HEARTBREAKER
29
(ต่อ)
“เป็ปซี่มาแล้ว”
เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียง ยิ้มกว้างให้พี่ชายที่ยื่นแก้วเป็ปซี่ให้
“ขอบคุณครับ”
บอกพลางรับแก้วมายกขึ้นดื่มจนพร่องไปครึ่งแก้ว
เนสมองหน้าน้อง เห็นรอยยิ้มสดใสร่าเริงที่คุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกเป็นห่วงปนหวาดกลัวยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ห่วงว่ารอยยิ้มนี้จะหายไป กลัวว่ารอยยิ้มนี้จะถูกทำลาย
“เป็นอะไรฮะ ไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าเครียดจัง”
จ้องหน้าพี่ชายตาแป๋ว
เนสส่ายหน้า ยิ้มบางให้น้องก่อนกอดคอไว้ ชี้ชวนให้มองดูฝูงชนเบื้องล่าง
“เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น ดูสิฮะ ผู้ชายกลุ่มนั้นพาเธอออกไปแล้ว ท่าทางเธอจะเมาหนักด้วย”
ร้องบอกพลางชี้ให้พี่ชายมองตาม
“นี่แหละ ความน่ากลัวภายในผับ ถ้าเมาหนักจนไม่มีสติ พวกที่ไม่หวังดี พวกที่จ้องทำร้ายก็ฉวยโอกาสตอนนี้แหละ”
คนฟังหน้าเสีย คิดตามคำพูดพี่ชาย
“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้ามาเที่ยวผับคนเดียวแล้วเมาหนักจนไม่มีสติ มีโอกาสเสียตัวกับทรัพย์สินสูงเลยล่ะ”
“น่ากลัวจังเลยนะฮะ”
เนสเห็นสีหน้าหวั่นวิตกของน้องก็ยิ้มขำ
“เป็นไง เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ยังคิดว่าผับน่าเที่ยวอยู่อีกมั้ย”
อาการส่ายหน้าแรงเรียกเสียงหัวเราะจากคนถาม เนสยีผมน้องกอดคอให้ร่างบางเอนศีรษะพิงไหล่ตนไว้
“จำไว้นะต้าร์ ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ใช่คนที่ผูกพัน ไม่ใช่คนที่เชื่อใจ ไว้ใจได้ เข้ามาพูดดี ทำดีด้วย อย่าไปหลงชอบเพราะความใจดีของเขา เข้าใจมั้ย”
เนสบอกน้องเสียงเข้ม แววตาแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงหน้าเพื่อนสองคนที่อยู่ในห้อง
“แล้วถ้าเป็นเพื่อนล่ะครับ อย่างเฟียซล่ะ”
ต้าร์ผละออกมามองหน้าพี่ชายอย่างรอฟังคำตอบ
“ต้าร์เชื่อใจ ไว้ใจเฟียซหรือเปล่าล่ะ”
เนสย้อนถามกลับ แทบไม่ต้องคิด เด็กหนุ่มตอบพี่ชายอย่างเร็ว
“ต้าร์เชื่อใจแล้วก็ไว้ใจเฟียซฮะ เฟียซเป็นคนดี”
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของสองหนุ่ม เนสกับต้าร์หันไปมองพร้อมกัน ฝ่ายพี่แสยะยิ้มยักคิ้วส่งให้เพื่อนด้วยรู้ดีว่าคำพูดของน้องชายเมื่อกี้นี่ สองหนุ่มได้ยินชัดเจน ส่วนฝ่ายน้องส่งยิ้มเจื่อนให้เพราะไม่เคยเห็นสีหน้าดุดันของสองหนุ่ม
“ไปนั่งดื่มข้างล่าง เดี๋ยวมีโชว์ให้ดู”
ควินบอกเสียงเรียบ มองหน้าเพื่อนแวบนึงแล้วหยุดสายตาไว้ที่เด็กหนุ่มหน้าหวาน
“อืม ไปสิ”
เนสตอบรับ กอดคอน้องพาเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ทิ้งให้เพื่อนสองคนมองตามหลังด้วยสายตาขุ่นเคือง
“โทรหาไอ้ร็อก บอกว่าคนของมันอยู่ที่นี่ ให้มันรีบมา”
แซทสั่งเพื่อนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเดินลงบันไดไป
ควินแสยะยิ้ม มองโทรศัพท์ในมือแล้วต่อสายหาเพื่อนอีกคน รอสัญญาณไม่นานก็ได้ยินเสียงงัวเงียจากปลายสาย
“เหี้ยไรวะ”
“รีบมาที่ผับ คนของมึงอยู่ที่นี่ เร็วๆ เดี๋ยวมันกลับบ้านก่อน”
ตัดสายทันทีที่พูดจบ
“มึงขวางทางพวกกูไม่ได้หรอกเนส”
เสียงของดีเจประกาศว่าค่ำคืนนี้จะมีโชว์พิเศษ ฝูงชนต่างส่งเสียงโห่ร้องพร้อมเสียงปรบมืออย่างชอบใจ เนสกอดคอน้องพาเดินไปนั่งที่สตูลหน้าเคาน์เตอร์บาร์ สองหนุ่มเดินตามมานั่งข้างๆ ทุกสายตามองตรงไปยังเวทีเบื้องหน้า ท่ามกลางแสงสีของไฟสปอตไลท์และแสงเซเลอร์หลากสีสาดส่องไปทั่วเวที เสียงเพลงแดนซ์ก็ค่อยๆดังขึ้นอย่างเรียกร้องความสนใจ ม่านยกสีเลือดนกถูกเปิดขึ้น เสียงร้องดังกึกก้องตามมา สิ่งที่เปิดเผยต่อสายตาฝูงชนบนฟลอร์เบื้องหน้าคือสปอร์ตคาร์ยี่ห้อดังจำนวน2คัน แลมเบอร์กินี่สีดำและเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงรุ่นใหม่ล่าสุดอวดโฉมล่อสายตา ประกายมันวาวของตัวรถเรียกให้สายตาคนมองถึงกับเคลิ้มฝันว่าจะได้จับจองเป็นเจ้าของ
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เสียงพูดคุยชื่นชมสำหรับโชว์ในค่ำคืนนี้ หญิงสาวหุ่นดีสองคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมไว้เพียงสองเม็ดกับกางเกงยีนสั้นโชว์เรียวขายาวก็ปรากฏกายอยู่บนเวที ความบางของเสื้อทำให้สายตาคนมองเห็นไปถึงเนินเนื้อหน้าอกขาวผ่องพร้อมทั้งหน้าท้องแบนราบ เสียงฮือฮาดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อไฟบนเวทีดับลง แต่สักพักแสงไฟก็กลับมาสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับที่สองสาวโผล่ไปนั่งอยู่บนกระโปรงหน้าของสปอร์ตคาร์คันหรูด้วยสภาพที่เปียกปอนไปทั้งร่าง!
เด็กหนุ่มหน้าหวานเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ด้วยไม่คิดว่าโชว์บนเวทีจะเป็นแบบนี้ ราวกับเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน ลำคอก็พานแห้งผาก เจ้าตัวหันไปมองหน้าพี่ชาย เอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า
“พี่ครับ ผมหิวน้ำ”
เนสหันมามอง ยิ้มขำกับอาการตื่นตกใจของน้องก่อนหันไปสั่งน้ำแร่กับบาร์เทนเดอร์
“โชว์ในผับก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่จ้างศิลปินดังมาร้องเพลงก็จ้างพริตตี้มาโชว์”
บอกน้องพลางยื่นขวดน้ำแร่ที่เปิดฝาแล้วส่งให้ ต้าร์รับมาแล้วก็รีบกระดกน้ำแร่กลืนลงคอ
“มีโชว์แบบนี้ทุกคืนเลยเหรอฮะ”
“เดือนละครั้ง”
ควินตอบแทนเพื่อน มองหน้าหวานด้วยสายตาเรียบนิ่ง เนสขมวดคิ้วมองเพื่อนอย่างประเมินท่าที
“พี่ควินหุ้นกับเพื่อนเปิดผับนี้เหรอฮะ”
“เปล่า แค่ดูแลแทนมัน”
ต้าร์พยักหน้ารับรู้ ยิ้มให้ก่อนหันไปดูโชว์บนเวทีต่อ ตอนนี้หญิงสาวทั้งสองคนแทบจะกลายร่างสิงไปกับรถหรูแล้ว เพราะพวกเธอเอาแต่ยื่นหน้าอกและสะโพกถูไถไปกับรถจนแทบไม่สนใจผ้าที่จัดเตรียมไว้สำหรับเช็ดรถ
เนสเห็นน้องหันกลับไปสนใจโชว์บนเวทีก็ค่อยเบาใจ กำลังจะเอ่ยสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ แต่สายตาก็ดันไปเจอเข้ากับกลุ่มวัยรุ่นชายยืนอยู่ตรงมุมประตูทางเข้าผับ คงจะไม่สะดุดตา ถ้าหากว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้พกปืนมาด้วย!
“เหี้ยแล้ว”
สบถเบาๆพลางมองตามกลุ่มคนที่พากันเดินตรงไปทางโต๊ะที่ซึ่งมีผู้ชายหน้าคุ้นตากำลังนั่งนัวเนียกับบรรดาหญิงสาวอยู่
“ต้าร์ กลับบ้าน”
เนสหันไปบอกน้องพลางฉุดแขนดึงให้ลงจากสตูล ควินกับแซทมองตามอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอฮะ โชว์ยังไม่จบเลย”
ต้าร์ถามพี่ชาย สีหน้าเคร่งขรึมและท่าทีแปลกๆทำให้เรียวคิ้วขมวดมุ่น
“ไอ้พอลกำลังจะโดนยำ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนมึงตาย ก็รีบไปช่วยมัน”
เนสบอกเพื่อนเสียงเข้มก่อนดึงแขนน้องให้เดินตามอย่างเร็ว ควินกับแซทมองหน้ากันแล้วก็หันไปกวาดสายตามองหาเพื่อนอีกคน พอเห็นว่าไอ้เพื่อนตัวดีกำลังนั่งลั้นลาอยู่ท่ามกลางสาวๆ พวกเขาก็รีบเดินเข้าไปหา แต่ช้าไป เพราะกลุ่มคนแปลกหน้าเข้าใกล้เป้าหมายก่อนแล้ว
"ไอ้เหี้ยพอล แม่มึงมา!”
แซทตะโกนบอกเพื่อน คนได้ยินเสียงรีบลุกพรวดขึ้นด้วยกลัวว่าแม่บังเกิดเกล้าตามมาลากตัวกลับบ้าน เหตุการณ์ชลมุนวุ่นวายตามมาเพียงพริบตาเดียวเมื่อกลุ่มคนแปลกหน้าพยายามจับตัวพอลแต่ถูกจับเหวี่ยงและถีบกระเด็นไปคนละทิศทาง เสียงกรี๊ดตกใจของบรรดาลูกค้าสาวดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกระแทกหนักๆของโต๊ะเก้าอี้ และเสียงแก้วแตก เสียงเพลงในผับหยุดลงพร้อมกับโชว์บนเวที ความอลหม่านภายในผับลุกลามราวกับไฟไหม้ ฝูงชนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด
“ไอ้สัดพอล! มึงรีบหนีไปเลย”
ควินร้องบอกเพื่อนพลางสาวเท้าก้าวยาวๆออกจากผับ เดินตรงไปที่ลานจอดรถ สายตาคมก็มองหาเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ถูกพี่ชายลากออกไปก่อนจะเกิดเรื่อง
“เออ! กูรู้แล้ว แม่งเอ๊ย! ปืนกูอยู่ในรถ”
“บ่นหาพ่อมึงเหรอ! รีบไสหัวไป!”
แซทตะโกนด่าไล่เพื่อน มือหนาก็ผลักทุกอย่างที่ขวางหน้า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมคนวิ่งออกจากผับ”
ต้าร์ถามพี่ชายเมื่อเดินมาถึงรถ
“อย่าถาม ขึ้นรถเร็ว”
เนสเร่งน้อง กำลังจะเปิดประตูรถเสียงเบรกดังเอี๊ยดก็ดังขึ้น เจ้าของรถแอสตันมาร์ตินก้าวลงจากรถเดินตรงเข้ามาหา
“เนส”
เจ้าของชื่อเล่นมองคนเรียกด้วยสายตาเกลียดชัง
“เอารถมึงออกไป ขวางทางกู”
เนสสั่งน้ำเสียงกระชาก
“จะรีบไปไหน เกิดอะไรขึ้น”
คนเพิ่งมาถึงถามอย่างงุนงง
“หุบปากแล้วถอยรถมึงออกไป!”
ต้าร์สะดุ้งกับเสียงตวาดของพี่ชาย เพ่งสายตามองฝ่ากระจกรถดูเหตุการณ์ข้างนอก
“ไอ้ร็อก! ไอ้เหี้ย! พากูหนีเร็ว กูทำกุญแจรถหายว่ะ”
พอลร้องเสียงหลง วิ่งเข้ามาหาเพื่อน
“กูบอกให้มึงถอยรถออกไป!”
คนเพิ่งมาถึงได้แต่ยืนงงยกมือเกาศีรษะ
“ร็อก! พาไอ้พอลหนีไป เดี๋ยวฉิบหายกันหมด”
ควินวิ่งเข้ามาบอกเพื่อน
“ยืนโง่หาพ่อมึงเหรอ! รีบไปสิวะ!”
เนสตะโกนด่าอีก คราวนี้คนที่ยืนงงเดินเข้ามาคว้ามือคนสั่ง
“ปล่อยกู!”
เนสร้องลั่น สะบัดมือออกแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ไปกับกู”
“กูไม่ไปกับมึง!”
“ขึ้นรถเร็วๆสิวะ! ยืนเถียงกันทำเหี้ยอะไร!”
พอลด่าเพื่อนก่อนเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ
“พี่ครับ”
ต้าร์เปิดประตูลงจากรถร้องเรียกพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
แซทเห็นท่าไม่ดี หันไปมองข้างหลังก็เห็นกลุ่มคู่อริของเพื่อนกำลังวิ่งตามมา
“เวรเอ๊ย! รีบๆไป!”
บอกอย่างหัวเสียก่อนเดินไปคว้ามือเด็กหนุ่ม
“ปล่อยกู! ไอ้แซท! จะพาน้องกูไปไหน ปล่อยต้าร์เดี๋ยวนี้!”
เนสร้องสั่ง ดิ้นพล่าน แต่ถูกร่างสูงใหญ่กว่ารวบตัวไว้แน่นก่อนดันให้เข้าไปในรถ
“ปล่อยกู! ปล่อยสิวะ! ไอ้เหี้ย! กูบอกให้ปล่อย!”
เสียงร้องด่าดังลั่นก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่เนส! พี่ครับ!”
ต้าร์ร้องตามพี่ชาย สีหน้าเป็นกังวลปนตกใจ ทั้งสับสนงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ๆพี่ชายก็ถูกลากตัวขึ้นรถไป แล้วตัวเขาเองยังถูกเพื่อนพี่ชายลากให้เดินตามมาอีก
“พี่แซทจะพาผมไปไหน แล้วพี่เนสล่ะฮะ พี่สองคนนั้นจะพาพี่ผมไปไหน”
น้ำเสียงตื่นกลัวเอ่ยถาม พอไม่ได้คำตอบก็หันไปมองอีกคนที่เดินตามมา
“พี่ควิน เราจะไปไหนกันเหรอฮะ แล้วพี่เนสจะปลอดภัยมั้ย”
“ไปรถกู”
ควินไม่ตอบคำถามแต่หันไปบอกเพื่อน เพราะรถจอดอยู่ใกล้กว่า มือหนาล้วงเอากุญแจรถกดรีโมทปลดล็อค รีบเดินไปเปิดประตู แซทดันเด็กหนุ่มให้เข้าไปนั่งเบาะหลัง
“เฮ้ย! พวกมันอยู่นี่!”
เสียงห้าวร้องบอกพรรคพวกพลางชี้มาที่เบนซ์ป้ายแดง ควินรีบสตาร์ทรถเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งพารถพุ่งทยานออกไปด้วยความเร็ว
“พี่ครับ จะตอบผมได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สองคนนั้นพาพี่เนสไปไหน แล้วเราจะไปไหนกันครับ”
________________________________________________________________
ครบ 100% แล้ววว
เสียงตอบรับจากครึ่งแรก ควินกับแซทโดนถล่ม!
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมความเห็นส่วนใหญ่ถึงด่าควินกับแซทกันล่ะ
(คนแต่ง : ตีหน้ามึน ไม่รู้ไม่ชี้)
เบื้องหลังของสองหนุ่ม(โฉด)เผยออกมาเรื่อยๆ บอกได้เลยว่า พวกพี่แกไม่ได้มีดีแค่เลวนะคะ
เพราะพี่แกยังเลวได้มากกว่านี้ค่ะ
(โดนคนอ่านตบรัวๆ)
จบตอนนี้ คนแต่งขอลากิจนะคะ มีธุระต้องเดินทางค่ะ ไม่สะดวกปั่นงาน
จะกลับมาอีกที อาทิตย์หน้าเลย จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตามนะคะ
รักคนอ่านทุกคน