HEARTBREAKER P.I [ UP! : SPECIAL : Tar’s birthday ] 1/3/59 : P.151
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: HEARTBREAKER P.I [ UP! : SPECIAL : Tar’s birthday ] 1/3/59 : P.151  (อ่าน 1306095 ครั้ง)

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 65 (100%) ] 25/10/58 : P.148
«ตอบ #4440 เมื่อ01-11-2015 16:13:10 »

จะจบแล้วยาวนานมาก  แต่ถึงจะบอกว่าจะจบแล้วอีกไม่กี่ตอนก็คงยังนานเป็นปีอยู่ดี 5555555555  เเซวเล่นนะคะ

เข้าเรื่องๆ >> อื้ออหื้อออครั้งนี่ควิน แซท เจ็บปวดมาก   เครียดมาทั้งเรื่องตอนนี้ 2 คนนี้คงลงสู่จุดต่ำสุดเเล้วอะ   แต่ถึงไปขอให้คุณย่าช่วยก็คงไม่มีประโยชน์มันง่ายไปกับสิ่งที่ทำ   อีกอย่างคนเขียนก็บอกว่าจะแบดเอน  (ยกเว้นว่าจะเปลี่ยนใจ) ขนาดทิ้งช่วงนานแต่กลับมาอ่านอารมณ์ก็ยังต่อกันติดอยู่เลยค่ะ แบบเครียด กดดัน มาเต็ม  แต่ใจจริงๆก็ไม่อยากให้แบดเอนหรอกน้าา  เอาแค่ 0 พอแบบเริ่มนับกันใหม่จากศูนย์ คราวนี้ต้าร์จะคิดต่อ 2 คนนี้ยังไงก็อีกเรื่องนึง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 65 (100%) ] 25/10/58 : P.148
«ตอบ #4441 เมื่อ01-11-2015 20:44:16 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ New-Y Holic

  • Your love is a lie
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +207/-5
    • https://www.facebook.com/pages/New-Y-Holic/352883328112176
HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4442 เมื่อ07-11-2015 22:46:22 »



HEARTBREAKER

66



เจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนตีหน้านิ่งขรึมสร้างบรรกากาศกดดันให้แก่บุพการีที่นั่งกระวนกระวายอยู่บนโซฟาบุหนังภายในห้องรับแขก นัยน์ตาคมดุดันจ้องมองไปยังคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของตนเอง ราวกับจะสั่งผ่านสายตาว่าให้รีบตอบรับคำขอของตนเดี๋ยวนี้ หากแต่อีกฝ่ายยังคงนั่งจิบชาหอมกรุ่นอย่างสบายอารมณ์ ไม่ทุกข์ร้อนต่อปัญหาของลูกเลี้ยงแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆร้อนใจอยู่ในขณะนี้
   “ผมไม่มีเวลารอคุณทั้งวันนะ!”
   “แซท อย่าเสียมารยาท ยังไงเขาก็เป็นพ่อ…”
   “มัน…เขาไม่ใช่พ่อผม”
   “แซท!”
   ดอนอัลแบร์โตวางแก้วชาก่อนยกมือขึ้นห้ามสงครามน้ำลายระหว่างแม่กับลูก มาดามคนสวยถอนหายใจแรงอย่างขุ่นเคืองลูกชายที่หอบเอาพายุอารมณ์พร้อมปัญหามาให้ซ้ำยังแสดงกิริยาไม่เหมาะสม
   “ว่าไง ตกลงคุณจะช่วยผมมั้ย” แซทถามน้ำเสียงอ่อนลง หากแต่นัยน์ตายังดุดันคงเดิม
   “นั่งลงคุยกัน” ประโยคกึ่งคำสั่งจากประมุขของบ้านทำให้คนเลือดร้อนยอมนั่งลงเพื่อพูดคุยกัน
   “แซทรักเด็กคนนั้นมากเหรอ”
   “ใช่ ผมรักต้าร์ รักมาก” แทบไม่เสียเวลาคิด ชายหนุ่มตอบเสียงห้วนแต่หนักแน่น
   “แล้วทำไมเขาถึงจะหนีแซทไป”
   “ก็เพราะ…” นัยน์ตาคมหรุบลงด้วยไม่อยากยอมรับความจริง
   “เพราะอะไร”
   “เพราะต้าร์ไม่ได้รักผม”
   ดอนอัลแบร์โตยกยิ้มกับคำตอบของลูกเลี้ยงก่อนหันไปมองภรรยาข้างกาย
   “แม่ว่าลูกปล่อยให้ต้าร์ไปดีกว่า บางทีน้องแค่ต้องการพักผ่อน”
   “แม่จะไปรู้อะไร! ต้าร์ต้องการไปจากผม ถ้าไปแล้วเขาจะไม่มีวันกลับมาอีก!”
   “พ่อช่วยแซทได้”
    “คุณคะ”
   “ให้ผมคุยกับลูกเถอะ เขาไม่เคยขอร้องอะไรผม นี่เป็นครั้งแรก จะให้ผมใจร้ายกับลูกได้ยังไง”
   ดอนอัลแบร์โตลูบไล้หลังมือภรรยาแล้วหันไปมองลูกเลี้ยง
   “แต่แซทต้องรับปากว่าจะรับช่วงต่อธุรกิจนี้ พ่อถึงจะช่วย”
   ‘นั่นไง! ไอ้มาเฟียเจ้าเล่ห์! นึกอยู่แล้วว่าคนอย่างมันไม่น่าจะยอมช่วยเขาง่ายๆโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน’ แซทคิดในใจ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าไม่ได้คนฝีมือดีของอัลแบร์โตมาช่วยงาน
เขาอาจต้องเสียต้าร์ไปจริงๆ
   “ได้ ผมรับปาก ขอให้คนของคุณช่วยผมได้จริงๆเถอะ”
   “คนของพ่อไม่เคยทำงานพลาด”
   แซทแสยะยิ้ม นึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มที่คิดจะหนีไปจากเขา
   ‘ไม่ว่ายังไง มึงก็หนีกูไม่พ้น!’


**************************************************


“โทรติดมั้ยครับคุณยาย”
   น้ำเสียงเร่งเร้าดังอยู่เบื้องหลัง หญิงชราหันมามองหน้าหลานชายอย่างอ่อนใจ
   “ติดลูก แต่ต้าร์ไม่อยู่บ้าน”
   “เขาอยู่ แต่ไม่ยอมรับสาย”
   ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขอร้องให้คุณยายช่วยโทรหาต้าร์ แต่พยายามโทรไปหลายครั้งแล้ว ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมคุยด้วยซักที ให้แต่แม่บ้านมารับสายแล้วบอกว่าเจ้าตัวไม่อยู่ หลบเลี่ยงแม้กระทั่งการพูดคุยทางโทรศัพท์ ต้าร์คิดจะไปจากเขาจริงๆ!
   “แล้วควินทะเลาะกับน้องเรื่องอะไร ทำไมไม่คุยกันดีดี”
   คนถูกถามยิ้มเศร้า เอื้อมไปจับมือผู้เป็นยาย
   “ต้าร์ไม่ได้รักผมครับ ต้าร์ต้องการไปจากผม”
   “โธ่ลูก” ด้วยสงสารหลายชายจับใจจึงได้แต่กอดปลอบอยู่อย่างนั้น
   “ผมอยากให้คุณยายช่วยกล่อมต้าร์ พูดยังไงก็ได้ที่ทำให้ต้าร์เปลี่ยนใจไม่ไปจากผม ต้าร์รักและเคารพคุณยายมาก เขาอาจจะยอมฟัง”
   “แต่โทรไปแล้วน้องก็ไม่ยอมคุยกับยาย งั้นเราไปหาน้องที่บ้านเลยดีมั้ย”
   “ไม่ได้หรอกครับ”
   “ทำไมล่ะ”
   ควินแสยะยิ้ม นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้น
   “เพราะคุณลุงไม่ยอมให้ผมเจอต้าร์”
   “หมายความว่ายังไง ยายไม่เข้าใจ ลุงเรามาเกี่ยวอะไรด้วย”
   “คุณลุงเป็นคนที่จะพาต้าร์หนีไปจากผม คุณลุงเป็นคนจัดการทุกอย่าง”
   หญิงชราถอนหายใจยาว รู้สึกปวดหัวกับปัญหาวุ่นวายของหลานชาย
   “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ยายว่าควินต้องหาคนมางัดข้อกับลุงเราแล้วล่ะ”
   คิ้วเข้มขมวดฉับ ใบหน้าหล่อเหล่าแสดงอาการไม่เข้าใจกับคำพูดนั้น
   “ให้ผมหาคนมางัดข้อกับคุณลุงเหรอครับ ใคร?”
   “พ่อเราไง”
   ควินเบิกตากว้าง ด้วยไม่คาดคิดว่ายายตนจะเอ่ยถึงคนคนนี้
   “เรื่องในอดีตก็ช่างมันเถอะ ยายปล่อยวางแล้ว ยังไงเขาก็เป็นพ่อควิน ลูกมีเรื่องเดือนร้อน มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่ยอมช่วย”
   ควินคอตก กัดฟันแน่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนเป็นพ่อ ความสัมพันธ์ของเขากับผู้ชายคนนั้นยังนับว่าเป็นพ่อลูกกันได้อยู่เหรอ? ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอไง มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมอย่างอารมณ์เสีย ครุ่นคิดอยู่นาน แต่ที่คุณยายพูดก็ถูก ถ้าจะหาคนมางัดข้อกับคุณลุง คนคนนั้นก็ควรเป็นพ่อของเขาเอง!
   
   บ้านที่ไม่ได้กลับมานาน นานจนแทบลืมไปแล้วว่าเขายังมีบ้านหลังใหญ่โตนี้อยู่ ควินมองประตูรั้วสูงใหญ่เบื้องหน้าก่อนลดกระจกรถลงและกดแตรให้คนในบ้านมาเปิดประตูให้ ประตูรั้วเลื่อนเปิด รถหรูเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้าน ชะลอความเร็วและจอดสนิทอยู่ภายในโรงรถ ร่างสูงลงจากรถเดินตรงไปหน้าประตูบ้าน ท่ามกลางความแปลกใจของบรรดาการ์ดชุดดำที่ได้เห็นหน้าลูกชายของเจ้านายโผล่มา
   “สวัสดีครับคุณควิน”
   “เขาอยู่มั้ย”
   “อยู่ครับ ท่านกำลังเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงาน”
   “ไปบอกเขาว่าฉันมา”
   ชายหนุ่มสั่งด้วยความใจร้อน เพราะไม่อยากเสียเวลาและไม่คิดจะนั่งรอ หวังเพียงให้คนที่เขาอุตส่าห์มาขอร้องยอมตกลงช่วยเหลือก็จะรีบกลับ
   “ควิน”
   เสียงเรียกทำให้ร่างสูงหันไปมอง ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อยากยอมรับเอ่อล้นขึ้นมาในใจเมื่อได้เห็นหน้าผู้เป็นพ่อ ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความคิดถึง’
   “นานแล้วนะที่ลูกไม่ได้กลับบ้าน”
   “ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย”
   “ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่คิดจะกลับบ้านเลยเหรอ”
   “ผม…”
   “ช่างเถอะ แล้วมีเรื่องอะไร”
   “ช่วยขัดขวางแผนการของคุณลุงให้ผมที”

**************************************************
   บรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังจากที่ลุงหมอมาถึงและแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของ ‘พวกเขา’ ให้พวกเรารับรู้ ผมนับได้ว่าตัวเองถอนหายใจไม่ต่ำกว่าห้าครั้งแล้วกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลุงหมอบอกว่าพี่ควินไปขอให้คุณพ่อของเขาช่วย ส่วนที่แซทก็ไปขอให้พ่อเลี้ยงของเขาช่วยเช่นกัน พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผมไป หรือผมจะหนีพวกเขาไม่พ้นจริงๆ
   คุณยายของพี่ควินโทรมาที่บ้าน ท่านต้องการคุยกับผม แต่ผมรู้ว่าเบื้องหลังพี่ควินต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่เลยเลี่ยงไม่รับสายท่าน ผมรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น แต่อีกใจก็คิดว่าทำถูกแล้ว เพราะถ้าผมรับสายผมอาจจะใจอ่อนก็ได้ ได้แต่ขอโทษท่านอยู่ในใจ และหวังว่าท่านจะเข้าใจถึงความจำเป็นของผมด้วย
   ดอนอัลแบร์โตก็โทรมาหาลุงหมอเช่นกัน ฝ่ายนั้นต้องการเจรจา แต่ลุงหมอปฎิเสธไป สุดท้ายแล้วเลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พ่อเลี้ยงของพี่ควินจะยอมคล้อยตามลุงหมอจนยอมให้อังเดรกับอะดอนิสมาคุ้มกันผมก็ตาม แต่ในที่สุดความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ดอนอัลแบร์โตเลือกที่จะช่วยลูกเลี้ยงของตัวเอง แม้แต่ความสัมพันธ์ของพี่ควินกับพ่อของเขาที่ไม่ลงรอยกัน แต่พี่ควินก็ยังยอมไปขอร้องให้ท่านช่วย สุดท้ายคนเป็นพ่อก็ต้องเลือกช่วยเหลือลูกชายตัวเอง
   ที่พึ่งหนึ่งเดียวของผมตอนนี้ก็คือลุงหมอ แม้ว่าผมจะไม่อยากให้ท่านต้องทะเลาะกับน้องชายและหลานชายของตัวเองเพื่อปกป้องผมก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัว เพราะผมอยากให้ท่านช่วยพาผมหนีไปจริงๆ เรื่องนี้จะทำให้ท่านเดือนร้อนแน่นอน แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ผมไม่มีกำลังคนมากพอที่จะใช้ต่อกรกับพวกเขา ลำพังแค่ผมตัวคนเดียวจะเอาแรงที่ไหนไปสู้อำนาจและอิทธิพลของพวกเขาได้
   “ต้าร์ไม่ต้องเครียดนะ”
   ลุงหมอบอกผมอย่างเป็นห่วง ผมรู้สึกขอบคุณท่านด้วยใจจริง
   “แล้วเราจะเอายังไงครับ ผมไม่อยากให้น้องกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีก”
พี่เนสมองลุงหมอก่อนเอื้อมมาจับมือผมไว้
   “เราต้องรีบเดินทาง ลุงเตรียมคนไว้แล้ว”
   “ผมกับน้องพร้อมเดินทาง แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ตามเรามา”
   บรรยากาศเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ลุงหมอขมวดคิ้วยุ่ง ผมรู้ว่าท่านกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ลำพังแค่ท่านงัดข้อกับน้องชายตัวเองก็เป็นปัญหาหนักแล้ว แต่นี่ยังมีดอนอัลแบร์โตเพิ่มมาอีก ด้วยอิทธิพลของพวกเขาแล้ว การที่จะจับตัวคนคนนึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าพวกเขาจะให้คนมาจับตัวผมถึงที่บ้านตอนนี้ก็ย่อมได้ เพียงแต่พวกเขายังไม่ลงมือ คงเพราะคิดว่าลุงหมออาจจะเปลี่ยนใจยอมเจรจาด้วย แต่ในเมื่อลุงหมอยืนยันแล้วว่าเราต้องรีบเดินทาง เพราะฉะนั้นตอนนี้เราต้องคิดหาทางไม่ให้พวกเขาตามพวกเราทัน
   “เราต้องวางแผน ทำยังไงให้พวกเรารอดพ้นสายตาของพวกเขา หรือถ่วงเวลาให้นานที่สุด”
   ลุงหมอสบตาผม ท่านพยักหน้าเห็นด้วย ผมนิ่งคิดหาวิธี เราต้องใช้รถในการเดินทาง ซึ่งเส้นทางที่เราใช้ต้องไม่ให้พวกเขารู้ แต่จะทำได้ยังไงในเมื่อเส้นทางที่เราใช้เป็นเส้นทางสายหลัก ซึ่งสามารถค้นหาและคาดเดาได้ง่ายๆ แต่ถ้า…
   “เอาอย่างนี้ดีมั้ยครับ”
ผมพูดขึ้นเมื่อคิดหาวิธีได้ มันอาจไม่ใช่แผนที่ดีและได้ผลนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยถ่วงเวลาได้ คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ต้องลองดู

ในห้องพักรับรองแขกของคฤหาสน์มีชายชุดดำเดินเข้าออกสวนกันไปมาตั้งแต่เริ่มปฎิบัติการ กลางห้องมีโต๊ะกระจกยาวตั้งวางอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแผ่นกระดาษและแผนที่เส้นทางต่างๆ ทั้งยังมีเครื่องตรวจจับสัญญาณวางอยู่ บริเวณหัวโต๊ะมีเจ้าของร่างสูงนั่งนวดคลึงขมับตัวเองอยู่ หากแต่สายตายังจ้องเขม็งไปที่เครื่องตรวจจับสัญญาณ นี่คือห้องปฎิบัติชั่วคราวที่ถูกเซตขึ้นอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของเจ้านายใหญ่ ปฎิบัติการนี้มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว คือตามจับตัว ‘คนสำคัญ’ ของเจ้านายกลับมา
“ฝ่ายนั้นมีความเคลื่อนไหวแล้วครับ”
ทันทีที่ลูกน้องเข้ามารายงาน คนที่นั่งนิ่งอยู่หัวโต๊ะก็ผุดลุกขึ้น
“มีรถจำนวนนึงทยอยเข้ามาในบ้านของเป้าหมายครับ”
“จำนวนนึงของมึงนี่มันกี่คันก็บอกมาสิวะ!” คนอารมณ์ร้อนตวาดอย่างหงุดหงิด
“เรายังระบุจำนวนไม่ได้ครับ เพราะตอนนี้รถยังทยอยขับเข้ามาเรื่อยๆครับ”
คนฟังคิ้วขมวด นิ่งคิดกับคำรายงาน
“กูว่าลุงมึงเริ่มแผนแล้วควิน เหี้ยเอ๊ย! จะมาไม้ไหนวะ”
เจ้าของร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนเข้ารูปเดินเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นไหม้ของมวนบุรี่ที่คาบอยู่ในปาก
“จะมาไม้ไหนก็ช่าง แต่พวกเราต้องสกัดให้ได้ พวกมึงรีบไปสืบมา ว่าฝ่ายนั้นเอารถมาทำไม”
ควินสั่งลูกน้องเสียงเข้มก่อนเอื้อมหยิบแผนที่ขึ้นมาดู นัยน์ตาคมกวาดมองเส้นทางพลางคาดเดาในใจว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปที่ใด
“คนของกูเฝ้าอยู่ มันบอกว่าลุงมึงยังไม่โผล่หน้าออกมาจากบ้านต้าร์เลย”
“กูรู้แล้ว มีรถทยอยเข้ามาแบบนี้ กูคิดว่าพวกเราดักทางถูกแล้ว”
“ไม่มีชื่อต้าร์ ไม่มีชื่อลุงมึง ชื่อไอ้เนสก็ไม่มีในไฟลท์บิน มันก็ต้องเหลืออยู่ทางเดียวที่พวกนั้นจะใช้”
“บอสครับ ตอนนี้คุณหมอขับรถออกมาจากบ้านคุณหนูแล้วครับ” อังเดรเข้ามารายงานเจ้านาย
“มึงว่าไงนะ!” แซทร้องเสียงดัง หันไปมองเพื่อนก็เห็นว่ามีสีหน้าตกใจเช่นเดียวกัน
“เหี้ยแล้ว ลุงมึงจะเล่นอะไรวะ! จะเอาไง บุกเลยมั้ย กูขี้เกียจรอแล้วแม่ง!”
แซทตะโกนลั่น อารมณ์พลุ่งพล่านจนอยู่ไม่สุข
ท่ามกลางความเครียดของทุกคนในห้อง จู่ๆเครื่องตรวจจับสัญญาณก็ส่งเสียงดังขึ้นมา ทุกคนหันขวับไปมองสิ่งนั้น ควินกำหมัดแน่นก่อนคำรามลั่น
“ไอ้เหี้ยเฟียซ!”
เสียงต่อมาแทบจะดังขึ้นซ้อนกันคือเสียงคำสั่งของแซท
   “บุก! ไม่ต้องรอเหี้ยอะไรแล้ว!”
   “มึงตามไอ้เฟียซไป กูจะตามลุงกูเอง”
ควินบอกเพื่อนก่อนหยิบเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นสวมแล้วรีบเดินออกจากห้องไป แซทมองกราดไปทั่วห้องด้วยสายตาแข็งกร้าว สั่งเสียงโหดสำทับ
“รายงานกูกับเพื่อนทุกความเคลื่อนไหว ต่อให้มีมดไต่ออกมาจากบ้านเป้าหมาย พวกมึงก็ต้องรู้!”

ดวงตากลมมองลอดช่องหน้าต่างที่เปิดแง้มไวนิดๆ ผ้าม่านใหญ่ช่วยปิดบังใบหน้าไม่ให้กลุ่มคนที่กำลังจับตาดูสถานการณ์จากด้านนอกมองเห็น เจ้าตัวสอดส่ายสายตานับจำนวนรถที่จอดอยู่หน้าบ้านและนอกรั้วบ้านพลางคิดถึงแผนการขั้นต่อไป ปากบางเม้มแน่นเพราะไม่มีเวลาให้คิดนานนัก ตอนนี้พวกเราต้องเดินทางแล้ว
“พี่ไม่อยากแยกกับต้าร์เลย เรานั่งรถคันเดียวกันไม่ได้เหรอ”
เนสแตะบ่าน้องชาย ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ได้ครับ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่พอจะช่วยถ่วงเวลาพวกเขาได้”
“แต่มันเสี่ยง ต้าร์จะขับรถคนเดียวได้ยังไง”
“ได้สิครับ อย่างน้อยที่พวกเราแยกกันก็ทำให้พวกเขาสับสนได้ เรามีรถหลายคัน ให้ขับล่อพวกเขาไปคนละทาง ยังไงซะพวกเขาก็ต้องเลือกที่จะตามไม่ทางใดก็ทางนึง พวกเขาจะลังเล และนั้นแหละคือโอกาสของเรา”
ต้าร์บอกพี่ชายอย่างมุ่งมั่น เขาคิดแล้วว่าวิธีนี้ดีที่สุด ตอนแรกที่เสนอแผนนี้ ไม่มีใครเห็นด้วยกับเขาซ้ำยังคัดค้านเพราะคิดว่ามันเสี่ยงมาก แต่เขาก็ยืนยันว่าแผนนี้อาจจะช่วยได้ อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายเกิดความสับสน ซึ่งในที่สุดทุกคนก็ยอมตกลง
“งั้นต้าร์ต้องขับรถดีดี ระวังตัวให้มากๆ อย่าประมาทเด็ดขาดรู้มั้ย”
เนสย้ำความปลอดภัยพลางจับมือน้องบีบอย่างให้กำลังใจ
“ครับ ผมจะระวัง พี่เนสก็เหมือนกัน”
ต้าร์กอดพี่ชายแน่น สูดหายใจลึกก่อนระบายมันออกมาพร้อมกับความกังวลต่างๆ
“ชีวิตพี่เหลือแค่ต้าร์คนเดียวรู้ใช่มั้ย”
คนฟังพยักหน้ากับบ่าพี่ชาย กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“ดูแลตัวเองด้วย จำไว้ว่าพี่รักต้าร์ที่สุด”
เนสบอกก่อนจูบขมับน้องชายแล้วผละห่าง ลูบกลุ่มผมนุ่มส่งรอยยิ้มส่งท้ายให้แล้วเดินออกจากบ้านไป ต้าร์มองตามหลังพี่ชายด้วยความรู้สึกแปลกๆก่อนหยิบแว่นกันแดดสีชาที่คอเสื้อมาปิดบังดวงตาไว้หยิบหมวกที่วางอยู่บนโต๊ะมาสวม ในหัวมีหลายเรื่องวิ่งวนกันเต็มไปหมดแต่ก็พยายามสลัดความคิดไม่ดีทิ้งไปก่อนเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“พร้อมแล้วใช่มั้ยครับ”
นัยน์ตากลมมองผ่านแว่นตากันแดดเห็นกลุ่มคนจำนวนนึงกำลังช่วยกันแต่งตัวอยู่ พอคนเหล่านั้นเห็นว่านายจ้างเข้ามาก็รีบยืนตรงพร้อมรับคำสั่งทันที
“ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะครับ”
ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง ทยอยกันเดินออกจากห้อง รั้งท้ายด้วยร่างบาง
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ลำบาก”
“ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ช่วยต้าร์ได้ก็พอ”
คนฟังยิ้มอย่างตื้นตันใจ ก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทาง ร่างบางมองรถญี่ปุ่นคันเล็กเบื้องหน้า รีบเดินไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ สตาร์จรถแต่ยังไม่ขับออกไป มือเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบของสิ่งนึงออกมาแล้วสวมมันไว้ที่คอ นิ้วเรียวลูบไล้สิ่งนั้น ยิ้มและปล่อยมือจากมัน จากนั้นก็ขับรถตามขบวนรถคันข้างหน้าไป
ลางสังหรณ์กำลังบอกว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจเป็นเรื่องผิดพลาด แต่เสียงในใจกลับดังขึ้นมาว่า ช่างมัน!

“ไอ้เฟียซมันไปทางไหน”
เจ้าของรถหรูถามลูกน้องเสียงห้วน ตาก็จ้องถนนเบื้องหน้าเขม็ง ในใจร้อนราวกับมีกองไฟลูกใหญ่กำลังลุกโหม และไม่มีทีท่าจะมอดดับ ตราบใดที่เขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“ตามสัญญาณบอกเลี้ยวไปทางขวาครับ” อังเดรบอกพลางชี้ให้เจ้านายเลี้ยวขวาตามไป
รถสปอร์ตหรูหักเลี้ยวอย่างน่าหวาดเสียว นัยน์ตาคมกระตุกเมื่อมองเห็นท้ายรถมอเตอร์ไซต์คันเป้าหมาย มือที่บังคับพวงมาลัยรถกำแน่น ลมหายใจคล้ายหยุดนิ่งเพราะสิ่งที่สองตากำลังจ้องมองอยู่ในขณะนี้คือผู้ชายรูปร่างบอบบางในชุดดำสนิทรวมทั้งหมวกที่สวมอย่างต้องการปิดบังใบหน้านั้น นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซต์คันดังกล่าว
“นั่นใช่คุณหนูหรือเปล่าครับ” อังเดรถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
‘ไม่ใช่’ แซทตอบในใจ นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อลองพิจารณาผู้ชายคนนั้นดูอีกที ความรู้สึกก็บอกชัดว่าไม่ใช่ คนนั่นไม่ใช่ต้าร์!
เสียงโทรศัพท์ดัง อังเดรรับสายฟังคำรายงานจากพรรคพวก เมื่อเข้าใจแล้วก็รีบตัดสาย หันมารายงานเจ้านาย
“เรามีปัญหาแล้วครับ”
แซทหันมามอง ขมวดคิ้วยุ่ง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่า สถานการณ์ตอนนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาอาจจะเสียต้าร์ไป!
“สายเรารายงานว่าเห็นคุณหมอกับคุณหนูอยู่ในรถตู้ กำลังมุ่งหน้าไปสนามบินครับ”
“ไอ้เหี้ยเฟียซ มึงกล้าหลอกกู!”
แซทตะโกนลั่นรถอย่างโกรธจัด ก่อนพยายามกัดฟันข่มอารมณ์ ประคองสติหักพวงมาลัยรถเลี้ยวตรงทางแยกข้างหน้า ในใจกำลังกระอักกับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าเขาได้เสียท่าให้อีกฝ่ายแล้ว!


เสียงบีบแตรดังลั่นถนนอย่างไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทาง คนขับไม่ได้แยแสต่อความเดือนร้อนที่เกิดขึ้นซ้ำยังกระหน่ำทุบอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาคมตวัดมองกระจกที่ถูกเคาะ เจ้าของรถสปอร์ตหรูหลับตาแน่นครู่
นึงก่อนลืมตาและยื่นมือไปหยิบอาวุธสีดำเมื่อมข้างตัว กดปุ่มเลื่อนกระจกพอดีกับเสียงก่นด่าสาดเข้ามา
   “มึงจะบีบแตรทำไมวะ! ไม่เห็นเหรอว่ารถมันติดไฟแดงอยู่ จะรีบไปตายที่ไหน!”
   “กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู มึงไม่ต้องเสือก!”
   น้ำเสียงเหยียบเย็นมาพร้อมกับอาวุธปืนจ่อหน้าผากคนที่กล้ามาเข้ามาแส ซ้ำยังด่าอย่างไม่กลัวตาย ควินกดเสียงต่ำตั้งท่าเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเลจนคนถูกปืนจ่อตัวสั่นงันงก
   “ข…ขอ…ขอโทษครับพี่”
“รีบไสหัวไป!”
ตะคอกจนอีกคนสะดุ้งเฮือกลนลานวิ่งหนีอย่างกลัวตาย ควินหายใจลึกกดเลื่อนปิดกระจกรถ วางปืนไว้ตำแหน่งเดิม สัญญาณไฟเปลี่ยนสี รถข้างหน้าเคลื่อนตัว ควินรีบเหยียบเร่งความเร็วหวังให้ทันรถคันเป้าหมายซึ่งมองเห็นอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มขับปาดหน้ารถคันอื่นจนขึ้นมาเทียบกับรถคันเป้าหมายได้สำเร็จพอดีกับเสียงโทรศัพท์ดัง เจ้าตัวสบถขึ้นคำนึงก่อนกดรับสาย
“ว่าไง อะไรนะ!”
ฟังเสียงปลายสายบอกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะอารมณ์โกรธเดือดพล่าน ชายหนุ่มแทบจะขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้งเมื่อปลายสายสิ้นสุดการรายงาน
“แผนหลอกงั้นเหรอ”
ควินเค้นเสียง นัยน์ตาคล้ายเปลวเพลิงลุกโชน โมโหจนแทบอยากจะหยิบปืนมายิงระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก! รถคันเป้าหมายขับแซงขึ้นไป ชายหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนตบเกียร์เหยียบเร่งความเร็วขึ้นปาดหน้าอย่างไม่กลัวตายจนรถคันที่ถูกตามเบรคเสียงดังเอี๊ยดพร้อมกับที่รถหยุดนิ่ง เจ้าของรถหรูเปิดประตูก้าวจากรถพร้อมปืนที่ถือแนบลำตัว เดินหน้านิ่งตรงไปที่รถคันดังกล่าวและเหวี่ยงแขนอย่างแรงพาให้อาวุธปืนในมือฟาดเข้าถูกกระจกรถเสียงแตกดังเพล้ง
 “ลุงกูอยู่ไหน!”
ควินตะคอกถามชายคนขับรถ กวาดสายตามองห้องโดยสารที่ว่างเปล่า ปราศจากคนที่ต้องการตัว
 “มึงอยากตายหรือไง!” ควินเล็งปืนไปที่คนขับรถด้วยอารมณ์โกรธจัด
“ผมไม่รู้”
คนขับรถตอบเสียงเรียบพลางยักไหล่ประกอบอย่างหน้าซื่อ ดูไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
“มึงต้องรู้!” เสียงแข็งสวนกลับทันควัน
“ผมไม่รู้จริงๆ หน้าที่ของผมคือขับรถมาเส้นทางนี้ ถ้าพวกคุณตามผมมาและหยุดผมได้ ผมก็หมดหน้าที่ ซึ่งตอนนี้ผมก็หมดหน้าที่แล้ว”
ควินมองคนตรงหน้าอย่างสงบ ในหัวคิดตามคำพูดก่อนคิ้วจะกระตุก
“แต่มึงขับรถลุงกู”
“ผมได้รับคำสั่งให้ขับรถคันนี้” อีกฝ่ายตอบกลับรวดเร็ว
ควินกัดฟันข่มใจให้เย็นและลดปืนลงแนบลำตัวด้วยรู้ว่าต่อให้เค้นเอาความจริงจากคนตรงหน้าต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจากคำตอบก็รู้แล้วว่าคนคนนี้ได้รับคำสั่งมาเพียงเท่านี้จริงๆตามที่บอก และเขาไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่!


เสียงโทรศัพท์ดังทำให้คนที่ตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถสะดุ้ง ก่อนรีบรับสายเมื่อเห็นชื่อของที่โทรเข้ามา
“ว่าไงเฟียซ ตอนนี้เฟียซอยู่ไหน”
“พวกมันรู้แล้วว่าถูกหลอก แต่กูก็ล่อให้พวกมันขับตามมาไกลพอสมควร”
ปลายสายตอบกลับมา ได้ยินเสียงหอบหายใจแรง
“แล้วเฟียซปลอดภัยหรือเปล่า ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
ต้าร์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะแผนการที่เขาวางไว้มันเสี่ยงอันตรายจริงๆ
“กูโอเค แล้วทางมึงเป็นไงบ้าง พวกมันยังตามไม่เจอใช่มั้ย”
“ทางต้าร์ก็โอเค พวกเขายังไม่ตามมา แผนเราได้ผล”
“มึงอย่าเพิ่งวางใจ ต้องให้มึงไปเจอลุงหมอที่จุดนัดพบก่อน แผนเราถึงจะสำเร็จจริงๆ”
“อืม…งั้นเฟียซระวังตัวด้วยนะ”
“บอกตัวมึงเองเหอะ ขับรถดีดี อย่าประมาท ตอนนี้ GPS ยังติดอยู่ที่รถกู เดี๋ยวกูจะขับรถวนแถวนี้กวนพวกมัน”
“โอเค ขอบคุณนะเฟียซ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เฟียซทำให้ต้าร์มาตลอด”
“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องมาทำซึ้งตอนนี้ ยังไงมึงก็เพื่อนกู ชีวิตมึงต้องดีกว่านี้ต้าร์”
ได้ยินเสียงสตาร์จรถมอเตอร์ไซต์พร้อมกับที่สายถูกตัดไป ต้าร์ยิ้ม ในหัวยังคิดถึงหน้าเพื่อนสนิท ต่อให้เฟียซไม่อยากได้ยินคำขอบคุณ แต่เขาก็มีแค่คำนี้คำเดียวจริงๆที่ต้องการบอกเพื่อน
“ขอบคุณนะเฟียซ ขอบคุณจริงๆ ที่ต้าร์มีเฟียซเป็นเพื่อนมันเป็นเรื่องดีที่สุดในชีวิตของต้าร์จริงๆ”


เอี๊ยด!!!

เสียงห้ามล้อของรถสปอร์ตสองคันดังขึ้นพร้อมกัน เจ้าของรถหรูเปิดประตูก้าวจากรถด้วยใบหน้า
เดือดดาล เดินตรงไปที่กระโปรงหน้ารถBMWสีขาวซึ่งมีกลุ่มคนยืนรออยู่
“เกิดเรื่องเหี้ยอะไรขึ้น! บอกกูมา!”
แซทถามลูกน้องพลางเสยผมอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ได้รับรายงานล่าสุดเข้ามาว่าลุงหมอกับคนของเขาไม่ได้อยู่ในรถตู้คันนั้น พวกมันคือตัวปลอม!
“รถที่ขับเข้าไปในบ้านของเป้าหมายมีทั้งหมด10คัน แต่มีรถจอดอยู่ในบ้านก่อนแล้ว2คัน หนึ่งในนั้นคือรถของคุณหมอ รถทั้งหมดขับตามกันออกมาและแยกย้ายไปตามเส้นทางทั้งหมดนี้ครับ”
อะดอนิสรายงานเจ้านายพลางชี้บอกตำแหน่งบนแผนที่เส้นทางซึ่งมีจุดสีแดงกำกับไว้
“มึงจะบอกว่าฝ่ายนั้นใช้แผนสับขาหลอกพวกเรา”
ควินถามขึ้น แต่ในใจเชื่อไปแล้วว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง
“ใช่ครับ พวกเขาใช้คนและรถมาหลอกพวกเรา”
“พวกมึงมันโง่! ไหนบอกทำงานไม่เคยพลาด แล้วนี้อะไร ถูกเขาหลอก ไปแดกหญ้าแทนข้าวไป!”
แซทตะโกนไล่อย่างโกรธจัด มือสั่นจนควบคุมไม่อยู่
“พวกเราขอโทษครับบอส แต่ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าฝ่ายนั้นวางแผนมาแบบนี้ ที่เหลือเราก็แค่ระบุรถคันเป้าหมายให้ได้และจู่โจม” อังเดรพูดขึ้น ทำให้ทุกคนในทีมพยักหน้ารับ
“รู้ทะเบียนรถพวกนั้นหรือเปล่า” ควินถามพลางฉวยแผนที่มาดูเส้นทาง
“รู้ครับ” อะดอนิสตอบก่อนส่งรูปถ่ายป้ายทะเบียนรถทั้งหมดให้ทั้งควินและแซทคนละชุด
“งั้นก็แยกย้าย จำไว้ว่ากูต้องได้ตัวเป้าหมายภายในคืนนี้!”
แซทสั่งก่อนจุดบุหรี่สูบ อัดสารนิโคตินเขาร่างกายระบายความเครียด แม้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยในตอนนี้ มองดูลูกน้องแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเองและขับออกไปด้วยความเร็ว
“ลุงมึงไม่น่าเป็นหมอนะควิน วางแผนแหกตาพวกเราได้ขนาดนี้”
แซทถากถางถึงญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนสนิทอย่างข่มอารมณ์ไม่อยู่
“มึงคิดว่านี่เป็นแผนของลุงกูเหรอ” ควินย้อนถาม แสยะยิ้มเหี้ยม
“ถ้าไม่ใช่ลุงมึงแล้วจะเป็นใคร ก็ลุงมึงไม่ใช่เหรอที่คิดวางแผนพาต้าร์หนีตั้งแต่แรก”
“คนที่อยากหนีที่สุด คนที่อยากไปจากพวกเราตั้งนานแล้ว คนที่ไม่เคยรู้สึกเหี้ยอะไรกับกูและมึงเลย คนคนนั้นแหละที่คิดแผนนี้!” ควินสบตาเพื่อนก่อนเดินไปที่รถตัวเอง ทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งอยู่กับที่
แซทมองตามหลังรถของเพื่อนซี้ที่ขับออกไปไกลแล้ว ในใจคล้ายมีมือลึกลับมาบีบเคล้นมันจนแทบหายใจไม่ออก มันเจ็บปวดไปหมด
“มึงทำขนาดนี้เลยเหรอต้าร์ มึงอยากไปจากกูมากขนาดนี้เลยเหรอ”









----------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและการติดตามนะคะ  :mew1: ตอนนี้อ่านกันยาวๆเลย  :a5:
ใกล้จะจบแล้ว (จริงๆ)  :sad4: พยายามไม่ให้เกินอีก 3 ตอน แจ้งนิดนึงว่ามีตอนพิเศษนะคะ  :z1:
แพลนไว้ว่าไม่ 3 ตอน ก็ 5 ตอน ขอบคุณจริงๆสำหรับคนที่ยังติดตามมาถึงตอนนี้  :กอด1:
นิยายเรื่องนี้เดินทายาวนานจริงๆค่ะ  :katai4:






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4443 เมื่อ07-11-2015 23:57:14 »

ความสัมพันธ์ก็สูญสลายไปแล้ว... ทำไมถึงต้องตามสร้างความทุกข์อย่างไม่ลดละขนาดนี้ นี่หรือที่เรียกว่า ความรัก

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4444 เมื่อ08-11-2015 00:30:42 »

ขอให้ตาร์ทำสำเร็จ รำคาญแซทมากตรงนี้บอกเลย หนีให้ไกลจากคนแบบนี้
แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่ามาอยู่กับคนที่มันไม่เคยจำสึกอะไรหรือเอาแต่โทษคนอื่น
ไม่เคยย้อนมองดูตัวเองแบบนี้เลย ไม่ก็ชิงฆ่าตัวตายแล้วแกล้งตายให้มันเข้าใจผิดว่าเราตายแล้ว
คิดว่านี่คงเป็นทางเดียวละมั๊งที่ตาร์จะหนีจากสองคนนี้ได้

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4445 เมื่อ08-11-2015 01:37:18 »

เป็นเรื่องแรกที่ไม่อยากให้จบแบบแฮปปี้ อยากให้พวกพระเอกเจ็บมากๆ เจ็บเจียนตาย ให้เหมือนตายทั้งเป็น
ถ้าตอนจบจบแบบแฮปปี้รับไม่ได้อย่างแรง

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4446 เมื่อ08-11-2015 02:18:58 »

 :เฮ้อ: เหนื่อยเนอะ อ่านไปก็เหนื่อยใจไป
สงสารทั้งต้า ควิน และแซท
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทั้งๆที่อยากจะหนีไป ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าไม่ได้รักทั้งสองคนนั้น แล้วทำไม?ต้าถึงยังเอาสร้อย ที่ห้อยแหวน ที่แซทกับควินให้ มาสวมล่ะ
หรือลึกๆแล้วต้าอาจจะรักทั้งสองคนนั้นอยู่บ้าง...???
รอติดตามตอนต่อไปด้วยใจที่หน่วงๆค่ะ  :pig4:
 มาต่อเร็วๆน้าาาาา

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4447 เมื่อ08-11-2015 03:06:32 »

 :เฮ้อ: ไอ้พี่สองคนนี่คงสะกดคำว่า ใจเขาใจเราไม่เป็น หัวใจมันถึงได้ร้อนเป็นไฟหาความสุขไม่เจอ :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2015 06:30:14 โดย Ginny Jinny »

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4448 เมื่อ08-11-2015 10:04:34 »

ขอให้ต้าหนีให้พ้นสองคนนี้ทีเหอะะ!   :call:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4449 เมื่อ08-11-2015 20:42:47 »

ตามทันแล้ว!!

ต้าร์จะหนีได้ไหม

อยากให้จบแบบเข้าใจกันมากกว่า

ไม่อยากให้จบแบบเคล้าน้ำตา

รอนะจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
« ตอบ #4449 เมื่อ: 08-11-2015 20:42:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4450 เมื่อ09-11-2015 00:31:47 »

อยากให้จบแบบ unhappy ending จัง ให้ต้าหนีไปได้สักห้าปีแล้วค่อยมาเจอกัน แล้วค่อย happy ending อีกที

ออฟไลน์ miniminiXD

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4451 เมื่อ09-11-2015 19:37:39 »

อยากให้แฮปปี้เอ็นดิ้ง
แบบห่างกันไปสักพัก ให้โตพอที่จะเข้าใจชีวิตก่อน
แล้วค่อยกลับมาพบกันก็ได้น้า :m15:

ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4452 เมื่อ09-11-2015 20:01:45 »

แซทควินปล่อยต้าไปได้แล้วนะ จะจบแล้วบีบหัวใจเหลือเกิน :hao5:

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4453 เมื่อ09-11-2015 20:35:34 »

พออ่านมาถึงตรงนี้ก็ทำให้เริ่มคิดว่ามันจะเป็น bad end แบบไหนถ้าจะต่างคนต่างอยู่ไม่สมหวังกันมันก็อาจจะไม่ใช่เเล้วเพราะด้วยอำนาจของทั้ง 2 ก็เห็นเเล้วว่าถ้าเเค่อยากให้ต้าร์อยู่ข้างกายมันไม่ยากเกินไปเลยจับมาได้ง่ายๆอยู่แล้ว   เลยคิดว่ามีทางเดียวที่จะเเยกกันได้ คือ ตาย จากกันไปเลย แล้วตอนนี้ยิ่งเห็นต้าร์ขับรถอยู่เรายิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4454 เมื่อ09-11-2015 21:26:52 »

บอกเลยอ่ะกลัวมีคนตายยยยย โดยเฉพาะน้องต้าร์อ่ะ รู้สึกหวาดระแวงมากเลยเนี่ย น้องขับรถด้วยอ่ะ ถ้าต้าร์เป็นไร แซทกะควินคงบ้าไปเลย

ปวดหัวกะสองหน่อเนี่ยจริงๆ เฮ่อ ไม่ยอมเข้าใจอะไร แถมกลายเป็นเรื่องใหญ่ละ  ต้องยอมรับว่ามันไม่มีทางกลับมาได้เหมือนเดิมแล้วล่ะ  :เฮ้อ:

 :pig4:

ออฟไลน์ GGamy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4455 เมื่อ19-11-2015 22:24:11 »

ห่วยยย หกสิวกว่าตอนแล้วยังไม่ครบกันอีก
เวรกรรมของแกสามคนจริงๆ  :katai4: :katai1:

ออฟไลน์ PRINCESSPRIME

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4456 เมื่อ25-11-2015 23:16:45 »

จะจบแบบไหนไม่อยากคาดเดา
เตรียมตัว เตรียมใจ :sad4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4457 เมื่อ27-11-2015 08:36:45 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4458 เมื่อ07-12-2015 20:16:15 »

ลุ้นแทนต้าอ่า
ทำไมเรารู้สึกสะใจยังไงก็ไม่รู้ที่เห้นสองคนนั้นดิ้นพล่าน :katai2-1:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
«ตอบ #4459 เมื่อ07-12-2015 22:00:28 »

 :ling3: มาต่อเร็วๆเลยยยยยยยยยยยยยย  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 66 (100%) ] 7/11/58 : P.149
« ตอบ #4459 เมื่อ: 07-12-2015 22:00:28 »





ออฟไลน์ New-Y Holic

  • Your love is a lie
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +207/-5
    • https://www.facebook.com/pages/New-Y-Holic/352883328112176
HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4460 เมื่อ12-12-2015 22:46:46 »


HEARTBREAKER

67




การจราจรบนท้องถนนในช่วงเย็นติดขัดเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน ถนนสายหลักที่ใช้ในการเดินทางคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ ทั้งรถโดยสารส่วนบุคคล และรถโดยสารสาธารณะที่คอยขับบริการประชาชน อีกทั้งยังมีรถมอเตอร์ไซต์กลุ่มใหญ่ที่ต่างพากันขับซอกแซกไปตามช่องแคบระหว่างรถยนต์ที่จอดติดไฟแดงอยู่ ทีมปฏิบัติภารกิจแยกย้ายไปตามเส้นทางที่ระบุไว้ในแผนที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจเจ้านายเลือดร้อนทั้งสองคน ซึ่งตอนนี้ได้สั่งให้กำลังเสริมเข้ามาช่วยทีม โดยใช้มอเตอร์ไซต์ ยานพาหนะที่คล่องตัวและรวดเร็วมาใช้งานในสภาวะที่การจรจราติดขัดเช่นนี้
ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้ากับแสงแดดแผดร้อนบัดนี้กลับกลายเป็นสีเข้มมืดสนิทพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ลาจาก เวลาช่างผ่านไปเร็วอย่างน่าใจหาย เสียงบิดคันเร่งของซูเปอร์ไบค์ BMW S 1000 RR สีดำ Black Strom Metallic ราคาเหยียดคันละเกือบล้านบาทขับโฉมเฉียวอยู่บนถนนที่กำลังติดขัด ก่อนค่อยๆชะลอความเร็วและจอดนิ่งในที่สุด คนขับถอดหมวกกันน็อคระบายลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด นัยน์ตาคมมองสัญญาณไฟที่กำลังขึ้นสีแดงก่อนหันไปมองรอบตัว โฟกัสสายตาไปที่ป้ายทะเบียนรถ แม้ว่าตอนที่ขับผ่านมาจะตรวจดูผ่านตามาแล้วก็ตาม
“คันไหนกันแน่วะ”
เจ้าตัวบ่นอย่างร้อนใจที่ตามหาเป้าหมายไม่เจอสักที ในใจหวาดกลัวไปต่างๆนาๆว่าคนสำคัญที่กำลังตามหาจะจากไปไกลโดยที่เขาไม่สามารถคว้าตัวไว้ได้ แต่ขณะที่ความคิดกำลังสับสนวุ่นวาย เสียงโทรศัพท์ก็ส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีสายโทรเข้า ชายหนุ่มรีบรับสายโดยคุยผ่านอุปกรณ์บลูทูธ
“ว่าไง”
“เราเจอปัญหาอีกอย่างแล้วครับคุณควิน”
แค่ได้ยินคำว่าปัญหา ชายหนุ่มก็สบถลั่นพอดีกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสี เสียงเข้มสั่งคำก่อนสวมหมวกกันน็อคกลับเข้าที่ บิดคันเร่งพาซูเปอร์ไบค์พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว
“บอกปัญหาของมึงมา แล้วรีบไสหัวไปตามเมียกูให้เจอ!”

ซูเปอร์ไบค์ BMW S 1000 RR  สีแดง Racing Red ที่ตัดด้วยสีขาว Light White ขับเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมันซึ่งเป็นจุดนัดพบกะทันหันของคนในทีม ร่างสูงถอดหมวกกันน็อคก่อนลงจากรถด้วยใบหน้านิ่งขรึม หากแต่นัยน์ตาดุคมอัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราดและพายุอารมณ์ที่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นไว้ ลูกน้องในทีมส่วนนึงลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัวเมื่อเจ้านายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้า
“ว่ามา กูไม่อยากเสียเวลา” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพลางจ้องไปที่คนรายงานเขม็ง
“นอกจากแผนใช้รถมาหลอกพวกเรา อีกฝ่ายยังใช้แผนปลอมตัวด้วยครับ”
“ปลอมตัว” ร่างสูงเอ่ยทวน คิ้วกระตุก พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ครับบอส มีคนปลอมตัวเป็นคุณหนูขับรถไปตามเส้นทางที่เราระบุไว้ เพื่อหลอกให้เราหลงกล”
อังเดรรายงานเจ้านายหนุ่มพลางชี้ไปตามเส้นทางในแผนที่ประกอบด้วย
“ไอ้ควินรู้เรื่องหรือยัง” แซทถามถึงเพื่อนสนิทที่แยกกันไปคนละเส้นทาง
“คุณควินทราบแล้วครับ เราโทรไปรายงานแล้ว”
แซทเสยผมอย่างหงุดหงิดที่สถานการณ์ดูจะไม่เป็นใจให้ฝ่ายเขา
“ไม่ต้องห่วงนะครับบอส เราต้องหาตัวคุณหนูให้เจอให้ได้” อังเดรบอกอย่างให้กำลังใจเจ้านาย
“คืนนี้…กูต้องได้ตัวต้าร์ภายในคืนนี้” เอ่ยสั่งเสียงเข้ม
เสียงหัวใจคล้ายจะเต้นช้าลงทุกขณะ ด้วยกลัวว่าจะพรากจากคนสำคัญในชีวิต
‘อย่าหนีไปเลยต้าร์…กูใจจะขาดอยู่แล้ว’

แสงไฟหน้ารถส่องสว่างให้เห็นถนนเบื้องหน้า นัยน์ตากลมโตมองฝ่ากระจกเห็นแสงไฟของรถคันอื่นก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ไม่คิดว่าการเดินทางจะใช้เวลานานขนาดนี้ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว แต่ตอนนี้รถยังติดแหง็กอยู่ เจ้าตัวส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจก่อนซบลงกับพวงมาลัยรถ
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกรถทำให้คนที่คิดจะพักสายตาสักครู่สะดุ้งรีบหันไปมองตามเสียง เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กยื่นหน้ามาแนบกระจกพร้อมชูพวงมาลัยขึ้นให้ดู รอยยิ้มหวานจึงเผยออกมาพร้อมกับที่มือกดเลื่อนกระจกรถ
“สวัสดีค่ะ พี่ช่วยซื้อพวงมาลัยหนูหน่อยได้มั้ยคะ เหลือแค่ 3 พวง ช่วยซื้อหน่อยนะคะ นะคะพี่”
เสียงใสๆกับใบหน้ามอมแมมทำให้ต้าร์นึกเอ็นดูปนสงสารก่อนพยักหน้าให้เด็กน้อย
“ได้สิครับ งั้นพี่เหมาหมดเลยเนอะ”
บอกพร้อมเปิดกระเป๋าหยิบแบงก์ร้อยยื่นให้แล้วรับพวงมาลัยที่เหลือมา
“ขอบคุณค่ะพี่” เด็กน้อยยกมือไหว้พลางยิ้มกว้างให้อย่างดีใจที่ขายพวงมาลัยหมด
ต้าร์ยิ้ม มองตามเด็กน้อยวิ่งไปไกลสายตา แต่จังหวะที่จะกดกระจกรถปิดกลับรู้สึกว่ามีสายตาคู่
นึงมองมา พอหันไปดูก็เห็นว่ามีผู้ชายคนนึงซึ่งขับซูเปอร์ไบค์กำลังจ้องมาที่ตน ต้าร์ชะงักก่อนรีบกดเลื่อนกระจกรถ ในใจเต้นรัวด้วยรู้แล้วว่าตัวเองถูกจับได้
   ‘อีกฝ่ายเจอตัวเขาแล้ว’
   ในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจ สัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนสี รถทยอยกันเคลื่อนตัว ต้าร์รีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านตั้งสมาธิกับการขับรถ เหยียบเร่งความเร็วอย่างต้องการหนีการตามล่าของอีกฝ่ายให้พ้น แต่ทว่าพอหันไปมองกระจกด้านข้างอีกครั้ง ซูเปอร์ไบค์คันที่ขับตามมากลับเพิ่มจำนวนขึ้นอีกสองคัน! นัยน์ตากลมเบิกกว้าง มือที่จับบังคับพวงมาลัยรถเริ่มสั่นจนต้องพยายามควบคุมลมหายใจ บอกตัวเองให้ใจเย็นและตั้งสติ เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นท่ามกลางภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่ เจ้าตัวไม่มีเวลารับสายได้แต่มองตรงไปข้างหน้าและเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุด
   บรื้น…บรื้น
เสียงดังของซูเปอร์ไบค์ใกล้เข้ามาราวกับจะบอกว่าตามทันแล้วยิ่งทำให้คนที่กำลังลนลานตกใจเข้าไปใหญ่ นัยน์ตากลมมองกระจกข้างทั้งซ้ายขวา อยู่ไม่สุขจนขับรถส่ายไปมา ส่งผลให้คนที่ขับรถตามมาต้องบีบแตรเตือนอย่างเป็นห่วง
“ต้าร์! จอดรถ!”
เสียงตะโกนดังลั่นถนน หากแต่เจ้าของชื่อตอนนี้ทำได้เพียงเม้มปากแน่นมองดูซูเปอร์ไบค์สองคันกำลังขับแซงรถตัวเองขึ้นไปพร้อมกับสัญญาณมือที่สั่งให้เขาจอดรถ
“โธ่เว้ย!” แซทสบถเมื่อมองรถที่สั่งให้จอดขับแซงขึ้นมาราวกับคนขับกำลังตื่นกลัว
ควินเห็นท่าไม่ดีด้วยกลัวว่าคนสำคัญจะเป็นอันตรายจึงส่งสัญญาณให้เพื่อนรับรู้ว่าไม่ต้องขับแซง ให้ชะลอความเร็ว และขับตามหลังไป
“พี่ควิน พี่แซท”
ต้าร์เรียกชื่อชายหนุ่มทั้งสองคนราวกับคนละเมอ เมื่อเห็นเต็มตาว่าทั้งคู่กำลังขับรถไล่ตามหลังมา
“ควิน! ต้าร์ไม่ยอมจอดแน่ จะทำไงวะ!” แซทตะโกนถามเพื่อนอย่างร้อนใจ
ควินกัดฟันแน่นมองท้ายรถญี่ปุ่นคันเล็กอย่างคิดไม่ตก ตอนนี้คนในรถคงกำลังตื่นกลัว ยิ่งขับรถคนเดียว ยิ่งเป็นอันตราย นัยน์ตาคมมองเห็นทางข้างหน้าเป็นทางแยกและรถกำลังติดไฟแดงอยู่จึงตะโกนตอบเพื่อนไป
“บอกให้คนของเราไปดักที่ทางแยกข้างหน้า”
“ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ”
ร่างเล็กขอร้องผ่านเสียงแผ่วเบา นัยน์ตากลมมองเห็นทางแยกข้างหน้าก่อนมองไปที่กระจกข้าง ตัดสินใจในวินานั้นหักพวงมาลัยเลี้ยว
เอี๊ยด!
เสียงห้ามล้อดังก้องเมื่อเบื้องหน้าเต็มไปด้วยฝูงซูเปอร์ไบค์จอดเรียงเป็นแถวขวางถนนอยู่อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ต้าร์หอบหายใจแรงมองไปข้างหน้าอย่างคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำถึงขนาดนี้ ทำเกินไปแล้ว!
รอยยิ้มดีใจฉายชัดอยู่ใบบนหน้าอาบเหงื่อของสองหนุ่มเมื่อมองเห็นว่ารถคันเป้าหมายจอดนิ่งอยู่ข้างหน้า ทั้งคู่รีบชะลอความเร็วก่อนจอดรถขนาบข้างรถญี่ปุ่นคันเล็กทั้งซ้ายและขวา สองหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อคก่อนเดินตามกันไปที่รถยนต์ฝั่งคนขับ ในใจของทั้งคู่ต่างกู่ร้องอย่างดีใจที่ในที่สุดก็พบคนสำคัญ หลังจากเสียเวลามาทั้งวัน
ก็อกๆๆ
“ต้าร์ เปิดประตู”
แซทเคาะกระจกรถพลางส่งเสียงเรียก แต่คนในรถกลับนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ด้วยเพราะกระจกรถติดฟิล์มดำทำให้มองไม่เห็นคนในรถ ชายหนุ่มจึงหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างขอความเห็น
ก็อกๆๆ
“ต้าร์ เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ควินเคาะกระจกรถพลางตะโกนสั่ง แนบหน้าติดกระจกพยายามเพ็งสายตามอง เห็นใบหน้าของคนในรถอยู่ลางๆ
“ทำไมต้าร์ไม่เปิดวะ” แซทถามอย่างร้อนใจ
“คงกำลังตกใจอยู่”
ควินบอกอย่างปลอบใจเพื่อนและตนเอง แม้จะหงุดงงว่าเพราะเหตุใดคนในรถจึงไม่ยอมเปิด แต่ก็คิดว่าอาจเพราะเจ้าตัวกำลงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
ก็อกๆๆ
“ต้าร์ เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ต้าร์ กูสั่งให้มึงเปิด!”
แซทเคาะกระจกรถรัวเร็วพลางตะโกนสั่ง นัยน์ตาคมแข็งกร้าวขึ้นเพราะในใจหวาดกลัวว่าคนในรถอาจกำลังคิดหาวิธีหนีอยู่
“มึงถอยไป”
ควินบอกพลางดันเพื่อนออกห่าง ชายหนุ่มสูดหายลึกก่อนค่อยๆผ่อนออกมาอย่างใจเย็น ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลก็คงต้องลองใช้ไม้อ่อน
“ต้าร์ ขอร้อง เปิดประตู ลงมาคุยกันก่อน” ควินส่งเสียงทุ้มนุ่มบอกอย่างประนีประนอม
ได้โปรด…กูยอมมึงทุกอย่างแล้ว ขอแค่อย่าหนีกูไปอีกเลย

พวกเขาไม่ยอมปล่อยผมไป ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนพวกเขาก็ไม่ยอม ผมน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าไม่มีทางสู้พวกเขาได้ แต่จะให้ผมยอมแพ้แล้วกลับไปอยู่ในกรงขังของพวกเขาเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ แล้วสิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมทุ่มเท ตั้งใจ และลงมือทำมาทั้งวันนี้ เพื่ออะไร? ไหนจะคนที่คอยช่วยเหลือผม ทั้งพี่เนส เฟียซ ลุงหมอ และยังมีลูกน้องของลุงหมออีก คนพวกนี้ช่วยเหลือผมก็เพื่ออยากให้ผมเป็นอิสระไม่ใช่หรือ จะให้ผมเปิดประตูลงจากรถเพื่อให้พวกเขาจับตัวผมกลับไป แล้วอิสระของผมล่ะ จะไม่ให้ผมได้อะไรสักอย่างบ้างเลยหรือ ผมแค่อยากมีชีวิตที่เป็นของผม ผมแค่อยากได้ชีวิตของผมคืน ผมขอแค่นี้เอง
ก็อกๆๆ ครืน…ครืน…
เสียงเคาะกระจกรถกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาพร้อมกัน ผมเลือกที่จะสนใจเครื่องมือสื่อสารมากกว่าพวกเขา
“ครับลุงหมอ”
“ต้าร์อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงร้อนรนของลุงหมอถามกลับมา ท่านคงเป็นห่วงผมมาก
“ผมถูกพวกเขาจับได้แล้วครับ” ผมบอกอย่างอ่อนแรง ปลายสายเงียบไป
“แล้วตอนนี้ต้าร์อยู่ไหน ลุงจะไปหา ลุงจะคุยกับพวกมันเอง”
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ยังไงพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยผมไป”
“ต้าร์…”
“ลุงหมอครับ ฝากบอกพี่เนสกับเฟียซด้วยว่าผมขอโทษ”
ผมบอกท่านก่อนตัดสาย ปิดเครื่องแล้วโยนทิ้งไว้เบาะข้าง หันไปมองกระจกรถ ดูผู้ชายสองคนที่กำลังแสดงอาการหงุดหงิดอยู่ข้างนอก พวกเขาสลับกันเคาะกระจกรถ พยายามแนบหน้าติดกระจกส่องผมจากด้านนอก พวกเขาคงใกล้บ้าเต็มทีที่ผมไม่ยอมเปิดประตูออกไปตามคำสั่ง ผมหลับตาพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็ง ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น จากเย็นจนมืดค่ำ ผมยังผ่านมาได้ อีกแค่นิดเดียวผมก็จะทำสำเร็จ แค่นิดเดียวเท่านั้น ต่อให้ไปไม่ถึงปลายทาง ผมก็ไม่ยอมกลับไปกับพวกเขา!
ผมลืมตา ตัดสินใจกดเลื่อนกระจก ทันทีที่กระจกเลื่อนลงจนสุดพวกเขาก็รีบโผล่หน้าเข้ามาใกล้ ผมมองดูใบหน้าชื้นเหงื่อของพวกเขา คงเหนื่อยมากสินะที่ไล่ตามผม
“เปิดประตู” พี่แซทสั่งผมเสียงเข้ม
“พวกพี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ”
ผมไม่สนใจคำสั่ง ถามพวกเขากลับ มองสบนัยน์ตาคมดุดันอย่างไม่คิดหลบ
“กูทำได้ทุกอย่างเพื่อหยุดมึง บอกแล้วไงว่ากูจะไม่ยอมปล่อยมึงไป” พี่ควินตอบกลับมา
ผมแสยะยิ้มกับความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ผมตัวคนเดียวท่ามกลางคนมากมาย ซึ่งก็คือลูกน้องของพวกเขา เหมือนผมเป็นลูกไก่ซึ่งกำลังดิ้นรนขัดขืนอยู่ในอุ้งมือของพวกเขา จะบีบก็ตายต่อให้คลายผมก็ไม่รอด แต่ถ้าผมจะตาย ผมก็ขอเลือกวิธีของผมเอง!
“สั่งให้คนของพวกพี่ถอยไปเถอะครับ”
“ถึงขนาดนี้แล้วมึงยังจะกล้าหนีไปไหนอีก!” พี่แซทระเบิดอารมณ์ เขาเอื้อมมือมาจับแขนผมดึงไว้
“ปล่อยผม”
“ไม่ปล่อย”
เราจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมหันไปมองพี่ควิน สีหน้าเขาดูวิตกกังวล คงกำลังคิดหาวิธีหว่านล้อมให้ผมยอมใจอ่อน
“แซท ปล่อยต้าร์” พี่ควินหันไปบอกเพื่อน
ผมยิ้มที่เดาความคิดเขาถูก นึกสนุกที่ได้เห็นพวกเขาทะเลาะกันเอง แต่เชื่อผมสิ พี่แซทไม่ยอมหรอก เขาโมโหจนกู่ไม่กลับแล้ว
“กูไม่ปล่อย!”
นั่นไง ผิดจากที่คิดมั้ยล่ะ ผมอยู่กับพวกเขามานานจนรู้ถึงสันดานของพวกเขาแล้ว!
“อยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก พวกพี่มีความสุขเหรอครับ”
ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ผมกำลังเติมเชื้อไฟให้ลุกโหมขึ้น
“ต่อให้มึงไม่รักกู มึงก็หนีกูไม่พ้น!” พี่แซทตะคอกใส่ผมทั้งนัยน์ตาที่กำลังสั่นไหว
ผมรู้ เขากำลังเจ็บ เจ็บที่ใจ เจ็บกับคำพูดผม แต่ต่อให้เขาเจ็บมากแค่ไหน ผมก็ไม่เปลี่ยนใจ
“พี่ควินจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ”
ผมถามแหย่คนที่กำลังยืนนิ่งมองหน้าผมอยู่ นัยน์ตาคมของเขานิ่งสนิท มันเหยียบเย็นจนผมหวาดกลัว
“ยั่วโมโหพวกกูแล้วได้อะไร จะถ่วงเวลาเหรอ ใครจะมาช่วยมึงได้” พี่ควินแสยะยิ้มอย่างเป็นต่อ
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เปล่าเลย ผมไม่ได้ถ่วงเวลา ผมรู้ ไม่มีใครมาช่วยผมได้ทั้งนั้น พวกเขาคงสั่งให้ลูกน้องตามประกบฝ่ายผมหมดแล้ว
“ผมแค่อยากมองหน้าพวกพี่ อยากจำสีหน้าและแววตาของพวกพี่ อยากได้ยินเสียงพวกพี่เป็นครั้งสุดท้าย” ผมบอกพวกเขาด้วยรอยยิ้ม พวกเขาชะงักไป แต่ผมก็ยังยิ้มให้พวกเขาเหมือนเดิม
“มึงจะทำอะไรต้าร์”
พี่ควินจ้องตาผม นัยน์ตาคมเริ่มสั่นไหว ผมมองเห็นความหลวดกลัวในแววตาของเขา
“ในเมื่อพวกพี่ไม่ยอมปล่อยผมไป ผมก็จะหาทางไปของผมเอง”
ผมใช้มืออีกข้างกดปิดกระจก ไม่สนใจว่ากำลังถูกพี่แซทดึงแขนอีกข้างไว้ ผมหน้าพวกเขา พวกเขาก็มองหน้าผม จนกระจกรถเลื่อนขึ้นสูงพี่แซทก็ยอมปล่อยมือ
ก็อกๆๆ
“ต้าร์! เปิดประตู คุยกันก่อน”
“ต้าร์! กูขอร้อง เปิดประตู”
“ขอโทษครับ…ผมถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว”
พวกเขารีบโบกมือไล่ให้พรรคพวกที่จอดรถขวางทางอยู่ออกไปเมื่อผมเร่งเครื่องยนต์ทำท่าจะขับพุ่งเข้าใส่ ใช้เวลาไม่นานเบื้องหน้าก็กลายเป็นถนนว่างเปล่าปราศจากสิ่งกีดขวาง ผมไม่ได้หันไปมองพวกเขา รีบขับรถตรงไป ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ซูเปอร์ไบค์ขับตามไล่หลังมา แต่ผมก็ยังมองตรงไปข้างหน้า ไม่รู้ตอนไหนที่น้ำตาไหลออกมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ทางข้างหน้าเริ่มพร่ามั่ว ผมได้แต่กล่าวขอโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขอโทษที่ผมทำไม่สำเร็จ แต่ต่อให้ผมหนีพวกเขาไม่พ้น ผมก็ไม่ยอมกลับไปอยู่ในกรงขังของพวกเขาอีกแล้ว

เสียงร้องเตือนในใจเร่งให้สองหนุ่มรีบขับรถตามมา ทั้งคู่ไม่กล้าขับแซง ได้แต่ขับไล่ตามหลังมองดูรถญี่ปุ่นคันเล็กข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ทั้งหวาดกลัว ทุกความรู้สึกกำลังตีรวนอยู่ในหัวใจ เพราะประโยคที่อีกฝ่ายพูดไว้และรอยยิ้มที่ให้กันมันแปลกไป
ลางสังหรณ์ไม่ดีกำลังก่อกวนสมาธิของพวกเขา ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าฉายชัดอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มหวานของคนที่พวกเขารัก แต่กลับแฝงความเศร้าอย่างน่าใจหาย ราวกับอีกฝ่ายจะบอกพวกเขาทางอ้อมว่า รอยยิ้มนั้น…จะไม่มีให้พวกเขาอีกแล้ว
แม้ไม่อยากคิดในแง่ร้าย แต่ใจก็อดคิดไม่ได้ เพราะอยู่ห่างไกลกันแบบนี้ พวกเขาไม่อาจคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้เลย ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้คนใจแข็งยอมใจอ่อนกลับมาหาพวกเขาแต่โดยดี
ได้โปรดเถอะ…ได้โปรดกลับมา

‘จะโกรธกูแค่ไหน จะเกลียดกูมากยังไงก็อย่าไปจากกู’
‘มึงอยู่ได้ถ้าไม่มีกู แต่กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง’
‘กูรักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากมึง’
ผมยิ้มกับคำพูดในวันวานของพวกเขา ความในใจที่พวกเขายอมพูดมันออกมา ผมเชื่อว่าพวกเขาพูดมันออกมาจากใจ เชื่ออย่างไม่มีข้อแม้
‘ผมไม่ได้โกรธพี่ ไม่ได้เกลียดพี่ แต่ผมก็อยากไปจากพี่’
‘ผมอยู่ได้ถ้าไม่มีพี่ แต่พี่ก็ต้องอยู่ให้ได้ถ้าไม่มีผม’
‘สักวันหนึ่ง พี่ต้องรักคนอื่นนอกจากผม’
ผมตอบพวกเขาในใจ จับสายสร้อยที่ห้อยคอ ลูบแหวนสองวงทั้งรอยยิ้ม
“ขอบคุณและขอโทษครับพี่ ความผิดนี้ผมขอรับไว้เอง”
น้ำใสบดบังดวงตา ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน ผมปลดเบลล์ ค่อยๆปล่อยมือออกจากพวงมาลัยรถ กุมสร้อยไว้ในมือแน่น
‘จากนี้ไป ผมจะไม่รับรู้ ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว ผมจะไปอยู่กับสิ่งที่เฝ้ารอมาตลอด อิสระ…ตลอดกาล’

โครม!!!

เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ราวกับภาพหลอน ราวกับฝันร้าย ราวกับไม่ใช่เรื่องจริง ทั้งเสียงกรีดร้อง ทั้งเสียงตะโกนลั่น ทั้งเสียงดังกัปนาทกึกก้องไปทั้งถนน แม้ไม่อยากเชื่อสายตา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันคือเรื่องจริง ร่างกายสูงใหญ่ของพวกเขาคล้ายถูกสตาฟฟ์ไว้ สองขาพลันอ่อนแรง สองมือก็สั่นไหว ทั้งตัวมันสั่นไปหมด เสียงที่ตะโกนออกไปเหมือนสูบกำลังพวกเขาไปทั้งตัว หรือนี่คืออาการช็อค
“บอส! คุณควิน!”
อังเดรกับอะดอนิสรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มและเพื่อนสนิทของเจ้านาย ทว่าคนถูกเรียกทั้งสองกลับเดินเซตรงไปข้างหน้าราวกับคนละเมอ ซูเปอร์ไบค์ทั้งสองคันถูกทิ้งไว้กลางทางอย่างไม่สนใจรวมทั้งหมวกกันน็อคที่กลิ้งอยู่บนพื้น บอดี้การ์ดหนุ่มมองใบหน้าของทั้งคู่แล้วก็พูดไม่ออก ความโศกเศร้าบนใบหน้าและน้ำตาที่ไหลออกมาบอกชัดว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ใด
“เกิดอะไรขึ้น!”
เสียงตะโกนไล่หลังตามมา อังเดรกับอะดอนิสหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณหมอลุงของควิน
“ไม่จริง…ต้าร์!” ผู้อาวุโสก้าวตรงมาทั้งดวงตาเบิกกว้าง
“รถพยาบาลกำลังมาครับ” อังเดรบอกคุณหมอที่ยืนนิ่งไป คาดว่าคงช็อกไปชั่วขณะ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
“คุณหมอครับ! คุณหมอ!”
อังเดรร้องเรียกคนที่มีศักดิ์เป็นหมอที่ตอนนี้กำลังวิ่งไปที่เกิดเหตุ บอดี้การ์ดหนุ่มรีบวิ่งตามไปเมื่อเห็นว่าร่างสูงของเจ้านายและเพื่อนสนิทของเขากำลังวิ่งไปที่เกิดเหตุแล้วเช่นกัน พวกเขาคงได้สติกันแล้ว
“ต้าร์! ต้าร์!”
“ถอยออกไป! พวกมึงถอยออกไปให้หมด!”
สองหนุ่มร่างสูงกระโจนเข้าหากลุ่มคนมุ่งในที่เกิดเหตุพลางผลักดันออกด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด
“ต้าร์…กูมาแล้ว ต้าร์!”
แซทตะโกนเรียกคนในรถอย่างคลุ้มคลั่ง สองมือก็พยายามจับดึงประตูรถออกแต่มันกลับไม่ขยับ
“อย่าหลับตาแบบนี้ ได้โปรด”
ควินเอ่ยเสียงแผ่วพลางยื่นมือข้ามกระจกรถที่แตกร้าวไปสัมผัสใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
“ดึงไม่ออก กูดึงไม่ออก ควินมึงมาช่วยกูที มาช่วยกูหน่อย”
แซทหันไปขอความเหลือจากเพื่อนทั้งนัยน์ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลหยดอาบใบหน้า
“ต้าร์…ลืมตาสิ ต้าร์…ตอบหน่อย พูดกับกูหน่อยต้าร์”
ควินไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ชายหนุ่มลูบแก้มคนรักทั้งดวงตาที่พร่ามัวเพราะน้ำตาบดบัง
“ถอยออกไป! ควินแซท พวกแกถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
คุณหมอที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยตะคอกสั่งหลานชายและเพื่อนของเขา แต่ทั้งคู่กลับไม่สนใจ ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
“พวกคุณถอยออกไปก่อนครับ”
เจ้าหน้าที่หลายนายบอกพลางช่วยกันดึงสองหนุ่มออกห่างจากที่เกิดเหตุ
“อย่ามายุ่ง! กูจะช่วยเมียกู!”
แซทสะบัดตัวออก ตะคอกใส่อย่างคนสติหลุด ตั้งท่าจะวิ่งกลับไปดูคนรักแต่ถูกอังเดรล็อคตัวไว้
“ปล่อยกู! มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”
“ใจเย็นๆครับบอส ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังช่วยคุณหนูออกมาจากรถ บอสต้องอยู่ตรงนี้ก่อน ให้พวกเขาได้ทำงาน” อังเดรพยายามบอกเจ้านายหนุ่มให้สงบสติอารมณ์
“ต้าร์…ต้าร์อยู่ในรถ เอาออกมา รีบเอาต้าร์ออกมา!” แซทบอกเสียงสั่นก่อนทรุดฮวบลงกับพื้น
“บอส!” อังเดรร้องเรียกเจ้านายอย่างตกใจ อะดอนิสเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยเพื่อน ทั้งคู่ช่วยกันพยุงเจ้านายขึ้น
“ต้าร์…ต้าร์…” ควินที่ถูกจับเหวี่ยงออกมาอีกทางตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไป
“ควิน! แกเข้าไปไม่ได้!”
คุณหมอดึงแขนหลานชายไว้ กระชากให้ร่างสูงหันมามองหน้ากัน พอเห็นสภาพของหลานเต็มตา คำต่อว่าที่ตั้งใจจะด่าก็เก็บกลืนมันลงคอ มืออวบอูมอีกข้างยกขึ้นลูบบ่ากว้างอย่างจะเรียกสติหลานกลับมา
“รถพยาบาลกำลังมา ต้าร์ต้องไม่เป็นไร”
บอกอย่างให้กำลังใจ แต่หลานชายกลับร้องไห้ออกมาพร้อมกับค่อยๆทรุดลงอย่างหมดแรงจะยืนไหว คนเป็นลุงรีบคว้าตัวหลานไว้
“ช่วยต้าร์ด้วย ผมขอร้อง ช่วยต้าร์ด้วย” ควินเงยหน้าบอกลุงทั้งน้ำตา
คนมองได้แต่สลดใจกับภาพตรงหน้า ไม่มีอีกแล้วหลานชายผู้เก่งกาจในวันวาน ตอนนี้ตรงหน้าเขาคือเด็กผู้ชายคนนึงที่กลัวว่าจะเสียคนรักไป
“ลุงต้องช่วยอยู่แล้ว อย่าห่วงเลย”
บอกพลางลูบหัวหลานอย่างสงสารจับใจ พอดีกับเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังใกล้เข้ามา คุณหมอประคองหลานชายลุกขึ้นพาเดินไปหาลูกน้องที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างๆ
“พาไปขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่โรงพยาบาล คุมให้อยู่ อย่าให้อาละวาด”
สั่งคำเสียงเข้มก่อนส่งตัวหลานให้ลูกน้องนำตัวไปขึ้นรถ ส่วนตัวเองรีบวิ่งไปที่รถพยาบาล
“คนเก่งของลุงต้องปลอดภัย อย่าเป็นอะไรนะต้าร์ ลุงขอร้อง”

ทันทีที่รถขับมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างช่วยกันเคลื่อนย้ายตัวผู้ประสบอุบัติเหตุลงจากรถ คุณหมอหรืออีกฐานะนึงคือเจ้าของโรงพยาบาลเดินเคียงข้างเตียงที่กำลังถูกเข็นอย่างเร่งรีบเพื่อต้องการช่วยชีวิตคนป่วยอย่างเร็วที่สุด ทีมแพทย์ที่เตรียมการผ่าตัดยืนรออยู่นอกห้องหลังจากที่ได้รับแจ้งว่ามีเคสด่วนคือผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กำลังเดินทางมาถึง พอเตียงถูกเข็นเข้าห้อง ผอ.โรงพยาบาลก็พยักหน้าให้ทีมแพทย์อย่างจะฝากให้ช่วยดูแลต่อด้วย
“ลุงหมอ! เกิดอะไรขึ้นครับ ต้าร์เป็นอะไร น้องผมเป็นอะไร!”
เนสวิ่งเข้ามาหาผู้อาวุโสพร้อมกับเฟียซทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตา หลังจากที่ได้รับแจ้งข่าวจากลูกน้องของลุงหมอ
“เนสใจเย็นๆ ทำใจดีดีนะ ตอนนี้ต้าร์เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง! ใครทำน้องผม พวกมันใช่มั้ย!”
“เนสฟังลุงนะ มันเป็นอุบัติเหตุ รถต้าร์คว่ำ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น”
“ต้าร์…ต้าร์ ฮือ…” เนสร้องไห้ปานจะขาดใจทำท่าจะทรุดจนเฟียซต้องรีบเข้ามาประคอง
“พาเนสไปนั่งพักก่อน” ลุงหมอบอกพลางพยักหน้าให้เด็กหนุ่มร่างสูง

“คุณยายช่วยต้าร์ด้วย ได้โปรดช่วยต้าร์ด้วย”
เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มที่ถูกการ์ดช่วยพยุงเดินทำให้คนเป็นยายน้ำตาไหล มืออวบอูมเอื้อมไปจับมือหลานชายไว้ บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“ไม่ต้องกลัวนะลูก หนูต้าร์ต้องปลอดภัย น้องไม่เป็นอะไรหรอก”
“เลือด…ต้าร์เลือดออก ผมเห็นเลือดเต็มตัวต้าร์ไปหมด”
ควินยกมืออีกข้างขึ้น มองมันราวกับภาพหลอน น้ำตาไหลเป็นทางเมื่อคิดถึงตอนที่ตัวเองลูบใบหน้าขาวซีดของคนรัก
“โธ่ลูก อย่าเป็นอย่างนี้ได้มั้ย” คุณยายมองหน้าหลานชายด้วยความสะเทือนใจ
“ลุงหมอ พาฉันไปหาลุงหมอเดี๋ยวนี้!” ควินตะคอกใส่คนที่ประคองตัวเองอยู่ นัยน์ตาแดงก่ำ
แข็งกร้าวขึ้น ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้คนมองต่างตกใจ
“ควิน…”
“ผมจะไปหาลุงหมอ!”

“ดอนครับ”
อังเดรกับอะดอนิสเดินเข้าไปรับผู้เจ้านายใหญ่ที่หน้าโรงพยาบาลซึ่งลงจากรถมาพร้อมกับภรรยา
“แซทเป็นไงบ้าง” มาดามเอ่ยถามอาการของลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“นอนอยู่ในห้องพักครับ คุณหมอฉีดยาให้”
อังเดรรายงานสั้นๆ ไม่ได้เล่าถึงสาเหตุว่าทำไมเจ้านายหนุ่มถึงต้องโดนจับฉีดยา
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมรถหนูต้าร์ถึงคว่ำได้”
สองบอดี้การ์ดเหลือบมองหน้ากันอย่างกระอักกระอวนใจที่จะตอบคำถามของมาดาม
“มีอะไร”
ดอนอัลแบร์โตเอ่ยถามเสียงเรียบ ทว่าคนเป็นลูกน้องย่อมรู้ดีว่าพวกเขาต้องตอบอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และต้องตอบไปตามความจริงด้วย
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุครับ คุณต้าร์ตั้งใจฆ่าตัวตาย”
 
เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึกคนรอ ทุกสายตาต่างจ้องไปที่ประตูห้องผ่าตัด เจ้าของโรงพยาบาลนั่งอยู่เคียงข้างหลานชายที่เงียบไป หลังจากสงบสติอารมณ์ได้โดยมีผู้เป็นยายนั่งขนาบอยู่อีกข้างคอยเอ่ยปลอบอย่างให้กำลังใจ ส่วนอีกด้านก็มีเฟียซนั่งประคองพี่ชายเพื่อนสนิทคอยดูอาการอย่างใกล้ชิด
“เฟียซ พี่จะทำยังไงดี ไม่รู้ต้าร์จะเป็นยังไงบ้าง”
เนสถามเพื่อนน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ใบหน้าซีดเซียว ทั้งนัยน์ตาแดงก่ำที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เจ้าของชื่อส่งยิ้มจางให้ด้วยไม่รู้จะเอ่ยปลอบยังไงให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัวกับอาการของเพื่อนเช่นเดียวกัน
“ชีวิตพี่มีแค่ต้าร์ มีแค่ต้าร์คนเดียว พี่กลัว…เฟียซ พี่กลัว…”
เนสจับมือเฟียซเขย่า ร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้
“ต้าร์ต้องปลอดภัยครับ พี่เนสอย่าร้องไห้เลยนะครับ”
“พี่กลัว…พี่กลัว”
ควินหันไปมองตามเสียงสะอื้นไห้จากอีกฝั่ง นัยน์ตาแดงก่ำสั่นไหวรุนแรง เจ็บปวดที่ใจราวกับมีมือปริศนามาบีบเคล้นมัน ริมฝีปากแห้งขยับคล้ายจะเอ่ยคำแต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกไป ชายหนุ่มก้มหน้ายกสองมือใหญ่ขึ้นปิด ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเงียบๆ
‘อย่าเป็นอะไรนะต้าร์ ได้โปรด…’
การรอคอยที่ยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน ทีมแพทย์เปิดประตู เดินออกมาจากห้องผ่าตัด กลุ่มคนที่นั่งรอต่างรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาด้วยความหวังเปี่ยมล้นว่าคนในห้องจะปลอดภัย หากแต่สีหน้าและแววตาหมองเศร้าของแพทย์กลับทำให้คนมองชะงัก
“อาการเป็นยังไงบ้าง” เจ้าของโรงพยาบาลเอ่ยถามขึ้นราวกับเป็นตัวแทนคนทั้งกลุ่ม
“คนไข้เสียเลือดมากบวกกับอาการช้ำภายใน ร่างกายทนพิษบาดแผลไม่ไหวครับ”



V
V
V


ออฟไลน์ New-Y Holic

  • Your love is a lie
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +207/-5
    • https://www.facebook.com/pages/New-Y-Holic/352883328112176
HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4461 เมื่อ12-12-2015 22:48:03 »

V
V
V


สิ้นคำบอกของนายแพทย์ คนที่ทรุดฮวบหมดสติไปคือพี่ชายของคนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ร่างสูงที่ยืนอยู่เคียงข้างรีบประคองร่างหมดสติขึ้นทั้งน้ำตาที่กำลังรินไหล และสองมือที่กำลังสั่น
“ขอเตียงด้วย รีบพาไปที่ห้องฉุกเฉิน”
นายแพทย์เอ่ยสั่งเจ้าหน้าที่เวรเปลให้รีบเข็นเตียงมารับคนป่วย เฟียซอุ้มร่างของพี่ชายเพื่อนขึ้นเตียง มองตามจนเตียงถูกเข็นออกไปพร้อมกับนายแพทย์ที่เดินตามไปตรวจดูอาการ
“ต้าร์ปลอดภัยใช่มั้ยครับคุณยาย”
ควินเอ่ยถามขึ้นเสียงแผ่วทั้งใบหน้าซีดเผือด ในตอนนี้น้ำตาแห้งเหือดไปหมดแล้ว หากแต่นัยน์ตาแดงก่ำกำลังสั่นไหว คนถูกถามถึงกับยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเมื่อมองอาการของหลานชายที่ราวกับคนเสียสติไปแล้ว
“ลุงหมอ ต้าร์ปลอดภัยใช่มั้ย ผมจะเข้าไปหาต้าร์”
ควินหันไปหาลุงพลางตั้งท่าจะเดินเข้าห้องผ่าตัด แต่ถูกลุงคว้าตัวไว้
“ควิน…ฟังลุงนะ” กล้ำกลืนน้ำตา พยายามยกยิ้มให้หลานชาย “ต้าร์ไปสบายแล้ว”
“ไปสบาย…ที่ไหน ต้าร์ไปไหน” ควินย้อนถาม คิ้มเข้มขมวดมุ่น “ลุงพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“ควิน…” คนเป็นลุงถอนหายใจแรง ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก อาการของหลานชายเป็นหนักกว่าที่คิด
“ต้าร์ไม่ได้ไปไหน ต้าร์อยู่ในห้องนั้น อยู่ข้างในนั้น! ผมจะเข้าไปหาต้าร์!”
ควินร้องขึ้นเสียงดังลั่นสะบัดมือลุงออกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัด คนเป็นลุงรั้งตัวไว้ไม่ทันได้แต่ปล่อยให้หลานทำตามที่ใจต้องการ เพราะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่หลานจะได้มองหน้าคนรัก
เฟียซที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ปล่อยให้น้ำตากับความเสียใจได้ทำหน้าที่ของมัน หันมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ที่ซึ่งข้างในมีเพื่อนของเขาอยู่ในนั้น เพื่อนสนิทของเขา เพื่อนรักของเขา เพื่อนในวัยเด็กของเขา เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน เพื่อนที่จากเขาไปแล้ว…ตลอดกาล
“เฟียซ หลังจากนี้ลุงจะจัดการทุกอย่างเอง ฝากเฟียซบอกเนสด้วยนะ แล้วก็…ขอโทษ ที่ลุงช่วยต้าร์ไม่ได้” ลุงหมอตบบ่าเฟียซ ยิ้มเศร้าให้อย่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คนฟังส่ายหน้าช้าๆอย่างจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของลุงหมอแต่ก็พูดไม่ออก เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาตั้งตัวไม่ทัน และไม่คาดคิดว่าคนที่เพิ่งคุยกันผ่านโทรศัพท์ จู่ๆก็จากเขาไปแล้ว ร่างสูงตัดสินใจหันหลัง เดินไปหาห้องฉุกเฉินเพื่อไปดูอาการของเนส เพราะนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ในฐานะเพื่อน
‘ไม่ต้องเป็นห่วงนะต้าร์ จากนี้ไปกูจะดูแลพี่เนสให้เอง หลับให้สบาย มึงเหนื่อยมามากแล้ว ได้เวลาพักสักที…เพื่อนรัก’

ควินมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง นัยน์ตาแดงก่ำจ้องใบหน้าซีดขาวราวกับไม่เคยพานพบก่อนเอื้อมมือไปลูบแก้มเบาๆ ไล่สายตามองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าแล้วหันกลับมามองที่ใบหน้าอีกครั้ง
“ต้าร์…ตื่นได้แล้ว” เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว รอฟังเสียงตอบรับ แต่กลับไม่ได้ยิน…
“ต้าร์…ตื่นเถอะ”
ลองเรียกอีกครั้งพลางยกยิ้มบางรอคอยให้ร่างบนเตียงตื่นขึ้นมา แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากร่างบนเตียง คิ้มเข้มขมวดมุ่นอย่างงุนงง เอื้อมมือไปจับหัวไหล่เปลือยเขย่าเบาๆ
“ต้าร์ ได้ยินมั้ย ต้าร์…”
ส่งเสียงเรียกซ้ำๆ จากแผ่วเบาก็เริ่มดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างบนเตียงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา ควินเริ่มลนลานด้วยความหวาดกลัว ใช้สองมือประคองใบหน้าเรียวเล็กให้หันมามองกัน
“ต้าร์ครับ ตื่นได้แล้ว อย่าขี้เซาสิ ต้าร์…”
สองมือสั่นไหวก่อนค่อยๆผละห่าง หอบหายใจแรงจนตัวสั่น นัยน์ตาแดงก่ำมีน้ำใสเอ่อขึ้นมา เจ้าตัวส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมคนรักถึงไม่ยอมตื่นมาคุยกัน
“ต้าร์!” ร้องเรียกเสียงดังลั่นห้อง พาให้คนที่ยืนรออยู่ข้างนอกรีบเปิดประตูเข้ามาดู
ลุงหมอมองเห็นหลานชายตัวเองกำลังเขย่าร่างบนเตียงราวกับคนคลุ้มคลั่งก็รีบเข้าไปจับตัวไว้
“ควิน ตั้งสติหน่อยได้มั้ย”
“ต้าร์เป็นอะไร ทำไมต้าร์ไม่ยอมตื่น ผมเรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่ตื่น”
“ควิน ฟังลุงนะ” ลุงหมอจับไหล่หลานชายให้หันมาสบตา
“ต้าร์ไม่อยู่แล้ว ต้าร์ไปดีแล้ว เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจ! ลุงพูดบ้าอะไร!” ควินผลักลุงออกเต็มแรงจนคนถูกผลักเซถอยหลัง
“ต้าร์แค่นอนหลับ ผมจะปลุกจนกว่าต้าร์จะตื่น”
ลุงหมอปราดเข้าไปกระชากแขนหลานชายไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะจับร่างบนเตียงเขย่าอีกรอบ
“ต้าร์ตายแล้ว ได้ยินมั้ยว่าต้าร์ตายแล้ว!”
ลุงหมอตะโกนบอกความจริงใส่หน้าหวังให้หลานชายได้สติ และเหมือนจะได้ผลเพราะร่างสูงชะงักก่อนจะเงียบไป นัยน์ตาแดงก่ำคล้ายกำลังสับสน
“ให้ต้าร์จากไปอย่างสงบเถอะ อย่ากวนเขาอีกเลย”
ควินสบตาลุงราวกับจะขอคำยืนยันอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาเมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าให้ เจ้าตัวเซถอยหลังคล้ายคนหมดแรง ได้ยินชัดเต็มสองหู ได้เห็นชัดเต็มสองตา ได้พิสูจน์เต็มสองมือของตัวเอง
 ‘ต้าร์ตายแล้วจริงๆ’
ร่างสูงหันกลับไปที่เตียง เดินเซเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณ สองมือที่กำลังสั่นยื่นออกไปจับมือบางมาแนบแก้มทั้งน้ำตาที่ไหลริน ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น มีเพียงน้ำตาแห่งความเสียใจ ความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตนี้เขาจะเอาคืนกลับมาได้อย่างไร
‘ได้โปรดกลับมา…อย่างล้อเล่นแบบนี้ อย่าแกล้งกันแบบนี้เลยต้าร์’
ชายหนุ่มวิงวอนอยู่ในใจ ไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง มันอาจเป็นแค่ภาพลวงตา หรือไม่ก็เป็นเพียงฝันร้ายของเขาเอง

“ใครตาย! กูถามว่าใครตาย!”
เสียงตะโดนดังลั่นจากด้านนอกเรียกให้เจ้าของโรงพยาบาลหันขวับไปมอง
“ยังมีอีกคนที่ต้องจัดการ”
เอ่ยขึ้นเบาๆก่อนหันไปมองหลานชายที่ตอนนี้กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง คนอยู่ข้างในคงไม่อาละวาดขึ้นมาอีก แต่คนที่อยู่ข้างนอกนี่สิ อาละวาดแล้วอาจคุมไม่อยู่
ลุงหมอตัดสินใจทิ้งหลานชายไว้ในห้องแล้วเปิดประตูออกไป ภาพที่เห็นตรงหน้าคือสภาพขาดสติของชายหนุ่มคนนึงในชุดผู้ป่วยของทางโรงพยาบาลกำลังกระฟัดกระเฟียดออกแรงดิ้นรนให้หลุดจากการจับกุมของบอดี้การ์ดตัวเอง นัยน์ตาแข็งกร้าวดุดันกราดมองไปทั่วทั้งเสียงหอบหายใจหนัก เหล่าแพทย์และพยาบาลต่างหาที่หลบภัยกันอย่างตกใจกับอาการบ้าคลั่งของชายหนุ่ม
“ปล่อยกู! กูจะฆ่ามัน ไอ้เหี้ยคนไหนมันกล้าแช่งเมียกู กูจะฆ่ามัน!”
แซทตวาดกร้าว คลุ้มคลั่งราวกับคนบ้าพาให้คนมองสลดใจ มารดาถึงกับร่ำไห้กับสภาพของลูกชายได้แต่ยืนซบอกสามีอย่างหาที่พักพิง
“แซท” เจ้าของโรงพยาบาลส่งเสียงเรียกพลางก้าวมายืนตรงหน้า
“ลุงหมอ” แซทเบิกตากว้าง รีบถลาเข้าไปใกล้ทั้งยังถูกคุมตัวไว้ “ต้าร์อยู่ไหน ลุงหมอ ต้าร์อยู่ไหน!”
“ต้าร์อยู่ข้างใน” ตอบกลับเสียงเรียบพลางหันไปทางห้องผ่าตัด
“ต้าร์…ปล่อยกู! กูจะเข้าไปหาเมียกู! ปล่อยสิวะ!” แซทสั่งเสียงเข้มพลางดิ้นจนสุดแรง
เจ้าของโรงพยาบาลหันไปมองผู้ปกครองของชายหนุ่มก่อนพยักให้ ดอนอัลแบร์โตจึงส่งสัญญาณให้อังเดรและอะดอนิสปล่อยตัวลูกเลี้ยง
“ต้าร์!”
ประตูถูกเปิดพร้อมกับเสียงเรียก แซทชะงักเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังร้องไห้อยู่ข้างเตียง เดินช้าๆเข้าไปใกล้ นัยน์ตาดุดันแข็งกร้าวพลันค่อยๆสั่นไหว
“ต้าร์…” ชายหนุ่มครางแผ่ว มองกราดไปทั่วร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
ไม่จริง…ไม่จริง!“ ร้องลั่นอย่างไม่เชื่อสายตา สองมือเอื้อมจับใบหน้าซีดขาว
“เด็กบ้า…ทำไมมานอนตรงนี้”
แซทว่าเสียงแผ่ว หยดน้ำตาไหลถูกแก้มที่เคยหอม เคยจูบ เคยลูบไล้ ปลายนิ้วรีบเกลี่ยออกให้อย่างระวัง อีกฝั่งของเตียงยังมีเพื่อนสนิทที่ยังคงร้องไห้ราวกับจะขาดใจ อีกคนไม่ได้สนใจเพื่อน ไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัว ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
‘คนไข้เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว’
คำบอกเล่าของแพทย์ดังขึ้นในความทรงจำตอนที่ถูกพาตัวมา แซทส่ายหน้าอย่างไม่อยากยอมรับ สองมือประคองใบหน้าเรียวเล็ก พิศมองอยู่นาน นานจนแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของตัวเอง ชายหนุ่มกัดฟันค่อยๆปล่อยมือออกห่าง
“ไม่…กูไม่เชื่อ…ไม่!”
แซทตะโกนลั่นห้อง เรียกให้อังเดรกับอะดอนิสที่ตามเข้ามารอดูอาการเจ้านายอย่างเงียบๆรีบเข้ามาดึงตัวออกห่างจากเตียง
“ต้าร์ยังไม่ตาย…ไม่จริง ต้าร์ยังไม่ตาย!”
สองบอดี้การ์ดหันมองหน้ากันแวบนึงอย่างสงสารทั้งเจ้านายหนุ่มและคนที่จากไป ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ผู้เข้ามาคือแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เวรเปล
“จะทำอะไร พวกมึงจะทำอะไร!” แซทร้องลั่นเมื่อเห็นว่าคนเข้ามาใหม่กำลังทำอะไรกับเตียงนั่น
สองบอดี้การ์ดออกแรงดึงรั้งเจ้านายหนุ่มสุดกำลังก่อนพยายามลากออกจากห้อง
“ปล่อยกู! กูจะไปช่วยต้าร์! ปล่อยกู!”
แซทยังคงตะโกนทั้งยังดิ้นรนขัดขืน จนถูกลากออกไปจากห้องได้สำเร็จ
“ขอโทษนะคะ รบกวนญาติออกไปรอด้านนอกนะคะ”
พยาบาลเอ่ยบอกควินที่ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน
“คุณคะ”
“เดี๋ยวผมจัดการเอง” เสียงคุ้นเคยทำให้พยาบาลรีบผงกศีรษะรับคำ หันไปทำหน้าที่ของตน
“ควิน ออกไปกับลุง” บอกพลางประคองหลานชาย ทว่าร่างสูงกลับขืนตัว
“ต้าร์…”
“ควินฟังลุงนะ ฟังลุงให้ดี ต้าร์อยู่ในนี้ไม่ได้ น้องต้องย้ายไปที่อื่น”
“ไปไหน ย้ายไปไหน” ควินย้อนถามทั้งใบหน้าซีดเผือด น้ำตายังคงไหลออกมาให้คนมองสะท้อนใจ
ลุงหมอยิ้มจาง ไม่ตอบคำถามหลาน จนเตียงถูกเข็นผ่านหน้าไป ควินถึงได้เอ่ยประโยคที่ทำให้คนได้ยินรู้สึกสงสารเจ้าตัวจับใจ
“อย่าเอาผ้าปิดแบบนั้น เดี๋ยวต้าร์หายใจไม่ออก”
คนเป็นลุงกอดปลอบหลานชายไว้แน่น รับรู้ได้ว่าตัวหลานกำลังสั่น ทั้งเสียงร้องไห้ดังกับหยดน้ำตาที่ไหลเปียกเสื้อ
‘ร้องออกมาให้พอ อย่าปล่อยให้น้ำตามันท่วมหัวใจ’

“พวกมึงจะเอาต้าร์ไปไหน! หยุดเดี๋ยวนี้! กูบอกให้หยุด!”
แซทตะโกนลั่นเมื่อมองเห็นเตียงถูกเข็นออกมาจากห้อง ร่างบนเตียงถูกคลุมด้วยผ้าขาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ยิ่งเห็นภาพตรงหน้าเต็มตา คนที่กำลังคลั่งยิ่งออกอาการหนัก
“ปล่อยกู! กูจะไปช่วยต้าร์! ปล่อยกู!”
ร่างสูงกระเสือกกระสนดิ้นจนล้มลงกับพื้น สองบอดี้การ์ดรีบประคองเจ้านายขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังตะเกียดตะกายจะตามเตียงที่ถูกเข็นออกไป
“แซท” ดอนอัลแบร์โตเอ่ยเรียกลูกเลี้ยงเสียงเข้มอย่างจะปรามให้อีกฝ่ายสงบลง
“ปล่อยกู! กูจะฆ่าพวกมึงทุกคน! กูจะฆ่า…”
เพี๊ยะ!
ท่ามกลางความวุ่นวาย ฝ่ามือนึงสามารถหยุดสถานการณ์ตรงหน้าได้ คนที่ยืนร้องไห้มองอาการลูกชายอยู่เงียบๆมาตลอดลดมือลงข้างตัว สองบอดี้การ์ดรีบปล่อยตัวเจ้านายหนุ่มเมื่อภรรยาของนายเหนือหัวเดินเข้ามาหาลูกชาย
“แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ” คนที่เพิ่งตบหน้าลูกชายไปหมาดๆสวมกอดลูกไว้แนบแน่น
แซทหยุดอาละวาด หันมาร้องไห้กับอกแม่ราวกับเด็กน้อยกำลังเสียขวัญ
“ต้าร์…ต้าร์” เอ่ยเรียกชื่อคนรักเสียงแหบพร่า มือนึงยกขึ้นทุบอกตัวเองซ้ำๆ “ผมเจ็บ…เหมือนใจมันจะขาด ผมเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“แม่เข้าใจลูก แม่รู้ว่าลูกรู้สึกยังไง”
คนเป็นแม่กอดปลอบพลางลูบหลังปลอบโยน หากสามารถเจ็บปวดแทนลูกได้ เธอก็อยากจะรับทุกความรู้สึกนั้นไว้เอง เหตุการณ์ครั้งนี้คงสอนให้ลูกรับรู้แล้วว่า พิษรักมันน่ากลัวมากเพียงใด

ความรักช่างเล่นตลกกับหัวใจคน ความรักช่างร้ายกาจนัก






--------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและการติดตามนะคะ  :pig4: :mew1:
ท่านใดกดติดตามเพจ เรามีเรื่องชี้แจ้งอยู่ในเพจนะคะ ถ้าไม่รบกวนเวลาก็เข้าไปอ่านกันได้  :o12:
เจอกันตอนหน้าค่ะ ตอนหน้าก็จบแล้วนะ จบจริงๆ  :katai1:  :hao5:


 

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4462 เมื่อ12-12-2015 22:54:30 »

 :z13: :z13:

ออฟไลน์ Sakiloveanime2069

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4463 เมื่อ13-12-2015 00:05:27 »

 :m15:p Nooooo! Pleases!!!

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4464 เมื่อ13-12-2015 00:57:59 »

 :hao5: :sad4:
ให้ตายเถอะ ฮืออออออออออออออออออ TT

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4465 เมื่อ13-12-2015 03:35:05 »

 :monkeysad: :m15: :monkeysad:

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4466 เมื่อ13-12-2015 03:56:25 »

“อยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก พวกพี่มีความสุขเหรอครับ”
ประโยคนี้พูดใส่หน้าคนฟังได้สะใจมาก..
คนอ่านอยากให้น้องรอด..ถึงต้องรักษาตัวอีกนานนนนน.ก็คุ้มมอะ
แค่อย่ามีสองตัวนี้อยู่ใกล้ๆตอนป่วยก็พอ.. T O T

ออฟไลน์ ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰

  • นู๋ รัก BoYs' lOvE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 723
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4467 เมื่อ13-12-2015 09:17:53 »

“อย่าเอาผ้าปิดแบบนั้น เดี๋ยวต้าร์หายใจไม่ออก”
สะเทือนใจมากเลย..น้ำตาไหลยังไม่หยุด..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 19:16:18 โดย ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ »

ออฟไลน์ viveezz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4468 เมื่อ13-12-2015 10:11:10 »

 :sad4: :sad4: :sad4: ร้องไห้หนักมาก

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 67 (100%) ] 12/12/58 : P.149
«ตอบ #4469 เมื่อ13-12-2015 16:36:55 »

รู้ตั้งแต่เเรกแล้วแบบที่คนเขียนบอกว่าจะจบไม่สวย   แต่ก็อกร้องไห้ไม่ได้อยู่ดี   เจ็บไปกับ 2 คนนี้ด้วยเหมือนกัน แต่กับต้าร์ก็เหมือนโล่งเป็นอิสระซักที  T____T ไม้รู้จะบอกความรู้สึกยังไงเลยอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด