ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]  (อ่าน 817743 ครั้ง)

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อ่านเสร็จแล้ว อยากกินขนมปังสังขยาขึ้นมากเลยอะ ปกติไม่ค่อยทาน
 เดี๋ยวต้องหามากินดีกว่า ดูสิว่าจะอร่อยเหมือน สาลี่กับนักรบกินหรือเปล่า
 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
อ่านเรื่องนี้ทั้งอมยิ้มและหิวไปพร้อมๆกัน....

ฮาเดส

  • บุคคลทั่วไป
โอย...อ่านรอบเดียวจบเลย สนุกและเพลินมากๆ ครับ
ภาคของเฮียแทนกับเพลงก็มีครบทุกรสเลย
มาภาคของลูกแม่ดวงใจกับลูกแม่พลอยก็สนุกมากกกก

ได้ทั้งเกร็ดความรู้ และอื่นๆ อีกมากมาย
โอย...ติดนิยายเรื่องนี้เข้าให้สิ  :impress2:

สู้สู้นะครับ


 o13

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต


ชิ้นที่ 11



“ไปนะครับ แม่”


สาลี่หันไปร้องบอกคนที่กำลังเตรียมตัวปิดร้าน
หลังจากขนข้าวของใส่ในรถโฟล์กเต่าสีเหลือง
เพื่อนำไปตั้งแผงขายที่ถนนคนเดินเย็นวันศุกร์


“จ๊ะ น้องรบ ขับระวัง ๆ นะ แม่ฝากสาลี่ด้วย”


แม่พลอยพยักหน้ายิ้มรับ
ท้ายประโยคกำชับคนขับที่กำลังเปิดประตูก้าวตามขึ้นไป
ซึ่งเขาเองก็ตกปากรับคำให้อีกฝ่ายได้วางใจ
ก่อนจะปิดประตูสตาร์ทเครื่อง
แล้วแล่นไปบนถนนมุ่งหน้าสู่ทางเลียบริมน้ำ



มือขับไป แต่ดวงตาคมก็ยังไม่วายเผลอเหลือบมองคนข้างตัว
ที่วันนี้ ดูเหมือนจะมีความสุขลันล้าผิดปกติ
ฮึมฮำเพลงในคองุ๊งงิ๊ง ราวกับตื้นเต้นในการรอคอยอะไรบางอย่าง
ซึ่งอะไรบางอย่างนั้น เขาก็เดาได้ไม่ยากเลย
เพราะก็คือการประเดิมเปิดขายเมนูใหม่ ‘ขนมปังสังขยา’
ที่ลูกแม่พลอยฝึกอบขนมปังกับเขามาทั้งอาทิตย์


...เพิ่งรู้ว่าลูกแม่พลอยเป็นคนเอาจริงเอาจังทุ่มเทมากกว่าที่คิด
ค่าวัตถุดิบเจ้าตัวเป็นคนออกทั้งหมด
แค่มาอาศัยเครื่องนวดขนมปังกับเตาอบของเขาเท่านั้น
ที่ทำเสียก็เยอะ ที่อบพลาดก็มาก
แน่ล่ะ...กว่าจะดูให้ออกว่าขนมปังขึ้นได้ที่พอดีตรงกับความต้องการมั้ย
ไม่ใช่จะฝึกกันได้ภายในวันสองวัน
เขาอาศัยอยู่ในครัวช่วยแม่มาหลายปีกว่าจะเชี่ยวชาญ
น่าตลกเหมือนกันที่ผู้ชายมาดศิลปินอย่างเขาจะมาขายขนมเค้ก
แต่เมื่อเป็นทางที่ตัวเองเลือก เขาก็จะขอทำให้ดีที่สุด
กับลูกแม่พลอยเองก็คงคิดไม่ต่างกัน
ถึงได้เอาใจใส่และพยายามทุ่มเทเพื่อทำเมนูนี้ออกมา



ทันทีรถจอดสนิทเทียบริมฟุตบาท
ร่างของหนุ่มแว่นก็รีบชะโงกคว้าของที่เบาะหลัง
เปิดประตูรถออกผลัวะแล้ววิ่งลิ่วไปยังร้านก๋วยจั๊บเจ๊ใหญ่
เพื่อเอาโต๊ะที่ฝากไว้ออกมาเตรียมกางแผงขายทันที


...อะไรจะรีบร้อนขนาดนั้น


นักรบยิ้มขำบาง ๆ กับพฤติกรรมเหมือนเด็กของใครบางคน
แม้จะเป็นศัตรูทางการค้ากัน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วย
แอบภาวนาอยู่ลึก ๆ ว่า....



ขอให้วันนี้ ‘ขนมปังสังขยา’ ขายออกมาได้ดี ๆ ด้วยเถอะ



....แต่



...ใครจะรู้ว่าเสียงภาวนาของเขาอาจไม่ดังมากพอ




------------------------------------------------------------------------------------------------------------





...มันมีอะไรผิดปกติเหรอ?


สาลี่มองขนมปังที่นอนนิ่งในถุงพลาสติกใส
ซึ่งแพ็คคู่มาอย่างดีกับสังขยาในถ้วยพลาสติกมีฝาปิดอย่างเรียบร้อย


ขนมปังก็ดูนุ่มน่าทาน
สังขยาใบเตยสีกำลังสวย
สังขยาไข่เนื้อเนียนได้พอดี


แล้ว....


แล้วมันมีอะไรผิดปกติ
เขาถึงได้ขายมันออกไปได้แค่สี่แพ็คจากเกือบสามสิบแพ็ค
ตลอดระยะเวลาสี่ชั่วโมง


...เกิดอะไรขึ้น?


คำถามที่เฝ้าถามตัวเองอย่างมึนงงแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมา
ในหัวมีแต่คำว่า...ทำไม...ทำไม...ทำไม...

ทั้ง ๆ ที่ก็แน่ใจแล้วว่าขนมชนิดนี้ทุกคนต้องรู้จักกันดี
ดูไม่โบราณจนเกินไป แถมกินได้ทุกวัยตั้งแต่คนแก่ยันเด็ก

แล้วทำไม...

ทำไมเขาถึงขายมันออกไปไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่ตั้งราคาไว้แค่แพ็คละ 40 บาทเท่านั้น

ทำไมถึงไม่มีคนมาซื้อ แค่มอง ๆ แล้วก็เดินจากไป
จะมีบ้างที่แวะเข้ามาหาด้วยความสนใจแต่ก็กลับซื้อขนมอย่างอื่นไปแทน


เขาทำผิดตรงไหนกัน...




คนที่ทุ่มเทพยายามอย่างตั้งใจนิ่งมองถุงขนมเมนูใหม่
ซึ่งอุตส่าห์จัดวางโลเกชั่นไว้เด่นอยู่หน้าแผง
แต่ต่อให้เค้นหัวสมองคิดหาสาเหตุมากมายเพียงใด
ก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย


...โลกของธุรกิจช่างน่ากลัว



และโลกของ ‘ความจริง’ กับ ‘ความฝัน’



...ก็ต่างกันมากเหลือเกิน




------------------------------------------------------------------------------------------------------------



เกือบห้าทุ่ม...
ได้เวลาแผงขายของต่าง ๆ ในถนนคนเดินทยอยเก็บข้าวของ


นักรบเดินกลับมาที่รถเต่าคู่ใจของตนเอง
โดยมีใครอีกคนถือข้าวของของตนเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ
วางกล่องที่บรรจุขนมจากการขายลงไปที่เบาะหลังเหมือนเช่นทุกที


...กล่อง
ที่นักรบเผลอมองเพราะรู้ดีว่ามีอะไรอยู่ในนั้น



...ไม่ใช่จะไม่สังเกต
แผงก็อยู่ตรงข้ามกันแค่นี้
เขาก็พอจะเห็นว่าขนมปังสังขยาไม่ได้ลดลงไปเท่าไรเลย
อุตส่าห์ทุ่มเทแรงใจแรงกายไปขนาดนั้น
แต่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง
ไม่รู้ว่าคนรักศักดิ์ศรีไม่ยอมแพ้อย่างลูกแม่พลอยจะรู้สึกยังไงบ้าง


ความสงสัยที่ค้างคาไม่ต้องทิ้งให้รอนาน
เพราะทันทีเขาสตาร์ตรถขับออกมามาได้เกือบครึ่งทาง
คนที่นั่งอยู่ข้างตัวก็ยังคงปิดปากนิ่งเงียบ
ดวงตากลมจ้องมองไปยังคอนโซลด้านหน้าแทนที่จะมองข้างทาง
เหมือนกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างจนบรรยากาศล้อมรอบตัวหนักอึ้งผิดกับตอนขามาลิบลับ


“เดี๋ยวก็ขายได้”


ประโยคที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นลอย ๆ ทำเอาคนเหม่อถึงกับสะดุ้งเบา ๆ
หันมากลับมาถามซ้ำอย่างไม่แน่ใจ


“ห่ะ เมื่อกี๊ว่าอะไรนะ”


คนฟังเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนถอนหายใจ
แล้วพูดขยายความซ้ำให้ได้ยินอีกครั้งชัด ๆ


“ขนมปังสังขยา เดี๋ยวก็ขายได้
วันนี้คนเดินตลาดไม่ค่อยเยอะเท่าไร
พรุ่งนี้วันเสาร์คนอาจจะมากกว่านี้”


วูบหนึ่งที่ดวงตากลมโตมีแววสั่นไหว
แต่ก็แค่เพียงวูบเดียว...
ดวงตานั้นก็กลับมาเป็นประกายเจิดจ้า
ก่อนเสียงร้องแบบคนที่ไม่มีร่องรอยความกังวลจะตามมา


“โอยย...ไม่ต้องห่วงหรอก
ขายได้อยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าใครทำ
ขนมร้านหวานละไมชื่อเสียงโด่งดังจะตาย
คอยดูไว้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ขายจนทำไม่ทัน
เอาให้ยอดแซงทะลุร้านบ้านขนมเดือนใจไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลย
แล้วอย่ามานึกเสียใจที่สอนผมทำขนมปังทีหลังล่ะกัน ฮ่าๆๆๆ”



...แค่ฟังดูก็รู้ว่าประโยคที่พูดออกมาพวกนั้น
ล้วนตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจโดยสิ้นเชิง
ถึงขนาดนี้แล้วยังเสแสร้งอีกเหรอ คุณลูกแม่พลอย



“ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากใจ ก็อย่าฝืนหัวเราะเลย
ลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้ท่าทางใส่หน้ากากของคุณมันปิดบังผมไม่ได้”



ความจริงที่พุ่งทะลุขึ้นกลางวง
ทำให้รอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้าของคนโดนรู้ทันค่อย ๆ จางหาย
ก่อนเจ้าตัวจะกลับไปนิ่งเงียบอีกครั้ง


แต่เป็นครั้ง...
ที่เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างในความรู้สึกของคนข้าง ๆ กำลังพังทลายลง



นักรบมองอีกฝ่ายเพียงชั่วครู่
ก่อนหมุนพวงมาลัยเบี่ยงออกนอกเส้นทาง
ขับเลียบเข้าชิดขวาเพื่อยูเทิร์นกลับรถ
จนคนที่มาด้วยกันต้องร้องถามอย่างสงสัย


“จะเลี้ยวกลับไปไหน”


“ไปสักที่”


เขาตอบกวน ๆ ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
ตอนแรกนึกว่าคนโดนแหย่จะโวยวายอะไรอย่างที่ทำเป็นประจำ
แต่กลับแค่เอ่ยปากบอกสั้น ๆ


“งั้นเดี๋ยวช่วยแวะเซเว่นข้างหน้าให้ที”


คนขับจึงจอดแวะเซเว่นตรงหัวมุมถนนตามคำขอ
สาลี่เปิดประตูลง หายเข้าไปพักใหญ่
ก่อนออกมาพร้อมหิ้วถุงมาด้วยสองข้าง
เสียงก๊องแก๊งของกระป๋องกระทบกันขณะถูกวางบนพื้นรถ
ดูจากปริมาณแล้วคงแทบจะซื้อมายกโหลเห็นจะได้

ไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าเป็นอะไร
แปลกใจอยู่นิดหน่อยที่ลูกแม่พลอยใจกล้าซื้อมา
แต่ยังไงซะอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว


...แม้บางทีแอลกอฮอล์อาจไม่ได้ให้คำตอบ
แต่อย่างน้อยมันก็อาจช่วยทำให้เราลืมคำถามที่กลัดกลุ้มอยู่ในใจ




รถโฟล์กเต่าสีเหลืองจึงออกตัวอีกครั้งขับเลียบมาทางเส้นทางเก่า
ก่อนจะจอดลงตรงถนนริมแม่น้ำที่ห่างออกมาจากถนนคนเดินไม่ไกลนัก
บริเวณนี้ความจริงเป็นลานเล็ก ๆ จัดไว้เป็นที่ออกกำลังกาย
มีอุปกรณ์สีสดใสมากมายหลายชนิดวางสะท้อนแสงไฟถนนสีเหลืองนวล
เขาดับเครื่องยนต์ก่อนเปิดประตูรถออกให้ไอลมเย็น ๆ ของแม่น้ำพัดผ่านเข้ามา



แป๊ก!



เสียงเปิดกระป๋องเบียร์ลีโอดังขึ้นจากข้าง ๆ
หันไปมองทันเห็นคนซื้อยกกระดกซดลงคอดังอึก ๆ อย่างไม่ยั้ง

 
“ดื่มเร็วแบบนั้นเดี๋ยวก็เมาซะก่อนหรอก”


เสียงท้วงไม่เป็นผลแต่อย่างใด
เพราะคนที่ใช้หลังมือเช็ดปากกลับเอ่ยถามขึ้นมาแทน


“เอาด้วยหน่อยมั้ย”


นักรบรับกระป๋องเบียร์ที่ถูกโยนส่งมาให้
ก่อนคนซื้อจะหันไปจัดการของตัวเองต่อจนหมดเกลี้ยงด้วยความรวดเร็ว

ตามมาด้วยกระป๋องที่สอง...

และสาม...


จนเขาต้องกระพริบตาปริบ ๆ มองคนที่ดื่มเบียร์เหมือนดื่มน้ำ
โดยไม่มีทีท่าจะหยุดเลยสักนิด


หรือว่าทีจริงลูกแม่พลอยจะคอแข็งถึงได้ดื่มดุขนาดนี้
นี่ก็กระป๋องที่สี่เข้าไปแล้ว
ดูสิดื่มจนหน้าเหนอแดงไปหมด

แล้วตามัน...

ตามันเยิ้มแปลก ๆ 



เดี๋ยว...



...แบบนี้คงไม่ใช่คอแข็งแล้ว



ลูกแม่พลอย มันจงใจให้ตัวเองเมาจริง ๆ




“โลกเรานี่มันไม่เคยมีอะไรง่ายเลยเนอะ”


ประโยคที่ดังขึ้นไม่ใช่คำถาม แต่คล้ายจะเป็นข้อสรุปให้ตัวเอง
นักรบรู้ดีว่าบางครั้งน้ำเมาไม่ได้แค่ช่วยทำให้ลืม
แต่ยังช่วยระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมาด้วย
เขาจึงไม่ได้เอ่ยคำตอบใด ๆ
ปล่อยให้คนที่กลัดกลุ้มได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา



“คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงต้องเปลี่ยนนิสัยเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น”



...อันนี้สิ ถึงจะเป็นประโยคคำถาม
แถมเป็นคำถามที่น่าสนใจ

เขาชะงักมือที่ถือกระป๋องเบียร์ นิ่งฟังถ้อยคำมากมาย
ซึ่งพรั้งพรูออกจากปากของคนที่ไม่อาจทานทนเก็บปัญหาไว้



“ที่ผมต้องใส่หน้ากากเอาไว้ก็เพราะผมคิดว่าบางที....
บางทีมันอาจจะช่วยทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้น
เป็นลูกที่ดีทำให้พ่อกับแม่สบายใจ
เรียนหนังสือให้เก่งเพื่อชื่อเสียงของตระกูล
ยิ้มรับลูกค้าเพื่อแลกกับเงินของเขา
เสแสร้งทำทุกสิ่งให้คนอื่นพอใจ

แต่ก็นั้นแหละ... อย่างที่ผมบอก...
โลกเรามันไม่เคยมีอะไรง่ายขนาดนั้น
สุดท้ายเราก็หนีความจริงไม่ได้
ต่อให้พยายามมากแค่ไหน
มันก็ยิ่งเห็นความน่าสมเพชของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

หึ น่าตลกเนอะ ...คุณว่ามั้ย?”



น้ำเสียงกึ่งเยาะกึ่งสมเพชอย่างที่ปกติจะไม่มีทางได้ยินจากปากของลูกแม่พลอยเด็ดขาด
ถ้าไม่ใช่เพราะยามนี้แอลกอฮอล์เข้าไปละลายสติในส่วนการควบคุมศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ไม่เหลือ
ทว่าคนที่ดื่มหนักก็ยังไม่วายซัดเบียร์กระป๋องที่สี่จนหมดก่อนคุ้ยเบียร์กระป๋องที่ห้าขึ้นมาเปิด
จนเขาต้องเผลอถอนหายใจ เอ่ยตอบบทสนทนาที่ค้างเอาไว้


“ไม่หรอก คนเรามันก็ต้องมีภาพพจน์กันอยู่แล้ว
ทุกคนมีหน้ากากติดตัวด้วยกันทั้งนั้น
อยู่ที่ว่าเราจะหยิบใบไหนขึ้นมาใช้กับใครเมื่อไร
และด้วยจุดประสงค์อะไร”


“งั้นผมก็คงมีหน้ากากเยอะที่สุดในโลกเลยล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ”



...ปากหัวเราะไป แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตามแม้เพียงนิด
กลับสะท้อนให้เห็นถึงความขมขื่นและความเหนื่อยล้าจากปัญหาที่ถาโถมเข้ามาใส่
ยิ่งเห็นแบบนี้ และยิ่งได้ฟังเรื่องราวถึงสาเหตุในมุมมองของเจ้าตัว
ก็ยิ่งอดรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้



ลูกแม่พลอยมันจะรู้มั้ยว่า...


...สิ่งที่มันแสดงออกมาไม่ใช่อย่างที่เข้าใจเลย




“อย่างคุณน่ะ ไม่ได้เรียกว่าใส่หน้ากากหรอก”


สาลี่หันกลับไปมองคนทักทันที


...เล่าให้ฟังขนาดนี้
ไม่เรียกว่าใส่หน้ากากแล้วมันจะเป็นอะไรไปได้

แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากถาม ร่างสูงก็เอ่ยคำอธิบายตามมา



“ถ้าคุณบอกผมว่า สิ่งที่คุณทำลงไปทั้งหมด
เพื่อให้พ่อแม่คุณสบายใจ เพื่อชื่อเสียงของญาติคุณ
หรือที่คุณยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้า พูดคุยให้ความสำคัญกับเขา
ก็เพราะอยากทำให้ทุกคนพอใจล่ะก็
แบบนั้นน่ะเขาเรียกว่า....

คุณแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไปต่างหาก”



คำตัดสินที่ได้ยินเสมือนสายฟ้าผ่าลงตรงกลางใจ
มือที่กำกระป๋องเบียร์อยู่ชาวาบ
ในหัวมึนงงไปด้วยความสับสนให้กับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด
แต่ก็ยังคงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นลอยละล่องผ่านหู



“จริง ๆ แล้วคุณห่วงความรู้สึกของพวกเขาใช่มั้ยล่ะ
กลัวพวกเขาจะกังวลว่าคุณจะทำเรื่องอะไรไม่ดีรึเปล่า
กลัวเอาความเดือดร้อนมาให้พวกเขา
ก็เลยพยายามทำตัวเป็นเด็กดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่คุณแคร์ไง

อันทีจริงมันไม่ใช่ไม่ดีหรอกนะ
แต่บางที ถ้าฝืนมากเกินไป
คุณจะเหนื่อยเอาซะเปล่าๆ

พักบ้างก็ได้ ทำในสิ่งที่คุณอยากทำดูบ้าง
ผมเชื่อว่าคนที่คุณแคร์ต้องเข้าใจคุณ”




...เหมือนกับปมในใจบางอย่างได้คลี่คลายลง
เพราะเพียงคำพูดไม่กี่คำ
ทว่าบางสิ่งที่ยังคงสับสนในความรู้สึกลึก ๆ
ทำให้สาลี่ต้องเอ่ยคำค้านตะกุกตะกัก


“ตะ...แต่...มันจะดีจริง ๆ หรอ
เรื่องแบบนั้น มันเห็นแก่ตัว
ผมคง...”


“ไม่เกี่ยวกับเห็นแก่ตัวหรอก
คุณแค่เป็นตัวของตัวเองในแบบที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
อ่ะ แต่ยกเว้นผมคนหนึ่งนะ
เพราะเวลาคุณเป็นตัวของตัวเองตอนอยู่กับผมทีไร
ผมเป็นต้องได้เดือดร้อนทุ๊กที”


อ้าว...ไอ้นี่
เหมือนจะพูดดี ๆ แต่กลับมาแหย่ใส่อีกแล้ว


“เออ ก็เพราะอยากให้เดือดร้อนไง เอาให้มันวอดวายแม่งให้หมดเลย!!”


คนโดนด่าไม่เถียงกลับ
เพียงแค่ระบายรอยยิ้มบาง ๆ ตามสไตล์
เหมือนพอใจที่การแกล้งประสบผล
ก่อนจะยื่นมือขึ้นมาลูบหัวคนเครียดเบา ๆ


“ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะ
ลูกแม่พลอยที่ผมรู้จักน่ะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ หรอก
แล้วถ้ามีปัญหาอะไรผมจะคอยช่วยคุณเอง
...นะ”




แปลก...


เสียงของลูกแม่เดือนมันแปลก....
มันอ่อนโยนผิดปกติเหมือนกับกำลังปลอบเขาอยู่


แล้วก็น่าแปลก....
ที่ความเศร้า ความหดหู่ทั้งหลายกลับค่อย ๆ จางหายไป
เหลือเพียงแค่ความรู้สึกประหลาดปั่นป่วนในอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


แล้วก็ยังรู้สึกร้อน...


...ร้อนวาบไปทั้งตัว


...ร้อนจนหน้าแทบไหม้อยู่แล้ว




“อะ...เออ...ในนี้ร้อนเนอะว่ามั้ย”


คนที่เริ่มมึนบ่นพลางเอื้อมเปิดประตูรถ
โดยมีนักรบก้าวเดินตามออกไป
เขาสองคนยืนใกล้กับขอบรั้วที่กั้นความสูงไว้ระดับเอว


มองลงไปจากตรงนี้...
กำแพงหินผสมคอนกรีตทอดยาวลงถึงแม่น้ำที่อยู่ห่างจากเขาเกือบสามเมตร
ฝั่งตรงข้ามเป็นสนามกีฬาของค่ายทหารแต่ก็มีต้นไม้ปลูกไว้ตลอดแนวเพิ่มความร่มรื้น
ลมจากริมน้ำพัดผ่านมาเบา ๆ อากาศดีบริสุทธิ์เสียจนเหมือนจะชำระล้างพิษในกายไปด้วย



หนุ่มมาดเซอร์ทอดสายตาออกไปไกล
นาน ๆ ที ได้พักแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ไม่ต้องเสียเวลาหามุมไปเที่ยวชาร์ตแบตให้ตัวเองที่ไหนไกล
แค่ได้อยู่ในสถานที่ที่ร่างกายได้เบาใจ


แค่นั้นก็พอแล้ว....



“อา....สบายจัง
วิวแม่น้ำตอนกลางคืนก็สวยดีเนอะ
อ่ะ! พระจันทร์เต็มดวง”


เขามองคนที่ถือกระป๋องเบียร์พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า


...ไอ้วิวแม่น้ำก็สวยดีอยู่หรอก
แต่พระจันทร์น่ะไม่เต็มดวงซะหน่อย
แหว่งไปตั้งเสี้ยวหนึ่งขนาดนั้น
คนที่เห็นมันเต็มดวงได้คงต้องบอกแค่คำเดียว


....ลูกแม่พลอย มันเริ่มเมาแล้ว



“นี่ ๆ ถ่ายรูปให้หน่อย ถ่ายให้เห็นวิวฉากแม่น้ำด้วยนะ”


ไม่ต้องเสียเวลาหาทางพิสูจน์ข้อสันนิษฐาน
เพราะน้ำเสียงเรียกร้องแบบนี้ไม่เคยมีแน่ ๆ
ปกติคนถูกถ่ายออกจะรำคาญนิด ๆ ด้วยซ้ำ
แต่นี่ดันมาขอให้ถ่ายง่าย ๆ
เออ ก็ดี... เผื่อเขาจะได้เก็บรูปตอนเมาเอาไว้แกล้งทีหลัง


นักรบจึงวางเบียร์ที่ดื่มไปแค่ครึ่งกระป๋องลง
แล้วหันไปหยิบกล้องตัวโปรดของตัวเอง
กดปุ่มใช้โหมดแบบไม่เปิดแฟลซเพราะกลัวคนเมาจะมึนแสง
แค่โคมไฟถนนสีเหลืองก็พอให้แสงนวล ๆ ก็ออกมาอาร์ตไปอีกแบบ
เขากดชัตเตอร์ไปสองสามภาพ แต่ดูเหมือนคนถูกถ่ายจะไม่พอใจ
ทำหน้าบึ้งพลางร้องโวยวายดังลั่น


“โหยย นับด้วยดิ ถ่ายแล้วไม่นับเลย
นับเป็นเปล่า...หนึ่ง สอง ซ่ำ อ่ะ
แล้วสาก็จะพูดว่า เป๊ปซี่ จะได้ยิ้มออกมาพอดีตรงคำว่าซี่ไง
แบบนี้ แบบนี้....เป๊ป ซี่ซซซ...~~~”


คนฟังแทบจะกลั้นขำกับเสียงงอแงเป็นเด็ก ๆ เอาไว้ไม่อยู่
แอลกอฮอล์นี่มันเปลี่ยนพฤติกรรมคนได้จริง ๆ
เพิ่งรู้ว่าลูกแม่พลอยเมาแล้วจะรั่วได้ขนาดนี้
ต๋องก็ต๋อง แต่ก็ดูน่ารักน่าแกล้ง
จนอยากจะเปลี่ยนเป็นโหมดอัดวิดีโอแทนจริง ๆ


“มา มา เดี๋ยวสาถ่ายให้บ้าง”


คนที่คิดเพลิน ๆ แอบสะดุ้งเมื่อจอมป่วนเดินเข้ามาใกล้พลางเอื้อมมือมาจะคว้ากล้อง
เขารีบยกมันขึ้นสูงทันที
เพราะไม่อยากปล่อยให้กล้องตัวโปรดตกอยู่ในมือคนเมาที่ไม่รู้ว่าจะเผลอทำอะไรไปบ้าง
ทำให้คนถูกขัดใจต้องร้องงอแงออกมาอีกครั้ง


“เอามาดิ๊ อย่าหวงน่า
คนอะไรขี้งก เอามานะ เอาม๊า~~~”


“เมาแล้วนะสา ไม่ต้องดื่มแล้ว”


มือหนึ่งยกกล้องไม่ให้อีกคนเขย่งถึง
ส่วนอีกมือก็พยายามคว้ากระป๋องเบียร์
แต่ร่างที่เล็กกว่ากลับเบี่ยงหลบได้ทัน


“ไม่ให้... ทีตัวเองยังไม่ให้สาเลยแล้วจะมาเอาของสาไปได้ยังไง”


ไม่ใช่แค่คำปฏิเสธแต่อีกฝ่ายกลับยังยกกระป๋องขึ้นดื่มเหมือนท้าทาย


“สา บอกให้พอไง อย่าดื้อสิ”


“แลกกันดิ แลกกานนน~~
ไม่งั้นไม่ยอม!”


นักรบชั่งใจเพียงชั่วครู่
ทว่าในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่พยายามส่งสายตาปิ๊ง ๆ มาให้อย่างเว้าวอน


“เฮ้อ...ก็ได้ แต่ต้องรักษาเท่าชีวิตนะ”


ทันทีที่ได้ยินคำอนุญาต
คนฟังก็รีบยัดกระป๋องเบียร์ใส่มือแลกกับกล้องทันที
สาลี่ก้มมองพิจารณาสภาพของกล้องที่ยังคงเหมือนใหม่แม้จะผ่านการใช้งานมานาน
บ่งบอกว่าเจ้าของดูแลรักษามาเป็นอย่างดี
ก่อนดวงตากลมใต้เลนส์แว่นจะมองผ่านช่องมองภาพพลางส่งเสียงร้อง


“พร้อมยางงงง~~

เอ้า...หนึ่ง สอง ซ่ำ

เป๊ป ซี่ซซซซซ...~~~”


คำพูดกับท่าทางตลกของอีกฝ่ายทำให้นักรบเผลอหัวเราะออกมาแทนที่จะยิ้ม
จนคนสั่งหน้าบูด ร้องโวยวายออกมาอย่างงอน ๆ


“โห...ทำไมไม่พูดอ่ะ
แบบนี้ก็ออกมาไม่สวยอ่ะดิ
ไม่ไหว...ไม่ไหว....
เดี๋ยวสาจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างเองนะ”


จบคำ เจ้าของประโยคก็ย้ายตัวเองมาอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงที่ยืนพิงรถเต่าอยู่
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแดงเรื่อยื่นเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ
ก่อนเจ้าตัวจะใช้มือข้างเดียวถือกล้องหมุนให้เลนส์หันกลับมาโฟกัสคนทั้งสอง


“พร้อมน๊า......

หนึ่ง สอง ซ่ำ

เป๊ป...ซี่ซซซซซ~~~~”



นักรบพูดประโยคสุดท้ายออกมาด้วยรอยยิ้ม

...ไม่ใช่เพราะคำมันบังคับ
แต่รอยยิ้มที่เกิด เขารู้ดีว่ามันออกมาจากหัวใจของเขาจริง ๆ


...ยิ้มเพราะความเอ็นดู

...ยิ้มเพราะความน่ารัก

...ยิ้มเพราะคนคนหนึ่ง



...คนที่ชื่อ ‘สาลี่’




“ดูสิ เห็นมั้ยบอกแล้ว”


คนถ่ายหยิบกล้องขึ้นมากดปุ่มเช็คดูภาพ
ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าเจ้าของเหมือนตั้งใจจะอวด



..ถึงภาพที่ออกมามันจะเบลอเพราะแสงน้อยอยู่สักหน่อย
แต่ก็นับได้ว่านี่เป็นภาพแรก
ที่เจ้าของ 'ร้านหวานละไม' กับ 'ร้านบ้านขนมเดือนใจ' ถ่ายคู่กัน
หลังจากที่พบกันมาเพียงแค่หนึ่งเดือน



...และเป็นภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างของคนทั้งสอง



“ฮ้าวววว....ง๊วงง่วงเนอะ
กล้องอะไรถ่ายแล้วง่วงนอนเลย
ซื้อมาจากที่ไหนอ่ะ เดี๋ยวสาจะได้ไปซื้อบ้าง
เอาไว้ใช้เวลานอนไม่หลับ เคยได้ยินปล่าววว......
น้องน๊อนไม่หลับหัวจ๊ายยมันกระสับกระส่ายยยย~~~วู้ววว....ฮ่าๆๆๆๆ”


คนเมาก็ยังเป็นคนเมาวันยังค่ำ
นักรบยืนฟังเสียงหัวเราะของคนข้าง ๆ
ก่อนเจ้าตัวจะเอนกายพิงรถ
ปล่อยศีรษะสบกับไหล่ของเขาพร้อมกับหลับตาลงช้า ๆ


“อืออ...ขอพักหน่อยนะ”


ดวงตาคมเหลือบมองคนซึ่งยึดหัวไหล่ตัวเองเป็นที่พักพิง
อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมา



...ลูกแม่พลอย เมาซะจนสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว
ร้องโวยวายนู้นนี้ แต่สุดท้ายก็มาหมดท่าเอาจนได้
หึ เห็นแบบนี้แล้วไม่แกล้งลงยังไงไหว
ถือว่าเป็นค่าให้พิงไหล่ล่ะกันนะ


มือแกร่งหยิบกล้องคู่ใจของตัวเองขึ้นมา
หมุนให้เลนส์กล้องส่องมายังทั้งคู่อีกครั้ง
เอนศีรษะเข้าใกล้กับคนที่พิงอยู่แนบหัวไหล่


...ใกล้จนได้กลิ่นหอมของแชมพูจาง ๆ



ไม่รู้ทำไม...

เขาถึงไม่อาจหักห้ามใจตัวเอง
ให้ก้มลงสูดกลิ่นความหอมหวานของคนข้าง ๆ
พร้อม ๆ กับปล่อยให้เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเบา ๆ เป็นเสียงสุดท้ายในค่ำคืนนี้



...แชะ




------------------------------------------------------------------------------------------------------------



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 14:40:01 โดย BitterSweet »

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนนี้สาลี่นั่วมากอ่ะ 55555555 เมาแล้วเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเนอะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
น้องสา แทนตัวเองแบบนี้น่ารักมากกกกกกกกก

เด๋วพอสร่างเมาแล้วจะเป็นไงเนี่ย

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ใกล้กันเข้าไปอีกนิดแล้วนะ

ออฟไลน์ minyoung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 417
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ว้าวน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกด มาต่ออีกนะ ใกล้ที่จะรักกันแล้ว รออยู่นะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
มันแพงไปนะเราว่าตั้ง 40 บาท ถนนคนเดิน 20 ก็พอ
นึกว่าจะมีฉากสวีทมาเรียกน้ำตาลแต่ตอนนี้ก็อบอุ่นนิดๆน่ารักหน่อยๆ
สาลี่หมือนเด็กมากกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
มันแพงไปนะเราว่าตั้ง 40 บาท ถนนคนเดิน 20 ก็พอ
นึกว่าจะมีฉากสวีทมาเรียกน้ำตาลแต่ตอนนี้ก็อบอุ่นนิดๆน่ารักหน่อยๆ
สาลี่หมือนเด็กมากกกกกกกกก

คิดเหมือนกันเลย..เราว่าถ้าลดราคาลงอีกนิด ต้องขายได้แน่ๆอะ :]
สาลี่เวลาถอดหน้ากากแล้วน่ารักมาก อยากให้เค้าสนิทใจกันมากกว่านี้เร็วๆ อยากเห็นนักรบจีบน้องสาจริงๆจังๆซะที > <

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ตอนขายขนมปังไม่ได้อยากจะเดินเข้าไปกอดน้องแน่นๆจัง :กอด1:

ว่าแต่เมาแล้วน่ารักนะเรา....เห็นรูปตอนเมาแล้วจะเม้งแตกมั้ยเนี่ย 555

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
แบบที่นักรบเป็นนี่ เรียกว่า เผลอใจ(รักน้องสา) ได้มั้ยนะ  :kikkik: :kikkik:
มีถ่ายรูปคู่ตอนยิ้มหวาน กับตอนหอมหัวเหม่งกันด้วย หากน้องสาเห็นจะว่าไงบ้างนะ

น่ารักจังค่ะ อ่านตอนนี้แล้ว ยิ้มจนเมื่อยแก้มเลย  :-[ :-[ :-[
+1   :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนแต่ง
ปล. ขอให้ขนมปังสังขยาของน้องสาลี่ ขายดิบขายดีในวันพรุ่งนี้ด้วยเถอะ เพี้ยงงง....

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สนุกมากๆเลยยย ! ชอบมากๆ !
เพิ่งอ่านภาคแรกจบ น้องเพลงน่ารักมากๆ !
จากตอนแรกแอบหงุดหงิดเพลงนิดนึง.. แต่ก็เข้าใจเป็นใครก็คงสับสนเพิ่งอกหักมาด้วย T T''
แถมอิตาพี่แทนก็กวนตีนน้องเพลงไว้แสบพอดูในตอนแรกๆ
แต่พอยิ่งอ่านไปก็ยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆๆๆ ปากไม่ตรงกับใจ ยิ่งเวลาเขินนี่น่ารักมากกกกก!! ><
โมเม้นที่น้องเพลงหึงพี่แทน ตอนน้องอ้อมชวนไปทำบุญนี่มันกร๊าววมาก !
คนอะไร๊โคตรน่ารักเลยยยยยยยยยยยยยยย !
''พี่แทนเขามีนัดกับแฟนแล้ว'' ตอนอ่านนี่แบบ.. อุ๊ยตาย! กรี๊ดดดดด! น้องเพลงหลุดซึน  :-[ :-[
อิจฉาพี่แทนวุ้ย!
ตอนพี่แทนเริ่มรุกจีบเพลงเป็นอะไรที่ฮามาก!
มุขพี่เสี่ยวลาวได้อีก ไม่เข้ากับหน้าโหดๆเล๊ย 555555555

ตอนพิเศษเขินมากกกกกกกกกกก >//////<
เขินแบบไม่ไหวแล้ว !
ตอนน้องเพลงอายปิดหน้าแล้วพี่แทนพลิกตัวให้เห็นหน้าชัดๆนี่มัน..
คือ..เขิน อายแทนน้องเพลง -////-

ตอนนี้กำลังจะอ่านภาคขนมปังสังขยากับลาวาช็อคโกแล็ตต่อนะคะ (:

ปล. น้องคูณจะมีคู่ด้วยมั้ย ??  :impress2:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
สาลี่เมาแล้วรั่วแต่น่ารัก

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
เมาแล้วรั่วมากอ่ะ 55555555

ปล.เชียร์ให้ขายขนมปังสังขยาให้ได้ไวๆนะ

ออฟไลน์ Salome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
มารอให้คู่นี้เขาหวานกันก่อน แล้วจะมาอ่านเรื่องรวดเดียวเลย
เพราะตอนพี่แทนน้องเพลง
อิคนอ่านคนนี้อินมากเกิ๊น ตอนเพลงซึน อ่านแล้วเม้นต์ด่าน้องเพลงซะ
ตอนนี้เลยแอบเข้ามาอ่านเม้นต์แทนก่อน กร๊ากกก :laugh:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
นักรบถ้าไม่อยากตาย พรุ่งนี้ห้ามแซวสาลี่เรื่องนี้เด็ดขาดนะ

ฮาเดส

  • บุคคลทั่วไป
ชอบน้องสาตอนแบบนี้จัง 555555
น่ารักมากมาย โอ๊ยยย รั่วและน่ารักสุดๆ

แนะนำนักรบจับกดเลยนะ  o13

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ต


ชิ้นที่ 12


...อยากอ้วก


ความคิดแรกที่พุ่งขึ้นมาในสมองพร้อมกับอาการพะอืดพะอม
หลังจากสาลี่ลืมตาตื่นอย่างมึน ๆ อยู่บนเตียง


...เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?


คำถามที่สองตามมาติด ๆ
ก่อนความทรงจำจะเริ่มหมุนวนกลับไป

เมื่อคืนออกไปขายของ
ขากลับแวะที่ถนนริมน้ำ
กินเบียร์ไปด้วย

แล้วก็เออ...


...เมาเละ



เขาจำได้แค่ว่าตัวเองซื้อเบียร์มาโหลหนึ่ง
แต่ดื่มไปเท่าไรไม่ได้นับ
รู้แค่ว่าอยากจะให้มันเมา ๆ ซะ
เผื่อจะได้ลืมความกลุ้มใจที่ขายขนมปังสังขยาออกมาไม่ดี
แล้วก็เผลอ....


...เผลอระบายความกลัดกลุ้มให้กับใครบางคนไป



‘อย่างคุณน่ะ เขาไม่เรียกว่าใส่หน้ากากหรอก

คุณแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไปต่างหาก’




จริงเหรอ...
เขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอ

ที่พยายามทำตัวเป็นเด็กดี เพื่อไม่อยากทำให้แม่ลำบากใจ
ที่ตั้งใจเรียนให้ได้คะแนนเยอะ ๆ เพื่อไม่อยากนำความเดือดร้อนมาให้กับตระกูล
ที่ต้องยิ้มแย้มทั้ง ๆ ที่ในใจทรมาน เพื่อไม่อยากให้คนอื่นต้องกังวล

ทั้งหมดนั้น...
เขาทำลงไปก็เพราะห่วงความรู้สึกของคนรอบข้างมากกว่าความรู้สึกของตัวเองใช่มั้ย


‘พักบ้างก็ได้
ทำสิ่งที่คุณอยากทำบ้าง

แล้วถ้ามีปัญหาอะไรผมจะคอยช่วยคุณเอง
...นะ’




...น่าแปลก
แปลกที่คำพูดของคนที่รู้จักกันมาแค่เพียงเดือนเดียว
กลับทำให้ส่วนลึกที่สุดภายในใจสั่นไหว
คล้ายกับถูกมองทะลุถึงปมอันหนักอึ้งที่เขาแบกไว้ตลอดหลายปี
ซึ่งไม่เคยมีใครรับรู้ถึงมันมาก่อน แม้แต่แม่หรือเพื่อน ๆ
   
คนอย่างลูกแม่เดือน
คนที่เขาคิดว่าเป็นแค่ไอ้บ้าติสต์แตกไปวัน ๆ
แต่กลับเป็นคนที่คอยรับฟังปัญหา
และคอยปลอบโยนเขาให้คลายกังวล


...น้ำเสียงที่ห่วงใย

...สัมผัสของมือลูบเรือนผมเบา ๆ


ทั้ง ๆ ที่คอยแหย่กันตลอดแท้ ๆ
ทำไมลูกแม่เดือนกลับมาให้กำลังใจเขาซะได้


แล้วทำไม...



...ทำไมอยู่ ๆ ใจมันถึงเต้น  หน้ามันถึงได้ร้อนขึ้นมาวะเนี่ย!





ก๊อก... ก๊อก...


คนฟุ้งซ่านสะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูขัดความคิด
พูดถึงปุ๊บ... ก็มาปั๊บ...
ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็นหนุ่มผมยาวมาดเซอร์
ที่เปิดประตูพร้อมเสียงเรียกทัก


“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ
เป็นไงบ้าง ปวดหัวมั้ย”


คนที่นอนอยู่รีบผุดตัวลุกขึ้นนั่ง
ควานหาแว่นบนหัวเตียงมาสวมอย่างรีบร้อน
พยายามปรับเปลี่ยนสีหน้า กดความรู้สึกแปลก ๆ ของตัวเองให้ลึกลงไป
ในขณะที่ร่างในชุดเสื้อยืดโลโก้โคค่าโคล่าเดินเข้ามาใกล้พลางยื่นแผงยาส่งให้


“อ่ะ นี่พารา เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็ลงไปทานข้าวซะนะ
แม่คุณทำโจ๊กไว้ให้”


สาลี่รับของจากอีกฝ่าย
ในหัวมีคำถามมากมายที่สงสัย
แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
จึงได้แต่ขยับปากพูดไปตะกุกตะกัก


“เออ....คือ...เมื่อคืน...”


“จะถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
หรือจะถามว่าเมื่อคืนคุณกลับมาได้ยังไง
หรือจะถามว่าเมื่อคืนใครกันที่อ้วกใส่รถผมซะเลอะไปหมดดีล่ะ”



...ไอ้สองคำถามแรกก็อยากจะรู้อยู่หรอก
แต่คำถามสุดท้ายไม่ต้องบอกก็เดาคำตอบได้


ตัวต้นเหตุหน้าเจื่อน
สารภาพตามตรงว่าจำเรื่องหลังจากเมาแล้วไม่ได้เลยสักนิด
แต่ไม่ต้องเสียเวลานั่งนึก
เพราะคู่สนทนากลับเป็นคนเอ่ยปากเล่าออกมาแทน


“เมื่อคืน แม่คุณเป็นห่วงมากเลยรู้มั้ย
ผมไม่แน่ใจว่ามือถือคุณแบตหมดหรือยังไง
แม่คุณถึงโทรหาคุณตั้งหลายสายแต่ก็โทรไม่ติด
เลยมาเคาะประตูหน้าร้านผมตอนเที่ยงคืน
มาขอเบอร์ผมจากแม่ แล้วก็โทรตามเข้าเครื่อง
ผมก็เลยรีบพาคุณกลับบ้าน

แต่ก็นะ...
เมาซะไม่เหลือดีขนาดนั้น
มาถึงก็โดนเฉ่งซะยกใหญ่
แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก
ผมบอกกับพวกเขาว่าผมบังคับให้คุณดื่มเอง
แล้วคุณก็คออ่อนดื่มไปแค่กระป๋องเดียวเลยน็อค”


เขาเนี่ยนะดื่มกระป๋องเดียวแล้วน็อค
ถึงจำไม่ได้ว่าดื่มไปเท่าไร แต่ซื้อมายกโหลขนาดนั้น
ต้องไม่ต่ำกว่าหกหรือเจ็ดแน่ ๆ
บอกกับแม่ไปแบบนี้ มันจะไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอ

จากหน้าเจื่อน ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นซีดลงอย่างคนมีความผิดติดตัว
เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ


“ละ...แล้วแม่ว่าอะไรบ้าง”


“แม่คุณก็ดุผมไปนิดหนึ่ง
ผมพอจะเข้าใจอยู่หรอก ก็ท่านอุตส่าห์ฝากลูกชายไว้กับผมนี่
แต่ดันพาไปเมากลับมาซะอย่างนั้น
ส่วนแม่ผมเขาไม่ค่อยอะไรอยู่แล้ว
แค่เอ็ดตามประสาโทษฐานเมาแล้วขับ
แล้วก็เตือนว่าอย่าทำแบบนี้อีก”


อ้าว...ได้ไงล่ะ
โกหกออกไปทั้ง ๆ ที่ความจริงเขาต่างหากที่เป็นคนเริ่มเอง
แบบนี้ไอ้ลูกแม่เดือนก็โดนดุอยู่คนเดียวน่ะสิ
เขาก็เป็นลูกผู้ชายนะ ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิดอยู่แล้ว

 
“ทำไมไม่บอกความจริงไปล่ะ”


“ก็เดี๋ยวภาพพจน์เด็กดีของน้องสาลี่จะปลิวหายหมดไม่ใช่เหรอ”


คำพูดทีเล่นทีจริงเหมือนอย่างเคย
แต่ครั้งนี้มันกลับแทงใจลึก ๆ ให้คนได้ยินถึงกับสะอึก
 

...มันก็จริงอยู่หรอกว่าเขาอยากจะทำตัวเป็นเด็กดีของแม่
ทั้ง ๆ ที่ควรจะโล่งใจแท้ ๆ ทีลูกแม่เดือนมันช่วยปิดบังความลับให้
แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงกลับรู้สึกอึดอัดในใจแปลก ๆ
เหมือนกับว่า ไม่ต้องการจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงนี่ไว้อีกแล้ว


“อีกอย่าง ผมก็รู้ว่าคุณไม่อยากให้แม่เป็นห่วง
เอาเป็นว่า เดี๋ยวลงไปอ้อนท่านสักหน่อย
แล้วรีบกินข้าวซะ ผมจะได้พาคุณออกไปสักที”


เสียงของหนุ่มติสต์ยังดังออกมาเรื่อย ๆ
แต่คนฟังกลับสะดุดใจในท้ายประโยคจนต้องเงยหน้าถาม


“ไปไหน”


คนถูกถามแย้มรอยยิ้มสบาย ๆ เหมือนที่ทำเป็นประจำ
พร้อมกับทิ้งคำตอบไว้เป็นปริศนาสั้น ๆ
แต่เรียกความสนใจของคนฟังจนดวงตากลมเบิกกว้าง



“ก็พาคุณไปทำให้ ‘ขนมปังสังขยา’ ขายได้ไง”




------------------------------------------------------------------------------------------------------------




...เขามาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ


สาลี่นั่งอยู่บนเบาะรถโฟล์กเต่าสีเหลืองที่ตอนนี้คุ้นเคยยิ่งกว่าฟีโน่ของตัวเอง
พลางครุ่นคิดไปมาหลายตลบถึงคำถามที่คาใจ
ทั้ง ๆ  ที่ไม่รู้ว่ามันจะพาไปไหน
แต่พอได้ยินคำว่า ‘จะทำให้ขนมปังสังขยาขายได้’ ก็ใจง่ายตามมาทันที
ถ้ามันเกิดหาเรื่องแกล้งขึ้นมาอีกจะทำอย่างไง
นี่เขาตัดสินใจถูกรึเปล่าวะเนี่ย

ชั่วขณะที่กำลังสับสน
อยู่ ๆ เสียงจากคนขับก็ร้องถามขึ้นทำลายความเงียบ


“คุณสายตาสั้นเท่าไร”


“ข้างขวาสี่ร้อย ข้างซ้ายสองร้อย”


คนใส่แว่นบอกออกไปอย่างไม่ภาคภูมิใจในโรคสายตาขี้เกียจของตัวเองซะเท่าไร
จะสั้นก็สั้นให้มันเท่า ๆ กันก็ได้
นี่เล่นห่างกันตั้งเกือบครึ่ง เวลาตัดเลนส์ใส่ลำบากจะตาย
แต่จะโทษอะไรได้ นอกเสียจากไอ้หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ยกชุด
ที่พออ่านจบก็ทำเอาตาเฉไปเลย


“แล้วเคยใส่คอนแทคเลนส์มั้ย”


คนถูกถามส่ายหัวดิก


“ผมไม่กล้าเอาอะไรแหย่เข้าตา”


“งั้นก็ควรกล้าได้แล้ว”


“ห่ะ หมายความว่าไง”


สาลี่ขมวดคิ้วมุ่นให้กับบทสนทนาที่จับต้นชนปลายไม่ได้
มิหนำซ้ำยังไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวอะไรกับการทำให้ขนมปังสังขยาของเขาขายได้เลย
ทว่า อีกฝ่ายกลับเอ่ยพูดเปลี่ยนประเด็นใหม่ขึ้นมาแทนคำตอบ


“คุณรู้จักคำว่า Marketing มั้ย”


...มาอีกแล้วไอ้ศัพท์ภาษาอังกฤษ
ยิ่งไม่ถนัดอยู่ด้วย
แต่ไอ้คำง่ายแบบนี้ ใคร ๆ ก็ต้องเคยได้ยินผ่านหูกันบ้างล่ะ


“รู้ดิ การตลาดใช่มั้ย แล้วมันเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์ตรงไหน”


สาลี่ขยับแว่นตอบกลับไปอย่างมั่นใจ แต่ก็ยังไม่วายพ่วงท้ายด้วยความสงสัย


“งั้นคุณรู้มั้ย สมัยนี้น่ะแค่คิดว่ามีสินค้าอยู่
แล้วรอขายออกไปเฉย ๆ มันไม่ทันกินกันแล้ว
มันต้องมีการสำรวจตลาด หาวิธีการโปรโมท วางกลยุทธ์ใหม่ ๆ
เพื่อดึงลูกค้าให้มาซื้อของที่ร้านเราให้ได้มากที่สุด
 
อย่างร้านคุณขายขนมไทย แน่นอนว่าคู่แข่งบนถนนคนเดิน
ที่ขายของประเภทเดียวกันไม่มีอยู่แล้ว
ส่วนขนมของคุณก็อร่อยพอตัว
ดังนั้นเรื่องสถานที่ผ่าน ส่วนสินค้าก็ไม่มีปัญหา
แล้วก็เออ...ราคา
จริงสิ ขนมปังสังขยาคุณขายไปเท่าไร”


“สี่สิบบาท”


“แพงไป สินค้าใหม่เพิ่งเปิดตัวขายแค่ยี่สิบบาทต่อแพ็คก็พอ
ที่เหลือก็เป็นเรื่องวิธีโปรโมทความน่าสนใจของร้าน”



เออ...

...นี่กูคุยกับศิลปินหรือว่านักการตลาดวะเนี่ย
ถึงได้พูดออกมาเป็นช็อต ๆ อย่างกับนั่งฟังซีอีโอในห้องประชุม

แต่อันที่จริง... สิ่งที่ได้ยินผ่านหูมาก็น่าสนใจ
เขาแค่ขายขนมไปแต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องพรรณนี้เลย
ความอยากรู้เรื่องราวต่อจึงทำให้อดไม่ได้ที่จะซักไซ้


“แล้วต้องทำยังไง”


“ก็ง่าย ๆ ร้านคุณขายขนมไทย
คุณก็ดึงคอนเซปต์ของความเป็นไทยออกมาเป็นจุดขาย”


“อ้าว แล้วทีร้านคุณขายเบเกอรี่
ไม่เห็นคุณจะดึงคอนเซปต์อะไรที่เกี่ยวกับเบเกอรี่ออกมาเลย”


รถโฟล์กเบรกลงเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง
ก่อนคนขับจะหันมามองคนข้างกาย
แล้วจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ใครว่าจุดขายของผมอยู่ที่คอนเซปต์เบเกอรี่ล่ะ
จุดขายของผมคือ ‘ความเป็นศิลปะ’ ต่างหาก
ผมใช้ภาพถ่ายมาแทนตัวตนในแบบของผม
ลูกค้ามาเห็นเขาก็คิดว่ามันแปลก น่าสนใจ
แล้วก็ยังจำได้ง่ายด้วย ขนมผมมันถึงขายได้ดีไง”


แบบนี้นี่เอง...
มิน่ามันถึงคอยเอาโปสการ์ดมาประดับร้าน
จัดตกแต่งไฟซะสวย แถมยังเอาเตาอบขนมมาเพื่อใช้กลิ่นเข้าช่วยด้วย
ร้านบ้านขนมเดือนใจเลยมีคนแน่นตลอด
โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบหนุ่มเซอร์ลุคศิลปิน
เทียบกันไม่ได้เลยกับตัวเขาที่เป็นได้แค่หนุ่มแว่นหน้าจืด ๆ
แถมหน้าร้านก็ตกแต่งได้เชยสุด ๆ
ถึงแม้จะพยายามจัดน้องหงส์ขนมไทยมาประดับก็ตาม
แต่ให้ทำทุกวันเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าก็คงไม่ไหว


“แล้วผมต้องทำยังไงถึงจะดึงความเป็นไทยออกมาใช้เป็นจุดขายได้”


คนสงสัยร้องถามขึ้นมาอีกครั้ง แต่ร่างสูงกลับไม่ตอบคำ
หันไปยุ่งกับการเปิดไฟเลี้ยวขวา
หมุนพวงมาลัยจอดแนบริมฟุตบาทตรงหน้าร้านแว่นตา
แล้วจึงดับเครื่อง เอ่ยสั่งสั้น ๆ



“เริ่มจากใส่คอนแท็คเลนส์ซะ”


....


..


.


สาลี่นั่งอยู่ในร้านแว่นหนึ่งชั่วโมงเต็ม
และเป็นหนึ่งชั่วโมงที่เขาต้องเสียน้ำตาจนกระดาษทิชชู่หมดไปหนึ่งแพ็คเล็ก
ความไม่คุ้นชินกับการใส่คอนแทคเลนส์ทำให้เขากลัว
กว่าจะทำใจกล้ายัดเลนส์บาง ๆ ลงไปในลูกตาได้ด้วยตนเองก็ต้องเสียน้ำตาไปหลายปี๊บ
ทั้งแสบ ทั้งเคือง แต่ก็เป็นแค่ช่วงแรก ๆ พอเริ่มชินมันก็ดีขึ้น
เจ้าของร้านแว่นก็แสนใจเย็นมาช่วยสอนให้
สุดท้ายเขาก็เลยซื้อคอนแทคเลนส์แบบรายเดือน
พร้อมกับน้ำยาล้าง และน้ำตาเทียมมาเรียบร้อยครบชุด

คนที่เพิ่งหัดใส่คอนแทคเลนส์เดินขึ้นรถเต่าไปด้วยมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม
เพราะไม่มีแว่นมาบดบังทัศนวิสัยบางส่วนให้เกะกะ
ทำให้คนเห่อของใหม่มองนั้นมองนี่ผ่านกระจกรถด้วยความตื้นเต้น
กระทั่งรถถูกจอดลงตรงหน้าร้านอีกแห่ง


“ต่อไปก็ที่นี่”


เขาหันมองไปยังร้านที่คนพามาพยักพเยิด
แค่เห็นผู้หญิงนั่งอยู่พร้อมกับช่างกำลังถือไดร์เป่าผมก็รู้แล้วว่าร้านนี้คือร้านอะไร


“ทำไมต้องพาเข้าร้านตัดผมด้วย”


สาลี่ร้องโวยวาย หน้าบึ้งอย่างคนหงุดหงิด
เพราะไอ้สิ่งที่ทำไม่ก็เห็นว่ามันจะไปเกี่ยวข้องอะไร
กับแผนการดึงคอนเซปต์ความเป็นไทยออกมาตรงไหนเลยสักนิด


“เถอะน่า ถ้าที่ผมทำให้คุณไม่ได้ผล
ผมจะยอมให้คุณอ้วกใส่รถผมอีกสิบรอบเลยเอ้า!”


คำพูดรับประกันอย่างมั่นใจแกมหยอกทำให้คนฟังนึกเคืองอยู่หน่อย ๆ
แต่ก็ไม่อยากจะเถียงอะไรให้มันวุ่นวาย


...เออ อยากจะทำอะไรก็ทำเลย
แล้วถ้ามันไม่เวิร์คจริง ๆ ล่ะก็
ไม่ใช่แค่อ้วกใส่รถแน่ คอยดู!!



สาลี่จึงจำใจนั่งเป็นตุ๊กตาให้เจ๊ลิลลี่สาวประเภทสองฝีมือเลื่องชื่อในจังหวัดเป็นคนจัดการ
ผมยาวระต้นคอถูกตัดสั้นขึ้นมาเล็กน้อย
ส่วนผมที่แทบจะทิ่มตาก็ถูกตัดให้เห็นหน้าผากเผยรูปหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น
ความจริงเขาไม่ได้ตัดทรงเปิดหน้าแบบนี้มาตั้งแต่สมัยไถเกรียนตอนมัธยมแล้ว
หลังการแต่งทรงบวกด้วยแว๊กซ์อีกเล็กน้อย
พอมองตัวเองในกระจกอีกทีก็เลยรู้สึกเหมือนย้อนวัยไปอีกสักห้าปีไม่มีผิด
ทว่า เจ๊ลิลลี่กลับเอ่ยปากชมไม่ได้หยุด
 

“หัวน้องเขาทุยสวยอยู่แล้ว ตัดทรงนี้เหม๊าะเหมาะ
แหม...ไปไว้ทรงปิดหน้าปิดตาอยู่ได้ตั้งนาน มีของดีก็ไม่เอาออกมาโชว์
ดูสิ หน้าเนียน ตาหวานซะขนาดเนี่ยย...ซี๊ดดด....เห็นแล้วเปรี้ยวปาก
สนใจมาเป็นเด็กในสังกัดเจ๊มั้ยจ๊ะหนุ่มน้อย.....มามะ...”


ท้ายประโยคเจ้าหล่อนยักคิ้วพร้อมส่งเสียงกระเซ่าอย่างน่ากลัว
ทำเอาคนฟังต้องรีบส่ายหน้ายิก พร้อมกับหยิบแบงค์จ่ายตังค์
ดันหลังเร่งให้คนพามาเผ่นออกจากร้านโดยด่วน



ทั้งสองคนขึ้นรถคันเดิมขับออกมาตามซอกซอยอีกไม่ไกลนัก
ก่อนรถจะมาจอดสนิทอีกครั้งตรงหน้าร้านขนาดใหญ่
ที่ทำเอาดวงตากลมต้องมองชื่อร้านซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่แน่ใจ


‘ไอรัก Wedding Studio’



...มาทำซากอะไรวะ


ความสงสัยยังไม่ทันออกมาเป็นคำพูด
เพราะคนที่ตั้งใจจะถามกลับเปิดประตูเดินลิ่วเข้าร้าน
ทำให้สาลี่ต้องรีบเดินเข้าไปตาม
และทันเห็นลูกแม่เดือนพูดคุยกับหญิงสาวที่ดูท่าคล้ายเจ้าของซึ่งเหลือบมองเขาอย่างสนใจ
ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินหายไปหลังร้าน
ทิ้งให้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกท่ามกลางคู่รักซึ่งพากันจูงมือมาเลือกซื้อแพ็คเก็ตถ่ายรูปเวดดิ้ง


คนอื่นเข้ามาเป็นคู่ชายหญิง
แต่แขกที่มาใหม่เป็นผู้ชายผู้ชายแบบนี้
ไม่แปลกเลยที่จะต้องมีคนมามอง ๆ บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าที่หันไปกระซิบกระซาบกับพนักงานหัวเราะคิกคัก
หรือคู่บ่าวสาวซึ่งมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
จนคนที่ถูกเพ่งเล็งเริ่มทำตัวไม่ถูก


โอยยย....ที่อื่นมีเยอะแยะไม่ไป
จะมาทำไมที่เวดดิ้งสตูดิโอเนี่ยยย
แล้วไอ้ลูกแม่เดือนมันหายไปไหนวะ
ทิ้งกูไว้แบบนี้ได้ไง


...แม่งงง กูอายนะโว้ยยย!!!



ด่าอยู่ในใจยังไม่ทันขาดคำ
คนต้นเรื่องก็โผล่ออกมาพร้อมกับหิ้วบางสิ่งไว้ในมือ


...บางสิ่งที่ทำให้ความเคืองเปลี่ยนเป็นความอึ้ง
และยิ่งตะลึงเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยบอก



“เดี๋ยวคุณมาลองนี่หน่อย”



ดวงตากลมเบิกกว้างไล่สายตามองชุดที่ใครบางคนถือ
จากบนลงล่างแล้วล่างขึ้นไปบนอีกรอบ
ก่อนถามย้ำอีกครั้งสั้น ๆ


“เอาจริง?”


“ก็ต้องจริงน่ะสิ เนี่ยแหละไม้ตายสุดท้าย”




....ไม้ตาย


เนี่ยนะ... ไม่ตายของมัน

ไอ้ชุดไทยราชปะแตนสีขาว พร้อมด้วยโจงกระเบนสีน้ำเงินเข้ม
แถมคู่มากับสไบปักมุกข์สีน้ำตาลเหลือบทอง
จะตะแคงซ้ายขวามองยังไง
นี่มันก็เป็นชุดเจ้าบ่าวชัด ๆ
อย่าบอกนะว่ามันจะให้ใส่ไปขายขนม


...ยังไงก็ไม่มีทาง!!




“ผมไม่ใส่”


“อย่าเรื่องมากน่า พี่นุ่นเจ้าของร้านเขาเป็นลูกค้าผม
อุตส่าห์อ้อนตั้งนานพี่เขาเลยยอมลดราคาขายยกชุดแค่ห้าร้อยเอง
ไปลองให้ดูหน่อยว่าใส่ได้มั้ย แต่ผมกะดูแล้วก็น่าจะพอดีอยู่นะ”


“คุณจะบ้าเหรอ!! ให้ผมใส่ชุดนี่ไปขายขนมเนี่ยนะ น่าอายตายชัก!!”


คนถูกบังคับร้องโวยวายออกมา
ชนิดที่ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม
แต่แทนทีร่างสูงจะโต้ตอบ
กลับทำแค่เพียงถอนหายใจออกมาอย่างหน่าย ๆ


“เฮ้อ....ตามใจคุณล่ะกัน
ถ้าอยากเห็นขนมปังสังขยาเต็มกล่องกลับมาเหมือนเดิมผมก็ไม่ว่า”



ประโยคเดียวแต่มีอานุภาพมากพอที่จะทำให้หัวใจคนฟังสะอึก


นั้นสิ...อุตส่าห์ทำมาตั้งขนาดนี้
ทั้งเปลี่ยนไปใส่คอนแทคเลนส์
ทั้งยอมลงทุนตัดผม
เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้น
แล้วเขาจะยอมปล่อยให้ร้านหวานละไมต้องเจอกับสภาพขายไม่ออก
เพราะความเอาแต่ใจของตัวเองแบบนี้น่ะเหรอ


...เอาก็เอาวะ!!



คนตัดสินใจได้จึงคว้าชุดไปจากมือของร่างสูงอย่างหงุดหงิด
แล้วเดินฉับ ๆ หายเข้าไปในห้องลองเสื้อ
ปล่อยให้คนที่มองเห็นแผนการตนเองสำเร็จผลยืนยิ้มอย่างพอใจ



...ยังไงเรื่องไม่ยอมแพ้นี่ก็สู้ลูกแม่พลอยไม่ได้จริง ๆ
ก็เพราะไอ้นิสัยแบบนี้น่ะสิ ถึงได้ทำให้น่าแกล้งนัก

คิดพลางเดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่หน้าร้าน
หยิบกระเป๋าใส่กล้องตัวโปรดสะพายออกมา
ตั้งใจไว้ว่ากะจะถ่ายรูปคนน่าแกล้งในชุดไทยเอาไว้เป็นที่ระลึก
แต่พอเดินกลับเข้ามาอีกที เขาก็ยังไม่เห็นคนที่ว่า


...อะไรจะใส่ยากขนาดนั้น
โจงกระเบนก็เป็นยางยืดแท้ ๆ
แต่งตัวช้าเป็นผู้หญิงไปได้



คนรอจึงเดินไปเคาะห้องลองเสื้อ พร้อมกับเอ่ยปากเร่ง


“เสร็จรึยังคุณ ให้ผมเข้าไปดูหน่อย”


“ไม่เอาได้มั้ย ผมว่าใส่แล้วมันตลกอ่ะ”


เขาได้ยินเสียงคนข้างในตอบกลับลอดผ่านประตูมาเบา ๆ
จนต้องเผลอถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายอีกรอบ


“ตลกไม่ตลกเดี๋ยวผมบอกเอง เปิดประตูเร็ว ๆ”




...แกร๊ก



เสียงกลอนประตูห้องลองเสื้อเลื่อนเปิดออก
ก่อนคนที่อยู่ด้านในจะเดินออกมา
นักรบเตรียมจะอ้าปากบ่น
ทว่า ดวงตาคมกลับทำแค่เพียงจับจ้องร่างนั้นด้วยความนิ่งอึ้ง

...ลืมถ้อยคำพูด

...ลืมกดชัตเตอร์ภาพ


...แม้กระทั้งลมหายใจก็เหมือนกับลืมไปแล้วว่าต้องทำยังไง



ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูอ่อนกว่าวัยด้วยผมทรงใหม่ที่พอเหมาะกับโครงหน้าคมหากแต่เรียวได้รูป
ดวงตากลมโตที่ไม่มีแว่นบดบังเป็นประกายวิบวับเหมือนมีดาวกระพริบอยู่ภายใน
เสื้อราชปะแตนสีขาวพอดีตัวอย่างไม่น่าเชื่อ มีสไบวางพาดไหล่เสริมให้ดูมีสง่าราศี
เข้าคู่กันดีกับโจงกระเบนสีน้ำเงินเข้มที่ขับผิวของคนใส่ให้ดูผ่อง
ยิ่งพอประกอบกับท่าทางเขิน ๆ ของเจ้าตัวที่เกาต้นคอเก้อ ๆ อย่างคนทำอะไรไม่ถูก
ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เป็นธรรมชาติชวนมองอย่างไม่อาจห้ามสายตาได้



...คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือลูกแม่พลอยจริง ๆ เหรอ


...แล้วทำไมหัวใจของเขาถึงคล้ายกับจะถูกพรากให้หลุดลอยไปเพราะคนคนนี้



นับรบได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงพูดไม่ออก
ทว่า ใครบางคนที่บังเอิญผ่านมาเห็นกลับร้องขัดขึ้นเสียก่อน


“ต๊ายยย ใส่ออกมาได้พอดีเลย แถมยังหล่อซะด้วย
น้องใส่ชุดไทยขึ้นมาก ๆ เลยนะคะเนี่ย
ดูดีมีออร่าเจ้าบ่าวจับเชียวล่ะค่ะ”


เสียงแหลมเล็กของพี่นุ่นเจ้าของร้านเวดดิ้งวัยสี่สิบหย่อน ๆ
แต่ยังสวยปิ๊งเหมือนสาวอายุสามสิบเรียกให้คนทั้งสตูดิโอหันไปจับจ้อง
แถมเจ้าตัวยังไปสรรหาถุงเท้าขาวและรองเท้าหนังมาให้คนในชุดไทยใส่อีก
พอแต่งเต็มยศก็ยิ่งดูทั้งสง่า ทั้งมีเสน่ห์
เหมือนท่านเจ้าคุณวัยหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุครัตนโกสินทร์อย่างไรอย่างนั้น
ทำเอาสาว ๆ ทั้งสตูดิโอเคลิ้ม
รีบใช้ไอโฟนแอนดรอย์บีบีถ่ายรูปแย่งกันให้วุ่นวายไปหมด


นักรบเองก็ได้แต่มองภาพนั้นหลังจากเรียกสติกลับคืนมา
ใจนึกอยากจะยกชัตเตอร์มาถ่ายด้วยเหมือนกัน
แต่ให้ฝ่าวงล้อมของสาว ๆ ไปคงไม่ไหว


ที่สำคัญ... เขายังสับสนกับความรู้สึกในใจ



...แค่เห็นหน้าลูกแม่พลอยเมื่อกี๊
ทำไมหัวใจถึงได้เต้นแบบนั้น
ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นผู้ชาย
แต่เขาดันเกิดความรู้สึกบ้า ๆ ขึ้นมาท่วมท้นไม่หยุด


อยากกอด...

อยากจูบ...

อยากเก็บไว้เป็นของเขาคนเดียว...




“นี่คุณ ตกลงว่า มันโอเคเปล่า ไม่ตลกแน่นะ”


คนที่จมอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกใครบางคนสะกิด
ดูเหมือนคนทั้งสตูดิโอจะถ่ายรูปกันเสร็จจนหนำใจแล้ว
ถึงได้ยอมปล่อยท่านเจ้าคุณหลงยุคมายืนทำหน้ากังวลอยู่ข้างเขา


“สาว ๆ รุมขนาดนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอไง”


นักรบตอบกลับไปเสียงห้วนเล็กน้อย
รู้สึกฉุนขึ้นมานิด ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
แต่อีกฝ่ายแค่พูดเสียงเรียบเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงความหงุดหงิดนั้น


“ก็แค่อยากได้ยินจากปากคุณให้แน่ใจ”


ดวงตาคมเหลือบมองคนพูด
จากความฉุนกลับเปลี่ยนเป็นความดีใจลึกๆ


...เดี๋ยวรู้สึกโกรธ เดี๋ยวรู้สึกดี
ลูกแม่พลอย มันแกล้งทำให้ความรู้สึกเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเล่นสนุกรึไงกัน

...ไม่ได้อย่างนี้ต้องเอาคืน



หนุ่มศิลปินจึงกวาดตามองพิจารณาคนข้างตัวอย่างจริงจัง
ใช้มือลูบคางตัวเองไปมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด


“อืม...เหมือนขาดอะไรไปอย่าง”


“อะไร”


คนไม่มั่นใจถามกลับด้วยสีหน้ากังวลที่เพิ่มมากขึ้น
เข้าตามแผนของคนขี้แกล้งที่แสร้งดีดนิ้วดังเปาะ


“อ้อ...รู้แล้ว  รอยยิ้มไง
ไหนลองยิ้มสิ ยิ้มกว้าง ๆ แบบไม่ต้องเก๊กนะ
ถ้าทำไม่เป็นเดี๋ยวผมจะสอน เพราะเมื่อคืนมีคนสอนผมมา
อ่ะ พูดตามผมนะ

หนึ่ง สอง ซ่ำ

เป๊ป ซี่ซซซซซ~~~”



คำล้อทำให้คนฟังชะงัก สะกิดใจในสิ่งที่ได้ยิน


...ไอ้คำพูดนี้มันคุ้น ๆ นะ

เหมือนว่าเมื่อคืน.....


เมื่อคืน......



อย่าบอกนะว่า....



ทันใดนั้นความทรงจำต่าง ๆ ก็ย้อนกลับมาเป็นฉาก
ความอายที่ถาโถมเข้าใส่ทำให้เลือดแล่นริ้วขึ้นสู่ใบหน้าของคนนึกออกทันที
สาลี่ไม่คิดจะโวยวายเถียงแต่กลับรีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องลองเสื้อ
โดยทิ้งนักรบที่ยังคงหัวเราะเบา ๆ ไม่เลิกไว้ข้างหลัง


เฮ้อ...ลูกแม่พลอย นี่มันยังไงกัน
บอกให้ยิ้มดันไม่ยิ้ม
แต่มาทำให้เขายิ้มกว้างเสียเอง

อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขาก็โดนแกล้งเหมือนกัน
งั้นครั้งนี้ถือว่าเจ๊ากันไปล่ะกันนะ

ไว้เขาจะแก้แค้นคืนคราวหลัง
เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ


...คุณลูกแม่พลอย



------------------------------------------------------------------------------------------------------------



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 14:16:55 โดย BitterSweet »

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
โอ๊ย นึกว่านักรบจะไปจูบน้องสาซะแล้ว  :กอด1:


แต่จะแต่งชุดไทยไปขายขนมจริงๆ น่ะหรอ?   :laugh:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
หวานนนนนนนมากกกกก

นักรบอึ้งไปเลยน้องสาหล่อใช่มะล่ะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ตกหลุมรัก...ขึ้นไม่ไหว

ใครนะใครเป็นคนผลักฉัน ฮิ้วววว

 :music:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องเมา นักรบรับผิดแทนน้องสาด้วย พระเอกสุดๆ อารมณ์แบบว่าปกป้องน้องอ่ะ ปลื้ม.....จัง (ก็เค้าเป็นพระเอกนี่)
เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าพี่รบจะหวั่นไหวกับน้องสาบ่อยนะ เดี๋ยวตะลึง เดี๋ยวอยากกอด เดี๋ยวอยากจูบ คริคริ  :kikkik: :kikkik:

แค่ลองชุด ยังทำเอาสาวๆรุม นี่ถ้าแต่งไปขายขนม จะขนาดไหนเนี่ย :จ้อบจัง1: :จ้อบจัง1:
ขอให้ขนมปังสังขยาขายดิบขายดีนะจ๊ะ น้องสา

+1 ให้คนแต่งจ้าาาา
ขอบคุณนะคะ น่ารักมากๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
แต่งเลยๆๆๆๆๆ

อุ๊ย ผิดงาน 5555555555555555

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ไอ้ลูกแม่เดือนขี้แกล้ง!
แต่น้องสาลี่ก็น่ารัก น่าแกล้งจริงๆ  :-[

น้องสาแปลงโฉมแล้วว! อยากเห็นอ่ะ ><
นักรบดูแลดีๆนะจ้ะ น้องน่ารักขนาดนี้ระวังโดนฉุด!

เขินนนน >//<
นายลูกแม่เดือนแอบหึงด้วย!
ตัวเองเป็นคนเปลี่ยนลุคให้น้องสาเองแท้ๆ ถ้าไปขายจริงจะไม่ยิ่งหึงเรอะ 5555555

ชอบฉากแป๊ปซี่~~ แล้วน้องสาอายวิ่งหนีเข้าไปในห้องลอง.... มันน่ารักมากกกกกกกก !!!!  :o8: :o8:

สาลี่เริ่มอยากเป็นตัวของตัวเองกับแม่แล้วสินะ...
ลองค่อยๆเปลี่ยนดู.. UU

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด