HEARTBREAKER
33
(ต่อ)
“พี่แซทรู้จักเมเปิ้ลได้ยังไงฮะ”
ขึ้นรถมาได้สักพักต้าร์ก็หันไปถามคนขับ
แซทนิ่งเงียบคิดหาคำตอบ แม้ใจไม่อยากตอบ แต่ก็กลัวเด็กหนุ่มไม่กล้าคุยกับตนอีก คราวก่อนยังนั่งนิ่งเงียบอยู่นานเพราะกลัวเขาโกรธเหตุที่เจ้าตัวทำเสื้อเขาเปื้อน
“เพื่อนแนะนำให้รู้จัก”
ตอบเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า คล้ายจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดา
ต้าร์เลิกคิ้ว พยักหน้ารับรู้ คลี่ยิ้มแล้วถามต่ออย่างชวนเจ้าของรถคุย
“เมเปิ้ลน่ารักนะฮะ ทั้งน่ารักทั้งนิสัยดี”
น้ำเสียงปลาบปลื้มปกปิดไม่มิด อีกทั้งแววตาเป็นประกาย แซทหันมองต้าร์แวบนึงก็หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า ขบกรามแน่นข่มอารมณ์ไม่พอใจไว้
แค่ฟังที่เจ้าตัวพูดก็รู้แล้วว่าคิดยังไงกับคนที่เขาเพิ่งสลัดทิ้ง!
“น้อยๆหน่อย เก็บอาการบ้าง น้ำลายมึงจะหกแล้ว”
เฟียซเอ่ยแซวจากเบาะหลัง ยิ้มขำที่เพื่อนตัวเล็กหันมาแยกเขี้ยวใส่
“ไอ้เพื่อนบ้า น้ำลายอะไร ไม่มีสักหน่อย”
ต้าร์ว่าเสียงขุ่น หันกลับไปนั่งกอดอกหน้าตูม
แซทหายใจแรงเร่งความเร็วขึ้นด้วยความโกรธที่ไอ้คนข้างหลังกำลังปั่นประสาทเขา
รถหรูจอดเทียบข้างริมบาทวิถี แซทหันไปมองเฟียซที่เปิดประตูลงจากรถ ส่งสายตาแข็งกราวให้จังหวะที่อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาปิดประตู
“บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้”
ต้าร์ลดกระจกลงโบกมือลาเพื่อน แซทหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอให้อีกฝ่ายร่ำลาเพื่อนเสร็จแล้วจึงออกรถ
“เอ่อ…พี่แซท มันเลยซอยบ้านผมมาแล้วนะฮะ”
ต้าร์ส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นเจ้าของรถขับเลยผ่านซอยบ้าน แปลกใจที่อีกฝ่ายไม่น่าจะลืมเพราะวันก่อนนั้นยังมาส่งตนอยู่เลย
“ไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนหน่อย”
แซทชวนง่ายๆไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะว่ายังไง เพราะถ้าเขาต้องการให้ไปด้วย อีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!
“ของขวัญ ซื้อให้ใครเหรอฮะ”
ต้าร์ถามเสียงใส เต็มใจที่จะได้ช่วยเพื่อนพี่ชายเลือกซื้อของขวัญ ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่อีกฝ่ายอุตส่าห์เลี้ยงหนังไปเมื่อวานก่อน
“ฝรั่ง”
คำตอบทำให้คนฟังขมวดคิ้วงุนงง ฝรั่ง? หมายถึงชาวต่างชาติใช่มั้ย?
แซทลอบยิ้มก่อนยื่นมือไปลูบผมคนทำหน้ายุ่ง ต้าร์ยิ้มกว้างปล่อยให้เจ้าของรถวางมือบนศีรษะอย่างวางใจ จนเมื่อรถติดไฟแดง
แซทถึงได้ผละมือออก
“ผมขอโทรบอกพี่เนสนะฮะ เพื่อพี่กลับถึงบ้านแล้วไม่เจอผม จะได้ไม่เป็นห่วง”
แซทพยักหน้าให้ มองคนตัวเล็กล้วงเอาโทรศัพท์มือถือมาต่อสายหาพี่ชาย ฟังสองพี่น้องคุยกัน
“พี่เนสอยู่ไหนฮะ ถึงบ้านหรือยัง ตอนนี้ผมอยู่กับพี่แซท พี่เขาให้ผมไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับนะฮะ พอดีพี่เขาขับรถผ่านมาหน้าโรงเรียน เฟียซก็นั่งมาด้วย แต่ส่งเฟียซที่ป้ายรถเมล์แล้ว ครับๆ เอ่อ…พี่แซท พี่เนสขอคุยด้วยฮะ เดี๋ยวผมเปิดสปีคเกอร์โฟนให้ พี่จะได้ขับรถได้สะดวก”
ต้าร์โน้มตัวพลางยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆเจ้าของรถ
“เออ ว่าไง”
แซททักทายปลายสาย
“มึงจะพาน้องกูไปไหน”
เสียงดุสวนกลับมา
“ต้าร์บอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ”
ตอบกวน รู้ว่าอีกฝ่ายคงโกรธจัด แต่คงไม่กล้าอาละวาดผ่านโทรศัพท์ในขณะที่น้องชายร่วมฟังอยู่ด้วย
“รีบไปรีบกลับ น้องกูไม่ได้มีเวลาว่างให้มึงพาไปเดินซื้อของ”
ปลายสายบอกเสียงเข้ม น้ำเสียงบ่งชัดถึงความไม่พอใจ
“เออ รู้แล้ว”
ตอบรับ สัญญาณเงียบหายไปบอกให้รู้ว่าคู่สนทนาวางสายไปแล้ว
ต้าร์เก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าก่อนหันไปส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนพี่ชาย
“พี่เนสคงหงุดหงิดที่ผมไม่รีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือเตรียมพร้อมนะฮะ พี่แซทอย่าโกรธพี่เนสเลยนะฮะ”
บอกให้อีกฝ่ายอย่าขุ่นเคืองพี่ชายด้วยกลัวว่าเพื่อนจะทะเลาะกันเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ
“เต็มใจหรือเปล่า”
แซทถามขึ้น ไม่ได้หันไปมอง
คนฟังเลิกคิ้ว งงกับคำถาม
“เต็มใจมาด้วยหรือเปล่า”
ถามย้ำ ลุ้นกับคำตอบ แค่อยากได้ยินว่าอีกฝ่ายเต็มใจมาด้วยกัน
“โธ่…นึกว่าเรื่องอะไร เต็มใจสิฮะ ผมเต็มใจสุดๆเลย”
เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มกว้างชูสองนิ้วยืนยันก่อนหัวเราะร่า แซทกระตุกยิ้ม บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง รู้แค่ว่าสุขใจที่มีเด็กหนุ่มอยู่ข้างๆกัน
รถเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้า หาที่จอดได้เรียบร้อยต้าร์ก็เปิดประตูลงจากรถไปก่อน เจ้าตัวบิดขี้เกียจรอ พอร่างสูงเดินมาหาก็ยิ้มกว้างให้
“ว่าแต่ฝรั่งที่พี่แซทบอกจะซื้อของขวัญให้ เขาเป็นอะไรกับพี่เหรอฮะ ผมจะได้ช่วยเลือกของขวัญถูก”
ถามพลางก้าวเดิน แซทมองใบหน้าหวานอย่างอดใจไม่ไหว ยื่นมือออกไปโอบไหล่ลาดไว้ก้าวเดินไปพร้อมๆกัน ยิ่งคนถูกโอบไม่ได้ขัดขืนเพราะคิดว่าเพื่อนพี่ชายเอ็นดูตนในฐานะน้องชาย ร่างสูงก็ยิ่งได้ใจโอบกระชับคนตัวเล็กอย่างถือสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของ
“พ่อเลี้ยง”
แซทตอบเสียงเรียบ มองผิวแก้มขาวเนียนอย่างเพลินตา
“พ่อเลี้ยงเหรอฮะ”
ต้าร์ร้องเสียงสูงอย่างแปลกใจด้วยเพราะไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องครอบครัวของอีกฝ่าย
“อือ”
น้ำเสียงเรียบเรื่อยบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก
“แล้วพี่แซทจะซื้อของขวัญให้ท่านเนื่องในโอกาสอะไรฮะ”
คนฟังนิ่งคิดไปครู่ ความจริงแรกเริ่มเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้หรอก ถ้าไม่เพราะมารดาโทรมาบอกกรอกหูทุกวันว่าให้หาซื้อของขวัญต้อนรับไอ้ฝรั่งนั่น เลยอยากจัดการให้มันเสร็จๆไป ตอนแรกตั้งใจจะสั่งให้ลูกน้องไปหาซื้อให้ แต่เพิ่งคิดได้ตอนที่คนข้างกายขึ้นรถมาด้วยกัน เลยขอใช้ข้ออ้างนี้เพื่อได้อยู่กับร่างเล็กนานๆ
“ต้อนรับกลับบ้าน”
“ต้อนรับกลับบ้าน”
ต้าร์ทวนคำพลางคิดถึงสิ่งของที่จะให้เป็นของขวัญ
“แล้วพี่แซทคิดจะซื้ออะไรให้ท่านล่ะครับ”
“ช่วยคิดสิ” แซทย้อนสั่ง
ต้าร์ยู่ปากนิ่งคิด
“งั้นก็ต้องซื้อของที่ทำให้ท่านประทับใจและเก็บไว้ได้นาน อือ…นาฬิกาดีมั้ยฮะ เวลาที่ท่านใส่นาฬิกา ท่านจะได้คิดถึงคนให้”
เสนอพลางเงยหน้ามองร่างสูงอย่างรอฟังคำตอบ พอแซทพยักหน้า เจ้าตัวก็ยิ้มกว้างรีบมองหาร้านนาฬิกาทันที
“ตรงนั้นฮะ ร้านนาฬิกาอยู่ตรงนั้น”
ชี้ชวนให้คนข้างกายมองตามก่อนจะจับมือหนาจูงให้เดินตามไป แซทก้มลงมองมือตัวเองที่มีนิ้วเล็กสอดประสานอยู่ด้วยกัน กระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขกับสัมผัสที่ร่างเล็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
แค่จับมือ เขาก็ดีใจ
มาถึงร้านคนตัวเล็กก็ปล่อยมือหนาแล้วเดินไปดูนาฬิกาผ่านตู้กระจกใส ตากลมไล่มองที่ละเรือนอย่างพิจารณา แซทมองตามทุกอิริยาบถ ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กจะทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมด อาการแบบนี้สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘หลงรัก’
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง แซทล้วงออกมาดูชื่อคนโทรเข้า เห็นว่าเป็นเพื่อนซี้ก็รีบรับสาย
“เออ ว่าไง”
“มึงอยู่ไหน”
“เซ็นทรัลเวิร์ล”
“ไปทำเหี้ยไรวะ”
“พาเมียมาซื้อของ”
“ไอ้สัตว์ เอาดีดี อย่ากวนตีน”
“กวนเหี้ยไรล่ะ ก็บอกว่าอยู่กับเมีย ต้าร์กำลังดูนาฬิกาอยู่”
“ไอ้เหี้ย! แล้วไม่โทรบอกกูวะ”
“ก็มึงบอกไปทำธุระให้ยาย”
“กูเคลียร์ธุระเสร็จแล้ว อย่าไปไหนนะมึง เดี๋ยวกูไปหา”
“เออ รีบมา เจอกันร้านเดิม”
จบบทสนทนากับเพื่อนซี้ก็เก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กก้มๆเงยๆมองนาฬิกาผ่านตู้กระจกอย่างสนใจก็ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์มองตาม เผลอยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัวจนเมื่อเสียงหวานเอ่ยเรียกถึงได้รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งขรึม
“พี่แซท มาดูนี่สิฮะ ผมว่าเรือนนี้สวยดี น่าจะเหมาะกับพ่อเลี้ยงพี่ ผู้ใหญ่เขาน่าจะชอบดีไซน์แบบนี้”
ร่างสูงเดินไปหาคนเรียก มองตามนิ้วเรียวที่ชี้ชวนให้ดูนาฬิกาในตู้โชว์
“เอาอันนี้”
แซทเงยหน้าบอกพนักงาน ล้วงเอากระเป๋าตังค์ กำลังจะหยิบบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าแต่ต้าร์ยื่นมือเข้ามาห้ามไว้
“พี่แซทจะเอาเรือนนี้เลยเหรอฮะ ยังไม่ได้ดูยี่ห้อ ไม่ได้ดูราคาเลย”
คนฟังยื่นมือไปขอนาฬิกาจากพนักงาน รับมาแล้วนัยน์ตาคมก็มองป้ายราคาก่อนหยิบนาฬิกาออกจากกล่องพลิกมองชื่อแบรนด์ใต้ตัวเรือน
“ดูแล้ว เอาอันนี้”
บอกร่างเล็กพลางวางนาฬิกาใส่กล่องตามเดิมแล้วส่งให้พนักงานรับไปจัดการต่อ
ต้าร์ยิ้มบางมองร่างสูงหยิบบัตรเครดิตยื่นให้พนักงาน ในใจกังวลว่าของขวัญที่ตนเลือกจะถูกใจผู้รับมั้ย
“หิวมั้ย อยากกินอะไร”
แซทเซ็นชื่อในใบเสร็จพร้อมรับของกับบัตรเครดิตเรียบร้อยก็หันมาถามเด็กหนุ่ม
“ไม่ฮะ ผมไม่หิว”
เจ้าตัวส่ายหน้า ยิ้มหวานให้
แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่หิว แต่แซทก็ไม่สนใจคว้ามือเล็กเดินออกจากร้าน คนถูกจูงเดินตามอย่างมึนๆจนมาถึงร้านกาแฟ
“เอาอะไร”
แซทหันไปถามคนข้างกาย
“เอ่อ…เอาชาเชียวปั่นเพิ่มวิปครีมครับ”
ต้าร์บอกพลางยิ้มเขิน เมื่อกี๊ยังบอกร่างสูงว่าไม่หิวอยู่เลย แต่พอมาถึงร้านกาแฟ น้ำย่อยในกระเพาะก็ร้องเรียกขึ้นมาดื้อๆ
แซทยกยิ้มก่อนหันไปสั่งพนักงาน
“ชาเขียวปั่นเพิ่มวิปครีมกับเอสเปรสโซ่”
สั่งเสร็จก็จูงมือเล็กเดินไปนั่งที่โต๊ะริมกระจก
“เค้กมั้ย”
แซทเสนอ แต่ต้าร์ส่ายหน้า คนถามเลยไม่เซ้าซี้ต่อ นัยน์ตาคมมองใบหน้าเรียวเล็กอย่างเพลินตาฆ่าเวลารอ ไม่นานพนักงานก็เข้ามาเสิร์ฟออเดอร์ที่สั่งไป ต้าร์ยิ้มจนตาปิดก่อนดูดชาเชียวอึกใหญ่ มือเล็กจัดการเปิดฝาครอบแก้วพลาสติกแล้วก้มหน้าลงแลบลิ้นเลียวิปครีม คนนั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับตาค้าง นิ่งงันราวกับถูกสาปกับภาพที่เห็น จู่ๆอวัยวะสำคัญที่ใช้เผด็จศึกคู่นอนก็เกิดอาการปวดหนึบ มันร่ำร้องอยากปลดปล่อยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมา ชายหนุ่มขบกรามแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ดิบไว้ เลือกที่จะเบือนหน้าหนีเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ยังคงละเลียดวิปครีมนุ่มอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสร้างความปวดร้าวให้คนนั่งร่วมโต๊ะด้วย
ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! อย่าหวังเลยว่าเขาจะปล่อยให้ไปทำท่าทางยั่วยวน(โดยไม่รู้ตัว)แบบนี้ต่อหน้าคนอื่น!
-------------------------------------------------------------------------------------
ขอ3คำให้พี่แซทค่ะ
"ทะลึ่งวะ!"
ขออภัยนะคะที่หายไปนาน
พอดีว่าติดธุระ (ไปสัมภาษณ์งาน)
เลยเหนื่อยกับการเดินทาง
แต่คงไม่ได้ เพราะเขาคงไม่เอา
นอยด์เบาๆเลยขอพักทำใจ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจมากๆนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ รับรองว่าแซ่บ! ฮาร์ฟ เมเปิ้ล VS ควิน แซท