Heartbreaker : 17
การรอคอยเป็นความทรมานอันดับต้นๆของมนุษย์ ผมเชื่ออย่างสนิทใจแล้วจริงๆเมื่อได้มาประสบพบเจอกับตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงแล้วที่ผมไม่ได้ยินเสียงเขา ตั้งแต่ที่เราพูดคุยกันอยู่ตรงชานระเบียงที่บ้านของเขาเมื่อวานนี้ เขาก็ไม่ยอมพูดกับผมอีก และผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ผมได้แต่นั่งคุยกับคุณยายเรื่องการเรียนจนกระทั่งท่านชวนทานข้าวเย็น ผมกับเขานั่งทานกันไปเงียบๆ จนกระทั่งเราลากลับ ผมไม่รู้ว่าคุณยายทราบรึเปล่าว่าหลานชายของท่านไม่ยอมเปิดปากพูดกับผมเลย แต่ก่อนขึ้นรถท่านบอกย้ำกับผมว่า
‘ให้อภัยพี่เขานะลูก’
พูดง่าย แต่ทำยาก
ถ้ามีคนที่เราไว้ใจและเชื่อใจเขา ให้ความสนมสนิทสนมกับเขาในฐานะพี่ชาย แต่อยู่มาวันนึง เขากลับมาทำลายความเชื่อใจ และทำร้ายเราอย่างเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ คำว่าอภัยมันลบล้างความผิดของพวกเขาได้เหรอ? แม้แต่คำขอโทษ ผมก็ยังไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดเลย แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ ที่ต้องเป็นฝ่ายให้อภัยพวกเขา
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?
จนถึงตอนนี้ผมเลิกหวังคำขอโทษจากพวกเขาแล้ว แต่ผมหวังแค่ให้พวกเขาสำนึกได้ ว่าที่ผ่านมาพวกเขาทำอะไรลงไป ถ้าชีวิตของผมต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาไปตลอด ผมยอมรับได้ แต่ผมจะอยู่อย่างสบายใจ ไม่ใช่อยู่อย่างเหนื่อยใจแบบนี้
ห้องชุดสุดหรู มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเลิศ มีบริการเสิร์ฟอาหารถึงห้องถ้าเพียงแค่เราโทรสั่ง เสื้อผ้าก็ไม่ต้องลำบากมาจัดการเอง แค่ใช้บริการห้องซักรีดก็เรียบร้อย ชีวิตดูสะดวกสบายไปซะทุกอย่าง ใช่ ผมไม่ปฏิเสธว่าที่ที่ผมอาศัยอยู่นั้นมันเพอร์เฟคสุดยอด ผมไม่ต้องทำอะไรเลย ผมไม่ต้องลำบาก ทำแค่เพียงอาบน้ำแต่งตัว กินแล้วก็นอน ตื่นเช้ามาเรียนผมก็มีคนขับรถมาส่งถึงหน้าตึกคณะ เงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันก็ไม่ใช่เงินผม แถมผมยังมีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน ซึ่งก็ไม่ใช่เงินผมอีกเช่นกัน ผมมีบัตรเครดิตสองใบที่สามารถรูดใช้ได้ตามสบาย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าใช้ไปเท่าไหร่ เพราะบัตรไม่จำกัดวงเงิน ชีวิตแบบนี้ผมอยู่กับมันจนชิน
แต่ผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่ผมต้องการจริงๆคืออิสระ อิสระในการใช้ชีวิต และได้กลับไปอยู่ที่บ้านกับพี่ชาย แต่พวกเขาให้ผมไม่ได้ ผมถูกพวกพวกเขาตีกรอบให้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการ ให้ผมได้อยู่ในสายตาของพวกเขา
ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำให้ผมคือความรัก ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ สิ่งที่พวกเขาทำคือความเห็นแก่ตัว
ความรักสำหรับพวกเขาคืออะไร? คำถามนี้ พวกเขาจะให้คำตอบผมได้ไหม
“เฮ้อ…”
“เป็นอะไรต้าร์ นั่งถอนหายใจหลายเฮือกแล้วนะ”
เสียงจากคนข้างๆเรียกให้ผมหันไปมอง บอสขมวดคิ้วยุ่งจ้องผมเขม็ง
“เปล่า”
“แน่ใจ”
บอสถามเสียงสูง ผมยิ้ม ยื่นมือออกไปผลักหน้าผากบอสเบาๆ แต่เจ้าตัวโอเวอร์แอคติ้งเกินเหตุแสร้งทำเป็นเอนตัวหงายหลังไปชนตัวเล็กซึ่งนั่งอยู่ถัดไป
“เล่นไรกัน”
ตัวเล็กหันมาถาม บอสแลบลิ้น กลับมานั่งตัวตรง
“จะสอบแล้ว ตั้งใจหน่อย”
เสียงเข้มดังมาจากคนที่นั่งข้างขวามือผม บอสทำปากยื่น ผมหลุดขำ หันไปมองคนพูดเห็นเฟียซก้มหน้าเลคเชอร์ลงสมุด เพื่อนผมกะจะเอาA+ทุกวิชาเลยสินะ
“ตั้งใจๆ”
ผมพูด หันกลับมาเพ็งสายตามองไปยังจอโปรเจคเตอร์เบื้องหน้า ซึ่งมีอาจารย์ประจำภาควิชากำลังเขียนสูตรอย่างตั้งใจสอน
แต่เดี๋ยว วิชานี้เป็นคาบสุดท้ายแล้วนี่ เลิกเรียนแล้วเฟียซบอกจะไปติวที่หอ แต่ผมยังไม่ขออนุญาตผู้ปกครองเลย
ทำไงดี?
“ตกลงเอาไง มึงบอกพวกมันรึยังว่าจะไปติว”
เฟียซยิงคำถามใส่ผมทันทีที่เลิกคลาส ผมส่ายหน้า เฟียซถอนหายใจลุกเดินออกไป ผมมองตามหลังเขาก่อนหันไปมองบอส
“ต้าร์ยังไม่บอก รึบอกแล้วพวกมันไม่ให้มาติว”
บอสถาม ผมยิ้มแหย่ ตั้งแต่กลับจากบ้านคุณยาย พี่ควินก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูดกับผมเลย แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้เขายอมพูดด้วย
“ไอ้เฟียซมันง้อนต้าร์อีกแล้ว รีบออกไปมันง้อมันเถอะ ขี้เกียจฟังมันบ่น”
ตัวเล็กหันมาบอกผมก่อนดึงคอเสื้อบอสลากให้เดินตาม
“ปล่อยกู ไอ้เหี้ย! กูเดินเองได้”
บอสโวยวายพลางกวักมือเรียกผม ผมรีบเก็บหนังสือกับชีทใส่กระเป๋าลุกเดินตามเพื่อนออกไป พอเดินออกจากห้องก็เห็นร่างสูงของเฟียซยืนกอดอกพิงเสาอยู่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ผมยู่ปาก เดินเข้าไปหาเขา
“ต้าร์จะไปบอกพี่ควินที่คณะ เฟียซรอก่อนนะ”
“เรื่องของมึง”
เฟียซตอบกลับเสียงเรียบ ท่าทางจะงอนจริงแฮะ
“เฟียซ ต้าร์จริงจังนะ เก็บงอนไว้ก่อนได้ไหม”
“ใครงอนมึง”
“ไม่งอนแล้วหน้าบึ้งทำไม”
“หน้ากู เกี่ยวไรกับมึง”
แถเก่งจริงๆ
“โอเค ต้าร์จะรีบไปบอกพี่ควิน เฟียซรออยู่หน้าคณะนะ”
ผมบอก หันไปมองตัวเล็กกับบอส
“รอต้าร์ที่หน้าคณะนะ”
ผมบอกโดยไม่รอฟังคำตอบ รีบเดินลงบันไดไป
ถ้าผมบอกพี่ควิน แล้วเขาไม่พูดกับผมล่ะ จะทำไง? ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องบอกให้เขารู้ ดีกว่าไปโดยไม่บอกแล้วเขาตามมาอาละวาดทีหลัง ผมไม่อยากให้เฟียซเดือดร้อนอีก
ผมข้ามถนน เดินตรงไปที่ตึกคณะสถาปัตฯ เห็นนักศึกษานั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ใต้ตึก ผมมองจนทั่วเผื่อจะเห็นพี่ควิน แต่ก็ไม่พบ สงสัยยังไม่เลิกคลาส ผมเดินหาที่นั่ง มีโต๊ะว่างอยู่ใกล้ๆบันไดทางลงตึก ผมรีบเดินไปนั่ง หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ารอไว้ ถ้ามีคนเดินลงมานั้นแสดงว่าเลิกคลาสแล้ว ผมจะได้โทรหาเขา เพราะตึกนี้มีทางลงบันไดสี่ที่ ข้างหน้าตึกสอง ข้างหลังตึกสอง ถ้าผมรอมองหาเขาโดยไม่โทรหา คงได้ตามหากันวุ่นแน่ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะเดินลงมาทางไหน
“มารอพี่ควินเหรอ”
เสียงคุ้นหูเรียกให้ผมหันไปมอง จำได้ว่าเขาเป็นคนที่ผมเคยหลอกไว้ตอนที่ผมหนีกลับบ้าน
“ครับ”
ผมยิ้มตอบ
“งั้นก็หมดหน้าที่ผมแล้ว”
เขาบอกผมแล้วเดินไป ผมจะเรียกเขาก็ไม่ทันเพราะเขาวิ่งข้ามถนนไปแล้ว ตั้งใจว่าจะขอโทษเขาเรื่องคราวก่อน เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน
“ควิน เมื่อคืนไอ้ร็อคมันโทรหากูบอกมีแข่งรถอาทิตย์หน้า มันบอกมึงยังวะ”
ผมรีบลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อพี่ควิน ชะเง้อมองขึ้นไปบนบันไดก็เห็นนักศึกษาชายกลุ่มใหญ่เดินกันลงมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีคนที่ผมมองหารวมอยู่ด้วย ผมยิ้ม เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เดินไปรอเขาข้างๆบันได เหมือนว่าเขาจะมองเห็นผมแล้ว เพราะผมเห็นเพื่อนเขาเอาไหล่สะกิดแล้วมองมาที่ผม
“วีดวิ้ววว!”
เสียงผิวปากดังมาจากเพื่อนของเขาและพากันยิ้มกันทั้งกลุ่ม ยกเว้นเขาคนเดียวที่ปั้นหน้านิ่งขรึมผมได้แต่ยืนนิ่งรอเขาเดินลงมา
“พี่ควิน”
ผมเรียกเมื่อเขาเดินลงมาหยุดยืนอยู่ห่างจากผมเกือบหนึ่งช่วงตัว พวกเพื่อนๆของเขาก็พากันยืนอยู่รอบๆ
“เอ่อ…ผม…ผม”
ผมเอ่ยอย่างติดขัด ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เขา
ผมจะบอกเขายังไงดี?
“เฮ้ย!”
ผมอุทานเพราะจู่ๆก็มีขาใครไม่รู้โผล่มาขวางทางจนผมสะดุด ผมเบิกตากว้างกับแรงโน้มถ่วงของตัวเองที่เอนไปข้างหน้าที่ซึ่งมีร่างสูงของพี่ควินยืนอยู่
“ฮิ้ววว!”
เสียงโห่ร้องดังระงมขึ้นเมื่อตัวผมล้มใส่พี่ควิน โชคดีที่เขารับผมไว้ทัน แต่โชคร้ายที่ปากผมชนเข้ากับปากเขาไปเต็มๆ!
ผมรีบผลักเขาออก ยืนก้มหน้างุดท่ามกลางเสียงผิวปากและเสียงโห่ร้องจากเพื่อนๆของเขา
บ้าชะมัดเลย! พวกเขาจงใจแกล้งผม!
“ถ่ายทันไหมวะ”
“ไม่ทันวะ”
“ไอ้เหี้ย ยืนโง่อยู่ทำไมวะ”
ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเพื่อนๆของพี่ควินจะตั้งใจทำให้ผมล้มใส่พี่ควิน เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่ายรูปเก็บไว้
ทำไมพวกเขาเล่นพิเรนทร์กันแบบนี้
ผมมองหน้าพี่ควิน เขายังยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร
เขาจะไม่พูดกับผมจริงๆเหรอ?
จะให้ผมทำยังไง?
ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว
ผมตัดสินใจหันหลังเดินออกมา แต่แรงดึงที่แขนทำให้ผมชะงักหันกลับไปมอง พี่ควินเลื่อนมือที่แขนมาจับมือผมไว้ ดึงให้เดินตามเขาไปโดยไม่พูดอะไร เขาจูงมือผมพาเดินมาถึงที่รถ
“พี่ครับ”
ผมเรียกก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่ง
“ใกล้จะสอบแล้ว ผมขอไปติวหนังสือกับเพื่อนได้ไหมครับ”
ผมรีบบอก ส่งสายตาขอร้องเขาด้วย หวังว่าเขาจะเข้าใจ
“ตั้งแต่วันนี้เลย ได้ไหมครับ คือ…พวกเพื่อนๆกำลังรอผมอยู่”
“ใคร”
คำถามห้วนสั้นแต่ทำให้ผมยิ้มกว้าง
เขายอมพูดกับผมแล้ว!
“เพื่อนมึงมีใครบ้าง”
“มีบอสกับตัวเล็กแล้วก็เฟียซครับ”
ผมรีบตอบ
“ที่ไหน”
เขาหมายถึงติวที่ไหนใช่ไหม?
“ที่หอเฟียซครับ”
ผมเสี่ยงตอบ มองเขาอย่างรอคอยคำอนุญาต
“ทำไมต้องเป็นหอมัน”
“เอ่อ…คือ…หอเฟียซอยู่ใกล้มหา’ลัยที่สุดครับ มีเซเว่นกับร้านอาหารอยู่ใต้หอด้วย”
ผมยิ้มเจื่อน สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมของเขาทำผมหวั่นใจ
“ติวกี่ชั่วโมง”
“คงไม่เกิน3ชั่วโมงครับ”
เหมือนผมกำลังถูกผู้ปกครองซักประวัติเลยแฮะ
“ขึ้นรถ”
ผมขมวดคิ้ว จะให้ผมขึ้นได้ไง เขายังไม่ตอบเลยว่าจะให้ผมไปติวรึเปล่า
“กูบอกให้ขึ้นรถ”
“พี่จะให้ผมไปติวรึเปล่า”
“ถ้ายังไม่รีบขึ้น กูไม่ให้ไป”
“ครับ ผมขึ้นแล้วครับ”
ผมผงกศีรษะตอบ รีบก้าวขึ้นรถ
“พวกเพื่อนๆรอผมอยู่หน้าคณะครับ”
ผมบอกเมื่อเขาเข้ามานั่งในรถ สตาร์ทเครื่องยนต์เตรียมขับออกไป
“โทรไปบอกพวกมันว่ากูจะไปส่งมึงที่หอ”
เขาบอกโดยไม่หันมามองก่อนขับรถออกไป ผมรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาโทรหาเฟียซ รอฟังเสียงสัญญาณอยู่ครู่นึงเขาก็รับสาย
“มีไร”
“พี่ควินกำลังขับรถไปส่งต้าร์ที่หอ เจอกันที่หอเลยนะ ขอโทษด้วยที่ให้รอ ฝากขอโทษตัวเล็กกับบอสด้วย”
เฟียซไม่ตอบ เขาตัดสายผมไปเลย ผมยู่ปาก เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ท่าทางเฟียซจะงอนหนักกว่าเดิม
หอพักของเฟียซอยู่ห่างจากมหา’ลัยไม่ไกลนัก เป็นหอพักรวม สภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบจัดว่าดี ผมเคยมาทำงานกลุ่มที่หอเฟียซตอนเทอมแรก เลยค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทาง แต่เหมือนว่าพี่ควินจะชำนาญทางและจำเส้นทางได้แม่นยำกว่าผม เพราะเขาขับมาถึงโดยที่ผมไม่ต้องบอกทางเขาเลย
จำได้ว่าครั้งนั้นพวกเขามาตามผม แต่ก็แค่ครั้งเดียว
รถจอดข้างหน้าตึกของหอพัก ผมเปิดประตูลงจากรถ มองไปรอบๆ ยังไม่เห็นรถมอเตอร์ไซต์ของเฟียซกับรถยนต์ของตัวเล็ก แสดงว่าพวกเขายังมาไม่ถึง ผมหันไปมองพี่ควิน เขากดรีโมทล็อครถไว้แล้วเดินมาหาผม
ผมนึกว่าเขาจะแค่มาส่งผมเฉยๆแล้วกลับไปซะอีก
“พี่ควินกลับคอนโดไปก่อนก็ได้ครับ ติวเสร็จแล้ว ผมจะกลับเอง”
ผมยิ้มบอกเขา แต่เขาไม่ตอบ โอบเอวผมพาเดินไปที่เซเว่นใต้ตึก
“ผมไปเอาขนมนะ”
ผมบอกเขาเมื่อเดินเข้ามาในเซเว่น เขาปล่อยผมแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ ผมเลยเดินแยกออกมาหาขนมไว้ทานตอนติวหนังสือ ผมหยิบขนมขบเคี้ยวกับช็อกโกแลตแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำผลไม้ ได้ของที่ต้องการครบก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ เห็นพี่ควินยืนรอผมอยู่ ผมวางของไว้ มีบุหรี่ซองนึงกับหมากฝรั่งวางอยู่ก่อน คงเป็นของพี่ควิน
“คิดรวมกัน”
เสียงเข้มบอกพนักงานพร้อมยื่นแบงค์พันให้ ผมมองออกไปนอกประตูเลื่อนอัตโนมัติระหว่างรอพนักงานคิดเงิน เห็นรถยนต์ของตัวเล็กจอดอยู่ใกล้ๆกับรถของพี่ควิน พวกเขามาถึงแล้ว ผมหันกลับมาก็เห็นว่าพนักงานกำลังหยิบของใส่ถุง ผมยื่นมือไปรับถุงเมื่อพนักงานยื่นมาให้ พี่ควินโอบเอวผมพาเดินออกไป
“บอส”
ผมส่งเสียงเรียกบอสพลางโบกมือให้
“ไอ้เฟียซยังไม่มาเลย ขึ้นไปรอมันข้างบน มันให้คีย์การ์ดกับกุญแจห้องมาแล้ว”
บอสบอกพลางชูพวงกุญแจให้ดู เดินนำไปที่ประตูทางเข้าหอ ตัวเล็กเดินตามมา ผมยิ้ม จะเดินตามเพื่อนไป แต่แรงดึงรั้งจากคนข้างตัวทำให้ผมชะงัก หันไปมองเขา
“มีอะไรเหรอฮะ”
เขาไม่ตอบแต่ดึงกระเป๋าเป้ออกจากบ่าผมไปถือไว้ เสียงรถมอเตอร์ไซต์คุ้นหูดังอยู่ข้างหน้าหอเรียกให้ผมหันไปมอง เฟียซมาแล้ว
“เดิน”
คำสั่งมาพร้อมกับแรงโอบรัดเอว ผมเบนสายตาจากเฟียซมามองเขา นัยน์ตาสีเฮเซลดุดันจนผมต้องรีบเดิน
ผมเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น3 ทันเห็นตัวเล็กกับบอสเดินเลี้ยวขวาไป ผมเดินตามไป บอสหยุดอยู่หน้าห้อง303เอากุญแจไขปลดล็อคแม่กุญแจแล้วไขกุญแจปลดล็อคลูกบิดประตู เปิดเข้าไป พอบอสกับตัวเล็กเข้าไปในห้องแล้ว ผมก็ถอดรองเท้าไว้หน้าห้อง พี่ควินถอดตาม เอาเท้าเขี่ยรองเท้ามาให้ติดกับรองเท้าผม
“พี่ควินจะอยู่รอผมติวเหรอครับ”
ผมหันไปถาม เขาไม่ตอบ ดันให้ผมเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาก็เห็นบอสกับตัวเล็กกำลังจัดพื้นที่อยู่ ผมจะเข้าไปช่วยเพื่อนแต่ถูกพี่ควินดึงรั้งไว้ เขาจับมือผมดึงให้เดินไปที่ระเบียงด้านนอก
“ตั้ง3ชั่วโมง พี่จะไม่เบื่อเหรอครับ”
ผมพูดขึ้น แต่เขากลับรวบเอวผมจากด้านหลัง กอดผมไว้แน่น พอผมหันไปมอง เขาก็ซุกหน้าไซร้ซอกคอผม ผมหลุดหัวเราะเพราะรู้สึกจั๊กจี้จากไรหนวดเขา
ปัง!
เสียงดังลั่นห้องจนผมสะดุ้ง หันไปมองยังที่มาของเสียงก็เห็นเฟียซยืนอยู่หน้าประตูมองมาที่ผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ผมมองเขานิ่ง ส่งสายตาขอลุโทษให้เขา แต่เขาหันหน้าหนีเดินพ้นสายตาผมไป
“เพื่อนมาครบแล้ว พี่ควินปล่อยผมเถอะครับ จะได้รีบติวรีบกลับ”
ผมบอก ดึงกระเป๋าเป้ออกจากบ่าเขา เขาคลายอ้อมแขน ผมผละห่างออกมา ยิ้มให้เขาบางๆ
“งั้นผมเข้าไปติวนะครับ”
ผมบอกแล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง มองหาเฟียซ เขากำลังนั่งพับแขนเสื้ออยู่บนเตียง ผมเดินเข้าไปหาเขา แต่พอเขาหันมาเห็นผมก็รีบลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมถอนหายใจ เดินไปนั่งใกล้บอสที่พื้น ซึ่งจัดไว้ให้นั่งติวกัน
“มันมาเฝ้าต้าร์ทำไม”
บอสถามพลางบุ้ยใบ้ไปถึงคนที่รออยู่ตรงระเบียง ผมส่ายหน้า
“แค่มาติว ต้องมาเฝ้าขนาดนี้เลย”
บอสยังคงบ่นต่อ ผมได้แต่นั่งถอนหายใจ
“ชอบเสือกเรื่องของคนอื่น”
ตัวเล็กพูดขึ้น บอสเลยหยิบชีทฟาดศีรษะตัวเล็ก ผมยิ้มขำพอดีกับที่เฟียซเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาหยิบหนังสือกับชีทในชั้นวางเดินมานั่งตรงข้ามผม สีหน้ายังไม่คลายจากอาการบึ้งตึง
“รีบๆติว จะได้รีบๆไป”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ผมรู้ว่าที่เฟียซเร่งให้รีบติว เพราะเขาต้องการให้ผมกับพี่ควินรีบกลับไป
“อะไรนักหนาวะ มึงก็รู้ว่าต้าร์ไม่ได้ตั้งใจให้มันมาเฝ้า”
บอสพูดขึ้น
“ช่างเถอะบอส รีบๆติวก็ดี ต้าร์จะได้รีบกลับ ไม่อยากอยู่ให้เจ้าของห้องรำคาญใจนาน”
ผมบอกพลางหยิบหนังสือกับชีทออกจากกระเป๋ามาวางตรงหน้า
“มึงแม่ง ทำเสียบรรยากาศ ติวก็ส่วนติวสิวะ เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว มึงแยกไม่ออกเหรอ ถ้าจะติว ก็คุยกันดีดี”
ตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองหน้าเฟียซอย่างกดดัน
“ต้าร์ขอโทษที่ทำให้เฟียซไม่พอใจ ยกโทษให้ต้าร์นะ เรามาดีกันเถอะ”
ผมบอก มองหน้าเฟียซอย่างวอนขอ แค่ที่พี่ควินตามมาเฝ้า ผมก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้เลย
“มึงจะเอาไง ต้าร์ก็ขอโทษมึงแล้ว จะให้มันทำยังไงอีก”
บอสพูด ตอนนี้สายตาของพวกผมพุ่งไปที่เฟียซคนเดียว
“ต้าร์อยากมาติวทุกวัน แต่ต้าร์ก็บอกเฟียซไม่ได้ว่าพวกเขาจะมาเฝ้าต้าร์ทุกวันรึเปล่า ต้าร์อยากให้เฟียซรู้ ว่าต้าร์ทำดีที่สุดแล้ว”
ผมบอก ไม่ได้ละสายตาจากเพื่อนสนิท เขาควรจะเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุดไม่ใช่เหรอ?
“เออ กูผิดเอง”
เฟียซพูดเสียงห้วน ดูก็รู้ว่าเขายังไม่หายโกรธ ผมมองไปที่ประตูหลังห้องที่เชื่อมต่อส่วนของระเบียงด้านนอก แม้ไม่ได้ปิดสนิทเพราะพี่ควินยังอยู่ข้างนอก แต่จากตรงนี้เขาคงมองเข้ามาในห้องไม่เห็นถ้าไม่เปิดประตูเข้ามา ผมคลานเข้าไปนั่งใกล้เฟียซ จับมือเขาไว้
“ขอโทษ”
เฟียซหันมามอง ผมบีบกระชับมือเขา
“เข้าใจต้าร์ใช่ไหม”
ผมมองเขานิ่ง แล้วก็ต้องยิ้มเมื่อเฟียซเบ้ปาก เขาหายโกรธผมแล้ว
“ขอบคุณ”
ผมยิ้มบอก
“เข้าใจกันแล้วก็รีบติว ไอ้บอสมันจ้องจะงาบขนมต้าร์แล้วเนี่ย”
ตัวเล็กพูดกลั้วหัวเราะ เลยพาลโดนกำปั้นจากบอสไปหมัดนึง
“แกะกินเลยบอส มีช็อคโกแลตด้วยนะ น้ำผลไม้ก็มี”
“ไม่ต้องบอกก็จะแกะอยู่แล้ว”
บอสตอบพลางยิ้มกริ่ม ผมหัวเราะ หันไปมองเฟียซก็เห็นว่าเพื่อนกำลังยิ้มอยู่ ในขณะที่มือของเรายังจับกันไว้
แค่นี้ก็พอ ขอแค่เพื่อนรักเข้าใจและให้อภัยผม ผมก็ดีใจแล้ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปสำหรับการติว ขนม ช็อคโกแลตและน้ำผลไม้ที่ผมซื้อมาก็หมดตามไปด้วย ผมลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่าออกมารินน้ำใส่แก้ว เดินไปวางขวดน้ำไว้ให้เฟียซที่นอนพักสายตาอยู่ หลังจากที่บอสกับตัวเล็กลงไปซื้ออาหารกับขนมข้างล่าง ผมถือแก้วน้ำเดินตรงไปที่ประตูด้านหลัง เปิดประตูออกไปก็เห็นพี่ควินกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ พอเขาหันมาเห็นผมก็ทิ้งมวนบุหรี่ใส่กระถางต้นไม้ข้างๆ
“ผมเอาน้ำมาให้ครับ”
ผมเดินเข้าไปนั่งยองๆใกล้ๆเขา ยื่นแก้วน้ำให้ แต่เขาไม่รับ
“ไม่หิวเหรอครับ ตั้งแต่มาพี่ควินยังไม่ได้ทานน้ำเลย”
เขาไม่ตอบ เอาแต่มองผมนิ่ง
“หรือพี่ควินหิวข้าวครับ งั้นผมลงไปซื้อให้นะ”
ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่เขาจับแขนผมไว้ แล้วดึงแก้วน้ำออกจากมือผมไปวางไว้บนกำแพง ผมมองเขาอย่างงุนงง จนเขารวบตัวผมไปกอด ผมถึงเข้าใจ ผมยิ้มแนบอกกว้างของเขา
“อีก2ชั่วโมงก็ติวเสร็จแล้วครับ”
ผมบอก เขากอดรัดผมแน่นขึ้นคล้ายไม่พอใจ
“รีบๆติว”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ผมผละออกมามองหน้าเขา
“พี่ควินเข้าไปรอในห้องสิครับ อยู่ข้างนอกไม่มีพัดลม บอสกับตัวเล็กลงไปซื้อข้าวกับขนม อีกเดี๋ยวคงขึ้นมา พี่ควินจะได้ทานด้วย”
ผมบอก ยื่นมือออกไปปัดฝุ่นที่ติดปกคอเสื้อให้เขา
“กูไม่อยากเห็นหน้ามัน”
คำตอบเหมือนเด็กเอาแต่ใจทำให้ผมยิ้ม
“แต่พี่ก็เลือกมาลำบากนั่งรอผม ไม่เชื่อใจผมเหรอ กลัวว่าผมจะหนีเหรอครับ”
ผมถาม มองเขาอย่างรอคอยคำตอบ
“กูเชื่อใจมึง แต่ไม่ไว้ใจมัน”
ผมเลิกคิ้ว ‘มัน’ ที่เขาว่าคงหมายถึงเฟียซ
“ผมกับเฟียซเป็นเพื่อนกัน เราเป็นแค่เพื่อน จริงๆนะครับ”
ผมบอกอย่างหนักแน่น ยืนยันให้เขาเชื่อใจว่าผมกับเฟียซเป็นเพื่อนอย่างบริสุทธิ์ใจต่อกันจริงๆ
“รีบเข้าไปติว”
เขาบอกเสียงห้วนคล้ายจะบอกปัด ผมถอนใจ กอดเขาไว้
“แค่พี่เชื่อใจ ผมก็เบาใจครับ ผมจะรีบเข้าไปติว เราจะได้กลับกันสักที”
ผมบอกพลางผละออกมา
“อย่าลืมทานน้ำนะครับ”
ผมลุกขึ้น ยิ้มกว้างให้เขาก่อนเดินเข้าห้อง
ผมรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังโอบรัดตัวผมอยู่ มันทำให้ผมอึดอัด และผมไม่สามารถสลัดมันออกไปได้ ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ดิ้นไม่หลุด ตรงกันข้าม ยิ่งผมขัดขืน มันก็ยิ่งบีบรัดตัวผมแน่นขึ้น ทางเดียวที่ทำให้ผมอยู่รอดคืออดทน ปล่อยวาง และชินชา
ใช่…ผมต้องทน ต้องปล่อย และต้องชินต่อไป จนกว่าผมจะขาดอากาศหายใจ และไร้ความรู้สึกไปเอง
--------------------------------------------------------------------------------
พยายามให้มันซอฟท์แล้ว แต่ก็ยังไม่วายดราม่า
ไม่มีไรจะพูด
เอาเป็นว่าตอนหน้าพี่แซทจะกลับมาแล้ว
ขอเสียงต้อนรับพี่แซทหน่อยเร็ว!!!
อย่างที่เคยบอก อ่านแล้วอย่าเครียดกันนะคะ ไม่อยากให้คนอ่านเครียด
ให้คนแต่งเครียดคนเดียวก็พอ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตาม
รักคนอ่านเสมอ อิอิ