HEARTBREAKER
30
(ต่อ)
บรรยากาศภายในร้านกาแฟยามเย็นเต็มไปด้วยลูกค้าแน่นขนัด เสียงเพลงแจ๊สดังคลอเบาๆช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย การตกแต่งร้านสไตล์วินเทจรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ทำให้ร้านกาแฟร้านนี้ดูสะดุดตา มุมระเบียงด้านนอกร้านซึ่งเป็นมุมโปรดของลูกค้าขาประจำมีกลุ่มวัยรุ่นชายในชุดนิสิตนั่งจับจองอยู่โต๊ะนึง กลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ในอากาศมาจากชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่ม แม้ทางร้านจะไม่ได้ห้าม แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยสูบบุหรี่ภายในร้าน
“พวกมึงจะเอายังไง”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามก่อนจะอัดสารนิโคตินเข้าปอด ควันบุหรี่พวยพุ่งออกมาทั้งปากและจมูกของคนสูบ ใบหน้าหวานเกินชายมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างรอฟังคำตอบ
“ไม่ห้ามแล้วเหรอ”
ควินถามกลับ ไม่ได้มองหน้าเพื่อน สายตาโฟกัสไปที่หน้าร้านเบเกอร์รี่ฝั่งตรงข้าม
“เมื่อคืนพวกมึงเพิ่งพูดขู่กูไปไม่ใช่หรือไง”
เนสพ่นควันใส่หน้าเพื่อน คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด
“มึงกลัวคำขู่กูด้วยเหรอ”
แซทแสยะยิ้ม ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยกลัวคำขู่ใคร แต่ก็พอเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับน้องชายโดยตรง คำขู่เลยเป็นผล มือหนายกแก้วกาแฟสดขึ้นดื่ม ตาก็จ้องรูปรีวิวรถสปอร์ตคันหรูในไอแพด
“กลัวสิ กูกลัว”
คำพูดยอมรับตรงๆของเนสเรียกให้เพื่อนหันมามอง ริมฝีปากบางแสยะยิ้มให้กับความโง่เขลาและขี้ขลาดของตัวเอง
นอนคิดทบทวนมาทั้งคืน รู้ดีแก่ใจว่าต่อให้ขัดขวาง ค้านหัวชนฝาหรือสั่งห้ามยังไง ไอ้เพื่อนสองคนนี้ก็ไม่คิดจะฟัง ไม่คิดจะสนใจปฏิบัติตาม หนำซ้ำยังท้าทาย พวกมันมักจะได้สิ่งที่ต้องการมาโดยง่ายจนเคยตัว ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของล้วนแต่วิ่งเข้าหาพวกมันก่อนเสมอ น้อยครั้งที่พวกมันจะวิ่งตามใครหรือไขว่คว้าสิ่งของใด
สิ่งไหนที่ได้มาง่ายๆ ความเบื่อหน่ายย่อมเกิด ตรงกันข้าม สิ่งไหนที่ได้มาอย่างยากลำบาก ย่อมนำมาซึ่งความท้าทายและความพยายาม
ในเมื่อใช้ไม้แข็งแล้วพวกมันต่อต้าน งั้นก็ต้องใช้ไม้อ่อนให้พวกมันยอมตาม
“รับปากกู ว่าพวกมึงจะไม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจต้าร์ ไม่บังคับฝืนใจ ไม่ใช้กำลัง”
บอกอย่างใจเย็น ค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
ควินนิ่งคิดตามคำพูดเพื่อน นึกถึงใบหน้าหวานของเด็กหนุ่ม จู่ๆความรู้สึกห่วงแหนก็วิ่งวุ่นอยู่ในใจ แม้แต่เพื่อนสนิทที่อีกฝ่ายแนะนำให้รู้จัก เขายังเกลียดขี้หน้ามัน แล้วถ้ามีคนเข้ามายุ่งวุ่นวาย เขาจะทนได้ยังไง
“กูรับปาก”
เนสจ้องตาเพื่อนเขม็งอย่างจะค้นหาความซื่อสัตย์ในดวงตาสีเฮเซล ควินมองตอบด้วยอาการสงบนิ่ง
แซทเห็นเพื่อนซี้ตกปากรับคำไปแล้วก็หวนคิดถึงดวงตากลมใส รอยยิ้มร่าเริง และเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหนุ่มหน้าหวาน แม้ระยะเวลาที่พบกันจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ในใจก็ร้องบอกเขาว่า ปล่อยมือจากเด็กหนุ่มไปไม่ได้แล้ว
“กูรับปาก”
เนสถอนสายตาจากควินมามองแซท ราวกับจะถามผ่านทางสายตาว่า ‘มึงแน่ใจแล้วเหรอ’ หากอีกฝ่ายก็รู้ทัน ดวงตาคมจึงทอแววจริงจังหนักแน่น
“จำคำพูดพวกมึงให้ดี วันนี้ พวกมึงรับปากอะไรกูไว้ ถ้าพวกมึงผิดคำพูดเมื่อไหร่ อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าน้องกูอีก”
เนสลุกพรวดขึ้น วางแบงก์500ลงบนโต๊ะสำหรับค่ากาแฟก่อนเดินออกจากร้านไป พอเดินมาถึงลานจอดรถก็หยุดชะงักเพราะสายตามองไปเห็นชายหนุ่มร่างสูง นายแบบดังที่ตามตื้อตนมาได้หลายเดือน
“เนส”
อีกฝ่ายร้องเรียกพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ รีบเดินตรงมาหา หากแต่พอเดินมาถึงตัวแล้ว กลับถูกเจ้าของชื่อมองด้วยสายตาเย็นชาและฝากประโยคทิ่มแทงใจไปถึงเพื่อนรักทั้งสอง
“เตือนเพื่อนมึงด้วย ต้าร์ไม่มีวันรักพวกมัน”
“พี่แซท พี่ควิน”
เสียงหวานเรียกมาก่อนตัว ร่างอ้อนแอ้นในชุดนักเรียนมัธยมปลายถักผมเปียผูกโบว์เรียบร้อยเดินฉีกยิ้มหวานเข้าไปหาสองหนุ่มซึ่งนั่งเงียบอยู่นานหลังจากที่เพื่อนเดินออกจากร้านไป ใบหน้าเรียวรูปไข่สวยหมดจดแม้จะแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ ริมฝีปากอิ่มทาเคลือบด้วยลิปกรอสที่ชมพูดูน่ารักสมวัย ผิวขาวนวลเนียนยิ่งเสริมความสวยให้เด็กสาวดูน่ามอง
“น่าน้อยใจจริงๆ พวกพี่ไม่โทรหาเมบ้างเลย”
ดัดเสียงเง้างอนพลางตีสีหน้าออดอ้อนก่อนหันไปลากเก้าอี้จากโต๊ะข้างๆมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
ควินกับแซทนั่งเงียบแม้จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะด้วย ความเงียบราวกับเป็นคำตอบให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าสองหนุ่มไม่ได้ยินดีกับการมาของเธอ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ขยับเก้าอี้เข้าใกล้คนที่สนใจมองแต่หน้าจอไอแพด เอนศีรษะซบแขนอย่างไม่อายสายตาใคร
“พี่แซท สนใจเมหน่อยสิคะ วันนี้เราไปดินเนอร์กันนะ นะคะ”
แซทเงยหน้าขึ้นมองคนซบ เอ่ยปากไล่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดียวกับน้ำเสียง
“ออกไป”
คนโดนไล่หน้าเสีย กลับมานั่งตัวตรง แต่ก็ฝืนปั้นหน้ายิ้มอ่อนหวานให้
“เมขอโทษนะคะที่มากวนเวลา อย่าโกรธเมเลยนะคะ เมก็แค่คิดถึงพวกพี่”
บอกเสียงเศร้า ลุกขึ้นเดินไปซบหน้าลงกับไหล่กว้างของแซท คนโดนซบแสยะยิ้มร้ายก่อนชี้มือไปที่ประตูร้าน
“ออกไป อย่าให้พูดซ้ำ มันน่ารำคาญ”
น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยไล่ ทำให้ร่างบางผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว สีหน้าซีดเผือด
“เอ่อ…งั้นเมกลับก่อนนะคะ”
บอกลาแล้วรีบเดินออกจากร้าน ไม่คิดจะอยู่อ้อนต่อ ด้วยรู้ดีว่าเวลาสองหนุ่มอารม์เสียนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน
อาการลนลานของเด็กสาวทำให้ลูกค้าภายในร้านหันไปมองสองหนุ่ม แซทตวัดสายตาดุคมมองกราดไปทั่ว เพียงเท่านั้น คนที่มองมาก็รีบหันหน้ากลับ
“ไอ้เหี้ยร็อคมันไปตายห่าที่ไหนวะ”
แซทบ่นถึงเพื่อนสนิทอีกคน กำลังจะด่าซ้ำ เสียงเรียกคุ้นหูก็ดังขัดขึ้น
“แซท ควิน รอนานป่ะวะ”
ร็อคเกอร์เดินหน้านิ่งเข้าไปหาเพื่อน นั่งเก้าอี้ที่เด็กสาวลากมาไว้ก่อนหน้านี้
“ตายยากฉิบหาย”
ควินบอกพลางแสยะยิ้ม
“กูเจอเนสที่ลานจอดรถ”
น้ำเสียงเรียบนิ่งบอกเพื่อนด้วยใบหน้าหมองเศร้า
“แล้วไง”
แซทถามอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงไม่ได้บอกว่าเนสอยู่ด้วย กูจะได้รีบมาให้ทัน”
“ตัดใจเหอะ ไอ้เนสมันไม่ได้รักมึง”
ควินบอกเพื่อนด้วยความหวังดี ไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจไปมากกว่านี้
“มึงตัดใจจากต้าร์ได้ไหมล่ะ”
ควินเงียบที่โดนย้อนกลับมา แต่ยกมือขึ้นตบหัวเพื่อนเต็มแรง คนโดนทำร้ายจับคลำหัวตัวเอง ขึงตาดุใส่แต่ไม่ได้โต้ตอบกลับเพราะกลัวจะบานปลายพานให้ร้านกาแฟเสียหาย
“กูเตือนพวกมึงด้วยความหวังดี ต้าร์ไม่มีวันรักพวกมึงหรอก”
สองหนุ่มหันขวับมามองเพื่อนด้วยความไม่พอใจ
“มาช้าแล้วยังปากหมาอีกนะมึง”
แซทด่าเสียงห้วน วางไอแพดกระแทกกับโต๊ะเสียงดัง
“ถ้าไม่รักจริง ก็ปล่อยน้องเค้าไป”
“กูไม่ปล่อย”
แซทสวนทันควัน ชักรู้สึกคันเท้ายิบๆ
“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่รักจริง”
ควินถามต่อ นึกอยากจะซัดปากเพื่อนสักหมัด
“แล้วพวกมึงรักต้าร์จริงๆเหรอ”
โดนจี้คำถามใส่ สองหนุ่มก็พร้อมใจกันเงียบ
แซทคิดถึงชีวิตเสเพลของตัวเอง ที่ผ่านมาไม่เคยรักใคร คนที่ผ่านเข้ามาก็พร้อมใจฟรีเซ็กซ์ให้ เรื่องความรักไม่เคยอยู่ในความสนใจ แต่กับเด็กหนุ่มหน้าหวานที่พบเจอกันได้ไม่กี่ครั้งก็ทำให้หัวใจสั่นไหวได้ ยอมรับว่าชอบมาก และคิดว่าความชอบนี้จะพัฒนาไปเป็นความรักได้ไม่ยาก
“มึงรู้ไว้ว่ากูจริงจังกับต้าร์ก็พอ”
แซทบอกเสียงเรียบ ลุกขึ้นควักแบงก์พันออกจากกระเป๋ากางเกงวางไว้บนโต๊ะ คว้าไอแพดแล้วเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามหลัง
ร็อคหันมามองควินอย่างกดดันให้เพื่อนตอบคำถาม
คนกำลังใช้ความคิดนั่งเงียบ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจริงจังกับใคร ถ้าพอใจทั้งสองฝ่ายก็จบลงที่เตียง ไม่เคยสนใจความรัก แต่พอได้เจอเด็กหนุ่มหน้าหวานครั้งแรก ก็รู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจเข้าให้แล้ว ถ้าคนที่เจอกันครั้งแรกแล้วทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ คนคนนั้นย่อมมีความพิเศษ
“กูรู้สึกกับต้าร์เหมือนตอนที่มึงเจอไอ้เนสครั้งแรกนั้นแหละ”
ควินบอกแล้วเงียบไป คนฟังก็เงียบไปเช่นเดียวกัน
‘ควิน กูชอบเพื่อนมึงวะ เนสแม่งโคตรน่ารัก ไอ้เหี้ย กูตกหลุมรักคนนี้’
คำพูดในวันวานผุดขึ้นมาในความทรงจำ ร็อคหันไปมองหน้าเพื่อน ยิ้มพร้อมส่ายหน้าก่อนล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งข้อความหาคนที่เพิ่งเจอกันที่ลานจอดรถ
‘เตือนพวกมันแล้ว ฝากเตือนต้าร์ด้วย พวกมันเอาจริง’
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 30 ครบ 100% แล้วนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตาม
ไม่มีอะไรจะเวิ่น
ขอให้อ่านกันอย่างสนุกสนาน ปราศจากความเครียด
เจอกันตอนหน้าค่าาาา รักคนอ่านเสมอ