: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]  (อ่าน 226774 ครั้ง)

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
พี่เดฟ ถ้าชอบก็บอกปันไปสิ
ปันจะได้รู้

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
อั๊ยยะ! น้องปันปันพูดเหมือนไม่ค่อยแคร์พี่เดฟเค้าเลยอะ  o22
อย่างนี้พี่เดฟที่ชอบเข้าไปแล้วก็เจ็บได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย :z3:
ถึงพี่เฟจะบอกออกไปชัดๆว่าชอบ น้องปันต้องไม่ยอมรับแน่เลยเนี่ย  :เฮ้อ:

tippy

  • บุคคลทั่วไป
ยากนะเดฟ ถึงปันจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่จะยอมรับหรอ ในเมื่อเดฟเป็นลูกของคนที่ปันอยากให้กลับมาเรียกว่า"พ่อ" อีกครั้ง

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โอ้ ตอนท้ายแอบจุกกันเลยทีเดียว   :sad4:
รอนะฮะ  ^^

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
มันช่างร้อนแรง  แต่นะพี่เดฟขอน้องปันเล่นตัวบ้างอย่าเพิ่งใจร้อน
น้องแค่ยังไม่รู้ว่า รัก

ปล.เกียจพ่อเดฟ  ทำไมต้องไปลงที่ปันด้วย 

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : มาหวานอมขมแบบเบาๆกันบ้างนะคะ ฮิ  มีคุณเชฟน้องนัทโผล่มาด้วย ใครรู้จักยกมือขึ้น (ไม่มี...555)



-12-



ในตอนเย็นหลังเลิกงาน แผนงานใหญ่ที่คั่งค้างอยู่ถูกสะสางอย่างรวดเร็วก่อนที่พระอาทิตย์จะเลือนลับ ชยางกูรบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้จะง้อปัณวิทย์... แต่การที่แวะซื้อขนมเค้กกลับมาฝากมันก็แค่สิ่งที่เขาอยากทำให้

...ทำไมต้องง้อ...

...ในเมื่อเขาไม่ได้ผิดอะไร...

ร่าง สูงที่ยืนอยู่หน้าห้องปัณวิทย์เปิดเข้ามาราวกับเป็นห้องตัวเองเหมือนปกติ ชยางกูรเดินเข้ามาหาเจ้าของห้องที่นอนหงายไม่รู้หลับหรือแกล้งหลับ ก่อนจะเอามือไล้แก้มขาวเบาๆ

“ปัน...พี่ซื้อเค้กมาฝาก”

“... อือ..... เค้กอะไร...ครับ...” ปัณวิทย์ปรือตามองพลางหันไปอ้าปากงับปลายนิ้วที่เกลี่ยแก้มเขาเบาๆโดยไม่รู้สึกตัว

ปลาย นิ้วที่ถูกแนวฟันขาวงับเบาๆก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อย ชยางกูรไม่เคยนึกว่าเด็กอายุ17ที่ดูยังไม่ค่อยโตเต็มที่จะทำให้เขาหวั่นไหว ได้ขนาดนี้... เด็กที่ในตอนแรกไม่อยากชายตาแลด้วยซ้ำ

“ง่วงก็นอนก่อนก็ได้...” ร่างสูงนั่งลงข้างๆแล้วหอมแก้มเบาๆ

“อือ.....” เจ้าของห้องครางเบาๆในลำคอแล้วเอื้อมคว้าเอาลำคออีกฝ่ายไว้ได้ ก่อนจะยึดไว้แล้วพาตัวเองเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นพลางกดศีรษะแนบชิดกับแผ่นอก กว้าง

...เพราะไม่อยากถูกปลุกจากฝันดี

...เชี่ยแล้ว ซวยแล้ว ชิบหายแล้ว...

ถ้าจะนอนกันอย่างนี้มีหวังไม่เขาปล้ำปัณวิทย์จนโดนอีกฝ่ายลุกมาต่อย ก็คงอึดอัดตายไปข้าง...

แต่ ถึงจะคิดอย่างนั้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ยังโอบกอดร่างเล็กที่ซุกตัวอยู่ ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดถึงกันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่... ต่างกับการที่ถูกคู่นอนคนก่อนๆออดอ้อน แต่เป็นเหมือนการกระทำอันเป็นธรรมชาติของทั้งเขาและปัณวิทย์ที่ทำไปโดยไม่ รู้ตัว

ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มจางๆก่อนจะก้มลงหอมเบาๆที่กึ่งกลางศีรษะ แม้ผมจะไม่ยาวมากแต่ความนุ่มและกลิ่นแชมพูก็ทำให้รู้สึกดี

“นอนนะ...” ชยางกูรลูบหลังให้เบาๆ

“อืม...” สัมผัสเบาๆที่แผ่นหลังกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้รู้สึกสบายไปทั้งตัว เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มแล้วยิ้มออกมาจางๆ

...รู้สึกดีจนไม่อยากตื่นขึ้นมา

“นอน.....”

ที่นอนได้มีแต่ตัวเองน่ะสิ...ชยางกูรนึกค่อนขอดในใจด้วยความรู้สึกที่ไม่จริงจังนัก

การ ที่เห็นปัณวิทย์สามารถนอนหลับสนิทในอ้อมกอดตัวเองก่อให้เกิดความรู้สึกหวง แหนและอยากปกป้อง ความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาในสมอง...แต่ก็คงไม่สามารถทำได้

...ถ้าพาไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน ลืมเรื่องที่นี่ให้หมด จะเป็นยังไงนะ

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มถูกมองด้วยนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างซึ่งฉายแววลึกซึ้ง...เนิ่นนาน...



/////////////



“อือ.... พี่เดฟเหรอ.....” ปัณวิทย์ที่งัวเงียขึ้นมาเอ่ยเรียกคนที่โอบกอดเอาไว้เบาๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ตาแล้วยกศีรษะออกมามองไปรอบๆ

“... เย็นแล้ว....”

นอนหนุนจนแขนชาแล้วยังจะมาถามอีกว่าใคร...

“อือ เย็นแล้ว ซื้อเค้กมาฝากแต่เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนค่อยกินนะ” ชยางกูรพูดพลางลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ

“เป็นไงมั่งล่ะเรา วันนี้ได้เอายาที่พี่ให้ทาหรือยัง”

“ทาแล้ว....” ปัณวิทย์ค่อยๆขยับตัวออกมาแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

...มันอะไรกันนักหนานะ...

...ทำไมถึงอยากเข้าหา...

“ดี...งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวเขารอ” ร่างสูงลุกขึ้นก่อน มือใหญ่ยืดส่งรอให้คนตัวเล็กกว่าจับเพื่อลุกนั่ง

“ใส่เสื้อดีๆนะปัน เดี๋ยวเห็นรอย....”

“! ร... รู้แล้วน่า!” เจ้าของห้องยันตัวลุกขึ้นได้ก็รุดไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่มีผ้าเนื้อบางมาสวมทับ

“เรียบร้อยแล้ว...”

ชยางกูรยิ้มให้แล้วหยิบเค้กขึ้นมาถือ

“งั้นปันลงไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไปเอาไอ้นี่ไปแช่ในตู้เย็นก่อน...แล้วเขาจะได้ไม่สงสัยด้วย”

ถึงใจจริงอยากจะปกป้องอย่างเปิดเผย... แต่ถ้าทำไปแล้วปัณวิทย์จะโดนทำอะไรกลับมาอีกก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

...ปัณวิทย์ยังรักพ่อ...ที่ไม่รักเขา...

...ทำไมจะไม่รู้...

ปัณวิทย์ พยักหน้า ทำตามอีกฝ่ายว่าโดยไม่อิดออด รู้สึกอบอุ่นที่อีกฝ่ายเอาใจใส่และคิดเผื่อไม่ให้พลภัทรจะมาว่าอะไร เด็กหนุ่มเดินมาที่ลิฟท์แล้วค่อยลงไปที่ห้องอาหาร

“มาแล้วครับ” ร่างเล็กยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ทุกคนก่อนจะดึงเก้าอี้ออกแล้วลงนั่ง

พลภัทรที่นั่งเยื้องไปปรายตามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา..หรือถ้าเรียกให้ถูกคือ ทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศ

ชายวัยกลางคนยกมือให้ตักข้าว ในขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มผมทองเดินมาถึงห้องอาหารพอดี

“ซอรี่ครับ ลงมาช้าไปหน่อย” ชยางกูรกล่าวยิ้มๆแล้วนั่งลงข้างพลภัทร..ตรงกันข้ามกับปัณวิทย์และญาณัช

“ดี จริงๆนะ ที่เรารู้จักลงมาให้เห็นหน้า.... จากนี้ไปคิดจะทำอะไรล่ะนัท?” พลภัทรเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นในคราวนี้ และเขาก็ไม่รอช้าที่จะวกเข้าเรื่องการทำงานของญาณัชทันที

“ก็....” ญาณัชกัดริมฝีปากตัวเองไว้ ไม่อยากจะพูดออกไป ทว่าเขารู้สึกได้ถึงสายตาจากทุกคนที่พุ่งมายังเขา

“ถ้า... ไม่ได้เรียนต่อ.... ผมก็อยากจะ... สอนเปียโนให้กับเด็กๆ... น่ะครับ”

...พลภัทรหัวเราะ

“จะเป็นครูสอนเปียโน? แล้วแกจะเอาอะไรที่ไหนกิน?” ชายผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเอ่ยว่ากลั้วเสียงหัวเราะ

“เพราะพีทเลี้ยงแกมาหรือไง? ถึงคิดได้แต่อะไรที่มันแหกคอก”

“กรุณาอย่าเอาอาพีทเข้ามาเกี่ยวด้วยครับ!” ญาณัชสวนกลับไปอย่างสุภาพ แต่ก็มิอาจกดเก็บอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่านขึ้นมาได้

“ทำไม ฉันจะเอาเข้ามาเกี่ยวไม่ได้? พีทมันทำตัวประหลาดนอกคอก พ่ออุตส่าห์ส่งเสียมันเรียนจบอย่างดี แต่กลับมาเป็นครูสอนศิลปะ แล้วยังเป็นพวกผิดเพศ เหอะ! เสียเงินเสียเวลากับคนไร้ค่าจริงๆ.... แล้วแกยังอยากจะเป็นแบบนั้นรึไง? นัท”

ปัณวิทย์ ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป นัยน์ตาเรียวคมเหลือบมองพี่ชายต่างสายเลือดที่นั่งข้างๆ เขาเห็นว่าญาณัชกัดริมฝีปากไว้จนสั่นระริก

...เห็นหรือยังพี่เดฟ...

...เขารับไม่ไหวหรอก...

“................ ผม อิ่มแล้วครับ” ร่างบางฝืนใจเอ่ยตอบไปให้เรียบที่สุดก่อนจะตัดสินใจก้าวหนีออกจากห้องอาหารที่ชวนคลื่นไส้เสีย

...ผิดเพศ...

คำๆ นี้ฟังแล้วกระทบจิตใจชยางกูรอย่างรุนแรง ในขณะที่โลกทั้งโลกมีเสรีที่เปิดกว้างมากขึ้น การจะรักกับคนเพศเดียวกันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดขนาดนี้

นัยน์ตาสีฟ้าทอดยาวไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่า..ถึงในใจจะนึกสงสารแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

...คุณจะทำยังไงนะ..ถ้ารู้ว่าลูกชายที่คุณกำลังเห่อคนนี้ก็เป็นเกย์..เหมือนที่คุณรังเกียจ...

“อัน ที่จริงผมว่าการสอนดนตรีมันก็ไม่ได้ไม่ดีตรงไหน แล้วการที่คุณเอาเรื่องอาของคุณนัทที่เสียไปแล้วมาพูดอย่างนี้สมควรงั้น เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ... ติดจะตึงท่ามกลางความเงียบชวนให้หายใจไม่ออกในห้องอาหาร

ชยางกูรไล่สายตาขึ้นมองปัณวิทย์ และแลเห็นเด็กหนุ่มกระชับคอเสื้อโดยไม่รู้ตัว

“แต่ มันไม่ยั่งยืน ฉันให้เงินเลี้ยงดูมัน มันก็ควรจะคิดมาช่วยงานในบริษัทบ้าง ไม่ใช่คิดอะไรง่ายๆสบายๆแบบนั้น!” พลภัทรไม่เก็บอารมณ์ไว้ แต่พูดต่อเพื่อยืนยันความคิดของตัวเองว่าถูกต้องแล้ว

“.....” ปัณวิทย์รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าคนที่นั่งตรงข้ามพูดไปหมายจะปกป้องญาณัช

“ถ้า ทุกคนคิดแบบคุณป่านนี้ไม่มีพนักงานบริษัทเดินกันให้ว่อนแล้วเหรอ” ชยางกูรแค่นยิ้ม นึกเสียใจแทนลูกน้องที่ประธานบริษัทมีความคิดคับแคบเหลือเกิน

“คน เราก็ต่างมีหนทางของตัวเอง วันดีคืนดีผมอาจเบื่องานที่นี่ หอบของกลับไปสอนดนตรีหรือสอนศิลปะที่อเมริกาก็ได้ อันที่จริง... ถ้าคุณนัทเขาได้เรียนมหาลัยดนตรีคงไปได้ไกลกว่านี้ ในฐานะที่เป็นลุงของเขา คุณไม่คิดจะสนับสนุนเลยหรือครับ” ร่างสูงโยนลูกระเบิดใส่อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

ใช่ว่าเขาเพียงอยากปกป้องญาณัช..แต่เขาเกลียดคนที่มีทัศนคติในแง่ลบอย่างนี้

...หรือบางทีก็แค่อยากลองต้อนคนที่ทำร้ายปัณวิทย์ดูบ้าง...

“คุณพ่อเคยถามบ้างหรือเปล่าครับว่าผม...นันท์...หรือปันอยากทำอะไร ที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณยัดเยียดให้ทำอยู่ตอนนี้”

“ฉันจะสนับสนุนแต่สิ่งที่ทำแล้วเห็นทางดีเท่านั้น! ฉันไม่อยากให้มันต้องลำบากตอนแก่!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงเรืองอำนาจ

ปัณวิทย์พยายามส่งสายตาให้ชยางกูรเลิกพูดต่อปากต่อคำกับอีกคน

“ไม่ลำบาก...แต่ก็ไม่มีความสุข” ชยางกูรเปรยเบาๆแล้วตักข้าวเข้าปากจนหมด

“ผมไปล่ะครับ เซ็งๆ” ร่างสูงยกน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ทิ้งบรรยากาศอันกดดันไว้เบื้องหลัง

“.... ผม.... ก็อิ่มแล้วครับ” ปัณวิทย์รวบช้อนแล้วเดินตามออกไปเงียบๆ เขานึกเป็นห่วงญาณัชมากกว่าแต่พอเห็นแผ่นหลังของชยางกูรก็รีบก้าวตาม

“ปันเป็นห่วงพี่นัท”

“อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขาตอนนี้เลย...เดี๋ยวไว้สักพักพี่จะเข้าไปคุยกับเขาเอง” พูดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะอีกฝ่ายคงไม่อยากฟังอะไร

“แล้วปันตามมาทำไม เดี๋ยวคุณพ่อก็เขม่นเอาอีกหรอก”

“ก็ปันห่วงพี่นัท นั่งอยู่ตรงนั้นมันอึดอัด” เขาขมวดคิ้วหากัน

“เชื่อพี่เหอะ เข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” ชยางกูรถอนหายใจเบาๆแล้วดึงมือเรียวมากุม

“พี่ก็ดันของขึ้น ไม่รู้ว่าจะเกลียดอะไรนักหนา เป็นเกย์แล้วมันหนักหัวใครวะ... ถ้าเป็นโจร ติดยา ฆ่าคนก็ว่าไปอย่าง”

“อืม งั้นกลับห้องละกัน” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ตัดสินใจเปิดประตูห้องของตัวเองออกแล้วให้ชยางกูรเดิน เข้าไปก่อนโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่จะได้ปิด เขากลับเห็นร่างของเชฟผมทองยาวที่มาทำอาหารให้ที่บ้านเปิดประตูออกมาโดยมีญา ณัชอยู่ในอ้อมกอด

“เฮ้ย!....” ชยางกูรเงียบเสียงลงหากแต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับมองอย่างไม่ละสายตา

ผู้ชาย ร่างสูงผมทองที่เป็นเชฟกำลังกอดประคองคนผมยาวตัวเล็กด้วยท่าทีที่แค่มอง เผินๆก็รู้ว่าทะนุถนอมแค่ไหน นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองภาพตรงหน้า...โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หรือว่าคุณนัทกับคุณเชฟ...

ปัณวิทย์ พูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าจะเห็นจังๆแบบนี้ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องดูออกว่าคนสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหน เด็กหนุ่มรอให้อีกคนทั้งสองเดินจนลับสายตาไปแล้วค่อยปิดประตูห้องลง

“........”

“เห็นแบบที่พี่เห็นป่ะ” แม้จะยังตกใจอยู่บ้างแต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับปกติเสียจนตัวเองยังแปลกใจ

...ก็แหง เขาไม่ได้ชอบญาณัชแล้วนี่นา

“เป็นเกย์ก็ไม่บอกแต่แรก...เสียดาย...” นัยน์ตาเจ้าชู้ยิ้มกริ่มก่อนจะเสตาแอบมองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

...ปฏิกิริยาจะเป็นยังไงมั่งนะ

...จะหึง..บ้างหรือเปล่า...

“....” แต่เจ้าของห้องกลับทำเพียงพ่นลมหายใจออกมาแล้วเดินหนีไปอีกทาง

...เสียดายนักเรอะ...

...น่าหมั่นไส้...

“......รู้งี้จีบดีกว่า” คนแกล้งยังไม่ยอมลดละ

“เนอะ ปันว่ามะ”

“ก็จีบไปดิวะ มาถามอะไรปัน” เขาทำเสียงขุ่นแล้วค่อยถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกเหวี่ยงไปบนเตียงกว้าง

...น่ารำคาญเป็นบ้า...

“ก็ ถามความเห็นปันไง อยากให้คุณนัทเป็นแฟนพี่ป่ะ จะได้รุกเลย....” ร่างสูงยิ้มเย้าแล้วเอากล่องเค้กวางไว้ข้างเตียง พร้อมหยิบก้อนขนกลมๆสองตัวขึ้นมาลูบเล่น

“ไง..ฟูฝุ่น เราก็ผู้ชายทั้งคู่เหมือนกันใช่ไหม”

“ปันเกี่ยวไรด้วยวะ อยากได้พี่นัทเป็นแฟนก็รุกเองดิ” ปัณวิทย์นึกโมโหที่อีกฝ่ายเอาแต่พูดถึงญาติของเขาอย่างนั้น

...ก็สเป็คไม่ใช่หรือไง...

...จะถามไรนักหนาวะ...

“ก็ถ้าปันไม่อยากให้จีบก็ไม่จีบไง” ชยางกูรดึงเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายเขวี้ยงไว้บนเตียงมาห่อเป็นม้วนกลมแล้วหนุนต่างหมอน

“มานี่มา...กอดที่ดิ๊”

“กอดอะไร” เด็กหนุ่มเดินมายืนมองที่ข้างเตียงแล้วคว้าเอาเสื้อตัวเองที่อีกฝ่ายใช้หนุนนอนมา

“กอดปันไง” รอยยิ้มเจ้าชู้ยกยิ้มก่อนมือใหญ่จะเอื้อมไปดึงข้อมือ

“คุณนัทเฟลไปแล้ว เป็นปันก็ได้เนอะ”

ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วจะมีท่าทียังไงนะ....

“จีบปันแทนแล้วกัน”

...ทำไมต้องพูดเหมือนเป็นของแถมวะ...

“ไม่ให้จีบ! ไม่ใช่ของแถม!!”

“งก.....” ปลากเสียงลากยาวก่อนจะแผ่วลง ชยางกูรดึงปัณวิทย์เข้ามาให้ล้มใส่ร่างแล้วกอดเอาไว้เบาๆ

“จีบไม่ได้เหรอ...”

น่าแปลกที่พอตัวเองถูกรวบเอาไว้แบบนี้ต้องรู้สึกเคอะเขินจนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา ปัณวิทย์ไม่อาจหาคำตอบให้กับตัวเองที่แปลกไปแบบนี้ได้

“... ไม่...” น้ำเสียงดุๆในตอนแรกฟังแผ่วลงเมื่ออีกฝ่ายจ้องเข้ามาจังๆ

ใน ขณะที่นอนกอดปัณวิทย์ ความอบอุ่นที่ไม่รู้จักชื่อกำลังปกคลุมหัวใจที่อ่อนไหว ใช่ว่าเขารักปัณวิทย์เป็นคนแรก...ความรู้สึกที่คล้ายอย่างนี้เกิดขึ้นมาแล้ว หลายต่อหลายครั้ง

...แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจริงจังเท่านี้เลย...

“ปัน อย่ามาทำหน้าน่ารักอย่างงี้ได้ป่ะ...สรุปว่ายอมให้จีบ..นะครับ” ปลายจมูกโด่งไล้ที่ผิวแก้มขาวซึ่งซับสีเรื่อบางเบา กลิ่นละมุนคล้ายแปลงเด็กผสมกลิ่นสดชื่นของกลิ่นกายปัณวิทย์ทำให้อยาก คลอเคลียอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

“พี่เอาจริงนะ....”

ปัณวิทย์ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่จะตอบไปก็ได้ว่าไม่ แต่กลับรู้สึกไม่อยากทำให้ร่างสูงต้องรู้สึกผิดหวัง

...จีบยังไงก็ไม่ติด...

เด็กหนุ่มพร่ำบอกคำนั้นกับตัวเองในใจหลายรอบ เขาหลบสายตาชยางกูรแล้วขยับใบหน้าหนีทั้งที่ใจเต้นระรัว

“... ไม่ติดหรอก.........”

“ก็ยังไม่ลอง...จะรู้ได้ไง” ชยางกูรกระซิบเสียงแผ่ว

“ปันไม่รักพี่เหรอ” เสียงทุ้มหวานยังคงรุกรานไม่เลิก และต่อให้อีกฝ่ายจะตัดทอนกำลังใจยังไง... ชยางกูรก็เชื่อว่าหน้าตัวเองทนกว่า

.......จะให้งุบงิบอุบอิบเป็นพระเอกงี่เง่า ให้ตายก็คงไม่ได้

“ไม่... จะยังไง...” เขารู้ตัวนิดหน่อยว่าเริ่มพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่คล้ายกับน้ำเสียงหวานนั้นเป็นตัวทำให้เขาเริ่มเคลิ้มไป

...จะรักได้ยังไง...

...ผู้ชายด้วยกัน...

“ปันใจร้าย....” น้ำเสียงทุ้มหวานอ่อนตัดพ้อข้างๆใบหูกลมมนที่ถูกลมหายใจเป่ารดจนแดงระเรื่อเฉกเช่นผิวแก้มที่แนบชิด...

“....เกลียดเหรอ...”

“.... ก็............”

...ไม่ได้เกลียด...

...แค่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเว้ย!!

แต่พออ้าปากจะตอบกลับพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

เพราะสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมามีแต่ความหวานซึ้งจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“.....ก็?” นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย ชยางกูรเกลียดการปิดบังความรู้สึก เพราะรู้สึกเหมือนเป็นการหลบซ่อนตัวจริงและหลีกเลี่ยงที่จะยอมรับ

..รักก็ว่ารัก เกลียดก็ว่าเกลียดจะยากอะไร...

“.......อย่าเกลียด...เลยนะ...”

“... ไม่ได้เกลียด... พอป่าว” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วหันใบหน้าหนี

มือใหญ่ตามไปแตะที่ข้างแก้มแล้วดันเบาๆให้กลับมาสบตาเหมือนเดิม

“ไม่ ได้เกลียด...แต่ไม่รัก...ให้ความหวังกันอย่างนี้มันเจ็บนะปัน” ...ถ้าปัณวิทย์ยอมรับเขา...ยอมรับสิ่งที่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงเมื่อไหร่ คำตอบคงไม่ลังเลแบบนี้

“อย่าคาดคั้นดิ! ไม่รู้ก็ไม่รู้.... ดิวะ” เขาหลบตาเมื่อไม่สามารถหันหนีได้ เพราะไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้เลยสักนิดเดียว

“ถ้ารู้เมื่อไหร่...บอกพี่นะ...” ริมฝีปากอุ่นๆแนบจุมพิตหวานทักทายบนเรียวปากสีอ่อน

“...........อย่าให้พี่ต้องรู้สึกคนเดียว”

“ร... รู้แล้ว” รสจูบหวานๆที่ไม่เคยได้สัมผัสและไม่เคยทำมาก่อนทำให้นัยน์ตาคู่เรียวปิดลงช้าๆ

ชยางกูรจูบเนิ่นนาน....ก่อนจะถอนจุมพิตที่หวานไปถึงหัวใจออก

ถ้ามากกว่านี้..จะอดใจไม่ไหว

“กินเค้กนะปัน” ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ากล่องขนมที่อยู่ใกล้ๆมาถือ

“อ... อือ กินเค้ก วันนี้มีเค้กไรมั่งอะ” เด็กหนุ่มขยับลุกตามพลางยื่นคอรอดูชยางกูรเปิดกล่องเค้กออก

“เหมือนเดิม ของชอบปัน” ชยางกูรหยิบเค้กชิ้นไม่ใหญ่นักออกมาจากกล่อง บลูเบอร์รี่ชีสพายฉ่ำนุ่มถูกเอามาจอรอที่ปากคนนั่งข้างๆ

“อ่ะ อ้ำ”

“ก... กินเองได้” ปัณวิทย์ตอบหน้ายุ่ง แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะยอมฟังง่ายๆ

...ช่างมันเถอะ...

...แค่นิดเดียว...

ใบ หน้าตอนกำลังกินดูน่ารักจนอยากจะดึงเข้ามาฟัด ริมฝีปากที่อ้าแล้วงับเบาๆเฉียดปลายนิ้วดูยั่วยวนจนอยากไล้เลียด้วยปลาย ลิ้น...แม้แต่นัยน์ตาสีเข้มและคิ้วขมวดก็ยังดูน่าเอ็นดู

...ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...

...ถึงได้มานั่งพร่ำเพ้อเป็นบ้าขนาดนี้...

“ทำไมคุณพ่อต้องเกลียดเกย์ขนาดนั้นด้วยนะ...” คำถามที่ยังคาใจพึมพำเบาๆหลังป้อนเค้กจนหมด

“ไม่รู้หรอก ปันไม่เคยถาม” เจ้าของห้องพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยขณะรอพายคำต่อไป เขาไม่เคยรู้สาเหตุว่าทำไมแต่ไม่ได้คิดถาม

...เพราะไม่เคยคิดว่าสำคัญ...

“ไม่รู้ดิ่ คุณพ่อกับอาที่เสียไป...อาพีทใช่ไหม” ชยางกูรเลิกคิ้วถามก่อนจะพูดต่อ

“เขา มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าถึงต้องจงเกลียดจงชังขนาดนี้ ดูงี่เง่าชะมัด” ปลายนิ้วปาดเศษพายที่มุมปากให้เบามือแล้วส่งเข้าปากตัวเองด้วยอาการที่ดู เป็นธรรมชาติ

“ไม่รู้ เรื่องของผู้ใหญ่ปันไม่เคยถามหรอก” มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือของชยางกูรให้ตักพายแล้วป้อนเข้าปากตัวเองพลาง เคี้ยวหยับๆหน้าตาเฉย

“นี่จะกินมือกันหรือไง” ชยางกูรหัวเราะเบาๆแล้วยอมให้กินแต่โดยดี

“แล้วถ้าเขารู้ว่าพี่กับปัน....จะเป็นไงมั่งไม่รู้เนอะ”

“ไม่! ไม่ได้! พูดอะไรน่ะ!” เขาตอบแทบจะทันที ร่างเล็กขยับห่างจากขนมทันที เรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นยังไงก็ไม่เอาด้วยแน่ๆ

“กลัว อะไร” นัยน์ตาคมมองอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ได้คิดจะบอกพลภัทรอยู่แล้ว แต่พอปัณวิทย์ปฏิเสธอย่างชัดเจนอย่างนี้ก็อดเจ็บขึ้นมาในใจไม่ได้

“เรื่องระหว่างเราไม่มีอะไรผิดสักหน่อย....”

“พอ แล้ว ไม่เอา ไม่อยากพูดเรื่องนี้ ปัน... ไว้พูดกันทีหลังนะ” เพราะรู้ว่าถ้าทำทีโมโหหรือขึ้นเสียงใส่ชยางกูรจะมีท่าทีอย่างไร เขาจึงเลือกใช้น้ำเสียงที่นิ่มนวลลง

...อย่าใช้คำว่าระหว่างเราได้ไหม...

...มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย...

...อย่ายัดเยียดความรู้สึกมาแบบนี้...

“อืม...” ถึงจะกล่าวรับคำ แต่ในความรู้สึกกลับตรงกันข้าม

ชยา งกูรรู้...ว่าแม้ปัณวิทย์จะยอมให้กอด แต่ในส่วนลึกแล้วยังคงต่อต้านในสิ่งที่เขาทำ..คล้ายกับไม่อยากจะยอมรับตัวตน ที่ถูกเขาทำให้หวั่นไหว

“กินเค้กอีกไหม”

...ที่ทำได้ในตอนนี้ คือปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้คิดได้เองเท่านั้น

ปัณวิทย์รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่ดูหมองลง เขาจึงขยับเข้าใกล้แล้วเอ่ยตอบ

“อือ ป้อนคืนก็ได้”

...ทำไมต้องรู้สึกผิดแบบนี้ด้วย...

“....ปันจะให้พี่ทำตัวยังไง”

...ถ้าไม่ชัดเจน แต่ยังทำดีด้วยอย่างนี้ เท่ากับว่าให้ความหวังกันไม่ใช่หรือไง

“ถ้าล้อกันเล่นอย่างนี้ไม่เอาหรอกนะ” ร่างสูงจ้องลึกในดวงตาสีเข้มของคนฝั่งตรงข้าม ราวกับจะค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่

“... ไม่ได้ล้อเล่น แต่ปันไม่รู้ อย่าคาดคั้นกันแบบนี้ได้ไหม... ถ้าปันไม่อยากทำใครจะบังคับปันได้เหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยคืนพลางตัดเค้กออกมาคำหนึ่ง

“จะป้อน... กินป่าว” คิ้วขมวดเข้าหากันนิดหน่อยพร้อมๆกับใบหน้าสีเข้มขึ้น

...มันน่าอายนะเว้ย...

...อย่างี่เง่าดิวะ...

ริมฝีปากอ้างับโดยไร้คำพูดใดๆ เขาจับมือเด็กหนุ่มไว้แล้วค่อยๆลิ้มรสหวานอมเปรี้ยวของเค้กที่อยู่ในปาก...และในบรรยากาศ

“พี่เป็นคนขี้หวงนะปัน...” ประโยคปริศนาเอ่ยออกไปพร้อมรอยยิ้มหวาน

“อือๆ” พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย ปัณวิทย์ถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างขณะดึงมือคืนมาตักอีกคำให้

...ก็ไม่ได้เกลียดอะไร...

...แต่ปันไม่ได้ชอบผู้ชาย...

...ไม่ได้หรอก...

...ใช่ไหม...

“ยิ่งของที่พี่รัก...พี่ยิ่งหวงนะ”

แทน รสหวานอมเปรี้ยวของเค้ก ความหอมหวานของริมฝีปากตรงหน้ากลับถูกฉกชิมรสแทน..ปลายลิ้นอุ่นๆไล้เลียกลีบ ปากด้านในแล้วสอดเข้าไปทักทาย..จนเจ้าของพอใจ

“หวานเนอะ...” พูดจบก็ถอนตัวออกมาด้วยนัยน์ตาวับวาว

ปัณวิทย์คิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกราวกับกำลังตกหลุม-- ลุ่มหลงในรสจูบของอีกฝ่ายคล้ายกับมัวเมา

“อ... อืม....” นัยน์ตาเลื่อนหลบก่อนจะถามต่อ

“กินอีกปะ”

“ที่ให้กินอีกน่ะ...เค้กหรือปากปัน” ดวงตาพราวสีฟ้าสว่างยังคงจ้องมองเช่นเดิม หากแต่มือใหญ่กลับเลื่อนมาจับแก้มไว้เบาๆ

“หืม?...ว่าไง”

“!!!??!! ถ-- ถามอะไรแบบนั้น!!! เค้กดิวะ!!!” พูดจบก็รีบยกส้อมยื่นใส่หน้าชยางกูรแทบจะทันที

“คร้าบๆ เค้กก็เค้ก” เขาเอาปากงับปลายส้อมไว้เบาๆแล้วรูดมันเข้าไปในริมฝีปาก

...ถ้าความสุขมีหน้าตา....

...คงหน้าเหมือนตัวเองตอนนี้ล่ะมั้ง...

“... พูดมากไม่ป้อนนะเว้ยครับ” ปัณวิทย์ทำบ่นแล้วตักให้อีกคำ

...ซึนเดเระ...

...ก็คงหน้าตาอย่างไอ้คุณน้องปันนี่ล่ะนะ...





To Be Continued....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2012 23:50:27 โดย kagehana »

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พี่เดฟก็ชอบแกล้งนะ ปันยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย  :o11:



อ่านไปก็ลุ้นไป กลัวพ่อปันมาเจออ่ะ  :m29:



 


ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
อยากรู้เรื่องของนัทกับเชฟแล้วแหละ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
อยากรู้เรื่องของนัทกับเชฟแล้วแหละ

คุณเชฟน้องนัทเป็นคู่ในเรื่อง My all ซึ่งเป็นเรื่องแรกของซีรีย์ค่ะ เรื่องจบไปนาน(มาก ฮ่าๆ)แล้ว แต่ไม่ได้เอามาลงในเล้าน่ะค่ะ

สปอยล์(?)คร่าวๆก็คือ

เป็นเรื่องของคุณเชฟที่เข้ามาเป็นเชฟพิเศษให้บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์(บ้านน้องนัท น้องปัน พี่เดฟ) ได้เจอกับน้องนัทที่เป็นเด็กมีปัญหา อาเสีย ชอบกรีดข้อมือตัวเอง คุณเชฟและสองน้องหมาช่วยกันละลายน้ำแข็งในตัวน้องนัท สุดท้ายก็รักกัน น้องนัทออกจากบ้านไปอยู่กับคุณเชฟ เปิดร้านอาหารกันสองคน ซึ่งเนื้อเรื่องของตอนเปิดร้านแล้วจะมีโผล่แว้บๆในเรื่อง Rainny day ซึ่งเป็นเรื่องที่สองในซีรีย์ค่ะ (เรื่องนี้มีลงในเล้านะคะ แต่อยู่ในห้องไม่ได้มาต่อจนจบ55 กำลังจะโพสท์ให้จบในเร็วๆนี้ค่ะ)

ป.ล. ซีรีย์นี้มีสามเรื่องค่ะคือ

 My all (คุณเชฟน้องนัท คุณธัชอาพีท)- ลงในเด็กดี

Rainny day (พี่หมอน้องรัน พี่รามพี่ธัน) - ลงในเล้ากับเด็กดี

Scar ตราบาปไร้รอยเลือน (พี่เดฟน้องปัน และคู่ลับที่จะมาในเร็วๆนี้) - ลงในเล้ากับเด็กดี

จากนั้นคนเขียนทั้งสองก็ลงความเห็นว่าเราควรไปจากบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์ซะทีเหอะ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
น้องปันน่ารักเนอะ :-[
พี่เดฟอย่าเพิ่งคาดคั้นน้องเลย น้องคงเปลี่ยนไม่ได้ภายในวันสองวันหรอก
ต้องให้ความอบอุ่นน้องเยอะๆ ชดเชยกับสิ่งที่น้องต้องเสียไปนะ
ว่าเมื่อไหร่คุณพ่อบ้าอำนาจจะหมดบทซะที เกลียดจะแย่แล้ว :m16:

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
พอเชฟมาโผล่ที่นี่นิดหน่อยชักคิดถึง..หลังจากอ่านทั้ง 2 เรื่องมานานแล้ว คงต้องกลับไปอ่านอีกรอบ...กว่าน้องนัชจะรับรักท่านเชฟ..ยังคิดถึงแฟนเก่าท่านเชฟอีกนะ...น่ารักดี        หนูปัน...รีบ ๆ รู้ความรู้สึกตัวเองซะ..เร็ว ๆ นะเดี๋ยวคนอื่นมาฉกพี่เดฟไปจะหาว่าไม่เตือน... :o8:

ออฟไลน์ mro

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ลุ้นๆ น้องกำลังกลัว คุณพ่อก็ใจร้ายจัง  :m31:

kasune

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงแรกร้องไห้กับเรื่องนี้แทบทุกตอน TvT
โดยเฉพาะช่วงคุณพ่อ...
เราแพ้เด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่นมากถึงขนาดต้องร้องไห้มากอะ
//ตาจะบวมมั้ยนี่..ต้องไปเรียนอีก  :เฮ้อ:
รอตอนต่อไปนะคะ

dog

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆค่า
ชอบน้องปัน ทั้งน่ารัก น่าสงสารเลยอะ
พี่เดฟต้องดุแลดีดีนะคะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
นั่นสิ ทำไมพ่อของเดฟต้องเกลียดเกย์นะ ฮืมมมม  :m16:
รอนะฮะ  ^^

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Kagehana : กลัวจะหวานเกิน เอาดราม่ามาปล่อยเบาๆ ฮิฮิ





-13-




“ปันคร้าบบบบ ขอพี่อัสซี่ตรวจการบ้านหน่อยครับ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้”


“เออๆ” เขาตอบพลางหัวเราะขำ


“เฮ้ย ช่วงนี้มีปาร์ตี้ปะวะ” ปัณวิทย์ส่งการบ้านให้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม


“เฮ้ย มีป่าววะ ศิวลึงค์” ว่าจบอาธิปก็คว้าการบ้านมาลอกยิกๆ


“เหี้ย!” ศิวะตบหัวไอ้คนกวนตีนทันที


“ไรวะ มึงอยากเหรอปัน...ปกติไม่เห็นเคย จะไปแดกเหล้าบ้านกูป่ะล่ะ”


“มีสาวๆปะ” ปัณวิทย์หยิบหนังสือของตัวเองออกมาอีกเล่ม


“โห... น้องปันของกู เลิกกะเมียแล้วหื่นแตกเลยเหรอวะ น้อยๆหน่อย เกรงใจกูบ้าง คนแม่งโสดไร้แฟน” อาธิปที่ก้มหน้าก้มตาลอกอยู่ถึงกับเงยขึ้นมามอง


“ไมวะ เดี๋ยวนี้พี่เดฟไม่รักเหรอ มึงเลยต้องมาหาสาวเนี่ย”


“พี่เดฟเกี่ยวเหี้ยไรวะ!” เด็กหนุ่มถามเสียงขุ่น


“แม่งก็กวนตีนไปงั้นแหละมึง ไอ้อัฐมันปากไม่อยู่สุข” ศิวะพูดยิ้มๆแล้วตบบ่าปัณวิทย์เบาๆ


“ไม่มีหญิงว่ะ หรือถ้าอยากมีหญิงกูพาแอบเข้าผับมะ เดี๋ยวเอารถไปรับบ้านมึง หรือไม่มึงก็ชวนพี่เดฟไปด้วย”


“ไม่ต้องชวนอะ ไปกันเองแหละ” ปัณวิทย์รีบห้ามทันที เพราะว่าตัวปัญหาที่ทำให้เขาคิดอยากเที่ยวก็คือชยางกูร


...ลองดูก็รู้...


“มึงกลัวพี่เดฟแย่งสาวอะดิ่” คนที่โงหัวจากการบ้านได้ยังปากดีไม่เลิก อาธิปยิ้มกว้างจนตาหยีให้อีกทีตบท้าย


“ไปวันไหนดีอ่ะ”


“เย็นนี้ปะ” รอยยิ้มกวนประสาทปรากฏขึ้นก่อนจะนึกไปถึงอีกคน


...ทำไมต้องนึกกังวลวะ...


“....มึงแปลกว่ะปัน” ศิวะพึมพำเบาๆ หลังจากสองอาทิตย์ที่ปัณวิทย์หยุดเรียนไปดื้อๆ พอกลับมาเพื่อนคนนี้ก็มักพูดถึงเรื่องเที่ยวเรื่องสาว... ซึ่งปกติเจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น


...ถ้าเป็นไอ้อัฐก็ว่าไปอย่าง...


“จะรีบไปไหนวะ ทำท่าอย่างกับมึงจะหาสาวหนีอะไรอย่างงั้นแหละ”


“ก็กูบอกแล้วมันเป็นเมียพี่เดฟ แม่งหาสาวหนีพี่เดฟแหง ฮ่าๆๆ”


“เหี้ยแล้วครับ! กูไม่ขำแล้วสัด” ปัณวิทย์ตอบพร้อมสีหน้าหงุดหงิดชัดเจน


“ทำไมวะ ก็กูเซ็ง”


“ไรว้า กูแซวนิดแซวหน่อยทำวีน ติดจากน้องไอซ์เหรอ” อาธิปปิดสมุดแล้วส่งคืนให้พลางยิ้มประเหลาะเอาใจ


“ไปๆ วันนี้ก็วันนี้ พี่อัสซี่จะพาน้องๆหนูๆไปเปิดหูเปิดตา”


ศิวะลอบมองใบหน้าที่ฉายแววขุ่นมัว...แปลกไปจริงๆ...แต่จะให้ซักไซ้ไร่เรียงก็ไม่ใช่นิสัย


...ถ้ามันอยากมันก็เล่าเองละวะ




//////////////



เสียงลมหายใจหอบแผ่วดังจากคนสองคนที่มุมมืดของผับ เด็กหนุ่มร่างโปร่งบางดันเอาร่างเล็กของคนที่ยังจำชื่อไม่ได้ให้ติดผนังอาคารแล้วตามประกบริมฝีปากลงบนลำคอขาวระหง


เด็กสาวหัวเราะคิกคักพลางยกมือโอบศีรษะคนตรงหน้าให้เข้ามาแนบชิด ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนจูบเบาๆข้างแก้มของปัณวิทย์ราวกับจะทำตราจองไว้


“ทะลึ่งนะคะ...” นัยน์ตากลมโตหวานเย้มจ้องมองใบหน้าพลางแย้มยิ้มยั่วยวน


“หึ...” ปัณวิทย์หัวเราะในลำคอก่อนจะเอื้อมมือลงไปลูบไล้ทรวงอกเต่งตึงนุ่มมือพลางขบเบาๆตรงแนวไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อคอกว้างออกมา


“อื๊อ...” เด็กสาวคราวเสียงแผ่วหวิว เธอเบียดกายและหน้าอกอวบอัดเข้ากับใบหน้าที่ซุกลงมา ขาเรียวใต้กระโปรงสั้นยกขึ้นเสียดสีท่อนล่างของเด็กหนุ่มเบาๆ


“อย่าทำ...ตรงนี้สิ...ออกไปต่อกันนะ...”


“....” เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากเรียวขา แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเพิ่มเติมนอกจากแรงเสียดสีเท่านั้น กลับกัน ปัณวิทย์รู้สึกว่าตัวเองเฉยชากับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มากเกินไป หากเป็นปกติ ป่านนี้เขาคงไม่อยากจะให้มันหยุดแค่ที่ตรงนี้แล้ว


“ก็ได้... ออกไปต่อกันนะ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นทั้งๆที่ในอกรู้สึกหวาดหวั่น เพราะอาการที่แสดงออกมันชัดเจนเกินไป


...เหี้ยแล้วไอ้ปัน...


...งานเข้าโคตรๆ...


ใบหน้าของชยางกูรลอยเข้ามาในโสตประสาท น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบข้างใบหูยังจำได้ดี สายตาคมที่มักจะจ้องตอบมามักทำให้ใจเต้นรัวแรงขึ้น


...ไม่...


...ไม่...


...ไม่ใช่สิ!!!


เด็กสาวกอดแขนเอาไว้พลางเบียดตัวเข้าหา ปลายผมยาวคลอเคลียกับแผ่นอกได้รูป เธอดึงปัณวิทย์ขึ้นไปยังชั้นสองของร้านก่อนจะผลักประตูห้องวีไอพีที่เปิดอ้าอยู่เข้าไป



“ที่นี่ก็สะดวกนะ... มีห้องมีเตียง อุปกรณ์ครบ” เสียงหวานเอ่ยฉอเลาะแล้วปิดประตูลง


“ปันเท่จัง... เค้าชอบนะ...” มือนุ่มนิ่มไล้บนแผ่นอกที่มีเสื้อเนื้อบางกั้นไว้


“อืม... เหรอ...” นัยน์ตาเรียวหรี่ลง พยายามปล่อยตัวให้ไปตามสบายตามสัมผัสอีกคน


...แค่ติดกับคำของพี่เดฟมากไปน่า...


เด็กสาวกึ่งลากกึ่งจูงคนที่มาด้วยไปที่เตียง มือเล็กๆผลักเบาๆให้ปัณวิทย์นอนลงกับเตียงก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะเกี่ยวกระดุมออกให้ทีละเม็ด


ร่างเล็กแยกขาคร่อมเอวของคนที่นอนอยู่แล้วก้มลงเบียดทรวงอกอวบอัดเข้ากับกล้ามเนื้ออีกฝ่ายอย่างจงใจ แต่ก็นึกขัดใจนิดหน่อยว่าหากเป็นคนอื่นป่านนี้คงไม่นิ่งเฉยขนาดนี้


ไอ้อ่อนเอ๊ย...เด็กสาวลอบนึกในใจ


“ปัน...เป็นไรปะคะ...”


“เปล่า......” เขารู้สึกได้ว่าร่างกายเย็นเฉียบจากด้านใน ยามที่ปลายเล็บของเธอกรีดเบาๆไปตามผิวกายกลับไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกใดใดแม้แต่น้อย


“....... ไปข้างล่างเถอะ ผมไม่มีอารมณ์แล้ว” คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันพลางขยับตัวลุกขึ้น


เด็กสาวหน้าตึงขึ้นก่อนจะชักสีหน้าทันที ฝ่ามือเรียวตวัดตบใบหน้าเด็กหนุ่มพร้อมแถมปลายเล็บเกี่ยวที่แก้มจนเลือดซิบ


“ทุเรศ!! เฮงซวยห่วยแตก!! ไม่มีอารมณ์มันต้องฉันมากกว่าย่ะ! นอนนิ่งเป็นปลาตายเซ็กส์เสื่อมหรือไง แม่งเอ๊ย...ไปตายซะไป๊!”


เด็กสาวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดพลางก่นด่าไม่เหลือคราบสาวน้อยแสนหวาน เธอจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะปรายตามองแล้วยิ้มเยาะ


“ทีหลังอย่าชวนใครอีกล่ะถ้าเป็นเกย์แบบนี้ ไปหาผู้ชายไป๊ ไอ้ตุ๊ด!” ว่าจบก็เดินลงส้นปึงปังปิดประตูใส่หน้าจากไปทันที


...เกย์...


...จริงๆน่ะเหรอ...


ปัณวิทย์ยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะสัมผัสได้ถึงของเหลวบางอย่าง


“เลือดออกเลยเหรอวะ...” เขาแค่นหัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพชแล้วลงจากเตียงเพื่อเดินลงมาข้างล่าง


...เหี้ยชีวิต...


สายตามองไปเห็นเพื่อนสองคนเต้นอยู่กับสาวก็ไม่อยากขัด พอเหลือบมองไปอีกทางก็เห็นว่ามีฝรั่งร่างใหญ่มองมาทางเขา


สายตาที่ใช้มองมาดูปราดเดียวก็รู้ว่าต้องการอะไร


...เอาไงดีวะ...


...ถ้าโดนแตะแล้วตั้งก็เหี้ยจริงๆละปัน...


ปัณวิทย์ทำทีเป็นเดินผ่านกลุ่มคนมากมายไปทางนั้น


...เอาวะ...


ทันทีที่นัยน์ตาสีควันบุหรี่มองเห็นเด็กหนุ่มที่เดินมาทางตนเอง รอยยิ้มพึงพอใจก็แตะขึ้นบนใบหน้า พออีกฝ่ายทำท่าจะเดินผ่านอย่างลังเล มือใหญ่เลยเอื้อมคว้าไว้


“Hi”


เขาเอ่ยทักไปแล้วแตะมือลงบนสะโพกเพรียวนุ่มมือก่อนจะบีบเบาๆ ฝรั่งร่างสูงยิ้มให้อีกครั้งพร้อมแววตาที่สื่อความนัย เช่นเดียวกับมือที่ลูบไล้บนสะโพกได้รูปไม่ห่าง


แม้จะตกใจแต่ร่างกายของเขากลับรู้สึกวาบหวามขึ้นมาเพียงได้สัมผัสจากคนแปลกหน้า


“Sorry,” ปัณวิทย์เบนตัวหนีออกมาทันทีพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแรง


...ไม่จริง...


...อะไรวะ...


...เหี้ยเอ๊ย...


เพียงแวบเดียวเด็กหนุ่มก็ปราดเข้าถึงตัวของเพื่อนทั้งสอง


“เฮ้ย กูกลับก่อนนะ” กระทั่งเสียงที่พูดออกไปก็ยังฟังดูอ่อนแรงกว่าที่เคย


“เฮ้ย ไรว้า” อาธิปยกมือขอโทษสาวน้อยข้างๆแล้วหันมาหา


“ไหนมึงว่าจะหิ้วสาว รีบกลับไมวะ”


“ปวดหัวว่ะ พวกมึงหนุกไปเหอะ เดี๋ยวกูกลับเอง” ปัณวิทย์ตอบห้วนๆแล้วหันหลังให้ทันที ถ้าเรียกแท็กซี่กลับบ้านตอนนี้คงไม่เป็นไรเพราะวันนี้พลภัทรอยู่หัวหินกับเพ็ญแข ไม่มีใครมารอว่าแน่ๆ


“เฮ้ยปัน มึงไม่เรียกให้พี่เดฟมารับวะ ปวดหัวกลับคนเดียวได้ไง” ศิวะพูดแย้งแล้วเดินไปจับไหล่ไว้


“มึงเป็นไรรึเปล่าววะ แปลกๆนะมึงอ่ะ”


“เออ! เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”




////////////



เมื่อเขาเปิดประตูห้องออกมา ก็พบว่าชยางกูรนอนแผ่อยู่บนเตียงกว้างโดยมีเจ้าฟูเจ้าฝุ่นขดตัวอยู่บนท้อง


ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย ปัณวิทย์กลับอยากร้องไห้ออกมา


...ทำให้ปันวุ่นไปหมด...


“ไปไหนมาปัน”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งๆที่ยังหลับตา


“พี่กลับมาก็ไม่เห็น...นี่มันกี่ทุ่มแล้ว”


“.........” ปัณวิทย์ไม่ตอบอะไรแต่กลับเดินเข้าไปที่ข้างเตียง


“ปันเป็นเกย์......” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่ตอบคำถามอีกคนแม้แต่น้อย เขารู้สึกถึงหัวตาที่ร้อนผ่าวจนต้องกัดฟันเอาไว้


...หมดหนทาง...


“........หมายความว่าไง” คนที่ฟังอยู่อุ้มเจ้าฟูเจ้าฝุ่นบนตัวออกแล้วลุกนั่งข้างๆ


ทั้งทึ่แต่ไหนแต่ไรไม่ยอมรับความรักของเขา แล้วจู่ๆก็เดินมาบอกว่าเป็นเกย์ จะให้ตีความยังไง


“ปัน... แก้มไปโดนอะไรมา” ชยางกูรจับใบหน้าของเด็กหนุ่มให้มองมาตรงๆ


“นี่มันรอยเล็บนี่?”


“ผู้หญิงที่ผับตบมา...” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง


“...ตบแล้วโดนด่าซ้ำว่าเป็นเกย์เป็นตุ๊ด...”


ปลายนิ้วโป้งไล้ที่รอยแผลข่วนเบาๆก่อนจูบลงไปแถมท้าย


“ปันจะเป็นไงพี่ก็ไม่สนหรอก... แล้วไปทำอีท่าไหนเขาถึงตบมาล่ะ” ชายหนุ่มถามแล้วยิ้มพรายมองเด็กน้อยที่ดูท่าจะไม่ค่อยอยากรับความจริง


“ไม่เกิดอารมณ์ไง บอกว่าเป็นปลาตายซากเลย” คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนที่ริมฝีปากจะเอ่ยพูดต่อ


“ปันก็นึกว่าเพราะอารมณ์ไม่ดีเว้ย แต่พอเดินผ่านไอ้ฝรั่งกล้ามโตแล้วแม่งเข้ามาจับ น่ากลัวก็จริงแต่มันมีอารมณ์... เป็นเกย์แล้วจริงๆด้วย” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเขาฟังแผ่วลง


สิ่งที่ปัณวิทย์พูดออกมาเหมือนน้ำเย็นถังใหญ่ที่สาดโครมเข้ามาจนตาสว่าง ชยางกูรมองใบหน้าเล็กๆตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา มือที่จับแก้มไว้จับแน่นขึ้นโดนไม่รู้ตัว


“ปัน...ไปมีอะไรกับผู้หญิงมาเหรอ...” ชยางกูรถามเสียงแผ่ว หากนัยน์ตากลับทอประกายโกรธเคือง


...ทั้งๆที่คบกันอยู่...


“......ไม่นึกเลยว่าปันจะทำอย่างงี้กับพี่”


“ทำ... อะไร...” น้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆเมื่อถูกถามแบบนั้น ทั้งๆที่คิดว่าชยางกูรจะบอกว่าดีแล้ว หรือพูดจาเล่นหัวเหมือนที่ผ่านมา


“อยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่มันผิดตรงไหนล่ะ”


“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการนอกใจ” ชยางกูรพูดเสียงแข็งแล้วจับบ่าทั้งสองข้างเอาไว้ แม้แต่การแทนตัวเองยังเปลี่ยนไป... ฉัน... ที่ไว้แสดงความเหินห่างระหว่างกัน


“ทั้งผู้หญิง... ทั้งผู้ชาย... เห็นฉันเป็นตัวตลกที่ปั่นหัวเล่นได้ง่ายๆใช่ไหม ปัณวิทย์!”


...ถ้าไม่รัก...


...ก็อย่าทำกันอย่างนี้...


“ด-- เดี๋ยว! นอกใจอะไร?? ยังไม่ได้คบกันสักหน่อย แล้วปันก็อยากรู้ว่าปันเป็นอะไรแน่!! อย่าขึ้นเสียงแบบนี้ดิวะ!!!”


...ไม่ได้คบกัน...


...เพราะงั้นถึงทำอย่างนี้สินะ...


“อยากลองเลยไปนอนกับคนอื่น...คิดได้ยังไง” ชายหนุ่มที่ถูกความเศร้าครอบงำทำได้แต่บีบมือแรงขึ้น


“อยากรู้นักก็มานอนกันสิ! ฉันมันไม่พอใช่ไหม!”


“เฮ้ย! ไปกันใหญ่แล้ว! ลองกับแกแล้วจะรู้ได้ไงวะ?” ปัณวิทย์ทั้งตกใจทั้งเสียใจที่อีกฝ่ายมีท่าทีแบบนี้


“นอนกับใครก็ได้...ยกเว้นฉันใช่ไหม” ชยางกูรขบกรามแน่นเอ่ยเน้นคำ


เพราะครั้งหนึ่ง... รักที่แสนจริงจังกับคนที่อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต กลับถูกทรยศด้วยการนอกใจ


ชยางกูรเลยกลายเป็นคนที่จริงจังกับความรัก... และหวังว่าจะให้อีกฝ่ายเป็นอย่างเขา


...แต่ก็ไม่มี...


...แม้แต่คำว่ารัก...


“ทำไมวะ! ไม่รักก็อย่าให้ความหวังดิ! คนไม่โดนแม่งไม่รู้หรอกว่าเจ็บแค่ไหน” ชยางกูรผลักอีกฝ่ายลงกับเตียง เสื้อหลุดลุ่ยเปิดให้เห็นรอยลิปสติกตรงแนวคางที่เจ้าตัวคงลืมไปแล้ว


“...............เหี้ยเอ๊ย!!!”


“ปล่อย!!! ฟังบ้างดิเฮ้ย!! บอกว่าลองกับคนอื่นจะได้รู้ว่ากูเป็นอะไรแน่!!! เข้าใจหน่อยดิ ไม่ได้ลองเพราะอยากแต่อยากรู้ว่าได้หรือเปล่า!!!” ปัณวิทย์ดิ้นหนีพลางขยับให้หลุดจากอีกคน


“ไม่เข้าใจ!!” ชยางกูรตะคอกเสียงดังใส่อย่างลืมตัว


“ต้องให้โดนปล้ำใช่ไหมถึงจะรู้ว่าทำกับผู้ชายได้หรือเปล่า! ร่างสูงกดบ่าของคนตรงหน้าลงกับพื้นเตียงแล้วดึงเสื้อผ้าของปัณวิทย์ออกจนร่างกายเปลือยเปล่า


“เฮ้ย!! พูดไม่รู้เรื่องแล้ว!! เป็นเหี้ยไรวะ!!! ไม่ฟังกูเลยห่า!!!” ปัณวิทย์ดิ้นรนสู้แรงของอีกฝ่าย ทั้งเตะทั้งถีบ หวังให้เย็นลงแล้วมาคุยกันดีๆ


ฝ่ามือที่ผลักไสและร่างกายที่ขัดขืนเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เพลิงอารมณ์ผลาญการรับรู้ทั้งหมดจนไม่สามารถย้อนคิดถึงเหตุผลของอีกฝ่าย ร่างสูงจับล็อคขาทั้งสองข้างที่ไร้การปกปิดให้อยู่ในท่วงท่าน่าอายพร้อมกับรุกรานด้วยปลายนิ้วหยาบซึ่งสอดใส่โดยไม่ใช้สารหล่อลื่นใด


“ปล่อยกูสัด!! เจ็บ--!!! เหี้ย-!! ปล่อย--!!” คนตัวเล็กกว่ายังคงพยายามฝืนแรงต้าน ทั้งๆที่รู้ดีว่าเวลาแบบนี้ชยางกูรไม่ปล่อยแน่


“กูเกลียดมึงเวลาแบบนี้!! เหี้ยเดฟ ปล่อยกู”


“กูไม่ปล่อย!” ปลายนิ้วที่เพิ่มขึ้นเป็นเครื่องยืนยันได้ดี เขาจับเรียวขาทั้งสองข้างพาดบนบ่าแล้วกันนิ้วที่สามเข้าไป


“...มึงก็เกลียดกูตลอดแหละ กูไม่ได้ทำอะไรมึงก็เกลียด! มึงอิจฉาที่พ่อรักกู....มึงเคยถามกูไหมว่ากูอยากให้เขารักหรือเปล่า มึงไม่เคยสนใจกูเลยปัน.....ทั้งๆที่....”


...พี่รักปัน....


คำสุดท้ายที่ไม่พูดออกไป..เพราะไม่อยากจะพูดคำนี้ให้คนที่ไม่เคยให้รักกลับมาได้ยิน


“มึงสนใจแต่ตัวมึง จะให้คนอื่นกอด... จะกอดผู้หญิง... มึง... ปันจะใจร้ายกับพี่อีกแค่ไหน” ถ้อยคำปวดร้าวพร่างพรูออกมาด้วยน้ำเสียงแหบโหย


ปัณวิทย์หยุดการต่อต้าน เพราะถ้อยคำเจ็บปวดเสียดแทงลงมาทำร้ายจิตใจ สำหรับตัวเอง-- ไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน เด็กหนุ่มนึกไปว่าตัวเองนั้นคิดอะไร


แม้จะเป็นแบบนั้นก็ยังได้คำตอบเดิม เขาไม่ได้อยากกอดผู้หญิง แต่เพราะอยากรู้ว่าตัวเองยังกอดผู้หญิงได้หรือเปล่า


“....” แต่พูดยังไงตอนนี้ชยางกูรก็คงไม่คิดเข้าใจ


...ถ้าคุยกันยังไม่รู้เรื่อง...


...จะคบกันได้ยังไง...


ปัณวิทย์ตัดสินใจปล่อยร่างกายให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจ นัยน์ตาเรียวคมมองใบหน้าของชยางกูรนิ่งเฉย รู้สึกคล้ายกับรับได้ถึงความเจ็บปวดที่ถ่ายทอดผ่านมา


...พร้อมกับความเจ็บปวดของตัวเอง


ปลายนิ้วที่ถอนออกถูกแทนที่ด้วยแก่นกายใหญ่โต ชยางกูรแทรกร่างเข้าไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็ถูกแววตาว่างเปล่าของปัณวิทย์ที่มองมาแช่แข็งไว้ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นแล้วลุกขึ้นยืนถอนกายออกมาในครั้งเดียว ขาทั้งสองข้างที่พาดอยู่บนบ่าร่วงลงสู่เตียงนอนโดยที่เจ้าของยังนิ่งงัน


“ยอมทั้งๆที่ไม่ได้รัก... ปันเป็นคนอย่างนี้เองสินะ... มีแต่พี่ที่เข้าใจผิดไปเอง....” เสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆราวกับจะบอกตัวเอง


“หนีปัญหา ไม่ยอมรับความจริง ปล่อยให้ทุกอย่างเลยตามเลย ปล่อยให้คิดไปเอง เพราะเป็นอย่างนี้นี่แหละ....” ชยางกูรมองใบหน้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยประคองให้ซบลงบนอก


“เพราะอย่างนี้... ถึงไม่มีใครรักสักคน”


ร่างสูงพูดจบก็รูดซิปกางเกงแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองแม้สักครั้ง


...ถึงจะรักเท่าไร....


...ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้อีกแล้ว...


ถ้อยคำเจ็บปวดที่อีกฝ่ายฝากไว้เรียกให้น้ำตาไหลออกมา ได้แต่คิดว่าชยางกูรไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดเดียว เขาไม่ได้อยากหนีปัญหา ไม่ได้ไม่ยอมรับความจริง แต่เป็นเพราะอยากจะตามหาความจริงถึงได้ลอง


...ทั้งหมดที่ทำนั้นก็เพื่ออีกฝ่ายชัดๆ


ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ต้องคุยกัน


ยังไงก็ไม่มีคนรักเขาอยู่แล้ว...


“... ไม่มีใครสักคน...”








To Be Continued...




ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ดราม่าของจริง T_T
ที่ผ่านมาแค่อุ่นเครื่องสินะ

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
เดินเครื่อง -w-'

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
คนอารมณ์ร้อนสองคนมาปะกัน เรื่องมันก็ลงเอยแบบนี้ ตามลุ้นต่อไปจ๊ะ

อนึ่งน่าจะเอาเรื่องแรกมาลงด้วยนะ อยากอ่านจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
ทำไมเดฟไม่ฟังปันก่อนนน  :o12: :o12:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พี่เดฟใจร้อนไม่เข้าเรื่อง

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เจ็บทั้งคู่เลย ให้ตายสิ ทำเอาคนอ่านเจ็บไปด้วยเลยเนี่ย :z3:
ทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างก็รัก (ล่ะมั้ง?) แต่ทำไมต้องทำร้ายกันแบบนี้
คุยกันดีๆเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้สินะ หรือว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมพูดความในใจออกมากันเอง :z2:
เก่งแต่พูดในใจกันทั้งนั้น ลองให้อีกฝ่ายรับรู้ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นนะ (มั้ง? คิดไปเอง :z3:)

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
โหยยยยยย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้องปัน เจ็บอีกแล้ว

dog

  • บุคคลทั่วไป
อูยยย
ไหงพี่เดฟเป้นงี้อ่า
น้องปันก็อุตส่าห์บอกเหตุผลแล้วนะ ทำไมไม่ฟังกันเลยนิ
ไม่คิดจะเข้าใจคนอื่น แล้วหวังจะให้คนอื่นเข้าใจตัวเองมันไม่ได้นะค๊า

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เดฟคิดไปไกลเลย

ฟังเหตุผลน้องบ้างซิ


tippy

  • บุคคลทั่วไป
สงสารปันปัน  :o12:

ฝาก :z6: ไอ่พี่เดฟ  :m31:

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
สงสารปันๆจังตอนนี้ พี่เดฟทิ้งคำไว้ซะแรงเลย

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
สงสารปันจังเลย
ไม่มีใครรักปันเลยสักคน


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด