...
..
.
“เกมส์ครับ ช่วยรับความรู้สึกจากใจผมไปด้วยนะครับ”
ช็อกโกแล็ตในกล่องสีใสถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
ถามว่าคนอย่างนายซีเกมส์ผู้รักขนมหวานเป็นชีวิต
เห็นช็อกโกแล็ตอย่างแพงสีสวยน่ากินแล้วจะชอบมั้ย
...ขอตอบว่า ‘ชอบ’
แต่ถ้าถามว่าคนที่เอามาให้เป็นผู้ชายหุ้นล้ำกล้ามโต
มีหนวดพองามเสริมใบหน้าให้คมเข้มลุคแมนโคตร ๆ
แล้วนายซีเกมส์จะรู้สึกยังไง
...ขอตอบเลยว่า ‘กลัว’
...กูกลัวฉิบหายเลยโว้ยยยยย!!!
คนโดนผู้ชายจีบในระยะประชิด
เผชิญสถานการณ์ที่เรียกนาทีชีวิต
ยืนนิ่งเงียบสนิทเหมือนเป็นใบ้
อาการเดิมที่เป็นโรคประจำตัวค่อย ๆ เริ่มคุกคาม
มือไม้สั่น อยากจะก้าวขาหนีแต่ก้าวไม่ออก
เพราะเรี่ยวแรงหดหายคล้ายโดนธรณีสูบไม่มีเหลือ
หัวใจมันหวิว ๆ ใกล้จะเป็นลม
รู้สึกภาพตรงหน้าเริ่มวูบไหวเลือนรางทีละน้อย...
...ไม่ไหวแล้ว
...ใครก็ได้ช่วยเขาที
“อุ๊ย! ขอบคุณค่ะคุณพี่
แต่เดี๋ยวเพื่อนหนูต้องไปทำธุระต่อแล้ว
ขอตัวก่อนนะคะ”
และก่อนที่เกมส์จะทรุดลงเพราะความกลัว
เขาได้ยินเสียงบอลล่าเอ่ยตัดบทบอกคู่สนทนา
ส่วนแขนข้างหนึ่งโดนปลายฟ้าลากดึงออกมา
แล้วจึงรีบเดินให้หลุดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงตาย
พร้อมกับเสียงบ่นตามมาเบา ๆ
“บอกแล้วว่าวันนี้ให้มึงขังตัวเองอยู่ห้อง
คนที่เท่าไรแล้ววะ สามแล้วใช่มั้ย”
เกมส์หันมองเพื่อนตัวเองด้วยแววตาหงุดหงิด
...มันพูดเหมือนพูดง่าย
ใครจะขังตัวเองอยู่ในห้องกันวันนี้วะ
...ก็เพราะวันนี้มันเป็น ‘วันวาเลน์ไทน์’ เชียวนะโว้ย!!
วันที่คู่รักมีความสุขแฮปปี้
วันที่เปิดโอกาสให้คนแอบรักสารภาพความในใจ
ตามความคิดแล้วเขาควรจะได้รับขนมน่ารักกุ๊กกิ๊ก
จากสาวน้อยขาว ๆ ตาโต ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่แอบชอบเขามานาน
แต่ความจริงช่างตรงข้ามกับจินตนาการลิบลับ
เพราะคนที่เอาช็อคโกแล็ตกับดอกไม้มาสารภาพรักเขา
ดันมีแค่พวกหุ้นกล้ามปู ตัวโต แมนถึก แถมเป็นผู้ชาย!!
และเขาซึ่งเป็นโรคกลัวผู้ชายอยู่แล้วมีหรือจะรอด
จนต้องเป็นฝ่ายลำบากเพื่อน ๆ ที่ช่วยกู้ชีวิต
ก่อนคนกลัวจะช็อคน้ำลายฟูมปากตายให้ได้น่าอนาถรับวันวาเลนไทน์
...โธ่...ชีวิตบัดซบของไอ้เกมส์
กระนั้นถึงแม้เขาจะถมถุยความซวยของตัวเองแค่ไหน
หากแต่คนอื่นอาจเห็นเป็นความน่าอิจฉา
เหมือนกับบอลล่าที่พูดด้วยน้ำเสียงประชดแกมหมั้นไส้
“ใช่ ฉันเห็นด้วยว่าแกควรจะขังตัวเองในห้อง
หรือไม่ต้องออกมาให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกก็ดี
เผื่อแถว ๆ นี้มันจะได้สงบ ๆ ลงไปบ้าง
หึ พวกคนมาจีบแกนี่ก็อะไร ใช่ตาตุ่มมองรึไงย่ะ
ฉันสวยเริ่ดเชิดขนาดนี้ยังไม่เห็นได้ช็อกโกแล็ตจากใครสักคน
...อ่ะอันนี้ช็อกโกแล็ตของแก ของดีซะด้วยนะ ไฮโซเชียว
โอยยย...เห็นแล้วน้ำตาลในเลือดมันเรียกร้อง อยากกินบ้าง
คนสวยไม่เข้าใจเลยอ่ะ เบื่อออ!! เซ็งงงงง!!!
บอลล่าบ่นโอดครวญ
แต่ก็ยังยื่นกล่องใส่ช็อกโกแล็ตที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ให้
ทว่าเกมส์กลับผลักมันกลับคืน
“อยากได้ก็เอาไปเลย ยกให้”
คำอนุญาตทำให้คนฟังเบิกตากว้าง
รีบร้องถามด้วยความตกใจ
“ว๊ายย!! จริงอ่ะ คนขี้งกอย่างอ่ะนะแกจะให้ขนมฉัน
อ้าว...แล้วแกจะไปไหนย่ะ
เดี๋ยวก็โดนผู้ชายคาบไปกินอีกหรอก”
ท้ายประโยคเอ่ยถามคนซึ่งกำลังหันหลังเดินออกห่างด้วยความห่วง
เพราะวันนี้ต้องคอยตามเป็นหน่วยช่วยชีวิต
ประกบติดคนเนื้อหอมทั้งวันตั้งแต่เช้าจนตอนนี้หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว
ซึ่งคู่สนทนาก็หันมายักคิ้วให้ตอบกลับกวน ๆ ตามนิสัย
“ก็จะไปขังตัวเองอยู่ในห้องไง
เดี๋ยวเจ๊จะช้ำใจตายที่เห็นคนอื่นได้ขนมเพิ่มอีก”
“ไอ้เกมส์!!”
คนแกล้งได้ยินเสียงโวยวายด่าตามหลังมา
ยังไงก็ขอไว้ลายแหย่คู่กัดตัวเองสักนิด
แต่ความจริงเขาก็ต้องจำใจกลับห้องตัวเองตามที่พูด
เพราะขืนอยู่ข้างนอกต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะโดนผู้ชายคนอื่นเข้าหาอีกรึเปล่า
และเขาก็คงไม่สามารถหาทางหลบได้ตลอด
ดีไม่ดีอาจกลัวจนสลบเหมือดแล้วโดนลากไปทำปู้ยี้ปู้ยำก็ได้
แค่คิดคิดก็สยองขนลุกขึ้นมาแล้วครับ
เกมส์จึงขี่มอเตอร์ไซต์ตรงดิ่งกลับหอ
แวะซื้อข้าวร้านป้าดาเหมือนอย่างเคย
แอบซื้อปลาทูมาด้วยตัวหนึ่ง
พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวจะลงมาตักบาตรให้ไอ้จั๊ดง่าวมัน
เขาไขกุญแจเข้าห้อง วางข้าวของเรียบร้อย
แล้วเดินไปหยิบจานเตรียมพร้อมกินข้าวเย็นด้วยความหิว
...ก็เห็นขนมหวาน ๆ ยั่วตามาตลอดทั้งวัน
แต่จะให้ทำใจกินก็กินไม่ลงเพราะเผลอนึกถึงสภาพคนให้
เขาเลยโมโหหิวต้องมาระบายกับข้าวผัดกระเพราไปก่อน
ไอ้ครั้นจะซื้อขนมกินเองตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี
อีกอย่างอาทิตย์หน้าหมอฟันนัดให้เขาเช็คฟันคุดด้วย
เลยต้องรักษาสภาพฟันให้ดี ๆ
เตรียมใจพร้อมเข้าสู่พิธีกรรมทรมาน
ถือเป็นการฝึกความอดทนไปในตัว
TRRRRRRRR!!
ทว่ายังไม่ทันที่คนหิวจะได้ตักผัดกระเพราร้อน ๆ เข้าปาก
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้ากลับดังขึ้นขัด
เขารีบดึงอุปกรณ์สื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ขมวดคิ้วมองหน้าจองง ๆ เพราะมันไม่ได้ปรากฏเป็นชื่อที่เมมไว้
แสดงว่าเป็นแปลกโทรมาหา ...ใคร?
...อย่าบอกนะว่าจะเป็นคนที่โทรมาจีบเขาในวันวาเลนไทน์อีก
แม้ใจจะระแวง กระนั้นแรงสั่นพร้อมเสียงร้องก็ยังคงเร่งดังไม่หยุด
จึงทำให้เจ้าของกดรับ ก่อนกรอกเสียงตามสายไปหวาด ๆ
“ฮัลโหล นั่นใครครับ”
“เกมส์ ผมดิวเองครับ”
เสียงที่คุ้นเคยดังลอดเป็นคำตอบ
และเป็นเสียงที่เขาคุยมาด้วยแล้วสองอาทิตย์หลังจากเกิดเรื่อง
...นับตั้งแต่คราวนั้น เขากับดิวก็กลับมาสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติ
ทุกอย่างเริ่มเข้าทีเข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็น
ซึ่งเขาก็รู้สึกดีที่ยังรักษามิตรภาพตรงนี้ไว้ได้จึงเริ่มเปิดใจคุยกันมากขึ้น
โดยดิวมักเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาทุกวัน
หรือไม่บางครั้งก็ส่งรูปภาพมาหาบ้าง ซึ่งเขาก็จะส่งรูปฮา ๆ กลับไป
เนื้อเรื่องที่คุยกันก็เรื่อยเปื่อยลากยาวตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
แต่น่าแปลกที่เขาสองคนยังคุยได้เป็นชั่วโมง ๆ ไม่มีเบื่อ
ดังนั้น ถ้าเห็นชื่อดิว เขาก็จะกดรับสายทุกครั้ง
เพียงแต่วันนี้เบอร์ที่โทรมาดันไม่ใช่เบอร์เดิมเลยงง ๆ
หากยังไม่ทันทีคนสงสัยจะอ้าปากถาม
อีกฝ่ายกลับชิงขึ้นตอบเสียก่อน
“พอดีผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่
เดี๋ยวเกมส์เมมเบอร์นี้ไว้นะครับ
แล้วเวลาจะโทรเข้าหาผมก็ใช้เบอร์นี้ได้เลย”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“ก็เบอร์นี้ ผมเก็บไว้ให้พ่อแม่ เพื่อนสนิท
แล้วก็...เฉพาะคนสำคัญ”
ถ้อยคำท้ายประโยคจงใจเน้นเสียงเพื่อย้ำชัด
จนทำให้ลมหายใจคนฟังเผลอสะดุด
...ถึงทุกอย่างจะเหมือนเดิมแล้ว
ทว่าจริง ๆ มันก็มีที่ไม่ปกติอยู่สองสามอย่าง
หนึ่ง...ดิวก็พูดกับเขาธรรมดาทั่ว ๆ ไป
ยกเว้นแต่จะชอบมีประโยคหวาน ๆ หยอด ๆ ทำนองนี้เขามาอยู่เรื่อย
ซึ่งมันก็ชัดเจนแหละว่าอีกคนกำลัง ‘จีบ’ เขาอยู่
สอง...แม้รู้อยู่แล้วว่าดิวจีบ
น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนคนอื่น
อาจเป็นเพราะเริ่มชินกับนิสัยของดิวขึ้นเรื่อย ๆ
และสุดท้าย...หลัง ๆ พอโดนดิวพูดจีบทีไร
เขารู้สึกใจมันสั่น ๆ หวิว ๆ คล้ายความกลัวแต่ไม่ใช่
เพราะมันส่งผลให้หน้าเขาเห่อร้อนขึ้นมาผิดปกติ
พาลจะทำตัวไม่ถูก พูดต่อไม่ออกขึ้นมาทุกที
จนต้องหาเรื่องเปลี่ยนประเด็นบทสนทนาเหมือนเช่นครั้งนี้
“ละ...แล้วตอนนี้ดิวทำอะไรอยู่เหรอ”
เกมส์เลี่ยงไปถามถึงเรื่องอย่างอื่น
ซึ่งอีกคนก็ตอบกลับมาง่ายๆ
หากแต่เป็นคำที่ทำให้คู่สนทนาแทบอ้าปากค้าง
“ถ้าบอกว่าอยู่หน้าห้องเกมส์ เกมส์จะเชื่อมั้ยครับ”
“ห่ะ! จริงดิ”
เกมส์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
ถึงไม่อยากเชื่อ เพราะกลัวว่าดิวจะแกล้งหลอกกันอีก
แต่เขาก็พาตัวเองไปหยุดตรงหน้าประตู
ก้มลงมองเห็นเงาของร่างคนซึ่งสะท้อนบนพื้นชัดเจน
ยิ่งประกอบกับเสียงเอคโค่ที่อยู่ด้านนอกสะท้อนก้องกับโทรศัพท์
ก็คล้ายจะเป็นหลักฐานอย่างดีว่าอีกคนพูดจริง
กระนั้นแขกหลังประตูกลับเอ่ยเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
“แต่เกมส์ไม่ต้องให้ผมเข้าไปหรอกครับ
เดี๋ยวจะลำบากใจเกมส์เปล่า ๆ แค่นี้ก็พอแล้วครับ”
...คำพูดราวกับห่วงใยความรู้สึกทำให้เกมส์ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ
...มันจริงอยู่ที่เขาบอกว่าไม่ให้ดิวเข้าใกล้เกินสามเมตร
เพราะตอนนั้นเขายังไม่ค่อยไว้ใจดิว
แต่ไม่ใช่เกิดจากความรังเกียจหรือขยะแขยง
เพราะถ้าหากเขากลัวดิวจริงคงออกอาการตั้งแต่วันที่เขาเมาแล้ว
แม้สติไม่เต็มร้อย เขาก็ยังจำได้ว่าดิวจับมือเขา ดึงมากอดไว้
และเกือบจะทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น
ซึ่งเขากลับปล่อยใจให้ยอมทำได้ง่าย ๆ โดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ
...บางที ไม่แน่ว่าเขาอาจเลิกกลัวดิวไปนานแล้วก็ได้
ชั่วขณะที่กำลังลังเลว่าจะเอื้อมมือเปิดประตูให้อีกฝ่ายดีมั้ย
เสียงสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์กลับแทรกขัดจังหวะ
ทำให้เขาต้องชะงักมือตัวเองเปลี่ยนเป็นพูดกลับ
“เดี๋ยวนะมีสายซ้อน”
เกมส์บอกสั้น ๆ ก่อนกดรับคนโทรเข้า
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น...คุณนายสายสมรขาประจำ
“แม่มีอะหยังก้อเจ้า”
“แหนะ ทำเป๋นถาม ที่ตอนมีเฮื้องรีบโทรมาอ้อน
เสียงใสจะอี้คงแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้วไจ้ก๋า
ถึงบ่อยากคุยกับแม่?”
เสียงบ่นด้วยความน้อยใจตามมาเป็นเสต็ปเหมือนอย่างเคย
จนทำให้ผู้เป็นลูกต้องรีบเอ่ยอ้อน
“บ่ไจ้เจ้า เกมส์ติดสายคุยกับเปื้อนอยู่”
“อ้าว...ถ้างั้นก็ไปคุยเต๊อะ แม่ว่าจะโทรมาอู้ให้ฟังเฮื้องดวงแห๋มหน้อย”
ประโยคทิ้งท้ายทำเอาเกมส์หูผึงรีบกลับลำเอ่ยถาม
“แล้วหมอตั๊กว่าจะใดพ่อง”
ซึ่งคุณนายสายสมรก็คล้ายจะรู้ทัน
จึงแกล้งพูดแกมหยอกก่อนอธิบาย
“ทีจะอี้อยากฮู้ขึ้นมาเชียวนะ
ก็เนี่ยหมอเปิ้ลตั๊กแปลก ๆ บอกว่าช่วงนี้ดวงเกมส์จะเจอเนื้อคู่
รวยรูป รวยทรัพย์ขนาด เปิ้ลว่าเป็นคนดี
ถ้าจริงใจ๋ต่อกั๋นจะครองคู่กั๋นยืน
แล้วเค้าก็ตั๊กแม่ว่าจะได้ลูกสะใภ้ดีเป็นศรีกับวงศ์ตระกูล
อย่าฮื้อพลาดรีบจับเอาไว้
เพราะถ้าปล่อยไป๋ต้องรออีกยี่สิบปีเกมส์ถึงเจอเนื้อคู่ใหม่”
ไม่รู้อยู่ ๆ ทำไมพอได้ยินคำทำนายแล้วดันเผลอนึกถึงใครบางคน
จนทำให้ใบหน้าร้อนวาบต้องรีบพูดเห็นต่างเสียงหลง
“ห่ะ! มะ...มั่วแล้ว เนื้อคู่อะหยังมีตี๊ใดแม่บ่ต้องเชื่อ”
“แต๊ก๊ะ? บ่ไจ้เกมส์แอบจีบแม่หญิงไว้บ่ยอมบอกแม่เน้อ”
“บ่มี!! บ่ได้คุยกับแม่หญิงที่ใดเลยเจ้า”
...จะมีก็แต่ป้อชายที่กำลังคุยอยู่ตอนนี้เอง
แถมชักจะเริ่มใจหวั่นในคำทำนาย
เพราะพักหลังมันเริ่มแม่นขึ้นจริง ๆ อย่างกับนั่งไทม์แมนชีนไปดูอนาคตเขา
แต่เฮ้ย! ดวงพวกนี้มันเอาจริงเอาจังไม่ได้หรอก หมอก็ทักไปเรื่อย...อย่าไปเชื่อ!!
และคล้ายคุณนายสายสมรจะขี้เกียจต่อปากต่อคำ
จึงเป็นฝ่ายพูดตัดบทเสียแทน
“งั้นไป๋คุยกับเพื่อนเต๊อะ แม่วางก่อน
แต่ถ้าจ่วงนี้เกมส์เจอไผดี ๆ ก็เปิดใจ๋
อย่าฮื้อปล่อยไป๋เน้อเกมส์”
“เจ้า”
เกมส์รับปากกับคำกำชับที่สัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากผู้เป็นแม่
แม้จะอยู่ไกลกัน แต่แม่ก็ยังเป็นคนเดิมที่คอยหวังดีกับเขาเสมอ
หลังจากนั้นเขาจึงสลับเปลี่ยนสายเพื่อคุยกับคนรอที่เสียนาน
“ขอโทษนะ แม่โทรมาเลยคุยยาว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่าให้เกมส์คุยกับแม่ก่อนก็ได้
เพราะผมแค่เอาของมาให้เกมส์เฉย ๆ
เกมส์ลองเปิดประตูห้องมาสิครับ”
คนที่ยืนอยู่ในห้องขมวดคิ้วงง
อ้าว...ก็เมื่อกี๊ดิวบอกว่าไม่ให้เปิดประตู
แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้...
อย่าบอกนะว่า...
เกมส์เอื้อมมือเปิดประตูห้องทันที
และเป็นจริงดังคาดเมื่อหน้าห้องนั้นว่างเปล่า
ไร้เงาของคนที่กำลังคุยด้วย
ยกเว้นบางสิ่งที่วางนิ่งอยู่บนพื้น
...บางสิ่งที่ทำให้เกมส์ถึงกับเบิกตากว้าง ก้มลงหยิบมันขึ้นมา
...ช่อลูกอมจูปาจุ๊บ
ลูกอมหลากสีเกือบยี่สิบลูก
ถูกมัดผูกติดกันเป็นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ผูกโบว์สีขาวสะอาดตา
...ดูสวยจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันทำมาจากลูกอมเพียงอย่างเดียว
ไม่เพียงแค่นั้นด้านบนยังแนบการ์ดเขียนข้อความด้วยลายมือสั้น ๆ
หากแต่ทำให้คนอ่านรู้สึกถึงเลือดที่ไหลมารวมกันตรงใบหน้า
พร้อม ๆ กับจังหวะของหัวใจที่เต้นดังขึ้นอย่างไม่รู้เหตุผล
‘Dear My Sweetheart
Happy Valentine’s day’
“ชอบรึเปล่าครับ”
ได้ยินเสียงกระซิบถามจากโทรศัพท์
ซึ่งคนรับก็พยักหน้าตอบไปตามความจริง
“อืม ขอบใจนะ”
พูดจบ มือก็ชักจะสั่น ๆ อีกรอบ
...ถึงจะได้รับของขวัญวันวาเลน์ไทน์เป็นชิ้นที่สี่แล้ว
แถมได้เป็นขนมเหมือนกันไม่ต่างไปจากคนอื่น
แต่ทำไมความรู้สึกมันถึงตรงข้ามกัน
มิหนำซ้ำยังพาลออกอาการแปลก ๆ
เดินเป๋กลับเข้าห้อง พาลทำอะไรไม่ถูก
กระทั่งต้องรีบเปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องอื่น
“เออ...ดิว...คือว่า...อาทิตย์หน้าเรามีนัดหมอผ่าฟันคุด
ละ...แล้ว...เออ...ดิวปะ...ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยได้มั้ย”
เสียงถามตะกุกตะกักจากเกมส์ซึ่งตัดสินใจเอ่ยชวน
แม้ว่ามันจะเป็นประโยคธรรมดาเหมือนบอกเพื่อน
แต่หัวใจก็ยังเต้นรัวไม่ยอมหยุด
โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายตกปากรับคำมาง่าย ๆ ด้วยน้ำเสียงยินดี
“ได้สิครับ งั้นอาทิตย์หน้าผมจะมารับเกมส์นะ”
ยิ่งฟังแทนทีจะทำให้ทุกอย่างสงบ
กลับยิ่งเพิ่มความสั่นไหวในความรู้สึก
...ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเพียงแค่เสียงจากดิวแท้ ๆ
ไม่เห็นหน้าค่าตากันสักหน่อย
ทว่ามันกลับส่งผลโดยตรงต่อร่างกายเขาจนเข่าอ่อน
มากกว่าเผชิญหน้าตรง ๆ เสียอีก
...ไม่เอาแล้ว ขืนคุยต่อต้องตายแน่ ๆ
คนคิดพาตัวเองออกจากสถานการณ์จึงรีบมองหาตัวช่วย
ก่อนเจอข้าวกระเพราที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อืม...เออ แค่นี้ก่อนนะ เรากินข้าวก่อน หิวแล้ว”
“ครับ งั้นทานข้าวให้อร่อยนะครับเกมส์”
แม้ครั้งนี้จะเป็นการคุยที่ค่อนข้างสั้นกว่าปกติ
แต่ดิวก็ไม่คิดจะตื้อต่อ ยอมปล่อยให้เกมส์วางง่าย ๆ
เพราะไม่อยากจะทำอะไรให้เกมส์ลำบากใจ
...แค่ที่เอาช่อจูปาจุ๊บทำเองพร้อมกับข้อความนั้นมาให้
ก็กลัวว่าเกมส์จะไม่ชอบอยู่แล้ว
แต่พอเห็นว่าเกมส์รับไว้ ถึงค่อยโล่งใจขึ้นมา
...อย่างน้อย ๆ ความรู้สึกที่เขามีก็คงส่งไปถึงเกมส์ได้บ้าง
...เพียงเท่านี้สำหรับเขาก็มากพอแล้ว
ดิวกำลังจะกดวางไอโฟนลงหลังจากซุ่มดูอยู่ตรงบันไดหอ
หากเสียงจากปลายสายกลับเอ่ยรั้ง
“เดี๋ยวดิว”
“ครับ”
ร่างสูงชะงัก หันหลังกลับไปมองประตูห้องที่ยังคงปิดสนิท
รอใครบางคนด้านใน ซึ่งเงียบลงเพียงชั่วอึดใจ
ก่อนเอ่ยประโยคเพียงประโยคเดียว
...ประโยคที่ทำให้ดิวถึงกับยิ้มกว้าง
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”
จบคำ เจ้าตัวก็ตัดสายทิ้งไปทันที
ปล่อยให้ดิวยืนมองก่อนจะหลุดขำออกมากับความน่ารักของใครบางคน
...ไม่รู้ทำไม แม้จะไม่เห็นหน้า และแม้อยู่ห่างจากเกมส์ขนาดนี้
แต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาสองคนขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
และต่อให้ใช้เวลาอีกนานมากแค่ไหน
เขาก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมหยุดหัวใจตัวเองตรงนี้ไว้กับเกมส์
...จะยอมอดทนรอวันที่เกมส์เลิกกลัว แล้วรับเขาไว้อยู่ตรงข้างใจ
...หลังบานประตู
นายซีเกมส์เข่าแทบทรุดหลังวางสายอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
อยากจะโทษอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาเผลอพูดประโยคน่าอายขึ้นมาอย่างนั้น
แต่จะโทษใครได้ นอกจากใจตัวเองที่ดันสั่งออกไป
...ใจที่ค่อย ๆ ยอมรับใครอีกคนให้เข้ามาใกล้
เขามองช่อจูปาจุ๊บในมือ
ก่อนดึงลูกอมรสโคล่าออกมาหนึ่งแท่ง
แล้วแกะห่อมันออกใส่เข้าปาก
...รสสัมผัสหวานคุ้นเคยซึมลึงลงไปข้างใน
คงคล้ายกับข้อความที่เขียนอยู่บนการ์ด
ซึ่งพออ่านอีกครั้งก็ต้องทำให้เผลออมยิ้มออกมาเสียไม่ได้
ข้อความนั้นที่สัมพันธ์ตรงกันกับหัวใจ...
‘Sweetheart’
...
..
.
..
...
...เขาคิดว่าบางที
ในความรู้สึกบางอย่างก็คงคล้ายกันกับ ‘จูปาจุ๊บ’
ที่มันต้องค่อย ๆ อาศัยเวลาละเลียดชิมรสชาติ
ปล่อยให้ความหวานละลาย ๆ โอบล้อมหัวใจ
แม้จะมีความสับสนลังเล
แต่หนทางออกแท้จริงไม่ใช่การวิ่งหนีปัญหา
เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เขาควรจะทำคือการเผชิญหน้าและยอมรับมัน
...อย่ากลัวการเริ่มต้น
...อย่ากลัวที่จะเปิดหัวใจตัวเองใหม่อีกครั้ง
เพราะการปล่อยปัญหาทิ้งไว้ก็ไม่ต่างอะไรจาก ‘บุหรี่’
สูบเผื่อผ่อนคลายให้มันหายเครียด รู้สึกโปร่งโล่งสบายใจ
แต่สุดท้ายมันกลับส่งผลร้ายในระยะยาว
เต็มไปด้วยความไม่ยั่งยืนคล้ายควันที่เลือนราง...จางหาย...
ทิ้งไว้เพียงรสขมปร่าขืนลำคอ
ทุกอย่างต้องอาศัยความพอดีของระยะทาง
ใช้ความจริงใจเป็นเครื่องมือพิสูจน์
ช่วยผลักให้ใจสองดวงขยับเข้ามาชิดใกล้
รอเวลาให้ความหวานละลายจนสามารถเชื่อมไว้ด้วยกัน
และเมื่อนั้น...
เขาเชื่อว่า ‘ความกลัว’ คงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เพราะเขามีหัวใจอีกดวงคอยปลอบโยนเอาไว้
และเปลี่ยนมันเป็น ‘ความกล้า’ ที่พร้อมจะเดินไปเคียงข้างกันไป
...อย่างแน่นอน
...อย่ากลัวที่จะเรียนรู้จัก ‘ความหวาน’ ของชีวิตนะครับ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
END
ซีรีย์หวานอมขม ภาค จูปาจุ๊บ กับ ซิกาแร๊ต จบแล้วจ้า!! 
บางคนอาจคิดว่า...เฮ้ย! ดราม่ามาครึ่งเรื่อง หวานกันตอนสุดท้ายก่อนจบแค่เนี้ย!
คือ...มันก็ลุ้นให้ขึ้นได้แค่นี้ล่ะค่ะ
เพราะคู่นี้เพิ่งจะตัดสินใจคืนดีกลับไปเป็นเพื่อน
ยังต้องอาศัยเวลาอีกนานกว่าจะสวีทหวานถึงขั้นนั้น
แต่อย่างน้อย ๆ เรื่องบางเรื่องตอนจบของมันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ใหม่
สำหรับดิวกับเกมส์ก็คงเหมือนกัน
และต่อจากนึ้ทั้งคู่ก็คงจะค่อย ๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ถ้าใครอยากรู้ว่าคู่นี้จะไปกันถึงไหน
เดี๋ยวมีตอนพิเศษแถมให้อีกนิดหนึ่งเหมือนเคยค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเคยนะคะ (กอดแรงๆ)
จะครบปีแล้วนะที่เปิดบ้านหลังนี้มา
และเราคงมาไม่ไกลได้ขนาดนี้ถ้าไม่ได้ทุกคนมาช่วยอ่าน ช่วยเชียร์ ให้กำลังใจกัน
ถึงจะไม่ค่อยโผล่หน้ามาทักทาย หรือนาน ๆ คุยกันที
แต่ยังรู้สึกดีใจที่ทุกคนแวะเวียนเข้ามาในบ้านซีรีย์หวานอมขมหลังนี้
...ขอบคุณจริง ๆ จากใจค่ะ
รักและคิดถึงเสมอ
BitterSweet