ซีรีย์หวานอมขม : ภาค จูปาจุ๊บ กับ ซิกาแร๊ต
แท่งที่ 7
“วันนี้โดนใครวางยาเบื่อมารึไงยะ ไอ้เกมส์
หมาในปากแกถึงได้เงียบตายสนิทขนาดนี้”
นั้นล่ะครับคำทักทายกลางวงข้าวเที่ยงของคุณเจ๊บอลล่า
ผู้ช่างมีสายตาเรดาห์จับความผิดปกติได้รวดเร็วโดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้าน
แต่วันนี้ชาวบ้านไม่ใช่คนอื่นคนใกล้ กลับเป็นเพื่อนสนิทคู่กัดประจำ
ซึ่งดูเหมือนจะลดดีกรีความกวนลงไปไม่สมตำแหน่ง
ทั้ง ๆ ที่ปกติเป็นต้องด่าให้เจ๊โมโหเล่นสักสองสามดอกแล้ว
ทว่าตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้ยินเสียงพูดอะไรออกมาเลยสักแอะ
ไม่แปลกเลยที่จะโดนเจ๊บอลล่าสงสัย จนทำให้เขาต้องรีบแก้ตัวตอบเลี่ยง ๆ
“โด่ เจ๊ ผมออกจะเรียบร้อย พูดน้อย ไพเราะขนาดนี้
ยังมาหาว่าผมมีหมาในปากอีก แต่ถึงจะมีหมาผมก็ผู้ดีครับเจ๊
โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ รู้จักเปล่า ไม่ใช่พันธุ์บางแก้วกระจอก ๆ นะครับ”
“อุ๊ยต๊ายย! อย่างแกนะเหรอจะพันธ์โกลเด้น ฝันสูงนะยะ
ไอ้ด่างข้างวัดก็บุญแค่ไหนแล้ว
นี่เพิ่งปลุกให้มันตื่นได้รึไงยะพ่อคุ๊ณถึงมาเห่าใหญ่เลย
โธ่...ฉันก็หลงนึกดีใจว่าใครมาผ่าหมาในปากแกออกหมดแล้ว”
คนโดนเหน็บถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินคำจี้ใจดำ
ถึงไม่ได้ไปผ่าหมาในปาก แต่ก็โดนเฉือนเหงือกผ่าฟันคุดเจ็บระบมจนไข้ขึ้น
ดีที่เมื่อวานกินยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดพอบรรเทาอาการไปได้บ้าง
วันนี้เลยไม่มีอาการอะไรให้เห็นมากเท่าไร
จนบอลล่าชักจะไม่มั่นใจในคำอ้างที่ว่าเขาไข้ขึ้นจนทำพาวเวอร์พอยน์รายงานกลุ่มไม่เสร็จ
มีแต่ไอ้ปลายที่รู้ความจริงเลยแอบกลั้นขำเบา ๆ
ทำให้เขาต้องขยิบตาส่งซิกให้มันเงียบไว้
ขืนบอลล่ารู้เรื่องทั้งหมดล่ะก็ขายหน้าตายห่า
เขายอมโดนเจ๊แขวะ ดีกว่าเสียศักดิ์ศรี
เห็นแบบนี้คนอย่างไอ้เกมส์ก็รักษาภาพพจน์ตัวเองยิ่งชีพนะครับ
คนเพิ่งผ่าฟันคุดจึงทำแค่เพียงยักไหล่ไม่ตอบคำประชดจากเพื่อน
ก้มหน้าเขี่ยต้มเลือดหมูนิ่ม ๆ ในชามเกาเหลาของตัวเองเท่านั้น
แม้ปากจะพอหายเจ็บแล้ว แต่ก็ยังเคี้ยวอะไรแข็ง ๆ ไม่ได้
กินแต่ละทีต้องค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ เหมือนเคี้ยวเอื้อง
เลยทำให้เขามักจะหมดอารมณ์กินซะก่อนจะอิ่ม เหมือนแค่กินมันไปกันตายเท่านั้น
เฮ้อ...เวรกรรมของสุดหล่อซีเกมส์
อย่าว่าแต่ขนม ข้าวก็กินไม่ได้
คงได้อดตายเพราะผ่าฟันคุดแน่เลยทีนี่กู
โธ่...บัดซบชีวิต!
คนกำลังคร่ำครวญถึงชะตากรรมได้แต่นึกปลง
ขยับตักต้มเลือดหมูขึ้นมาเข้าปาก
หากแต่ยังไม่ทันได้บรรจงเคี้ยวกลับมีเสียงถามดังขึ้นข้างหลัง
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ พอดีโต๊ะอื่นเต็มหมดแล้ว”
“ได้สิค่ะ เชิญเลยค่ะ”
คนตอบไม่ใช่เขา ทว่าเป็นเจ๊บอลล่าที่นั่งตรงข้ามชิงพูดเสียงหวาน
เจอแบบนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคงเป็นผู้ชายหน้าตาดีถูกเสป็คเจ๊แกแน่ ๆ
ไม่งั้นเจ๊ไม่ยอมให้คนอื่นมานั่งร่วมโต๊ะด้วยหรอก
ไอ้ตัวเขาไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
เพราะโรงอาหารมหาลัยมันเล็ก ตอนเที่ยงมักจะเบียดหาที่นั่งกินกันไม่พอ
เลยมักจะมีคนมาขอแชร์ร่วมโต๊ะกินข้าวบ่อย ๆ
ยิ่งวันนี้เขามานั่งกินแค่ปลายกับบอลล่ากันสามคนเลยเหลือพื้นที่ว่าง
เขาเห็นบอลล่าขยับกระเป๋าเปิดทางให้ผู้มาใหม่ทรุดตัวลงนั่งยังฝั่งตรงข้ามโต๊ะ
ก่อนจะได้ยินเสียงคำทักดังขึ้น และต้องแทบอ้าปากค้าง
รู้เหตุผลทันทีที่บอลล่ามันยอมให้มานั่งกินข้าวด้วย
“สวัสดีครับเกมส์”
ไม่ใช่แค่คนมาขอนั่งจะฉีกยิ้มสว่างสดใสถูกเสป๊คเจ๊บอลล่า
แต่มันยังเป็นคนที่เขารู้จักดีจนแทบจะอยากมุดโต๊ะหนี
รู้สึกทันทีว่ามือเริ่มที่จับช้อนเริ่มแข็งค้าง
ใจมันหวิว ๆ วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
โต๊ะอื่นมีต้องเยอะแยะ ทำไมต้องมานั่งโต๊ะเขา
ที่สำคัญ ทำไม่ต้องเป็นไอ้คนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้ด้วย!!
หากแต่ดูเหมือนหนุ่มหล่อจะไม่ได้รับรู้อาการประสาทแดกเบื้องต้นของเกมส์แม้แต่น้อย
เพราะเจ้าตัวกลับเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการถามไถ่อย่างเป็นห่วง
“แล้วที่เกมส์ไม่สบายหายดีหรือยังครับ”
“โอย...อย่างมันน่ะไม่สบายที่ไหนกัน ป่วยการเมืองซะมากกว่า
เอ๊ะ! แล้วนี่ดิวรู้ได้ยังไงคะว่าเกมส์ไม่สบาย”
แน่นอนว่าบอลล่าเป็นฝ่ายแย้งพูดตอบตามเคย
แต่ท้ายประโยคแอบเอะใจจนต้องย้อนถามกลับ
เพราะมีแค่กลุ่มเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเกมส์ไม่สบาย
แล้วกับดิวที่เป็นคนนอกจะมารู้ข่าวก่อนได้ยังไง
ความสงสัยในใจของบอลล่าไม่ต้องรอช้า
เพราะวินาทีต่อมาดิวก็รีบหันมาตอบตามความจริงโดยไม่ปิดบัง
“ก็ต้องรู้สิครับ เพราะว่าเมื่อเสาร์ผมเจอเกมส์ที่คลินิกทำฟะ...”
“เฮ้ย!! บอลล่า กูลืมไปว่าอาจารย์เรียกกูกับปลายไปหา กูไปก่อนนะ”
เสียงคนพยายามเก็บความลับตะโกนขึ้นเสียงดังขัดจังหวะก่อนประโยคจะจบ
แถมไม่รอช้า พูดจบปุ๊บก็กวาดชามเกาเหลา กับข้าวผัดของไอ้ปลายที่ยังกินไม่หมดไปด้วย
แล้วดึงลากแขนออกมาเหมือนเป็นเพื่อนกันตายเผ่นแน่บออกไปจากจุดเกิดเหตุทันที
ทิ้งบอลล่าที่ได้แต่งงงวยจับต้นชนปลายไม่ถูกให้นั่งเอ๋ออย่างถามอย่างงง ๆ
“เดี๋ยวอะไรกันยะ จะไปไหนเนี่ยไอ้เกมส์... ไอ้เกมส์!!”
เสียงถามไม่มีผลใด ๆ เพราะคนหนีเดินลิ่วไปไกลแล้ว
จนบอลล่าอดไม่ได้ที่จะบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่รู้สาเหตุ
“เฮ้อ...ดูมันทำสิ อยู่ ๆ ก็ลุกไป ไม่มีมารยาทเลยจริง ๆ”
หากแต่ร่างสูงกลับส่ายศีรษะยิ้ม ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เออ...ว่าแต่บ่ายนี่มีเรียนอีกรึเปล่าครับ”
บอลล่านึกสะดุดใจบางอย่างกับคำถาม
หันกลับมาให้ความสนใจกับคู่สนทนาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่
ก่อนตอบไปตามความจริง
“ก็มีเหลืออีกตัวหนึ่งน่ะค่ะ”
“เลิกกี่โมงเหรอครับ”
“บ่ายสองโมงห้าสิบ”
ดิวนั่งคำนวณเวลาเงียบ ๆ
วิชาเรียนต่อไปของเขาก็เลิกตอนบ่ายสองโมงห้าสิบเท่ากัน
แล้วจากคณะวิศวะมาคณะเภสัชระยะทางก็ค่อนข้างไกล
ดีไม่ดีจะชวดกับใครบางคนเสียก่อน
แม้ตอนเที่ยงจะยังโชคดีดักเจอได้
แต่เขาไม่มั่นใจว่าจะมีโอกาสนั้นอีกครั้งมั้ย
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คลาสนี้อาจารย์ชอบเลิกเลท”
คำพูดลอย ๆ ของบอลล่าดึงความคิดให้เขาหันไปมอง
เห็นร่างบางดูดชามะนาวเล่น แต่ก็แอบมีรอยยิ้มในประกายตาคล้ายรู้ทันอะไรบางอย่าง
ตามนิสัยเจ้าแม่ข่าวกรองผู้ช่างปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็ว
ดิวไม่อธิบายเพิ่มเติมใด ๆ เพียงแค่ยิ้มแล้วพูดสั้น ๆ
“ขอบคุณครับ”
ก่อนจะก้มลงไปจัดการข้าวมื้อเที่ยงของตัวเองต่อ
...ไม่เป็นไร
...เพราะต่อให้เกมส์หนีเขาไปเท่าไร
เขาก็จะพยายามไล่ตามไปให้ได้ใกล้ที่สุดมากเท่านั้นเอง
...
..
.
“ฮ้าววว...หิวว่ะ”
คำสองคำไม่สัมพันธ์กันใด ๆ แต่คนอย่างนายซีเกมส์กลับทำให้มันสัมพันธ์กันได้
เพราะตอนนี้เขากำลังทั้งง่วงทั้งหิว หลังจากจบการแล็กเชอร์มหาโหด
ที่อาจารย์ผู้สอนเล่นพูดบรรยายด้วยน้ำเสียงโทนเดียวเหมือนเพลงชวนกล่อมให้หลับ
แต่จะหลับก็หลับไม่ลงเนื่องจากกระเพาะตัวเองกำลังผลิตน้ำย่อยส่งเสียงดังโครกคราก
ประท้วงเจ้าของที่มีอาหารย่อยลงไปไม่ถึงครึ่ง
ทว่าคงไม่ใช่แค่กระเพาะอาหารประท้วงโอดครวญ
เพราะไอ้เพื่อนที่นั่งเรียนข้าง ๆ เขาก็ดันบ่นออกมาเหมือนกันด้วย
“โห...พูดมาได้ กูไม่หิวเลยว่างั้น
กินข้าวยังไม่หมดจานเลย ดันลากกูออกมา”
ปลายฟ้าทำหน้าเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ดันโดนไอ้เกมส์หลอกเอาซะได้
พอออกมาจากโรงอาหาร มันดันพาเขาขี่มอเตอร์ไซต์ไปเช่าหนังสือการ์ตูนซะอย่างนั้น
แล้วพอถามมันว่าอาจารย์คนไหนเรียก
มันกลับตอบว่าก็อาจารย์ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ คนแต่งโดเรมอนเรียกหา
เลยต้องมาศึกษางานอาจารย์ไว้ เฮ้อ...ดูคำตอบมันทำไปได้
แต่ตอนนี้คนโกหกกลับยังทำท่าไม่ทุกข์ร้อน
คล้ายไม่สำนึกที่ลากเพื่อนไปลำบาก ซ้ำยังออกอาการแถตอบกลับ
“เอาน่า...มันเหตุฉุกเฉิน มึงไม่เคยได้ยินเหรอวะ
คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะโว้ย
แล้วมึงก็เป็นเพื่อนกู เพราะฉะนั้นเอาแล็กเชอร์มึงมาซีล็อกซะดี ๆ”
“อ้าวก็เห็นจดอยู่ไม่ใช่เหรอวะ จะยืมไปทำไม”
ปลายฟ้าขมวดคิ้วถามงง ๆ
เพราะเขาก็สังเกตว่ามันขยับปากกายิก ๆ ไม่หยุดมือตามอาจารย์ทุกตัวอักษร
แต่อีกคนกลับพลิกหน้ากระดาษเปิดออกแล้วเฉลยความจริง
“กูไม่ได้จด กูวาดรูปอยู่
เห็นป่ะได้สไปเดอร์แมน กับซุปเปอร์แมน
เหลือไอรอนแมน อันนี้กูยังวาดขาไม่เสร็จ”
“อูยยย! จะควิซอาทิตย์หน้าอยู่แล้ว ช่างกล้านะยะ”
เสียงแขวะบ่นประจำไม่ใช่ใครอื่น ในโลกหล้านี้มีคนเดียว
แม่นวลอนงค์บอลล่าเจ้าเก่าซึ่งเก็บของเสร็จแล้วเลยเดินมาฝากรอยคู่กัดถึงที่
โดยคนกวนก็ไม่รอช้า โชว์เหนือตอบกลับแมน ๆ
“อะโด่ ระดับนี้กล้าอยู่แล้วเจ๊”
“แหม...กล้าให้มันจริงทุกเรื่องเถอะย่ะ! แล้วฉันจะรอดู คิคิ”
บอลล่าแซวพร้อมเสียงหัวเราะที่ดูแฝงเล่ห์นัยยังไงชอบกล
ไม่รู้ทำไมพอพูดถึงเรื่องนี้กลับพาลคิดไปยังเรื่องที่เจอใครบางคนเมื่อตอนกลางวัน
อันนั้นไม่ใช่เขาไม่กล้านะโว้ยย เรียกว่าถอยมาตั้งหลักต่างหาก
เล่นอยู่ ๆ ก็มาแบบไม่มันตั้งตัวใครจะไปเตรียมใจลง
แต่คราวนี้เจออีกทีสิ แค่ไหนก็จะสู้โว้ยยย!! ไม่มีกลัวอยู่แล้ว หึ
เกมส์คิดในใจอย่างมุ่งมั่น
แม้จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาแปลก ๆ ร้อน ๆ หนาว ๆ พิกลคล้ายไข้จะขึ้น
ไม่เอาแล้ว เลิกคุยเถอะว่ะ
รีบไปถ่ายเอกสารแล้วหาข้าวกินกลับหอไปนอนดีกว่า
กลุ่มเภสัชจึงรีบเดินลงบันไดไปยังร้านถ่ายเอกสารที่อยู่ชั้นหนึ่งใต้ตึกเรียน
ซึ่งมีคนมารอต่อแถวอยู่บ้างประปราย แต่ไม่นานก็ได้คิวของเกมส์
ความจริงเขาจะยืมแล็กเชอร์ของไอ้ปลายไปจดก็ได้
แต่เขาขี้เกียจเขียนเองมากกว่า อีกอย่างลายมือไอ้ปลายก็เป็นระเบียบอ่านง่าย
ผิดกับลายมือเขาที่แปรผันตรงกับความเบื่อและง่วงบางตัวเขียนเองยังแปลเองไม่ออก
เขาเลยยอมเสียตังค์ไม่กี่บาทแลกกับความสะดวกนี้นับว่าคุ้มกว่ากันเยอะ
“เจ็ดบาทค่ะ”
เห็นมั้ยแค่ไม่กี่บาทก็ได้แล้วแนวควิซที่จะสอบอาทิตย์หน้า
ไม่ได้เอาเปรียบนะโว้ย แค่ใช่สมองและสตางค์ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นเอ๊ง
นายซีเกมส์จึงก้มหน้าคุ้ยเศษเหรียญ
ได้เหรียญห้ามาหนึ่ง กับเหรียญบาทมาอีกหนึ่ง อ้าว...ตังค์ไม่พอ
“เฮ้ยไอ้ปลายมีเศษบาทหนึ่งเปล่าวะ กูมีอยู่เหรียญเดียว”
“โห...ยืมแล็กเชอร์กูไปแล้วยังต้องให้ออกอีกเหรอ”
เขาได้ยินเสียงจากด้านหลังบ่นเบา ๆ
แต่ไม่คิดจะสนใจเพราะกำลังยุ่งอยู่กับการจ่ายเงินให้พี่คนถ่ายเอกสาร
“เออน่า เดี๋ยวสอบเสร็จถ้าคะแนนดีกูพาเลี้ยงข้าว เคป่ะ”
เกมส์พูดตะล่อมแลกเปลี่ยนข้อเสนอไปส่ง ๆ
เพื่อนกันแค่นี้อย่าทำงกนักสิวะ
และดูเหมือนคนด้านหลังจะนึกปลงกับพฤติกรรมของเขา
จึงเงียบไปไม่นานก่อนมีมือมาสะกิดเขาเบา ๆ พร้อมยื่นเหรียญส่งมาให้
“อ่ะนี่”
“เออขอบใจว่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
โห...ตอบกลับซะสุภาพเชียว
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน เสียงของไอ้ปลายมันห้าวทุ้มขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
แล้วมันก็ไม่ได้ตัวสูงเป็นเปรตมากกว่าเขาตั้งเกือบสิบเซ็นขนาดนี้ด้วย
อย่าบอกนะว่า...
เกมส์ค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองช้า ๆ
ถ้าเปรียบเป็นหนังตอนนี้คงมีซาวน์เอฟเฟคเพิ่มความหลอน
ในขณะที่ภาพของใครบางคนปรากฏขึ้นระยะประชิด
ห่างกันแค่เพียงลมหายใจคั้น ตาสบตาประสานกัน
พร้อมรอยยิ้มหวานบาดใจให้บิดปลิว
...โอมายก้อด! แม่จ๋าช่วยเกมส์ด้วยยยยยย!!
“น้องค่ะ ขาดบาทหนึ่งค่ะน้อง”
เสียงจากพี่คนถ่ายเอกสารเรียกสติของคนวิญญาณคล้ายหลุดออกจากร่างให้กลับเข้าที
“อ่ะ...คะ...ครับ”
เกมส์รีบวางเศษเหรียญบาทที่เพิ่งได้รับมาสด ๆ ร้อน ๆ
แล้วจึงคว้าเอกสารและสมุดแลกเชอร์จ้ำเดินหนีออกจากร้านตามเสต็ปเดิม
โดยไม่หันมามองคนมีน้ำใจซึ่งร้องเรียกตามมาไม่ห่าง
“เดี๋ยวสิครับเกมส์ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เราไม่ว่าง”
เกมส์ตอบปัด ๆ พยายามเหลียวซ้ายแลขวาหาที่พึ่ง
ไอ้ปลายมันหายหัวไปไหนวะ
เมื่อกี๊ยังเห็นคุยข้างหลังเขาอยู่เลย
พอหันมาเจอดันกลายเป็นดิวได้ยังไง
โธ่เว้ยย!! ไอ้ปลาย จำไว้เลยนะมึง แม่งกล้าทิ้งกู
อุตส่าห์บอกแล้วว่าคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย
ตอนนี้เขาเหลือคนเดียวหัวไม่หาย แต่หัวใจจะวายตายอยู่อีกนาทีข้างหน้านี่แล้ว
ไอ้ดิวนี่มีพ่อเป็นสโตเกอร์รึไงครับ แม่งตามกูจั๊งงงงง!!
“เกมส์ครับ ฟังผมก่อน”
แม้อีกคนหนึ่งจะรีบสับขาเดินเร็วจนแทบกลายเป็นวิ่ง
แต่ร่างสูงกลับไม่ละความพยายามตะโกนร้องเรียกชื่อหวังให้หยุดคุย
ช่วงขาที่ยาวเร่งเดินตามมาหดระยะห่างให้เข้าใกล้มากขึ้น
ขืนไม่ทำอะไรสักอย่างมีหวังดิวคงคว้าตัวเขาไว้ได้แน่
หัวสมองของนายซีเกมส์หมุนวนหาทางออก
ก่อนจะหยุดกึกแล้วหมุนตัวชี้ส่งเดชไปบนฟ้า
“เฮ้ย! นั้นจานบิน”
“ห่ะ! อะไรนะครับ”
ดิวสะดุดหันไปมองตามที่มือของอีกคนชี้
อุบ๊ะ! ...มุกหลอกเด็กเสือกได้ผลเว้ย! ไอ้จั๊ดจ้าวเอย!!
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสะใจ
เพราะเมื่อแผนได้ผลก็รีบพาร่างตัวเองใส่เกียร์หมา
วิ่งเผ่นแนบออกมาตรงลานจอดรถใต้คณะ
กระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์ของตัวเอง
สตาร์ทรถบิดเร่งเครื่องพุ่งชิวออกไปนอกมหาลัย
ทั้งหมดกินเวลาไม่เกินสองนาที
กะว่าแม้อีกคนจะเป็นเสือชีตาร์ก็วิ่งตามกูมาไม่ทันแล้ว
...อะไรครับ! ใครหาว่าเขากลัว ก็บอกแล้วว่าพร้อมจะสู้จริง ๆ
แต่ดิวมันชอบมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยต้องถอยไปตั้งหลัก
แล้วแบบ...ถอยไปตั้งหลักไกลไปหน่อย
ไกลจนเลี้ยวเข้าร้านข้าวที่ข้างหอแค่นั้นเอ๊งงง
โธ่...เคยได้ยินรึเปล่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ
ตอนนี้เขาแค่หิวเว๊ยเลยไม่มีแรงมาสู้รบกับดิว
ไว้ท้องอิ่มเมื่อไรเจออีกทีคราวนี้พร้อมสู้แน่จริง ๆ ไม่ได้โม้ คอยดูเลย!
นายซีเกมส์จึงเดินลงมาสั่งข้าวร้านป้าดากินให้หายหิว
โดยก่อนเข้าร้านก็พยายามสำรวจตรวจตราหาใครบางคนอย่างนึกระแวง
ตามคอนเซปต์ปลอดภัยไว้ก่อน แต่เมื่อไม่พบความผิดปกติจึงเริ่มตักข้าวเข้าปาก
แม้จะยังมีอาการระบมอยู่นิด ๆ จากการผ่าฟันคุด ทว่าเขาก็พยายามเร่งกินจนอิ่ม
เสร็จแล้วลุกขึ้นจ่ายตังค์ และไม่ลืมซื้อปลาทูติดไม้ติดมือไปให้ไอ้จั๊ดง๊าวลูกแมวตัวเล็กบนห้องกินด้วย
ซึ่งพอไขบานประตูเปิดออกไป ก็คล้ายกับเจ้าตัวเล็กจะรู้ดีว่าได้เวลา
เพราะมันมาตั้งท่ารอส่งเสียงเหมียว ๆ อยู่ตรงหน้าประตู
จนเจ้าของอดไม่ได้ที่จะอุ้มขึ้นมากอดด้วยความเอ็นดู
“ว่าจะใดไอ้จั๊ดง้าว มารอป้อก๋า? คิดเติงป๋อไจ้ก้อ?”
เกมส์ก้มลงคุยกับแมวสีขาวตัวเล็ก ได้ยินมันร้องแหง่ว ๆ ตอบกลับมา
ซึ่งแน่นอนเขาฟังภาษาแมวไม่ออกอยู่แล้ว แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกชื่นใจอยู่ลึก ๆ
เหมือนเวลาเรากลับบ้านแล้วรู้ว่ามีคนรออยู่ โดยเฉพาะเขาที่มาอยู่หอไกลบ้านแบบนี้
เลยมีบางครั้งเหมือนกันที่ทำให้รู้สึกเหงาอยากมีเพื่อนคุยด้วย
ถึงเขาจะมีไอ้ปลาย บอลล่า หรือเพื่อนเก่าอีกหลายคน
แต่อย่างมากก็คุยกันเรื่องธุระสำคัญทั่วไป ไม่ใช่การคุยแก้เหงาที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
ยิ่งช่วงนี้ใกล้จะควิซสำคัญอีกหลายตัว คงยากที่จะมีเวลามาคุยเล่นไร้สาระกัน
เออ...พูดถึงควิซแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้คืนสมุดแล็กเชอร์ของไอ้ปลายเลยนี่หว่า
ยืมมันมาเดี๋ยวไม่มีอ่านสอบแล้วมันได้บ่นเขาตาย
แต่ช่วยไม่ได้ก็ตอนนั้นใครใช้ให้มันดันทิ้งเขาไว้คนเดียววะ
ถ้าเจอหน้าแม่งจะขอด่าสักหน่อย คิดแล้วยังนึกเคืองไม่หาย
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้ความคิดเกมส์หยุดลง
และคนที่จะมาหาเขาในตอนนี้ได้ ไอ้ปลายชัวร์
สงสัยจะมาท้วงแล็กเชอร์มันคืน ...ดี ๆ มาให้ด่าได้ถึงที่
งานนี้ต้องขอเคลียร์กันหน่อยว่าดันหายตัวไปไหนเวลาเพื่อนเขาตาจน
คนมีคดีค้างในใจจึงเปิดประตูออกไปกะบ่นใส่เพื่อนตัวเองเต็มที่
“เฮ้ย! ไอ้ปลาย ทำไมมึง...”
หากแต่ประโยคกลับค้างกลางอากาศเพียงแค่นั้น
เมื่อสองตาเห็นชัดแจ้งว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห่างไกลจากเพื่อนตัวเองมากแค่ไหน
เพราะมันเป็นคนเดียวกับที่เขาพยายามหนีให้ห่างมาตลอดทั้งวัน
แต่เหมือนยิ่งไกลมันจะยิ่งใกล้
...ใกล้จนกระทั่งทำให้หัวใจหวิว แข็งขาอ่อนแรง มือไม้เริ่มสั่น
“เกมส์ครับ”
ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเรียกชื่อสั้น ๆ จนสะดุ้งเฮือก
ก่อนมือของคนตรงข้ามจะเอื้อมมาจับบานประตูให้เปิดกว้างออก
เกมส์ตาเบิกโพล่งมองการกระทำที่ขยับคุกคาม
...เอาอีกแล้ว อาการเดิม ๆ มันจะกลับมาอีกแล้ว
แต่ไม่...ไม่ได้...
ถ้าเขาหนีมันจะต้องเป็นการหนีอยู่อย่างนี้ตลอดไป
เคยหนีรอดครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง แล้วครั้งนี้ก็ยังจะหนีอีกเหรอ
เขาบอกกับตัวเองแล้วว่าต้องจะสู้
คนอย่างไอ้เกมส์ก็มีศักดิ์ศรีที่จะต้องรักษาเหมือนกันนะโว้ย
เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมถอยหนีอีกต่อไปแล้ว
คนรวบรวมความกล้าจึงพยายามคุมสติ
ก่อนที่ร่างสูงจะดึงประตูเปิดออก
เขากลับจับลูกบิดกระชากปิดอย่างแรงจนดิวได้แต่ร้องห้าม
“เดี๋ยวครับเกมส์ อย่าเพิ่งปิดสิครับ”
“อะ...ออกไปนะโว้ย! มะ..ไม่ต้องเข้ามา!”
แม้เสียงจะยังสั่น ๆ แต่นายซีเกมส์ยังยึดลูกบิดประตูไว้เหนียวแน่น
ใช้แรงทั้งหมดดันให้ร่างของอีกคนที่ผลักบานประตูให้ถอยกลับไป
“ผมมีเรื่องจะคุยกับเกมส์จริง ๆ นะครับโอย!”
ท้ายประโยคดูเหมือนดิวจะถูกแรงประตูหนีบเบา ๆ ที่มือ
ทว่าตอนนี้เจ้าของห้องไม่สนแล้ว เป้าหมายแค่กั้นประตูไว้
จะยังไงก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายผ่านมาได้
ในหัวมีแต่แรงฮึดสู้จนตัวตาย พร้อมกับตะโกนไล่เสียงดังลั่น
“แต่เราไม่มีเรื่องจะคุยโว้ยยย!! ออกไปซะ!!”
และดูเหมือนความพยายามของนายซีเกมส์จะประสบผล
เพราะในที่สุดเขาก็ใช้แรงดันจนร่างสูงล่าถอย
ทำให้สามารถปิดประตูได้ดังปึง
...ปิดแล้วทำยังไง ก็ต้องล็อกลูกบิด ล็อกกลอน
ไม่พอลากเก้าอี้มากั้นห้องไว้ด้วย
แถมวิ่งไปหยิบไม้กวาดจากหลังห้องมาเป็นอาวุธเสริม
เอาซี่...ต่อให้มึงใช้ขวานจามประตูเข้ามาเหมือนหนังซอมบี้
กูก็พร้อมสู้โว้ยยย! เขาจะไม่ยอมหนีอีกต่อไปแล้ว!!
ดวงตาจ้องเขม็งไปยังประตูนอกห้องที่เงียบเสียงไป
เหงื่อเริ่มหยดเพราะความตึงเครียดจากสถานการณ์
รอคอยเวลาเหมือนวัดใจเตรียมพร้อมรบ
หากทว่าแม้จะผ่านไปหลายนาทีเสียงจากด้านนอกก็ยังเงียบฉี่
เออ...หรือว่าดิวมันจะถอดใจไปแล้ววะ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็รอดแล้วใช่มั้ยกู
เฮ้อ...ค่อยโล่งหน่อย บอกแล้วว่าถ้าคนอย่างเขาพร้อมสู้
หน้าไหนก็มาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
...
..
.