Heartbreaker : 21
ช่วงเวลาวิกฤตสำหรับผมใกล้เข้ามาแล้ว มะรืนนี้ก็จะเป็นวันสอบวันแรก และวิชาแรกที่ผมต้องสอบก็เป็นวิชาหลักของสายที่ผมเลือกเรียน ผมต้องเจอกระดูกชิ้นโตตั้งแต่วันแรกของเทศกาลสอบเลยทีเดียว โชคร้ายชะมัด ผมได้แต่หวังว่าสิ่งที่เฟียซติวให้ผมมา จะช่วยให้ผมผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี ผมไม่ใช่คนเรียนเก่งและไม่ใช่คนขยันด้วย แต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุด
ผมมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงข้างๆตัวแล้วอยากโทรหาพี่ชาย อยากได้ยินเสียง อยากได้กำลังใจจากเขา ที่สำคัญผมอยากเจอพี่เนสก่อนสอบ แต่วันนี้ไม่ใช่วันที่เรานัดกัน
“เฮ้อ…”
ผมถอนใจอย่างคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดีถึงจะได้เจอพี่ชายวันนี้เลย ผมไม่อยากรอพรุ่งนี้ เพราะถ้าพรุ่งนี้เราเจอกันก็คงพูดคุยกันได้แค่แป็ปเดียว แต่ถ้าผมได้เจอพี่เนสวันนี้ ผมจะขอให้เขานอนค้างกับผม พี่เนสไม่มีทางปฏิเสธคำขอผมแน่ แต่ติดปัญหาตรงที่…ผู้คุมของผมและผู้คุ้มของพี่เนส
ถ้าผ่านด่านผู้คุ้มไปได้ทุกอย่างก็เรียบร้อย
“คิดอะไร”
เสียงนิ่งๆดังขึ้นแทรกภวังค์ความคิด ผมหันไปมอง พี่แซทยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ อยู่ ผมเม้มปากนิ่งคิดอยู่ครู่นึงก็ลุกขึ้นเดินไปหาเขา
“พี่แซท มะรืนนี้ก็จะสอบแล้ว ผม เอ่อ…ผม”
“อะไร” คนตัวสูงกว่าหรี่ตามอง
ผมยิ้มแหย ยื่นมือออกไปเกาะแขนเขาไว้ ปรับสีหน้าเป็นยิ้มกว้าง
“เลื่อนนัดมาเป็นวันนี้แทนได้มั้ยฮะ”
ผมบอก รอลุ้นคำตอบอย่างตั้งใจ แต่เขากลับยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ผมหน้าเสียที่วิธีอ้อนขอตรงๆใช้ไม่ได้ผล
“พี่แซท เดี๋ยวสิฮะ”
ผมร้องเรียกเมื่อจู่ๆเขาก็เดินหนีออกจากห้องไปเสียเฉยๆ ผมตามออกมาก็เห็นเขาเดินลิ่วๆตรงไปห้องครัว
ก็แค่ขอให้เลื่อนนัดพรุ่งนี้มาเป็นวันนี้แทน ไม่ได้ขออะไรมากสักหน่อย ทำไมต้องเดินหนีด้วย
“พี่ควิน”
ผมหันไปมองอีกคนที่กำลังถือโทรศัพท์แนบหูยืนอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับใคร ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากพี่แซทมาเป็นพี่ควิน ให้มันรู้ไปสิว่าพวกเขาจะไม่ใจอ่อน
“พี่ควิน ผม…”
ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ขึงตาดุใส่ ผมหยุดชะงักอยู่กับที่ทั้งๆที่เดินมาได้แค่ครึ่งทาง คนใจร้าย
“มานี่”
เสียงเข้มดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองก็เห็นพี่แซทหิ้วตะกร้าที่ข้างในอัดแน่นไปด้วยกระป๋องเบียร์มองมาที่ผมคล้ายจะบอกให้ผมเข้าไปช่วยเขาหิ้ว ผมเดินหน้ามุ่ยไปหา เขายื่นตะกร้ามาให้ พอผมรับมาเขาก็เดินตัวปลิวไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“จะกินเลี้ยงอะไรกันเหรอฮะ”
ผมถามพลางวางตะกร้าลงบนโต๊ะ
“วางไว้ข้างล่าง”
เขาไม่ตอบแต่กลับสั่งผมกลับ ผมยู่ปากก่อนทำตามคำสั่งเขายกตะกร้าลงวางบนพื้นพรม
“ไปเปิดประตู”
อีกคำสั่งตามมาติดๆ ผมลอบถอนใจ นี่พวกเขาจะใช้ผมจนหัวหมุนเลยใช่มั้ย?
“ใครมาเหรอฮะ”
ผมถามพี่ควินแต่เขาก็ไม่ตอบ เดินผ่านผมไปหยิบกระป๋องเบียร์เปิดดื่มหน้าตาเฉย ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมเดินอย่างหงุดหงิดมาเปิดประตู หน้าผมตอนนี้ไม่ต้อนรับแขกสุดๆ แต่พอผมเห็นว่าใครที่ยืนอยู่นอกห้องพร้อมรอยยิ้ม ผมก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วโถมตัวเข้ากอดเขาทันที
“พี่เนส ผมคิดถึงพี่ที่สุดเลย”
“พี่มาได้ยังไง แล้วเป็นยังไงบ้างครับ พี่สบายดีมั้ย แล้ว…“
ผมพละจากอ้อมกอด มองใบหน้าหวานของพี่ชายแล้วไล่สำรวจตัวเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“จะยืนคุยกันตรงนี้ ไม่คิดจะชวนพี่เข้าห้องหน่อยเหรอ”
พี่เนสเบรกผมไว้ก่อนที่ผมจะพล่ามไปมากกว่านี้
“ขอโทษครับ ผมดีใจเกินไปหน่อย ไม่คิดว่าจู่ๆพี่ก็โผล่มาเซอร์ไพรซ์”
ผมยิ้มกว้าง ดึงมือพี่ชายเข้ามาในห้อง กำลังจะปิดประตูแต่มีมือใหญ่ยื่นมือจับไว้ก่อน ผมรู้แล้ว ว่าพี่เนสมาทีนี่ได้ยังไง เพราะมีผู้คุมของเขามาด้วยนี่เอง
“รอพี่ด้วยสิ”
เสียงเข้มบอกพร้อมรอยยิ้ม ในมือเขาหิ้วถุงขนาดใหญ่หลายถุงที่มีตราสัญลักษณ์ของแบรนด์อาหารชั้นนำที่มีอยู่แทบทุกห้าง พิซซ่ากับKFC
“เชิญครับ”
ผมยิ้มให้พี่ร็อคเกอร์ เชื้อเชิญให้เขาเข้ามา ตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปช่วยเขาถือแต่ก็ถูกพี่เนสดึงมือไว้แล้วจูงให้เดินตาม
“ห้องต้าร์อยู่ไหน”
“อยู่ทางซ้ายครับ”
ผมชี้ไปทางซ้ายมือที่ซึ่งเป็นห้องนอนของผมให้พี่เนสดู พี่ควินกับพี่แซทนั่งมองพวกเราอยู่ที่พื้นพรม ตอนนี้โต๊ะกระจกในห้องนั่งเล่นถูกยกออกไปวางไว้ข้างผนังห้องแล้ว เหมือนว่าพวกเขาจะเคลียร์พื้นที่ห้องนี้ให้เป็นห้องกินเลี้ยงสำหรับคืนนี้
“มาช่วยกูเลยพวกมึง”
เสียงพี่ร็อคเกอร์บอกพี่ควินกับพี่แซท ผมเห็นพวกเขาทำหน้าเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินเข้าไปช่วย ผมหันกลับมามองพี่เนสที่กำลังสอดส่ายสายตามองไปรอบๆห้องชุดสุดหรูราวกับสำรวจตรวจสอบหาสิ่งผิดปกติ
“พวกมันไม่ได้มานอนกับต้าร์ใช่มั้ย”
ผมเลิกคิ้วกับคำถามพี่ชายก่อนจะยิ้มให้เขาวางใจ
“ครับ ผมนอนห้องผม พวกเขาก็นอนห้องพวกเขา พวกเราแยกกันนอนห้องใครห้องมัน”
พี่เนสพยักหน้ารับรู้ มือบางลูบแก้มผมพลางยิ้มให้ ผมยิ้มตอบ รู้สึกอบอุ่นใจที่มีพี่ชายอยู่ใกล้ๆ
“คืนนี้พี่นอนค้างกับผมได้มั้ย นะครับ มะรืนนี้ก็จะสอบแล้ว ผมอยากอยู่กับพี่นานๆ”
ผมอ้อนขอ จับมือพี่ชายแกว่งไปมาเหมือนตอนเด็กๆ
“ได้สิ”
ผมยิ้มกว้างกับคำตอบรับบีบกระชับมือให้แน่นขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกให้พี่ชายรับรู้ว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่เขามาหาผม
“จะสอบแล้ว ได้อ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า”
“อ่านสิครับ ผมติวด้วยนะ เฟียซติวให้ พี่ก็รู้ว่าเฟียซเรียนเก่งแค่ไหน มีเฟียซติวให้ ผมสอบผ่านทุกวิชาแน่นอน”
ผมยิ้มบอก ไม่ลืมอวยเพื่อนสนิทไปด้วย พี่เนสรู้จักเฟียซดี เพราะตอนเด็กๆบ้านเฟียซอยู่ติดกับบ้านผม วันหยุดพี่เนสชอบชวนเฟียซมาเตะฟุตบอลด้วยกัน ปกติแล้วผมกับเฟียซก็ตัวติดกันตลอด เฟียซชอบปีนกำแพงมาเล่นกับผม ผมเองก็ชอบปีนกำแพงไปชวนเฟียซหนีเที่ยวบ่อยๆ
“อย่าเก่งแต่ปากแล้วกัน”
พี่เนสว่าแล้วบีบจมูกผมเล่น ผมหัวเราะพอดีกับที่พวกคนตัวสูงเกินมาตรฐานเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานกับช้อนซ่อมและแก้ว
“ป่ะ กินไก่กับพิซซ่ากัน”
พี่เนสชวนพลางดึงมือผมให้เดินตามเข้าไปนั่งที่พื้นพรมในขณะที่พี่ร็อคเกอร์กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์การกิน
“คล่องนะมึง”
พี่แซทว่าพลางเบ้ปากคล้ายจะเยาะเย้ยเพื่อน
“ถ้าไม่ช่วยก็หุบปากไปเลย ไอ้เหี้ย”
“เหมาะกับมึงดี พ่อบ้าน”
พี่ควินยังไม่วายเอ่ยแขวะด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบนะที่เห็นเพื่อนตกที่นั่งลำบากหรืออยู่ในสถานะที่เป็นรองพวกเขา
พี่เนสหยิบจานสปาเก็ตตี้ครีมซอสที่พี่ร็อคเกอร์เพิ่งจัดการเทออกจากกล่องเสร็จมาวางตรงหน้าผม ก่อนจะหยิบไก่ทอดส่วนอก3ชิ้นซึ่งเป็นชิ้นใหญ่สุดมาให้ ตามด้วยพิซซ่าหน้าซีฟู้ดอีก3ชิ้นใส่จานให้ผม
“ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มตอบพี่ชาย หันไปมองหน้าพี่ควินกับพี่แซทก็เห็นว่าพวกเขากำลังจ้องหน้าพี่เนสอยู่ แต่พี่เนสไม่ได้สนใจ พี่ผมจัดการฉีกไก่ด้วยมือเปล่าจิ้มซอสพริกกับซอสมะเขือเทศเยิ้มๆเข้าปากเคี้ยวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“กินสิต้าร์ นั่งเฉยทำไม ซื้อมาให้กิน ไม่ได้ให้มานั่งมอง”
“ครับ”
ผมพยักหน้าตอบรับ จัดการของกินตรงหน้า ดูเหมือนที่พี่เนสพูดเมื่อกี้จะกระทบผู้ชายถึง3คนที่พร้อมใจกันนั่งนิ่งมองหน้าพี่ชายผมเป็นตาเดียว
“มองหาพ่อมึงเหรอ ของกู” เสียงพี่ร็อคเกอร์แหวขึ้น
“เหี้ยไรมึง ปัญญาอ่อนสัด”
พี่แซทว่าก่อนขยับตัวหยิบพิซซ่า สายตามองมาที่ผมแทน
“แดกเข้าไปสิ มองหาส้นตีนไร”
พี่ควินหันไปด่าพี่ร็อคเกอร์ มือหนาหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆราวกับดื่มน้ำเปล่าแก้กระหาย
อะไรของพวกเขา? ผมส่ายหน้า ตั้งใจกินต่อ ตอนนี้พี่เนสทำสถิติขึ้นนำไปก่อนใครเพื่อนแล้วด้วยจำนวนไก่ทอด4ชิ้นหมดภายในเวลาไม่กี่นาที นี่พี่ชายผมเป็นคนหรือปอบกันแน่เนี่ย!
ไม่นาน อาหารตรงหน้าก็หมดเกลี้ยง ไก่ทอด3ถังกับพิซซ่าถาดใหญ่3ถาดบวกกับของทานเล่นจำพวกสลัด เฟรนฟราย เบอร์เกอร์ หมดด้วยฝีมือของผู้ชาย5คนที่กินราวกับชีวิตนี้ไม่เคยได้พบเจอของกินพรรค์นี้มาก่อนในชีวิต คือ…พวกเราตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดจาคุยกันเลย โดยเฉพาะพี่เนส พี่ชายผมมุ่งมั่นกับการกินมาก เขายัดโน้นนี่ใส่ปากผสมกันมั่วไปหมดแล้วเคี้ยวมันอย่างใจเย็น แต่เล่นเอาผมอึ้ง ความจริงพี่เนสเป็นคนกินจุ ข้อนี้ผมรู้ดี แต่ผมไม่นึกว่า ช่วงเวลาที่เราห่างไกลกัน พี่เนสจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ เขากลายเป็นคนที่กินได้น่ากลัวมาก
“เข้าห้องกัน”
พี่เนสหันมาชวนพลางจับมือผมฉุดให้ลุกขึ้นเดินตามเขาไป
“เนส อย่าเพิ่งอาบน้ำนะ รอให้ท้องย่อยก่อน”
เสียงพี่ร็อคเกอร์ตะโกนไล่หลังมา ผมลอบยิ้มกับความห่วงใยที่เขามีให้พี่ชายผม
“เรื่องของกู อย่าเสือก!”
แต่แล้วพี่เนสก็ทำให้ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน ทำไมพี่ชายผมถึงได้น่ากลัวจนขนลุกอย่างนี้ล่ะ
“นี่เบอร์พี่”
เข้าห้องมาล้มตัวลงนอนได้สักพักพี่เนสก็ล้วงเอาโทรศัพท์มาโชว์เบอร์โทรให้ดู ผมยิ้มกว้าง รีบคลานไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาบันทึกเบอร์โทรไว้ก่อนยิงเข้าเครื่องพี่เนส ผมจัดการบันทึกชื่อตัวเองลงไปให้เสร็จสรรพก่อนโชว์ให้พี่ชายดู
“นี่เบอร์ผมฮะ ดีใจจัง ในที่สุดเราก็จะได้โทรหากันได้สักที ว่าแต่…พวกเขาจะไม่ว่าเหรอครับ”
ผมแอบหวั่น เพราะพี่ควินกับพี่แซทห้ามผมโทรติดต่อกับพี่เนส ผมเลยไม่รู้เบอร์พี่ชายตัวเอง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่เราพี่น้องต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา การติดต่อสื่อสารของเราก็ถูกตัดขาดเว้นแต่การนัดเจอกันเท่านั้น คิดดูสิว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่คนเป็นพี่น้องกันต้องอยู่ห่างไกลกัน ซ้ำยังขาดการติดต่อ ไม่รู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย พวกเขาใจร้ายมากที่แยกเราพี่น้องจากกันแบบนี้ พวกเขาทำเหมือนเราไม่มีหัวใจ
“ไม่หรอก พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว”
ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย จัดการ? ยังไง?
“พี่ขู่มัน ว่าถ้าพี่โทรหาต้าร์ไม่ได้ พี่จะกรีดข้อมืออีกข้าง เอาให้หนักกว่าเดิม ไอ้ร็อคมันกลัวพี่ทำจริง เพราะพี่เคยทำสำเร็จมาแล้ว มันเลยตกลงกับพวกนั้น”
ผมมองหน้าพี่เนสด้วยความตกใจ แค่ได้ยินคำว่ากรีดข้อมือ ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจคล้ายกับมีมือลึกลับมาบีบเคล้นมัน ผมจับมือพี่เนสข้างที่มีรอยกรีด ลูบไล้รอยแผลเป็นเบาๆ เสียใจที่พี่ชายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้
“อย่าทำอีกนะครับ อย่าทำอีกเด็ดขาด ผมไม่ชอบเลยที่พี่ทำร้ายตัวเองแบบนี้”
ผมว่าพลางส่ายหน้าแรง
“พี่ขอโทษ สัญญา พี่จะไม่ทำอีก พี่ก็แค่ขู่ให้มันกลัว มันจะได้ให้เราโทรหากันได้ไง”
คำขอโทษจากปากพี่เนสทำให้ผมยิ้มได้
“พี่ร็อคเกอร์ดูเป็นห่วงพี่มากนะครับ เขาคงรักพี่มาก”
ผมเปลี่ยนเรื่องคุย คิดถึงคำพูดที่ตามไล่หลังมาก่อนที่เราจะเดินเข้าห้อง ผู้ชายคนนั้นดูๆไปก็น่ารักดี เขาดูจริงใจกับพี่ชายผม
“ใช่ มันรักพี่มาก แต่พี่ไม่ได้รักมัน”
ตรงกว่านี้มีอีกมั้ย? ถ้าพี่ร็อคเกอร์มาได้ยินคงเสียใจน่าดู ชักรู้สึกสงสารนายแบบดังแล้วสิที่มาตกหลุมรักพี่เนสเข้า
“ก็เหมือนต้าร์ไง ต้าร์ก็ไม่ได้รักไอ้สารเลว2ตัวนั่นใช่มั้ย”
คำถามจี้จุดพร้อมกับสายตาคาดคั้นเอาคำตอบเล่นเอาผมหายใจติดขัด
“หรือว่าต้าร์รักพวกมัน”
ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ รักเหรอ? ผมจะรักคนที่ทำร้ายผมได้ยังไง ไม่มีทาง
“งั้นตอบมา ตอบให้พี่ได้ยินชัดๆ ว่าต้าร์ไม่ได้รักมัน”
พี่เนสถามพร้อมจับมือผมแน่น นัยน์ตาใสจดจ้องอยู่กับตาผมนิ่ง ผมกัดฟัน หลับตานึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต ภาพในคืนที่พวกเขาทำร้ายผมอย่างเลือดเย็น แล้วผมก็ได้คำตอบ
“ผมไม่ได้รักพวกเขา ไม่มีทางรักพวกเขาเด็ดขาด พวกเขาทำร้ายผม ผมจะรักคนที่ทำร้ายผมได้ยังไง”
ผมตอบอย่างแน่วแน่ มองสบนัยน์ตากลมของพี่เนสนิ่ง ยืนยันในคำตอบ
“ดี จำไว้ พวกมันทำร้ายต้าร์ พวกมันเป็นคนเลว จำใส่ใจไว้ คนอย่างพวกมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครทั้งนั้น!”
พี่เนสใส่อารมณ์ในน้ำเสียง แววตาเคียดแค้นชิงชังฉายชัด ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เนสดี พี่ชายที่ต้องมาทนเห็นสภาพของน้องชายหลังจากถูกข่มขืน ความรู้สึกของคนเป็นพี่ที่ไม่สามารถปกป้องดูแลน้องได้ สภาพจิตใจของพี่เนสในตอนนั้นคงไม่ต่างจากผมที่ทั้งช็อคและทั้งเสียใจ
“เลิกพูดเรื่องนี้ คืนนี้เราสองพี่น้องได้มานอนด้วยกัน หาเกมสนุกๆเล่นกันดีกว่า ดีมั้ย”
“ดีครับ ผมมีแผ่นเกมเยอะแยะเลย เรามาผ่อนคลายก่อนสอบกัน”
ผมยิ้มร่า ลงจากเตียงไปจัดการเปิดคอมฯ หาแผ่นเกมสนุกๆมาเล่น
“ยังบ้าเกมเหมือนเดิมนะเรา”
พี่เนสตามมาตบหัว ผมยู่ปาก
“เรียบร้อยแล้วครับ พี่เนสเล่มเกมนี้เป็นมั้ย”
ผมหันไปถามหลังจากใส่แผ่นเกมเข้าเครื่องเสร็จ
“เป็น เกมนี้โคตรกระจอกวะ เดี๋ยวพี่จะสอยให้ร่วงเลยไอ้น้อง”
ผมหัวเราะกับเสียงห้าวที่คนเป็นพี่แสร้งดัด ยื่นจอยเกมส่งให้
“แล้วมาดูกัน ว่าใครจะสอยใคร”
ผมกำหมัดแน่น เชิดหน้าท้าทายพี่ชาย อยากตะโกนดังๆว่าเวลานี้ผมโคตรมีความสุข!
ผมยิ้มมองพี่เนสที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง หลังจากเล่นเกมแพ้ผมไป3รอบพี่เนสก็โวยวายหาว่าผมโกง พอผมเสนอเกมใหม่ให้เขาก็โบกมือปฏิเสธบอกว่าเหนียวตัวอยากอาบน้ำ ผมเลยปล่อยให้พี่ชายไปจัดการตัวเอง ผมหาชุดนอนให้พี่เนสใส่ พอเขาอาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบบ้าง หลังจากที่ผมจัดการตัวเองเสร็จ เราก็มานอนคุยกันทั้งเรื่องเรียนและเรื่องสมัยเด็กๆจนเขาผล็อยหลับไปทิ้งให้ผมนอนจ้อคุยอยู่คนเดียว
“ฝันดีนะครับ”
ผมบอกพลางจับผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้ก่อนเดินออกจากห้องไปดูอีก3หนุ่ม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะดื่มเบียร์หมดตู้เย็นไปหรือยัง
“นอนพื้นเลยมึง ไอ้สัด”
ได้ยินเสียงพี่แซทด่าใครสักคน พอผมโผล่หน้าดูก็เห็นว่านายแบบดังกำลังนอนคู้ตัวอยู่บนพื้นพรมที่เต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์และขวดน้ำเมารายล้อมรอบตัว กลิ่นเหล้าคละคลุ้งทั่วห้อง นี่พวกเขากินหรืออาบกันแน่เนี่ย
“ไอ้พวกเหี้ย พวกมึงมอมเหล้ากู ไอ้เพื่อนเวร สันดานหมา สารเลว”
พี่ร็อคเกอร์พ่นคำด่าใส่เพื่อนเป็นชุดด้วยเสียงยานคาง สรุปคือเขาโดนพี่ควินกับพี่แซทรวมหัวกันมอมเหล้า?
“ปากเก่งนะมึง เดี๋ยวกูเตะออกนอกห้อง” พี่ควินว่าพลางเอาเท้าเขี่ยตัวเพื่อน
ผมเดินเข้าไปตั้งใจจะเก็บบรรดาเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลาย แต่พี่แซทจับมือผมไว้
“ไม่ต้อง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง”
“บอกว่าไม่ต้อง”
พี่แซทย้ำ ดึงผมให้นั่งบนโซฟาแล้วก็เอาเท้าเขี่ยกระป๋องเบียร์ไปกองรวมๆกันไว้อีกมุมนึง ดีที่พวกเขาจัดการเก็บจานและเศษซากกล่องพิซซ่ากับถังไก่ไปแล้ว ไม่งั้นห้องนั่งเล่นต้องกลายเป็นถังขยะชั่วคราวแน่ๆ
“ออกมาทำไม” พี่ควินหันมาถาม ขึงตาดุใส่
ผมยิ้มแหย มองสภาพพี่ร็อคเกอร์แล้วก็ได้แต่ปลง ดูท่าว่าเขาจะหลับไปแล้ว ฤทธิ์น้ำเมาสามารถทำให้คนหล่อหมดสภาพได้จริงๆ
“ผมออกมาดูว่าพวกพี่ดื่มกันไปถึงไหนแล้ว”
“ทำไม เป็นห่วง?” พี่แซทแสยะยิ้ม
“ไม่กลัวพี่มึงตามมาดุเหรอ” พี่ควินว่า
ผมก้มหน้างุดไม่ชอบใจกับคำพูดเขา
“ทิ้งให้มันนอนตรงนี้แหละ”
“จะดีเหรอครับ ผมว่าพาเขาเข้าไปนอนในห้องเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ผมค้านขึ้น ทำไมพี่แซทถึงพูดเหมือนไม่เป็นห่วงเพื่อนตัวเองเลย
“ช่างหัวมัน”
ไม่ห่วงจริงๆสินะ
“เข้าห้องไป”
พี่ควินสั่ง เขาเปิดทีวีแล้วนั่งลงข้างๆผม ให้ความสนใจกับเจ้าจอสี่เหลี่ยมโดยไม่หันมามองผม
“ก่อนไปนอน ผมอยากขอบคุณพวกพี่สำหรับวันนี้ ผมดีใจมากที่พวกพี่ยอมให้พี่เนสมาหาผมที่นี่แล้วยังอนุญาตให้เราโทรหากัน
ได้ ขอบคุณมากนะครับ”
ผมยิ้มบอกพลางมองหน้าพวกเขา
“ดีใจมากมั้ย” พี่ควินถามขึ้น สายตาเขายังไม่ละจากจอทีวี
ผมเลิกคิ้ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจกับคำถามของเขานักแต่ผมก็พยักหน้า
กร๊อบ!
เสียงบีบกระป๋องเบียร์ดังมาจากพี่แซท ผมมองเขาอย่างสงสัยว่าเขาเป็นอะไร สีหน้าราบเรียบขัดกับแววตาแข็งกร้าวของเขาทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี
พวกเขาเป็นอะไรไป?
“เอ่อ…งั้นผมไปนอนก่อน ฝันดีฮะ”
ผมบอกก่อนลุกขึ้นเดินออกมา
“ต่อให้มึงดีใจที่เห็นหน้าพี่มึงแค่ไหน กูก็ไม่ปล่อยมึงไป จำไว้”
ผมหยุดชะงัก หันกลับไปมองคนพูด พี่ควินยังนั่งดูทีวีอยู่เหมือนเดิม ผมเบนสายตาไปที่พี่แซท เขายืนมองผมด้วยสายตาเย็นชา ผมเม้มปากแน่นหันหลังเดินกลับเข้าห้อง มองพี่ชายที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยความเจ็บปวด
‘ดี จำไว้ พวกมันทำร้ายต้าร์ พวกมันเป็นคนเลว จำใส่ใจไว้ คนอย่างพวกมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครทั้งนั้น!’
จู่ๆผมก็นึกถึงคำพูดของพี่เนส ผมแค่นยิ้ม ล้มตัวลงนอนข้างๆพี่ชาย มองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับผม
‘ผมจะจำไว้ครับพี่ จะจำให้ขึ้นใจ ว่าพวกเขาใจร้ายกับผมมากแค่ไหน คนที่ทำร้ายจิตใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างพวกเขา ไม่สมควรได้รับการให้อภัยและความรักจริงๆ!
--------------------------------------------------------------------------
กลับมาอัพแล้วค่าาาา
ดีใจที่ยังมีคนรออ่านกันอยู่
ขอบคุณมากนะคะที่ยังรอติดตามกัน
เอาตอนนี้มาเสิร์ฟให้ก่อน
ส่วนตอนที่ทุกคนรอคอย จะมาต่อจากตอนนี้แน่นอนค่ะ
อ่านตอนนี้รอไปก่อนนะคะ
คำเตือน! เตรียมทิชชู่ไว้สำหรับตอนหน้าด้วย
ปล. อย่าเชื่อคนแต่งมาก มันโม้ไปงั้นแหละ