ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์หวานอมขม [นิยายเรื่องยาวรสกลมกล่อมรวม 4 ภาค]  (อ่าน 816277 ครั้ง)

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
คมรุกๆปลายหน่อยสิ ให้ดิวหยอดบ่อยๆแบบนี้ไม่ดีนาาาาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
บางทีแอบอ่านแล้ว งงๆ ว่า บทใครเปนบทใคร
แต่ชอบประธานอ่ะ ตีหน้าได้มึนมาก
แล้วสรุปว่า ดิวเปนบัดดี้ปลายจริงๆ หรอ นึกว่า คมกับปลายจับบัดดี้ได้กันเองซะอีก แง่มๆ อดฟินเลย ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้ม



ต้นที่ 9



...หลับไปแล้วครับ


เด็กหญิงกานดาวัยห้าขวบนอนหลับสนิทคาตัก
โดยหมอนเป็นตักอุ่น ๆ ของนายปลายฟ้า


...ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก

เพราะน้องคงจะเหนื่อยเพลียมาทั้งวัน
หลังจากเที่ยวไล่ตามเขาเหมือนคู่ปาท่องโก๋
ความจริงเขาไม่อยากจะไปรบกวนการนอนฝันหวานของน้องหรอกนะครับ
แต่นี่มันสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว
เด็กคนอื่น ๆ เริ่มทยอยออกจากชั้นเรียนเพื่อมุ่งตรงกลับบ้าน 
น้องกานดาเองก็ต้องกลับเหมือนกัน
แต่เล่นมานอนหลับปุ๋ยอยู่อย่างนี้


...แล้วจะให้เขาทำยังไงดีวะเนี่ย?



“คงต้องอุ้มไปส่งแล้วมั้ง ไอ้ปลาย”


เกมส์เสนอแนะเมื่อเห็นสภาพของเด็กหญิงตัวน้อยนอนนิ่งหลับสบาย
ซึ่งปลายฟ้าก็พยักหน้าเห็นด้วย   


...คงต้องเป็นอย่างนั้น
หลับสนิทขนาดนี้มองแล้วไม่อยากปลุก
ไหน ๆ อยู่ด้วยกันมาทั้งวัน
จะให้เขาอุ้มไปส่งก็ได้ไม่ลำบากเย็นอะไร


คนที่ตัดสินใจได้แบบนั้นจึงหันไปถาม ‘น้องแก้ม’
เด็กนักเรียนหญิงป.ห้า ผมสั้น ใบหน้ากลมบ็อก
ผู้ระบุตัวว่าอยู่ข้างบ้านร่างเล็กบนตัก
ซึ่งมาเตรียมแสตนบายรอไว้อยู่แล้วเพื่อนำทางเหมือนที่เคยบอกไว้


“น้องแก้มบ้านอยู่ไหนครับเดี๋ยวพี่พาน้องกานดาไปส่งให้”


เด็กหญิงแก้มตอบเสียงเจื้อยแจ้วกลับมา
หากแต่เป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังถึงกับสะดุ้ง


“อ๋อ ไม่ไกลหรอกคะ แค่กิโลเดียวเอง”


ห่ะ?


ดะ...เดี๋ยวก่อน


พี่ฟังผิดรึเปล่า?


...แค่กิโลเดียว


เฮ้ย! มันไม่ใช่ ‘แค่’ นะครับน้อง


ไอ้เกมส์เหมือนจะสงสัยเช่นเดียวกับเขา
จึงหันไปถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


“ห่างจากนี้หนึ่งกิโลจริงๆ  เหรอ
แล้วน้องมาโรงเรียนยังไง”


“แก้มเดินมาค่ะ เพราะบ้านแก้มยังไม่มีจักรยาน”


ประโยคที่ได้ยินทำเอาเขากับเกมส์ถึงกับมองหน้ากันเงียบ ๆ


...สำหรับเด็ก ๆ บนดอยคงเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
ในการเดินทางไปกลับหนึ่งกิโลเมตรทุกวันจากบ้านมาโรงเรียน
แต่ถ้าเทียบกับคนในเมืองที่มีทั้งมอเตอร์ไซต์ รถยนต์ หรือแม้แต่ BTS ช่วยย่นระยะทาง
มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงความสะดวกสบายที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย
จนบางครั้งลืมไปว่ายังมีผู้คนอีกมากมายซึ่งไม่ได้รับโอกาสเหล่านี้


และที่สำคัญ...
สิ่งที่ทำให้เขานึกทึ้งไปมากกว่านั้น
คือน้องแก้มเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ดขวบเอง


ไม่สิ...
ไอ้ตัวเล็กที่นอนอยู่บนตักเขาเพิ่งจะอายุห้าขวบด้วยซ้ำ
แต่กลับสามารถเดินเท้ามาได้เป็นระยะทางขนาดนี้!



...แม้รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ก็ยังอดรู้สึกหน่วงใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้


ปลายฟ้าจึงลุกขึ้นยืนโดยอุ้มร่างเล็กที่หลับให้ศีรษะเอนสบกับไหล่
แล้วหันไปพูดกับน้องแก้มที่รออยู่


“งั้นวันนี้ให้พี่เดินไปส่งน้องแก้มที่บ้านนะ
...ส่วนงานที่เหลือกูคงต้องฝากมึงแล้วล่ะไอ้เกมส์”


ท้ายประโยคเขาหันไปบอกเพื่อนซี้ซึ่งตกปากรับ
แต่ก็ยังไม่วายแอบถามด้วยความเป็นห่วง


“เออ ๆ ไปคนเดียวได้แน่นะ ให้ใครไปเป็นเพื่อนมึงมั้ย”


“ได้ดิ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”


“งั้น อ่ะ... กูให้นี่...”


ถุงผ้าใบหนึ่งถูกยื่นส่งมาให้ตรงหน้า
ปลายฟ้ารับมาถือไว้อย่างงง ๆ
ก่อนจะเปิดดูข้างในเห็นเป็นพวกขนมสองสามถุงกับนมกล่อง


...อะไรวะ

เอามาให้ทำไม?


ยังไม่ทันจะอ้าปากถามให้คลายความสงสัย
คู่สนทนากลับสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และเป็นคำตอบที่ชวนให้เตะปากมากที่สุด


“เต่าอย่างมึงกว่าจะคลานมาถึงค่ายคงสองทุ่มพอดี
กูเลยให้เสบียงเอาไปกินระหว่างทาง”


น่าน...ถ้าไม่กวนก็คงไม่ใช่มึงสินะไอ้เกมส์

คนโดนแหย่เลยรีบร้องโวยวายดังลั่น


“มึงอย่าดูถูกสิวะ!
สองทุ่มที่ไหน อีกสิบห้านาทีก็กลับมาแล้ว
ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวมึงคอยดู”


ปลายฟ้าฮึดฮัดพูดโต้อย่างหงุดหงิด
แต่ไอ้เกมส์กลับหัวเราะยิ้มร่า
พยายามยัดเหยียดถุงขนมโดยให้เหตุผลว่า


“เอาไปนั้นแหละ กูอยากฝากให้น้องเขาด้วย
รีบไปได้แล้วมึง เดี๋ยวกูจะจับเวลา
เอาสิบห้านาทีเป๊ะๆ ห้ามเลทนะโว้ย
ถ้ามึงแพ้ต้องจ่ายกูมาสองร้อย โอเคป่ะ?”


ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ประเด็นนี้กลายเป็นการพนันขันต่อกันเมื่อไร
แต่ลูกผู้ชายอย่างปลายฟ้าฆ่าได้หยามไม่ได้ ศักดิ์ศรียังมีครับ
คราวนี้จะพิสูจน์ให้เห็นเลยว่าตัวเองไม่ได้ช้าเป็นเต่าเหมือนที่ใคร ๆ เรียก


เขาเลยรับข้อเสนอโดยท้าว่า ถ้าเขากลับมาทัน
ไอ้เกมส์ก็ต้องจ่ายมาให้สองร้อยเหมือนกัน
แต่เหมือนคู่พนันไม่สะทกสะท้านใด ๆ
คล้ายมั่นใจว่าจะชนะเต็มประดาซะอย่างนั้น


หึ มึงไม่เคยได้ยินรึไงวะ
ว่าตอนวิ่งแข่งกัน ‘เต่า’ มันยังชนะ ‘กระต่าย’ ได้เลย


....‘ไอ้เต่าปลาย’ คนนี้ก็ทำได้ไม่แพ้ใครเหมือนกันล่ะโว้ยย!!




คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการแข่งขัน
จึงรีบตั้งใจเดินให้ถึงเป้าหมายโดยมีน้องแก้มเป็นผู้นำทาง
ทว่ายังไม่ทันจะพ้นจากที่ตั้งค่ายกลับมีเสียงหนึ่งเรียกทักเสียก่อน


“อ้าว ปลายจะไปไหนครับ”


ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหนุ่มหล่อวิศวะคนคุ้นเคย
ซึ่งเหมือนจะเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี


“อ๋อ เดินไปส่งน้องกานดาที่บ้านน่ะ”


ดิวคล้ายจะเข้าใจโดยอัตโนมัติ
เมื่อเหลือบมองเห็นร่างเล็กที่หลับอยู่ซบไหล่ของอีกฝ่าย
แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะซักถามซ้ำ


“แล้วบ้านน้องอยู่ไหนล่ะครับ”


“ห่างจากโรงเรียนแค่กิโลเดียวเองค่ะ”


ไม่ใช่เสียงของปลายฟ้า
แต่เป็นของน้องแก้มซึ่งอยู่ข้างตัวตอบขึ้นมาแทน
และเป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ


“โห....ไกลจัง งั้นผมเดินไปส่งด้วยดีกว่านะ”


ร่างสูงเสนอตัวทันทีที่ได้ยิน
ทว่าปลายฟ้ากลับลังเลเพราะไม่อยากจะรบกวน


“เออ ไม่เป็นไร เราเกรงใจ
แล้วงานดิวเสร็จหมดแล้วเหรอ”


“อือ... เรียบร้อยแล้วครับ
ไม่ต้องเกรงใจหรอก
ผมแค่อยากเดินไปเป็นเพื่อนปลาย”


ทั้งแววตาและน้ำเสียงของคู่สนทนาบ่งบอกถึงความจริงใจ
จนปลายฟ้าชักจะเขว


....เอาจริง ๆ ดิวก็เป็นบัดเดอร์เขาด้วย
คงเป็นเรื่องปกติที่อยากจะดูแลเทคแคร์
ถ้าปฏิเสธไปเดี๋ยวจะเสียน้ำใจกันเปล่า ๆ
อีกอย่างขืนยักยักมาก ๆ ได้เกินเวลาสิบห้านาทีที่พนันไว้แน่ ๆ


คนมีชนักติดหลังจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต


“งั้นก็ได้ครับ”


หนุ่มหล่อยิ้มกว้างส่งผลให้ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนมองมากกว่าเดิม
แล้วจึงพาร่างของตัวเองขยับมาเดินข้าง ๆ ปลายฟ้า
ทว่ายังไม่ทันจะก้าวไปไหน
เสียงปริศนาจากด้านหลังกลับดังขึ้นขัดจังหวะอีกรอบ


“เฮ้ย! ไอ้ดิว จะไปไหนวะ!!”


ทั้งเขาและเจ้าของชื่อหยุดชะงักหันไปมองผู้มาเยือนซึ่งเดินตรงมา

ไม่ต้องเดา...

คนที่สามารถใช้น้ำเสียงเรียกรองประธานค่ายได้อย่างสนิทสนมขนาดนี้
คงมีเพียงคนเดียว...


...ไอ้ประธานค่าย นายคมสัน



“กำลังจะเดินไปส่งน้อง
บ้านเขาอยู่ห่างจากนี้ตั้งกิโล
เลยกะไปเป็นเพื่อนปลายสักหน่อย
ทำไม..?  มีอะไรหรอ?”


คำตอบถูกเปลี่ยนเป็นคำถามขึ้นมาแทน
คมสันหยุดชะงัก ดวงตาคมกวาดมองเลยมายังคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง
แล้วจึงเบนกลับมาที่คนต้นเรื่องพร้อมกับอธิบายถึงสาเหตุ


“ไอ้บีมมันให้มาถามว่าโทรไปสั่งท่อน้ำพีวีซีที่ร้านวัสดุรึยัง”


“เออว่ะ! ...ใช่  ๆ เกือบลืมเลย
อ่ะ...งั้นมึงเอาเบอร์ไป
แล้ววานโทรสั่งให้ทีแล้วกันนะ
กูจะได้เดินไปส่งน้องกับปลายต่อ”


ดิวทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์
ทว่าคนตรงข้ามกลับร้องขัดขึ้นเสียงเข้ม


“ไม่ได้!”


คนถูกห้ามหยุดมือ เงยหน้าขึ้นมองคนออกคำสั่ง
พลางขมวดคิ้วถามกลับอย่างงง ๆ


“ทำไม?”


“มึงเป็นคนวางแปลนท่อน้ำไม่ใช่เหรอ
กูไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรเท่าไร”


คมสันตอบเสียงเรียบ
แต่ดูเหมือนเหตุผลยังไม่มีน้ำหนักมากพอ
จนทำให้คู่สนทนาพูดแย้งโต้กลับอย่างไม่คลายความสงสัย


“มึงก็อ่านแบบออกนี่หว่า โทรสั่งเอาสิ”


“ไม่ได้! มึงก็รู้ว่าข้อต่อท่อพีวีซีมันเยอะ
ถ้าสั่งขาดไปแล้วมันจะลำบาก
มึงอย่าลืมสิว่าร้านวัสดุก่อสร้างมันอยู่ข้างล่างนู้น
จะให้เขาขึ้นมาส่งสองสามเที่ยว มันเสียเวลา
แล้วอีกอย่างกูต้องไปเก็บงานต่อด้วย ไม่ว่างสั่งให้
มึงไปคุยกับไอ้บีมเอาเอง แล้วรีบ ๆ โทรสั่งเร็ว ๆ เข้าล่ะ
ใกล้ห้าโมงแล้วเดี๋ยวร้านมันจะปิดซะก่อน”


คำอธิบายยาวเหยียดที่ยกมาอ้างทำให้คนฟังถึงกับจนมุม
เล่นบอกมาขนาดนี้แม้แต่ปลายฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังเผลอสยอง
กับความเฮี้ยบและโหดของท่านประธาน
ขนาดเพื่อนตัวเองแท้ ๆ ยังไม่เว้นเลย

...คนอะไรวะน่ากลัวจริง ๆ



“ดิวไปทำงานเถอะ เราไปเองคนเดียวได้ไม่เป็นไร”


เขาพูดเสนอด้วยกลัวว่าขืนพ่อรองประธานยังไม่ไป
เดี๋ยวบัดเดอร์ตัวเองจะเป็นฝ่ายโดนบัดดี้ของตัวเอง
จับเชือดคอจนไม่เหลือใครอยู่ให้คอยเทคแคร์


หนุ่มหล่อมีทีท่าไม่อยากทำตามคำสั่งสักเท่าไร
แต่อย่างไรงานก็ต้องเป็นงาน
ดิวถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนหันมาเอ่ยบอกกับอีกคนทิ้งท้าย


“งั้นปลายรีบไปรีบกลับมานะครับ ผมเป็นห่วง”


ปลายฟ้าพยักหน้ารับคำ
ดิวจึงขอตัวเดินหลบไปยังทิศทางของอาคารอเนกประสงค์
ทิ้งเขาไว้กับใครบางคนซึ่งยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเดินไปไหน
กระทั่งเขาแปลกใจจนต้องหันไปสบดวงตาคม
อีกฝ่ายทำท่าคล้ายจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง
ทว่ากลับลังเลหยุดไปดื้อ  ๆ
แล้วจึงหมุนตัวเดินแยกห่างออกไปอีกทางเงียบ ๆ


อะไรของมันวะ...


คนสงสัยขมวดคิ้วไม่เข้าใจการกระทำแปลก ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น


...พูดถึงอะไรแปลกๆ ก็นึกขึ้นมาได้อีกเรื่องว่า

ทำไมถึงมีคนชอบเป็นห่วงเขาอยู่เรื่อย?

แค่เดินไปส่งน้องที่บ้านนะเว้ยไม่ได้ไปรบสักหน่อย
ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้
ดิวก็คนหนึ่ง.... ไหนจะไอ้เกมส์อีก
แต่ไอ้เพื่อนเขาคงเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่า
เลยตั้งเงื่อนไขพนันไปซะอย่างนั้น


อ้าว...แล้วนี่มันกี่โมงแล้ววะ
เสียเวลาคุยไปตั้งขนาดนี้

ไหนดูดิ...


ปลายฟ้าล้วงมือถือของตัวเองขึ้นมากดดูเวลา
แล้วก็แทบจะตาเหลือกเมื่อเห็นตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอ


เฮ้ย! ฉิบหาย...


...ผ่านไปห้านาทีแล้วกูยังไม่ได้ออกจากค่ายเลย


แม่งซวยแล้ว!!


คนผู้เห็นภาพเงินสองร้อยบาทใกล้จะปลิวหายในกระเป๋าสตางค์ลาง ๆ
จึงรีบจูงมือเด็กหญิงแก้มก้าวพรวด ๆ ออกจากค่ายไปตามทางดินสายเล็ก
มุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของน้อง ๆ ซึ่งมีระยะห่างจากที่นี่หนึ่งกิโลทันที




พอพ้นตัวค่ายไปหน่อยจะเป็นวัดเล็ก ๆ ที่พวกเด็กวิศวะมาขออาบน้ำ
ถัดไปเป็นบ้านปลูกติด ๆ กันห้าหกหลัง
ทว่าเลยละแวกนั้นมาได้ไม่ไกลก็จะกลายเป็นทุ่งสลับกับต้นไม้น้อยใหญ่
คล้ายกับพื้นที่ทำการเกษตรซึ่งเป็นหนึ่งในอาชีพหลักของชาวบ้าน
แม้จะอยู่บนดอยหากแต่ยังมีพื้นที่ทำไร่นาปลูกผักต่าง ๆ
ให้ชาวบ้านเลี้ยงตัวได้พออยู่พอกิน
จึงทำให้มีแปลงสีเขียวปรากฏมากมายท่ามกลางภูเขาสูงโอบล้อม


ปลายฟ้าสูดอากาศบริสุทธิ์บนดอยเข้าไปเต็ม ๆ ปอด
ชีวิตที่เกิดมาอยู่แต่ในเมืองกรุงแบบเขา
เคยชินกับปัญหารถติด มลพิษ ความแออัด
ได้มาอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้
ก็คล้ายกับจะเป็นการปลดปล่อยความเหนื่อยล้าไปได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน

ถ้าเขากลับไปที่หอแล้วน่าจะลองปลูกต้นไม้ดูสักต้นสองต้นดีมั้ยนะ
มีต้นไม้สีเขียว ๆ แต่งห้องบ้างน่าจะทำให้สดชื้นขึ้น


...แล้วเอาเป็นต้นอะไรล่ะ?


...กุหลาบดีมั้ย?
เอ๊ะ..เขาว่าปลูกยากไม่ใช่เหรอ
ต้องเอาใจใส่มันให้มาก ๆ
ถ้าให้สวยต้องปลูกกันหลายๆ  ดอกด้วย
สงสัยระเบียงหอเขาคงมีพื้นที่ไม่พอ


...กระบอกเพชรล่ะ?
เลี้ยงง่ายดีด้วย ไม่ต้องคอยให้น้ำให้ปุ๋ยมาก
เออ...แต่มันไม่มีดอกนะ
อยากได้ต้นที่มีดอกมากกว่า
ยิ่งหลาย ๆ สีดูแล้วเพลินตา


...งั้นกล้วยไม้?
ไปซื้อที่เขาปลูกจนมีดอกแล้วค่อยเอามาเลี้ยงอีกทีไง
แต่ อืม...แบบนั้นมันดูเหมือนไม่ค่อยภูมิใจเลยแฮะ
สู้ค่อย ๆ เลี้ยงมันจากต้นเล็ก ๆ ดีกว่ามั้ย


ถ้างั้นเอาเป็น...



ความคิดลังเลสะดุดลงทันที
เมื่อปลายฟ้าถูกมือเล็กของคนข้างตัวดึงชายเสื้อเอาไว้
คล้ายจะสะกิดเรียกให้หยุดเดิน
จนเขาต้องหันมองเด็กหญิงแก้ม
ซึ่งทำปากบุ้ยใบ้ไปด้านหลังก่อนจะเอ่ยคำพูด


“มีใครก็ไม่รู้ตามมาค่ะ”


ดวงตากลมรีบเหลียวกลับไปมองทันที
จึงเห็นร่าง ๆ หนึ่งเดินอยู่ด้านหลังห่างกันเกือบสิบห้าเมตร
ลักษณะท่าทางสูงใหญ่ชวนให้คุ้นตาอย่างประหลาด
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นความชัดเจนของใบหน้าคม
ประกอบกับรัศมีโหดที่แผ่กระจายออกมาเหมือนมาเฟีย



เฮ้ย! ชัดแล้ว...


ไอ้ประธานค่ายนี่หว่า



เออ....


ละ...แล้วมันมาได้ไงวะ?


อีกฝ่ายคล้ายจะเห็นว่าเขารู้ตัว
จึงเร่งก้าวตามมาให้ทันตรงที่เขาหยุดเดิน
แต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากถามใด ๆ
คนตรงหน้ากลับเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาเสียก่อน


“พอดีเก็บงานเสร็จเร็วเลยตามมาช่วย”


เหตุผลสั้น ๆ แต่ได้ใจความถูกบอกด้วยน้ำเสียงเรียบปนหอบเล็ก ๆ
ราวกับเพิ่งรีบเร่งไล่ตามมาเป็นระยะทางไกล
ปลายฟ้ามองผู้มาเยือนนิ่งเหมือนคนจับต้นชนปลายไม่ถูก


ห่ะ...มันบอกว่าจะมาช่วยเนี่ยนะ


แล้วจะมาช่วยเรื่องอะไร?


แต่ข้อสงสัยในใจกลับได้รับการเฉลยทันที
เมื่อร่างสูงยื่นมือใหญ่มาตรงหน้า


“เมื่อยรึยัง ส่งน้องเขามาสิ”


คมสันพูดแค่นั้น ก่อนดึงร่างเล็กซึ่งหลับพาดไหล่ของอีกคนไปอุ้มแทน
โดยที่ปลายฟ้ายื่นส่งเด็กน้อยให้โดยไม่ทันปริปากอะไร
พอน้องกานดาพ้นไปจากตัวจึงเพิ่งจะตระหนักได้ว่า
ไหล่ของตัวเองปวดระบบจนยกแทบไม่ขึ้นมากแค่ไหน


แน่ล่ะ...อุ้มน้องมาเกือบทั้งวันเลยนี่
ไหนจะต้องหิ้วถุงผ้าใส่ขนมที่ไอ้เกมส์มันฝากมาอีก
....จะไม่ให้ล้าก็คงแปลก

แต่ที่น่าแปลกกว่าคือการที่อยู่ ๆ ใครบางคนดันโผล่มาเนี่ยแหละ


“ไปกันยัง”


คมสันหันมาถามสั้น ๆ
แล้วจึงเดินนำหน้าไปโดยไม่รอคำตอบใด ๆ
ตามประสาคนชอบทำอะไรรีบ ๆ
ปลายฟ้าจึงได้แต่ขยับก้าวเดินตามไปทั้ง ๆ ที่ในหัวสมองยังคงมึนงง



...ตกลงนี่ใครต่อใครเห็นว่าเขาไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึไง
แค่เดินมาส่งน้องกลับบ้านถึงขนาดต้องมีคนตามมาช่วย


ที่สำคัญคือ ไอ้คนคนนี้มันดันเป็นบัดดี้เขาด้วย!
แล้วบัดเดอร์ภาษาอะไรกันต้องให้บัดดี้เป็นฝ่ายดูแลแทน
รู้ถึงไหนอายถึงนั้นเข้าพอดี


โธ่เว้ย! ไอ้ปลายฟ้า


...จับได้ใครไม่ได้
ทำไมต้องมาจับได้ไอ้คนชอบช่วยชาวบ้านแบบนี้ด้วยวะ
แล้วอย่างนี้เขาจะหาโอกาสตอบแทนมันได้ยังไง

 
...เวรกรรมแท้ ๆ เลยกู



ปลายฟ้าคิดอย่างปลงตกสับสนในสถานะของตัวเอง
ขณะที่เดินจูงมือเด็กหญิงแก้ม
เคียงคู่ไปกับนายคมสันซึ่งอุ้มเด็กหญิงกานดาเอาไว้
แล้วจึงพากันเดินข้าง ๆ  แบบนี้โดยไม่มีใครพูดอะไรไป


....ตลอดทาง


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------



TBC



ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
 :impress2: ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องนี้เลย อ่านไปซะเพลิน รู้อีกทีหมดตอนซะแล้วววว  อยากอ่านตอนต่อไปซะแล้วสิ คมนะคม อุส่าห์ตามมาจนได้

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
น่าร๊ากกกกก อ่ะ! ใช่เคลียร์งานหรอคม ไล่เพื่อนไป หันไปสั่งงานแล้ววิ่งตามมาป่าว

ฟ้าก็นะ คิดเยอะจริงๆ ขนาดปลูกดอกไม้ยังเยอะเลย

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
ครอบครัวเลยอ้ะ :z3: พ่ออุ้มลูก แม่จูงลูก

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
จิ้นไปไกลว่าคืนนี้ทั้งคู่คงได้นอนค้างที่บ้านเด็กหญิงตัวน้อยแน่ๆ

แล้วสานต่อความรู้สึกจนพีค   :laugh:

บวกเป็ดค่ะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คมคงจะเป็นห่วงปลายมาก
แต่คงไม่กล้าบอกตรง ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ที่ไปขัดเค้าเนี่ย เพราะอยากไปส่งเองใช่ม้าาาาาาาา

ออฟไลน์ ~MiKi~

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เดินไปด้วยกัน เป็นครอบครัวเลย พ่อ แม่ ลูก >.<~~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คมเนียนนะเนี่ย ไล่ดิวซะไปไกลเลย อิอิ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ฮั่นแน่ หรือว่าคุณคมสันแอบปิ๊งคุนเต่าปลายเข้าให้แล้วถึงได้ตามห่วงกันขนาดนี้

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
นึกแล้วเดี๋ยวพี่แกต้องมา   :o8:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
นึกว่าจะไม่ตามไปซะแล้ว

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คมอยากไปกับปลายเองใช่หรือเปล่า ถึงได้ไปขัดดิวอ่ะ

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
สมกับฉายาเต่าปลายจริงๆ ชาวบ้านมารุมจีบยังไม่รู้เรื่องอีก  :laugh:

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
แล้วแบบนี้บัดดี้ปลายจะได้ดูแลคมไหมนี่  เพราะดูแล้วมีแต่คมจะดูแลปลายแทนนะ

คมหาทางไล่เพื่อนแบบเนียนๆ     

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
ว่าแล้ว ว่ายังไงจะต้องตามมา

ปลายเค้าไม่ได้ไม่ไหวใจกันนะ เค้าแค่เป็นห่วงเต่าปลายกันต่างหาก 5555

ออฟไลน์ YuuYuu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สรุปดิวนี่เป็นบัดเดอร์จริงๆ เหรอ
ทำไมให้อารมณ์เหมือนแค่เข้ามาจีบมากกว่าเป็นบัดเดอร์

เชื่อสิ... เต่าปลายแพ้พนันเงินหายไปสองร้อยแน่ๆ
เดินไปกลับในเวลาสิบห้านาทีมันเร็วไปนะ จริงๆ  ไปกลับก็สองโลแล้ว  นายต้องวิ่งขวิดเอาแล้วถึงจะทัน
แล้วยิ่งเดินชมนกชมไม้ด้วย  ไม่ทันหรอกจ้ะน้องปลาย

ที่กรี๊ดกร๊าดที่สุดคือน้องคมเดินไปกับน้องปลายด้วยเนี่ย
เธอคิดอะไร๊ เธอเป็นบัดเดอร์ใช่ม๊ายยยย


แอบหวานนิดนึงค่ะ ชอบจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
อ่านกำลังเพลิน..จบตอนซะละ...รอตอนต่อไป...

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 450
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
ดัน และบวก  :m4: ก่อนอ่าน

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
เต่าน้อยนี่ซื่อบื้อได้น่ารักจริงจัง
(สาบานว่านี่ชม 555555)
 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เต่าน้อยท่าจะเสียตังค์


 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
ชอบนิสัยนายเอกอ่ะ ช่างเลือก 555+
คือเราก็เป็นนะ นิสัยอย่างนี้ไม่พ้นกรุ๊ปเอแน่นอน

ตาคมนี่ เดี๋ยวไม่ทันดิวนะ รายนั้นดูแพรวพราวมาก ออกหน้าออกตาขนาดนั้น
รีบ ๆ หน่อยเน้อ

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ายยย จะหลงป่า หาทางกลับค่ายไม่ถูกหรือเปล่า
แต่ได้ข่าวว่ามันกิโลเดียวเอง
แต่ก็หลงได้น้า อาจจะมีพายุกระหน่ำจำทางไม่ได้
อยากให้สองคนใช้เวลาด้วยกันเยอะๆ หน่อย
ระยะนี้มันชักช้ายังไงไม่รู้

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้ม


ต้นที่ 10

   

...ข้างบ้าน


ตามความเข้าใจของนายปลายฟ้า
ลูกคนกรุงเทพ 100 เปอร์เซ็นต์
มันน่าจะหมายถึงบ้านที่ปลูกอยู่ติดกัน

แต่สำหรับคนบนดอยแล้ว
ไอ้ข้างบ้านที่ว่า...
มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิด


บ้านไม้กึ่งปูนชั้นเดียววางตัวอยู่หน้าถนนดินสายเล็ก
ส่วนด้านหลังเป็นทุ่งกว้างสลับกับต้นไม้น้อยใหญ่พอให้ร่มรื้น
คือบริเวณที่น้องแก้มหยุดเดินพลางชี้นิ้วไปยังอีกทาง


“ถึงแล้วค่ะ นี่บ้านของหนูส่วนหลังนู้นของน้อง”


ปลายฟ้ามองตามมือเล็ก
ก่อนพบบ้านหลังน้อยปลูกอยู่บนเนินดินตรงหัวโค้ง
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับหลังแรกแต่อยู่ห่างไปอีกเกือบห้าสิบเมตร


...ห้าสิบเมตร

มันไม่น่าจะใช้คำเรียกว่า ‘ข้างกัน’ 
แต่ก็อย่างว่ามีพื้นที่บนดอยมากขนาดนี้
จะให้มาปลูกติด ๆ กันเหมือนคนในเมืองได้ยังไง
ปลายฟ้าที่มีบ้านอาศัยอยู่ในคอนโดสูงกลางกรุง
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉาบ้านที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติขึ้นมานิด ๆ

ถึงอย่างไรห้าสิบเมตรจากตรงนี้ก็ไม่ใช่ระยะทางที่ไกลมาก
เขาจึงหันไปส่งน้องแก้มเข้าบ้านพร้อมเอ่ยลา


“ขอบใจนะ อ่ะ...พี่ให้ขนมเป็นรางวัลด้วย
เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันใหม่นะครับน้องแก้ม บาย ๆ”

พูดจบพลางล้วงขนมสองสามชิ้นจากถุงผ้าที่ไอ้เกมส์ฝากมาให้
ยื่นส่งให้เด็กหญิงซึ่งยิ้มจนตาหยียกมือไหว้ขอบคุณ
ก่อนโบกมือลาให้พวกเขาเดินกลับไปตามทาง


....ตอนนี้จากสี่ก็เหลือกันเพียงสามคน

บรรยากาศที่เงียบอยู่แล้วกลับยิ่งเงียบงันเข้าไปอีก


ปลายฟ้ารู้สึกอึดอัดแปลก ๆ
ปกติถึงแม้เขาจะเป็นคนพูดน้อย
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พูดเลย
อยู่ในกลุ่มเขาก็เฮฮากันไปตามประสา
แต่กับไอ้คนที่ไม่สนิทแถมเอาแต่ดีหน้านิ่งแบบนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำตัวยังไง

โอกาสที่จะเทคแคร์บัดดี้อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ
ถ้าอยู่ ๆ โพล่งออกไปว่าทำงานเหนื่อยมั้ย
หรือบอกให้นอนหลับฝันดีเหมือนที่ดิวเคยบอกเขาบ้าง
มันคงดูตลกไปหน่อย ขนาดแค่คิดยังรู้สึกขนลุกพิกล


โอยย...ทำไมแค่จะดูแลบัดดี้มันถึงยุ่งยากอย่างนี้วะ!


...มัวแต่หงุดหงิดกับความคิดสับสนของตัวเอง
รู้ตัวอีกดันเดินมาถึงหน้าบ้านบนเนินซะแล้ว

คมสันหันมองเหมือนจะให้เขาเป็นคนเรียก
เพราะตัวเองอุ้มน้องซึ่งยังคงหลับอยู่ไว้กับตัว
เขาพยักหน้ารับเข้าใจ
เดินไปใกล้รั้วบ้านหลังเล็กก่อนจะส่งเสียงทัก


“สวัสดีครับ พวกเราพาน้องกานดามาส่งครับ”


คำตอบที่ได้รับกลับมีเพียงความเงียบ
ปลายฟ้าขมวดคิ้วงง สงสัยคงจะเสียงเบาไป


“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่บ้านบ้างมั้ยคร้าบ!!”


เขาเร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม
มั่นใจว่าคราวนี้ยังไงก็ต้องได้ยินบ้าง
แต่หลังบานประตูใหญ่กลับยังคงเงียบเฉียบ
แถมสังเกตดี ๆ มันคล้องกุญแจบ้านไว้ด้วยนี่หว่า...


“สงสัยคงไม่มีใครอยู่
ยังไงลองกลับไปถามน้องคนนั้นใหม่ดีมั้ย?”

ท่านประธานค่ายคงสังเกตเห็นเหมือนกันเลยถามออกมาแบบนั้น
แต่ความจริงไม่ต้องถามก็ได้มั้ง เพราะพี่แกเล่นเดินนำไปแล้ว


...เป็นแบบนี้ทุกที 
รีบตัดสินใจเอาเองเสร็จสรรพ
แล้วมันจะถามขึ้นมาทำไมซากอะไรวะ


แม่งเซ็งเว้ย!!


ทั้งสองจึงเดินกลับมาตามทางเงียบ ๆ
แต่เป็นครั้งที่เงียบกว่าเดิม
เพราะพ่วงมาด้วยอารมณ์กึ่ง ๆ ไม่พอใจของนายปลายฟ้า

กระทั่งถึงหน้าบ้านของเด็กหญิงแก้ม
พวกเขาเดินเลยเข้ามาในรั้วก่อนหนุ่มเภสัชจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำเรียก


“ขอโทษนะครับ ขอรบกวนหน่อยครับ”


หญิงชราวัยเกือบหกสิบนุ่งผ้าถุงท่าทางใจดีเดินออกมาจากในบ้าน
สงสัยคงเป็นคุณยายของน้องแก้มซึ่งถามแขกผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ


“อ้าว...มีอะไรกันเหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม”


“สวัสดีครับคุณยาย”


“ไหว้พระเถอะจ๊ะ
เอ๊ะ...ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยนี่
เป็นลูกเป็นหลานบ้านใครกันล่ะ”


“พวกผมเป็นนักศึกษามาออกค่ายที่โรงเรียนน่ะครับ
แล้วที่มานี้ก็ว่าจะมาขอรบกวนถามคุณยาย
เออ...คุณยายพอจะทราบมั้ยครับว่าเจ้าของบ้านข้าง ๆ เขาไปไหน
พอดีผมจะพาน้องกานดามาส่ง แต่ไม่มีใครอยู่เลย”


“อ้อ พ่อสะอาดน่ะเหรอ
แกลงไปขายข้าวโพดในเมืองตั้งแต่สาย ๆ แล้ว
กว่าจะกลับขึ้นมาก็คงตะวันตกดินโน้นแหละ”


ความจริงที่ได้ยินทำให้คนฟังถึงกับนิ่งอึ้ง


...ดะ...เดี๋ยวก่อนตะวันตกดิน
มันตั้งอีกเกือบชั่วโมงไม่ใช่เหรอ
แล้วจะทำยังไงกันล่ะที่นี่

จะไปยืนรออยู่หน้าบ้านน้องคงได้เมื่อยตายพอดี
หรือจะให้น้องกลับไปรอที่ค่ายเดี๋ยวก็เสียเวลา
เผลอ ๆ ไปพักได้ครึ่งชั่วโมงก็ต้องเดินกลับมาส่งใหม่
อีกอย่างถ้าพ่อแม่น้องกลับมาไม่เห็นลูกจะแย่

เอาไงดีวะ...


“งั้นถ้าผมรบกวนฝากน้องไว้กับคุณยาย
จนกว่าพ่อแม่เขาจะกลับมาได้มั้ยครับ”

เป็นเสียงของคนที่มาด้วยกันเอ่ยเสนอขึ้นมาแทน
ขัดจังความคิดอันสับสนของนายปลายฟ้า
มิหนำซ้ำคู่สนทนายังตอบกลับมาง่าย ๆ


“ได้สิ น้อยมันเอามาฝากไว้ประจำ”


“ขอบคุณมากครับ”


ดวงตากลมมองร่างสูงแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเรียบร้อยรวดเร็วจนแทบตามไม่ทัน
พลางเดินนำเข้าบ้านไป โดยมีเขาเดินตามอย่างมึน ๆ
คุณยายหยิบเสื่อกับหมอนมาวางปูลงบนพื้นเตรียมที่ให้น้องนอน
เขาเห็นมือแกร่งค่อย ๆ ประคองร่างที่อยู่บนไหล่ซึ่งหลับสนิทให้เอนหลังลง
ทว่ายังไม่ทันที่หัวจะถึงหมอน ดวงตากลมกลับหรี่ปรือขึ้นมา
เด็กหญิงกานดากระพริบตางง ๆ
มองคนที่กำลังอุ้มตนด้วยความไม่คุ้นเคย
แล้วทำท่าจะเบะปากร้องไห้
แต่พอเหลือบไปเห็นปลายฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เด็กน้อยกลับสะบัดตัวแล้ววิ่งลงมาโผกอดซุกหน้าลงเหมือนคนกำลังกลัว
โดยไม่ยอมปล่อยมือออกจากเสื้อยืดของเขา


...เออ น้องครับพี่เข้าใจว่ากลัวไอ้หน้าโหด
แต่มากอดพี่ไว้แบบนี้แล้วพี่จะกลับค่ายยังไงกันล่ะครับ!


ปลายฟ้าถอนใจ แล้วจึงย่อตัวลงไปลูบหัวเด็กน้อย
พยายามพูดโน้มน้าวใช้เหตุผลคุยเพื่อเข้าใจ

“น้องกานดาครับ ปล่อยพี่ก่อนนะ
อยู่กับคุณยายรอจนกว่าคุณพ่อคุณแม่จะมา
เดี๋ยวพวกพี่ต้องกลับไปค่ายแล้ว”


แต่เด็กอายุแค่ห้าขวบคงไม่อาจทำความเข้าใจในเหตุผลแบบนี้
ซ้ำยังทำท่าจะร้องไห้หนักกว่าเก่าเมื่อปลายฟ้าพยายามจะดึงมือเล็กออก
ทว่ายิ่งดึงกลับยิ่งเกาะเหนียวแน่นเหมือนเป็นลูกลิง
จนคุณยายที่มองอยู่นานอดไม่ได้ที่จะพูดทัก


“สงสัยเด็กมันคงจะติดใจ หายากนะ...
ปกติเจ้าคนนี้เจอใครแปลกหน้าหน่อยก็ร้องไห้งอแงแล้ว
ถ้างั้นไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
พวกพ่อหนุ่มฝากดูด้วยเลยแล้วกัน
เดี๋ยวยายต้องไปทำข้าวเย็นก่อน
วันนี้ได้ผักมาเยอะ ว่าจะมาต้มจิ้มน้ำพริกเสียหน่อย
เออแหนะ... พอดีเลย...
กินด้วยกันมั้ยล่ะ น้ำพริกยายอร่อยนะ”


จากคุยเรื่องนู้น อยู่ ๆ กลับเปลี่ยนเข้าอีกเรื่องหน้าตาเฉย
จนปลายฟ้าตั้งรับไม่ทัน ได้แต่พูดตะกุกตะกักตอบ


“เออ...แต่ว่าพวกผม...”


“โอยยย...เชื่อสิ อร่อยจริง ๆ
นี่อย่าหาว่ายายคุยเลยนะ
ตำไปงานบุญทีไรไม่เคยเหลือกลับมา
แหม...มันหมดเกลี้ยงหม้อทุกครั้ง
พวกพ่อหนุ่มเล่นกับน้องรอไปก่อน
พักเดียวแหละเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว
แก้มเอยย... แก้ม... มาช่วยยายทำกับข้าวหน่อย”


จะปฏิเสธก็ไม่ทันแล้ว
เพราะคุณยายเดินตรงเข้าครัวด้านหลังบ้าน
โดยมีน้องแก้มตามไปเป็นลูกมือติด ๆ
ทิ้งปลายฟ้าให้ยืนลำดับเหตุการณ์ในหัวอย่างงง ๆ


เฮ้ย...ไหงกลายเป็นเงี้ย
แค่มาส่งน้องแต่กลับได้มานั่งกินข้าวบ้านคนอื่นซะงั้น
มันอะไรกันวะเนี่ย!!


อ้าว...แล้วไอ้ประธานนี่ก็อีกคน
ทีอย่างนี้มึงดันเงียบทำไมวะ
ไม่ช่วยห้ามกันบ้างล่ะเว้ยย!!


ปลายฟ้าเขม่นมองคนที่เริ่มทำตัวตามสบาย
เอนนั่งลงกับพื้นทำตามคำสั่งเจ้าของบ้าน
แบบไม่คิดว่าตัวเองต้องมีหน้าที่กลับไปคุมค่ายเลยสักนิด

ทว่าขณะที่กำลังคิดอย่างหงุดหงิดเขากลับรับรู้ถึงแรงสะกิด
จากเด็กหญิงกานดาซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนพูดคำสั้น ๆ ให้ได้ยินเพียงหนึ่งคำ


“หิว”


คนฟังชะงักกึกมองดวงตากลมโตใสแจ๋วที่จ้องกลับมาเหมือนรอคอย
จนเขาต้องรีบปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“หิวเหรอ เดี๋ยวแป๊บนะ”


...หน้าที่เลี้ยงเด็ก ก็ยังคงเป็็นเช่นนั้นอยู่วันยังค่ำ

เขาเร่งคว้านหาของที่อยู่ในถุงผ้า
เสบียงจากไอ้เกมส์ที่ฝากมาใช้ประโยชน์ได้ก็ตอนนี้


เออ...แล้วมีของอะไรให้อยู่ท้องบ้างวะ
มีแต่พวกขนมกรอบ ๆ
เดี๋ยวเผลอ ๆ น้องต้องกินข้าวแล้วอิ่มก่อนพอดี
หรือจะให้น้องดื่มนมไปก่อน

นี่ไง...มีนมกล่องเล็ก  ๆสองกล่องพอดี
รสจืด กับ นมเปรี้ยว

อ้าว...แล้วจะให้ดื่มอะไรอ่ะ
รสจืดน้องเขาจะกินมั้ย
มันไม่ค่อยอร่อยนะ
ขนาดเขายังไม่ชอบเลย

หรือจะให้ดื่มนมเปรี้ยวดี
แล้วเด็กอายุแค่นี้ดื่มนมเปรี้ยวเป็นอะไรมั้ย
ดื่มตอนท้องว่าง ๆ มันจะอืดรึเปล่า


ถ้างั้น...


อ้าวเฮ้ย...!!


ปลายฟ้าอุทานในใจ
เมื่ออยู่ ๆ กลับมีมือปริศนาดึงกล่องนมเปรี้ยวไปจากมือ
พร้อมกับแกะหลอดจิ้มเจาะรูพร้อมยื่นให้น้องที่มองมาด้วยความลังเล
แต่คงเพราะความหิวเด็กหญิงกานดาจึงรับไปดูดกินอย่างไม่มีปัญหา

ทว่าคนที่มีปัญหากลับเป็นคนที่ชักช้า
ซึ่งโดนร่างสูงขมวดคิ้วถามเชิงบ่นขึ้นเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ


“หยิบมาแล้วทำไมไม่ให้น้องไปล่ะ”


...อีกแล้ว
ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้
ต้องโดนแย้งไปทำอยู่เรื่อย
ทั้ง ๆ ที่ยังเขาไม่ต้องการสักนิด


ปลายฟ้าก้มหน้ามองพื้น
พยายามข่มความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้
ก่อนจะตอบกลับเสียงเรียบ


“...ก็กำลังตัดสินใจอยู่”


“หืม ตัดสินใจอะไร
ไม่ใช้เวลานานเกินไปหน่อยเหรอ
แบบนี้จะทันคนอื่นเข้ามั้ย”


คำถามที่ตามมาติด ๆ ไม่ได้ช่วยให้เบาลง
ซ้ำยังเหมือนเป็นตัวจี้กระตุ้นอารมณ์โมโหให้พุ่งสูง


“ทันไม่ทันก็เรื่องของเรา
นายไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก”


น้ำเสียงและคำพูดแฝงความไม่พอใจจนรู้สึกได้
คมสันชะงักคล้ายจับทิศทางของอีกฝ่ายถูก
ก่อนถอนใจ บอกเจตนาของตัวเองสั้น ๆ


“เราแค่หวังดีอยากจะช่วย”



...คำพูดเพียงคำเดียว


....ไร้ประโยชน์ใด ๆ หากต่างความหมายอย่างสิ้นเชิงในคนละมุมมอง



ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมาทันควัน
ดวงตากลมไม่ได้หลบไปทางอื่นแต่จ้องไปยังใบหน้าคมโดยตรง
พร้อม ๆ กับที่ความในใจพรั่งพรูทะลักทลายจากความอดทนที่สิ้นสุดลง


“แล้วนายคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำให้คนอื่นเขาต้องการเหรอ
ถ้าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาย
แต่นายดันทำไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ถามเขา
แบบนี้มันไม่เรียกว่าหวังดีหรอก แต่เรียกว่าสะ...!!”


ประโยคถูกหยุดไว้แค่นั้นก่อนเจ้าตัวจะเผลอพลั้งปากพูด
ด้วยรู้ดีว่าขืนบอกไปคงได้โดยเชือดคอแน่
หากแต่คมสันกลับถามขึ้นซ้ำ


“เรียกว่าอะไร”


“ช่างมันเถอะ”


ปลายฟ้าตัดบทสั้น ๆ
หันไปนั่งเล่นกับน้องกานดาแทน
เหมือนตั้งใจปิดประเด็น
ทว่าคู่สนทนากลับไม่ยอมแพ้
คว้าไหล่ของอีกฝ่ายอย่างแรงให้หันมาเผชิญหน้า


“บอกมา... ปลายฟ้า
ถ้าไม่เรียกว่าหวังดีแล้วมันเรียกว่าอะไร...”


น้ำเสียงเรียบเริ่มเปลี่ยนเป็นคาดคั้น
พร้อมกับมือที่บีบไหล่แน่น
จนคนที่อยากจะอยู่เฉยต้องเป็นฝ่ายร้องโวยวายดังลั่น


“โอยย!! ปล่อยดิ เจ็บนะโว้ยยย!!”


แม้พยายามดิ้นให้หลุดอย่างไรก็ไม่เป็นผล
น้องกานดาที่มองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า
หยุดดื่มนมแล้วเริ่มเบะปากร้องไห้ด้วยความตกใจกับเสียงดัง
ทว่ามือแกร่งกลับยังคงไม่ปล่อย
ดวงตาคมยังจ้องดุเหมือนรอคอย
จนเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหว
ต้องพูดโพล่งคำตอบขึ้นมาอย่างหมดความอดทน



“เออ ๆ บอกก็ได้

เขาเรียกว่า ‘เสือก!!’ ไง

...พอใจรึยัง!!”



...ชัดเจน


รู้ทั้งรู้ว่าคำที่พูดไปคือคำด่าเต็ม ๆ
ทว่านาทีนี้จะโดนอัดก็ไม่สนแล้ว


ปลายฟ้าสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมที่คล้ายจะอ่อนแรงลง
ก่อนหันไปปลอบเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังคงขวัญหนีจากการทะเลาะกันที่เพิ่งเกิดขึ้น

“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับ
ตกใจเหรอ พี่เสียงดังใช่มั้ย
นี่ไง... มีลูกอมด้วยนะ
หยุดร้องก่อนแล้วเดี๋ยวพี่จะให้กินลูกอมนะคนเก่ง”
 
เขาพยายามเอาขนมขึ้นมาล่อซึ่งก็ได้ผล
เพราะน้องกานดาเริ่มหยุดสะอื้นเช็ดน้ำตาปอย ๆ
แล้วหันมาให้ความสนใจกับลูกอมหลายสีที่อยู่ในมือของเขาแทน
ปลายฟ้าปล่อยให้เด็กหญิงตัวน้อยเลือกขนมอยู่แบบนั้น
ก่อนจะได้ยินเสียงพึมพำเบา ๆ เอ่ยขึ้นถามกลางเงียบ ๆ


“....ขอโทษ”


ดวงตากลมหันมองคนพูด
ซึ่งอีกฝ่ายคล้ายจะมองอยู่ก่อนแล้ว
พร้อมกับเอ่ยประโยคต่อที่เหลือ


“ไม่รู้ว่าที่เข้าไปช่วยจะทำให้รำคาญ”


ปลายฟ้านิ่งไปอึดใจ
รู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นคนทำให้เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมันเลวร้ายมากแค่ไหน
เขาจึงเป็นพูดออกไปเช่นเดียวกันบ้าง


“เราต่างหากที่ขอโทษที่เมื่อกี๊พูดแรงไป
มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”



...ความเงียบโรยตัวลงมาอีกครั้ง


แม้จะยอมให้อภัยกันทว่าบรรยากาศยังไม่คลายความอึดอัด
ก็คนเพิ่งจะทะเลาะให้เข้าหน้ากันติดคงจะยาก

ปลายฟ้าเริ่มลำบากใจกับสถานการณ์ที่แย่ลง
หันไปให้ความสนใจน้องกานดาเหมือนเดิม
หากแต่ใครบางคนกลับเริ่มต้นเป็นฝ่ายพูดมาลอย ๆ


“รู้มั้ยว่าเราเป็นพี่ชายคนโต
พ่อแม่เรามีลูกห้าคน ที่เหลือเป็นผู้หญิงหมด
มีแฝดคู่หนึ่ง ส่วนน้องคนสุดท้องเพิ่งจะเข้าประถม”


บทสนทนาที่ได้ยินทำให้คนอึดอัดต้องนิ่งฟัง
เหลือบมองร่างสูงที่นั่งเหยียดขาสบาย ๆ
ดวงตาคมทอดมองไปนอกบ้านซึ่งฟ้าเริ่มอ่อนแสงลง


“ตอนเราอยู่ม.ต้น บริษัทพ่อเราล้มพอดี
แม่ต้องออกไปทำงานหาเงินเพิ่มอีกแรง
เลยปล่อยให้เราช่วยเลี้ยงน้อง ๆ อยู่กับบ้าน
ตอนแรกมันก็ยากอยู่หรอก เราทำอะไรไม่ค่อยถูก
แต่พอเราต้องหัดดูแลใครสักคนอย่างจริงจัง
มันเลยทำให้เรารู้สึกโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น”
เราภูมิใจกับตัวเองที่เป็นแบบนั้น ดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น
ไม่รู้สิ....มันอาจไม่เกี่ยวกันก็ได้
แต่พอเห็นใครเดือดร้อน
เราเลยอยากจะเข้าไปช่วยเขาเท่าที่เราพอทำได้
...ก็แค่นั้น”



...เรื่องเล่ามากมายที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
ปลายฟ้ากลับนั่งนิ่งตั้งใจฟังพิจารณาทุกคำพูด


...รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น
ก็เลยชอบช่วยคนอื่นงั้นเหรอ
ถึงจะเป็นตรรกะแปลก ๆ ไปสักหน่อย
แต่มันคงเป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ทำให้ไอ้หน้าโหดเป็นคนแบบนี้


...และมันอาจเป็นเหตุผลที่ไม่ต่างอะไรไปจากเขา



“เห็นรอยแผลเป็นนี่ป่ะ...”


ปลายฟ้าพูดขึ้นมาบ้างพลางเปิดผมที่ปรกหน้า
ดวงตาคมพยายามมองหารอยเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนหน้าผากด้านขวา
แม้รอยจะจางลงกลืนไปสีผิวขาวของเจ้าตัว
แต่ก็ยังเห็นได้อยู่ว่ารอยนั้นกรีดยาวขวางเกือบนิ้วหนึ่ง
แค่มองก็พอจะเดาได้ว่าแผลที่เกิดคงร้ายแรงไม่น้อย
และจริงดังคาดเมื่อคนถามเฉลยคำพูดออกมาให้ได้ตะลึง


“มันเป็นแผลตอนเราโดนรถชน
แล้วหัวไปโขกกับพื้นแรงจนเราน็อค”


ปลายฟ้าลดมือลง
ปล่อยให้ผมปรกหน้าผากปิดรอยแผลเหมือนเดิม
ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องถึงสาเหตุ


“ตอนนั้นเพิ่งขึ้นม.4 เปิดเทอมได้สองวัน
มีรถกระบะหักรถมอเตอร์ไซต์
แล้วเบียดมาชนเราที่จะข้ามถนนไปโรงเรียนพอดี
หัวเรากระแทกกับพื้นถนนแรงมาก
นอนสลบไปสองอาทิตย์ได้มั้ง
ช่วงนั้นเราจำอะไรไม่ได้หรอก
แต่ที่จำได้คือตอนตื่นมาเห็นแม่ร้องไห้อยู่ข้างเตียง
แม่บอกว่ากลัวเราจะไม่ฟื้นอีก
เราเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง
เขาเลยกลัวจะเสียเราไป

ตั้งแต่นั้นเราเลยคิดว่าเราจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีก
เวลาจะทำอะไรเราต้องคิดให้ดีก่อน ไม่อยากให้แม่กังวล
อีกอย่างคนมันเคยเฉียดตายมาแล้ว ก็เลยอยากใช้ทุกวินาทีให้คุ้ม
ครั้งนั้นเราโชคดีที่สมองไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมาก
แต่ไม่รู้ว่าต่อไปเราโชคดีแบบนั้นอีกรึเปล่า
เวลาจะทำอะไรเราเลยต้องเลือกทำในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด
ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง

เออ....ไม่รู้เหมือนกันนะ
มันอาจจะไม่เกี่ยวกับนิสัยทำอะไรชักช้าของเราเหมือนอย่างนายก็ได้
แต่แค่อยากเล่าให้ฟังบ้างเฉย ๆ”


ปลายฟ้าพูดตะกุกตะกักลูบต้นคอแก้เก้อ
หน้าเนียนเริ่มร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ
เพิ่งจะมารู้ตัวว่าเผลอคุยซะยาวเลย


...ความจริงมันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนแม้แต่กับเพื่อนในกลุ่ม
ทุกคนคิดว่าเขาชักช้าเพราะเป็นนิสัยเดิม
แม้ว่าตัวเขาเองชอบทำอะไรให้ถี่ถ้วนอยู่แล้ว
แต่เหตุการณ์ที่มันเกิดเหมือนกับจะยิ่งทำให้อาการเขาหนักขึ้น
จนกระทั้งมันกลายเป็นสิ่งที่ยากจะแก้
คล้ายเป็นปมในใจ ที่เขาไม่อาจลืม


“งั้นสรุปว่าที่ชอบทำอะไรช้า
เพราะมัวเลือกอยู่เหรอ”

คมสันถามย้ำเหมือนต้องการความแน่ใจ
ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ


“ก็เออสิ... พอนายตัดหน้ามาช่วยเลือกแทน
มันเลยเหมือนนาย...เออ....คือ...”


“เสือก”


“เฮ้ย! พูดเองนะ”

อยู่ ๆ อีกคนก็ต่อประโยคแทน
จนปลายฟ้าต้องรีบแก้ตัวเหมือนกลัวว่าจะโดนโกรธ
แต่ร่างสูงกลับหัวเราะออกมาอย่างไม่ติดใจเอาความแถมยังแกล้งแหย่กลับ


“รู้แล้ว เห็นไม่กล้าพูดเลยช่วยพูดให้”


คำแซวทำให้ปลายฟ้าเบ้หน้า
ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มบาง ๆ 


น่าแปลก...
ที่เหมือนบรรยากาศอึดอัดเมื่อครู่จะคลี่คลายลง


มันคงจริงดังว่า...
คนเราพอหยุดทะเลาะเลิกใช้อารมณ์
แล้วต่างฝ่ายต่างหันมารับฟังเหตุผลตรง ๆ
มันอาจจะช่วยทำให้เราเข้าใจเรื่องทุกอย่างกันมากขึ้น



...ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะดำเนินต่อ

เสียงยายจากด้านหลังบ้านก็เรียกให้ไปกินน้ำพริกเสียก่อน
วงข้าวเล็ก ๆ จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างง่าย ๆ มีไข่เจียว แกงจืด ผักต้ม
และที่เด็ดสุดคือน้ำพริกมะขามฝีมือคุณยายที่เพิ่งไปเก็บมาสด ๆ จากต้น
โดยมีเรื่องเล่าจากคุณยายแกล้มไประหว่างมื้อ

ปลายฟ้าจึงได้รู้ว่าน้องแก้มอยู่กับยายสองคน
ส่วนพ่อแม่ไปทำงานในกรุงเทพส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน
โชคดีที่น้องแก้มเรียนเก่งจึงได้ทุนเรียน
ความเป็นอยู่เลยไม่ขัดสนมากเท่าไร

...ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเกรงใจ
แต่พอน้ำพริกเข้าปากดันลืมหมด
กินกันเสียจนเกลี้ยง
แม้จะไม่อิ่มท้องเต็มที่เพราะเดี๋ยวต้องกลับไปจัดการที่ค่ายต่ออีก
ทว่าแค่นี้ก็พอแล้วที่จะทำให้แม่ครัวใหญ่ปลื้มยิ้มจนหน้าบาน


...ความสุขระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้มาเยือน
คือการแบ่งปันน้ำใจเล็ก ๆ น้อยๆ ให้กันและกันแบบนี้นี่เอง


พอจบมื้ออาหาร ดวงตะวันใกล้ตกดิน
ทุกคนจึงได้ยินเสียงรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แล่นมาจอดหน้าบ้าน
ซึ่งคนขับไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพ่อแม่ของเด็กหญิงกานดา
ที่คล้ายกับจะรู้อยู่แล้วว่าน้องอยู่ที่นี่ดังที่คุณยายเคยบอกไว้ว่า
คุณแม่ของน้องวานมาฝากยายเลี้ยงบ่อย ๆ
แต่ครั้งนี้มีนักศึกษาค่ายสองคนมาช่วยเลี้ยงด้วย


“ขอบคุณนะจ๊ะ ลำบากแย่เลย น้องไม่ดื้อใช่มั้ย”

หญิงสาววัยยี่สิบปลาย ๆ ดวงตาคู่สวยไม่ผิดไปจากน้องกานดา
เอ่ยขอบคุณพลางอุ้มน้องที่หลับไปอีกรอบจากมือปลายฟ้า

“ไม่เลยครับ พวกผมเล่นกับน้องสนุกมาก
ยังไงวันอาทิตย์นี้ถ้าพอมีเวลา
เรียนเชิญมาร่วมงานเปิดห้องสมุดใหม่ที่โรงเรียนด้วยนะครับ”

เขาถือโอกาสโฆษณางานค่ายไปด้วยในตัว
โดยมีคมสันพูดถึงรายละเอียดของค่ายอีกนิดหน่อยสมตำแหน่งประธาน
พอทั้งคู่รับปากว่าจะไป พวกเขาจึงเอ่ยขอตัวรีบเดินกลับก่อนฟ้าจะมืด


....ภารกิจในการส่งน้องจึงเป็นอันจบสิ้น



ปลายฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอก
เดินกลับมาตามถนนเดินดินเล็ก ๆ สายเก่า
ท้องฟ้าทอแสงสีส้มจาง ๆ ขณะพระอาทิตย์กำลังใกล้ตกดิน
ย้อมทุ่งกว้างและต้นไม้น้อยใหญ่ให้เป็นสีทองสวย
เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็ม ๆ ปอด
บรรยากาศมันดีจนนึกอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความประทับใจ


....ที่สำคัญคือมันไม่ได้อึดอัดเหมือนตอนขามา


....ทั้ง ๆ ที่คนเดินข้าง ๆ ก็เป็นคนคนเดียวกัน



“ปลาย”


“หืม”


“วันหลังถ้าอยากให้ช่วยก็บอกมานะ
เดี๋ยวแยกไม่ถูก กลัวหาว่าไปเสือกอีก”


คำพูดที่ได้ยินทำให้เจ้าของชื่อต้องหันมอง
บรรยากาศกำลังดี ๆ มันชอบทำให้เสียฤกษ์อีกแล้ว
แต่คราวนี้เขาไม่ได้โกรธเท่าเดิม
ความรู้สึกมันคล้ายกับจะแซวเล่นมากกว่า

“โห ได้ทีพูดใหญ่เลยนะ
นี่ตั้งใจประชดใช่มั้ย”

ทว่าอีกฝ่ายกลับถือเป็นจริงเป็นจัง
รีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนหยุดเดินลงกลางคัน

“ไม่ใช่ เราพูดจริง ๆ
แล้วตกลงที่เราเดินมาส่งน้องด้วย
เรากำลังเสือกอยู่รึเปล่า”

น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าต้องการคำตอบ
ทำให้ปลายฟ้าต้องหยุดเดินลงบ้าง
เขาคิดทบทวนข้อความที่ได้ยิน


...ยอมรับว่าตอนแรกหงุดหงิดรำคาญ
ไม่เข้าใจว่ามันจะเดินตามมาส่งน้องกับเขาทำไม
ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไปเองคนเดียวได้
แต่พอมาเดินคุยกันแบบนี้
ได้รู้เรื่องบางอย่างที่ไม่เคยมองในอีกมุม

...มันกลับเปลี่ยนความคิดเขาไป


...ไม่หรอก


มันไม่ได้เสือก


แต่ว่า...




“...นายช่วยเรา

นายทำให้เราสบายใจขึ้น”

...ขอบใจนะ”



ปลายฟ้าหันไปยิ้มกว้างให้แทนคำขอบคุณ

....ไม่รู้อะไรที่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกเขา
แต่ตอนนี้เขาคิดว่าไอ้หน้าโหดมันไม่ได้โหดเหมือนเคย
และบางทีเขาอาจจะเป็นเพื่อนกับมันก็ได้


...พอนึกได้แบบนี้อยู่ ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา


ถ้าไม่ได้มาด้วยกันเขาคงจะไม่รู้ถึงเหตุผล
และอาจจะคติกับมันไปตลอด
อย่างที่เคยรู้สึกกับพวกวิศวะที่ไอ้เกมส์เคยเล่าให้ฟัง


เออ...พูดถึงไอ้เกมส์เหมือนลืมอะไรไปอย่าง



เฮ้ย!! ฉิบหาย!


ตังค์สองร้อยที่พนันไว้กับไอ้เกมส์
ตายห่ากี่โมงแล้วเนี่ย
จากสิบห้านาทีพ่อล่อไปสองชั่วโมงครึ่ง


โอยย....หมดสิ้นแล้วกู!!



ปลายฟ้ากุมขมับความสบายใจตอนแรกเริ่มหายวับไปกับตา
คนที่เสียพนันรีบเดินนำหน้าไปอย่างหมดอาลัย
โดยไม่รู้เลยว่าคนที่มองอยู่ข้างหลัง
ยังคงติดอยู่กับความทรงจำในสิ่งที่เพิ่งผ่านมา



คมสันมองเงาของอีกคนที่เดินทาบไปกับพื้นถนน



...ปลายฟ้ารู้มั้ยว่าทำให้เขาสบายใจเหมือนกัน
ตอนแรกยอมรับว่าตกใจที่โดนปลายฟ้าว่าเอาอย่างนั้น
แต่พอคิดดูดี ๆ มันอาจจะเป็นจริงก็ได้
ที่ผ่านมาปลายฟ้าอาจอึดอัดกับการกระทำของเขา
พอรู้ว่าหายโกรธแล้วเลยค่อยโล่งใจ



แถมที่สำคัญยังมายิ้มให้กันแบบนี้....




“ปลายช่วยอะไรเราหน่อยได้มั้ย”


เสียงเรียกทักทำให้คนเดินนำสะดุดลง
หันกลับมามองอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


...คนอย่างไอ้หน้าโหดเนี่ยนะ
ไหนบอกว่าชอบช่วยคนอื่นไง
แล้วมันจะให้เขาช่วยอะไรได้วะ


ปลายฟ้าขมวดคิ้วงงรอฟังคำขอจากปากคนจิตอาสาเป็นครั้งแรก


...และเป็นคำขอที่คนฟังถึงกับอึ้ง




“ปลายช่วยยิ้มบ่อย ๆ หน่อย

...ปลายยิ้มน่ารักดี

เราชอบ...


...ปลายช่วยยิ้มให้เราเห็นบ่อย ๆ ทีนะ”



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------



TBC




แวะมาทักทาย  :กอด1:
ตอนนี้จัดมาให้แบบยาว ๆ กลัวไม่จุใจ
ในที่สุดมันก็มีพัฒนาการบ้างแล้วหลังจากโดนเชื้อเชื่องช้าจากพ่อเต่าปลายไป (ฮา)  :laugh:

ไอ้บุคลิกแบบพี่คมมันไม่ค่อยหวานหรอก
แต่อย่าเผลอปล่อยให้พี่เขาได้จังหวะล่ะกัน
มีจุกกันบ้างล่ะ ไอ้ปลายฟ้าเอย

ต่อจากนี้ความสัมพันธ์ของสองคนจะเป็นยังไง
จะคืบหน้าเร่งสปีดไปได้ไกลแค่ไหน
ยังไงก็ต้องขอฝากช่วยลุ้้นติดตามให้กำลังใจพ่อเต่าน้อยกันต่อไป  :-[

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อย อย่าลืมดูแลสุขภาพนะจ๊ะ

ขอบคุณค่า


 :จุ๊บๆ:

แล้วเจอกันนะ


BitterSweet


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2012 08:04:27 โดย BitterSweet »

ออฟไลน์ Tnapat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
บรรยากาศเริ่มกลายเป็นสีชมพูล่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด