ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต ชิ้นที่ 1 “เชิญเลยคร้าบบบ......
ไม่ซื้อไม่ว่า.....แวะชิมก่อนได้....
ขนมไทยอร่อย ๆ หนึ่งเดียวในโลก
ต้องที่ ‘ร้านหวานละไม ขนมไทยแม่พลอย’ เท่านั้น!!”
“ทางนี้ดีกว่าคร้าบบบบ.....
ขนมปังอบเสร็จใหม่ ๆ มีให้เลือกหลายชนิด
ชิมครั้งเดียวรับรองจะติดใจ
‘ร้านบ้านขนมเดือนใจ’ ขอรับประกัน!!!”
“อูยยย.....อย่าไปเชื่อมันคร้าบบบ!!!
เราคนไทยต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
ขนมไทยสูตรชาววังต้นตำรับโบราณของแท้
หวาน มัน เข้มข้น ถึงใจ อร๊อยอร่อยกว่าขนมต่างชาติตั้งเย๊อะ!!!”
“โอ้ยยยย!! มันโม้คร้าบพี่น้องงงง!!!!
เดี๋ยวนี้โลกมันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
เราต้องปรับตัวให้ทันตามกระแส
หันมาลองรสชาติแปลกใหม่ของครัวซอง แยมโรลอร่อย ๆ ดีกว่า!!!”
“ไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาครับ ตอนนี้ช่วงนาทีทอง!!
ซื้อหม้อแกงหนึ่งถาดแถมหนึ่งถาดฟรี ๆ คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!!”
“เอ๊า!!! เร่เข้ามา โปรโมชั่นฉลอง ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งร้านเลยจ้า!!!!!”
“โว้ยยยยยยย!!! อะไรกันหนาวะ!!!!
เฮ้ย!! จะเอายังไงห่ะ!!
ว่ามาเลยดีกว่า จะเอายังไง!!!”จากเสียงตะโกนเร่ขายของกลับกลายเป็นเสียงตะคอกอย่างหาเรื่อง
เมื่อเจ้าของร้านขายขนมไทยที่ตั้งแผงอยู่บนถนนคนเดิน
หมดความอดทนระเบิดอารมณ์ใส่แผงขายเบเกอรี่คู่ตรงข้าม
“อะไร... ผมก็แค่ร้องขายของธรรมดา”
อีกฝ่ายเพียงแค่ยักไหล่ตอบกลับ
ทำลอยหน้าลอยตาเหมือนเห็นว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร
ยิ่งเป็นตัวเร่งความเดือดดาลให้กับคู่กรณี
ซึ่งกำหมัดแน่นแทบอยากจะกระโดดข้ามฝากไปซัดหน้ามันให้คว่ำ
หนอยย!! กล้าพูดเนอะ ร้องขายของธรรมดา
ธรรมดาบ้านพ่องสิ!!
ถึงมีเหน็บ มีแขวะร้านกูทุกคำ
แบบนี้แถวบ้านเขาเรียก
“กวนตีน!!”
ถ้อยคำสบถด่าพึมพำออกมาอย่างคนหงุดหงิด
ในใจนึกพาลโมโหเลยเถิดไปจนถึงไอ้คนจัดแผงผังตลาด
ที่เสือกให้ร้านขายขนมไทยของเขามาอยู่คู่กับไอ้เวรปากหมานี่
คนอุตส่าห์ดีใจที่เทศบาลจัดถนนคนเดินติดริมน้ำตอนเย็นศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
จะได้เพิ่มช่องทางกระจายสินค้าให้คนรู้จัก
เปิดขายวันแรกกะเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อเยอะ ๆ
แต่ไอ้ห่าแผงตรงข้ามเสือกทำลายฤกษ์งามอย่างดีของกูซะงั้น
โคตรไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว
หน้าตาก็คมเข้มดีอยู่หรอก แต่ดันปล่อยผมเผ้าให้ยาวรุงรัง
หูก็เจาะระเบิดจิวสีดำเม็ดเบ้อเร่อ
ใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนโลโก้กระทิงแดงเด่นหรา
กางเกงยีนส์ขาด ๆ เซอร์ ๆ เหมือนไม่โดนแฟ้บมาสามชาติ
นี่ถ้ามีหนวดเพิ่มอีกหน่อยนะ
มึงไปนั่งรวมกลุ่มกับศิลปินรับจ๊อบวาดภาพเหมือนหน้าตลาดได้เลย
บุคลิกแบบนี้มันเหมาะจะมาเป็นพ่อค้าขายเบเกอรี่ได้ยังไง
ติสต์แตกอย่างมึงคงขวางโลกหน้าดู
แล้วเป็นไง...
โป๊ะเช๊ะ!!
ผิดจากที่เดาไว้ซะที่ไหน
เริ่มตั้งแผงขายยังไม่ทันถึงสิบห้านาที
ไอ้เวรนั้นก็กวนตีนกูเข้าให้แล้ว
คิดจะมาเป็นคู่แข่งกูหรอ
น้อย ๆ หน่อยไอ้น้อง ฝีมือมันคนละชั้น
ดูนี่สักก่อน ร้านกูมีแมวกวักรุ่นพิเศษอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นโว้ยยย!!
เจอแบบนี้เขาไปรับรองมึงต้องหงายเงิบ
ว่าแล้วก็ซัดพวงมาลัยไหว้ไปก่อนเลยหนึ่งพวง
โอม...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดช่วยลูกช้าง
ดลบันดาลให้ร้านไอ้ปากหมานั้นมันเจ๊งวันเจ๊งคืนด้วยเถิด
สาธุ๊!!!!!!!
ชายหนุ่มยกมือท่วมหัวไหว้ตุ๊กตารูปแมวกวักขนาดย่อมสีทองอร่าม
พลางหลับตาอธิษฐานในใจอย่างมุ่งมั่นแน่วแน่
โดยปล่อยให้ใครบางคนส่งสายตามองข้ามฝากมาอย่างงง ๆ
...อ้าว ไอ้ร้านขายขนมไทยทำอะไรวะ
มีเอาพวงมาลัยไหว้ตุ๊กตาแมวกวักด้วย
เออ ไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า
เห็นทำหน้าเป็นตูดตั้งแต่มากางโต๊ะแล้ว
ยิ้มด้วยก็ทำเป็นเมิน
คนอะไรไม่มีมนุษย์สัมพันธ์
แทนที่เป็นพ่อค้าขายขนมเหมือนกันน่าจะช่วยเหลือกันไว้
อายุน่าจะสักยี่สิบต้น ๆ พอ ๆ กันด้วย
คิดอยากจะผูกมิตรสักหน่อย
ยังไม่ทันไร แม่งแยกเขี้ยวจะกัดกูล่ะ
...แต่ดูไปดูมาก็ฮาดีเหมือนกัน
ตัวซีด ๆ ใส่แว่นหนา ๆ อย่างกับเด็กเนิร์ด
เหมาะเป็นพวกหมอมากกว่าจะมาขายขนม
แต่พอพ่นออกมาแต่ล่ะคำนี่
อื้อหือ...อย่างกับพวกนักเลง
...กลัวตายล่ะ ตัวแค่นี่ทำปากเก่ง
แถมเมื่อกี๊ได้ยินนะที่แอบด่าว่า ‘กวนตีน’
...ก็ใครใช้ให้น่าแกล้งแบบนั้นล่ะ
เห็นแล้วมันอดไม่ได้เลยต้องขอสักหน่อย
เป็นเกมแก้เหงาระหว่างรอลูกค้าไปพลาง ๆ
บริหารสมองคิดคำด่าไปจะได้ไม่เมื่อย
...ไม่อยากเป็นคู่ค้า
ก็เป็นคู่แข่งกันเนี่ยแหละ
ตีกันไปขายกันไป
...สนุกสะใจกว่ากันเย๊อะ!!!!
เจ้าของร้านขายเบเกอรี่อมยิ้มนิด ๆ
พลางขยับปากตะโกนเรียกคนซึ่งก้มหน้าก้มตาจัดเรียงขนมที่ร้านตรงข้าม
“เฮ้ย!
เฮ้ยคุณ!
คุณ!!
หูตึงหรอ
ผมเรียกเนี่ย!!
เฮ้ย!! ได้ยินมั้ยวะ!!”
เสียงเรียกเริ่มเปลี่ยนเป็นตะโกนดังขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่ออีกฝ่ายยังคงทำทีเป็นไม่สนใจ
ตอนแรกเขานึกว่ามันจะรำคาญ
แต่ท้ายที่สุดไอ้เด็กเนิร์ดก็เงยหน้าขึ้นมาทำทีเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
พร้อมกับขยับปากตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“อ๋อเหรอ ผมนึกว่าเสียงหมาเห่า!!
มาเรียกคุณ ๆ ไม่ระบุชื่อแล้วจะรู้มั้ย”
...แสบ...แสบดีจริงๆ...
เห็นอย่างนี้แล้วมันน่านัก....
หนุ่มเซอร์คิ้วกระตุกให้กับคำแอบกัด
ทว่าก็ยังตะโกนถามกลับ
“แล้วคุณชื่ออะไร”
“เรื่องไรผมจะบอก”
...แหนะ ไอ้นี่! มีเล่นตัวอย่างกับผู้หญิง
ดวงตาคมฉายแววหงุดหงิด มองคนตรงข้ามที่ยังคงทำเมิน
ก่อนเหลือบตาเห็นป้ายชื่อร้าน
‘หวานละไม ขนมไทยแม่พลอย’
ชั่วขณะนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว
...ไม่อยากบอกใช่มั้ย
ได้....
“งั้นผมเรียกคุณว่า ‘ลูกแม่พลอย’ โอเคยัง?”
คนที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจหันขวับกลับมาทันที
ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะกล้าพูด
....เมื่อกี๊...มันเรียกว่าอะไรนะ
‘ลูกแม่พลอย’
...ไอ้ห่า!! ไอ้เวรตะไล!!
นี่เล่นถึงแม่เลยเหรอ!!
แล้วมันดันไปรู้จักแม่เขาได้ไงวะเนี่ย
เออใช่...ป้ายชื่อร้านก็บอกอยู่ทนโท่นี่หว่า
...บังอาจ
มึงบังอาจมาก...
...วอนโดนตีนกูซะแล้ว!!
คนโดนหยามกัดฟันกรอด
ถลกแขนเสื้อ มือกำหมัดแน่น เตรียมพร้อมจะหาเรื่องเต็มที่
แต่ทว่าสติเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่กลับดึงรั้งเอาไว้
เอ๊ะ....เดี๋ยว...
ถ้ามีเรื่องตอนนี้คณะกรรมการได้สั่งห้ามไม่ให้มาตั้งแผงขายขนมอีกแน่
อุตส่าห์หาช่องทางดี ๆ ได้แล้ว
ขืนปล่อยให้ชวดมือไปง่าย ๆ เพราะแค่ต้องการซัดหน้าไอ้เวรนี่
มีหวังแม่พลอยตัวจริงที่รออยู่บ้านอาจโมโหสั่งประหารเข้า
...ใจเย็นไว้ก่อน
เย็นไว้...
มันล้อกูได้...
...กูก็เล่นมันกลับได้เหมือนกัน!!
คนที่พยายามระงับอารมณ์สูดลมหายใจลึกช้า ๆ
เหลือบมองป้ายชื่อร้านของอีกฝ่าย ก่อนพูดเสียงแข็ง
“แล้ว ‘บ้านขนมเดือนใจ’ นี่แม่คุณเหมือนกันใช่มั้ย
งั้นผมจะเรียกคุณบ้างว่า ‘ลูกแม่เดือน’”
ทว่าคนโดนด่าก็ยังคงตีสีหน้าระรื่น
ร้องบอกกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“เรียกไปเหอะ แม่ผมจะได้ภูมิใจที่มีลูกแบบผม”
ถุย!! ไอ้หลงตัวเอง
เสียใจล่ะสิไม่ว่าที่ไม่เอาขี้เถ้ายัดปากมึงตั้งแต่แรก
เขากำลังจะอ้าปากโต้กลับ
ทว่าตอนนี้จำนวนคนที่ไปออในส่วนของศาลาหน้าตลาด
ซึ่งเพิ่งเสร็จพิธีเปิดถนนคนเดินติดริมน้ำอย่างเป็นทางการ
กำลังค่อย ๆ ทยอยออกมาจับจ่ายดูสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ทำให้บทสนทนาที่ตะโกนโต้กันไปมาถูกยั้งไว้
เพราะอาจเป็นการทำลายภาพพจน์ร้านค้าของตัวเองลงไป
แถมที่สำคัญเริ่มมีลูกค้าเข้ามาเมียงมองหน้าร้านเขาแล้วด้วย
“อุ๊ย นี่ขนมจ่ามงกุฎใช่มั้ยพ่อหนุ่ม
ป้าไม่ค่อยได้เห็นนานแล้ว ทำได้น่าทานจริง ๆ”
หญิงวัยกลางคนร่างท้วมซึ่งแต่งตัวคล้ายข้าราชการ
เดินเข้ามาหยุดพินิจขนมทรงกลมคล้ายผลมะยมสีเหลืองทำจากแป้งและไข่
ตกแต่งโดยรอบด้วยเมล็ดแตงโมเคลือบน้ำตาลอย่างประดิดประดอย
ดูสวยงามสลับซับซ้อนมากกว่าของที่ไว้สำหรับทานเล่น
“ใช่แล้วครับ เมื่อก่อนคุณยายผมท่านเคยเป็นต้นเครื่องในวัง
แล้วก็ถ่ายทอดสูตรทำขนมมาให้คุณแม่
เพราะฉะนั้น ขนมจ่ามงกุฎ นี้ของแท้จากตำรับชาววัง
รับรองอร่อยไม่แพ้ใคร
คุณป้าลองชิมดูก่อนได้นะครับ”
เจ้าของร้านรีบพรีเซ้นต์เล่าประวัติความเป็นมาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
พร้อมกับใช้ช้อนพลาสติกคันเล็กตักขนมขึ้นให้ลูกค้าได้ชิมแบบไม่หวง
ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและภาคภูมิใจกับขนมของร้านตนเอง
พฤติกรรมที่แสดงออกตรงข้ามกับอารมณ์เมื่อสองนาทีที่แล้วอย่างลิบลับ
จนคนลอบสังเกตการณ์อยู่อีกฝั่งยังต้องทึ่ง
...โอ้โห...ไวจริงเว้ย
จากหน้าหงิก ๆ พอมีลูกค้าเข้ามาล่ะทำเป็นยิ้มหวาน
คนอะไรสองหน้าได้ขนาดนั้น
ขนาดจิ้งจกเปลี่ยนสียังต้องอาย
แต่ก็อย่างว่า ทำการค้าจะให้หน้าบึ้งรับแขกได้ยังไง
ไม่เหมือนเถียงกับเขา ปากแดง ๆ งี้เชิดจนจะถึงจมูกอยู่แล้ว
เห็นแล้วหมั้นเขี้ยวชะมัด น่าจับมาหอมแก้มขาว ๆ เสียให้เข็ด
...อ้าว...เอ๊ะ...?
แล้วนี่เขาจะไปหอมแก้มมันทำไมวะ
จะมองซ้ายมองขวานั้นก็ผู้ชายนะโว้ยยย
ผู้ชายทั้งแท่งที่มีไอ้นั้นเหมือนกับเขา
อยากจะกอดอยากจะหอมมัน
คิดเข้าไปได้ยังไง
...โอยย...ขนลุกฉิบหาย!!
“พี่ค่ะ เค้กส้มนี่ขายยังไงคะ”
เสียงเรียกของสาวน้อยวัยทีนตาหวานที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ทำให้สติของคนคิดไกลกลับเข้าสู่ร่างทันที
เขาสลัดความสับสนทิ้งจากสมองแล้วรีบเปิดฉากการขายอย่างมืออาชีพ
ทว่าดวงตาคมก็ยังคงเผลอเหลือบมองร่างของคนที่อยู่อีกฝาก
...หึ ทั้งหมดก็แค่หมั่นไส้ไอ้หน้าไม่รับแขกของมันเท่านั้นแหละ
เลยกวนตีนมันไปเล่น ๆ
ตอนนี้ปล่อยให้มันขายของไปก่อน
เขาเองก็มีลูกค้าเหมือนกัน
ไว้ว่างกันแล้วค่อยกลับมารบกันใหม่
ค่ำคืนที่เหลือยังอีกยาวไกล
...เนอะ
....คุณลูกแม่พลอย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ 
ว่าแล้วแปะรูปขนมจ่ามงกุฎของ 'ร้านหวานละไม ขนมไทยแม่พลอย' สักนิด

ทานให้อร่อยนะคะ
BitterSweet