากินกันแค่ 3 คนพี่น้องอ่ะดิ”
“ก็ผมอยู่กัน 3 คนจะซื้อมาทำไมมากมาย”
“แต่วันนี้ คุณไม่ได้อยู่กัน 3 คน”
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะมา” เขียนฟ้าชี้ไปที่ศรัย
“เพราะอย่างนั้นผมถึงได้ซื้อมาเผื่อนี่ไง เยอะแยะ มามะ น้องทอผู้น่ารักมากินด้วยกันนะคะ เค้กโรงแรมนี้อร่อยมากกกก” เพื่อนตุ้มหันมาชวนทอรุ้ง พูดไปเรื่อยท่าทางคุ้นเคยกันมากมาย
“เมื่อกี้เราเพิ่งกินพิซซ่ากันน่ะค่ะ ทอยังอิ่มอืดอยู่เลย” หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องนี้บอก แต่กลับหยิบเค้กจากกล่องของตุ้ม
เขียนรีบแทรกเข้ามา “พี่ซื้อเค้กแบบที่ทอชอบมานะ นี่ไง”
ทอรุ้งชะงักมือ มองพี่ชายสลับกับตุ้มแล้วยิ้มขำ ก็รู้อยู่ว่าพี่ชายหวง แต่ตอนนี้เหมือนเด็กกำลังหวงของเล่นหายากอย่างชัดเจน “โอเคค่ะ ได้ทุกคนค่ะ กินหมดค่ะ” พอหันไปเห็นวาดรวีที่ทำหน้าที่ผู้ชมแสนดีกำลังนั่งหัวเราะพี่สาวก็หันมาชี้ “อย่าขำ คุณผู้ชมคะ โปรดลุกขึ้นมาช่วยกันทำน้ำหนักด้วยกันค่ะ”
วาดรีบลุกมาหาพี่สาวทันที “ผมเอาฟรุ๊ตเค้กนะ มีสตอร์เบอร์รี่ป่ะ”
“ชอบผลไม้หรือ” ตุ้มถามหนุ่มตัวเล็ก
“วาดชอบสตอร์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ค่ะ” ทอรุ้งบอก ส่วนวาดได้แต่ยิ้มมองเค้กในกล่อง
ปล่อยให้ 3 คนคุยและกินเค้กกันไป ศรัยเดินตามมาสะกิดเขียน พยักหน้าชวนออกไปคุยกันที่ระเบียง
“ปชามาที่ห้องหรือเปล่า”
เขียนส่ายหน้า “ไม่นี่ มีอะไร”
ศรัยเล่าเหตุการณ์ และข้อสงสัยของหมอกให้เขียนฟังอีกครั้ง
“มันก็น่าสงสัยอย่างที่ตำรวจว่า” เขียนสรุป
ศรัยหันไปมองในห้อง วาดหันมาสบตาแล้วก็หันกลับไปกินเค้กต่อทันที
“ปชามันญาติผมก็จริง รู้จักมันมาตลอดชีวิต ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันไปเกี่ยวข้องกับพี่มีน พี่แหม่ม หรือพี่หมูยังไง ถึงห้องจะอยู่ใกล้กันก็เถอะ ผมไม่เคยได้ยินมันพูดถึงพวกเขามากไปกว่าเพื่อนบ้านที่ชอบทะเลาะ ใจก็เลยไม่อยากเชื่อว่ามันจะมีส่วนร่วมกับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ แต่มันก็บังเอิญเกินไป”
เขียนมองหน้าศรัยเหมือนกำลังอ่านใจ ขณะที่ศรัยพูดต่อ
“ว่าที่จริงปชามันจะเป็นคนจับผมส่งตำรวจเสียด้วยซ้ำ ตอนที่มันรู้เรื่องผมกับวาด”
“พวกคุณนี่มันพี่น้องอาชญากร”
ศรัยได้แต่กระแทกเสียงในลำคอ ส่วนเขียนหันกลับไปมองน้องสาว
“ผมจะระวังเรื่องของปชา ส่วนเรื่องของคุณกับวาดผมยังไม่ได้ไฟเขียวนะ”
“ผมเข้าใจ ยังไงตอนนี้ผมก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกคุณ แต่ผมคุยกับวาดเรื่องนี้ไปแล้ว ว่าผมพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง ว่าผมมาดี”
“คุยตอนไหน แล้วที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีอะไรที่เรียกว่ามาดี” เขียนเสียงห้วนทันที
“คุยตอนที่คุณยังไม่มา”
“ตุ้มบอกใช่มั้ย ว่าผมไม่อยู่”
“ถึงคุณอยู่ผมก็มา แต่กะว่าจะมาใกล้เที่ยง ชวนไปกินข้าวไง”
เขียนทำท่าฮึดฮัดโมโห “พวกคุณนี่มันเหลือเกินกันจริงๆ แต่ละคน เพื่อนคุณก็กวนประสาท”
ศรัยได้แต่หัวเราะหันไปมองเพื่อนรักที่กำลังกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อยกับทอรุ้งและวาด
ดูไปเขียนที่เป็นพี่ชายที่แสนจะเข้มงวดกับน้อง กลับกลายเป็นคนที่ไม่สามารถตอบโต้คำพูดของตุ้มได้เลยแม้แต่ประโยคเดียวจนทอรุ้งยังประหลาดใจ
“พวกคุณจะอยู่จนกินข้าวเย็นด้วยกันจริงหรือเนี่ย” เขียนเท้าเอวทำตาขวางใส่แขกที่มาเยือน 2 คน ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ
“หรือคุณจะกินคนเดียว เรา 4 คนไปกินข้าวข้างนอกก็ได้”
ไอ้คำว่าเรา 4 คน นี่มันขัดหูจริง “ผมซื้อมาแล้ว”
“แล้วไง ซื้อมาไม่กินก็เก็บใส่ตู้เย็น หรือว่าจะโยนทิ้งแล้วไปกินนอกบ้านกัน”
“ไม่กินนอกบ้าน”
“งั้นก็ไปนั่งดูทีวี ไม่ก็ไปนอนพัก ไปอ่านหนังสือในห้องตัวเองซะ อย่ามาทำเป็นตาแก่คิดลบแถวนี้ เดี๋ยวหกโมงเย็นค่อยออกมากินข้าว”
เขียนฮึดฮัดแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเอง
“อ๊ะ กลับเข้าห้องจริงๆ น่ะ” ทอรุ้งหันมาหาน้องชายคนเล็ก
“นั่นดิ เหมือนตาฝาด”
“ซุบซิบอะไรกัน 2 พี่น้อง เขาเข้าห้องแล้วแปลกตรงไหน”
“ก็แปลกที่ เขารับคำสั่งพี่ง่ายๆ แล้วก็ไม่ได้สั่งงานอะไรให้พวกเราก่อนที่เขาจะไปพักน่ะสิคะ” ทอรุ้งบอก
“พี่ชายเรา 2 คนเยอะขนาดนั้น”
2 พี่น้องมองหน้ากันอีกที “เขาก็แค่อยากวางใจมั้งฮะ ว่าเราจะไม่เอาแต่นอนกลางวัน”
ตุ้มทำหน้าตาย่นๆ “ตั้งแต่พี่มา พี่ก็ไม่เห็นว่าเรา 2 คนจะขี้เกียจอะไรแบบนั้น ยิ่งน้องทอยิ่งเห็นทำโน่นนี่ตลอด”
ทอรุ้งรีบบอกก่อนที่จะถูกเข้าใจผิด “เพราะหนูเก็บทั้งอาทิตย์มาทำวันเสาร์อาทิตย์น่ะสิคะ พี่เขียนบ่นว่าฝุ่นหนาเป็นนิ้วแล้ว แต่หนูทำหูทวนลม”
ยืนมองวาดช่วยพี่สาวทำความสะอาดครัว ศรัยถึงได้มีโอกาสถามเพื่อนตุ้ม
“มึงจะจีบเขียนหรือไง”
“สาดดดดดดดดดดด” เพื่อนตุ้มลากเสียงยาว “กูมีเรื่องให้ทำมากมายเกินกว่าจะหาผัว”
ศรัยได้แต่ยิ้มเหนื่อยใจกับความตรงไปตรงมาของเพื่อน “เขียนเพิ่งโดนหญิงทิ้งเหมือนกู ถ้ามึงไม่อะไรกับเขา ก็....”
“เออน่า กูแค่หมั่นไส้ที่เขาชอบฟอร์มเยอะเท่านั้นแหละ ว่าแต่มึงรู้ได้ไงว่าเขาโดนทิ้ง”
“น้องบอกน่ะสิ กูถึงได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูเหมือนจะกั๊ก ไม่กั๊กน้อง ก็คงอยากให้น้องมีความสุข แต่ก็กลัวน้องผิดหวังในความรักเหมือนเขาน่ะแหละ”
ตุ้มทำหน้าตาเบี้ยวๆ “เป็นโสด ดีกว่ามีเขา”
ศรัยหัวเราะหึหึ ทำให้เพื่อนตุ้มหันมาสงสัย
“ไม่เจ็บจิ๊ดๆ เลยหรือไงมึงน่ะ”
คนตัวโตถึงได้รู้ตัว “ไม่นี่ แล้วมึงจะให้กูหยุดเวลาไว้ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนไปอีกนานแค่ไหน ในเมื่อวันนี้กูมีคนที่ดีกว่า”
“โววววววววววววววววว” เพื่อนตุ้มทำเสียงดังหันไปหัวเราะกับทอรุ้ง “ศรัยเพื่อนผมคร๊าบ ศรัยเพื่อนผมเอง”
แต่คนตัวเล็กอีกคนท่าทางเขินๆ ใบหน้าแดงจัดทำปากขมุบขมิบเหมือนบ่นอะไรสักอย่าง
หลังเค้กมื้อบ่ายผ่านไป ทอรุ้งกับวาดก็ช่วยกันสำรวจครัว เตรียมอาหารค่ำ แต่ต้องลงไปซื้อของสดและเครื่องปรุงอีก 2-3 อย่างวาดจดรายการที่จะต้องซื้อ ส่วนตุ้มรีบบอก
“ลงไปซื้อนานๆ หน่อยนะ คุณพี่จะขอนอนกลางวัน”
“ไปนอนห้องผมมั้ย เล็กหน่อย แต่รับรองสะอาด”
“โอ้ย คุณพี่นอนหน้าโทรทัศน์ก็ได้ รุ่นนี้กินง่ายนอนง่าย”
แต่วาดยิ้มกว้างรีบเข้าไปเปิดเครื่องปรับอากาศให้ “พี่ตุ้มจะเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงด้วยมั้ยฮะ มันจะได้ไม่ยับ”
“โอ้ยคุณน้องผู้น่ารัก ย้ำอีกครั้ง ว่าคุณพี่กินง่ายอยู่ง่าย ไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ต้องอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ถึง 10 นาทีคุณพี่ก็ชาร์ตแบตเต็มแล้ว”
ตุ้มล้มตัวลงนอนบนเตียงของวาดแล้วก็เหมือนจะหลับไปทันทีที่วาดก้าวออกมาจากห้อง
ทอรุ้งยื่นรายการของที่ต้องซื้อกับเงินสดให้ แต่ศรัยกระแอม
“เก็บไปเลยทอ” วาดหน้าตาเหรอหรา ทำให้ศรัยต้องหันมาบอกกับวาดอีกคน “แปลว่าพี่จะลงไปซื้อของกับวาด”
“หื้อ เดี๋ยวพี่เขียนว่าเอา พี่เขียนไม่ให้รับเงินคนอื่น”
“ใครคือคนอื่น” ศรัยทำเสียงแข็งใส่ จนวาดทำปากยื่นไม่พูดอะไร
ซื้อของด้วยกันเสร็จ กลับมายืนอยู่หน้าลิฟต์อีกครั้งวาดก็หันมาถาม
“เรื่องที่พี่จะพูดวันนี้หมดหรือยัง”
ศรัยทำท่านึก “คิดว่าหมดแล้วนะ รู้เรื่องกับเขาด้วยหรือเราน่ะ”
“ห้องเล็กแค่นี้ ทำไมจะไม่เห็น คุยกับผม คุยกับพี่ทอ คุยกับพี่เขียน คุยกับพี่ตุ้ม”
“พี่ไม่อยากเป็นคนที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับ 3 คนพี่น้องน่ะ อยู่กันดีๆ พอพี่เข้ามาก็เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา”
วาดก้มหน้ามองพื้น “ว่าที่จริง เราก็ไม่ได้เงียบสงบอะไรนักหรอก พี่เขียนถึงต้องขายบ้าน แล้วย้ายมาอยู่กัน 3 คนแบบนี้ไงฮะ”
===จบตอนที่ 8 ====
ขอบคุณทุกความเห็นและคำแนะนำครับ ขอบคุณมาก
ขอบคุณที่คุณชอบเรื่องนี้ ขอบคุณที่สุด
พบกันวันเสาร์นะครับ
ตอบคุณครู >> คำตอบ "ปชา"อยู่ตอนที่ 11 ครับ
ตอบคุณ love2y ตอนที่ยาวที่สุดคือตอนจบตอนที่ 24 ครับส่วนตอนอื่นมีความยาว 5-6 หน้า a4 ครับ
พี่คราสครับ ผังห้องฝั่งเขียนมี 4 ห้องครับ และถัดจากห้องหมูมาถึงลิฟต์ยังมีห้องอยู่อีก แต่ไม่ได้กล่าวถึง ที่เหลือถูกต้องครับ
ไจฟ์กับทีครับ