Heartbreaker : 20
http://www.youtube.com/v/11hxF_0Y7Bo?version=1&hl=en_US&color1=0xa5a5a5&color2=0xFFFFFF&loop=1&autoplay=1"อาการที่เรียกว่าตะคริวกำลังเล่นงานผม ขาขวาซึ่งเป็นข้างถนัดไม่สามารถขยับได้ ผมเบ้หน้าด้วยความทรมาน มันทั้งปวดทั้งชาทั้งคันยิบๆผสมกัน ผมพยายามบีบนวดขาตัวเอง ไม่ส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าของรถ จนกระทั่งเขาขับรถเข้ามาจอดหน้ามุขของคฤหาสน์หลังใหญ่ อาการก็ยังไม่หาย
“ขอต้อนรับกลับบ้านครับบอส”
เสียงต้อนรับแข็งขันดังประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ผมหันไปมองก็เห็นว่าพี่แซทลงจากรถไปแล้ว
“ไอ้อังเดรกับอะดอนิสอยู่ไหน”
“อยู่กับดอนครับ”
“ไปตามพวกมันมา”
“ครับบอส”
“ลงมา”
เสียงเข้มสั่งผมให้ลงจากรถ ผมยิ้มเจื่อน พยายามขยับขาแล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกปวด
“เป็นอะไร”
“ตะคริวครับ”
ผมตอบเสียงอ่อย พี่แซทเดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูให้
“ไม่ต้องอุ้มก็ได้ครับ แค่ประคองก็พอ”
ผมรีบค้านเขาไว้เมื่อเห็นเขาทำท่าจะเข้ามาอุ้มผมลงจากรถ
“อย่าอวดเก่ง”
“แต่…”
“หุบปาก”
ผมหน้ามุ่ย ยอมให้เขาสอดมือเข้าใต้ข้อพับเข่าอุ้มผมลงจากรถ
“เป็นอะไรลูก”
เสียงสูงเรียกให้ผมหันไปมอง ผู้หญิงที่มีเค้าโคร่งหน้าคล้ายพี่แซทยืนอยู่หน้าประตู ท่านอยู่ในชุดวอร์มออกกำลังกายสีขาวมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนบ่า
คุณแม่พี่แซท
“น้องเป็นอะไรแซท แกทำอะไรน้อง”
ท่านถามลูกชายเสียงดุ
“สวัสดีครับคุณป้า พี่แซทไม่ได้ทำอะไรผมหรอกครับ ผมแค่เป็นตะคริว”
ผมยกมือสวัสดีท่านอย่างไม่สะดวกนักพลางยิ้มตอบ
“ตายจริง เจ็บมากไหมลูก ไปๆรีบพาน้องเข้าบ้าน”
ท่านเอ่ยเร่งลูกชายพลางเดินนำเข้าบ้านไป
พี่แซทอุ้มผมวางลงบนโซฟาหลุยส์ ผมจับขาดูก็ยังรู้สึกปวดเหมือนเดิม
“เป็นไงบ้างลูก ดีขึ้นรึยัง”
ท่านถามพลางนั่งลงข้างๆ มองผมด้วยสายตาห่วงใย ผมยิ้มเจื่อนตอบ ท่านปรบมือหนึ่งครั้งก็มีเมดเดินเข้ามาโค้งตัวให้ท่านกับพี่แซท
“ไปเอายาคลายกล้ามเนื้อมา”
“ค่ะมาดาม”
เมดค้อมศีรษะรับคำสั่งก่อนเดินออกไป
ผมหันไปมองหน้าท่านอย่างเกรงใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ ทั้งๆที่เพิ่งมาถึงแท้ๆ
“ไม่คิดจะทักทายแม่สักคำเหรอแซท”
ผมหันไปมองหน้าพี่แซท เขาไม่ได้สนใจแม่ตัวเองแต่กลับมองผมนิ่ง
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกไม่ได้กลับบ้านมากี่เดือนแล้ว”
พี่แซทยังนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“แซท แม่กำลังพูดกับแกอยู่นะ”
“ผมก็มาแล้วนี่ไง”
ในที่สุดเสียงนิ่งๆก็เอ่ยตอบออกมา
“ก็ถ้าฉันไม่ส่งคนไปตาม แกจะยอมกลับมามั้ย”
ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพี่แซทกับคุณแม่เป็นอย่างไร แต่เท่าที่สัมผัสได้ในเวลานี้คือ ความห่างเหิน
“ช่างเถอะ กลับมาก็ดีแล้ว จะได้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน”
ท่านบอกปัดคล้ายเหนื่อยหน่ายใจกับอาการของลูกชาย
“หนูด้วยนะลูก อยู่ทานข้าวเย็นกับป้านะ”
“ครับ”
ผมยิ้มตอบ ท่านยื่นมือมาลูบศีรษะผมเบาๆพลางยิ้มอ่อนโยน
“แกน่าจะหัดทำตัวน่ารักเหมือนน้องบ้างนะแซท”
พี่แซทไม่พูดอะไร เขามองผมด้วยสายตาดุ
“ยาค่ะมาดาม”
เมดเดินเข้ามายื่นหลอดยาให้ แต่ท่านหันไปมองหน้าพี่แซท และเหมือนว่าเขาจะรู้ความต้องการของท่านเลยยื่นมือออกไปรับหลอดยา พอเมดเดินออกไปร่างสูงของการ์ดสองคนที่ผมเจอไปก่อนหน้านี้ก็เดินเข้ามา พวกเขาหยุดยืนตรงเยื้องเบื้องหน้าพี่แซทเกือบสองช่วงตัวแล้วค้อมศีรษะทำความเคารพ
“มีอะไรให้พวกผมรับใช้ครับบอส”
คนถูกเรียกว่าบอสไม่ได้เอ่ยตอบ เขาไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องครับ ผมทาเองได้”
ผมรีบบอกเมื่อพี่แซทขยับตัวลงนั่งชั่นเข่าข้างนึงบนพื้นตรงหน้าผมแล้วถลกขากางเกงผมขึ้น
“ให้แซททาให้เถอะลูก หนูยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ…”
ผมพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าท่านด้วยความเกรงใจ
“พี่แซท”
ผมเรียกเขาเสียงแผ่ว
“อยากหายเร็วๆก็อยู่นิ่งๆ อย่าพูดมาก”
ผมเม้มปากแน่นทันทีที่โดนดุ ได้แต่นั่งนิ่งเงียบมองเขาทายาและนวดคลึงขาขวาข้างที่เป็นตะคริวให้ผม แม้จะไม่นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ผมรู้สึกได้ว่าเขาตั้งใจทำ สักพักผมก็รู้สึกว่าอาการปวดบรรเทาลง
“เป็นยังไง”
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ”
ผมยิ้มตอบ มือใหญ่ผละออกจากขาผม พอลองขยับก็ไม่ปวดมากเท่าไหร่
“ขอบคุณครับ”
พี่แซทวางหลอดยาไว้บนโต๊ะก่อนลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ของการ์ดที่ยืนนิ่งรอรับคำสั่งอยู่
“พวกแกทำให้เด็กฉันตกใจ ไหนบอกมาสิ ฉันควรลงโทษพวกแกยังไง”
ผมตาโตกับคำพูดของเขา นี่เขาคิดจะลงโทษลูกน้องเพราะผมเป็นต้นเหตุเหรอ
“พี่แซท ผมว่า…”
“เงียบ”
ผมอ้าปากค้างกับคำสั่งห้วนสั้น หันไปมองคุณป้า ท่านก็ยิ้มอ่อนโยนให้ผมแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรคล้ายจะบอกให้ผมนิ่งรอดูเหตุการณ์ต่อไป
“แล้วแต่บอสจะลงโทษครับ”
พร้อมใจกันตอบประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงราวกับทหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ผมมองพวกเขาสลับกับพี่แซทอย่างใจคอไม่ดีด้วยกลัวว่าเขาจะลงโทษลูกน้องรุนแรง
“พ่อจะหักเงินเดือนอังเดรกับอะดอนิส3เดือนแล้วให้ไปทำงานตัดหญ้าแทนคนสวนอีก3เดือน ลูกว่าเป็นไง พอใจมั้ย”
ผมหันไปมองตามเสียงทุ้มกับสำเนียงภาษาไทยแปร่งๆ ผู้ชายร่างสูงราวๆ2เมตรผมสีดำสนิท ใบหน้าบ่งบอกสายเลือดอิตาเลี่ยนหล่อเหล่าคมสันและดูน่าเกรงขาม “ดอน อัลแบร์โต ชิคารินี” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองจำเลยทั้งสองแล้วหันมามองพี่แซท ท่านคลี่ยิ้มมุมปาก เดินเข้ามานั่งที่โซฟาหลุยส์ฝั่งตรงข้าม
“เคลียร์งานเสร็จแล้วเหรอค่ะคุณ”
คุณป้าลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆสามีของท่าน
ผมจำได้ว่าเคยเห็นท่านอยู่ครั้งนึงเมื่อสมัยผมเรียนอยู่มัธยมปลาย ใบหน้าของท่านยังเหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก ท่านดูไม่แก่เลยสักนิด หนำซ้ำยังดูหนุ่มขึ้นด้วย
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง หนูจำฉันได้มั้ย”
ผมยิ้มที่ท่านเอ่ยทัก ไม่คิดว่าท่านจะเป็นฝ่ายทักทายผมก่อน
“จำได้ครับ สวัสดีครับท่าน”
“ท่านอะไร เรียกลุงก็ได้ถ้าเห็นว่าฉันยังไม่แก่เกินไป”
ท่านบอกกลั้วหัวเราะหันไปแย้มยิ้มกับคุณป้า
“คุณลุงยังไม่แก่สักนิดเลยครับ”
“ดูสิค่ะคุณ น่ารักแล้วยังปากหวานอีก”
ผมยิ้มเขินกับคำยอของคุณป้า
“แล้วตกลงว่ายังไง แซทเห็นด้วยกับพ่อมั้ย”
ท่านหันไปถามพี่แซทที่ยังยืนนิ่งอยู่
“แล้วแต่คุณ คนของคุณนี่”
เสียงนิ่งตอบกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”
ท่านว่าแล้วปรายตาไปยังอังเดรและอะดอนิสก่อนที่พวกเขาจะโค้งตัวแล้วเดินออกไป
“พ่อดีใจนะที่เห็นแซทกลับบ้าน”
“ผมจะพาต้าร์ขึ้นห้อง”
พี่แซทเดินกลับมาประคองผมลุกขึ้น ไม่สนใจคุณลุงคุณป้าที่มองมา
“แซท แม่จำได้ว่าเคยสอนเรื่องมารยาทแกไปแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร พาน้องขึ้นห้องเถอะ”
คุณลุงบอกพลางส่งยิ้มให้ผม เหมือนว่าท่านจะชินกับกิริยาที่พี่แซทแสดงออก
พี่แซทพาผมเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน ห้องของเขาอยู่ทางปลีกซ้าย พอเดินเข้ามาในห้องผมก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆของลาเวนเดอร์ เขาพาผมเดินผ่านบาร์เครื่องดื่มตรงเข้าไปข้างในซึ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ประคองผมนั่งลงบนเตียงแล้วผละออกไป ผมมองตาม เห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนเอนตัวลงนอน หลับตา กลิ่นลาเวนเดอร์ทำให้ผมเคลิ้มจนอยากจะหลับสักงีบ
“อื้อ…”
ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงกดทับที่ข้อมือและสัมผัสร้อนรุ่มที่ปาก ตาผมเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็น คนที่คร่อมผมอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ผมครางประท้วงหวังให้เขาถอนปากออกไป แต่แรงบดเบียดดุนดันลิ้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากฉุดความหวังของผมไป มือใหญ่เลื่อนจากข้อมือผมมาสอดประสานกับมือผมไว้ ในหัวผมคิดหาหนทางหนีวุ่นวายไปหมด แต่ราวกับเขาล่วงรู้ แรงกดทับที่มือพร้อมกายแกร่งจึงบดเบียดจนตัวผมยวบไหวไปกับฝูกนุ่ม
“พี่แซท”
ทันทีที่เขาถอนจูบออกไป ผมก็เรียกเขาเสียงแผ่วปนหอบ
“เงียบ”
เสียงเข้มสั่งก่อนโน้มหน้าลงซุกไซร้ซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย ลมหายใจอุ่นๆของเขาทำให้ผมขนลุกซู่
“พี่ครับ ผม…”
ไม่รอให้ผมพูดจบเขาก็รีบเคลื่อนปากมาครอบครองปากผมไว้อีกครั้ง
ผมจะหาทางเลี่ยงเขายังไงดี ในเมื่อตอนนี้ผมกำลังถูกเขาจู่โจมอย่างหนัก!
“อ๊ะ!”
ผมหลุดเสียงครางเมื่อเขาถอนจูบออก แล้วไปสัมผัสที่ติ่งหู ราวกับเขาต้องการแกล้งผมถึงได้ขบเม้ม เลียและกัดเบาๆ
“พี่แซท ผมปวดฉี่”
ผมบอกพลางนิ่วหน้าประกอบให้เขาเชื่อว่าผมปวดจริงๆ
“กูไม่โง่เชื่อมึงหรอก”
ผมชะงัก มองสบสายตาคมด้วยอาการตื่นกลัว นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาจ้องผมเหมือนจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ผมเม้มปากแน่นคิดหาข้ออ้างอื่นที่จะทำให้เขายอมปล่อย
“อย่าทรมานกู”
น้ำเสียงเรียบนิ่งขัดกับแววตาร้อนแรงของเขาดึงผมออกจากความคิดวุ่นวายในหัว มือใหญ่ที่จับประสานกับมือผมผละออกมาปลดกระดุมเสื้อนิสิตผมออกทีละเม็ดๆ ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอ มองเขาถอดเสื้อผมออกแล้วโยนทิ้งไว้บนพื้น ผมหันหน้าหนี หลบสายตาคมกล้าของเขา สัมผัสที่หน้าท้องจากฝ่ามือร้อนทำผมสะดุ้ง ผมหลับตากัดฟันแน่นรู้สึกถึงอารมณ์ปั่นป่วนเพราะถูกเขาปลุกเร้า
ผมจะทำยังไงดี ผมยังไม่พร้อม แต่ถ้าผมปฎิเสธเขาไปตรงๆก็กลัวว่าเขาจะใช้กำลัง
------------------------------------------------------------------------------------
ขออัพเท่าที่แต่งดองไว้ก่อนนะคะ (แต่งมาได้แค่นี้
)
ส่วนที่เหลือจะตามมาทีหลังค่ะ (อาจจะนานหน่อย
)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
เดือนหน้าคนแต่งมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ต้องจัดการ นั่นก็คือการสอบ สอบ!!!
เครียดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ประเด็นที่เครียดมากคือ ขอจบปีนี้ด้วย
ใจยังพะวงกับนิยายตัวเอง
เอาเป็นว่าหลังสอบเสร็จจะกลับมาอย่างเต็มตัวนะคะ
ด้วยรักและห่วงใยคนอ่านเสมอ
New-Y Holic