ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตที่ 1 “ดนตรีนั้นเล่นอยู่ ฟังฉันฟังอยู่
แต่ว่าในใจนั้นเงียบงันนนนน
...ปับปาดาดี้ดา~~
มีแต่เสียงเพลงที่ว่างเปล่า
...ปับปาดาดี้ดา~~
จบไปแล้วความรักของเรา
...ปับปาดาดี้ดา~~
ไม่มีเขาเคียงข้างอีกแล้ววววว
ไม่มีคืนวันที่สดสายยย
ดื่มห้ายยยยยตัวเองอีกที...ฮึกก...
กลับร้ากกก...ฮึกก...ที่เพิ่งผ่านโพ้นปายยยยยย....
ฮึกก.....ฮืออออ....โฮฮฮฮฮฮฮฮ.......”
“ฮึก...น้องออนเดอะร็อคอีกแก้ว”
เสียงร้องสั่งปะปนมากับเสียงสะอึกสะอื้น
ในเมื่อเพลงมันสั่งให้ดื่ม กูก็จะดื่ม...
ดื่มให้มันลืม...
...ลืมว่าคนอย่าง ‘ไกรศร’
ผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์เป็นที่เคารพยำเกรงของใครหลายคน
แต่บัดนี้พี่ศรผู้น่าเกรงขามกำลังฟูมฟายสะอึกอื้น
ร้องไห้น้ำตาไหลพรากเป็นสายเลือด
โดยไม่แคร์สายตาของคนที่หันมองมาเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด
...ก็ใครจะมีกะจิตกะใจมารักษาภาพลักษณ์ในเวลาแบบนี้
พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูกำลัง ‘อกหัก’
พี่ศรเจนสนามรัก
กำลังอกหักจากน้องเอมมี่
ที่เพิ่งสะบั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของพี่ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
ช่วงเวลาที่คบกันมาสามปีไม่เคยมีความหมาย
ทุกสิ่งพังทลายแค่เพราะคำพูดเหล่านั้น
“พี่ศรไม่เคยรู้เลยว่าเอมมี่ต้องการอะไร
ไม่เหมือนปอ ปอเขาเข้าใจมี่มากกว่า
แล้วเขาก็ดูแลเทคแคร์ให้สิ่งที่มี่ต้องการได้”
“แต่ปอเขาเป็นผู้หญิง....”
“แล้วไง ความรักมันไม่มีแบ่งแยกเพศหรอก
พอเถอะพี่ศร เอมมี่เบื่อที่จะต้องอธิบายซ้ำซากแล้ว
ลืมเรื่องของเราไปซะ
ต่อจากนี้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอะไรกับมี่อีก
เข้าใจชัดมั้ยว่า เรา ‘เลิก’ กัน” ฮึก...
เข้าใจ...
พี่เข้าใจว่า ถึงแม้พี่รูปหล่อ พ่อรวย
หน้าที่การงานก็เลิศเล่อเพอร์เฟคปานนี้
แต่เอมมี่ก็ไม่เคยคิดจะรักกัน
เข้าใจว่าน้องเอมมี่อยากให้พี่ลืม
แต่พี่คงลืมความรักของเราไปไม่ได้
ไปที่ไหนก็ยังเห็นหน้าของน้องเอมมี่ผ่านตา
...เก้าอี้ตรงนี้เราเคยนั่งด้วยกัน
...ร้านอาหารตรงนั้นที่เอมมี่บอกว่าอร่อย
ขืนให้ทนอยู่ต่อไปในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ
คงได้ฟูมฟายกับความเจ็บช้ำซ้ำไปซ้ำมา
เลยตัดสินใจหอบหัวใจที่ซมซานหนีกลับมาบ้านนอก
ปิดโทรศัพท์ ไม่เปิดรับรู้เรื่องราวอะไร
พยายามกล้ำกลืนกับความทุกข์ทน
บอกตัวเองให้ทำใจ
แต่...
“บอกอย่างนั้น บอกอย่างนี้ บอกวิธีที่ทำให้ไม่เสียจายยย
ต้องหยุดรักเขาได้ยินมั้ยยยย เข้าใจแต่ทำไม่ด้ายยยย
เรื่องความรัก มันจบแล้ววววว
คงไม่แคล้วต้องมีคนร้องไห้
คำว่ารักเรามันหมดความหมายยยยย
เข้าใจ....
ฮึกกก....แต่ทำไม่ด้ายยยยจริงจริงงงง!!!!!
ฮือออออออ.......โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ............”
ไอ้ห่าเพลงนี้ก็เข้ากับชีวิตกูจริ๊งงงงงงง
คนเล่นก็เหมือนรู้ใจตอกย้ำซ้ำเติมคนอกหักอยู่ได้
มึงจะเล่นอะไรที่มันให้กำลังใจกูบ้างได้มั้ย
ไม่เห็นหรือไงว่ากูร้องไห้จนตาปูดเป็นลูกมะนาวแล้ว
“น้องเอาเหมือนเดิมอีกแก้ว”
“เออ...พี่ครับผมว่าพี่ดื่มไปเยอะแล้วนะครับ”
เด็กเสิร์ฟพยายามแนะนำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เพราะลูกค้าที่นั่งยึดครองโต๊ะเดี่ยวหน้าบาร์
เล่นกระดกซดเหล้าเหมือนน้ำ ตั้งแต่ผับเปิดจนใกล้จะปิด
ทว่าคนโดนปรามกลับเงยใบหน้าแดงก่ำขึ้น
ใช้ตาคมปราบจ้องมองก่อนถามย้ำอย่างเอาเรื่อง
“ว่าไงนะ”
“เออ...เดี๋ยวผมจะรีบจัดมาให้เลยครับ”
พนักงานเสิร์ฟหมุนตัวออกห่างเดินไปสั่งของตามออเดอร์ทันที
ทิ้งให้ลูกค้ายกแก้วกลืนของเหลวสีอำพันลงคอจนหมด
หึ ให้กินเหล้าแค่นี้กูไม่เมาหรอก
แต่ถ้าเมาก็ดีสิ เมาซะมันจะได้ลืม ๆ
ลืมว่าความรักของกูต้องมาแพ้ให้ผู้หญิงธรรมดา ๆ
ด้วยเหตุผลเพราะ ‘เข้ากันได้’
เข้ากันได้....
แค่นี้เองเหรอ?
แล้วพี่เข้าไม่ได้กับน้องเอมมี่ตรงไหน
หรือเพราะพี่เป็นผู้ชายเลยไม่รู้ว่าเอมมี่คิดยังไง
งั้นพี่ต้องไปคบกับผู้ชายเหมือนกันเหรอ
ถึงจะลงตัวได้พอดี
แล้วจะให้พี่ไปคบกับใคร...
น้องเอมมี่บอกพี่ทีสิ
...ว่าใครกันจะมาเข้าใจคนอย่างพี่ศร
ใคร...
“ใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผูกพัน
ใครที่เกิดมาคู่กับฉัน
ใครคือคนนั้นช่วยมา บอกฉันที
ให้ใจที่หวั่นไหวได้พึ่งพิงซักที่
ให้รู้ว่าซักวันฉันจะเจอคนๆนี้
และใครที่รอคนนี้....
มีจริงช่ายยยม้ายยยยยยย~~~~~”
โห...น้องแม่งโดนทุกเพลงเลย
เดี๋ยวเอาทิปไปสองร้อย
ร้องเหมือนเข้าใจชีวิตกู
เอ๊ะ...
เดี๋ยวนะ...
เข้าใจ...
เออนี่ไง....
ใช่เลย...
เจอแล้ว...
ไม่ต้องหากันไกล
...ไอ้คนไหนมันร้องเพลงอยู่วะ
ไกรศรลุกขึ้นจากโต๊ะ
เดินโซซัดโซเซไปตามทาง
ก่อนหยุดลงตรงหน้าเวที
ตะโกนสวนขึ้นไปกลางวงดนตรีที่ยังคงบรรเลงเพลงเสียงดัง
“เฮ้ย!! มึง....
เมิงอ่ะ....
หยุดเล่นดิ เหี้ยหนวกหูโว้ยยย!!!
เมิงงงฟางงงกูก่อนนนน!!!”
อาการโหวกเหวกโวยวายทำให้คนที่กำลังอ้าปากร้องเพลง
ต้องหยุดเนื้อที่เพิ่งมาแค่ครึ่งทาง
ก่อนหันมาให้ความสนใจกับคนด้านล่าง
“อะไรครับ จะขอเพลงเหรอครับพี่”
ทว่า คนถูกถามกลับโบกมือไหว ๆ
ประคับประคองร่างของตัวเองให้ยืนนิ่ง
พูดคำขอสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
“มึง...อึก...มึงคบกับกูนะ”
“ห่ะ? อะ...อะไรนะครับ”
นักร้องนำขมวดคิ้วอย่างงง ๆ
เมื่อกี๊ไอ้พี่คนนี้มันพูดว่าอะไรวะ
...มึงคบกับกูนะ
เพลงชื่อนี้เคยมีด้วยเหรอ
ของวงไหนวะ?
หรือจะเป็นพวกวงร็อคใต้ดิน
ทำไมไม่เห็นจะคุ้นหูเลย
“เออ....ไม่ทราบว่าเพลงนี้ใครร้องเหรอครับ”
คนสงสัยถามขึ้นมาอีกรอบ
แต่คราวนี้คนตอบกลับส่งเสียงจิจ๊ะ
ตะโกนโวยวายอย่างหงุดหงิด
“โอยยยย.... ม่ายยยช่ายยยย...
เมิงโง่เปล่าวะเนี่ยยย....
ขอคบอ่ะขอคบ....
ตั้งแต่วันนี้.... เอิ้กก.....
....มึงต้องเป็นแฟนกู”
ตะลึงตึงโป๊ะ!
เสียงกลองที่ไหนมันดันตีรับมุกเข้าจังหวะ
ขำ...ขำมากเลยมั้ย...
นี่กูไม่ได้แสดงตลกคาเฟ่ให้ดูนะเว้ย!
นักร้องนำหันไปถลึงตามองคาดโทษคนตีกลอง
ก่อนจะหันกลับจัดการกับปัญหาตรงหน้า
ด้วยการพยายามหาทางไกล่เกลี่ย
“เออ...ผมว่าพี่เมาแล้วนะ กลับไปนอนเหอะพี่”
แต่คนเมามีหรือจะยอมรับ
ไกรศรส่ายหัวปฏิเสธ
พยายามพูดแก้ตัวแทบไม่เป็นภาษา
“ม่ายยย... กูไม่ได้มาวววว
มึงเข้าจายยยกู... มึงต้องคบกับกู
ปายยย....
เดี๋ยวเราปายยยนอนด้วยกานนเนอะแฟนจ๋า”
ยิ่งฟังยิ่งงงหนักขึ้นไปทุกที
แถมพ่วงด้วยอาการขนลุกในคำพูดน่าสยองนั้นอีกต่างหาก
สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ คนรับหน้าจึงรีบหันไปตะโกนบอกเพื่อนด้านหลัง
“เฮ้ย แม่งไม่ไหวแล้ววะ
เรียกเฮียเอกที่ดิ
บอกว่ามีกะเทยควายเมาอยู่หน้าร้าน
ให้ลากไปทิ้งหรือจะให้ทำยังงะ....
....เหวออออ!!!!”
คำพูดหยุดไปด้วยเสียงร้องอย่างตกใจ
เมื่ออยู่ ๆ คนเมาก็ปีนขึ้นมาบนเวที
พร้อมกับโถมร่างใหญ่เข้ากอดนักร้องนำจนล้มคว่ำ
กอดไม่พอแม่งมีไซร้อีกต่างหาก
ทั้งขบติ่งหู ทั้งเม้มซอกคอ
แล้วมือ...
มือมันล้วง....
“อ๊ากกกกกก!!!!!!
ช่วยด้วยยยยยย!!!
ไอ้เผือก ไอ้ต้น แม่งช่วยกูที!!!
กูไม่อยากเป็นผัวกะเทยยย!!!!!
เสียงคนถูกลวนลามแหกปากตะโกนลั่นร้าน
เพื่อน ๆ ที่มัวแต่ตะลึงจึงรีบเข้ามาฉุดคนเมาร่างยักษ์ให้ถอยออกห่าง
จัดแจงพิงร่างสูงซึ่งหมดสติไปแล้วไว้กับลำโพงบนเวที
ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะขำกันสนุกสนาน
เอ่ยแซวบ่นเสียดายกับการแสดงสดซึ่งกำลังจะเริ่ม
ผิดกับคนที่เพิ่งผ่านการเสี่ยงตาย
ที่รีบยกเสื้อมาเช็ดปากเช็ดหน้าของตัวเองเป็นการใหญ่
...ไอ้ห่านั่นทำอะไรวะ
แหวะ...ขยะแขยง
เหม็นเหล้าไปหมด
แม่ง...กูอยากจะอ้วกกก!!
แต่ทุกเสียงโหฮากลับเงียบลง
เมื่อเฮียเอกเจ้าของร้านเดินออกมาดูสถานการณ์
ก้มลงเช็คลูกค้าที่นอนหมดสภาพพลางส่ายศีรษะด้วยความหนักใจ
“สงสัยจะกลับเองไม่ไหววะ
นี่ก็ลูกค้าคนสุดท้ายด้วย
เดี๋ยวปิดร้านแล้วใครสักคนลากมันกลับไปล่ะกัน”
จบคำพูด ทุกคนพยายามเลี่ยงหลบสายตา
...ก็แน่ล่ะ ใครจะอยากเอาไปเป็นภาระ
ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะจะไม่ว่า
แต่กับผู้ชายตัวควาย ๆ ที่ส่อเค้าจะเป็นเกย์
ใครมันจะไปอยากได้
“บิน”
เวรล่ะ...อย่าหวยอย่าออกที่กูนะ
เจ้าของชื่อสะดุ้งรีบภาวนาในใจอย่างเร่งรีบ
แต่ดูเหมือนคำขอจะไม่เป็นผลเพราะเจ้าของร้านเอ่ยคำตัดสินสั้น ๆ
“เฮียฝากด้วยนะ”
ฉิบหาย...
“เฮ้ยยยย!!!! ไม่ได้เฮีย...
เมื่อกี๊ไอ้กะเทยควายนี่มันเกือบจะผมปล้ำนะเฮีย
ขืนลากมันกลับห้อง
แล้วอยู่ ๆ มันนึกคึกขึ้นมาผมจะทำยังไง”
คนโดนโยนภาระมาให้รีบร้องโวยวาย
ห่วงสวัสดิภาพความปลอดภัยของตัวเองอย่างสุดซึ้ง
ทว่า คนถูกท้วงกลับเอ่ยปัด ๆ
“ไม่หรอกมั้ง เมาหมดสภาพขนาดนี้นกเขามันคงไม่ขันแล้ว
เหอะน่า หอเราอยู่ใกล้สุด ถือว่าช่วยเฮียล่ะกัน”
“แต่ว่า...”
“ไป ๆ ยืนอยู่ทำไม
ไปเก็บร้านได้แล้ว จะได้กลับกันสักที”
ยังไม่ได้แย้งต่อ เจ้าของร้านก็สั่งไล่ลูกน้องให้เคลียร์ของ
เป็นอันปิดฉากคดีโดยไม่เปิดโอกาสให้ยื่นอุทธรณ์ใด ๆ
คนโดนสั่งนิ่งอึ้ง ตะลึง มึนงง
พยายามหาตัวช่วยด้วยการมองไปที่เพื่อน ๆ ในวง
แต่ทุกคนกลับส่งสายตากลับมาอ่านออกเป็นคำเดียวว่า
‘ซวย แล้ว มึง’
แล้วก็พากันเก็บข้าวของเดินจากไป
ปล่อยนักร้องนำของวงไว้ตามลำพัง
กับผู้ชายร่างใหญ่ที่เกือบจะเปิดฉากข่มขื่นตัวเองกลางเวที
คนโดนทิ้งยืนเอ๋อ เหลือบมองตัวปัญหา
ก่อนกุมขมับตัวความเหนื่อยหน่ายใจกับชะตากรรม
แม่งเอ้ยยย....
ใครก็ได้บอกกูที
...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ภาคใหม่มาเสิร์ฟแล้วค่า 
เริ่มตอนมาก็เจอกับความมึนกันซะแล้ว 
แล้วต่อไปจะไปยังไงกันน้อ~~
อ่ะ...เกือบลืมขอย้ำอีกครั้งนะคะว่าิ
"นิยายเรื่องนี้แต่งเพื่อความบันเทิงไม่ได้สนับสนุนให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเน้อ"
เพราะฉะนั้น ก็อย่าเพิ่งรีบเมากันซะก่อนนะคะ

เอ้า!! ชนแก้วววววว!!! BitterSweet