ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]  (อ่าน 816432 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2

ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต


ชิ้นที่ 5


“เสร็จรึยังครับ”


โอยยยย....อย่าเร่งได้มั้ยวะ!!
ไม่เข้าใจรึไงว่าศิลปะมันต้องใช้เวลา
เร่งมาก ๆ เดี๋ยวหงส์ของกูคอหักขึ้นมาทำไง
อุตส่าห์เสียเวลานั่งจัดตั้งนาน
ถ้าพังแล้วมึงจะรับผิดชอบมั้ยห่ะ
จะรับผิดชอบมั้ย....!!

หนุ่มแว่นเจ้าของร้านหวานละไมบ่นในใจอย่างหงุดหงิด
แต่ก็ยังไม่วางมือจากการบรรจงจัดวางขนมไทยอย่างอลังการ
โดยใช้โครงต้นกล้วยและลวดดัดเป็นรูปหงส์เสริมด้วยบรรดาขนมโบราณมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น จ่ามงกุฎ ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมชั้นดอกกุหลาบ
เรียงต่อกันเป็นชั้น ๆ สลับสีสันแซมด้วยใบเตย
ทั้งดูน่าทานและสวยงามในเวลาเดียวกัน


“โอเค เรียบร้อยล่ะ”

คนพูดปาดเหงื่อหลังจากทุ่มเทเวลาร่วมสองชั่วโมงให้กับงานศิลปะจากขนมไทยชิ้นนี้
แม้จะเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก แต่ผลงานที่ออกมานั้นดูดีเป็นที่น่าพอใจ
แถมยังแฝงกลิ่นอายเอกลักษณ์ความเป็นไทย ๆ ได้อย่างพอเหมาะตรงคอนเซปต์
จนเรียกความสนใจจากลูกค้าที่ผ่านไปมาบนถนนคนเดินได้ไม่น้อย

และยิ่งถ้าเกิดเอาปะติมากรรมหงส์ลงในโฆษณาโปรโมตตลาดจนโด่งดังล่ะก็
คิดดูสิว่า ลูกค้าจะไหลมาเทมาได้มากขนาดไหน

โอ้ว...แค่นึกภาพก็เห็นหนทางกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าอยู่ตรงหน้ารำไรแล้ว


“ถ่ายให้สวย ๆ ล่ะ คุณลูกแม่เดือน”

เจ้าของร้านขายขนมร้องบอกหนุ่มมาดเซอร์ซึ่งไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ
ทำแค่เพียงถือกล้องเดินเข้าไปสำรวจน้องหงส์ขนมไทยด้วยสีหน้าแววตาเคร่งเครียด


หึ เป็นไงล่ะ
เห็นฝีมือกูแล้วอึ้งไปเลยอ่ะดิ
กูก็มีสมองมีไอเดียเหมือนกันโว้ยยย
คิดว่ามึงทำได้คนเดียวหรือไง
บอกแล้วว่าอย่าให้ถึงทีกูบ้าง
เจอเข้าไปแล้วจะหนาว หึๆๆๆ

เสียงถ่ายรูปยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องอีกหลายสิบภาพ
โดยมีตากล้องจำเป็นขยับเปลี่ยนมุมนู้นมุมนี้จนทั่ว
กระทั่งหนุ่มเซอร์ลดมือลงแล้วหันมาร้องบอกคนที่มองอยู่ห่าง ๆ

“ร้านคุณมีขนมอะไรแนะนำเป็นพิเศษมั้ย
ผมอยากจะถ่ายเดี่ยว ๆ
ช่วยจัดมาให้หน่อย”

ได้คร้าบบบ........
ทียังงี้ล่ะทำเป็นสั่งเสียงจริงจัง
แต่เพื่ออนาคตอันรุ่งเรื่องของร้าน
เขายินดีจัดให้อยู่แล้ว

เจ้าของร้านขนมไทยเดินกลับเข้าไปที่ร้าน
หยิบเอาขนมชั้นดอกกุหลาบสินค้าขายดี
รองลงมาก็เป็นลูกชุบ แล้วก็พวกตะโก้ กับขนมอบทั้งหลาย
มาวางเรียงจัดคอมโพสิชั่นให้อย่างเรียบร้อย
ซึ่งตากล้องก็ทำหน้าที่กดชัตเตอร์อย่างนิ่งเงียบ
โดยไม่ปริปากพูดใด ๆ ผิดวิสัยคนช่างกวนแบบที่ทำเป็นประจำ

ใช้เวลาเพียงไม่นาน
กระบวนการถ่ายรูปสินค้าต่าง ๆ ก็จบลง
แต่ทว่า ช่างกล้องก็ยังคงไม่ยอมหยุดทำหน้าที่กลับเอ่ยคำสั่งขึ้นมาอีกครั้ง

“ไหนคุณลองเข้าไปยืนขายอยู่หน้าร้านสิ”

คนได้ยินสะดุ้ง ร้องถามขึ้นอย่างงง ๆ

“ห่ะ ผมต้องถ่ายด้วยหรอ”

“แล้วจะให้ร้านมันตั้งอยู่เฉย ๆ โดยไม่มีคนขายรึไง”

คำอธิบายกึ่งประชดทำให้คนฟังอารมณ์ขุ่น
มันก็จริงอยู่หรอก
จะปล่อยให้ร้านโล่ง ๆ ว่าง ๆ มันก็ดูใช่ที
เอาวะ เข้าไปก็ได้ ตั้งท่าถ่ายแป๊บ ๆ ก็เสร็จแล้ว

หนุ่มแว่นเดินฉับ ๆ กลับไปยืนอยู่หลังแผง
หน้านิ่งมองกล้องอย่างเกร็ง ๆ จนคนที่ตั้งท่าถ่ายต้องเอ่ยสั่งอีกรอบ

“ยิ้มหน่อยสิ”

โว๊ะ เรื่องมากจริง
นึกบ่นหงุดหงิดในใจ แต่ปากก็บรรจงฉีกยิ้มกว้าง
ด้วยรอยยิ้มการค้าอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ทว่าดูเหมือนการกระทำเช่นนี้จะยังคงไม่เป็นที่น่าพอใจของใครบางคน
เพราะเขายังได้ยินเสียงพูดย้ำ

“ผมบอกให้ยิ้มไง ไม่ได้ยินเหรอ”

เอ้า คิดว่ากูร้องไห้อยู่รึไงวะ
ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
ยังเสือกบอกให้ยิ้มอีก
อะไรของมัน จะกวนกันอีกแล้วใช่มั้ย

“ก็ยิ้มอยู่นี่ไง ตาบอดเหรอวะ”

“ยิ้มตรงไหน
แค่ยิ้มที่ปาก แต่ตาไม่ยิ้มด้วยน่ะ
เขาไม่เรียกว่า ‘ยิ้ม’ จริง ๆ หรอก”

เอ๊ะ ไอ้นี่ เสือกมียอกย้อน
ถ้าปากฉีกยิ้มจะมองยังไงมันก็คือยิ้มอยู่ดี
มึงดูออกด้วยเหรอว่าตากูรู้สึกยังไง
มึงมีพลังจิตเห็นในใจกูด้วยว่างั้น

“อะไร คุณรู้ได้ไงว่าตาผมไม่ยิ้ม”

คำถามน้ำเสียงหงุดหงิดที่ได้ยิน
ทำให้หนุ่มติสต์ละสายตาออกจากช่องมองภาพ
เงยหน้าขึ้นตอบคนช่างสงสัย

“ทำไมผมจะไม่รู้
กล้องมันไม่เคยโกหกหรอกนะคุณ
ยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจแป๊บเดียวก็ดูออกแล้ว
หรือว่าคุณยิ้มไม่เป็นรึไง”

ถ้อยคำดูถูกปนถากถางเรียกความโมโหของคนไม่ยอมแพ้ให้พุ่งปรี๊ด

“ทำไมจะยิ้มไม่ได้
นี่ไง ยิ้มแล้วเห็นมั้ย”

กระแทกเสียงตอบกลับไปพลางยิ้มกว้างไปพลาง
ท่าทีแบบนั้นยิ่งทำให้ภาพออกมาดูตลกกว่าเดิมเสียอีก
จนทำให้ช่างกล้องอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ

“เฮ้อ....เอางี้.....
คุณลองนึกถึงเรื่องสนุก ๆ อะไรก็ได้
เรื่องที่ทำให้มีความสุข เรื่องที่ทำให้คุณหัวเราะพอมีบ้างมั้ย”

คนฟังชะงักกึก
ในหัวทบทวนถึงคำแนะนำ


เรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้หัวเราะ
เรื่องที่มีความสุข


เรื่อง....

เรื่องไหน...


เรื่องอะไรล่ะ...


...นึกไม่ออก


มันเคยมีอยู่ด้วยเหรอ.......



เจ้าของร้านขนมไทยนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน
กระทั่งคนที่รออยู่มองด้วยความรำคาญใจ

เออ ไอ้ลูกแม่พลอยนี่ยังไง
บอกให้ยิ้มแต่ทำไมดันทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น
เข้าใจคำสั่งรึเปล่าเนี่ย
เรื่องอื่นน่ะเขาทำเป็นเล่นได้
ยกเว้นเรื่องงานที่ได้รับมา
เขาจะไม่มีวันทำส่ง ๆ ไปเด็ดขาด
ถึงได้ตั้งสมาธิถ่ายรูปออกมาอย่างเต็มที่
ตั้งใจให้ออกมาดีแท้ ๆ แต่พ่อค้าดันมาทำหน้าเศร้าแบบนี้
ยังไงเขาก็ปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้หรอก


“งั้นไม่ต้องยิ้มแล้ว
หน้าเฉย ๆ นั้นแหละ
ผมจะไม่โฟกัสไปที่คุณล่ะกัน”

ประโยคตัดสินใจที่ได้ยินทำเอาคนจมดิ่งในห้วงความคิดได้สติ
รีบร้องโวยวายท้วงสิทธิ์เสียงดังลั่น

“เฮ้ย!! ทำแบบนี้ได้ไงวะ”


แชะ


“พอทีหน้าบึ้งล่ะก็ทำได้เร็วเชียว
ออกมาจากข้างในจริง ๆ แบบไม่ฝืนเลยนะ”

เสียงลั่นชัตเตอร์พร้อมกับคำเอ่ยแซวยิ่งทำให้คนฟังหน้าหงิกเข้าไปอีก
แต่ร่างสูงกลับไม่สนใจทำแค่เพียงกดปิดสวิสต์แล้วหยิบกระเป๋ากล้องสะพายพาดบ่า

“งั้นวันนี้พอแค่นี้”

ท่าทีเก็บของเหมือนเตรียมตัวจะกลับ
ทำให้เจ้าของร้านขนมไทยต้องร้องโวยวายออกมาอีกรอบ

“อะไรวะ นึกจะทิ้งก็ทิ้งง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรอ
อุตส่าห์เสียเวลาจัดตั้งนาน
แล้วรูปที่ถ่ายไปจะใช้ได้จริง ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้”

“ไม่ต้องห่วงหรอก
ผมรับประกันงานของผมทุกชิ้น
ไว้เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

หนุ่มมาดเซอร์ขยับยิ้มเรื่อย ๆ ตามสไตล์
ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่แผงขายเบเกอรี่ของตน
ปล่อยให้คนอารมณ์ขุ่นนึกคับแค้นในใจอย่างหงุดหงิด


แม่ง มันตั้งใจจะหาเรื่องชัด ๆ
พูดมาได้ยังไงว่ายิ้มไม่เป็น
ก็ยิ้มแบบนี้ตั้งนานแล้ว
ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร
ทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัว....


....ครอบครัว?


จะเรียกแบบนั้นได้รึเปล่านะ

ไอ้ครอบครัวที่อยู่กันเป็นตระกูลใหญ่
กับบรรดาลุง ๆ แล้วก็อาสะใภ้อีกสี่คน
ยังไม่นับลูกพี่ลูกน้องมากมายอีกตั้งแปดหนอ

แม่เขาเป็นสะใภ้คนสุดท้าย
แต่งเข้ามาก็ต้องมาคอยรับใช้บรรดาญาติ ๆ ฝ่ายพ่อ
เริ่มแรกก็พอจะอยู่กันได้อย่างดิบดี
แต่พอพ่อที่เป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูลต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
โดยทิ้งเขาที่อายุแค่สิบขวบกับแม่เอาไว้
ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไป

ตระกูลใหญ่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลดัง ๆ สามสี่แห่งแล้วไง
มีเงินร่ำรวยมหาศาล พออยู่สบายไปทั้งชาติแล้วจะช่วยอะไร
ในเมื่อญาติพี่น้องทั้งตระกูลคอยเอาแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นขัดแข้งขัดขากันเอง
มิหนำซ้ำยังถ่ายทอดให้ลูกหลานจ้องแต่จะเอาชนะกันด้วย

แข่งกันเรียนเพื่อให้เป็นที่หนึ่ง
แต่ละคนจบหมอจากมหาลัยชั้นนำของประเทศ
เพื่อประโยชน์ของวงศ์ตระกูลให้สมกับเป็นเจ้าของโรงพยาบาล
เขาเองก็จบหมอเหมือนกัน
แต่เป็นหมอรักษา ‘โลก’ ไม่ใช่ ‘โรค’

เรียนคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์มันผิดตรงไหน
ไม่รู้หรือไงว่าโลกกำลังร้อนขึ้น รูโอโซนกำลังขยายกว้าง
ธรรมชาติก็สำคัญไม่แพ้ชีวิตมนุษย์เหมือนกัน
ทำไมถึงไม่เห็นคุณค่าของมันบ้าง

แต่ถึงจะเรียนเก่งจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งได้คะแนนสูงเท่าไร
ทำตัวดี พูดจาสุภาพ เป็นเด็กเรียบร้อยอ้อนน้อมมากแค่ไหน
ก็ดูเหมือนไม่เคยจะพอ
แม้แม่จะคอยช่วยเป็นกำลังใจและสนับสนุนอยู่ไม่ขาด
แต่คนคนเดียวหรือจะสู้แรงกดดันจากคนอีกนับสิบที่คอยดูถูกถากถาง

ท้ายที่สุด ทุกสิ่งก็ระเบิดออก
เขาทนเสแสร้งเหมือนว่าตัวเองมีความสุขไม่ไหวอีกต่อไป

พอร่ำเรียนจบเขาก็รีบเก็บข้าวของพาแม่ออกมาจากบ้าน
ไม่อยากอยู่เป็นภาระให้ใครมาดูถูกอีก
แต่เขารู้ดีว่าสายที่ตัวเองเรียนจบมาหางานทำยากมากแค่ไหน
ลงท้ายก็เลยกลับมาบ้านเกิดแม่
ตั้งร้านเล็ก ๆ คูหาเดียวทำขนมไทยรสมือแม่ออกขาย
พออยู่พอกินมาได้ปีหนึ่งแล้ว

จนเทศบาลจัดถนนคนเดินขึ้นมานั้นแหละ
เขาเลยเห็นลู่ทางตั้งใจกอบโกยเงินเยอะ ๆ เพื่อเลี้ยงดูแม่ให้สุขสบาย
แต่ก็เหมือนมีมารมาผจญ
ปกติเขาเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ
ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะกับใครก่อน
ยกเว้นแต่กับคนที่ไม่ถูกชะตาจริง ๆ เท่านั้นซึ่งนาน ๆ ทีจะเจอสักหน

ก็มีมันเนี่ยแหละ
เขม่นหน้ากันตั้งแต่วันแรก
กวนมาก็กวนตอบ
แสดงอารมณ์ตรง ๆ ออกมาในแบบที่ใจคิด

น่าแปลกเหมือนกัน
ทั้ง ๆ ที่เกลียดขี้หน้ามันขนาดนั้นแท้ ๆ
แต่มันเป็นคนแรกที่เขาไม่เคยปิดบังความรู้สึกใด ๆ ไว้ได้เลย
โกรธก็คือโกรธ
โมโห หงุดหงิด โวยวาย แสดงกันให้เห็นชัด  ๆ
โดยไม่ต้องสวมหน้ากากใด ๆ เข้าใส่
แม้ว่าจะยิ้มออกมาอย่างฝืนใจ
มันก็ยังดูออก.....

หรือมันจะเข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง
มันมองทะลุมาถึงความคิดข้างในใจได้จริง ๆ เหรอ

แล้วที่บอกให้ยิ้มทั้งปากทั้งตา
คือยิ้มแบบไหนกัน

ก็นี่ไง แค่ยิ้มเฉย ๆ ยิ้มที่บอกว่าสบายดี
ยิ้มที่บอกกับคนอื่นว่าไม่เป็นไร


เขาไม่เป็นไร....


แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันถึงว่างโหว่งขนาดนี้


ต้องทำยังไง ไอ้ลูกแม่เดือน
ถ้ารู้ก็ช่วยบอกหน่อยสิว่าต้องทำยังไง


เพราะตอนนี้ เขาทำไม่ได้....


ให้ ‘ยิ้มออกมาจากหัวใจ’

ยังไงเขาก็ทำไม่ได้เลยจริง ๆ



------------------------------------------------------------------------------------------------------------


TBC



เอาขนมมาฝากลบรอยดราม่าเล็ก ๆ ให้หัวใจมีรสขม
ฝีมือถ่ายรูปของลูกแม่เดือนจ้า
Cr. Google




ส่วนหนึ่งของน้องหงส์ขนมไทย




ลูกชุบสีสวย ๆ



แวะหยิบชิมสักคำระหว่างรอชิ้นต่อไปนะคะ

 :L2:

BitterSweet


ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
น่ากินทั้งนั้นเลย
ต้องไปหาซื้อ
มากินสักหน่อยแล้ว :z2:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โถโถโถ มามะมาให้เจ้ซับน้ำตา :monkeysad:

ลูกชุบน่ากินดีแท้ ><

biwtiz

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เบื้องหลังลูกแม่พลอยเศร้าจัง

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ดรามากรุากริบนะเนี่ย

เฮ้ออออ ชีวิตเราบางทีมันก็ไม่ง่ายอาจจะยุ่งยากไปบ้าง แต่เราต้องมีความสุขกับมันให้ได้

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ลูกแม่เดือนนี่แหละที่จะทำให้ลูกแม่พลอยยิ้มทั้งตาทั้งใจ
เราก็รอวันนั้นอยู่นะ :yeb:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
น่าสงสารอะ
สงสัยต้องมีความรักกับช่างภาพก่อนจะได้สอนวิธียิ้มจากใจซะแล้ว
 o13 o13 o13


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ดราม่าเล็กๆ อย่ามากนะคะ 555

รอคำต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ลูกแม่เดือนต้องทำให้ลูกแม่พลอยยิ้มให้ได้นะ

 :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ตามอ่านทันแล้วววว
น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ หนุ่ม ๆ กับขนมเนี่ยน่าร้ากกกกกกก ชอบมาก ๆ เลย

ขำมากตอนที่นายเอกเธอแอบกินขนมปังอีกร้าน แล้วโดนจับได้ หลุดหัวเราะออกมาเลยค่ะ แหม..น่ารักจริง!
ถ้าลำบากนักก็รวมร้านกันไปเลย ช่วยกันทำมาหากินกิจการรุ่งเรือง แอร๊ยย >w<

รอติดตามนะคะ ^o^

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต


ชิ้นที่ 6


ฝนตก

ซวยจริง ๆ ให้ตายเหอะ
ทำไมถึงต้องมาตกเอาตอนนี้วะ
เพิ่งจะสามทุ่มเองแท้ ๆ อุตส่าห์หอบขนมมาตั้งเยอะขายได้ไม่หมดพอดี


หนุ่มแว่นเจ้าของร้านขนมไทยรีบโกยขนมสารพัดชนิดที่วางบนโต๊ะแพ็คเก็บลงกล่อง
แน่นอนว่าน้องหงส์ขนมไทยของเขา
แปรสภาพเป็นน้องหงส์ฟ้าลอยขึ้นสวรรค์ไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่จัดเสร็จแล้ว
เหลือแต่เศษซากของต้นกล้วยและโครงลวดที่ทำให้เขาต้องหอบหิ้วของพลุงพลัง
เตรียมวิ่งกลับไปยังรถมอเตอร์ไซต์ของตนซึ่งจอดทิ้งไว้ในซอยหน้าตลาด

แต่อนิจจา วิ่งไปได้แค่ครึ่งทาง
ฝนห่าใหญ่ก็ทวีความหนักหน่วงซัดกระหน่ำไม่หยุด

ดวงตากลมมองผ่านเลนส์แว่นที่เริ่มมีหยดน้ำฝนเกาะจนมัว
เหลือบเห็นศาลาที่พักซึ่งมีคนยืนอออยู่จำนวนหนึ่ง
เขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหลบฝนก่อนตัวเองจะเปียกโชกไปทั้งร่าง
ทว่าทันทีเท้าเหยียบลงบนศาลา
เสียงเรียกจากทิศทางที่เพิ่งวิ่งผ่านมาก็ดังลั่นขึ้น


“เฮ้!! คุณ!

วู้ววว!!  คุณลูกแม่พลอยยยย

เดี๋ยวก่อน คุณลืมของไว้ ได้ยินม้ายยย!!!

ลูกแม่พลอยยยยย!!!!”


...เออ กูได้ยินแล้ว
คนทั้งศาลาที่อยู่นี่ก็ได้ยินด้วย
อายเลยมั้ยกู... อายเลยมั้ย...
เรียกมาได้ยังไงลูกแม่พลอย
ดูสิ คนเขายิ้มขำกันหมดแล้ว
มึงจะบ้ารึเปล่าวะ
จะตะโกนเรียกอะไรก็หัดดูกาละเทศะซะบ้างสิโว้ยยย!!


เจ้าของร้านขนมไทยมองคนเพียงคนเดียวที่กล้าเรียกชื่อของตนแบบนี้อย่างนึกเคือง
แต่หนุ่มเซอร์ที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาบนศาลาด้วยสภาพเปียกปอน
พร้อมกับหิ้วของมาเต็มสองมือกลับยื่นสิ่ง ๆ หนึ่งมาตรงหน้า


“เอ้านี่ คุณลืมผ้าเช็ดโต๊ะไว้”


...โอ้โห แค่ผ้าเช็ดโต๊ะ
เรียกเสียงดังไปทั้งซอยอย่างกับลืมทองไว้สามบาท
แค่นี้ปล่อยมันไว้อย่างนั้นก็ได้
เดี๋ยวกูวิ่งกลับไปเอาเอง
จะมาร้องเรียกชื่อประหลาด ๆ ให้ขายขี้หน้าคนอื่นทำไม
ภาพพจน์กูเสียหายป่นปี้หมดเข้าพอดี

ทว่าคนที่ลืมของก็ยังยื่นมือออกไปรับ
แต่ยังไม่วายกระแทกเสียงกลับพร้อมคำบ่นด้วยความหงุดหงิด

“ขอบคุณ แล้วก็ช่วยเลิกเรียกผมว่าลูกแม่พลอยได้แล้ว”

“งั้นคุณชื่ออะไรล่ะ”

หนุ่มเซอร์เสยผมที่ลู่เปียกน้ำ พลางขมวดคิ้วถาม

...คราวที่แล้วถามดี ๆ ไปก็ไม่ยอมบอก
ทียังงี้มาทำหน้าบึ้งใส่
ใช่ความผิดเขารึไงกัน

ไหนชื่ออะไร
คุณลูกแม่พลอย
หวงหนักหวงหนา
ลองบอกชื่อมาชัด ๆ สิ


ร่างสูงมองหนุ่มแว่นที่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างเสียมิได้
ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยถ้อยคำผ่านริมฝีปาก


“สาลี่” 


ชื่อที่ได้ยินทำให้คนฟังต้องหันกลับไปมองพิจารณาคู่สนทนาใหม่ชัด ๆ
พลางเอ่ยถามย้ำด้วยน้ำเสียงระคนแปลกใจ

“ห่ะ อะไรนะ ‘สาลี่’ ชื่ออย่างกับผู้หญิง”

เจ้าของชื่อหันขวับจ้องคนพูดตาขวางโวยวายขึ้นทันควัน

“มันเป็นชื่อขนมต่างหากโว้ย
แม่บอกว่าตอนแพ้ท้องอยากกินมาก
ต้องให้พ่อดั้นด้นซื้อมาจากสุพรรณนู้นเพราะสมัยก่อนไม่ค่อยมีขาย
พอผมเกิด แม่ก็เลยตั้งชื่อผมว่า ‘สาลี่’
แต่คนอื่นๆ เรียกผมว่า ‘สา’ เฉยๆ”

คำอธิบายยาวเหยียดทำให้คนฟังพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเข้าใจที่มาที่ไป
ก่อนจะได้ยินประโยคย้อนถามกลับ

“แล้วคุณล่ะ?”


“ผมชื่อ นักรบ”


คราวนี้เป็นที่ของหนุ่มแว่นที่ก้มมองเจ้าของชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาพิจารณา
ก่อนจะพูดย้ำขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจเลียนแบบเขา

“นักรบ เนี่ยนะ
ดูสภาพคุณแล้วไม่เห็นเข้ากันกับชื่อเลย”

ร่างสูงไม่ได้ร้องโวยวายเถียงกลับ
เพียงแค่ทอดสายตามองผ่านม่านน้ำฝน
พลางเล่าขยายความเป็นมาของชื่อตัวเอง

“ชื่อนี้พ่อผมเป็นคนตั้งให้ เขาเป็นทหารประจำการอยู่แถวภาคใต้
เคยหวังว่าจะให้ผมเป็นทหารเหมือนกัน
แต่ผมไม่ยอม ทะเลาะกันเกือบบ้านแตก
สุดท้ายแม่ก็เลยมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ผมได้เรียนถ่ายรูป

ผมก็ตั้งใจเรียนให้ได้ดีน่ะ
เพราะอยากให้พ่อเห็นว่าศิลปะมันไม่ได้แย่อะไร
แต่พ่อดันมาเสียซะก่อนวันรับปริญญาผมแค่สองวันเอง
ก็โดนซุ่มวางระเบิดนั้นแหละ

แม่กับผมเลยขอกลับมาอยู่ที่นี่ ที่บ้านเกิดแม่
มาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่
อาศัยว่าแม่เคยทำพวกเบเกอรี่ขายอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
ผมก็เป็นลูกมือช่วยทำบ้าง
นี่ก็คิดว่าจะเปิดร้านขายให้เป็นที่เป็นทางสักที
ฝากขนมให้ร้านอื่นขายบ่อย ๆ ก็เกรงใจเขา”


เรื่องราวมากมายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินทยอยเข้าผ่านหู
และดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าของร้านขนมไทยยืนฟังนิ่ง ๆ
โดยไม่มีคำบ่นประชดหรือด่าเหน็บคืนอะไร

...ก็เล่นพูดมาซะขนาดนี้ ใครจะไปทำกันลง
เห็นมันทำตัวติสต์ ๆ เหมือนคนไม่เอาถ่าน
แต่ความจริงชีวิตของมันก็ผ่านอะไร ๆ มามากเหมือนกัน
คนเราจะตัดสินกันจากลักษณะภายนอกไม่ได้จริง ๆ ด้วย

อยากจะพูดให้กำลังใจมันไปสักคำ
แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
มันเองก็ไม่มีท่าทีเรียกร้องความสงสารหรือเห็นใจอะไรด้วย
เหมือนกับแค่เล่าประวัติชีวิตให้ฟังเรื่อย ๆ มากกว่า


เขาจึงตัดสินใจยืนเงียบ ๆ อยู่แบบนั้น
ปล่อยให้เสียงเม็ดฝนกระทบพื้นแทนคำตอบ

ทว่า แม้เวลาจะผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ฝนก็ยังคงตกต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนแรงเลยสักนิด


...ยืนตัวเปียก ๆ แบบนี้ก็ชักหนาว
แถมยังห่วงข้าวของที่โดนฝนอีกด้วย
ความจริงร้านขนมไทยของเขาอยู่ในย่านตลาดเก่า
เดินจากนี้ไปสักสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว
ปกติเขาเอาขนมใส่กล่องแล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์มา
เพราะว่าถ้าขับรถใหญ่มันจะยิ่งหาที่จอดรถในซอยแคบ ๆ ยาก

ใจจริงก็อยากจะทิ้งมอเตอร์ไซต์แล้วเดินเลาะกลับบ้าน
แต่ว่าวันนี้ดันมาสร้างน้องหงส์ขนมไทยเลยทำให้มีอุปกรณ์ต้องขนกลับเยอะเป็นพิเศษ
จะให้เดินหลบฝนไปแบกไป สงสัยจะไม่ไหว
คงต้องรอฝนซาลงอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งก็ดูท่าจะอีกนาน
แบบนี้ เขาโทรไปบอกแม่ไว้ก่อนดีมั้ยนะ

คิดพลางเอื้อมมือล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์
แต่นิ้วยังไม่ทันได้กดปุ่ม เสียงจากคนข้างตัวก็ดังขึ้น

“รถผมจอดอยู่แถวนี้ ถ้าเดินเลาะไปตามตึกก็ไม่ไกลเท่าไร
คุณจะไปด้วยกันมั้ย เดี๋ยวผมขับไปส่ง”


...หืม เมื่อกี๊ไอ้ลูกแม่เดือนมันบอกว่าจะไปส่งให้เหรอ
แปลกว่ะ อยู่ดี ๆ ก็ดันมีน้ำใจขึ้นมาซะงั้น
แต่ถ้าให้รออยู่อย่างนี้ก็ไม่รู้นานแค่ไหนจะได้กลับ
สามทุ่มครึ่งแล้วเดี๋ยวต้องกลับไปเตรียมของที่จะทำขายวันพรุ่งนี้อีก
ถ้าทำไม่ทันขึ้นมาล่ะก็แย่แน่


เอาวะ!  ...ไปก็ไป


เขาพยักหน้าตอบแสดงความตกลง
ทำให้ร่างสูงเริ่มหิ้วของขึ้นมาถือไว้
ก่อนจะเดินนำหน้าลัดเลาะหลบฝนผ่านกันสาดตัวตึกไป
โดยมีหนุ่มแว่นคอยตามอยู่ห่าง ๆ
กระทั่งผ่านไปแค่เพียงสองช่วงตึก
เขาก็เห็นรถโฟล์กเต่าสีเหลืองสภาพเหมือนผ่านการใช้มานานจอดนิ่งอยู่ในความมืดสลัว

นักรบรีบไขกุญแจเปิดประตูพลางยัดข้าวของใส่เบาะหลัง
แล้วทั้งสองจึงรีบมุดตัวเองเข้าสู่รถก่อนปิดประตูลง
ไม่นานรถเต่าสีเหลืองก็ขับแล่นอ้อมออกถนนใหญ่ด้านหน้าตลาด
ก่อนจะวนเข้ามาในซอยเล็ก ๆ อีกทีตามคำบอกของคนร่วมทาง
และแล้วไฟหน้ารถก็มาหยุดลงตรงตึกแถวหลังหนึ่ง

สาลี่หอบของมากมายไว้เต็มสองมือ
โดยมีคนขับช่วยยกกล่องขนมออกมาด้วย
ก่อนเจ้าตัวจะเอื้อมมือเคาะประตูบานพับแบบจีนพร้อมส่งเสียงเรียก

“แม่ครับ สากลับมาแล้วครับ”

เขาได้ยินเสียงกุกกักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนประตูจะเลื่อนเปิดออก
หญิงสาววัยเกือบห้าสิบ ท่าทางใจดียืนยิ้มต้อนรับ
แม้วัยจะร่วงโรยไปแต่ผมดำขลับที่มวยขึ้นเก็บไว้
ก็ยังเผยกรอบหน้าเค้าความสวยหวานอย่างเห็นได้ชัด
และนักรบก็เดาได้ไม่ยากว่า
ดวงตากลมโตของคนที่กัดกันเป็นประจำนั้นได้มาจากใคร

“กลับมาแล้วเหรอลูก
ฝนตกหนักขนาดนี้แม่นึกเป็นห่วงอยู่เชียว
อ้าว มีเพื่อนมาด้วยเหรอจ๊ะ”

เสียงอ่อนโยนเอ่ยถามอย่างห่วงใยก่อนจะเปลี่ยนเป็นแปลกใจ
เมื่อเห็นร่างสูงของใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย

“ครับแม่ นี่เพื่อนสา ชื่อ นักรบ ครับ”

คนถูกเรียกชื่อรีบยกมือไหว้พร้อมเอ่ยคำแนะนำตัวอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับคุณแม่ เรียกผม ‘รบ’ ก็ได้ครับ
ตะโก้ฝีมือคุณแม่พลอยอร่อยมากเลยครับ
ผมชอบทาน ที่ไหนก็สู้ที่นี่ไม่ได้เลย”

เป็นความจริงที่ว่าคำชมมักได้ผลเสมอในการเริ่มต้นมิตรภาพ
เพราะเพียงแค่คนฟังได้ยินเท่านั้นเจ้าหล่อนก็ยิ้มแย้มอย่างยินดี

“จริงเหรอจ้ะ
ถ้าชอบก็เอากลับไปทานเยอะ ๆ สิลูก
แม่มีขนมอีกตั้งหลายอย่าง
นี่ก็เพิ่งอุ่นกล้วยบวชชีเสร็จ
มากินด้วยกันก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปตักให้”

“จะดีเหรอครับ”

นักรบพูดเลี่ยง ๆ ส่วนหนึ่งเพราะด้วยเกรงใจ
แต่อีกส่วนก็เพราะคนข้าง ๆ กำลังถลึงตามอง
ปล่อยรังสีอาฆาตเข้าทิ่มแทงเหมือนจะบอกให้รู้ว่า ‘อย่าได้คิด’

ทว่า ผู้เป็นแม่กลับไม่รับรู้ถึงสายตามาดร้ายใด ๆ ของลูกชาย
มิหนำซ้ำยังคงเร่งคำชวนยกใหญ่

“ดีสิจ้ะ น้องสาไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร
นาน ๆ ทีมีเพื่อนมาหาบ้าง แม่เองก็ดีใจ”

แค่ได้ยินคำท้ายประโยคนักรบก็แทบจะกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไม่อยู่

‘น้องสา ไม่ค่อยมีเพื่อน’ เหรอ

เห็นแบบนี้ก็ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

ชายหนุ่มจึงขยับปากตอบตกลงโดยอัตโนมัติ

“งั้นผมไม่เกรงใจนะครับ”


...อ้าวเฮ้ย!!  ได้ไงวะ!!

หนุ่มแว่นร้องโวยวายอยู่ในใจ
เมื่อศัตรูคู่แค้นเดินทอดรองเท้าเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย
แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่กล้าขัดใจแม่
อีกอย่างมันก็อุตส่าห์ขับรถมาส่งด้วย
หึ จะปล่อยให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็ได้
แต่คราวหน้าอย่าได้หวัง
 
สาลี่จึงเดินตามคนที่กำลังใช้สายตาสำรวจภายในร้านอย่างสนอกสนใจ
ด้านหน้าร้านหวานละไมของเขาถูกจัดให้เป็นแผงสำหรับวางขนมไทยที่ต้องทำวันต่อวัน
ส่วนด้านในจะเป็นชั้นวางขนมอบใส่ถุงต่าง ๆ ซึ่งทำเก็บไว้ได้นาน ๆ
ถัดไปจากนั้นจึงเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้เข้าชุดไว้สำหรับนั่งรอลูกค้าเวลาเฝ้าร้าน
ทั้งสองคนจึงหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้นั้น
ก่อนที่กล้วยบวชชีอุ่น ๆ หอม ๆ จะถูกจัดเสิร์ฟพร้อมกับเสียงคะยั้นคะยอของคนทำ

“ทานเยอะ ๆ นะลูก
เมื่อเช้าแม่ทำมาหม้อใหญ่ตั้งใจจะทำบุญเลี้ยงพระ
ขนาดแจกคนอื่นไปเยอะแล้วนะ แต่ก็ยังเหลือกลับมาอยู่เกือบค่อนหม้อ
กลุ้มใจอยู่เชียวเพราะแม่กับน้องสาสองคนคงทานไม่ไหว”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมทานเก่ง
แถมอร่อยแบบนี้ รับรองไม่เหลือแน่ครับ”

นักรบรีบเอ่ยชมทันทีที่ตักคำแรกเข้าปาก

ปกติเขาเฉย ๆ กับขนมไทย ไม่ค่อยจะได้กินเสียด้วยซ้ำ
เพราะว่าบางทีมันก็หวานแสบคอจนเกินไป ไม่หอมนุ่มเหมือนพวกขนมเค้ก
แต่พอเจอรสชาติฝีมือแม่พลอยเข้าไปก็ต้องทำให้รีบเปลี่ยนความคิดใหม่

แม่พลอยทำขนมอร่อย แถมใจดีด้วย
ไม่เห็นเหมือนลูกชาย รายนั้นตั้งท่าจะกัดเขาทุกวัน

แต่เอ๊ะ...
ตั้งแต่นั่งอยู่ในร้านก็ยังไม่เห็นมันแขวะเขาสักคำ
ก้มหน้าก้มตาตักกล้วยบวชชีเข้าปากอยู่เงียบ ๆ อย่างนั้น
ปล่อยให้แม่พูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนมอยู่ฝ่ายเดียว

“แหม ปากหวานจริง ๆ สาลี่มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ แม่ค่อยเบาใจหน่อย
ปกติอยู่กับแม่ น้องสาเขาจะเงียบ ๆ เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด
แม่ก็กลัวเขาจะเหงา
ถ้ายังไง แม่ฝากให้น้องรบเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยกับสาลี่ด้วยนะลูก”

ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอาคนฟังเผลอจ้องมองเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ซึ่งขยับมือคนน้ำกะทิในถ้วยไปมาแม้กล้วยจะหมดไม่เหลือแล้วก็ตาม
แต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่ยอมละสายตาออกจากถ้วยขนมตรงหน้าเสียที


อ๋อ....

อย่างนี้นี่เองสินะ...


“ได้ครับแม่ ผมจะคอยดูแลไม่ให้คลาดสายตาเองครับ”

นักรบพูดยืนยันหนักแน่น ส่งผลให้คนแสร้งทำเป็นเมินต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง
ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นประสานสายตาเข้ากับดวงตาของเขาที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว
ทำเอาคนเผลอตัวต้องรีบหลบวูบก้มลงไปให้ความสนใจกับถ้วยขนมเหมือนเดิม

“จริงสิ นี่เปียกฝนกันมาทั้งคู่ใช่มั้ยเนี่ย
แม่เองก็ลืมไปเลยมัวคุยซะเพลิน
เดี๋ยวแม่ไปเอาผ้าขนหนูมาให้เช็ดตัวก่อนนะ”

เสียงแม่พลอยร้องบอกเมื่อนึกขึ้นได้เพราะเห็นเสื้อผ้าที่ยังชื้น ๆ ของแขกผู้มาเยือน
ร่างบางกำลังจะลุกแต่ลูกชายก็เอ่ยรั้งไว้

“สาไปเองก็ได้ครับแม่”

“เราน่ะอยู่คุยกับเพื่อนไปเถอะจ๊ะ”

คำปฏิเสธที่อีกคนไม่กล้าขัดทำให้เจ้าตัวต้องนั่งลงเงียบ ๆ ตามเดิม
ปล่อยให้ผู้เป็นแม่เดินขึ้นไปเอาของชั้นบน
โดยทิ้งลูกชายไว้กับเพื่อนที่มีฐานะเดียวกับศัตรูคู่อาฆาต
ซึ่งทันทีที่เหลือกันเพียงสองคน
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็เริ่มออกลาย


“น้องสาเรียบร้อย เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด
เอ๊ะ...ใครกันน้า~
คุณลูกแม่พลอยรู้จักบ้างมั้ย”

คนโดนแหย่ถลึงตามอง
เมื่อไร้เหงาของบุพการี
อาการต่าง ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ก็ถูกระบายออกมาเป็นน้ำเสียงกระแทกตอบกลับ

“กินเสร็จก็รีบกลับไปได้แล้ว ความเกรงใจน่ะรู้จักบ้างมั้ย!!”
 

หึหึ นี่เลยตัวจริง
น้องแว่นตาขวาง เสียงดุ
ลูกแม่พลอยของแท้

เขาพอจะรู้ว่ามันตีสองหน้าได้แนบเนียน
แต่ก็นึกว่าเป็นเฉพาะเวลาขายของ
เพราะต้องยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับลูกค้าอยู่แล้ว
แต่กับที่บ้านก็ยังคงเป็นแบบนี้
ไม่รู้ว่าคิดยังไงของมัน


“ทำแบบนี้ไม่อึดอัดเหรอ”

“ห่ะ พูดเรื่องอะไร”

คนถูกถามขมวดคิ้วงง
ในใจยังคงนึกหงุดหงิดที่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เอ่ยถึงสิ่งที่จับต้นชนปลายไม่ได้

ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ วางช้อนตักขนมลง
แล้วเปลี่ยนมาพูดขยายความด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ขนาดอยู่บ้านก็ยังไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไง”


คนฟังนิ่งอึ้งในประโยคที่ไม่เคยคิดว่าใครบางคนจะกล้าถามออกมา


....ใครบางคนที่เพิ่งเจอกันได้อาทิตย์เดียว

แต่กลับมองทะลุถึงส่วนที่ ‘อ่อนไหว’ ที่สุดของหัวใจ


...มันรู้ได้ยังไง

มันรู้ได้ยังไงว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือแบบไหน
ถึงได้กล้ามาพูดอะไรพล่อย ๆ แบบนี้

จะเสแสร้งทำตัวเป็นเด็กดีมันผิดตรงไหน
ปั้นหน้าหัวเราะเพื่อให้คนรอบข้างมีความสุข
ก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่หรือไง

แล้วมันอะไรกัน
อยู่ ๆ ก็มาถามว่ารู้สึกอึดอัดมั้ย

พูดออกมาได้ยังไง


มึงพูดออกมาได้ยังไง!!!



“คนอย่างคุณจะมาเข้าใจอะไรชีวิตผม!!”

คำตะคอกตอบกลับอย่างรุนแรง
ทำให้คนที่อุตส่าห์ถามด้วยความหวังดีเริ่มอารมณ์กรุ่น ๆ
โต้กลับขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้

“ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีมากกว่าตัวคุณเองซะอีกนะ
ถ้าไม่เชื่อผมจะทำให้ดู”

นักรบลุกขึ้นพรวดเดินหายออกไปข้างนอกร้าน
ทิ้งให้ใครบางคนนั่งรออย่างไม่สบอารมณ์


...ประสาทรึเปล่า
คนอื่นจะมาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้ดีกว่าตัวเองได้ยังไง
แล้วมันคิดที่จะมาพิสูจน์ให้ดูอีก
เป็นไปได้ที่ไหนกัน

อ้าว กลับมาแล้วถือกล้องมาด้วย
แล้วเดินเข้ามาใกล้กูทำไม
เอ๊ะ...เดี๋ยว...


แชะ


“คุณทำอะไรน่ะ!!”

คนถูกถ่ายร้องโวยวายดังลั่น
แต่ฝ่ายที่ถือกล้องกลับทำแค่เพียงหมุนหน้าจอแสดงภาพให้อีกคนได้มอง

“ก็ผมเคยบอกแล้วไงว่ากล้องไม่เคยโกหก
แล้วนี่ก็หน้าของคุณตอนกำลังหงุดหงิดไม่พอใจ”

ภาพใบหน้าของเขาที่โชว์เด่นหราอยู่บนจอภาพ
ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้ทวีเพิ่มมากขึ้น

“แค่มองผ่านกล้องมันจะไปรู้ได้ยังไง
ใครเชื่อก็บ้าแล้วโว้ยยย!!!!”


แชะ



เสียงโวยวายด้วยความโกรธถูกขัดด้วยเสียงชัตเตอร์
พร้อมกับที่ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนเหมือนจงใจยั่วอารมณ์

“แล้วนี่ก็หน้าของคุณตอนกำลังโมโห”


หนอย....ไอ้เวรนี่จะไม่ฟังกันใช่มั้ย

กูทนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยย!!!


สาลี่ลุกขึ้นพยายามเอื้อมคว้ากล้องของอีกฝ่ายซึ่งแกล้งดึงหนี
ปากก็ยังคงส่งเสียงห้ามด้วยความโมโห

“หยุดนะ!! เลิกเล่นได้แล้ะ....เฮ้ย!!”


หนุ่มแว่นร้องเสียงหลงอย่างตกใจ
เมื่อจู่ ๆ ร่างของตนก็ถูกช่างกล้องดึงเข้ามาใกล้ ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว
จนตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งซึ่งกอดรัดเขาไว้แน่นกระทั่งขยับไปไหนไม่ได้


แชะ



“นี่หน้าคุณตอนกำลังตกใจ”


...มันยังไม่หยุดอีก

เขากำลังจะอ้าปากโวยวายขึ้นอีกรอบ
แต่สัมผัสบางอย่างนุ่ม ๆ บนแก้มก็ทำให้ทุกสิ่งชะงัก


อ่ะ...


เมื่อกี๊...


เมื่อกี๊มันทำอะไร...



แชะ



“นี่หน้าคุณตอนกำลังงง

แล้วก็......”

น้ำเสียงท้ายประโยคถูกลากยาว
พร้อมกับที่มือแกร่งประคองใบหน้าของเขาให้เงยขึ้น
แม้จะมองผ่านเลนส์แว่น แต่เขาก็ยังเห็นประกายระยิบระยับสะท้อนอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น

...ประกายตาที่คล้ายจะดึงดูดให้ร่างกายสิ้นไร้เรี่ยวแรง

จนต้องหลับตาลงเพราะไม่อาจทนมองได้ต่อไป
ทันใดนั้นสัมผัสบางอย่างก็บรรจงแตะบนริมฝีปาก

...นุ่มนวล

...แผ่วเบา

นิ่งค้างไว้เพียงชั่วครู่
ทว่า ยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก
ก่อนมันจะผละออกจากไปโดยทิ้งเพียงความสับสนไว้ในใจ


แชะ


เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องเปิดเปลือกตามองขึ้นอีกครั้ง
หนุ่มมาดเซอร์ยืนถือกล้องอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ 


“นี่หน้าของคุณหลังจากถูกจูบ”


ห่ะ..


อะ...


อะไรนะ...



“ผ้าขนหนูมาแล้วจ๊ะ”

ทั้งสองคนรีบผละตัวออกห่างจากกันทันทีที่ได้ยินเสียง
ก่อนหญิงวัยกลางคนจะเดินลงมาจากบันได
โดยไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาที

“ขอโทษที่หายไปนานนะจ๊ะ
พอดีแม่คุยโทรศัพท์กับลูกค้าที่สั่งจองขนมวันพรุ่งนี้ก็เลยมาช้าไปหน่อย
อ้าว แล้วนี่ทานขนมกันหมดแล้วใช่มั้ย อิ่มกันรึเปล่า
น้องสาไปตักเพิ่มให้เพื่อนแล้วหรือยังลูก”

“คะ...ครับ”

คนถูกวานรับคำตะกุกตะกักก่อนคว้าถ้วยขนมสองถ้วย
แล้วรีบเดินหายเข้าไปในห้องครัว
เขาเปิดฝาหม้อที่ยังอุ่น ๆ อยู่บนเตา
มือหยิบทัพพีตักขนมกล้วยบวชชีลงใส่ถ้วย

แต่ตักเท่าไรเท่าไร
ก็ได้แต่น้ำไม่มีเนื้อ

ก็มันจะไปได้ได้ยังไง
ในเมื่อตอนนี้สติไม่ได้อยู่ที่มือ

แต่อยู่ที่หัวใจซึ่งกำลังเต้นรัวด้วยความมึนงงสับสน
กับคำถามที่ยังคงเวียนวนในห้วงความคิด

อะไร.....

มันเกิดอะไรขึ้น

ใครก็ได้ช่วยบอกเขาที

รูปที่ถ่ายใบสุดท้ายเมื่อกี๊.....


ไอ้ลูกแม่เดือน
มันถ่ายรูปสีหน้าแบบไหนของเขาลงไปกัน



------------------------------------------------------------------------------------------------------------

TBC



ชิ้นที่ 6 เอามาลงซ้ำอีกรอบค่ะ
ช่วงที่เล้ามีปัญหาข้อมูลตรงนี้หายไป  :o12:
เลยอาจยังมีใครที่ยังไม่ได้อ่าน

แล้วพรุ่งนี้จะมาเสิร์ฟชิ้นใหม่ให้อีกครั้งนะคะ



 :กอด1:

BitterSweet
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2012 09:50:25 โดย BitterSweet »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ตอนนี้เคยอ่านแล้วนี่น่า  :3123:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :impress2:  เราชอบชื่อ สาลี่ อะ  น่ารัก มากกกกกกกกกกกก :pig4:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ลูกแม่เดือนทำเพราะอยากแกล้ง อยากสั่งสอน หรือว่าทำออกมาจากใจจริงกันแน่นะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ลูกแม่เดือนรับผิดชอบลูกแม่พลอยเลยนะ มาจูบน้องสาได้ไงเนี่ยยยย

รู้จักกันแค่อาทิตย์เดียวแต่มองทะลุถึงน้องสาได้ เก่งจริง ๆ

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
น่ารักทั้ง 2 คนเลยอ่ะะะ เขินนนน...

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
รู้ชื่อสักที นักรบ  สาลี่ กีสสสสสส
ได้หอมแก้มด้วยอ่าาาาา
ได้จุ๊บด้วยอ่าาาาา :-[

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
กินไป6ชิ้นก็ได้รู้ชื่อแล้ว
เนียนเลยนะนักรบแอบจูบเค้า

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
นักรบอ่ะแกล้งน้องสา ไปจูบน้องสาอีก รับผิดชอบเลยยยยยยยยยย

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
คู่นี้ไวเร็วมาก เสร็จแน่ๆเลยนะน้องสา

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต


ชิ้นที่ 7


รถโฟล์กเต่าสีเหลืองจอดสนิทอยู่หน้าบ้านเช่าหลังเล็ก
นักรบก้าวลงจากรถหอบข้าวของลงมาไขประตูบ้าน
โดยพยายามทำให้เกิดเสียงเบาที่สุด

เกือบห้าทุ่มแล้ว ป่านนี้แม่คงจะเข้านอนไปเรียบร้อย
เขาทยอยเอาขนมและข้าวของเก็บเข้าที่
แม้จะมีบางส่วนที่ขายไม่หมด
แต่เมื่อดูเนื้อขนมแล้วไม่ค่อยดี
เขาก็ไม่ลังเลที่จะเก็บมันไว้

ขาดทุนเล็กน้อยดีกว่าให้ลูกค้าได้ทานของที่ไม่มีคุณภาพ
มิหนำซ้ำยังทำให้ร้านเสียชื่ออีกด้วย
ดังนั้น ถ้าทิ้งได้ก็ทิ้งไปอย่าเสียดาย
แม่สอนเขาเสมอเมื่อครั้งตั้งร้านขนมขายที่ภาคใต้
และก็เพราะยึดมั่นในจรรยาบรรณนี้
จึงทำให้ร้านบ้านขนมเดือนใจขายดิบขายดี

ทุกอย่างทำท่าจะไปได้สวย
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุระเบิดในครั้งนั้น

เขารู้อยู่เสมอว่าแม่ทำใจเรื่องพ่อไม่ได้
จึงตัดสินใจขายบ้านที่เขาเติบโตมา
และกลับมายังบ้านเกิดของแม่
แม้ว่าจะไม่มีญาติคนไหนเหลืออยู่แล้วก็ตาม

เขาเองก็ไม่ได้พูดขัดอะไร
เพราะหากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้แม่สบายใจ
เขาก็ยินดีละทิ้งเป้าหมายที่จะเป็นช่างภาพสารคดีของตัวเอง
มาคอยเคียงข้างและให้กำลังใจคนในครอบครัวเพียงคนเดียว
โดยเจียดเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อยังคงทำในสิ่งที่ตนรัก

ด้วยเหตุนี้ หลังจากจัดเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว
นักรบจึงเดินกลับเข้ามาในห้องนอน
มือกดปุ่มเปิดโน็ตบุ๊คก่อนจะคว้ากล้อง DSLR
อุปกรณ์สองชิ้นที่เก็บเงินซื้อจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
ถอดเมมโมรี่การ์ดออก เสียบลงช่อง SD
แล้วเปิดไฟล์บรรจุรูปนับพันขึ้นมา

ดวงตาคมเลื่อนมองรูปร้านรวงภายในตลาดถนนคนเดิน
ซึ่งรวบรวมถ่ายมาทั้งเมื่อวานกับวันนี้
มีทั้งภาพแนวไลฟ์ของคนที่มาจับจ่ายซื้อของ
และภาพอาร์ตของสถานที่สิ่งของมากมาย
ซึ่งพอจัดมุมให้ดีแล้วก็คล้ายภาพเหล่านั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองอย่างน่ามอง

กดคลิกโปรแกรมตกแต่งรูปคัดเลือกภาพบางส่วนที่โดนตา
เค้นไอเดียลองจัดเลย์เอาท์ทำแผ่นโฆษณาโปรโมทตลาด
เลื่อนไล่รูปจนมาถึงด้านล่าง ๆ
ก่อนจะสะดุดเข้ากับภาพขนมไทยที่จัดเป็นรูปหงส์
พร้อมกับใบหน้าบูดบึ้งของใครบางคนปรากฏอยู่ด้านหลัง

...ใครบางคนที่ทำให้ต้องเผลอยิ้มออกมาบาง ๆ

‘สาลี่’

ลูกแม่พลอยมันชื่อสาลี่
ชื่อน่ารักน่ากิน
แต่ดูทำหน้าไม่ได้สมกับชื่อขนมสีสวยเลย

ทีกับคนอื่นทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่พออยู่กับเขาทีไรเป็นต้องหน้าหงิกตลอด
กับคนนี้ทำอย่างหนึ่ง กับอีกคนก็เปลี่ยนไปอีกอย่าง
ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ ไม่อึดอัดรึไง
ถามออกไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจริง ๆ ก็เป็นเรื่องของมัน
แล้วพอโดนพูดกลับมาทำนองว่า ‘อย่าเสือก’
เป็นใครจะไม่อารมณ์เสีย

อยากจะรู้จริง ๆ ว่าสีหน้าของมันจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดไหน
ก็เลยหยิบกล้องขึ้นมาตั้งใจถ่ายแกล้งเล่น ๆ
ทั้งอารมณ์หงุดหงิด โมโห แล้วก็ตกใจ
ถูกเขาบันทึกไว้ในทุกรายละเอียด
มองไปก็ขำไป
ดูหน้าตกใจของมันสิฮาชะมัด
อ้าปากหวอจนแมลงวันแทบบินเข้าไปได้อยู่แล้ว
สงสัยคงเหวอน่าดู

แล้วก็นี่...

รูปถ่ายใบสุดท้าย...

รูปที่มันกำลังหลับตาลง
ริมฝีปากแดงเรื่อเผยอน้อย ๆ จากการกระทำของบางสิ่งก่อนหน้า
ทั้ง ๆ ที่เค้าโครงหน้าคมเหมือนผู้ชายทั่ว ๆ ไป
แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดูดีมีเสน่ห์จนไม่อาจห้ามใจตัวเอง

จากตอนแรกที่คิดแค่จะแกล้งเล่น
ก็เลยเผลอตัวก้มลงไปจูบ

...จูบ

ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นผู้ชายเหมือน ๆ กัน
รสสัมผัสใกล้เคียงกับผู้หญิง
จะต่างกันตรงก็ที่ไม่มีความเหนียวเหนอะของลิปสติก
หากแต่อ่อนนุ่มบางเบา
และไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า
จูบกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่อาทิตย์เดียว
แถมแต่ละครั้งที่เจอก็ยังทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย
โชคดีที่มันไม่ซัดเขาหน้าคว่ำ
แค่นิ่ง ๆ ไปกระทั่งเขากินกล้วยบวชชีหมดถ้วยที่สองแล้วตั้งท่าจะกลับ
ก็ยังคงไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมาจากมันสักคำ

ดูไม่ออกว่าโกรธหรือกำลังงง
หรือมันกำลังสับสนในใจเหมือนกับเขาตอนนี้

ก็แค่อยากแกล้งเฉย ๆ
แค่แกล้งเล่นเท่านั้น
ไม่ต้องคิดอะไรมาก

อืม...ไม่ต้องคิดอะไรมาก

แล้ว...

แล้วทำไม...

ไอ้นักรบน้อยมันถึงรู้สึกแปลก ๆ วะ
เย็นไว้ลูก ห่างมือพ่อแค่สามสี่วันชักแย่ซะแล้วเหรอ
ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้ทำ
มันจะงอแงบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หรือจะเพราะแบบนี้ก็เลยทำให้เขาเผลอตัวจูบลูกแม่พลอยลงไป
แล้วทำไมต้องดันมามีอารมณ์กับมันด้วยวะ
ตัวผู้เหมือนกันแท้ ๆ

แม่งงงง ไม่เข้าใจเลยเว้ยยยย!!!

นักรบขยี้ผมซึ่งไว้ยาวเพิ่มมาดเซอร์ของตนอย่างสับสน
มองรูปของใครบางคนที่หยุดค้างไว้บนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค
ก่อนถอนหายใจซ้ำเบา ๆ

ไม่รู้ว่าไอ้ลูกแม่พลอยมันอยากจะซ่อนหรือสร้างภาพภายใต้หน้ากากนั้นเพราะอะไร
แต่เขานี่แหละจะเป็นคนเปิดเผยมันออกมาให้ทุกคนเห็นจนหมดเอง
ส่วนวิธีจะทำยังไง แบบไหนค่อยว่ากันทีหลัง

เพราะที่แน่ ๆ ตอนนี้.... 

...เขาต้องรีบไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้ว



------------------------------------------------------------------------------------------------------------



อะไรกันวะ?

สาลี่ขยับแว่นของตัวเองให้เข้าที
เพราะกลัวว่าสายตาของตัวเองจะเกิดผิดเพี้ยน
เมื่อมองเห็นของปริศนาสองสิ่งวางอยู่บนแผงขายขนมไทยของเขา

ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว
น้องฝอยทองงอกลูกออกมาเป็นถ้วยขนมได้ยังไงวะ

ว่าแต่ไอ้ถ้วยขนมกระเบื้องสีขาวนี่มันโคตรคุ้นเลย
แถมกลิ่นหอมเอื่อย ๆ ของช็อคโกแล็ตในถ้วยก็สุดแสนจะยั่วจมูกอย่างบอกไม่ถูก
ทว่าสิ่งที่เรียกความสนใจจากเขามากที่สุด
ก็คือกระดาษที่เหมือนกับโปสการ์ดใบหนึ่ง
ซึ่งคว่ำหน้าวางอยู่ใต้ถ้วยนั้น

เขาหยิบมันออกมาพลิกเปิด
และทันที่ได้เห็นบุคคลที่อยู่ในภาพ
ดวงตากลมก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

หน้าตาแบบนี้
ใส่แว่นแบบนี้
แถมยังยกมือปิดปากหาวหวอดแบบนี้

ไม่ใช่ใครอื่น

สาลี่ ลูกแม่พลอย ร้านหวานละไมขนมไทยล้านเปอร์เซนต์

ยังไม่พอ
ข้างใต้รูปถ่ายยังมีลายมือหวัด ๆ เขียนไว้สั้น ๆ

‘หน้าของคุณตอนกำลังง่วง’


ไม่มีชื่อกำกับว่าถูกส่งมาจากใคร
แต่ถ้าเขาเดาไม่ออกก็คงโง่เต็มที
เพราะไอ้ลักษณะโปสการ์ดแบบเดียวกันนี้
ยังแขวนกระแทกตาอยู่ที่ร้านฝั่งตรงกันข้าม
ซึ่งมีเจ้าของสุดติสต์กำลังพูดคุยกับลูกค้าสาว ๆ กลุ่มใหญ่

และแค่พอเห็นหน้าเท่านั้น
ความทรงจำเมื่อวานก็แล่นย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ


ไอ้ลูกแม่เดือนมันต้องโรคจิตวิปริตแน่ ๆ
ถึงได้มาหอมแก้มแล้วก็ยังจูบเขาอีก
ผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ
แค่คิดก็ขยะแขยงจะแย่อยู่แล้ว
หลังจากนั้นเขาต้องล้างหน้าแปรงฟันบ้วนปากอยู่ต้องเกือบสิบรอบ
แต่ก็ยังลบไอ้รอยสัมผัสบ้า ๆ ของมันออกไปไม่ได้สักที
และที่สำคัญ....

มันเป็นจูบแรกของกูนะโว้ยยยย!!!

อ๊ากกกกก!!! 

เจ็บจ๊ายยยยยยย!!!

เสียให้ใครไม่เสีย แต่ดันมาเสียให้มัน
ไม่มีการขอโทษ แถมยังส่งรูปกับขนมมาเยาะเย้ยอีก
นึกแล้วก็แค้น อยากจะขย้ำฉีกให้เป็นชิ้น ๆ

แต่เอ๊ะ นี่มันก็รูปกูเองนี่หว่า
ฉีกทิ้งไปก็เท่ากับฉีกหน้าตัวเองด้วย
โอยยยยย!!!! ทำมันไม่ยุ่งยากอย่างนี้วะ

แล้วไอ้ขนมช็อกโกแล็ตนี่ก็ยังเสือกมาตั้งยั่วน้ำลายอีก
อย่าหวังว่ากูจะกิน
คราวที่แล้วกูยอมรับว่าพลาด
แต่คนอย่างไอ้สาลี่จะไม่มีประวัตศาสตร์ซ้ำรอยอีกเป็นอันขาด!!!

เขาเก็บรูปตัวเองไว้
แล้วแกล้งทำเป็นเมินไม่สนใจถ้วยขนมที่ตั้งข้าง ๆ
ไม่ได้เอาไปทิ้ง
แค่ตั้งไว้เฉย ๆ เหมือนมันเป็นอากาศธาตุ
ก็เรื่องอะไรจะต้องหยิบจับ
ไม่อยากจะแตะโดนของ ๆ มันด้วยซ้ำ

หนุ่มแว่นร้านขนมไทยจึงยืนขายของไปแบบนั้น
ทั้ง ๆ ที่มีช็อคโกแล็ตลาวาวางประดับร้าน
โดยไม่เข้าพวกกับขนมอื่น ๆ ในแผงอย่างสิ้นเชิงตลอดทั้งคืน


....

..

.

อีกครึ่งชั่วโมงจะห้าทุ่ม
แต่คนน้อยลงไปถนัดตากว่าทุกวัน
ส่วนหนึ่งเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์
พรุ่งนี้เริ่มต้นทำงานวันจันทร์จึงไม่ค่อยมีใครกล้าอยู่เที่ยวดึกดื่น
และที่สำคัญ เมฆฝนก็เริ่มตั้งเค้าร้องคำรามครืน ๆ อยู่ไม่ไกล
จนทำให้ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มทยอยเก็บข้าวของจนเกือบหมดแล้ว

ยกเว้นก็แต่ร้านหวานละไมที่ยังเปิดแผงขาย
โดยมีเจ้าของยืนละล้าละหลังด้วยความลังเล

เหลือขนมหม้อแกงอยู่แค่สี่ถาดเอง
จะยังไงเขาก็อยากขายให้มันหมด ๆ
พวกขนมอบแห้ง ๆ เหลือไว้ไม่เป็นไร
แต่กับหม้อแกงที่ทำเสร็จมาใหม่ ๆ 
เก็บไว้นานมันจะไม่อร่อยเอา
แบบนี้สงสัยต้องยอมขาดทุนนิดหน่อยซะแล้ว

คนที่คำนวณส่วนได้ส่วนเสียจึงสูดลมหายใจลึก
ก่อนจะป้องปากร้องตะโกน

“เร่เข้ามาคร้าบบบ เร่เข้ามา
ขนมหม้อแกงซื้อหนึ่งถาดแถมฟรี ๆ ไปเลยสามถาด
คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วคร้าบพ่อแม่พี่น้องงงง
ช้าหมดอดนะครับ แล้วจะหาว่าไม่เตือนนนน!!!”

คำใด ๆ ในโลกก็คงไม่มีอานุภาพเรียกลูกค้าได้เท่ากับคำว่า ‘ฟรี’
เพราะทันทีที่สิ้นเสียงโฆษณาของเขา
แม่บ้านคนหนึ่งที่เดินผ่านก็รีบมาเหมาขนมหม้อแกงเรียบร้อย

“เอ๊ะ แล้วนี่ขายขนมฝรั่งด้วยเหรอจ้ะ”

เสียงร้องทักทำให้ใครบางคนเผลอนึกขึ้นได้ถึงของที่วางทิ้งเอาไว้
เขาเหลือบมองถ้วยกระเบื้องสีขาวอย่างชั่งใจชั่วแวบ
ก่อนจะหยิบมันลงใส่กล่องด้านหลังให้พ้นตา แล้วขยับปากตอบคำถาม

“อ๋อ เปล่าครับ คืออันนี้....เออ...ผมซื้อมาทานเอง”

โกหกออกไปส่ง ๆ แบบนั้นเพราะไม่อยากจะต่อความ
แถมอีกฝ่ายยังทำท่าจะสนใจขนมในถ้วยกระเบื้องมากกว่าหม้อแกงของเขาเสียอีก
สาลี่จึงรีบหยิบหม้อแกงใส่ถุงให้โดยเร็ว เพราะอยากจะรีบเบี่ยงประเด็น
อีกทั้งเขาก็เริ่มจะสัมผัสได้ถึงละอองของหยดฝนที่โปรยปรายลงมาแล้ว

แต่แม้ว่าจะรีบยังไง
กว่าจะเก็บของลงกล่องให้เรียบร้อย
และกว่าจะลากโต๊ะเก้าอี้ไปไว้ยังร้านก๋วยจั๊บฝั่งตรงข้ามที่อยู่ไม่ไกล
ซึ่งเจ๊ใหญ่ใจดียอมช่วยรับฝากของพวกนี้เอาไว้
แต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ทันการ
เพราะพอเดินออกมานอกร้านอีกที
ฝนก็เทกระหน่ำซัดจนแทบมองไม่เห็นทาง

“ให้มันได้อย่างนี่สิวะ!!”

สาลี่เผลอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
เดินออกไปตัวคงเปียกโชก ฉะนั้นอย่าหวังจะได้ขี่มอเตอร์ไซต์กลับไปเลย
เมื่อวานตอนเช้าอุตส่าห์เดินมาเอาฟีโน่คู่ชีพกลับบ้าน
แล้วตอนเย็นก็ขี่พ่วงของมาอีกที
สงสัยคืนนี้ต้องปล่อยให้น้องฟีโน่นอนหนาวอยู่ไกลบ้านอีกคืนแล้วล่ะมั้ง
หรือจะไม่ใช่แค่ฟีโน่แต่เป็นกูด้วยเลย
ตกหนักขนาดนี้เมื่อไรจะได้กลับกัน

โอยยย....ก็เพราะมนุษย์จ้องทำลายธรรมชาติเนี่ยแหละ
ฝนมันก็เลยตกได้ไม่เป็นเวล่ำเวลาอยู่ทุกวันแบบนี้
คิดแล้วมันเหนื่อยใจจริง ๆ เลยเว้ยยย!!


“ปี๊นนน!!”


เสียงบีบแตรขัดจังหวะอาการโวยวายกลัดกลุ้มของคนที่ยืนรอ
ดวงตากลมหรี่ลงเมื่อแสงไฟรถโฟล์กเต่าสีเหลืองสาดส่อง
ก่อนมันจะแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าหน้าร้านก๋วยจั๊บ
พร้อมกับที่กระจกรถค่อย ๆ ถูกเลื่อนลงให้เห็นคนขับซึ่งกำลังร้องเสียงดังฝ่าเสียงสายฝนสั้น ๆ

“ขึ้นมาสิ”

โห สั่งอย่างกับเป็นพ่อ
ใครจะขึ้นไปกับมึง
กูยอมรอจนข้ามไปถึงวันพรุ่งนี้ก็ได้
ฝันไปเหอะว่ากูจะให้มึงไปส่งอีก

“เร็วเข้า นี่มันดึกมากแล้วนะ เดี๋ยวแม่คุณเป็นห่วง”

เอ๊ะ อีกแล้วไอ้เวรนี่ เอะอะก็เล่นถึงแม่ตลอด
แต่มันก็จริง แม่ไม่เคยเข้านอนก่อนเลยถ้าเขายังไม่ไปถึงบ้าน
ยิ่งเห็นฝนตกหนักขนาดนี้ มีหวังต้องกระวนกระวายใจอยู่แน่ ๆ
ขืนรอต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อไร
เอาไงดีวะ


สาลี่ยืนขมวดคิ้วหน้าเครียดราวกับกำลังตัดสินเรื่องคอขาดบาดตาย
วินาทีผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ พร้อมกับฝนที่ยังตกลงกระทบพื้นไม่ขาดเม็ด

ในที่สุดหนุ่มแว่นก็ตัดสินใจเอื้อมมือเปิดประตูรถ
ชะโงกตัวข้ามไปวางข้าวของลงบนเบาะหลังของรถเต่า
แล้วจึงทรุดกายนั่งลงคู่คนขับด้านหน้าปิดประตูเสร็จสรรพ
พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยในเวลารวดเร็ว
ท่ามกลางสายตาคมที่มองอีกฝ่ายพลางยิ้มออกมาบาง ๆ
จนทำให้คนที่ทำหน้าบูดบึงต้องหงุดหงิดอารมณ์เสีย

อะไร มึงมองกูแล้วยิ้มแบบนั้นทำไมไอ้ลูกแม่เดือน
กูห่วงแม่หรอกนะ ถึงได้ขึ้นมา
จริง ๆ แล้วไม่ได้อยากไปกับมึงด้วยเล๊ยยยยย

เอ้า!! ยังมองอยู่อีก ขับไปสิมึง
ดีเหมือนกัน นั่งรถฟรีไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมัน
ช่วยชาติประหยัดพลังงาน
ลดมลภาวะโลกร้อน

อยากจะขับไปส่งกูนักก็เอาให้เต็มที
เชิญเลย ตามสบาย
พรุ่งนี้จะมารับกูด้วยเลยก็ได้
กูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินกลับไปเอามอเตอร์ไซต์อีก
มีคนขับรถส่วนตัวคอยรับใช้ สบายกูไป

ช่วยไม่ได้
ก็มึงอยากเป็นคนบอกให้กูขึ้นมาเอง

โง่ดีนัก!
สมน้ำหน้าแล้วล่ะมึง
ไอ้ลูกแม่เดือน!


------------------------------------------------------------------------------------------------------------

TBC

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2012 20:41:29 โดย BitterSweet »

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ปกก็ว่าเกลียดแต่พฤติกรรมมันไม่ใช่น่าสาลี่

 :laugh:

บวกเป็ด


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด