กาลกีรตี 75
.. “momento ..” [เดี๋ยวนะ...]
“che cosa?” [ว่าไง?]
“hai detto…” [นายว่าไงนะ...]
“Miglior Shark..” [ฉลามเจ๋งสุด]
“Shark???!! “ [ฉลาม ??!!]
“Shark..” [ ฉลาม...]
“Shark???!! “ [ฉลาม ??!!]
“Sì ... S –q-u-a-l-i ” [ใช่ ฉ-ล-า-ม]
.
.
.
ผมย้ำประโยคที่อยู่ในความคิดให้ไอ้มังคุดมันฟังอีกครั้ง ...
คราวนี้เล่นสะกดกันทีละคำเลยครับ เพราะดูท่าทางไอ้คนที่เป็นหมอนข้างและควบตำแหน่งเตียงนอนของผมจะไม่เข้าใจ ทั้งยังเหมือนจะไม่ค่อยยอมรับ ซักเท่าที่ควร
เรื่องของเรื่อง...คือตอนนี้เป็นวันว่าง จะบอกยังไงดีล่ะ คือ วันอังคารของคนอื่นมันก็คงไม่ใช่วันว่างหรอก แต่สำหรับการ์ตูนนิสอย่างผม วันไหนๆ ที่สมองไม่แล่น มันก็เป็นวันว่างทั้งนั้น พอมันว่างสติสตังค์มันก็ไม่ค่อยอยู่กับตัว และก็เข้าทาง เมื่อข้างนอกฝนยังตกโปรยๆ ไอ้เหตุการณ์แบบนี้ไม่ต้องมีแฟนเป็นผู้กำกับก็คงจะเดาได้ ถ้านอนตายบนเตียงในสภาวะอากาศแบบนี้ ผมคงได้โดนไอ้มังคุดแดกตั้งแต่หัวจรดหางกินกลางตลอดตัว..
อย่าหาว่ากลัวเลยนะ จะให้สารภาพแบบไม่เกรงใจเลยว่า ตอนมีอารมณ์มันก็สนุก แต่ตอนรู้สึกตัวนี้นรกแทบเห็นภาพ เวลาฟัดกันมันส์ครับ แต่เวลากลับมาใช้ชีวิตปกติ .
.
.
.
..นรก..
ฉะนั้นการหลบหลีกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด ที่จะหยุดหนทางนรก สีกุหลาบที่ไอ้มังคุดมันพยายามล่อลวงผมมาตลอดเกือบสองวัน สองวันที่ไม่ได้มีอะไรกัน วันแรกผมใช้มารยาสาไถ ทำงานไป เดินวนรอบห้องไป วันแรกออกกำลังกายขามาก เพราะถ้าหยุดอยู่กับที่เกินสามนาที ไอ้มังคุดแม่งก็แทบจะเข้ามาสิงร่าง ส่วนเมื่อคืนที่รอดมาได้เพราะไอ้มังคุดมันติดงานครับ ช่วงเวลาที่ต่างกัน 5-6 ชั่วโมง ระหว่างประเทศมันกับเวลาราชการไทย แม่งช่วยผมเอาไว้ได้จริงๆ
แล้วก็มาถึงช่วงเช้าวันอังคาร ..
บรรยากาศฝนพรำๆ ใครบ้างจะอยากทำงานอยากจะเดิน ก็เมื่อวานผมแม่งเดินเสียจนน่องระบม ..
.
.
.
“....หือออออ...”
เอาอีกละ...เคยไหมเวลาที่เราคิดอะไรแล้วไอ้คนข้างๆ มันเมื่อเสือกจะรู้ คือแค่คิดว่าเมื่อยน่อง ไอ้มังคุดสมองดีแม่งก็ดึงเท้าผมไปนวดล่ะ ..นี้ถ้ากูคิดจะนาบนี้มึงไม่จับกูกดเบยหรอออออ?
“เฮ้ย!! ไอ้สัส !!! Enough!!!!!!”
อะ..อันตราย !!! อันตรายชะมัดกับไอ้แค่ความคิด แค่ผมแว๊บคิดไปว่าอยากมีอะไรกัน ไอ้มังคุดจิตหลุดมันก็จับผมกดแล้ว ..ไม่..ไม่ได้การณ์ ..คือกูไม่ใช่นักเรียนนะ ที่อาจารย์ภาษาอิตาเลี่ยนอย่างมึงจะให้ทำการบ้านทุกวัน สันดอน!!
“ดูสารคดีดีกว่า ..”
ผมใช้เท้าถีบยันตัวมันออกมาแล้วกดรีโหมดหาช่องทางรอดให้ตัวเอง
ช่องแรกที่กดเป็นการ์ตูน Larvas อันนี้สนุกดี แต่โทษทีผมโหลดใส่คอมฯ ไว้หมดแล้วเลยไม่ผ่าน กดเลื่อนไปอีกช่องในตอนที่รู้สึกว่านอนไม่สบายยังไงไม่รู้ ..อีกเลขเป็นแฟชั่น ..อืมส์ อูยยยยย โชว์ของเหล่านางฟ้า วิคตอเรีย ซีเคร็ท ชุดนี้ดูเอาความชิค แหม..แต่ละนางนมแน่นๆ ทั้งนั้น เห็นแล้วคิดถึงใครบางคน อย่าว่างั้นว่างี้เลย ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดสายหาคนที่ใจอยากได้ยินเสียง พอคุยไปได้สักพักไอ้มังคุดมันก็มีอาการ จู่ๆ มันก็ผุดขึ้นมานั่งแล้วดึงตัวผมไปนั่งตักมัน ..
ผมคุยกับโฟร์ท มันล้วง..
ผมหัวเราะ มันบีบ..
ผมถามโฟร์ทว่าช่วงนี้เป้นไงบ้าง...มันจะถอดกางเกงบอลโผ้มมมมมมมมมมมมมมม!!
“stop!!”
“....”
ตวาดมันก็แล้ว บอกให้หยุดก็แล้ว ไอ้มังคุดแม่งเหมือนทำมึน เรายื้อกางเกงบอลของผมอยู่สักพัก ผมถึงได้ขอโฟร์ทวางสาย พอวางสายได้ ไอ้มังคุดว่าง่ายมันก็กลับมา ..กลับมาในตอนที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่า บนเตียงนอน ผมมานั่งซ้อนตักมันอยู่โดยที่มือไม้มันยังล้วงยังจับทั้งบนทั้งล่าง พยายามเอามือมันออกก็แล้ว แต่ดึงยังไงผมก็สู้แรงปลาหมึกไม่ได้จริงๆ เลยปล่อยเลยตามเลย ..
ผมกดรีโหมดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย เปลี่ยนไปจนเจอสารคดี ชีวิตสัตว์ ...
อันเป็นสาเหตุแห่งการโต้เถียงเบื้องต้นที่กล่าวมา
.
.
.
... “ไอว่า งู เจ๋งสุด..”
มังคุดมันพยายามโน้มน้าวให้ผมเห็น แถมยังพยักหน้าให้ดูในจอที่ฉายภาพงูขนาดใหญ่ กำลังกินจระเข้แม่น้ำ ก่อนภาพจะตัดมาที่เสือดาวตัวหนึ่งกำลังลัดเลาะริมน้ำเพื่อจัดการกับจระเข้ง่าวๆ ตัวหนึ่ง...
.
.
.
“ฉลาม...”
“..ภัทร...”
“ฉลามเจ๋งสุด..”
“อยากโดนงูรัดไหม? จะได้รู้ว่างู เดอะเบส...”
.
.
.
“...เดอะเบสแล้วยังไง?”
“ก็....”
.
.
.
.
“แพ้อยู่ดี...”
“..เดี๋ยว! ทำไมไอถึงแพ้?!”
มาในตอนนี้เหมือนเกิดสงครามย่อมๆ เอลมันกอดผมไว้แน่นแล้วพยายามออกแรงรัด คอรู้นะว่ามันเป็นพวกแพ้ไม่เป็น แต่คือเรื่องแบบนี้มันใช่เล่นไหมล่ะ ..
.
.
.
...หมดความอดทน..
ผมหันไปโน้มคอมันลงมากระซิบบอกว่าทำไม ฉลามถึง เดอะเบส ...
เอลมันฟังแล้วนิ่งไปนิดนึง ก่อนจะถามผมแบบไร้เสียงว่า ‘จริงดิ?’ ผมพยักหน้าแล้วย้ายตัวเองกลับมาหนุนตักมันเหมือนเดิม ปล่อยให้มันนั่งตัวแข็งไปในตอนที่ได้รู้ว่าทำไม ฉลามถึงเดอะเบส ..
.
.
.
....อ้าส์....
ตอนนี้ล่ะที่ผมมีเวลาตักตวงการนอนอันมีค่า ...วันเวลาแห่งสันติกาล..และความพ่ายแพ้ของอนาคอนด้าอิตาลี..
**
...เอลซึมนิ่งไปได้วันสองวัน หลังจากฟังคำจากปากผมว่าฉลาม ออนเดอะวิน
คือความจริงมันก็เรื่องธรรมชาติอะนะ แต่แม่งไหงไอ้มังคุดมันถึงได้จริงจังนักก็ไม่รู้ วันนี้ดูๆ ไปแล้วแม่งเหมือนผมทำมันเสียความมั่นใจยังไงชอบกล ปกติมันหื่นโหดจะตาย แต่วันนี้ดูหดๆ เสียจนทำเอาผมหมดกำลังใจไปด้วย ..
.
.
.
.
**
อืมส์...
ท้องฟ้าแม่งกลายเป็นสีทึมๆ อีกแล้ว ..
ฝนตกอีกแล้ว..............
.
.
.
.
แขนมันโอบมารวบกอดผมอีกแล้ว....
"จริงๆ ไอก็มี 2 นะ ..แค่ไม่เคยอยากลองใช้กับยู"
เสียง EL เหมือนจะกระซิบบอกผมเบาๆ แต่ในเวลานั้น ผมฝันไปไกลละ..
**
..
“พวกพ่อค้าแห่งวามรินทร์... เจ้าพวกที่ขึ้นมาจากมหานที เหล่านั้นบางส่วนเรียกตัวเองว่าพวก ‘เงือก’ ”
“ขอรับ?!”
เอ๋?!!!!!
อีกครั้งที่บรรยากาศรอบข้างมันไม่เหมือนเดิม ไอเดียร์ได้แต่หันรีหันขวาง ดูบรรยากาศรอบข้างและหนทางเบื้องหน้า ในตอนนี้กลิ่นคาวทะเลลอยมาแตะปลายจมูกในขณะที่ฝ่าเท้าสัมผัสได้ถึงความหยาบของแผ่นหิน
“เขาว่าหญิงเผ่ามัจฉา นั้นงดงาม ”
เสียงทุ้มสะท้อนต่ำข้างๆ ยังคงเหมือนกับอธิบายในสิ่งที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ ได้แต่เออออไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร เออออไปแล้วก็ขอหันไปดูหน้าคนอธิบาย..
.
.
.
.
..แววตากลมใส เป็นลูกแก้ววาวรับกับจมูกโด่งที่คมสัน ส่วนกรามที่ไล่ลงมาจรดลำคอนั้น เหมือนเป็นช่องอากาศที่ กรีดระบายลมหายใจ..
.
.
.
ร่างใหญ่ที่เดินขนาบข้าง มันไม่ใช่คนชัดๆ!!!
“ฉ...ลาม…??!!”
.
.
.
.
“ชาร์กลัมบรา !!!”
เสียงตะโกนเรียกแหลมเสียดแก้วหูนั้นมันกลบคำว่า ฉลามเสียสนิท ไอเดียร์ได้สติหันไปตามเสียงนั้นได้ก็แทบกระอัก กับแรงรัดแรงกอดที่โผโถมเข้ามา แผ่นหลับโดนตบดังปักๆ แรงรัดมันแน่นหากแต่ไม่เหมือนตอนไอ้มังคุดมันกอดสักนิด
“เหอะ!! ขานนามข้า หากแต่ถลาไปกอดองค์ภัทรเจ้า??!! ”
“..แหม..ก็เจ้าเองมิใช่รึที่เคยบ่นว่าข้าน่ารำคาญ?”
“วาม...รินทร์..”
เสียงของตนที่เรียกตัวเองว่าชาร์กลัมบรา กดต่ำ ก่อนจะหันไปรวบกระชาก ตนที่ไอเดียร์เองเห็นหน้าไม่ถนัดให้ออกห่าง ..
เพิ่งจะสังเกต เจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นสวมใส่ผ้าฝ้ายสีนวลขาว เรือนผมตรงยาวเลยข้อเข่า ริมฝีปากบางคละเข้ากับแววตาสีคราม ผิวกายซีดขาว ยิ่งดูทำให้ร่างนั้นราวกับกระดาษ ทำไมเพิ่งรู้สึกจิตสำนึกสักส่วนล่ะที่บอกกับตนเองว่า ตนผู้นี้นั้นเป็น ‘ชาวมัจจา’
“สินค้าคราวนี้มีมามากกว่าที่คาด ..ส่วนหนึ่งก็เพราะพายุที่นอกชายฝั่ง แต่ที่ทำให้ข้ารีบขึ้นมาจากผืนน้ำก็เพราะเรื่องของเจ้า..”
“อ้าว..หาใช่เพราะเจ้าอยากพบข้ากระนั้นรึวาม..?”
“เหอออ...ช่างคิดนะ ชาร์กลัมบรา ท่าน ”
“แล้วเรื่องอันใดล่ะที่เจ้าจะสนใจมากกว่าข้า? ”
เอาล่ะสิ รังสีแปลกๆ กับบรรยากาศที่เหมือนจะมีนสายฟ้าจะฟาดลงมาได้ทุกเมื่อ ทำเอาไอเดียร์ถอยตัวออกห่าง ก่อนจะหงายหลังลงไปเต็มๆ เมื่อร่างเหมือนถูกดึงให้วืบร่วงลงหุบเหว!!!
.
.
.
…เสียงนาฬิกา เป็นเสียงแรกที่ได้ยินถัดมาจากเสียงลมหายใจ ..
โทรทัศน์ยังคงถูกเปิดไว้ เหมือนเดิมพอๆ กับร่างกึ่งเปลือยของไอ้คุณมังคุดที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงมืดๆ ..
คนเพิ่งตื่นเพิ่งตั้งสติปะติดปะต่อเรื่องราวที่เห็นเมื่อครู่ได้ ถึงได้รู้ว่า...ฝันไป
ฝัน??? แต่มันเหมือนจริงอย่างกับเหตุการณ์นั้นเคยผ่านมา ชาร์กลัมบรา และวามรินทร์ สองชื่อนี้ ไอเดียร์ลุกขึ้นไปเขียนแล้ว ร่างภาพสเกตคร่าวๆ ..
หาก..ชาร์กลัมบรา เป็นปลาฉลาม ที่องอาจคาแลคเตอร์ของ วามรินทร์ก็น่าจะเป็นปลาหมึก เจ้าเล่ห์..ที่พอฟัดพอเหวี่ยง..
กลิ่นไอเกลือทะเลยังติดปลายจมูก..
ในขณะที่อากาศเริ่มร้อนระอุเพราะใกล้เวลาที่ฝนจะลงเม็ด ในตอนนี้ดีเท่าไหร่? ดีเท่าไหร่ที่ได้อยู่กับไอ้มังคุดใกล้ๆ ขนาดนี้..ดีเท่าไหร่ที่ในปีหนึ่งไม่ต้องรอให้ถึงวันขึ้นฝั่งถึงจะเห็นหน้ากัน.
ริมระเบียงมืดสว่งเป็นพักๆ ด้วยแสงจากปลายบุหรี่ นาทีนี้ไอเดียร์เองที่เป็นฝ่ายก้าวเท้าเบาเข้าไปหา..
.
.
.
ไม่ได้อยากสูบบุหรี่หรอก..
แต่อยากจะแค่ลองใช้ลมหายใจร่วมกัน..
.
.
.
...ด้วยกัน...
*****************************************************************************************
กาลกีรตี *พิเศษชาวนที*
“ชาร์กลัมบรา..”
เสียงหวีดร้องนามนั้นแหบหายเข้าไปในลำคอ แล้วต่อจากนั้น ก็พลันหลุดเสียงครางหวามวาบเกินควบคุม ..ท่อนขาถูกจับให้อ้ากว้างเพียงเพื่อรักนั้นจะได้ถูกปรนเปรอด้วยแกนแท่งเนื้อร้ายทั้งสองท่อน!!
จุกเสียดแล่นลิ่วไปถึงช่วงท้อง ยามร่างใหญ่ที่หอบหายใจด้วยเหงือกนั้นมันถองกระแทก แล้วแทรกแกนร้อนเข้ามาพร้อมกันทีเดียวสองด้าม วามรินทร์ไร้เรียวแรงต่อกรกับไอ้ฉลามบ้าเลือด แต่ถึงกระนั้นสัญชาติญาณของมันสมองแห่งท้องทะเลก็ยังพยายาม เกี่ยวก่ายเอาริมฝีปากหนานั้นมาครอบครองปกปิดเสียงหวีดของตัวเอง …
.
.
.
ร่างกายถูกโอบไว้และรัดตรึงคล้ายยามผู้ล่าไม่ปราณีเหยื่อ ..
คมเขี้ยวกัดงับก่อนอุ้งมือใหญ่จะจับเรือนร่างที่อ่อนยวบราวกับไร้กระดูกนั้น กระทำซ้ำซากดั่งประกาศความเป็นเจ้าของ ร่างขาวซีดที่อยู่ข้างใต้ ยามแต่งแต้มด้วยรอยกัดที่ฝังลึก ..มันช่างงดงามเหมือนยามจิตรกร ปาดสีลง ผืนผ้าใบ..
.
.
.
กอดรัดด้วยรักร้าย ขยับกายเข้าบดเบียดแล้วโถมซัดปานคลื่นหน้ามรสุม เรียวขาขาวเกี่ยวก่ายโอบรอบลำคอ ก่อนจะกัดงับ แล้วตบฉาดด้วยฝ่ามือ..
.
.
.
แรงต่อแรงที่ปะทะกัน มันทำให้ ชาร์กลัมบรา แทบจะลืมค่ำคืนและวันเวลา ..
มันก็แค่บทหนึ่งของเรื่องราวที่ดวงตะวันไม่เคยบันทึก เรื่องราวเรื่องเล่าของชาวนที เรื่องราวความรักอันแสนดุเดือดของฉลามขาวกับปลาหมึกเจ้าเล่ห์ ชาร์กลัมบรา และวามรินทร์
**
“ฉลาม ...”
“ใช่..ฉลาม ..”
ไอเดียร์มันงับชิ้นขนมปังเข้าไปเต็มปากก่อนจะกดรีเพลย์ให้โทรทัศน์เครื่องนั้นฉายภาพช้ำ ..
ย้ำให้เอลยิ่งรู้สึกนอยด์เข้าไปอีก เพราะเรื่องที่คุยกัน มันเป็นเรื่องบนเตียงที่โคตรจะถือว่าหยามในสายพันธุ์
“จะนอยด์อะไร เห็นปะมันก็แค่เรื่องปกติ ..ธรรมชาติ ๆ”
“..ก็รู้ แต่ไอ..ไม่คิดว่า..”
“ว่าอะไร? เนี้ยดูดิ สิงห์โต แม่งนกมาเลย ทำถี่ทำบ่อยแต่ทำได้ไม่ถึงวิฯ แล้วก็เนี้ย อย่างที่บอก ..ฉลามมันชนะเลิศ ...ฉลามมันมีจู๋สองอัน .. ”
“..แต่..”
“...”
“..แล้วงูล่ะ? ”
“...”
“งูกอดอุ่นรัดแน่นนะ”
“..ถ้าพูดถึงเรื่องนั้น...เอามาเทียบกับปลาหมึกไหมล่ะ?”
“ภัทร...”
“โอเคๆๆ ยอมให้ก็ได้ งั้นเปลี่ยนเป็นงูเดอะเบส... ”
.
.
.
.
“ยอมง่ายไปไหม? ทำไมเปลี่ยนให้ล่ะ?”
.
.
.
“ง่ายดิ..เพราะแววตาดุๆของเอล...เหมือนแววตางู กอดแน่นๆ ของเอลก็เหมือนโดนงูรัด...”
“...แค่นั้น??”
“แค่นั้น..”
.
.
.
.
“...”
“เอลไม่เคยได้ยินหรือ?”
“si?” [ว่า?]
.
.
.
.
“ว่าความรัก..ทำให้ชนะทุกสิ่ง ..”