▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 134126 ครั้ง)

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
สนทำเกินไปแล้วน้าา ไปเอาต้นกลับมาคืนเลยยย  :o12:

หมาน้อย

  • บุคคลทั่วไป
นึกถึงเพลงนี้เลย เหมาะกับความรักของต้นมากๆ เอามาเป็นเพลงประกอบเรื่องนี้ได้เลยอ่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=lADmlm6KfkE

เก็บแววตาที่เกินกว่าหวังดี ไม่ให้เธอสงสัย
เก็บความรักที่มันมีล้นใจ ไว้ในใจของฉัน
และยังคงทุ่มเทและทุ่มเท
มีชีวิตเพื่อเธอเท่านั้น เพียงทุกวัน ให้ฉันได้มองเห็นเธอ

จะมีพรุ่งนี้ของฉันรึเปล่า และเธอจะรักฉันบ้างรึเปล่า
ไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่เรื่องราวที่อยากจะรู้
แค่มีตรงนี้ให้ฉันได้ยืน อยู่ไม่ไกลจนเกินเฝ้าดู
ยังได้เจอ ได้รักเธอก็พอแล้ว

แค่เธอเห็นว่าฉันมีตัวตน แค่บางหนเธอเรียกชื่อฉัน
มันสำคัญกับฉันมากมายจริงๆ
จะไม่หวังเกินตัวให้วุ่นวาย ฉันสุขใจแค่นี้
นี่คือวันเวลาวินาที ที่ดีที่สุดของฉัน
ไม่ให้ความเป็นจริงในหัวใจ มาทำลายเวลาเหล่านั้น
นานเท่านาน ให้ฉันได้ทำเพื่อเธอ


หมาน้อย

  • บุคคลทั่วไป
ปอลอ

ต้นรูปนี้น่ารักอ่ะ :กอด1:


ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399
 :sad11: :sad11: :sad11:


สนอะ

ต้นหายไปไหนเนี่ย น่าเป็นห่วง

 :o12: :o12: :o12:


เป็นกำลังใจให้คนเขียนมาต่ออีกไวไวนะค่ะ

 :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนที่ 17: กลับมาได้ไหม



บรรยากาศยามเช้าที่มหาวิทยาลัยดูเหงากว่าเคยไปถนัดใจในวันที่ต้นไม่อยู่ สนเดินเตร่มาที่คณะของต้นเพื่อถามข่าวคราวของเพื่อนที่หายไปแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่บอกสนได้ว่าต้นหายไปไหน สนจึงไปหาเจนี่ที่คณะบ้าง แต่เจนี่ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่าต้นหายไปไหน วันนี้ทั้งวันสนจึงไม่มีกะจิตกะใจเรียนหนังสือ แม้กระทั่งข้าวกลางวันสนก็กินได้แค่สองสามคำ

สนกลับมาบ้านเหมือนคนไร้วิญญาณ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาถึงบ้านได้อย่างไรหรือวิธีไหน วันนี้นิกกับปั้นจั่นคงจะกลับค่ำหน่อยก็เลยไม่มีใครนั่งดูทีวีเหมือนเช่นทุกวัน ทำให้บ้านหลังนี้ยิ่งดูเงียบเหงามากขึ้นไปอีก

สนขึ้นไปบนห้อง นั่งก้มหน้าซึมอยู่บนที่นอนของตัวเอง สักพักก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้นแต่ก็เหมือนเดิม ต้นก็ยังคงปิดเครื่องอยู่ ปิดแบบนี้มาทั้งวันแล้ว สนถอนหายใจหนัก เขาเฝ้าแต่คิดโทษตัวเองที่วู่วามจนเผลอทำร้ายทั้งกายและใจของเพื่อนที่เขารักมากที่สุดอย่างไม่ตั้งใจ เขาเป็นห่วงต้นเหลือเกิน เขานึกไม่ออกเลยว่าต้นจะไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ถ้าเกิดต้นเป็นอะไรจริงๆ เขาคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่สู้หน้าใครได้

เขาเคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลเพื่อนให้ดีที่สุด แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้มันเหมือนเขาได้ผิดคำสัญญานั้นไปแล้ว นึกถึงตอนที่เขาผลักต้นล้มลง สายตาที่ฉายแววผิดหวังและเจ็บปวดคู่นั้นของต้นคอยหลอนใจเขาแทบตลอดเวลา

สนเดินมาค้นดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ในลิ้นชักข้างเตียงนอน ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้หยิบมาดูนักแต่วันนี้เขาคิดถึงต้นมากเสียจนไม่มีสติที่จะคิดหรือทำสิ่งใด สนค่อยๆ เปิดดูทีละรูป มีรูปที่เขาถ่ายกับต้นอยู่หลายใบ มีภาพตอนอยู่ชั้นประถมถ่ายอยู่ริมคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น มีภาพที่ต้นถ่ายให้ตอนที่เขาแสดงละครวันแม่สมัยเรียนมัธยม มีภาพที่เขาถ่ายกอดคอกันกับต้นและมีฉากหลังเป็นทะเล มีภาพเขากับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่ต้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ทุกวันนี้เสื้อและกางเกงตัวนั้นเขาก็ยังใส่ได้อยู่เลย และอีกหลายๆ ภาพที่ล้วนแต่ทำให้เขาหวนรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา

กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้เพื่อนเสียใจ แต่ต้นก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเขาเลย ให้อภัยทุกครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะพูดให้เขาระคายเคืองใจแต่เพียงนิด ทั้งๆ ที่ต้นจะด่าจะว่าเขาก็ได้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับชีวิตการเป็นเพื่อนกันเลยทีเดียว จะคบกันต่อหรือจะต้องจากกันไป อีกไม่ช้าเขาก็คงจะได้รู้คำตอบ

น้ำตาของสนไหลลงมาอีกอย่างสุดกลั้น ในใจเขาได้แต่เฝ้าพร่ำขอโทษเพื่อนกับสิ่งที่เขาทำลงไป ต้นคงจะเจ็บปวดมากกับสิ่งที่เขาตอบแทนให้อย่างไม่ตั้งใจ แค่คิดว่าต้นเจ็บแค่ไหนสนก็แทบจะขาดใจแล้ว ในนาทีนี้...ขอแค่ให้ต้นกลับมาเท่านั้น จะให้เขาทำอะไรสนก็จะยอมทำทุกอย่าง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สนหยิบขึ้นมากำลังจะรับ แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครเขาต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายสนก็จำใจต้องรับโทรศัพท์นั้นเพราะรู้ดีว่าการหลีกเลี่ยงไม่รับจะยิ่งทำให้เหตุการณ์น่าสงสัยมากขึ้น

"สวัสดีครับพ่อ" สนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติแต่ถ้าฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าเสียงเขาหม่นไปมากทีเดียว

"สนได้เจอต้นบ้างหรือเปล่าลูก เห็นต้นโทรมาบอกเมื่อกลางวันว่าไปอยู่บ้านเพื่อน พ่อว่าจะโทรถามอะไรต้นหน่อยแต่ก็โทรไม่ติดเลยทั้งวัน ไม่รู้เป็นอะไร"

สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาไม่รู้ว่าต้นบอกอะไรพ่อไปมากแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกกลัวมากทีเดียว "ยังไม่ได้เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับพ่อ ผมก็พยายามโทรหาแต่ก็ไม่ติดเหมือนกันครับ"

"เหรอลูก แล้ววันนี้ต้นไปเรียนหรือเปล่า"

"เอ่อ....คือ...ผมไปดูแล้วครับ วันนี้...ต้นไม่ได้มาเรียนครับพ่อ" สนตอบไปอย่างรู้สึกผิด เขาอาจจะไม่ได้โกหก แต่ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

"เหรอลูก เอ...ต้นไปไหนนะ ชักจะเหลวใหลใหญ่แล้ว" พ่อของต้นบ่นพึมพำ "ถ้าต้นโทรกลับมาหรือถ้าต้นกลับมาแล้ว สนโทรมาบอกพ่อด้วยนะลูก"

"ครับพ่อ"

"แล้วตอนนี้สนเป็นไงมั่ง เรียนหนักไหมช่วงนี้ เห็นต้นบอกพ่อว่าสนต้องเรียนด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วย ไม่เหนื่อยแย่เหรอลูก ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพ่อกับแม่ได้นะลูก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงพ่อกับแม่ก็ยินดีช่วย"

ได้ฟังแล้วสนก็อยากจะร้องไห้ ครอบครัวของต้นดีกับเขาเสมอมา แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับต้นสิ...แล้วสนจะให้อภัยตัวเองได้อย่างไร เขาเกลียดความวู่วามของตัวเองเหลือเกิน

"ไม่เหนื่อยหรอกครับพ่อ ยังพอไหวอยู่ครับ พ่อกับแม่สบายดีนะครับ" สนอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่ก็มีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่คอ

"สบายดีลูก ก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละ" พ่อต้นบอกพลางหัวเราะเบาๆ

"ไว้วันไหนต้นกลับมา ผมจะพาต้นกลับบ้านนะครับ พ่อกับแม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมกับต้นจะได้หาไปให้"

"ไม่เป็นไรหรอกลูก เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ มาแต่ตัวพ่อกับแม่ก็ดีใจแย่แล้ว ไม่ต้องยุ่งยากหรอกลูก ถ้าจะมาก็โทรมาบอกละกัน"

"ครับพ่อ"

------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปอีกวันอย่างยากเย็น เลิกเรียนสนก็กลับบ้าน เขาไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้จะทำอะไร เมื่อมาถึงบ้านก็ปรากฏว่านิกกับปั้นจั่นมาถึงก่อนแล้วและนั่งดูทีวีกันอยู่

“เป็นไง สะใจไหม” ปั้นจั่นทักด้วยน้ำเสียงประชด สนไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้วก็ขึ้นห้องไป

“เดี๋ยวคอยดูเถอะ จะแกล้งให้สะใจเลย กูหมั่นไส้ไอ้นี่มานานละ ไอ้ต้นมันรักแค่ไหน หนอยแน่...พอรู้ว่าต้นเป็นเกย์ทำเป็นรับไม่ได้ กูยังรับได้เลย” ปั้นจั่นว่าลับหลัง

“มึงจะทำอะไรมันวะ” นิกหันมาถามอย่างสงสัย

“ทำให้มันสำนึกน่ะสิ” ปั้นจั่นตอบ เป็นช่วงเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้นพอดี

“เฮ้ย ไอ้ต้นโทรมาว่ะ” ปั้นจั่นบอกอย่างดีใจแล้วก็รีบรับสาย

“เฮ้ยต้น มึงอยู่ไหนวะ รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงแทบแย่เลยนะเว้ย” ปั้นจั่นพูดด้วยเสียงคล้ายกระซิบเพราะไม่อยากดังจนสนได้ยินและสงสัย

“อยู่กับเพื่อน มึงไม่รู้จักหรอก พวกมึงไม่ต้องห่วงกูนะ กูขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ” เสียงต้นตอบมาตามสาย ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนต้นก็ยังไม่หายจากอาการเสียใจดีนัก

“มึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันจะตายแล้ว ข้าวปลาก็ไม่กิน หน้ามันอย่างกับศพแน่ะ อ้าว เฮ้ย”

“อะไร” นิกสงสัย

“มันวางสายไปแล้ว” ปั้นจั่นบอก พอเขาลองโทรกลับไปหาต้น ต้นก็ปิดเครื่องไปเสียแล้ว

“มันปิดเครื่องแล้วว่ะ แต่มันบอกว่าอยู่กับเพื่อน ไม่ต้องห่วง ขอเวลาทำใจสักหน่อยแล้วมันก็จะกลับ” ปั้นจั่นหันไปบอกเพื่อน พอรู้ว่าต้นไม่เป็นอะไร พวกเขาก็สบายใจขึ้น แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม

ปั้นจั่นยิ้มย่องเหมือนนึกอะไรออก “กูรู้ละว่ากูจะทำให้ไอ้สนมันสำนึกยังไงดี”

“ทำไงวะ” นิกเอียงคอถามอย่างสงสัย

“เดี๋ยวก็รู้ มึงคอยดูเฉยๆ ละกัน” ปั้นจั่นบอกแล้วก็หันกลับมาสนใจทีวีต่อ

สักพักใหญ่ สนก็ลงมาข้างล่าง ดูท่าทางเขาคงจะหิวนั่นเองเพราะไม่ได้กินตามที่ร่างกายต้องการมาหลายมื้อแล้ว เขาเข้าไปหาอะไรกินในครัวโดยไม่ยอมออกมานั่งกับเพื่อนอีกสองคนเพราะสนไม่อยากฟังเสียงสองคนนี้คอยกระแนะกระแหน แต่กินได้สองสามคำสนก็รู้สึกตื้อไปหมด แม้ว่าจะเป็นของที่ชอบแต่เขาก็ไม่รู้สึกอยากกิน เขาล้างจานแล้วก็ออกมาจากห้องครัว นิกกับปั้นจั่นหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับมีลับลมคมในบางอย่าง

“เมื่อกี้ต้นโทรมาแน่ะ” ปั้นจั่นบอกพลางยิ้มที่มุมปาก

สนถลาเข้าไปหาเขาแทบจะทันทีพลางละล่ำละลักถาม “ต้นอยู่ไหน ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า ต้นจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ไม่รู้เว้ย มันไม่บอก ถ้ามันเป็นอะไรแล้วมันจะโทรมาได้ยังไงล่ะ” ปั้นจั่นเริ่มกวน สนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างเพื่อจะลองโทรไปหาต้น แต่ปั้นจั่นก็รีบดักไว้

“ไม่ต้องโทรหรอก มันปิดเครื่องแล้ว”

แต่สนก็ไม่ฟัง เขาพยายามโทรหาต้นอยู่สองสามครั้งก็ไม่เป็นผล จึงต้องเลิกล้มความพยายาม “ต้นอยู่ไหน บอกกูได้ไหม กูจะไปหาต้น” สนหันมาถามซ้ำด้วยแววตาวิงวอน

“ก็บอกว่าไม่รู้ ถ้ารู้แล้วก็จะนั่งอยู่นี่ทำไม ถ้ารู้ก็ไปหามันแล้วสิ พวกกูก็เป็นห่วงมันเหมือนกันนะเว้ย ไม่ใช่แต่มึงคนเดียว” ปั้นจั่นโวยวาย

“มึงอยากรู้ไหมว่าต้นมันคุยอะไรกับกู” ปั้นจั่นถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เขากำลังถือไพ่เหนือกว่า ยังไงสนก็ต้องยอมเขา สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นั่นแปลว่าเขาอยากรู้มากทีเดียว

“มันบอกให้กูสองคนช่วยหาหอพักให้มันใหม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะออกไปดู” ปั้นจั่นเริ่มทำตามแผนที่เขาคิดไว้ นิกทำหน้างงๆ เพราะรู้ว่าเมื่อกี้ต้นไม่ได้คุยกับปั้นจั่นเรื่องนี้ แต่เขาก็เงียบไว้เพราะคิดว่าปั้นจั่นคงมีแผนอะไรบางอย่าง

“ต้นจะไปไหนไม่ได้ ต้นต้องอยู่ที่นี่” สนโวยวายด้วยสีหน้าตกใจ ใจของเขาหล่นวูบ เขาจะอยู่อย่างไรถ้าต้นหนีไปจากชีวิตของเขา ให้เขาตายเสียดีกว่า

“อ้าว จะให้มันอยู่ได้ยังไง ก็ดูที่มึงทำกับมันสิ เป็นกูกูก็ไม่อยู่เหมือนกัน ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักกับมันเหมือนมึง กูยังสงสารมันเลย มันอุตส่าห์รักมึงมากขนาดนั้น ก็ดูมึงทำกับมันสิ” ปั้นจั่นตอกย้ำ จงใจจะให้สนรู้สึกเจ็บปวด ได้ผลทีเดียวเพราะสนรู้สึกเจ็บเหมือนมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจก็ไม่ปาน

“พวกมึงจะพาต้นไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กูไม่ให้ไป”

“ไม่รู้เว้ย กูไม่ได้ตัดสินใจ ต้นมันตัดสินใจเอง กูก็แค่ช่วยหาให้มันเท่านั้นแหละ มึงจะมาบอกอะไรกู ไปบอกไอ้ต้นเองโน่น” ปั้นจั่นโบ้ย

“กูบอกว่าไม่ต้องหา กูไม่ให้ต้นไปไหนทั้งนั้น” สนขึ้นเสียงดัง

“แล้วมึงจะให้มันอยู่ทำไมวะ ก็มึงแสดงท่ารังเกียจมันซะขนาดนั้น มึงเห็นไหมว่ามันเสียใจแค่ไหน ก่อนจะไปมันร้องให้จะเป็นจะตาย มึงเข้าไปดูมันบ้างไหม พอมันจะไปแล้วก็จะมาห้ามมันทีหลัง สายไปแล้วล่ะ” ปั้นจั่นตะคอกกลับ แล้วก็ตอกย้ำไปอีกว่า

“เรื่องที่ไอ้ต้นมันเป็นเกย์ พวกกูรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยรังเกียจมันเหมือนมึง แล้วพวกกูก็รู้ว่ามันรักมึงมากแค่ไหน มันทำให้มึงได้ทุกอย่าง มึงจะทำให้มันเสียใจกี่ครั้งมันก็ไม่เคยถือโกรธ แล้วมึงเคยได้ยินสักครั้งไหมไอ้สนว่าไอ้ต้นมันเรียกร้องขออะไรจากมึง มันรักมึงแบบนั้นก็จริง แต่มันก็ไม่เคยขอให้มึงรักมันตอบแบบนั้นเลย เวลามึงมีแฟน เวลามึงไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเจ็บแค่ไหน มันเคยบอกมึงสักคำไหม มันเคยว่าอะไรมึงไหม แล้วเรื่องที่มันเป็นเกย์ ถ้ามึงไม่บังเอิญรู้เอง ชาตินี้มึงก็จะไม่มีวันได้รู้หรอกเพราะต้นมันไม่เคยคิดจะบอกมึง แล้วมันก็กำชับพวกกูไว้ว่าห้ามบอกใคร โดยเฉพาะมึง เพราะมันกลัวว่ามึงจะรับไม่ได้ มันกลัวว่ามึงจะเกลียดมัน แล้วมึงก็เกลียดมันจริงๆ ด้วย กูไม่อยากจะเชื่อเลย” ปั้นจั่นว่าสนเสียยืดยาว

เหมือนมีคนสักร้อยคนช่วยกันตบหน้าสน ทุกคำพูดตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดและเสียใจอย่างยิ่ง ยิ่งรู้ว่าเขาทำให้เพื่อนเจ็บโดยไม่รู้ตัวเวลาที่เขาไปกับผู้หญิงคนอื่น สนก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ต้นคงจะเจ็บมาก แต่ต้นก็ไม่เคยพูดอะไรสักคำ สนไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ แต่นั่นก็ยังน้อยไป จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนั้นคงไม่ทำให้ต้นเจ็บได้เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอก นึกถึงสายตาที่ผิดหวังและเจ็บปวดของต้นตอนนั้นแล้วสนก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ เขาเฝ้าถามตัวเองไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งว่าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไรแต่ก็ไม่มีคำตอบที่น่าพอ

“ทำไมมึงถึงต้องรังเกียจมันด้วยวะไอ้สน กับอีแค่เป็นเกย์นี่มันมีอะไรน่ารังเกียจนักหนาวะ คนเหมือนกันนะเว้ย” ปั้นจั่นว่าเข้าให้อีก นิกได้แต่นั่งมองตาปริบๆ จะผสมโรงด้วยก็ยังไม่กล้า เห็นท่าทางของสนแล้วนิกก็พอรู้ว่าสนเสียใจแค่ไหน

“เมื่อไรพวกมึงสองคนจะหยุดตอกย้ำซ้ำเติมกูเสียทีหา!” สนตะโกนอย่างเหลืออด ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าปั้นจั่นจะพูดให้เขาเสียใจอีกทำไมนักหนา แค่นี้เขาก็เสียใจจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว

ท่าทางเกรี้ยวกราดนั้นทำให้ปั้นจั่นถึงกับสะดุ้งตกใจจนต้องเงียบและหยุดฟังบ้าง

“มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจมากแค่ไหน ต้นเป็นเพื่อนกู กูรักต้นแค่ไหนมึงไม่รู้หรอก” สนระเบิดอารมณ์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “มึงคิดว่ากูไม่เสียใจหรือไง กูไม่เคยทำร้ายเพื่อนกู ไม่เคยด่าว่าต้นแม้แต่คำเดียว ที่กูทำวันนั้นกูก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะกูรังเกียจต้น มึงสองคนไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกูบ้างกูถึงได้ไม่ชอบเกย์” สนเว้นจังหวะและเริ่มสะอื้นให้ เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

“กูทำให้เพื่อนเจ็บ กูทำให้เพื่อนร้องให้เสียใจขนาดนั้น มึงคิดว่ากูจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง กูเสียใจแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหม” สนตะโกนอีกแล้วก็ค่อยเบาเสียงลง “กูเป็นห่วงต้น กูคิดถึงต้น อยากขอโทษต้นใจจะขาดอยู่แล้ว” สนสะอื้นจนตัวโยน นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ

“เฮ้ยสน กูขอโทษละกัน” ปั้นจั่นบอกพลางนั่งลงแล้วตบไหล่เขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“ถ้ามึงมีเพื่อนอย่างต้น มึงจะเกลียดมันได้ไหม” สนถามแต่เหมือนเขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากใคร

“ไม่มีใครเกลียดต้นหรอกสน ต้นมันเป็นคนดี ขนาดพวกกูรู้จักมันแค่สองสามปี พวกกูก็ยังรักมันเลย” ปั้นจั่นบอก

นิกเดินสมทบบ้าง เขาย่อตัวลงแล้วก็ตบไหล่อีกข้างเพื่อปลอบใจสน

“เดี๋ยวต้นมันก็กลับแล้วล่ะ มึงไม่ต้องห่วงมันหรอก มันบอกว่ามันอยู่กับเพื่อน มันขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ มันไม่ไปไหนหรอก มันรักมึงขนาดนั้น มันจะทิ้งมึงไปได้ยังไง กูรู้ว่ามันไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ”

พอรู้ว่าต้นไปอยู่กับเพื่อน ก็ทำให้สนพอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง “จริงเหรอ เพื่อนคนไหน พวกมึงรู้จักไหม” สนสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ มันไม่บอก พูดเสร็จมันก็วางสายแล้วปิดเครื่องไปเลย” ปั้นจั่นบอกพลางยักไหล่

“ทำใจให้สบายนะสน ไปนอนพักผ่อนเหอะ สภาพของมึงท่าทางจะแย่แล้วล่ะ อย่ากังวลมาก ต้นมันโตแล้ว มันไม่คิดสั้นหรอก มันดูแลตัวเองได้” นิกปลอบอีกแล้วช่วยรุนหลังให้สนลุกขึ้น สนก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

จะว่าไป ปั้นจั่นก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่เล่นกับสนแรงไปหน่อย เขาจึงพยายามยิ้มให้กำลังใจ “กูรู้ว่ามึงเองก็รักและเป็นห่วงต้นมาก แต่มึงเชื่อใจเพื่อนมึงใช่ไหมว่าไอ้ต้นมันคงไม่คิดสั้นหรือทำร้ายตัวเอง ต้นมันเป็นคนมีความคิด มึงเชื่อใจเพื่อนมึงสิว่าต้นมันแค่ต้องการเวลา มันแค่ต้องการอยู่เงียบๆ สักพัก เดี๋ยวต้นมันก็กลับมา ทำใจให้สบายนะสน อย่าคิดมาก”

สนพยักหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าต้นเป็นคนมีความคิดและคงไม่ทำแบบนั้น แต่สนก็เป็นห่วงต้น ห่วงกายนั้นก็ไม่เท่าไร แต่สนห่วงใจของต้นที่ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของเขาต่างหาก ที่เขาเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่ตอนนี้ก็เพราะอย่างหลังต่างหาก

แต่พอวันนี้ได้พูดได้ระบายออกไปบ้างก็ทำให้สนลดความเก็บกดและตึงเครียดลงไปเล็กน้อย มันคงจะเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันที่จะทำใจสบายๆ แต่ในเวลานี้ เมื่อเขาติดต่อต้นไม่ได้ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการรอคอย เขาเองก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปตามหาต้นที่ไหน เขานึกไม่ออกเลยว่าเพื่อนที่ต้นพูดถึงนั้นคือเพื่อนคนไหนกันแน่

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์มาถึงแล้ว สนเดาว่าต้นน่าจะกลับมาวันนี้จึงตั้งใจไม่ไปไหนเพื่ออยู่รอต้น วันนี้เขาใส่เสื้อกับกางเกงที่ต้นซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว สนตั้งใจว่าถ้าต้นกลับมาเห็น ต้นจะได้รู้ว่าเขาไม่เคยลืมมิตรภาพและสิ่งดีๆ ที่ผ่านมา

ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าสนจะทำอะไร เขาก็จะคอยหันไปดูที่ประตูบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววของต้นเลย กวาดบ้านก็แล้ว ถูบ้านก็แล้ว ดูทีวีก็แล้ว กินข้าวก็แล้ว เอางานมานั่งทำก็แล้ว ต้นก็ยังไม่กลับมาจนมืดค่ำ

นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าให้เจ็บมากๆ อย่างนี้ก็น่าจะดีเหมือนกัน สนจะได้จำไปอีกนาน สนนั่งๆ นอนๆ รอจนสี่ทุ่มกว่าต้นก็ยังไม่กลับมา นิกกับปั้นจั่นขอตัวไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า ส่วนสนปิดไฟในห้องนั่งเล่น เปิดไฟหน้าบ้านไว้แล้วก็มานอนรอบนโซฟาต่อ

“นายอยู่ไหนต้น ทำไมไม่กลับมาเสียที รู้ไหมว่าเราคิดถึงนายใจจะขาดอยู่แล้ว” สนรำพึงเบาๆ เมื่อไม่เห็นมีวี่แววว่าต้นจะกลับมา ใจเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยว หมดความหวังลงไปทุกที สนกลัวเหลือเกินว่าต้นจะโกรธเขาจนไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว เขาไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีต้น สำหรับสนแล้ว ไม่มีแฟนเขาก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ สนคงอยู่ไม่ได้และเขาอาจจะต้องตรอมใจตายในที่สุด เหมือนในเวลานี้ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังตรอมใจอย่างหนักเลย

สนผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เขาทรมานร่างกายของตัวเองมาหลายวันแล้ว ใบหน้าของเขาเศร้าหมอง ซีดเซียวและตัวเขาก็ผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ตาก็เริ่มลึกโหลเพราะนอนไม่ค่อยหลับ

จนเกือบเที่ยงคืน สนเริ่มรู้สึกตัวเพราะเหมือนมีคนไขกุญแจบ้านเข้ามา สนลืมตาและลุกขึ้นอย่างงัวเงีย แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ เขา แม้จะเห็นแค่เงามืดๆ สนก็รู้ว่าคนๆ นั้นคือใคร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 08:52:20 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

puu142

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้ต้น-สน........พูดคุยกันให้เข้าใจกันนะครับ

          ..............................................................ขอให้สน......รักตอบต้นด้วยนะ

                                             ขอให้ทั้งคู่มีความสุข สมหวังนะครับ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


อย่ากลับมาได้ไหม....

ให้สนมันทุรนทุรายไปอย่างนั้นแหละต้น...

แล้วเราค่อยควงคนใหม่เย้ยมัน

 :fcuk:

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:

โอ๋ๆ ล้อเล่นนะสน ตัวอยากไปทำต้นแบบนั้นเอง ก็สมควรโดน

555

 :give2:

คนแต่งดูแลตัวเอง แล้วมาต่อต้นสนให้ได้อ่านกันไวไวนร๊าค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
ต้นสนมาแล้ววว ><

.กลับมาแล้วจะเป็นแฟนกันมั้ยเนี่ย หรือปรับความเข้าใจกัน แล้วก็เป็น
เพื่อนกันเหมือนเดิม นายยังไงกันแน่เนี่ย สน - -

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนทำกับต้นขนาดนี้ สุดท้ายตัวเองก็เจ็บไปด้วย

ต่อไปก็อย่าทำอีกนะ :z3:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
สน... วันใดขาดต้นแล้วจะรู้สึก (ตอนนี้ สนรู้สึกแล้วใช่มะ ??)

ต้นกลับมาเร็วไปนะ น่าจะให้สนรู้สึกตัวมากกว่านี้อีกซักหน่อย

บางที อาจจะรู้สึกตัว จนรู้ใจตัวเองก็ได้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :L2: :L2: :L2:


chochang99

  • บุคคลทั่วไป
เห็นใจสนน่ะครับ

ออฟไลน์ NuPpEr

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ชีวิตวุ่นวายมากเลยครับตอนนี้ งานก็เยอะ คอมดันมาเสียอีก
คาดว่าต้องซื้อใหม่ ขาดอุปกรณ์ทำงานแล้วคงต้องเว้นอัปเดตไว้ก่อน
ได้คอมแล้วจะกลับมาต่อครับ แต่ยังอ่านด้วยมือถืออยู่ แต่ให้ใช้มือถือพิมพ์คงไม่ไหว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2012 00:47:14 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สนจำความรู้สึกตอนนี้ไว้นะ
ชอบทำให้ต้นเสียใจเรื่อยเลย
หวังว่าคงไม่มีคราวหน้านะ
จะเชียร์ให้ต้นมีคนอื่นเลยนี่

ออฟไลน์ knightprince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ช่างบีบคั้นอารมณ์จริงๆ
น่าสงสารต้น สนก็นะ
เฮ้อ ทำไรไปแล้วมาเสียใจเอาทีหลังนี่มัน
สุดจะกล่าว รอตอนต่อไปค่าา

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

สนต้องทำดีกับต้นให้มากๆนะ เพื่อนแสนดีหายาก

รอคุณ sarawatta ขอให้เคลียร์เรื่องยุ่งๆ ได้เร็วๆ และคอมฯหายเสียไวๆนะค่ะ :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


ขอให้คอมหายป่วยไวไวนะค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ได้มีโอกาสมาเม้นแล้ว

ต้นดูแลสนให้มากๆนะ ตอนนี้คิดถึงต้นสนอีกแล้วอะ

จะรอ รอ รอ คนเขียนนะค่ะ ขอให้เรื่องยุ่งๆผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ

 :L2: :L2: :L2: :z9:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
กลับมาแล้วนะครับ ขออภัยสำหรับใครหลายคนที่รออ่านอยู่นะครับ
ตอนนี้ได้คอมมาใหม่แล้ว ต้องตัดสินใจซื้อใหม่เพราะค่าซ่อมอันเดิมแพงมาก ก็เลยซื้อใหม่เลยดีกว่า
มีเรื่องให้เสียเงินสบายใจอีกแล้ว... :sad11:

ป.ล.
มีเรื่องที่อยากรู้อย่างหนึ่งครับ คะแนนชื่นชมนี้เขามีไว้ทำอะไรหรือเปล่าครับ
เขามีไว้สำหรับแลกอะไรหรือเปล่า หรือแค่วัดเรตติ้งเฉยๆ พอดีมาใหม่เลยไม่ทราบจริงๆ ครับ
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอาคะแนนนี้ไปทำอะไร

???? รู้สึกช่วงนี้กระทู้ตกเร็วมาก ไม่ทันไรก็ตกไปอยู่หน้าสองหน้าสามแล้ว


--------------------------------------------------------

ตอนที่ 18: ผิดไปแล้ว



“ต้น” สนเรียกเพื่อนแล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเท่าที่แรงกายยังพอมีอยู่ สองหนุ่มเพื่อนรักมองหน้ากันภายใต้แสงสลัวๆ ของแสงไฟจากหน้าบ้านที่ลอดเข้ามา แม้ว่าตอนที่ต้นหายไปนั้นได้ทำให้สนรู้แล้วว่าต้นสำคัญกับเขามากแค่ไหน แต่พอได้เจอต้นจริงๆ ในตอนนี้ สิ่งที่สนเคยรู้สึกกลับยิ่งทวีคูณมากขึ้น สนนึกถึงวันที่เขาเห็นข้อความที่ต้นเขียนในโต๊ะเรียนของเขา พอได้อ่านแล้วเขาก็วิ่งไปตาหาต้นทันที วันนั้นสนจึงได้รู้ว่าต้นสำคัญกับเขามากแค่ไหน วันนี้...เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากวันนั้น แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ...ความรู้สึกบางอย่างที่สนเริ่มรู้สึกว่ามันมีมากขึ้นนั่นเอง มันคือความรู้สึกอะไรกันนะ...ทำไมสนถึงไม่เคยรู้จักมันเลย

"เราขอโทษ..." นี่คือสิ่งแรกที่สนตั้งใจจะบอกต้น แม้ว่าเขาจะทำให้ต้นต้องเสียใจและพูดคำว่าเสียใจหลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่มีคำพูดใดที่เขาควรจะต้องพูดมากไปกว่านี้ ทำผิดแล้วก็ต้องขอโทษ มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่สนก็จริงใจกับสิ่งที่เขารู้สึกและบอกออกไปตามที่สิ่งที่ใจคิด

สนดึงเพื่อนไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้นไห้เบาๆ ต้นกอดเพื่อนตอบเช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรต้นก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ ถึงจะรู้สึกขุ่นเคืองกับสิ่งที่สนทำ แต่เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขารักแล้วต้นก็หมดทางต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ข้างใน ต่างคนต่างเงียบและไม่ได้พูดอะไร บางทีการปล่อยให้ร่างกายและจิตใจสื่อสารกันบ้างก็อาจจะดีกว่าการพูด สนรู้สึกว่าคราวนี้สัมผัสระหว่างเขากับต้นทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวเพราะมันได้ช่วยทลายกำแพงความรู้สึกปกป้องตัวเองของทั้งสองคนให้หมดลงไปอย่างราบคาบ

"เราไม่เคยรังเกียจนายนะต้น วันนั้นเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..." สนเริ่มพูดอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขนเพื่อที่จะได้มองหน้ากันชัดๆ

"นายจำได้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราตอนเด็กๆ เรายังรู้สึกกลัวอยู่จนทุกวันนี้ มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทำแบบนั้นกับนาย เราไม่ได้ตั้งใจนะต้น เราขอโทษจริงๆ นายดีกับเราขนาดนี้ เราจะรังเกียจนายได้ยังไง เราไม่เคยรังเกียจนายเลย นายหายไป เราก็เป็นห่วงนายมาก รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงนายมากแค่ไหน เราได้แต่โทษตัวเองที่วู่วาม เรารู้สึกผิดมาก...ที่ทำกับนายแบบนั้น ถ้าย้อนเวลาได้...เราจะไม่ให้มันเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดที่เราเคยทำ แต่เราอยากให้นายเข้าใจนะต้นว่าเราไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ใช่เพราะเรารังเกียจนาย เพื่อนรัก...เรารังเกียจนายไม่ได้หรอก ถ้าเราจะรังเกียจนาย ตัวเราเองก็คงน่ารังเกียจยิ่งกว่า" สนพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกมามากมายพร้อมกับสะอื้นให้ เขากอดต้นแน่นราวกับกลัวว่าต้นจะหนีหายไปไหนอีก "ขอโทษนะเพื่อน ขอโทษจริงๆ..."

นี่เป็นครั้งแรกที่ต้นเห็นสนร้องให้หนักขนาดนี้ แสดงว่าสนคงรู้สึกผิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต้นรับฟังทุกคำพูด เข้าใจทุกอย่างและไม่เคลือบแคลงใจใดๆ ทั้งสิ้นเพราะต้นรู้ว่าสนพูดออกมาจากใจจริงของเขา

“เราสัญญานะต้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าครั้งต่อไปมันเกิดขึ้นอีก เราจะเป็นฝ่ายยอมรับชะตากรรม แล้วเราจะไปเอง” สนพูดพลางดึงมือต้นทั้งสองข้างมาจับไว้ "ให้อภัยเราอีกครั้งได้ไหมต้น"

สายตาที่วิงวอนนั้นทำให้ต้นหัวใจแทบละลาย เขารักสนมากขนาดนี้ ทำไมจะให้อภัยไม่ได้ล่ะ ไม่ว่าสนจะทำไม่ดีกับเขาสักกี่ครั้ง ต้นก็ให้อภัยได้เสียทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะต้นกับสนรู้ว่าชีวิตของเขาสองคนขาดจากกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้อภัยกัน ยังไงก็ต้องอยู่ช่วยเหลือดูแลกันต่อไปไม่ว่าจะในฐานะอะไร

"แต่ถ้านายคิดว่ามันมากไปสำหรับนาย ให้อภัยไม่ได้ เราก็ยินดีที่จะยอมรับชะตากรรมนะต้น...เราเข้าใจนาย เรารู้ว่านายเจ็บแค่ไหน...กับสิ่งที่เพื่อนเลวๆ คนนี้ทำ" เห็นต้นยังเงียบอยู่ สนก็เลยไม่แน่ใจว่าต้นจะยอมยกโทษให้เขาหรือเปล่า

ต้นรีบเอามือปิดปากห้ามสนทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง สนดูจะตกใจอยู่เหมือนกัน "ไม่เอานะสน อย่าเรียกตัวเองแบบนี้ นายเป็นเพื่อนรักของเรา นายไม่ใช่คนเลว อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นให้เราได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ยกโทษให้นาย"

"เราขอโทษ เราจะไม่พูดแบบนั้นอีก" สนรับคำเกือบจะทันที แล้วก็เริ่มยิ้ม "แสดงว่านาย...ยกโทษให้เราแล้วใช่ไหมต้น"

ต้นเงียบไปสักพัก เขาค่อยๆ ยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า "ไม่มีอะไรที่เราจะให้อภัยนายไม่ได้หรอกสน เราผูกพันกันมานาน ยังไงเราก็ต้องอยู่ดูแลกันต่อไป ที่สำคัญ...เรายังไปไหนไม่ได้หรอก จนกว่าเราจะพานายไปถึงจุดหมาย ถ้านายยังต้องการเราอยู่ ถ้านายยังรับได้และสบายใจที่จะเป็นเพื่อนกับเรา เราก็จะอยู่ที่นี่ เราก็จะทำอย่างเต็มที่เหมือนเดิม”

สนยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเพื่อนอีกครั้ง “เราต้องการนายอยู่แล้วต้น ถ้าชีวิตเราไม่มีนาย...เราจะไม่มีวันนี้เลย ถ้าไม่มีนายเป็นเพื่อน ชีวิตของเราก็คงไม่มีความหมายอะไร เราต้องการนายนะต้น อย่าหายไปไหนแบบนี้อีกนะ”

--------------------------------------------------

ปั้นจั่นได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างล่างก็เปิดประตูออกมาดู เห็นต้นกับสนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นแล้วปั้นจั่นก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ต้นเป็นเกย์และรักสนเกินเพื่อนนั้นปั้นจั่นก็รู้และพอจะดูออก แต่สนล่ะ สนคิดแบบเดียวกันกับต้นหรือเปล่า การกระทำหลายๆ อย่างของสนก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน หรือว่าสนจะคิดแบบนั้น...แต่ไม่รู้ตัว... เขาควรจะต้องหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยต้นแล้วล่ะ ต้องสั่งสอนให้สนรู้เสียบ้าง จะได้รู้สำนึก

กำลังจะเดินกลับเข้าไปนอนตามเดิม นิกก็เปิดประตูออกมาดูเช่นกัน ปั้นจั่นรีบยกมือจุ๊ปากไว้เป็นเชิงบอกให้นิกเงียบๆ

"ปล่อยให้มันสองคนคุยกันไปเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันสองคนตอนนี้เลย ไปนอนไป" ปั้นจั่นทำเสียงดุเบาๆ พลางปัดมือไล่ นิกมองอย่างงงๆ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี แม้ว่าในใจอยากจะลงไปดูต้นมากก็ตาม

--------------------------------------------------

“นายกินอะไรมาหรือยังล่ะต้น” สนถามอย่างเป็นห่วงขณะที่พาต้นเดินขึ้นมาบนห้องพร้อมกับช่วยถือกระเป๋าเป้ของต้นด้วย

“กินแล้ว” ต้นหันมายิ้มเล็กน้อย

“อิ่มหรือเปล่า ดูหน้านายสิ ซีดเซียวขนาดนี้เราว่านายก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนเรานั่นแหละ ใช่ไหม"

"นายหิวใช่ไหมล่ะ" ต้นถามอย่างรู้ทัน สังเกตเห็นว่าสนเองก็มีหน้าซีดเซียวและตาลึกโหลไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไรนัก

สนหัวเราะแหะๆ "นายรู้ใจเราดีขนาดนี้ก็คงไม่มีอะไรจะเถียงแหละ ก็ก่อนหน้านี้...นายไม่อยู่ เรากินอะไรไม่ลง แต่พอนายมาปั๊บ มันก็หิวเลย” สนบอกพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบท้องตัวเองแล้วก็ขำ ต้นก็ขำไปด้วย

รอยยิ้มแห่งมิตรภาพนั้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว จนแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยบาดหมางใจกัน แต่...ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สนเพิ่งจะนึกได้ พอฉุกคิดได้แล้วสนก็หันไปมองต้นด้วยสีหน้ามีคำถาม แต่ก็แวบเดียวเท่านั้นเพราะสนคิดว่าเขายังไม่ควรถามเรื่องนี้ในตอนนี้

“นายอาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวเราจะทำอะไรให้กิน รู้สึกจะมีไข่อยู่ เดี๋ยวเราทำไข่เจียวให้กิน...ดีไหม”

ต้นพยักหน้าพลางยิ้ม "ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้กินข้าวกับนายตั้งหลายวัน"

"เดี๋ยวเราจะทำให้สุดฝีมือเลย"

ต้นหันมายิ้ม เขาเชื่อมือสนเรื่องทำอาหารอยู่แล้วเพราะตอนเด็กๆ สนมักจะเข้าไปช่วยแม่ทำอาหารบ่อยๆ เขาจึงทำอาหารเป็นหลายอย่าง ต่างจากต้นที่ทำอาหารแทบไม่เป็นสักอย่าง

----------------------------------------------------------

“นึกว่าจะไม่ได้กลับมานั่งกินข้าวคุยกันแบบนี้อีกแล้ว เรารู้สึกเหมือนคนที่ทำของที่รักมากๆ หายไป แล้วสุดท้ายก็ได้กลับคืนมา” สนบอกในขณะที่กินข้าว ต้นมองเขาแล้วก็ยิ้ม เห็นสนให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้นต้นก็อดยิ้มดีใจไม่ได้

"โห...เราเพิ่งเห็น นี่นายยังใส่เสื้อกับกางเกงชุดนี้ได้อีกเหรอ" ต้นทำตาโตพลางหัวเราะ

"ได้สิ เราไม่ได้อ้วนขนาดนั้นเสียหน่อย" สนยิ้มอย่างภูมิใจ เขาชอบเสื้อกับกางเกงชุดนี้มาก แม้มันจะดูเชยไปหน่อยที่จะใส่ไปข้างนอกในตอนนี้ก็ตาม

ต้นมองดูเสื้อผ้าที่สนใส่อย่างพิจารณาอีกครั้ง นี่สนคงตั้งใจใส่เพื่อจะช่วยให้เขาสองคนได้นึกถึงความรักและผูกพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง แต่ถึงสนจะไม่ทำแบบนี้ ต้นก็ไม่เคยลืมสิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ได้เห็นกลับมาใส่ชุดนี้อีกครั้ง

“นายไปอยู่ที่ไหนมาล่ะต้น” สนเปลี่ยนเรื่องคุย

“เราไปหาเอกมา นายจำเอกได้หรือเปล่า มันก็เรียนในกรุงเทพเหมือนกัน” ต้นตอบ

สนพยักหน้า เขาจำเอกได้ดี เพราะถ้าวันนั้นไม่ได้เอกช่วยเตือนสติ เขากับต้นก็อาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกเลยก็ได้

"เอกเป็นไงบ้าง"

"มันก็สบายดี มันดูหล่อขึ้นเยอะเลย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กกะโปโลอย่างมันจะโตมาหน้าตาดีแบบนี้" ต้นพูดพลางขำ ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของสน

"หล่อกว่าเราหรือเปล่า"

ได้ยินสนถามแบบนั้นต้นก็หยุดชะงัก "นายว่าอะไรนะ"

เหมือนสนจะนึกได้ถึงคำถามผิดปกติของตัวเองก็เลยรีบเสไปเรื่องอื่น "เปล่า...ไม่มีอะไร อืม...แล้วเอกมันถามอะไรนายหรือเปล่าว่านายไปหามันทำไม ไอ้นี่มันยิ่งขี้สงสัยอยู่ด้วย"

"เรายังไม่ทันจะเล่าอะไรเลย มันก็เดาถูกซะแล้วว่าเรากับนายต้อง..."

"ว่าแล้ว..." สนขำเบาๆ "มันคงด่าเราใหญ่เลยสิ"

ต้นขำ พยักหน้าแล้วก็ตักข้าวกิน แต่สีหน้าก็ยังยิ้มอยู่ ต้นก็พอรู้มาบ้างว่าตอนเรียนมัธยมนั้นเอกเคยไปว่าอะไรสนบ้าง

"ต้น...เราถามอะไรนายอย่างดิ" สนถามเมื่อเงียบไปสักพัก

"อะไร" ต้นเงยหน้ามามองด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ก็มีท่าทีสงสัยพอสังเกตได้

"ไอ้ปั้นจั่นมันบอกว่า...นายจะให้มันช่วยหาหอให้นายใหม่เหรอ นาย...คิดจะไปจริงๆ เหรอ"

สีหน้าไม่แน่ใจของสนตอนที่ถามทำให้ต้นยิ้มแล้วก็ขำ "นายเชื่อมันด้วยเหรอ"

แค่นั้นก็ทำให้สนยิ้มอย่างโล่งอกเพราะเขาคิดกังวลเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว "ดีแล้ว อย่าไปเลยนะ อยู่คนเดียวมันเหงา อยู่กับเราดีกว่า

ต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ เขาเองก็รู้สึกดีที่สนยังต้องการเขาอยู่

“เดี๋ยวคืนนี้เราจะไปนอนห้องนายด้วยนะ” สนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นต้นกินอิ่มแล้ว

ต้นยิ้มและพยักหน้าตกลง

"นายขึ้นไปรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราจัดการจานชามพวกนี้เอง นายไม่ต้องช่วยนะวันนี้ เราขอทำเอง เราอยากดูแลนาย ชดเชยกับสิ่งที่ไม่ดีที่เราทำลงไป...นะต้น" สนบอกเสียงเศร้าในตอนท้าย

ต้นเข้าใจว่าสนคงรู้สึกแย่จริงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าสนคิดว่าการได้ดูแลเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกผิดในใจได้ ต้นก็ไม่ขัดข้องเพราะต้นเองก็ไม่อยากให้สนรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน แต่การที่ต้นจะบอกด้วยคำพูดว่าสนไม่ต้องคิดมากนั้นอาจจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ บางอย่างก็ต้องใช้การกระทำแทนที่จะพูดอย่างเดียว

------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนเช้า สนตื่นนอนแล้วก็มาที่ห้องของเขาเอง อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ เขาลงมาข้างล่างแล้วก็จัดการหุงข้าว ทำไข่เจียวเหมือนเมื่อคืนและชงโอวัลติลสำหรับต้น ขณะที่เขากำลังสาละวนทำอาหารอยู่นั้น นิกกับปั้นจั่นก็ลงมาพอดี

“ทำอะไรวะ วันนี้ทำไมลงมาแต่เช้าผิดปกติ” ปั้นจั่นถามพลางมองอย่างสงสัย เห็นหน้าตาของสนดูสดใสขึ้นก็เลยพอจะเดาได้ว่าสนกับต้นคงคุยกันเข้าใจแล้ว “ต้นกลับมาแล้วเหรอ” ปั้นจั่นถามเหมือนกับไม่รู้

สนพยักหน้า “อืม...ตอนเกือบเที่ยงคืน น่าจะตื่นแล้วมั้ง เดี๋ยวขึ้นไปดูก่อน” สนว่าพลางวางอาหารเช้าที่เขาเตรียมให้เพื่อนไว้บนโต๊ะ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องของต้น ต้นไม่ได้ล็อกห้อง สนจึงเปิดประตูเข้าไปได้เลย เห็นต้นกำลังหวีผมอยู่พอดี

“ต้น...เสร็จแล้วลงไปข้างล่างนะ เราเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว”

ต้นหันมามองเพื่อนพลางยิ้มแล้วก็พยักหน้า สนจึงเดินกลับลงมานั่งรอ ไม่นานนักต้นก็เดินตามลงมา

พอนิกกับปั้นจั่นเห็นต้นลงมาก็รีบเข้าไปถาม “เฮ้ยต้น เป็นไงบ้าง มึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันจะตรอมใจตายอยู่แล้ว ถ้ามึงไม่มาอีกวันเดียว สงสัยมันตายแน่ๆ เลยว่ะ” ปั่นจั่นพูดพลางขำ

ไม่รู้ว่าปั้นจั่นพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ต้นก็เริ่มมองเห็นอิทธิพลที่เขาทั้งสองคนคนมีระหว่างกันมากขึ้น

“จริงนะเว้ย มันเป็นห่วงมึงมากเลย ถ้ามึงไม่กลับมาอีกวันเดียว กูว่ามันตายแน่ๆ เลย ดูสิ วันนี้มันอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาเตรียมของให้มึงกิน เอาใจเป็นพิเศษเลยเว้ย” นิกช่วยเสริมพลางแหย่เล่น

“พวกมึงไม่ต้องพูดมากเลย” สนว่าพลางเดินมากอดคอแล้วพาต้นไปนั่งที่เก้าอี้ “เห็นเมื่อคืนนายบอกว่าชอบ ก็เลยทำให้กินอีก อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนล่ะ กินหน่อยนะ อาหารเช้าสำคัญรู้หรือเปล่า”

ต้นเห็นอาหารแล้วก็ยิ้มดีใจเพราะรู้ว่าจะได้กินของอร่อยอย่างแน่นอนแม้ว่าจะเป็นอาหารที่แสนธรรมดาก็ตาม ฝีมือของสนมักจะทำให้อาหารธรรมดากลายเป็นอาหารที่อร่อยได้อย่างไม่น่าเชื่ออยู่เสมอ

“เพื่อนสนใครอย่าแตะจริงด้วย ดูสิ แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลย” ปั้นจั่นว่าพลางขำ

แต่ทุกคนก็รู้สึกดีใจที่ต้นกลับมา และดีใจที่ยังได้เห็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่สวยงามของต้นกับสนกลับมาอีกครั้ง นี่คือมิตรภาพที่ใครได้เห็นก็พลอยมีความสุขไปด้วย ต้นกับสนได้ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้ต้นเลิกเรียนค่อนข้างเย็นเพราะมีงานเยอะ แต่สนก็ยังอยู่รอที่จะกลับด้วย ระหว่างรอเขาก็ไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ ที่ยังไม่กลับ พอเริ่มมืด คนอื่นๆ ก็ค่อยทยอยกลับจนเหลือเพียงสนคนเดียว ขณะที่สนกำลังเล่นบาสเกตบอลคนเดียวเพลินๆ อยู่นั้น ต้นก็มาพอดี

“เล่นด้วยคนสิ”

สนหยุดเล่นแล้วหันมามองตามเสียง พอเห็นว่าเป็นต้นก็ยิ้มดีใจ “มาสิ”

ต้นเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างๆ สนามแล้วก็วิ่งลงไปเล่นบาสเกตบอลกับสนอย่างสนุกสนาน พอเบื่อแล้วก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ผลักกัน ทั้งสองคนยืนกางขาเล็กน้อย ยกสองมือขึ้นตั้งท่าเตรียมผลักกัน คอยดูท่าทีกันแล้วก็ผลักมือออกไป ฝ่ายที่รู้ว่าจะโดนผลักก็จะแยกมือออกเพื่อไม่ให้โดนผลัก ต้องใช้เทคนิคหลอกล่อกันพอสมควร พอผลักโดนกัน คนที่โดนผลักก็อาจเซจนถึงล้ม แต่ต้นกับสนก็จะคอยจับมือประคองกันไว้ไม่ให้ล้มลง เล่นไปสักพักก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ดันลูกบอลด้วยหัว สนยกลูกบอลขึ้นมาไว้ตรงกลาง จากนั้นทั้งสองคนก็เอาหัวดันลูกบอลไว้คนละข้าง แล้วคอยประคองไม่ให้ลูกบอลตก ถ้าลูกบอลตกก็ต้องคอยระวังว่าหัวจะชนกันด้วย แต่พอลูกบอลตกทีไรก็จะหัวเราะกันสนุกสนาน แล้วก็เก็บมาเล่นใหม่ จนรู้สึกเหนื่อย สองหนุ่มจึงนั่งพักอยู่กลางสนามในท่าเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์

“มีนายเป็นเพื่อนนี่ก็มีความสุขดีนะ” สนพูดพลางหันไปยิ้มให้เพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนทั่วๆ ไปคงไม่พูดคุยความรู้สึกเช่นนี้กันมากนัก แต่ต้นกับสนมักจะบอกความรู้สึกดีๆ ต่อกันอย่างนี้เสมอ

ต้นหันไปมองเพื่อนด้วยท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใจหนึ่งเขาก็ดีใจ แต่อีกใจมันก็อดเศร้าไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะอย่างไรความสัมพันธ์ของเขากับสนก็คงมาได้แค่นี้ “เราก็เหมือนกัน..." แล้วต้นก็พูดสืบไปว่า "นายไม่ต้องกังวลนะสน ถึงเราจะเป็นอะไร แต่เราก็ไม่ได้...คาดหวังอะไรจากนายมากกว่าความเป็นเพื่อนเลย เราดีใจที่นายยังทำตัวกับเราเหมือนเดิม เราอยากให้นายเป็นแบบนี้แหละ ใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนกับตอนที่นาย...ยังไม่รู้ความจริง”

สนนิ่งเงียบและครุ่นคิด เขามัวแต่ดีใจที่ต้นกลับมาจนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สนเอามือไปโอบไหล่เพื่อนเหมือนกับเป็นการสัญญาว่าเขาก็ยังคงจะเป็นเพื่อนกับต้นตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ว่าต้นจะเป็นอะไรก็ตาม

“ถึงเราจะไม่ชอบ...พวกนั้น...แต่เราจะยกเว้นให้นายคนหนึ่ง” สนบอกจากใจจริง เขาอาจจะเกลียดคนที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เคยทำร้ายเขาตอนเด็กๆ แต่ยังไงสนก็ไม่มีทางที่จะเกลียดต้นได้ ต้นจึงเป็นข้อยกเว้นพิเศษเพียงคนเดียวและคงจะไม่มีใครได้สิ่งนี้จากเขาอีกแล้ว

ต้นเงียบไปสักพักก็ตัดสินใจที่จะบอกสิ่งสำคัญกับสน เป็นเรื่องที่ต้นอยากจะพูดให้เข้าใจ ต้นคิดว่ามันอาจจะเป็นคำถามหรือสิ่งที่สนคิดสงสัยอยู่แล้วก็ได้ “เรา...จะไม่ขออะไรจากนายมากกว่าความเป็นเพื่อนนะสน ไม่ว่าลึกๆ เราจะคิดยังไง ไม่ว่าลึกๆ เราจะรู้สึกยังไง นายไม่ต้องสนใจเรานะ เราไม่คิดจะทำอะไรที่เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนหรอก นายเชื่อใจเราได้ เราอยากให้เรากับนายเป็นแบบนี้แหละ แค่นี้...เราก็ดีใจแล้ว จริงๆ นะ” ต้นเน้นเสียงย้ำในตอนท้าย

สนนิ่งเงียบไปกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง ต้นยังคงเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายกับเขาเสมอมา แม้ว่าต้นจะไม่ได้รักเขาแค่เพื่อนอีกแล้ว แต่ต้นก็ไม่คิดจะเรียกร้องเอาจากเขามากกว่าความเป็นเพื่อน สนสงสารเพื่อนเหลือเกิน ถ้าเขาตอบสนองให้ต้นแบบนั้นได้เขาก็คงทำไปแล้วล่ะ แต่สนคิดว่าเขาเองไม่ได้คิดกับต้นแบบนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่สนจะทำให้เพื่อนได้

แต่ก็แปลกนะ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นรู้ว่ามีผู้ชายด้วยกันมาชอบ เขาก็คงปลีกตัวออกห่างไปแล้ว แต่ทำไมสนถึงไม่ทำอย่างนั้น ตรงกันข้าม พอต้นไม่อยู่เขากลับรู้สึกทรมานราวกับจะขาดใจ พอเห็นแววตาที่เศร้าของต้นแล้วก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

“เอาอีกแล้วเว้ย สองคนนี้ มึงดูสิ” นิกชวนปั้นจั่นดูสิ่งที่เห็นตรงหน้าระหว่างที่เดินมาตามต้นกับสน วันนี้เขาสองคนก็เลิกเรียนค่ำเช่นกันจึงบอกต้นกับสนว่าจะกลับบ้านด้วย

“เอาเหอะ มันรักกันก็ดีแล้ว ดีกว่าให้มันโกรธกัน” ปั้นจั่นบอกพลางยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“สองคนนี้เวลามันอยู่ด้วยกันแล้วมันดูมีความสุขดีนะ” นิกบอกพลางยิ้มด้วยความชื่นชมกับสิ่งที่เห็น

ปั้นจั่นพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเขาสองคนก็เดินเข้าไปหาต้นกับสนเพื่อที่จะกลับบ้านด้วยกัน

-------------------------------------------------------------------------

เที่ยงวันนี้ต้นไม่อยู่ที่มหาลัยเพราะออกไปดูงานข้างนอกกับคณะ สนจึงต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว แต่สนก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนัก บางแวบเขาก็เคยคิดอยากจะมีแฟนเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา อยู่กับต้นก็มีความสุขดี ทำให้ชีวิตสนไม่เคยรู้สึกถึงความเหงา แค่รู้ว่าโลกนี้มีเพื่อนที่ชื่อต้นอยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าความเหงาคืออะไร

"ต้น...กินข้าวหรือยัง" สนกรอกเสียงถามไปทางโทรศัพท์มือถือ พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบมาว่ากำลังกินข้าวอยู่คนถามก็ยิ้มพอใจ

"ดีแล้ว กินอะไรล่ะวันนี้ ข้าวมันไก่เหรอ อร่อยสู้ของเราได้หรือเปล่า วันนี้เรากินผัดไทยกุ้งสดด้วยนะ เฮ้ยต้น แค่นี้ก่อนนะ ไอ้ตัวแสบสองตัวมันมาว่ะ ไม่รู้มันนึกยังไงของมันถึงได้มาหาเราวันนี้ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้องมา" สนบ่นพลางค่อยๆ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

"ฝากกระเป๋าด้วยนะเว้ย เดี๋ยวมา" นิกกับปั้นจั่นบอกพลางทิ้งกระเป๋าเป้โครมลงบนเก้าอี้ข้างๆ ที่ว่างอยู่ แล้วก็เดินออกไป ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับอาหารและน้ำดื่ม

"เมื่อกี้โทรหาไอ้ต้นเหรอ แล้วมันจะกลับมากี่โมง" นิกถามขณะนั่งลงพร้อมๆ กับปั้นจั่น

"ต้นจะกลับบ้านเลย ไม่เข้ามานี่แล้ว" สนบอก เห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนสองคนนี้สนก็เริ่มสงสัย

นิกกับปั้นจั่นชวนสนคุยเรื่องอื่นไปก่อนสักพัก จนเห็นว่าได้โอกาสเหมาะจึงเริ่มรุกฆาตสน

"เฮ้ยสน มึงรู้ใช่ปะว่าไอ้ต้นมันคิดยังไงกับมึง" ปั้นจั่นเริ่มแผนเป็นคนแรกตามที่ตกลงกับนิกไว้

ได้ผลทีเดียวเพราะสนถึงกับชะงักไปเลย "อะไรของพวกมึง จะเล่นอะไรกัน" สนไม่ตอบเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจว่าเพื่อนสองคนนี้จะมาไม้ไหนกับเขาอีก

"เออช่างเหอะ มึงไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร แต่มึงก็คงรู้นั่นแหละว่าไอ้ต้นมันคิดอะไรกับมึง...ที่ไม่ใช่แค่เพื่อน" ปั้นจั่นรอดูท่าทีของสน พอเห็นสนเงียบก็เลยพูดสืบไปว่า "แต่พวกกูสองคนก็รู้สึกว่ามึง...น่าจะคิดอะไรบางอย่างกับไอ้ต้นเหมือนกันนะ"

สนถึงกับสำลักอาหาร เขาหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแทบไม่ทัน สีหน้าเขาดูตกใจมากทีเดียวแต่ก็แฝงความไม่พอใจไว้จนพอสังเกตเห็นได้ "มึงพูดอะไรของมึงวะไอ้ปั้นจั่น กูกับต้นเป็นผู้ชายนะเว้ย พูดจาไร้สาระนะมึง"

สนไม่รู้หรอกว่าการปัดป้องของเขายิ่งทำให้เขาดูมีพิรุธมากขึ้น

"มันยุคไหนแล้วไอ้สน สมัยนี้ผู้ชายรักกันก็มีเยอะแยะไป อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคยเห็น" นิกหันมาช่วยอีกแรง

สนเงียบไปอีก แต่สักพักก็เถียงไปว่า "แต่กู...ไม่ได้คิดแบบนั้นกับต้นนะเว้ย ต้นเป็นเพื่อนรักของกู กูรักต้นเพราะต้นเป็นเพื่อนกูแค่นั้นแหละ"

"อ๋อเหรอ...ก็คงงั้น สงสัยพวกกูคิดไปเอง" ปั้นจั่นพูดพร้อมกับหันไปสบตากับนิก

"ถ้างั้น...สมมติว่า...ต้นมันเกิดมีแฟน แล้วแฟนมันเป็นผู้ชาย มึงก็โอเค...ไม่มีปัญหาอะไรใช่ปะ" นิกถามพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

สนขมวดคิ้ว เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าสองคนนี้กำลังเล่นเกมส์อะไรกับเขาอยู่ แต่ดูแล้วคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอน

"เออ..." สนตอบสั้นและห้วน

"จริงเหรอ...กูให้โอกาสมึงทบทวนอีกครั้งดีกว่า มึงคิดยังไงกับต้น...ถ้ามึงยังยืนยันอย่างเดิม อย่ามาเสียใจทีหลังนะเว้ย" ปั้นจั่นยั่ว

สนชักเริ่มหงุดหงิดกับลับลมคมในของเพื่อนสองคน ครั้นจะถามตรงๆ สองคนนี้ก็คงไม่มีทางเฉลยอย่างง่ายๆ แน่ๆ

"กูไม่ได้คิดอะไรกับต้นแบบนั้น จะให้กูตอบกี่ครั้งกูก็ตอบแบบนี้" สนยืนยัน

"ปากแข็งนักนะมึง" ปั้นจั่นพูดพึมพำเบาๆ สนทำหน้าสงสัยที่เห็นปั้นจั่นทำปากขมุบขมิบ

"พวกมึงสองคนจะทำอะไร" ในที่สุดสนก็ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

"เปล่านี่...ก็แค่ถามให้แน่ใจเท่านั้นแหละ พอดีมีเพื่อนรุ่นพี่ของกูคนหนึ่งเขาสนใจไอ้ต้นอยู่ เขาถามว่าต้นมีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มีเขาจะมาจีบ กูก็เลยต้องมาถามมึงก่อน แต่ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับไอ้ต้นมันก็ดีแล้วล่ะ กูก็จะได้บอกพี่คนนั้นให้มาจีบต้นได้เลย อ้อ...เพื่อนรุ่นพี่ของกูคนนั้น...เป็นผู้ชายด้วยนะเว้ย หล่อยังกับมาริโอ้เลยล่ะ เดี๋ยวอีกไม่นานนี้มึงก็จะได้รู้จัก...ในฐานะ...แฟนของเพื่อน" ปั้นจั่นหัวเราะชอบใจ นิกก็หัวเราะตามด้วย

สนไม่รู้หรอกว่าปั้นจั่นพูดจริงหรือแค่แหย่เล่น แต่พอรู้ว่าจะมีผู้ชายมาจีบต้น เขาก็เริ่มกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก แค่ต้นจะเป็นแฟนกับเจนี่ คุยโทรศัพท์กันทุกวัน สนยังทนไม่ไหวเลย นี่ถ้าเกิดมีผู้ชายมาจีบต้นจริงๆ แล้วเกิดต้นชอบผู้ชายคนนั้นขึ้นมาด้วยล่ะ สนนึกไม่ออกเลยว่าพอถึงตอนนั้นแล้วเขาจะรู้สึกยังไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 08:54:12 โดย sarawatta »

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
สองคนนี้มีความผูกพันที่ลึกซึ้ง

ต้นคงต้องเก็บกดความรักนี้ไว้ โดยรู้ว่าสนไม่คิดเหมือนตัวเอง

แต่สนนี่ก็นะเมื่อไหร่จะเลิกทำให้ต้นเสียใจสักที   ทำแต่ละเรื่อง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ไอ้โง่สน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รีบๆมาต่อตอนต่อไปไวไวนะ :z2: :z2:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนที่ 19: รักออกแบบได้



เช้าวันใหม่ที่สดใสอีกวัน ท้องฟ้าแจ่มใสและมีแดดกำลังดี ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและอยากทำงานไม่น้อย นิกกับปั้นจั่นกำลังสาละวนกับการชงกาแฟและปิ้งขนมปังอยู่ในครัวเพื่อจะกินรองท้องก่อนไปเรียนหนังสือ ไม่นานนักต้นกับสนก็เดินกอดคอกันลงมา นิกกับปั้นจั่นมองด้วยอาการทึ่งนิดๆ ในความสนิทสนมและ "ถึงเนื้อถึงตัว" ของเพื่อนสองคนนี้ แม้จะเห็นบ่อยๆ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ทุกครั้ง

“เดี๋ยวกูจะไปกับต้นก่อนละกัน วันนี้ต้นมีงานแต่เช้า” สนบอกเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมาเตือนต้นให้รีบไป

“ไปต้น เดี๋ยวไม่ทัน” สนพูดพลางจูงแขนต้นเดินออกไป นิกกับปั้นจั่นมองตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตา

“มึงเห็นอะไรไหมวะนิก” ปั้นจั่นถามโดยไม่ละสายตา มองต้นและสนที่เดินออกไปด้วยกัน

“เห็นดิ เดี๋ยวนี้สนมันถึงขั้นเดินจูงมือกับต้นเลยเหรอวะ เพื่อนที่ไหนกันวะจูงมือกันแบบนี้”

“ไม่ธรรมดานะสองคนนี้ ต้นมันเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่ไอ้สนนี่สิ กูว่ามันน่าสงสัยจริงๆ ว่ะ แต่มันทำเป็นปากแข็ง”

“แต่บางที ไอ้สนมันก็คงแค่รักเพื่อนมันมั้ง" นิกไม่แน่ใจ บางทีเขาก็ไม่อยากปรักปรำสนเร็วเกินไปจากสิ่งที่เห็น "แต่ทำแบบนี้ไอ้ต้นมันคงคิดเตลิดไปไกลว่ะ สงสารมัน เกิดไอ้สนไม่ได้คิดอะไรมันก็จะเจ็บอีก” นิกครุ่นคิดถึงแผนที่เขากับปั้นจั่นช่วยกันคิด บางทีมันอาจจะช่วยอะไรต้นกับสนให้รู้ใจตัวเองบ้างก็ได้

“ถ้างั้นกูว่าเราเริ่มแผนของเราเร็วๆ ดีกว่า จะได้ช่วยไอ้ต้นมันได้ทันการณ์” ปั้นจั่นเสนอความเห็น

“ก็ดีเหมือนกัน กูละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าไอ้สนมันจะทำหน้ายังไงถ้าเกิดมันรู้ว่ามีผู้ชายมาชอบไอ้ต้น”

“กูว่านะ มันอยู่ไม่สุขแน่ๆ” ปั้นจั่นหัวเราะเบาๆ พยายามจินตนาการถึงสีหน้าของสนเวลาที่หึงต้นขึ้นมา

"ถ้างั้นให้พี่ปิ๊กจัดการวันนี้เลย...ดีไหม"

"ดีๆ กูอยากเห็นเร็วๆ ว่ะ" ปั้นจั่นยิ้มย่อง แค่คิดก็สนุกพิลึกละ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอไปถึงมหาวิทยาลัย นิกกับปั้นจั่นก็ตรงไปหาพี่ปิ๊กทันทีเพื่อให้พี่ปิ๊กซึ่งแอบชอบต้นอยู่ดำเนินการตามแผนได้ แต่นิกกับปั้นจั่นได้กำชับพี่ปิ๊กว่าอย่าบอกใครอีกเป็นอันขาดว่าต้นเป็นเกย์ เพราะที่เขาสองคนเอามาบอกนี้ก็ถือว่าผิดสัญญากับต้นแล้ว แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการช่วยต้นนั่นเอง พี่ปิ๊กก็รับคำเป็นอย่างดี

พี่ปิ๊กเป็นเกย์ที่ดูแมนหน่อย รูปร่างสูงโปร่งและหุ่นดีอย่างกับนายแบบ แต่งตัวเนี้ยบ ผมเผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องแต่งกายอื่นๆ ล้วนแต่ดูดีและแสดงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ติดว่าเขาชอบผู้ชายอย่างเปิดเผย ป่านนี้ก็คงมีสาวๆ มาชอบเยอะแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลงเข้ามาอยู่เรื่อยๆ พอให้พี่ปิ๊กรำคาญเล่นๆ

พอถึงเที่ยง แผนของนิกกับปั้นจั่นก็เริ่มขึ้น นิกกับปั้นจั่นโทรไปบอกต้นว่าจะไปกินข้าวด้วย แล้วจะพาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งต้องการเข้าร่วมชมรมของต้นไปให้รู้จัก ต้นก็ไม่ได้ว่าอะไรและยินดีที่จะมีสมาชิกของชมรมเพิ่มขึ้น

พอถึงเวลา นิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กเดินมาหาโต๊ะที่ต้นกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหาร มีข้าววางอยู่ 2 จาน เข้าใจว่าอีกจานหนึ่งน่าจะเป็นของสนซึ่งไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“สนล่ะ” ปั้นจั่นถามแล้วค่อยๆ พากันนั่งลงที่โต๊ะที่ต้นนั่งอยู่

“ไปซื้อน้ำ เดี๋ยวมา” ต้นบอกพลางหันไปมองพี่ปิ๊กซึ่งต้นเดาเอาว่าน่าจะเป็นคนที่ต้องการมาสมัครเข้าชมรมของเขา

“นี่พี่ปิ๊กนะ รุ่นพี่ของพวกกูเอง เขาอยากมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมของมึงน่ะ” นิกบอกเมื่อเห็นต้นมองพี่ปิ๊กอย่างสงสัย

“หวัดดีครับ” ต้นหันไปทักพี่ปิ๊กพลางยิ้มให้

“หวัดดีครับ พี่ปิ๊กได้ยินชื่อน้องต้นมานานแล้วล่ะ เคยเห็นบ่อยๆ พอมาเจอตัวจริงใกล้ๆ ไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้” พี่ปิ๊กชม ต้นยิ้มเขินนิดๆ แม้ว่าปกติเขาไม่ค่อยเขินนักถ้ามีคนมาชมว่าเขาหน้าตาดีเพราะต้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาของคนเท่าไร

“ขอบคุณครับ พี่สนใจจะเข้าชมรมของผมเหรอครับ” ต้นถามพลางยิ้ม

“ครับ พอดีพอมีเวลาว่างอยู่ครับ เผื่อคนอย่างผมจะพอช่วยทำประโยชน์อะไรสังคมได้บ้าง ตอนนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำหรือเปล่า” ปิ๊กพูดไปยิ้มไป แถมยังคอยจ้องหน้าต้นแทบจะไม่กะพริบตา คนอะไรนะ ยิ่งดูยิ่งน่ารัก หน้าต้นจะออกหวานนิดๆ ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะหรือนั่งเฉยๆ ก็ดูดีไปหมด

“อ๋อ...วันอาทิตย์นี้เราจะไปปลูกป่าชายเลนกันครับ ถ้าพี่สมัครวันนี้ก็น่าจะไปได้ทันครับ” ต้นแนะนำ

“ดีเลย งั้นพี่จะไปสมัครวันนี้แหละ แล้วพี่จะเอาใบสมัครได้ที่ไหนล่ะ ต้องมีเอกสารอะไรหรือเปล่า” พี่ปิ๊กถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อ๋อ...ใช้บัตรนักศึกษาอย่างเดียวครับ ส่วนใบสมัครเดี๋ยวไปเอาที่คณะผมได้ครับ วันนี้ผมจะกลับค่ำๆ หน่อย พี่ไปเอาที่ผมได้เลยครับ เดี๋ยวจดเบอร์ให้ เผื่อหาไม่เจอ” ต้นบอกแล้วก็หยิบเอากระดาษกับปากกาจากกระเป๋ามาจดเบอร์โทรศัพท์ให้พี่ปิ๊ก จดเสร็จแล้วก็ส่งให้

"ขอบคุณครับ" พี่ปิ๊กรับกระดาษที่จดเบอร์โทรของต้นไว้ แต่ก็แอบๆ จับมือต้นไปด้วย สายตาเขาเป็นประกายจนต้นรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง

สนกลับมาพอดีพร้อมกับน้ำอัดลมสองแก้ว สนนั่งลงข้างๆ ต้นแล้วก็ส่งแก้วน้ำให้ต้น สายตาเขามองไปที่คนที่มาใหม่ด้วยความสงสัย นิกเหมือนจะรู้ทันก็รีบชิงบอกว่า

“นี่พี่ปิ๊กนะ รุ่นพี่กูเองแหละ พอดีพี่เขาอยากจะมาสมัครเป็นแฟน เอ๊ยไม่ใช่ สมัครเข้าชมรมของต้น ก็เลยพามารู้จักกัน” นิกจงใจแกล้งพูดผิด สนกับต้นก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“อ๋อ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ” สนหันไปพูดกับพี่ปิ๊ก

“เช่นกันครับ เป็นเพื่อนกันเหรอ โห...หล่อทั้งสองคนเลย” พี่ปิ๊กชมพลางใช้สายตามองทั้งต้นและสนด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย

“อ๋อครับ ผมชื่อสนนะครับ เป็นเพื่อนต้นครับ เป็นเพื่อนรักกันด้วยครับ” สนพูดพลางเอามือไปโอบไหล่ต้นไว้ เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้สาเหตุ

นิกเห็นแล้วก็กระซิบเบาๆ กับปั้นจั่นว่า "ไม่ทันไรมันก็หวงก้างซะแล้ว"

“เดี๋ยวพวกกูพาพี่เขาไปซื้อข้าวก่อน เดี๋ยวมานะ” ปั้นจั่นบอก ต้นพยักหน้ารับรู้

พอสามคนนั้นเดินพ้นระยะที่จะได้ยินเสียง สนก็ชวนต้นคุยทันที

“เรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับพี่ปิ๊กเลยว่ะ ท่าทางแปลกๆ แต่งตัวก็ดูเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย ไม่รู้เป็นเกย์หรือเปล่า แต่อย่ามาเกาะแกะกับเราก็แล้วกัน ยิ่งไม่ชอบอยู่ด้วย” สนว่า

ต้นหลบตาต่ำเมื่อเห็นเพื่อนว่าพี่ปิ๊กแบบนั้น เพราะมันก็สะเทือนถึงเขาด้วย ถึงเขาจะไม่ได้แต่งตัวหรือมีท่าทางเหมือนเกย์มากนัก แต่เขาก็เป็นเกย์คนหนึ่งเหมือนกัน พอสนหันมาเห็นเพื่อนก็ทำให้เขารู้ตัวว่าได้เผลอพูดกระทบกระทั่งเพื่อนไปเสียแล้ว

“เฮ้ยต้น เราขอโทษ ต่อไปเราจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว” สนบอกอย่างรู้สึกผิด

ต้นได้แต่ยิ้มนิดๆ แต่ไม่พูดอะไร บางครั้งเขาก็นึกน้อยใจเหมือนกันว่าคนที่เป็นเกย์มักถูกถากถางเหยียดหยามด้วยการกระทำและคำพูดหลายอย่างที่ไม่ยุติธรรมของคนในสังคม ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่ถูกมองเป็นส่วนน้อยและผิดปกติจะทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่ก้มหน้ารับกรรมกันต่อไป แต่ก็มีคนที่ทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคมบ้าง

พอนิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กกลับมานั่งกินข้าวด้วย ต้นกับสนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนักเพราะพี่ปิ๊กชวนต้นคุยตลอด สนดูเหมือนจะไม่พอใจนักเพราะลักษณะการพูดหรือสีหน้าท่าทางของพี่ปิ๊กนั้นดูไม่น่าไว้วางใจ สนรู้สึกว่าพี่ปิ๊กให้ความสนใจต้นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาของพี่ปิ๊กที่มองต้นนั้นมีความหมายอะไรบางอย่างที่ที่ทำให้สนไม่ค่อยสบายใจ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอรถบัสมาส่งนักศึกษาถึงที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับนักศึกษาที่จะมาทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนกัน ก่อนที่จะเริ่มปลูกป่าชายเลนนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ให้นักศึกษาทำก่อน พี่ปิ๊กคอยมาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับต้นแทบตลอดเวลาจนต้นเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรบางอย่างกับเขา ที่ผ่านมาต้นไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจีบเลย เคยมีแต่ผู้หญิงมาชอบ เขาก็เลยรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

พอทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์จบ เจ้าหน้าที่ก็มีวิดีโอเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ชายฝั่งให้ดูก่อน พอดูจบแล้วจึงพานักศึกษานั่งเรือออกไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกป่าชายเลน เจ้าหน้าที่เตรียมชุดลุยโคลนให้คนละชุด นักศึกษาที่มาส่วนมากจะแต่งชุดที่ไม่หวงมากเพราะถ้าลุยโคลนแล้วอาจจะไม่สามารถนำกลับมาใส่ได้อีก ทุกคนต้องสวมถุงเท้ายาวถึงเข่าเพื่อไม่ให้เปลือกหอยบาดขา ใส่หมวกกันแดด รวมทั้งจะต้องมีอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวและสบู่ติดมาด้วยเพื่อจะได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายหลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว

แน่นอนไม่ว่าต้นจะทำกิจกรรมอะไร พี่ปิ๊กก็จะคอยมาอยู่ใกล้ๆ โดยมีนิกกับปั้นจั่นคอยกันสนไม่ให้ได้อยู่ใกล้กับต้น แต่ก็อยู่ในระยะที่พอมองเห็นได้ ทำให้สนรู้สึกหงุดหงิดมากพอสมควรเพราะเขาแทบจะไม่ได้คุยหรืออยู่ใกล้กับต้นเลย จะช่วยต้นทำอะไรพี่ปิ๊กก็มาคอยกันตลอด

ในขณะที่นักศึกษากำลังช่วยกันปลูกป่าชายเลนอยู่นั้น สนก็คอยหันไปมองต้นและพี่ปิ๊กบ่อยๆ ส่วนนิกกับปั้นจั่นก็คอยเติมเชื้อไฟอยู่ตลอด

“กูว่าพี่ปิ๊กเขาต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ เลยว่ะ” ปั้นจั่นเริ่มก่อน

สนหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาฉงน “มึงพูดอะไรของมึงวะ”

“อ้าว!!! มึงไม่รู้หรือไง พี่ปิ๊กก็ออกจะเปิดเผยขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเกย์ ดูสิ ตามต้นไม่ห่างเลย แสดงว่าต้องคิดอะไรกับต้นแน่ๆ ว่าไหม” ปั้นจั่นหันไปยิ้มมีเลศนัยกับนิก ปลาเริ่มจะกินเหยื่อแล้ว

“หมายความว่าไง” สนถามเสียงห้วน

“โห...กูก็บอกซะขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีก กูหมายความว่าพี่ปิ๊กต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ ชอบ...ที่แปลว่าอยากเป็นแฟน เข้าใจไหม มึงดูสิ พี่ปิ๊กตามคอยดูแลต้นไม่ห่างขนาดนั้น ถ้าใครดูไม่ออกว่าพี่ปิ๊กชอบต้นก็โง่แล้ว” ปั้นจั่นพูดพลางคอยลอบสังเกตอาการของสนที่ไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ออกเดินทางจากกรุงเทพแล้ว อยากปากแข็งดีนัก จะแกล้งซะให้เข็ดเลย

“พวกมึงจะบ้าหรือไง ผู้ชายกับผู้ชายมันจะชอบกันได้ยังไงวะ” สนแย้ง เขายังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าพี่ปิ๊กจะชอบต้นจริงๆ

ปั้นจั่นเดินมาใกล้ๆ สนแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “มึงลืมไปหรือไงว่าไอ้ต้นมันเป็นเกย์ เกย์ก็ต้องชอบผู้ชายด้วยกัน ถ้าชอบผู้หญิงสิถึงจะเรียกว่าเแปลก”

สนนิ่งเงียบและเริ่มคิดตาม แต่สุดท้ายก็หันมาสนใจการปลูกป่าชายเลนต่อเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ยังคงแอบมองต้นบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง มีอยู่ตอนหนึ่งที่สนหันไปเห็นพี่ปิ๊กเอาน้ำบรรจุในแก้วพลาสติกมาให้ต้น พี่ปิ๊กเอาหลอดเจาะกระแทกฝาก่อนที่จะส่งให้ต้น แต่ต้นมือเปื้อนอยู่จึงจับหลอดไม่ได้ พี่ปิ๊กเลยถือแก้วให้ต้นดูดกินน้ำแทน

“ไอ้ต้นมันคงจะมีแฟนก็คราวนี้แหละเว้ย” นิกแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพอให้สนได้ยิน สนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดและไม่ค่อยพูดค่อยจามากขึ้น เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นพี่ปิ๊กมาเอาใจต้นแบบนั้น แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบพี่ปิ๊กมากยิ่งขึ้นที่มาแย่งหน้าที่เขาทำไปจนหมด

พอพักเที่ยง นักศึกษาก็เริ่มทยอยกันขึ้นมากินข้าวกล่องที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ สนเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่แจกกล่องข้าวให้เพื่อนๆ ด้วย พอหมดแล้วเขาก็ถือกล่องข้าวเดินไปตามหาต้นเพื่อจะไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ก็เห็นต้นนั่งกินข้าวอยู่กับพี่ปิ๊ก สนยืนเคว้งไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จะเข้าไปหาเพื่อนก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจเพราะดูเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนเกิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินไปหาต้นพร้อมกับแผนอะไรบางอย่าง ต้นกับพี่ปิ๊กหันมายิ้มเมื่อเห็นสนเดินมา

“ไอ้นิกกับปั้นจั่นเรียกให้พี่ไปหาครับ” สนบอกพี่ปิ๊กพลางพยักพเยิดไปทางที่นิกกับปั้นจั่นนั่งกินข้าวกันอยู่ พี่ปิ๊กมองตามพลางทำหน้าสงสัย

“เหรอครับ เดี๋ยวพี่มานะต้น พี่ฝากกล่องข้าวด้วยเดี๋ยวพี่มากินต่อ” พี่ปิ๊กบอกพลางส่งกล่องข้าวให้ต้น ต้นรับมาแล้วก็หาที่วางไว้ข้างๆ ตัว

พอพี่ปิ๊กไป สนก็มานั่งข้างๆ ต้นแทน “เป็นไงต้น เหนื่อยหรือเปล่า” สนยิ้มดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใกล้ต้นเสียที ไอ้สองคนนั้นมันต้องวางแผนแกล้งอะไรเขาแน่ๆ เลย พอจะเข้าใกล้ต้นทีไรก็จะถูกพวกมันกีดกันตลอด

ต้นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก สนุกดี เราชอบ พี่ปิ๊กแกก็ช่วยดีนะ แต่คุยเก่งชะมัดเลย เราคุยแทบไม่ทันแน่ะ” ต้นพูดพลางขำ

สนเริ่มนิ่วหน้าเมื่อเห็นเพื่อนเอ่ยถึงพี่คนนั้นซึ่งเขาชักเริ่มจะไม่ชอบหน้ามากขึ้นทุกทีๆ “ดูเหมือนต้นจะชอบพี่เขามากนะ” สนพูดเหมือนแค่นเสียง

ต้นหันมามองเพื่อนด้วยความแปลกใจกับวิธีการพูดแบบนั้นซึ่งต้นมักไม่ค่อยเห็นสนทำเท่าไรนัก “อ๋อ...พี่เขาก็อัธยาศัยดีนะ เราว่าพี่เขาเต็มที่ดี ขนาดงานแรกนะเนี่ย เปื้อนแค่ไหนพี่เขาก็ไม่บ่นสักคำ”

น้ำเสียงและสีหน้าชื่นชมนั้นทำให้สนหน้าเสียไปเหมือนกัน “เหรอ...เขามาคุยอะไรกับนายมั่งล่ะ” สนซักด้วยความอยากรู้ นึกถึงหน้าไอ้หมอนั่นทีไรสนก็รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ

“ก็หลายเรื่อง ส่วนมากก็คุยเรื่องเรียน แล้วพี่เขาก็ถามว่าชมรมของเราทำงานอาสาสมัครอะไรบ้าง หาเงินยังไง ทำกิจกรรมบ่อยไหม อะไรทำนองนี้แหละ” ต้นบอก ในใจก็สงสัยเหมือนกันว่าสนทำไมถึงอยากรู้ว่าพี่ปิ๊กมาคุยอะไรกับเขาบ้าง

“เหรอ แล้ว...” สนหยุดคิด เขาอยากจะถามต้นว่าชอบพี่ปิ๊กหรือเปล่าแต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไรดี

“อะไรเหรอ” ต้นสงสัย

“อ๋อ... เปล่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวดีกว่า” สนบอกพลางหันมาตักข้าวใส่ปากกิน แต่ต้นก็รู้สึกได้ว่าสนดูแปลกๆ ไป

ยังไม่ทันไรพี่ปิ๊กก็เดินกลับมาเพราะจริงๆ แล้วนิกกับปั้นจั่นไม่ได้เรียกให้ไปหาเลย ต้นแปลกใจจึงร้องถาม

“อ้าวพี่ คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ เห็นเพิ่งไปเมื่อกี้เอง”

“สองคนนั้นเขาบอกว่าไม่ได้เรียกพี่นี่นา” พี่ปิ๊กร้องตอบ ต้นจึงหันมามองสนอย่างสงสัย สนหน้าถอดสีทันทีเพราะที่เขาบอกอย่างนั้นเพียงแค่ต้องการให้พี่ปิ๊กไปที่อื่น แล้วเขาจะได้มานั่งกินข้าวกับเพื่อนนั่นเอง

“อ้าว แล้วเมื่อกี้นายบอกพี่เขาไม่ใช่เหรอว่าไอ้สองคนนั้นเรียกพี่เขา” ต้นหันมาถามสนด้วยสีหน้างงๆ

สนทำหน้าเลิ่กลั่ก พยายามคิดหาทางแก้ตัว พี่ปิ๊กก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน “อ๋อ...พอดีได้ยินผมได้ยินพวกมันพูดถึงพี่ครับ สงสัยว่าผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ว่าพวกมันอยากคุยด้วย โทษทีครับ” สนแก้ตัวโดยที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลหรือไม่

“อ๋อ...เหรอ...” พี่ปิ๊กร้องอ๋อเบาๆ แม้ว่าจะสงสัยแต่ก็ไม่คิดว่ามีประโยชน์ที่จะถามอะไรต่อ เขายืนหันรีหันขวางเพราะสนมานั่งแทนที่เขาเสียแล้ว ต้นเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จะบอกให้เพื่อนไปก็คงไม่ได้ จะให้พี่ปิ๊กมานั่งกินข้าวด้วยก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ ต้นพอจับความรู้สึกได้ว่าสนไม่ค่อยชอบพี่ปิ๊กเท่าไรนัก ต้นสังเกตเห็นตั้งแต่วันแรกที่พี่ปิ๊กมานั่งกินข้าวเที่ยงด้วยเมื่อวันนั้นแล้ว

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปกินกับสองคนนั้นก็ได้ ต้นคุยกับเพื่อนเถอะ” พี่ปิ๊กว่าพลางเดินไปหยิบกล่องข้าวของตนเองแล้วก็เดินจากไป เห็นสายตาของสนที่มองเขาแล้วพี่ปิ๊กก็รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรทันที พอพี่ปิ๊กไปแล้ว สีหน้าของสนจึงกลับมายิ้มแย้มตามเดิม

"อิ่มหรือเปล่าต้น เดี๋ยวเราไปเอามาให้อีก เอาไหม" สนอยากเอาใจเพื่อนบ้างหลังจากที่ปล่อยให้พี่ปิ๊กดูแลต้นแทนเขาอยู่เกือบทั้งวัน

"ไม่ดีกว่า เอาไว้ให้คนอื่นๆ กินเผื่อใครไม่อิ่ม เรากินแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ" ต้นบอก เขาอยากจะถามอะไรสนบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พฤติกรรมของสนเมื่อสักครู่นี้ดูแปลกๆ ชอบกล ทำไมสนต้องโกหกพี่ปิ๊กแบบนั้น...ปกติสนก็ไม่เคยมีนิสัยชอบโกหกนี่นา

"แล้วนายได้น้ำหรือยังล่ะ เอ...ยังไม่เห็นมีนี่นา รออยู่นี่นะ เดี๋ยวเราไปเอามาให้" สนบอกพลางลุกขึ้น เหมือนจะนึกอะไรได้ ก่อนเดินออกไปสนหันมากำชับต้นว่า "ห้ามให้ใครมานั่งแทนที่เรานะต้น"

ต้นเลิกคิ้วและมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย สนดูแปลกไปจริงๆ ต้นพยายามนึกว่าเคยเห็นสนเป็นแบบนี้ตอนไหนบ้าง ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าต้นจะเคยเห็นสนเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน

สนเหมือนกลัวว่าต้นจะถามอะไรก็เลยรีบวิ่งออกไปก่อน สักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่มสองขวดพร้อมกับยิ้มแฉ่งมาแต่ไกลเชียว

"น้ำเกือบหมดแน่ะ ดีนะที่เราไปทัน" สนส่งขวดน้ำให้แล้วก็นั่งลงที่เดิมข้างๆ ต้น เนื้อตัวพวกเขาแต่ละคนดูมอมแมมไปบ้างแต่ก็ไม่สำคัญอะไรนัก มาปลูกป่าชายเลนก็คงต้องเปื้อนบ้างเป็นธรรมดา

ต้นรับน้ำมาแล้วก็ยิ้ม พอนั่งทบทวนไปสักพักต้นก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าสนคงจะหวงเขานั่นเอง สนเคยเป็นแบบนี้อยู่บ้างเวลาที่มีคนอื่นๆ มาสนิทกับต้น ตอนแรกต้นก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสนเป็นอะไร แต่เมื่อสังเกตดูอาการดีๆ ก็จะพบว่าสนกลัวต้นจะสนิทกับคนอื่นจนลืมเขานั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วต้นก็อดขำในใจไม่ได้

"ตอนขากลับ ให้เรานั่งกับนายนะ อย่าให้คนอื่นมานั่งล่ะ" อยู่ดีๆ สนก็โพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาหลังจากที่กลับมากินข้าวต่อได้สักพัก เล่นเอาต้นนึกไม่ถึงเหมือนกัน

ต้นพยักหน้าตกลงอย่างงงๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ต้นก็อยากนั่งคุยกับสนเหมือนกัน วันนี้เขาคุยกับคนอื่นมาทั้งวันแล้ว อยากคุยกับสนบ้าง อยู่กับสนแล้วต้นก็มีความสุขดี

"อ้อ...แล้วก็ตอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นายก็ต้องไปกับเรานะ"

"มีอะไรหรือเปล่าสน" ต้นถามด้วยความสงสัย

สนเริ่มอึกอักและครุ่นคิดหาเหตุผลที่เขาคิดว่าจะพออธิบายให้ต้นเข้าใจได้ "ก็...ไอ้สองคนนั้นมันบอกว่า...พี่ปิ๊กกำลังจีบนายอยู่ เราก็เลยไม่อยากให้นายไปกับเขา เกิดเขาทำอะไรนายขึ้นมาล่ะ นายจะสู้เขาไหวหรือเปล่า เขาตัวโตกว่านายนะ"

"อ๋อ..." ต้นลากเสียงยาว เขาไม่แปลกใจนักที่สนบอกว่าพี่ปิ๊กกำลังจีบเขาอยู่ ต้นรู้สึกได้อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ต้นแปลกใจมากกว่าก็คือสิ่งที่สนกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ต่างหาก

"เราเป็นห่วงนายนะต้น นายยังไม่รู้จักเขาดีพอ อย่าเพิ่งไปไว้ใจเขานะ"

"เฮ้ย ยังหรอก เรายังไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาเลย อีกอย่าง...มีคนตั้งเยอะตั้งแยะ เขาไม่กล้าทำอะไรเราหรอก" ต้นรีบแย้งก่อนที่สนจะกังวลไปกันใหญ่

"ก็นั่นแหละ นายรับปากเราก่อนสิว่าตอนไปอาบน้ำนายจะไปกับเรา ไม่ไปกับเขา"

"อือๆ" เห็นสนดึงดันจะให้เขารับปากให้ได้ต้นก็เลยต้องยอม แต่ก็แอบดีใจที่สนเป็นห่วงเขามากขนาดนี้

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว นักศึกษาก็กลับลงมาปลูกป่ากันต่อ นิกกับปั้นจั่นเรียกสนให้ไปช่วยอีกเช่นเดิมตามแผนที่วางไว้ สนจำใจต้องไปเพราะไอ้สองคนนั้นเป็นคนจัดการเรื่องแบ่งกลุ่ม แล้วยังไงไม่รู้เขาก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับต้น ส่วนพี่ปิ๊กก็ยังคงเวียนอยู่ใกล้ๆ ต้นไม่ห่างเหมือนตอนเช้า ทำให้สนเกิดอาการ "เซ็ง" อย่างรุนแรงจนแทบไม่อยากจะทำอะไร ปลูกป่าไปหงุดหงิดไป เขาไม่รู้หรอกว่ามีนิกกับปั้นจั่นคอยสังเกตพฤติกรรมเขาอยู่ตลอดเวลา

พอปลูกเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้นักศึกษาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีห้องสำหรับอาบน้ำแยกชายหญิงไว้อยู่จำนวนหนึ่ง นักศึกษาที่มาเป็นอาสาสมัครจึงต่างทยอยแยกย้ายกันไปอาบน้ำ ในฐานะที่เป็นผู้นำ ต้นจึงต้องเสียสละให้คนอื่นๆ อาบก่อนแล้วเขาค่อยอาบเป็นคนสุดท้าย ช่วงที่รอต้นก็มานั่งคุยกันกับเพื่อนๆ ที่เหลือ แน่นอนพี่ปิ๊กก็มานั่งด้วย ส่วนสนนั้นก็นั่งคุยกันอยู่อีกกลุ่มไม่ไกลนัก แต่ก็คอยแอบชำเลืองมองต้นโดยตลอด

"ไปกันเถอะต้น เขาอาบกันหมดแล้ว" พี่ปิ๊กเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าจำนวนคนที่ไปอาบน้ำเริ่มซาลง

สนที่คอยจับตาดูอยู่ก็รีบเดินมาหาต้นทันที "ต้น ไปกับเรา"

สนจับมือต้นแล้วก็หันไปขึงตาใส่พี่ปิ๊ก ถึงจะเป็นรุ่นพี่แต่พี่ปิ๊กก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถสู้แรงสนได้แน่ๆ ดูท่าทางสนจะดุและหวงเพื่อนเอาเรื่องทีเดียว แน่นอนเขาคงไม่กล้าไปต่อล้อต่อเถียงอะไรด้วย จึงได้แต่ปล่อยให้ต้นเดินตามสนไป

"เราบอกนายแล้วใช่ไหมต้นว่าให้มากับเรา" น้ำเสียงของสนฟังดูไม่พอใจจนสัมผัสได้

"เราขอโทษ แต่เรายังไม่ได้ตกลงกับพี่เขาเลยนะ" ต้นแก้ตัว เห็นสนไม่พอใจแล้วต้นก็หน้าเสีย ตั้งแต่คบกันมาสนยังไม่เคยดุต้นแบบนี้เลย

สนดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่ควรดุต้นเพราะต้นเป็นคนถูกชวน ไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีเสียหน่อย "ขอโทษต้น" สนปล่อยมือเพื่อนออกหลังจากที่รู้ตัวว่าเขาจูงมือต้นอยู่ จะว่าไปแล้วสนก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่เขาช่างหงุดหงิดกับเรื่องนี้ได้มากถึงขนาดนี้

"เราเป็นห่วงนายมากไปหน่อย" สนเสียงอ่อย

"ไม่เป็นไร เรารู้" ต้นค่อยๆ ยิ้ม สนจึงค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง

"ไปกันเถอะ จะได้กลับถึงกรุงเทพไวๆ" ต้นเตือนแล้วก็ออกเดินนำ

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว คนที่ตามติดต้นแจก็กลายเป็นสนแทนเสียอย่างนั้น สนคอยช่วยต้นเช็คความเรียบร้อยต่างๆ ก่อนกลับ คอยช่วยตามและดูนักศึกษาจนมั่นใจว่าขึ้นรถครบกันหมดทุกคนแล้ว สนจึงพาต้นขึ้นไปนั่งบนรถ แน่นอนว่าด้วยวิธีนี้ยังไงสนก็ต้องได้นั่งกับต้นอยู่แล้ว

นิกกับปั้นจั่นที่นั่งอยู่บนรถอยู่แล้วเฝ้าคอยสังเกตสนอยู่ตลอด ดูเหมือนสองคนนี้จะเริ่มมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่เห็น แต่ก็นั่นแหละ สนคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก

"มึงดูนะนิก ไอ้คนปากแข็ง เห็นไหมว่ามันหวงไอ้ต้นสุดฤทธิ์เลย แต่พอถามก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไร" ปั่นจั่นเหน็บแนมพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

"สงสัยต้องเล่นให้หนักกว่าเดิม เอาให้มันคลั่งไปเลยดีไหม" นิกชักนึกสนุก

"เฮ้ยๆ มึงต้องถามพี่ปิ๊กด้วยนะเว้ยว่าเขาสนุกกับมึงไหม เห็นไหมพี่เขานั่งหน้าจ๋อยอยู่" ปั้นจั่นปราม

นิกหันไปมองตามก็เห็นพี่ปิ๊กนั่งอยู่หลังสุดกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เขาคงไม่ค่อยรู้จัก หน้าตาเขาดูเศร้าๆ อยู่เหมือนกันตั้งแต่สนเริ่มมากันต้นออกไป แต่ปิ๊กก็คงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ก็คงจะยอมแพ้ไม่ได้ เขามีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่างที่คงจะทำให้ต้นชอบเขาได้ไม่ยากนัก แต่วันนี้คงต้องยอมสนไปก่อน ตอนนี้มีนิกกับปั้นจั่นคอยร่วมมือกับเขาอยู่แล้วก็น่าจะช่วยทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ปิ๊กคิดจะง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า เขาประเมินความผูกพันของต้นกับสนน้อยเกินไปไหม เดี๋ยวก็จะได้รู้กัน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2012 08:54:39 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399

ได้อ่านก่อนไปเรียน  :mc4: :mc4:

สนหึงต้นน่ารักอะ

แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองเนี่ย หืมม ?

รอวันที่ทั้งสองจะรักกันสักที อิอิ

สนรู้ใจตัวเองไวไวแล้วก็รีบรุกต้นเลยนร๊าา เดี๋ยวคนอื่นเขาคาบไปแดกแล้วจะเสียใจไม่รู้ตัวว

 :m14: :m14: :m14:

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อยากลองให้พี่ปิ๊กรุกหนักๆเลย
เอาให้สนคลั่งเลยอะ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด