HEARTBREAKER
27
(ต่อ)
ผมลงจากรถตามหลังพี่แซท ความรู้สึกดีใจท่วมท้นที่ได้กลับมาบ้านของตัวเองอีกครั้ง ผมยิ้ม มองสนามหญ้า สวนหย่อม ไล่ไปเรื่อยจนถึงตัวบ้าน น่าเสียดายที่พี่เนสต้องไปฝึกงาน ไม่อย่างนั้นเราสองพี่น้องก็คงได้อยู่ด้วยกันที่บ้านในช่วงเวลาปิดเทอมนี้
“คุณหนู ป้าไม่อยู่บ้านนะคะ น้องชายป้าเกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อคืน ท่านเลยต้องรีบกลับไปดูอาการ”
แก้ว หลานสาวของคุณป้าแม่บ้านวิ่งจากหน้าประตูรั้วเข้ามาบอกผม
“แล้วป้าไปรถอะไรครับ มีใครไปส่งท่านหรือเปล่า”
ผมถามอย่างเป็นห่วง
“พ่อแก้วขับรถมารับท่านไปค่ะ พ่อเข้าเมืองพอดีเลยแวะมารับป้าไปด้วย ป้าสั่งให้แก้วอยู่รับใช้คุณหนูค่ะ”
ผมพยักหน้ารับรู้ ขนาดน้องชายท่านประสบอุบัติเหตุ คุณป้าท่านยังมีแก่ใจเป็นห่วงความเป็นอยู่ของผม
“แล้วตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง คุณป้าส่งข่าวมาหรือยังครับ”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ยังต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ป้าโทรมาบอกแก้วก่อนหน้าที่คุณหนูจะมาแป็ปเดียวเอง”
“ค่อยยังชั่ว”
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“งั้นแก้วขอตัวเอาประเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ”
“ครับผม เอาไว้ห้องพี่เนสนะ”
ผมยิ้มบอก พอแก้วหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านไป ผมก็หันมาหาพวกเขา
“เข้าบ้านกันเถอะครับ”
ผมชวน เสียงโทรศัพท์พี่แซทดังขึ้นมาพอดี เขาชักสีหน้าก่อนรับสาย
“มีอะไร เพิ่งมาถึง จะอะไรกับผมนักหนา ลูกน้องคุณก็มี เฮ้ย! เดี๋ยว อัลแบร์โต โธ่เว้ย! มัดมือชกนี่หว่า”
ผมมองเขาอย่างงุนงงกับท่าทางหงุดหงิดที่เขาแสดงออก
“กูเกลียดดอนของพวกมึง”
พี่แซทหันไปบอกอังเดรกับอะดอนิสที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างรถ
“ผมเข้าใจครับ แต่ดอนอยากให้บอสช่วยงาน มาดามก็เห็นด้วย บอสก็ยอมๆดอนหน่อยเถอะครับ”
อังเดรบอกแกมขอร้อง ผมได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเขา
“มึงไปเหอะ ทางนี้กูดูแลเอง”
พี่ควินเดินเข้ามากอดคอผม พี่แซททำหน้าเบื่อหน่ายถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ยืนทำห่าอะไร! ไปสิวะ”
เขาตะคอกใส่สองบอดี้การ์ด
“อังเดรมึงอยู่นี้ อะดอนิสไปกับกู”
เขาสั่งแล้วหันมามองผม
“สู้ๆครับ”
ผมบอกพร้อมชูสองนิ้วให้ พี่แซทแสยะยิ้ม เขายกมือขึ้นมาเขกหัวผมแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ จะไปแล้วยังมาทำร้ายร่างกายผมอีก เชื่อเขาเลย ขอให้ดอนอัลแบร์โตใช้งานเขาหนักๆ
“เข้าบ้านกันเถอะครับ”
ผมบอกพี่ควินเมื่อรถพี่แซทขับออกจากบ้านไป อังเดรเดินตามหลังมา พอเข้ามาในบ้านพี่ควินก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ผมที่ถูกเขากอดคอไว้ก็ต้องนั่งตามเขาไปด้วย
“หิวน้ำมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”
พี่ควินพยักหน้า เขาปล่อยมือจากผมแล้วเอนตัวลงนอน
“อังเดรล่ะฮะ หิวหรือเปล่า อยากทานอะไรบอกได้นะ ผมจะไปหาของกินในครัวให้”
“ผมขอแค่น้ำเปล่าเย็นๆก็พอ ขอบคุณคุณหนูมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ รอแป็ปนึงนะ”
ผมยิ้มบอกก่อนเดินออกมาหาน้ำเย็นในห้องครัว ผมเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่าออกมารินน้ำใส่แก้ว เสร็จแล้วผมก็หยิบแก้วน้ำมาวางในถาดรองบนเคาน์เตอร์เพื่อที่จะได้ยกไปได้สะดวก ผมเหลือบไปเห็นโหลคุกกี้บนชั้น และมือผมก็ไว้กว่าสมองจะสั่งการ ยื่นไปหยิบโหลคุกกี้มาใส่ถาด ผมคว้าเอาจานใบเล็กมาใบนึงแล้วยกถาดเดินออกจากห้องครัว
“น้ำมาแล้วครับ มีคุกกี้ด้วย”
ผมส่งเสียงมาก่อนตัว อังเดรเข้ามาช่วยผมถือถาดไปวางไว้บนโต๊ะ ผมมองหาพี่ควิน เขาหายไปแล้ว
“คุณควินออกไปคุยโทรศัพท์หน้าบ้านครับ”
ผมพยักหน้ารับรู้ จัดการเปิดฝาขวดโหลเทคุกกี้ใส่จานแล้วยื่นให้อังเดร
“ลองชิมดูสิฮะ”
อังเดรยิ้ม เขาหยิบคุกกี้ไปชิมชิ้นนึง
“เป็นไงฮะ อร่อยมั้ย”
ผมลุ้น มองดูอังเดรเคี้ยวคุกกี้ไม่วางตา
“อร่อยมากครับ สุดยอด”
ผมหัวเราะกับท่าทางชูนิ้วโป้งประกอบของอังเดร
“อยู่คนเดียวได้มั้ย”
ผมหันไปมองพี่ควิน เลิกคิ้วกับสีหน้านิ่งขรึมของเขา
“ตอบ”
เขาเร่ง
“ได้ครับ พี่มีธุระหรอ งั้นก็รีบไปเถอะฮะ ผมอยู่ได้ แก้วก็อยู่ อังเดรก็อยู่”
ผมตอบให้เขาคลายกังวล เข้าใจว่าเขาคงเป็นห่วงผม
“ฝากด้วย”
พี่ควินหันไปบอกอังเดร
“ครับ คุณควินไม่ต้องเป็นห่วง”
อังเดรรับคำพร้อมส่งกุญแจรถให้พี่ควิน
“ขับรถดีดีนะครับ”
ผมยิ้มบอกพลางโบกมือให้ พี่ควินขึงตาดุใส่ เขาบิดจมูกผมแล้วก็เดินออกไป ให้มันได้อย่างนี้สิคนนึงก็เขกหัว อีกคนก็บิดจมูก พวกเขาเห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย
“งั้นอังเดรทานคุกกี้ไปนะครับ ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อน ห้องครัวอยู่ทางโน้น ส่วนห้องน้ำอยู่ถัดไปทางซ้ายมือ”
ผมชี้บอกทางให้อังเดรรู้ เพื่อเขาหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำจะได้ไปถูก
“ครับ คุณหนูขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
ผมทิ้งอังเดรไว้ที่ห้องรับแขก เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นชั้นห้องพัก สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือเข้าไปไหว้อัฐิคุณพ่อคุณแม่ บอกท่านว่าผมกลับมาอยู่บ้านช่วงปิดเทอม
เสียงโทรศัพท์ดังตอนที่ผมปิดประตูห้องพระหลังจากที่เข้าไปไหว้อัฐิคุณพ่อคุณแม่เสร็จ ผมส่ายหน้าก่อนรับสาย
“ครับ”
“ทำอะไรอยู่”
“ผมเพิ่งไหว้อัฐิคุณพ่อคุณแม่เสร็จเมื่อกี้ครับ พี่แซทมีอะไรหรือเปล่า”
“หิวก็กินข้าวไปเลย ไม่ต้องรอ เข้าใจมั้ย”
“ครับ งานยุ่งเหรอฮะ แล้วคืนนี้จะกลับมานอนที่บ้านผมมั้ย”
“เสร็จงานแล้วจะไป”
“ครับ”
“ไอ้อังเดรอยู่ไหน”
“ห้องรับแขกฮะ ทานคุกกี้อยู่”
“อยากกินอะไรก็ใช้มันออกไปซื้อ ถ้าอยากทานข้าวข้างนอกก็ให้มันพาไป”
“ครับ”
“อย่าออกไปไหนคนเดียว”
“ครับ”
พี่แซทตัดสายไปแล้ว ยังไม่ถึงชั่วโมงเลยเขาก็โทรมาเช็คผมแล้ว แค่ให้อังเดรอยู่เฝ้าผมเขายังไม่วางใจอีกเหรอ ต่อให้ไม่มีอังเดร ผมก็ไม่หนีไปไหนหรอก ในเมื่อที่นี้คือบ้านผม
เสียงเตือนข้อความเข้าตามมา คราวนี้จากพี่ควิน ผมเปิดดูแล้วก็ต้องหัวเราะกับข้อความที่เขาส่งมา
‘งานยุ่ง หิวก็กินข้าวไปเลย ไม่ต้องรอ อย่าออกไปไหนคนเดียว อยากได้อะไรสั่งอังเดร เสร็จงานแล้วจะไปหา’
พวกเขาสมกับเป็นเพื่อนซี้กันจริงๆ! คนนึงโทรมา อีกคนส่งข้อความ แต่เนื้อหาใจความไม่ได้ต่างกันเลย ลอกคำพูดกันมาเห็นๆ พวกเขาน่าจะเกิดมาเป็นฝาแฝดกันนะ
ผมตั้งใจจะเดินผ่านห้องตัวเองแต่ขากลับหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ผมบอกกับตัวเองว่าจะพยายามลืมอดีต ถ้าแค่ห้องของผมเอง ผมยังไม่กล้าเข้าไป ความพยายามของผมคงศูนย์เปล่า ต่อให้ในห้องของผมจะเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์เลวร้ายมากแค่ไหน ผมก็ต้องยอมรับและก้าวผ่านมันไปให้ได้ ผมหนีมันมานานแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้ากับความจริงสักที ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆค่อยๆผ่อนออกมาอย่างช้าๆ ยื่นมือออกไปจับลูกบิดประตูเปิดเข้าไป
สิ่งแรกที่พุ่งเข้ามาในห้วงความคิดคือเสียงร้องไห้ของผม ภาพในอดีตผุดขึ้นมาเป็นฉากๆราวกับแผ่นหนังถูกกรอกลับไปยังจุดเริ่มต้น ผมยืนตัวเกร็งกำมือแน่น หลับตา พยายามบอกตัวเองให้แข็งใจอยู่ในห้องนี้ต่อ นี้คือห้องของผม ผมจะไม่ไปไหน เพราะที่นี้คือห้องของผม ผมกัดฟันเดินไปที่เตียง นั่งลงไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา
“ต้องลืมให้ได้ ต้องลืมให้ได้”
ผมบอกย้ำกับตัวเอง แค่คืนเดียวผมคงลืมไม่ได้ แต่ถ้าใช้ช่วงเวลาต่อจากนี้ จนกว่าผมจะเปิดเทอมแล้วต้องกลับไปอยู่กับพวกเขาที่คอนโดฯ มันคงทำให้ผมค่อยๆลืมและลบล้างเรื่องราวร้ายๆนั้นออกไปจากใจได้ ให้ความทรงจำดีดี ภาพเหตุการณ์ดีดี ชะล้างความทรงจำร้ายๆและภาพเหตุการณ์ร้ายๆออกไป
เริ่มจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ผมจะพยายาม
*************************************************************
“เฟียซ! เอาอีกแล้วนะ!”
เสียงใสๆที่พยายามตะเบ็งให้ใหญ่ดังขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทเตะลูกบอลเหินข้ามรั้วบ้านออกไปเป็นรอบที่3ตั้งแต่เริ่มเตะบอลมา และคนที่ต้องไปเก็บลูกบอลก็คือเด็กหนุ่มร่างบางผิวขาวจัด ใบหน้าเรียวเล็กที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าจิ้มลิ้มน่ารักงอง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ที่ต้องวิ่งออกไปเก็บลูกบอลนอกบ้านอีกครั้ง เจ้าตัวหันหลังวิ่งออกไปนอกรั้วบ้านปากก็บ่นงึมงัม
“ชอบแกล้งดีนัก เดี๋ยวจะเตะบอลอัดหน้าให้น็อคเลย”
ดวงตากลมใสมีแววเจ้าเล่ห์เมื่อคิดถึงแผนการเอาคืนเพื่อนสนิทที่ชอบแกล้งตน
ปรี๊ด! ปรี๊ด!
เสียงบีบแตรรถดังเตือนคนที่เดินข้ามถนนโดยประมาท เจ้าของรถหรูเลื่อนกระจกลง โผล่หน้าออกไปมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าตื่นตกใจอยู่กลางถนน
“ข้ามถนนไม่มองรถ อยากตายเหรอ”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีเฮเซลไล่มองเด็กหนุ่มร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผิวขาวจัดที่โผล่พ้นชุดกีฬาออกมาโดนแสงแดดยามบ่ายแก่ๆยิ่งขับให้เด็กหนุ่มดูขาวสว่างมากขึ้นไปอีก อีกทั้งผิวแก้มแดงๆของเจ้าตัว ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนตุ๊กตามีชีวิต
“พี่ควิน สวัสดีครับ”
เด็กหนุ่มยกมือไหว้เมื่อได้สติ เดินยิ้มกว้างเข้ามาหยุดยืนข้างรถ
“อ้าว พี่แซทก็มาด้วย สวัสดีครับ”
โน้มตัวยกมือไหว้ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่เบาะข้างคนขับ หน้าหวานๆบวกกับรอยยิ้มสดใสพานให้คนในรถลืมตัวเผลอจ้องตาม
“มาหาพี่เนสเหรอฮะ” เอียงคอถาม กระพริบตาปริบๆอย่างขี้เล่นตามนิสัย
“ไม่น่าถามเลย ถ้าพวกพี่ไม่มาหาพี่เนสแล้วจะมาหาใคร ฮ่าๆๆ”
พูดเองก็หัวเราะเอง ยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อที่ถามไปแล้วไม่มีใครตอบ
“งั้นเข้าบ้านเถอะครับ รอแป็ปนึงนะ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้”
ว่าแล้วก็รีบวิ่งไปดันประตูรั้วเปิดออกพลางตะโกนบอกพี่ชาย
“พี่เนส! เพื่อนมาหาครับ”
พอร์ทคันหรูขับเข้ามาจอด ทันทีที่ร่างสูงของสองหนุ่มก้าวลงจากรถ เสียงตะโกนหยาบคายก็ดังทักทาย
“มาหาป๊ามึงเหรอ!”
“เออ กูมาหาป๊า ไหนวะ ป๊ากูอยู่ไหน”
“ตลกแระไอ้เหี้ยควิน ตกลงพวกมึงมาทำไม โปรเจ็กต์ก็ทำเสร็จแล้วนิหว่า”
เนสหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย
“จะยืนคุยกันอย่างนี้หรอฮะ เข้าไปนั่งคุยกันในบ้านดีกว่า เกือบลืมแนะนำ พี่ควินพี่แซทฮะ นี่เฟียซเพื่อนผม”
ร่างบางดึงแขนเพื่อนสนิทเข้ามายืนใกล้ๆกันพลางโปรยยิ้มกว้างส่งให้เพื่อนพี่ชาย
“สวัสดีครับ”
เฟียซยกมือไหว้ ยกยิ้มนิดๆพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้เสียมาทยาท
“ต้าร์ เข้าบ้านไปอาบน้ำไป เหงื่อไหลเต็มหน้าแล้ว สกปรก”
เนสหันมาสั่งน้อง สีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ว่าแต่เขา ตัวเองก็สกปรกเหมือนกันนั้นแหละ”
คนถูกสั่งโต้กลับ ทำปากยื่นอย่างงอนที่ถูกพี่ชายว่าก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไปโดยไม่ลืมดึงแขนเพื่อนสนิทไปด้วย
“มึงเลี้ยงน้องหรือเลี้ยงลูกกันแน่วะ”
“หุบปากไปเลยแซท น้องกู กูสั่ง กูดุ กูด่า กูว่าได้คนเดียวเว้ย”
เนสถลึงตาใส่เพื่อน เดินตามน้องชายเข้าบ้านโดยไม่คิดจะชวนเพื่อน
“พี่น้องอะไรวะ หน้าตาก็ดูคล้ายกัน แต่นิสัยแม่งต่างกันฉิบหาย”
ควินเอ่ยขึ้น นัยน์ตาคมมองตามหลังสองพี่น้องไปจนลับสายตา
“คนน้องอ่ะน่ารัก แต่คนพี่แม่งปากหมา โคตรต่าง”
แซทเสริมขึ้น นึกถึงรอยยิ้มสดใสกับใบหน้าหวานๆของเด็กหนุ่มร่างบางก็ทำให้ใจเป็นสุขได้อย่างน่าประหลาด
“เจอครั้งแรกกูยังไม่มั่นใจ แต่ครั้งนี้กูคิดว่าใช่วะ”
แซทหันไปมองหน้าเพื่อน กระตุกยิ้มมุมปาก
“ถ้าความรู้สึกมันใช่ กูไม่ปล่อยไปแน่”
ควินแสยะยิ้ม นึกถึงเสียงใสๆที่เอ่ยทักทาย ผิวขาวๆ แก้มแดงๆ แค่นึกถึงก็อยากให้เจ้าตัวมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
สองหนุ่มเดินเข้าบ้าน เสียงหัวเราะใสดังก้องห้องรับแขก เด็กหนุ่มผู้สร้างเสียงหัวเราะวิ่งผ่านหน้าพวกเขาไปหวิดจะชนกันอย่างฉิวเฉียด เจ้าตัววิ่งขึ้นบันไดแล้วหยุดชะงัก หันกลับมา ใบหน้าหวานดูสลดคล้ายกับคนทำความผิดแต่แววตากลับเป็นประกายซุกซน
“ขอโทษนะฮะพี่ควินพี่แซท”
บอกเสร็จก็วิ่งตึงตังขึ้นไปพร้อมเสียงหัวเราะร่า ก่อนจะหายเข้าไปในห้องของตัวเอง ทิ้งให้คนมองตามยืนนิ่งด้วยความงุนงง
“อ้าวพวกมึง ยังอยู่เหรอ เหี้ยแล้ว! น้องกูเล่นพวกมึงแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
เนสยืนขำจนตัวงอ ชี้นิ้วไปที่เสื้อของเพื่อน
ควินกับแซทก้มมองเสื้อตัวเอง แล้วก็พบว่าเสื้อของพวกเขามีเนื้อทุเรียนเละๆติดอยู่เป็นรูปรอยนิ้วทั้งห้า
“เด็กฉิบ”
แซทพึมพำ มองรอยเปื้อนของเสื้อด้วยสายตาวาววับ
“โคตรๆ”
ควินส่ายหน้าเบาๆ แทนที่จะโกรธเด็กหนุ่มหน้าหวานที่บังอาจมาทำเสื้อตัวโปรดของเขาเปื้อน แต่เขากลับชอบใจ
ไม่ต้องรอให้เจอกันครั้งที่3 แค่ครั้งนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าความรู้สึกเวลาเจอคนที่ใช่ มันเป็นยังไง!
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เกิน 100%
แต่งเลยมา 2 หน้าเวิร์ด
ไม่สับสนกันนะคะ
ตอนนี้ย้อนเข้าสู่พาร์ทอดีตแล้ว การบรรยายจะเปลี่ยนไปเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 แทน
เพื่อให้เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครทุกตัว
ขอบคุณทุกคอมเมนท์
ขอบคุณทุกการติดตาม และคำอวยพรในการสอบ ขอบคุณมากๆค่ะ
ขอโทษด้วยที่ดำเนินเรื่องช้า ปาเข้าไปตอนที่ 27 แล้วเพิ่งมาเวิ่นพาร์ทอดีต
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังติดตามกันมาจนถึงตอนปัจจุบัน ขอบคุณนะคะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการอ่าน (อย่าเครียดเน้อ) เจอกันตอนหน้าค่ะ