Heartbreaker : 15
ช่วงเวลาของการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่สมองและร่างกายได้รับการพักผ่อน แต่ช่วงเวลาที่ถูกปลุกด้วยสิ่งรบกวน ไม่ว่าจะด้วยสัมผัสหรือเสียง มันจะทำให้เราหงุดหงิด อารมณ์เสีย ยิ่งสิ่งนั้นอยู่ใกล้ๆตัว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรบกวนเวลานอนด้วยแล้ว มันยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดจนแทบอยากจะลุกขึ้นมาอาละวาด ผมอยากทำอย่างนั้น ถ้าสิ่งที่แผดเสียงรบกวนอยู่ขณะนี้ ไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์ของผม
ใครโทรมาแต่เช้า?
ผมขยับตัว ยื่นมือออกไปคลำสะเปะสะปะบนโต๊ะข้างหัวเตียง ที่วางโทรศัพท์ไว้ พอคว้าได้ก็หยิบมาแนบหูทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
“ฮัลโหล”
ผมส่งเสียงยานคางทักทายปลายสาย
“ลืมตา”
“ห๊ะ”
“กูบอกให้มึงลืมตา”
ผมลืมตาตามที่เสียงปลายสายบอก ขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียง เอาโทรศัพท์มาดูเบอร์โทรเข้า แล้วก็ต้องยิ้มออกมา รีบเอาโทรศัพท์แนบหูตามเดิม
“ว่าไงเฟียซ โทรมาปลุกแต่เช้า มีเรื่องอะไร”
“ไม่มี”
“โทรมากวนเหรอ”
“เออ”
ผมหัวเราะ รู้ดีว่าเพื่อนสนิทมีนิสัยยียวนกวนอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“วันนี้วันอาทิตย์ ทำไมถึงตื่นเช้าได้ล่ะ”
“ใครจะไปนอนกินบ้านกินเมืองเหมือนมึง”
“ตื่นก่อนแค่นี้ ทำเป็นคุย”
ผมโต้กลับ ปลายสายฮึมฮัม ผมยิ้ม รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“ใกล้จะสอบแล้ว”
ในที่สุดก็พูดเข้าเรื่องได้สักที
“อืม ใกล้จะสอบแล้ว”
“กูคุยกับไอ้ตัวเล็กกับไอ้บอสแล้วว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หลังเลิกเรียน จะอยู่ติวหนังสือที่หอกู มึงว่าไง”
ผมเงียบ หยุดคิด ถ้าผมบอก พวกเขาจะอนุญาตให้ผมอยู่ติวรึเปล่า
“ถ้าพวกมันไม่ให้มึงอยู่ติว ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูช็อตโน้ตให้มึงเอาไปอ่าน”
เฟียซพูดอย่างรู้เท่าทันความคิดผม
“ต้าร์จะขอพวกเขาดู พวกเขาน่าจะอนุญาต”
“มึงอย่าใช้คำว่า น่าจะ กับพวกมัน”
ผมหลุดหัวเราะ เดาจากน้ำเสียง สีหน้าเฟียซตอนนี้คงบูดบึ้งน่าดู
“เอาน่า ต้าร์จะพยายามทำให้พวกเขายอม อย่าหงุดหงิดเลยนะ”
ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วมึงอ่ะเป็นไง สบายดีไหม”
“สบายดี”
“ก็ดี กูไม่อยากเห็นมึงป่วยจนต้องขาดเรียนอีก ยิ่งช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้ว”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง”
ผมบอกอย่างซึ้งใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เฟียซก็เป็นเพื่อนที่รักและคอยห่วงใยผมเสมอ
“เออ มึงสบายดีกูก็เบาใจ เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม อย่าลืมกินข้าวล่ะ”
“เออ แค่นี้แหละ ขี้เกียจคุย”
เฟียซตัดสายไปแล้ว ผมหาว วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ มองดูนาฬิกาบอกเวลา 6 โมงครึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเฟียซจะตื่นเร็วในวันหยุด ผมหันกลับมาล้มตัวลงนอน แต่ก็ต้องตกใจกระเด้งตัวขึ้นเมื่อมองไปที่เตียงด้านข้างแล้วเห็นแต่ความว่างเปล่า นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้ผมไม่ได้นอนคนเดียว บ้าจริง! ผมลืมไปได้ยังไง นี่ผมบ้าถึงขนาดตื่นมาคุยโทรศัพท์ได้ตั้งนานโดยที่ลืมไปว่าเมื่อคืนนี้พี่ควินเข้ามานอนกับผมด้วย ผมยกมือขึ้นกุมขมับ มองไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นเขา ลงจากเตียงเดินไปห้องน้ำ ประตูไม่ได้ล็อค ผมขมวดคิ้ว เปิดเข้าไปก็ไม่เห็นเขาอยู่ในนี้
เขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วออกจากห้องไปตอนไหน? นี่ยังเช้าอยู่เลย
ผมเดินมึนกลับไปนั่งที่เตียง อย่าบอกนะเมื่อคืนผมนอนดิ้นจนเขาทนไม่ไหว เลยกลับไปนอนห้องตัวเอง ไม่มั้ง ปกติผมไม่ใช่คนนอนดิ้นรุนแรงขนาดนั้น หรือว่า ผมจะนอนกรน บ้าน่า ผมส่ายหน้าปัดไล่ความคิดน่าปวดหัว ล้มตัวลงนอน จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ผมขี้เกียจคิด ขอนอนต่ออีกสักนิด ไว้ค่อยตื่นมาถามเขาก็ได้
ผมเดินออกห้องหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เวลา 3 ชั่วโมงที่ผมนอนต่อบวกกับอีกครึ่งชั่งโมงที่ทำทำธุระส่วนตัวทำให้ท้องผมร้องเรียกหาอาหาร ผมเดินฮัมเพลงตรงไปยังห้องครัว แต่ร่างสูงที่ยืนพิงกับเคาน์เตอร์บาร์กระดกเบียร์กระป๋องอยู่ทำให้ผมหยุดเสียง เดินเข้าไปหาเขาด้วยความสงสัย
ทำไมเขาถึงดื่มแต่เช้าเลย
“พี่ควิน”
ผมส่งเสียงเรียก เขาหันมามอง โยนกระป๋องเบียร์ลงถังขยะ
“ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมโทรสั่งให้นะ พี่ควินอยากทานอะไร”
ผมยิ้มรอฟังคำตอบ แต่นัยน์ตาสีเฮเซลกลับมองผมนิ่งและดูแข็งกร้าวจนผมเผลอก้าวถอยหลัง เขาขยับตัว เดินเข้าหา ตะปมมือหนาลงบนบ่า ผมสะดุ้งเฮือก มองเขาหน้าตาตื่น
“พี่ควิน เป็นอะไรฮะ”
“มึง…”
“ผม…ทำไมเหรอฮะ”
“มึง…ละเมอ”
ผมขมวดคิ้วมุ่น คิดทวนคำพูดของเขา
ผมนอนละเมอ แล้วไง?
“มึง…ไม่เคยลืม”
ผมยิ่งงงหนัก เขาพูดเรื่องอะไร ผมไม่เคยลืมอะไร?
ผมมองเขาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ เขาถอนมือออก เดินผ่านผมไป ผมมองพลางเดินตามเขาไปจนถึงห้องนั่งเล่น เขาหยุดอยู่หน้าโต๊ะกระจก ผมตั้งใจจะเดินเข้าไปถามเขา แต่เสียงตกกระทบดังเพล้งของแจกันดอกไม้บนโต๊ะแตกกระจายอยู่บนพื้นทำให้ผมก้าวขาไม่ออก
เขาเป็นอะไรไป?
ผมมองเศษซากแจกันและดอกไม้บนพื้นอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขา จู่ๆเขาก็ปัดมันทิ้ง
เพราะอะไร?
“ผมทำอะไรผิดเหรอฮะ”
ผมถามเขา ยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน สายตาจดจ้องอยู่กับแผ่นหลังกว้าง
“ทำไม”
คำถามลอยๆอย่างไม่เจาะจงรายละเอียดยิ่งเพิ่มความงุนงง ผมส่ายหน้าอย่างอับจนหนทาง ตัดสินใจเดินอ้อมโซฟาไปหยุดอยู่ข้างๆเขา
“ทำไม อะไรฮะ ผมไม่เข้าใจ ผมทำอะไรผิด พี่ควินไม่พอใจอะไร บอกผมสิ”
เขาหันหน้ามามองผม สายตาของเขาทำให้ผมนิ่งอึ้ง
ไม่มีแววแข็งกร้าว ไม่วาวโรจดุดัน ทำไมเขาถึงมองผมแบบนี้ เขามองผมอย่างตัดพ้อ!
“ทำไมไม่ลืม”
เขาถามพลางก้าวเข้าหา ในขณะที่ผมก้าวถอยหลัง
“ทำไมยังจำ”
ขาผมชนขอบโซฟา แต่เขาก็ยังเดินเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ
“มึงจำทำไม!”
ผมล้มลงเอนพิงกับพนักโซฟา เขาตามมาคร่อมผมไว้ ผมเงยหน้ามองสบสายตาเขา
“ผมจำอะไรฮะ พี่ควินบอกผมสิ ผมไม่เข้าใจ”
“ทำยังไง มึงถึงจะลืม ต้องให้กูทำยังไง!”
เขาจับต้นแขนผมเขย่าจนผมหัวสั่นหัวคลอนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“กูเตือนมึงแล้ว แต่มึงก็ยังทำ มึงไม่เชื่อฟังกู!”
“ผมทำอะไร”
ผมถามเสียงเบา เขาหยุดเขย่าแต่ยังไม่ละมือจากต้นแขน ผมรับรู้ได้ถึงแรงสั่นไหวส่งผ่านมาจากมือของเขา
“ถ้ามึงฟังกู เรื่องคืนนั้นก็ไม่เกิดขึ้น แต่มึงเชื่อมัน มึงเชื่อมันมากกว่ากู!”
เรื่องคืนนั้น
ผมก้มหน้า เข้าใจความหมายที่เขาพูดทุกอย่าง
เพราะเรื่องนี้เหรอ เขาถึงได้อาละวาดใส่ผมแต่เช้า งี่เง่า!
จะพูดถึงทำไม รื้อฟื้นมันอีกทำไม ทั้งๆที่ผมพยายามจะลืมมัน!
ก็ได้ ในเมื่อเขาต้องการแบบนี้ ผมจัดให้ก็ได้!
ใช่…ผมยังจำเรื่องคืนนั้นได้ แล้วผมผิดเหรอ? ผมผิดมากรึไง? ที่ยังไม่ลืมว่าพวกเขาทำอะไรกับผมไว้ในคืนนั้น!
“ผมผิดที่เชื่อเขามากกว่าพวกพี่ ผมผิดที่ไม่ฟังคำเตือนของพวกพี่ แต่ผมผิดมากเหรอ พวกพี่ถึงต้องทำกับผมแบบนั้น ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมทำผิดมากรึไง พวกพี่ถึงข่มขืนผมได้ลงคอ!”
ผมเงยหน้าขึ้นตะคอกใส่เขา เป็นตัวผมเองที่สั่นแรงกว่ามือของเขา ผมหายใจแรงจ้องตาเขานิ่ง
“ผมขอโทษ ผมขอร้อง ผมอ้อนวอนให้พวกพี่หยุด แล้วพวกพี่เคยฟังผมบ้างไหม!”
ผมลุกขึ้นผลักเขาเต็มแรง กำมือแน่นกับภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเอง ผมพยายามระงับมัน แต่ภาพเหตุการณ์คืนนั้นฉายชัดอยู่ในหัวเป็นฉากๆ
“ผมนอนฝันร้ายหลังจากเรื่องคืนนั้น ผมหวาดระแวงทุกคนที่เข้าใกล้ไม่เว้นแต่พี่ชายตัวเอง ผมเหมือนคนบ้าเพราะใครกัน ใครที่ทำให้ผมเป็นแบบนั้น!”
ผมระเบิดเสียงดังลั่น ไม่สนว่าเขาจ้องมองผมด้วยสายตาเยือกเย็นมากแค่ไหน
“รับไม่ได้เหรอ ที่ผมยังนอนละเมอถึงเรื่องคืนนั้น รับไม่ได้ใช่ไหม ที่ผมยังจำมันติดตา ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้รู้ ว่าผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยลืมแม้สักวินาทีเดียว!”
ผมเหยียดยิ้ม เดินเข้าไปใกล้เขา
“ผมละเมอว่าอะไรเหรอฮะ พี่ได้ยินชัดรึเปล่า ผม…ละเมอว่า เจ็บ…ผมเจ็บ ฮึก! อย่าเข้ามา อย่าทำผมเลย ผมขอร้อง ผมผิดไปแล้ว ใช่รึเปล่า”
ผมเค้นเสียงถามเขา ยิ้มกับท่าทีนิ่งเฉยแต่แววตาแข็งกร้าวของเขา
“ผมพูดถูกใช่ไหมฮะ มิน่า ผมตื่นมาถึงไม่เห็นพี่นอนอยู่บนเตียง ทนรับความจริงไม่ไหวเหรอฮะ ทนฟังไม่ได้เหรอไง ความผิดของตัวเองแท้ๆ!”
ผมโผเข้ากอดเขาไว้แน่นทั้งๆที่ปากยังยิ้ม เขาไม่ได้ผลักไสผมออก ยืนนิ่งให้ผมกอด ผมเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูเขา กระซิบแผ่วเบา
“อยากให้ผมลืม ก็ฆ่าผมสิ ผ่าเอาสมอง ควักหัวใจผมออกมา ผมจะได้ลืมเรื่องเลวระยำคืนนั้นได้สักที”
ผมผละจากอ้อมกอด มองหน้าเขา ส่งยิ้มกว้างให้เหมือนทุกครั้งก่อนเดินผ่านหน้าเขาไป เศษกระเบื้องของแจกันแตกกระจายอยู่เบื้องหน้า ผมยกขาก้าวข้ามมันอย่างใจเย็น เดินตรงไปที่ห้องตัวเอง ความหิวก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้นเหลือไว้แต่อารมณ์คั่งค้างเมื่อครู่
ผมปิดล็อคประตูด้วยมือที่สั่นเทา กัดฟันเดินไปให้ถึงเตียง นั่งลงบนฟูกนุ่มชันขาทั้งสองข้างขึ้นวางแขนกอดรอบเข่าซุกหน้านิ่ง หลับตาแน่น สั่งให้ตัวเองลืมเรื่องเมื่อครู่ไปซะ
ผมไม่ผิด
ผมไม่ได้ทำอะไรผิด
พวกเขาต่างหากที่ผิด
ผิดมาตั้งแต่ต้น!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาไปแค่นี้ก่อนนะ ยังไม่จบตอน แต่เอาแค่นี้ไปก่อน
ตรวจทานคำผิดแค่รอบเดียว แบบผ่านๆด้วย
ยังไงก็ช่วยดูด้วยนะคะ อ่านจบแล้วก็อย่าต่อว่าควินกับแซทนะ อย่าว่าพระเอกเของเขา
(เข้าข้างสุดฤทธิ์ ถึงเธอผิดฉันก็เข้าข้าง
) วิ่งหนีดราม่า
เกมที่ให้เล่นตอบคำถามตอนที่แล้ว เอาไว้เฉลยตอนหน้านะคะ
ดูคำตอบแล้ว ส่วนใหญ่ตอบถูกกันเยอะเลย แต่ก็มีหลายคนที่หลงตอบตัวหลอกนะ
ขอบคุณที่ยังติดตามและแวะเวียนเข้ามาถามไถ่ ขอบคุณมากๆค่ะ
มีหลายคนถามหาแซท เดี๋ยวแซทก็มาค่ะ ใจเย็นเน้อ ส่วนทีเหลือจะตามมาเสิร์ฟเมื่อแต่งเสร็จ
สปอยล์ไว้ก่อนว่าทุกคนจะได้รู้ถึงที่มาและครอบครัวของพี่ควินแบบคร่าวๆ
ปล. รู้นะว่าอ่านจบแล้วแอบคิดว่าต้าร์เป็นโรคจิตกันใช่ไหม? และสงสัยว่า 'มันหรือเขา' ที่ควินกับต้าร์อ้างอิงถึงคือใคร?