ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ตชิ้นที่ 14แม้จะเป็นวันที่สอง....
และแม้จะขอให้คนขับช่วยจอดรถโฟล์กเต่าให้ใกล้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ตาม
แต่การที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาเพราะชุดราชปะแตนเต็มยศ
ก็ไม่ทำให้ความอายของสาลี่ลดลงแม้แต่น้อย
...มันก็แน่อยู่แล้วนี่หว่า
เขาไม่ได้หน้าหนาสักหน่อย
ถึงมันจะช่วยทำให้ขนมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แต่ยังไงก็อดที่จะรู้สึกเกร็ง ๆ ไม่ได้อยู่ดี
เขายอมรับว่าแผนกลยุทธ์โปรโมทร้านแบบนี้ได้ผลมากกว่าที่คาดไว้
และไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดจากไอเดียของใครบางคน
ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นมันเป็นคู่แข่งแท้ ๆ
แต่กลับยอมมาช่วยเหลือกันแบบนี้
....ลูกแม่เดือน มันคิดอะไรของมันอยู่กันแน่นะ?
หนุ่มเจ้าของร้านขนมไทยเหม่อมองร้านฝั่งตรงข้าม
ก่อนเสียงเรียกทักจะทำให้ความความคิดสะดุดลง
“น้องจำพี่ได้รึเปล่าจ๊ะ”
เขาเงยหน้ามองคนถาม แล้วก็ต้องร้องอ๋อขึ้นมาในใจ
พี่พนักงานออฟฟิศผมยาวลูกค้ารายแรกที่ทักเขาว่าเรียนอยู่มอปลายนี่เอง
“จำได้สิครับ แล้ววันนี้จะรับขนมอะไรดีครับ”
สาลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ลูกค้าเจ้าเดิมกลับมาอุดหนุน
และยิ่งทวีความตื้นเต้นมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดประโยคต่อมา
“เมื่อวานพี่ซื้อขนมปังสังขยาของน้องไป
ที่บ้านชมกันใหญ่ว่าอร่อยมากเลย
พี่เลยกะว่าจะมาขอเหมาเอาไปแจกที่ทำงานด้วย
สักสิบห้าถุง พอจะมีบ้างมั้ยจ๊ะ”
“มีครับมี ขอบคุณมากเลยครับ”
ดวงตากลมวาบวับเป็นประกาย
ละล่ำละลักร้องบอกอย่างดีใจเป็นล้นพ้น
ในที่สุดความพยายามที่จะสร้างเมนูใหม่ก็ไม่สูญเปล่า
แถมยังมีคนชอบถึงขนาดเหมาหมดด้วย
...โอยยย แบบนี้ไม่ให้ไอ้สาลี่ปลื้มได้ยังไงคร้าบบ!!
เขาหันรีบหยิบถุงใบใหญ่ใส่ขนมปังสังขยาที่แพ็คเอาไว้
หูก็ยังคงได้ยินคำชมที่เอ่ยมาไม่ขาดปาก
“ขนมปังของน้องอร่อยมากนุ่มหอมไม่เหมือนที่ไหนเลย ซื้อหรือว่าทำเองจ๊ะ”
“อ๋อ ผมทำเองครับ”
“ต๊ายย จริงเหรอ ทำเก่งขนาดนี้น่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ขายด้วยเลยนะเนี่ย”
ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอามือที่หยิบขนมชะงัก
...เก่งเหรอ?
...เปล่าเขาไม่ได้เก่งอะไรเลย
เพราะสูตรขนมปังที่ได้มาเขาไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นเอง
วิธีทำต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ก็ทำไม่เป็นเลยสักนิด
ที่เขาสามารถอบขนมได้ดีแบบที่ตัวเองต้องการ
...มันก็เพราะใครบางคนที่คอยแนะนำเขาอยู่ข้าง ๆ ตลอดต่างหาก
สาลี่เผลอมองร้านฝั่งตรงข้ามที่ลูกค้าดูจะบางตากว่าปกติทุกวัน
ก่อนจะตัดสินใจหันมาตอบหญิงสาวซึ่งยืนรออยู่
“ไม่หรอกครับ ถ้าพี่อยากทานเบเกอรี่อร่อย ๆ
ผมแนะนำร้านบ้านขนมเดือนใจตรงข้ามร้านผมนี่เลยครับ
ขนมปังเขาอร่อยมาก แล้วพวกเค้กโฮมเมดก็ทำเองใหม่ ๆ ทุกวันด้วย”
“แหนะ สงสัยเป็นเพื่อนกันล่ะสิ ถึงเชียร์ร้านนี้น่ะ
แต่ถ้าน้องว่าอร่อย เดี๋ยวพี่จะลองซื้อชิมดูนะ”
คนฟังมองตามไปยังร้านอีกฝั่งพลางเอ่ยแซว
ซึ่งสาลี่ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับ
แต่เมื่อรับถุงขนมแล้วเจ้าตัวก็เดินลิ่วไปหยุดอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้ามทันที
เห็นชี้ ๆ เลือกขนมกลับไปอยู่หลายชิ้น
ทำให้คนสังเกตดูอยู่เงียบ ๆ อดไม่ได้ที่จะโล่งใจเมื่อคำแนะนำได้ผล
อ้าว...แล้วไหงเขาถึงได้พลอยดีใจที่เห็นร้านคู่แข่งของตัวเองขายได้ขึ้นมาล่ะ
มันต้องหงุดหงิดไม่ใช่เหรอ
ทั้ง ๆ ที่เคยประกาศชัดเจนแล้วว่าจะตั้งใจทำยอดขายถล่มร้านบ้านขนมเดือนใจให้ได้
แล้วทำไมถึงไปแนะนำลูกค้าเขาแบบนั้น
...บ้าไปแล้วรึเปล่าวะ?
แม่งเอ้ยยย ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ เว้ยยย!!
“นี่ไง ร้านหวานละไมขนมไทยแม่พลอยที่ลงในโฆษณา”
เสียงของลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ทยอยเข้ามา
ทำให้สาลี่รีบดึงสติอันสับสนของตัวเองเข้าร่างโดยด่วน
เขาหันไปยิ้มต้อนรับลูกค้าสาว ๆ ทั้งรุ่นลูก รุ่นแม่ รุ่นป้า
ที่เหมือนจะยกโขยงมาเป็นครอบครัวใหญ่
ดูจากท่าทางการแต่งตัวสุดชิคบอกชัดเลยว่าเป็นคนเมืองกรุง
ที่แวะมาเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้
“ว๊ายยย!! คนขายแต่งชุดไทยด้วย
ไม่เห็นจะเขียนบอกไว้ในโฆษณาเลย เก๋ดีจัง”
คำในท้ายประโยคสะดุดหูคนขายอย่างแรง
จนเขาต้องเอ่ยถามซ้ำอย่างสงสัย
“เออ โฆษณาที่ว่าคืออะไรเหรอครับ?”
สาวรุ่นแม่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเจ้าของคำทัก
รีบยื่นแผ่นพับมาโบกตรงหน้าของคนถามทันที
พร้อมกับขยับปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดอธิบาย
“ก็นี่ไงจ๊ะ โฆษณาถนนคนเดินที่ลงในใบปลิวการท่องเที่ยว”
สาลี่รับของที่อีกฝ่ายยื่นส่งมาให้
ดวงตากลมพลิกมองด้านหน้าของแผ่นพับ
ที่ดูเหมือนจะเป็นการโปรโมทจังหวัดจัดร่วมกับททท.
ด้านหน้ามีการบอกประวัติที่มาที่ไปของการจัดถนนคนเดินริมน้ำขึ้นมา
ส่วนภายในแนะนำร้านค้าที่น่าสนใจต่าง ๆ เอาไว้
แล้วเขาก็พบร้านของตัวเองอยู่ตรงแผ่นพับหน้ากลาง
โดดเด่นด้วยภาพน้องหงส์ขนมไทยที่ล้อเล่นแสงสวยเหมือนปะติมากรรม
รายล้อมไปด้วยรูปขนมไทยอื่น ๆ ซึ่งถ่ายซูมจนดูน่าทาน
มิหนำซ้ำยังมีรายละเอียดของร้านค้าแทรกกรอบเล็ก ๆ
ทั้งการวางเลย์เอาท์และการใช้สีสันลงตัวพอเหมาะ
...นี่ไม่ใช่แค่ใบปลิวโฆษณาแล้ว
แต่เหมือนสูจิบัตรงานศิลป์ดี ๆ สักชิ้นมากกว่า
และคนที่มีหัวครีเอทมีฝีมือถ่ายรูป
ทั้งยังนำภาพมาเข้าคู่จัดวางได้ขนาดนี้
ก็คงมีแค่คนเพียงคนเดียว
...ลูกแม่เดือน มันจะทำให้เขานึกทึ่งในไปถึงไหนกันนะ
มาช่วยกันมากขนาดนี้
เขาควรเลิกตั้งแง่กับมันสักทีดีรึเปล่า
ที่ผ่านมามันเคยพยายามขัดแข้งขัดขาไม่ให้ร้านหวานละไมขายได้มั้ย?
ก็เปล่านี่...
มีแต่เขาที่คิดไปเองว่ามันเป็นคู่แข่ง
และถ้าต่อจากนี้....
เขาสองคนคอยช่วยเหลือพัฒนาร้านด้วยกัน
คอยช่วยแก้ปัญหา มีอะไรก็ปรึกษากันและกัน
มันจะดีสักแค่ไหนกันนะ
...มันจะดีสักแค่ไหน
หากวันนี้ ‘ลูกแม่พลอย’ กับ ‘ลูกแม่เดือน’
จะเปลี่ยนมาเป็นคนที่ต่างฝ่ายต่างเรียกกันว่า
‘เพื่อน’
คำถามที่ตั้งไว้ในใจหยุดลงเมื่อกลุ่มลูกค้าเริ่มเลือกชี้ขนมให้คนขายหยิบใส่ถุง
สาลี่หันกลับไปให้ความสนใจกับการขายตามเดิม
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากนั้น...
สายตาของตนก็มักจะเหลือบมองไปยังร้านฝั่งตรงข้าม
ที่มีเจ้าของเป็นหนุ่มติสต์มาดเซอร์อยู่ตลอดทั้งคืน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ห้าทุ่มครึ่ง บนรถโฟล์กเต่า
นักรบพยายามบังคับตัวเองให้เพ่งความสนใจไปที่ถนน
โดยไม่สนร่างซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้าง ๆ
ที่กำลังพยายามถอดโจงกระเบนออกจากขาทั้งสองข้าง
จนเหลือแค่บ็อกเซอร์ลายตารางยาวปิดต้นขามาได้แค่คืบหนึ่งเท่านั้น
ขนาดวันนี้ขนพัดลมตัวเล็กมาช่วยเป่าคลายความร้อนจากการใส่ชุดไทยแท้ ๆ
แต่สภาพอากาศเมืองไทยก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าอบอ้าวมากแค่ไหน
จึงทำให้ทันทีที่ขึ้นรถ คนที่เหงื่อแตกพลั่กต้องรีบถอดเสื้อผ้าหันไปเร่งแอร์เพิ่มทันที
“เฮ้อ...ร้อน ๆๆๆๆ”
...ไอ้ร้อนก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าร้อน
แต่เล่นถอดซะจนเหลือแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์แค่นี้
ลูกแม่พลอยมันจงใจยั่วกันชัด ๆ
...น่าแปลกที่ร่างกายผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ
แถมไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งให้ดูน่าเย้ายวนตรงไหน
แต่ทำไมเขากลับรู้สึกตื้นเต้นแปลก ๆ
...อยากจะแตะต้องเนื้อนวล ๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามันจะนุ่มขนาดไหน
...อยากจะลิ้มชิมกลีบปากสีชมพูจาง ๆ ว่าจะหวานละมุนลิ้นคล้ายกับสังขยาที่กินในคราวนั้นมั้ย
...อยากจะตระกองกอดคนตรงหน้านี้ไว้
...อยากให้รอยยิ้มและหัวใจเป็นของเขาคนเดียว
มันจะเป็นไปได้มั้ย...?
ลูกแม่พลอยพอจะให้โอกาสกันบ้างรึเปล่า...?
“เห็นโฆษณาที่คุณถ่ายในแผ่นพับแล้วนะ”
สติที่หลุดลอยไปไกลของนักรบ
ถูกขัดจังหวะลงด้วยเสียงพูดของคนข้างตัว
เขาพยายามทวนสิ่งที่ตัวเองได้ยินผ่านหู
โฆษณา... แผ่นพับ...
อ๋อ...แผ่นพับโปรโมทถนนคนเดินที่คณะกรรมการจัดงานช่วยขอให้เขาทำน่ะหรอ
ความจริงมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้นหรอก
เพราะเขาทำเลียนแบบสูจิบัตรงานศิลปะของตัวเองในโปรเจคจบมหาลัย
อีกอย่างเขาก็ชอบใช้โปรแกรมแต่งภาพจนคล่องมือแล้วด้วย
มันก็เลยเป็นงานที่เสร็จออกมาได้แปลกและน่าสนใจ
จากความคิดที่นอกกรอบไม่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ในแบบของเขา
“แล้วชอบมั้ยล่ะ”
นักรบย้อนถามกลับ
เกริ่นออกมาแบบนี้
ถ้าให้เดาคงต้องมีถูกใจกันอยู่บ้าง
“อือ ก็สวยดี”
คำตอบสั้น ๆ จากอีกฝ่ายทำให้เขาขยับยิ้มขึ้นมา
กำลังคิดหาคำแหย่กลับ ทว่ายังไม่ทันได้พูด
เสียงของสาลี่ก็ร้องขัดขึ้นมายาวเหยียด
“พอเห็นคุณถ่ายรูปสวยแบบนี้
ผมก็เลยคิดว่าอยากให้คุณช่วยถ่ายรูปขนมของผมหลาย ๆ แบบ
แล้วเปิดเว็บเพจไว้เรียกลูกค้าจากต่างจังหวัด
ถึงเขาจะรู้จักร้านเราจากถนนคนเดิน
แต่ร้านใหญ่จริง ๆ ของเราคนยังไม่รู้จักเท่าไร
ถ้าเปิดเว็บร่วมกันทั้งขนมไทย ทั้งเบเกอรี่
บางทีอาจจะช่วยดึงพวกลูกค้าที่มาเที่ยว
ให้เขาอยากซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ได้
ไหน ๆ ร้านเราก็เปิดติดกันอยู่แล้ว หรือคุณว่าไง”
หืม...ลูกแม่พลอยคิดได้ขนาดนี้เลยหรอ
เขาเองก็เล่นเน็ทบ่อยอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่เคยคิดจะใช้โลกโซเชียลให้เป็นประโยชน์
อย่างดีก็แค่เล่นเกมคลายเครียดนิดหน่อยเท่านั้น
แล้วยังจะมาบอกให้ช่วยกันทำด้วย
คนรักศักดิ์ศรีไม่ยอมแพ้ใครอย่างลูกแม่พลอย
เลิกมองว่าร้านเขาเป็นคู่แข่งแล้วหรือไง
มาญาติดีร่วมมือกันแบบนี้ไม่อยากจะเชื่อเลย
หรือว่านี่...
จะเป็นโอกาสดี ๆ ที่จะทำให้เขาพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้มากกว่าเดิม
นักรบพยายามข่มความดีใจของตัวเอง
พยักหน้าตอบกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“อืม เข้าท่าดี ผมเห็นด้วย”
เจ้าของไอเดียได้ยินคำสนับสนุนก็ยิ้มกว้าง รีบบอกเสียงเริงร่า
“ใช่มั้ยล่ะ งั้นพรุ่งนี้คุณว่างมั้ย ผมจะได้เตรียมทำขนมเอาไว้เลย”
“โอเค ร้านผมมีห้องว่างอยู่ พอใช้เป็นสตูดิโอชั่วคราวได้
พรุ่งนี้ตอนสาย ๆ คุณก็ขนขนมมาร้านผมเลยแล้วกัน”
ความจริงเขาเคยใช้สถานที่ในร้านถ่ายรูปทำโปสการ์ดขายมาก่อน
อุปกรณ์อะไรก็พอหาประยุกต์เองง่าย ๆ
มีโคมไฟ กระดาษแข็งสีขาว
แล้วก็...
“คุณจะคิดค่าจ้างเท่าไร”
...คำถามเพียงคำเดียว
ไม่ใช่แค่ทำให้ความคิดเตรียมการทั้งหมดสะดุด
แต่ยังรวมถึงลมหายใจของคนฟังที่แทบขาดห้วงลงไปด้วย
“ค่าจ้าง?”
ร่างสูงเอ่ยทวนคำขึ้นช้า ๆ
รู้สึกคล้ายกับถูกถ้อยคำนี้ตบหน้า บีบลงไปในใจกลางความรู้สึก
ทั้ง ๆ ที่จะร่วมมือกันทำไมต้องมาคิดถึงเรื่องเงินทองด้วย
ทว่าคู่สนทนากลับเอ่ยเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ
“ก็เดี๋ยวว่าผมงกอีก ถึงจะเป็นเพื่อนกันผมก็ไม่คิดจะเอาเปรียบหรอกนะ”
“เพื่อน?”
นักรบเอ่ยทวนออกมาเป็นครั้งที่สอง
แต่แปลกที่ครั้งนี้
ถ้อยคำไม่ได้โยงถึงความหมายที่ห่างเหิน
แต่เขารู้สึกถึงแรงบีบรัดรุนแรงกว่า คล้ายถูกมีดกรีดลงตรงหัวใจ
“อ่ะ เออ...ก็...
เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
สาลี่เกาต้นคอแก้เก้อ
เหมือนคนยังไม่ชินปากที่จะเอ่ยคำพูดนี้ออกมา
แต่ก็เพราะตกลงใจแล้วว่าจะยอมรับอีกฝ่ายในฐานะเพื่อน
และนึกว่าลูกแม่เดือนก็คงคิดไม่ต่างกัน
ทว่า ทุกสิ่งกลับผิดความคาดหมาย
เมื่อร่างสูงกลับพูดย้อนถามออกมาเสียงเรียบ
“ผมเคยบอกเหรอว่าอยากเป็นเพื่อนคุณ”
...หัวใจหล่นวูบ
...รู้สึกทั้งเสียหน้า และเสียศักดิ์ศรี
เปล่า... มันไม่เคยบอกว่าอยากเป็นเพื่อน
มีแค่เขาที่คิดเองเออเองอยู่คนเดียว
ทั้ง ๆ ที่ยอมลดกำแพงของตัวเองลง
เพื่อให้อีกคนได้เข้ามาอยู่ข้าง ๆ
เพราะคิดว่ามันเข้าใจเขามากที่สุดแท้ ๆ
แต่โดนเหยียบย่ำน้ำใจกันขนาดนี้
...น่าขายหน้าชะมัด
รถโฟล์กเต่าจอดลงสนิทที่ร้านหน้าเหมือนเช่นเคย
สาลี่รีบหยิบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของตัวเองมาสวม
เอี้ยวคว้าข้าวของจากเบาะหลัง
เตรียมตัวจะเปิดประตูลงรถ
แต่ยังไม่ทันจะผละตัวออกห่างเสียงจากคนที่นั่งนิ่งอยู่ ๆ ก็พูดขึ้น
“ถ้าให้ผมเป็นเพื่อนคุณได้ปวดหัวตายชัก
ทั้งขี้โวยวาย ทั้งเอาแต่ใจ แถมยังปากเก่งอีก
แหนะ ๆ ดู...
ไม่ทันไร หน้าบึ้งอีกล่ะ
เพื่อนกันมันก็ต้องพูดได้ทุกเรื่องสิ
ผมพูดไม่กี่เรื่องก็ทำงอน
แล้วอย่างนี้จะมาบอกว่าเป็นเพื่อนกันได้อีกเหรอ”
แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าโดนแกล้งเข้าให้อีกแล้ว
ใจที่หม่นเศร้าในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด
กระแทกประโยคตอกกลับไปอย่างโมโห
“เออ ผมก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนปากหมาอย่างคุณหรอก
คุยด้วยดี ๆ ต้องแหย่เล่นให้อารมณ์เสียอยู่เรื่อย
โรคจิตรึไงวะ”
ทว่าคนโดนด่ากลับทำลอยหน้าลอยตา
“เพิ่งรู้เหรอ สงสัยจะติดมาจากน้องสาลี่เนี่ยแหละ
เลี้ยงพันธุ์อะไรไว้ในปากเหรอครับ ถึงได้ดุเชียว ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะอย่างสะใจยั่วความโกรธให้พุ่งปรี๊ด
สาลี่กระชากประตูรถปิดดังโครม
ก่อนเดินลิ่วเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ
ทิ้งให้คนที่ยังก้มหน้าอยู่กับพวงมาลัยหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงลำพัง
...หัวเราะ
...หัวเราะจนหมดแรง
...แต่ต่อให้หัวเราะมากแค่ไหนก็ไม่สามารถลดความเจ็บปวดทรมานลงไปได้เลย
ลูกแม่พลอยจะรู้มั้ยว่าคำคำนั้นเขาไม่ได้แหย่เล่นเลยสักนิด
แต่เขาพูดมันออกมาจากความรู้สึกลึก ๆ ข้างในใจ
ความรู้สึกที่มันฟ้องอยู่ชัดเจนว่า...
...เขาไม่อยากเป็น 'แค่เพื่อน' กับลูกแม่พลอยจริง ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
เปลี่ยนรสขมสลับกันบ้างกลัวคนอ่านจะเป็นเบาหวานกันหมดเสียก่อน
ฝากเพลงของบร๊ะเจ้าโจ๊ก แทนความรู้สึกในใจที่เข้าก๊านนเข้ากันกับของพ่อนักรบ 
เหตุผลที่ไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ
http://www.youtube.com/v/o-1EQKv_Sq4?
แล้วพบกันใหม่กับชิ้นหน้าค่ะ
เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก หนึ่งวันสามฤดู
ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
รัก
BitterSweet