HEARTBREAKER
35
ขึ้นชื่อว่า ‘ข่าวลือ’ ถ้าไม่มีมูลความจริง ผู้คนก็คงไม่เอามาพูดกัน ข่าวลือ เปรียบเหมือนไฟลามทุ่ง ที่พอได้ได้ยินจากปากคนนึงก็ลามไปถึงคนกลุ่มใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งข่าวลือที่ว่าเป็นของนักเรียนที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนดัง ข่าวลือดังกล่าวก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต ทำให้คนตกเป็นข่าวแทบไม่มีที่ยืนอยู่ในสถานศึกษา ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอาจารย์หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมห้อง อย่างเดียวที่ทำได้คือความเงียบ ไม่พูดจากับใครทั้งสิ้น เพราะถ้าขืนพูดไป ข่าวลือก็ไม่มีวันจบ ซ้ำยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เรื่องยืดยาวต่อไปอีก
‘เลิกเรียนแล้ว มารับหน่อย’
หญิงสาวส่งข้อความหาแฟนหนุ่ม แต่อีกฝ่ายส่งกลับมาว่า ‘ไม่ว่าง’ พอเธอโทรหาเขาก็บอกว่าติดธุระต้องรีบไปจัดการแล้วตัดสายไปเลย ความโกรธกับเรื่องของข่าวลือกับความไม่พอใจในตัวแฟนหนุ่มแทบทำให้เธอกรีดร้องออกมา หญิงสาวรีบเก็บกระเป๋าเดินเร็วออกจากห้องเรียนท่ามกลางสายตาและเสียงซุบซิบนินทาให้ได้ยินตลอดทางจนถึงหน้าโรงเรียน กำลังจะโบกรถแท็กซี่สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายร่างสูงยืนกอดอกพิงกำแพงโรงเรียนส่งรอยยิ้มเหยียดมาให้ ดวงตากลมกระตุกวูบอย่างหวาดกลัว แต่เพียงแวบเดียวดวงตาคู่สวยก็เปลี่ยนเป็นแข็งกราววาวโรจด้วยเพลิงโทสะ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม กำมือแน่นจนสั่นก่อนเค้นเสียงถามอีกฝ่าย
“ฝีมือพวกพี่ใช่มั้ย พวกพี่เป็นคนปล่อยข่าวลือบ้าๆนี่ใช่มั้ย”
“เธอก็ไม่ได้โง่นี่”
ชายหนุ่มตอบเสียงเยาะ แสยะยิ้มร้าย
“พี่ควิน พวกพี่มันเลว เลวที่สุด”
หญิงสาวด่าอย่างเจ็บใจระคนโกรธแค้น
“แล้วไง เพิ่งรู้เหรอ”
ควินตอบอย่างต้องการเย้าแหย่อารมณ์คนฟัง
“เธอมันก็เลวไม่ต่างจากพวกฉันหรอก” ว่าต่อเสียงเรียบ “ผู้หญิงที่ยอมนอนกับผู้ชายพร้อมกัน2คนแถมยังแอบไปมั่วกับผู้ชายอีกคน ผู้หญิงแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ร่าน หรือว่าสำส่อน”
“แก!”
หญิงสาวเผลอตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คนที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆต่างพากันหันมามองและซุบซิบกัน
“เธอจะปฏิเสธเหรอว่าไม่ได้นอนกับไอ้ฮาร์ฟ”
พอได้ยินชื่อคนที่ตนแอบคบลับหลัง หญิงสาวก็แสดงอาการตื่นกลัว
“ฉันจะบอกให้เธอหายโง่นะเมเปิ้ล ไอ้ฮาร์ฟมันชอบกินของเหลือเดนต่อจากฉัน พอฉันเขี่ยทิ้งแล้ว มันก็จะทำเหมือนกัน”
ควินกระตุกยิ้ม มองคนอวดเก่งตรงหน้าเบิกตากว้างราวกับคนสติหลุด
“ไม่จริง ฮาร์ฟเขาไม่เลวเหมือนพวกแก เขารักฉัน”
“รักเหรอ”
คนฟังย้อนถาม เปล่งเสียงหัวเราะขบขันตามมา
“เธอนี่โง่กว่าที่ฉันคิดนะ”
หญิงสาวตัวสั่นหนักขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเข้าหูเธอก็ยิ่งอยากกรีดร้อง ดวงตากลมหันมองไปรอบๆตัวก็เห็นว่าทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่เธอ
“เลิกเรียน คนกำลังเยอะ จะให้ฉันบอกดีมั้ยว่าอาชีพเสริมเธอคืองานอะไร”
ควินบอกเสียงเรียบแต่สายตาวาววับอย่างนึกสนุก
คนฟังรีบหันหลังเดินเร็วไปโบกรถแท็กซี่ ควินมองตามจนอีกฝ่ายขึ้นรถขับออกไปไกลสายตาก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดู ชายหนุ่มรีบรับสายเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา
“เออ”
ตอบรับสั้นๆก่อนตัดสายเมื่ออีกฝ่ายโทรมารายงานว่าต้าร์กำลังเดินออกมา ชายหนุ่มเดินไปดักรอที่หน้าประตู นัยน์ตาคมมองเห็นร่างเล็กเดินเคียงข้างมากับไอ้คนที่เขาไม่ชอบหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจแต่พอเห็นว่าเด็กหนุ่มเห็นตนแล้วโบกมือให้พร้อมกับวิ่งเข้ามาหา คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก
“สวัสดีครับพี่ควิน”
ต้าร์ยกมือไหว้ ยิ้มบางๆให้
“กูกลับก่อนนะ”
เฟียซหันมาบอกเพื่อน ต้าร์หันไปพยักหน้าให้ด้วยรู้ว่าเพื่อนมีงานต้องไปทำ เฟียซมองหน้าควินครู่
นึงอย่างไม่ไว้ใจก่อนเดินไปป้ายรถ แม้จะเป็นห่วงต้าร์แต่ก็อยู่ด้วยไม่ได้เพราะติดงาน
“พี่ควินมารับผมเหรอฮะ”
หันมาถามร่างสูงเมื่อเห็นเพื่อนขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
ควินไม่ตอบแต่ฉวยเอากระเป๋านักเรียนจากมือต้าร์ไปถือแล้วเดินนำไปก่อน เจ้าของกระเป๋าเดินตามไปอย่างหง่อยๆ
“เป็นอะไร”
หันมาถามเพราะเห็นอาการคนตัวเล็กเงียบจนผิดปกติ
“เปล่าครับ”
เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่พอใจที่มารับ”
ควินถามต่อ
“เปล่าครับ”
ส่ายหน้าอีก คนถามเริ่มหัวเสีย
“พูดมา เป็นอะไร”
ต้าร์หยุดเดิน เงยหน้ามองคนข้างกาย ใบหน้าเรียวเล็กหมองเศร้า
“ผมเป็นห่วงเพื่อนนะฮะ มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับเธอ”
ได้ยินคำตอบคนถามก็ยิ่งอารมณ์เสีย รู้จากเพื่อนซี้มาว่าเด็กหนุ่มแอบชอบผู้หญิงที่พวกเขาเพิ่งเขี่ยทิ้งไป และดูท่าว่าจะหลงเอามากๆด้วย ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาวันนี้ เขาก็คงไม่รู้ว่าต้าร์จะแสดงออกมากขนาดนี้! ถ้าพวกเขาไม่ลงมือก่อน เมเปิ้ลคงบอกเรื่องความสัมพันธ์กับต้าร์ไปแล้ว ดีที่พวกเขาจ้างเพื่อนร่วมห้องให้คอยตามดูเด็กหนุ่มไม่ให้เข้าใกล้อีกฝ่ายตั้งแต่เช้า และรีบมาดักรอหลังเลิกเรียน
“พี่ควินก็รู้จักเมเปิ้ลใช่มั้ยฮะ มีข่าวลือว่าเธอ…เอ่อ…เธอขายตัว แต่ผมไม่เชื่อหรอก เมเปิ้ลเป็นคนน่ารัก ใครๆก็ชอบเธอ ต้องมีคนใส่ร้ายเธอแน่ๆ”
ควินหงุดหงิด ไม่อยากฟังเด็กหนุ่มพล่ามถึงผู้หญิงคนนั้น เขาจับมือบางดึงให้เดินตามไปด้วยสีหน้านิ่งๆ ต้าร์ได้แต่ก้มหน้างุดเดินตามคนจูงไปเงียบๆ จนเดินมาถึงรถหรูเจ้าของรถก็เปิดประตูให้
“ขอบคุณครับ”
ต้าร์บอกเสียงแผ่วก้าวเข้าไปนั่งในรถ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนดึงสายเบลท์มาคาดตัว
ควินขึ้นรถมาก็หันมองเด็กหนุ่มที่สีหน้ายังดูหมองๆอยู่ ชายหนุ่มขบกรามแน่นก่อนสตาร์ทรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว
‘ทำไมเรื่องมันถึงยุ่งยากแบบนี้วะ!’
ต้าร์นั่งเงียบตลอดทาง สายตาเลื่อนลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของรถกำลังพาตนออกนอกเส้นทางกลับบ้าน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตของคฤหาสน์สีขาวสไตล์วิคตอเรียน ตากลมมองหน้าคนขับอย่างงุนงงระคนสงสัย พอรถจอดนิ่งหน้าบันไดเทอร์เรส ควินก็เปิดประตูลงไป ชายหนุ่มเดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูให้เด็กหนุ่มที่ยังนั่งมึนงงอยู่
“ที่นี่ ที่ไหนครับ บ้านพี่ควินเหรอ”
ถามพลางก้าวลงจากรถ มองเข้าไปในตัวบ้านใหญ่โตโออ่า
“อือ”
ควินตอบพลางจับมือต้าร์เดินเข้าบ้าน โซฟาหลุยส์คือสิ่งแรกที่สะดุดตาเด็กหนุ่มเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องรับแขก พอเงยมองข้างบนก็เห็นแชนเดอร์เลียใหญ่ส่องประกายความสวยงามวิบวับห้อยระย้าอยู่บนเพดาน
“มาแล้วเหรอ”
ต้าร์หันไปมองคนพูด หญิงสูงวัยผมสีดอกเลาในชุดผ้าไหมสีเขียวเข้มเดินมาหยุดตรงหน้า รูปร่างของท่านแบบบาง ดูท่านยังแข็งแรงแถมยังคงความสวยไว้ได้อย่างน่าทึ้ง
“คุณยาย”
ควินบอกเสียงนุ่มยามมองไปที่หญิงสูงวัยตรงหน้า นัยน์ตาสีเฮเซลแสดงออกถึงความเคารพรัก
“สวัสดีครับคุณยาย”
ต้าร์ยกมือไม้ผู้สูงวัยอย่างเกร็งๆ ถึงภายนอกท่านจะดูสวยหวาน แต่ท่าทางท่านดูน่าเกรงขาม
“สวัสดีจ๊ะ หนูต้าร์ใช่มั้ย”
คุณยายถามเสียงนุ่ม
“ครับ”
ตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ หันไปมองร่างสูงอย่างจะถามว่า ‘ท่านรู้ชื่อผมได้ยังไง’
“ควินปล่อยมือน้องได้แล้ว ไปบอกเด็กให้หาน้ำกับขนมมาให้น้อง”
คุณยายเอ่ยสั่งหลานชาย เดินเข้ามาจับมือต้าร์ให้เดินตามไปนั่งที่โซฟา
“พี่ควิน”
ต้าร์เรียกร่างสูงที่เดินผ่านหน้าไป
“นั่งคุยกับยายไปก่อน เดี๋ยวเอาน้ำกับขนมมาให้”
ควินบอกก่อนเดินไปทางห้องครัว ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งตัวเกร็งอยู่กับคุณยาย
“ทำไม กลัวยายเหรอ”
“เปล่าครับ เปล่า”
รีบบอกเสียงหลง ส่ายหน้าแรงจนคนถามยิ้มอย่างเอ็นดู
“ไม่กลัวแล้วทำไมนั่งเกร็ง หืม…นั่งตามสบายเลยลูก คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง ไม่ต้องกลัว ยายไม่ดุหรอก หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักแบบนี้ ยายจะกล้าดุได้ยังไง”
พอได้ยินท่านพูดแบบนี้ อาการเกร็งก็ลดลง ต้าร์ยิ้มออก มองท่านอย่างเคารพรักเหมือนญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง
“เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”
“มอหกครับ เทอมสุดท้ายแล้ว”
“ใกล้จะสอบแล้วสิใช่มั้ย หนูอยากเข้ามหา’ลัยไหนล่ะ ยายว่ามหา’ลัยที่ควินเรียนอยู่ก็น่าเข้านะ”
“ครับ ผมตั้งใจว่าจะสอบตรงเข้ามหา’ลัยเดียวกับพี่ควิน พี่ชายผมก็เรียนที่นั่นครับ”
“ดีเลย หนูอยากเข้าคณะไหนล่ะ”
“เอ่อ…ผมชอบทางวิทยาศาสตร์นะฮะ”
ต้าร์ยิ้มตอบอย่างอายๆ เพราะคณะที่ต้องการเข้าไม่ใช่คณะอันดับต้นๆที่เด็กแอดมินชั่นเลือกกัน
“ชอบเรียนอะไร ก็เลือกตามที่เราชอบน่ะถูกแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเรียนตามที่เขานิยมกันหรอกลูก เอาตามความชอบ ความถนัดของเราดีกว่า”
คุณยายบอกอย่างชี้แนะลูกหลาน ต้าร์ยิ้มกว้าง รู้สึกชอบกับคำพูดคำสอนของท่าน
“ขอบคุณนะครับคุณยาย ผมจะทำตามคำสอนของคุณยายครับ”
ต้าร์ยกมือไหว้ขอบคุณ ยิ้มกว้างให้ ท่านยื่นมือมาลูบศีรษะ ยิ้มใจดีให้เช่นกัน น่าแปลกที่พอได้พูดคุยกับท่านแล้ว ความกังวลใจก่อนหน้านี้หายไปหมดเลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หญิงสาวหน้าสวยลงมาจากรถแท็กซี่ก่อนเดินเร็วเข้าคอนโดมิเนียมหรู มือบางกำโทรศัพท์ไว้แน่นด้วยอารมณ์โกรธที่โทรติดต่อแฟนหนุ่มไม่ได้เพราะอีกฝ่ายปิดเครื่อง ดวงตากลมแดงก่ำเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเพราะความขับแค้นใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ ขาเรียวก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์โดยสาร หากแต่ยังเดินไปไม่ถึงอาการเวียนศีรษะหน้ามืดก็วูบขึ้นมาให้ร่างกายซวนเซจวนจะล้มพับลงไปแต่ยังดีที่มีพนักงานทำความสะอาดของคอนโดฯวิ่งเข้ามาช่วยประคองไว้ได้ทัน
“เป็นยังไงบ้างหนู หน้าซีดเชียว”
แม่บ้านสอบถามอาการ ค่อยๆประคองคนป่วยเดินไปนั่งที่โซฟาของล็อบบี้ ช่วยบีบนวดแขนและเปิดฝายาดมแกว่งใต้จมูกให้คนป่วยสูดดมแก้อาการวิงเวียน
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว หายใจอย่างอ่อนแรง รู้สึกว่ารอบด้านพร่ามัวไปหมด
“ไปโรงพยาบาลมั้ยหนู เดี๋ยวป้าพาไป”
บอกอย่างห่วงใยเพราะเห็นอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของเด็กสาวแล้ว ท่าทางจะอาการหนักเอาการ
คนป่วยส่ายหน้าช้าๆปฏิเสธ พยายามจะยันตัวลุกขึ้น แม่บ้านเห็นดังนั้นจึงรีบช่วยประคอง แต่พอเด็กสาวลุกขึ้นได้จู่ๆก็ทรุดฮวบลงไป เป็นลมคอพับคาโซฟาต่อหน้าต่อตาคนช่วยเหลือ แม่บ้านตกใจตะโกนขอความช่วยเหลือ รปภ.ของทางคอนโดรีบวิ่งเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ตามคำขอของแม่บ้าน พอเรียกรถได้แล้วก็วิ่งกลับเข้ามาอุ้มคนป่วยไปที่รถ แม่บ้านใจดีเข้าไปนั่งเคียงข้างจับศีรษะเด็กสาวให้เอนซบไหล่ตนไว้ก่อนบอกให้โชเฟอร์แท็กซี่ออกรถไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
กลิ่นเฉพาะของทางโรงพยาบาลปลุกให้คนป่วยค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ได้เห็นคือพยาบาลสาวส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้อยู่ข้างเตียง เจ้าตัวค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงง สงสัยว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร
“คุณหมอคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
เสียงใสของพยาบาลเอ่ยเรียกนายแพทย์เจ้าของไข้ที่ทำการตรวจร่างกายคนป่วย
“สวัสดีครับ”
คุณหมอเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง ทักทายคนป่วยเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้มละมุน
“ไม่ต้องกลัวนะ หนูแค่เป็นลม หน้ามืด แต่เดี๋ยวหมอขอตรวจปัสสาวะนิดนึงนะครับถึงกลับบ้านได้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่พยาบาลจะพาไป”
บอกพร้อมส่งต่องานให้พยาบาลเข้ามาจัดการต่อ คนป่วยได้แต่กระพริบตาปริบๆมองหน้าพยาบาลที่เข้ามาช่วยประคองให้ลงจากเตียง
“ทำไมต้องตรวจปัสสาวะด้วยหล่ะคะ ก็เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าหนูแค่เป็นลม”
ถามพยาบาลอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหมอต้องตรวจเพื่อยืนยันอาการค่ะ ยังไงก็ขอความร่วมมือด้วยนะคะ”
พยาบาลยิ้มตอบ ประคองคนป่วยให้เดินไปทางห้องน้ำ
หลังจากจัดการตามที่พยาบาลบอกเสร็จสิ้น คนป่วยก็มานั่งรอผลตรวจในห้องของคุณหมอ พยาบาลส่งกระเป๋ากับโทรศัพท์ให้ บอกว่าคุณป้าที่พามาส่งฝากไว้ให้และขอตัวกลับไปก่อน พอพยาบาลเดินออกจากห้องไป มือบางก็หยิบเครื่องมือสื่อสารมาดูว่ามีสายโทรเข้ามาหรือไม่ แต่หน้าจอก็ไม่แสดงการแจ้งเตือนใดๆ
“ฮาร์ฟ ทำไมนายไม่โทรหาฉัน”
เจ้าของเครื่องเอ่ยเบาๆอย่างตัดพ้อแฟนหนุ่ม พอโทรหาอีกครั้งผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคืออีกฝ่ายปิดเครื่อง หญิงสาวสูดหายใจแรงหลับตาแน่นก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่นานนักคุณหมอก็เดินเข้ามาพร้อมกับผลตรวจร่างกาย หญิงสาวเปลี่ยนท่าทางมานั่งตัวตรงมองหน้าหมออย่างรอฟังผล
“จากผลตรวจ หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณแม่มือใหม่”
เสียงทุ้มนุ่มของนายแพทย์เอ่ยบอกผลตรวจแก่คนป่วย
“อะไรนะคะ เมื่อกี้…หมอพูดว่าอะไร”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่วอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน รู้สึกได้ว่ามือที่กำแน่นอยู่นั้นเย็นเฉียบ
“หมอบอกว่า หนูกำลังจะเป็นคุณแม่ครับ หนูตั้งครรภ์ได้3สัปดาห์แล้ว”
คำยืนยันของคุณหมอราวกับก้อนหินใหญ่ถ่วงให้คนฟังจมดิ่งลงห้วงน้ำลึก หญิงสาวนิ่งงันอาการเหมือนช็อคกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป
‘ตั้งครรภ์ ท้อง…หมอบอกว่าฉันท้อง’
“ช่วงนี้จะทำอะไรก็ระวังหน่อยนะครับ หมอจะนัดตรวจอีกที คราวหลังพาผู้ปกครองมาด้วย”
คำพูดของคุณหมอไม่ได้เข้าหูคนตรงหน้าแต่อย่างใด หญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบ บอกตัวเองในใจซ้ำไปซ้ำมาว่า ‘ท้อง ฉันท้อง’ อยู่อย่างนั้น จนเมื่อพยาบาลเข้ามาช่วยประคองให้เดินออกจากห้องไปนั่งรอรับยาข้างนอก สติถึงได้กลับคืนมา ใบหน้าเรียวก้มลงมองท้องตัวเองพลางยกมือขึ้นลูบ น้ำตาหยดนึงไหลลงโดนมือ ในหัวคิดถึงอนาคตของตัวเอง
‘จะทำยังไง ฉันจะทำยังไงต่อไป’
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงหัวเราะดังอยู่ในห้องนั่งเล่น ควินยืนพิงกรอบประตูมองยายตัวเองกับเด็กหนุ่มหน้าหวานพูดคุยกันอย่างออกรส อดยิ้มตามไม่ได้กับบรรยากาศครึกครื้นที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยนักในบ้านหลังนี้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆคนตัวเล็กที่หันมายิ้มกว้างให้แล้วก็หันกลับไปพูดคุยกับคุณยายต่อ
“ไม่กลับบ้านเหรอ”
เอ่ยถามเสียงเรียบ
“จริงสิ! ตอนนี้กี่โมงแล้วฮะ”
ต้าร์ร้องเสียงหลง ถามทั้งๆที่ตัวเองก็ใส่นาฬิกาข้อมืออยู่
“6โมง”
“6โมง!”
ร้องลั่นอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้น
“ตายๆ พี่เนสเอาผมตายแน่”
เจ้าตัวบอกพร้อมกับยกมือทำท่าปาดคอตัวเอง
“พาน้องไปส่งบ้านไป เย็นแล้ว”
คุณยายบอกหลานชายก่อนหันไปสั่งเด็กรับใช้ไปจัดขนมใส่ถุงมาให้เด็กหนุ่ม
“ขอโทษนะครับคุณยาย เมื่อกี้ผมเสียงดังไปหน่อย”
ต้าร์ยกมือไหว้ขอโทษผู้อาวุโสที่เผลอลืมตัวร้องตะโกนออกไปเพราะความตกใจ
“ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวรอเอาขนมกลับไปทานที่บ้านด้วย ยายสั่งให้เด็กไปจัดการอยู่”
“ขอบคุณนะครับ วันหลังผมจะมาเยี่ยมคุณยายบ่อยๆนะฮะ”
“พูดจริงๆนะ อย่าปล่อยให้คนแก่ดีใจเก้อแล้วกัน”
“จริงสิครับ”
ต้าร์ยิ้มบอกเอาใจ
“ขนมมาแล้ว อ่ะลูก แบ่งพี่ชายหนูทานด้วยนะ”
คุณยายยื่นถุงขนมส่งให้
“ขอบคุณมากนะครับคุณยาย”
ต้าร์ไหว้ขอบคุณ รับถุงขนมมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ควิน ขับรถดีดี”
หลานชายพยักหน้ารับก่อนโอบเอวพาเด็กหนุ่มเดินออกไป
“ขอบคุณนะครับพี่ควิน วันนี้ผมมีความสุขมากเลย คุณยายพี่น่ารักมากเลยฮะ”
ต้าร์หันไปบอก คนฟังไม่ว่าอะไรแต่ในใจรู้สึกดี ปลื้มที่ได้ยินเด็กหนุ่มบอกว่ามีความสุข แม้ว่าตัวเองจะทำได้แค่นั่งมองเจ้าตัวเล็กพูดคุยกับยายจนแทบไม่มีช่องว่างให้เข้าไปแทรก แต่แค่ได้นั่งมองใบหน้าหวานกับรอยยิ้มสดใสร่าเริง แค่นั้นก็พอแล้ว
“ผมขอโทรหาพี่เนสนะฮะ”
ขึ้นรถคาดเบลท์เรียบร้อยต้าร์ก็เอ่ยบอกเจ้าของรถ กำลังจะล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าแต่มือหนายื่นเข้ามาห้ามไว้
“ไม่ต้อง ก่อนมาส่งข้อความไปบอกมันแล้ว”
ควินบอกเสียงเรียบ ละมือกลับไปวางบนพวงมาลัยรถ สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป
ต้าร์นั่งยิ้มมองถุงขนมอย่างมีความสุข
“คุณแม่พี่ควินต้องสวยมากแน่ๆ ใช่มั้ยฮะ ขนาดคุณยายยังสวยขนาดนี้”
นั่งนิ่งมาได้สักพักก็หันไปชวนคนขับคุยด้วย แต่ใบหน้าหล่อเหล่ากับเรียบนิ่งจนผิดสังเกต
“ไม่มีแม่ ท่านเสียไปนานแล้ว”
ควินตอบเสียงเรียบ แต่คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ขอโทษนะฮะ ผมไม่รู้ ผม…”
ต้าร์เสียใจที่ตัวเองถามออกไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ไม่เป็นไร”
ควินบอกพลางยื่นมือข้างที่ไม่ถนัดมาจับมือบางไว้อย่างจะบอกว่าไม่ต้องคิดมาก
“ผม…ผมเสียใจด้วยนะฮะ”
“อย่าคิดมาก ไม่เป็นไร”
บอกพร้อมกับบีบกระชับมือบาง ต้าร์ค่อยยิ้มออกบีบมือตอบกลับ
“ผมก็ไม่มีแม่ ไม่มีพ่อด้วย พวกท่านจากผมไปนานแล้วเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมยังมีพี่เนส พี่ควินก็ยังมีคุณยาย เราสองคนเป็นพวกเดียวกันนะฮะ”
ต้าร์บอกพลางยิ้มจนตาหยี ควินอดใจไม่ไหวพอดีกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง ชายหนุ่มปล่อยมือบางแล้วบีบจมูกโด่งเล็กได้รูปบิดไปมา เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่ถูกรังแก
“เจ็บนะ”
ต้าร์แกล้งร้อง ตั้งใจจะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งของคนตัวโตกว่าแต่เขาดันหลบทัน พอแกล้งอีกฝ่ายคืนไม่ได้ก็เปลี่ยนวิธีเป็นนั่งนิ่งให้เขาแกล้งจนหน่ำใจ พอมือใหญ่ผละห่าง คนตัวเล็กกว่าก็ยื่นตัวออกไป เอาหัวโหม่งโดนหน้าผากร่างสูงไปเต็มๆ แต่ผลที่ได้ แทนที่อีกฝ่ายจะเจ็บแต่ตัวคนทำดันเจ็บซะเอง
“โอ้ย!”
ส่งเสียงร้องคราง พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะ
“สมน้ำหน้า”
ควินบอกอย่างไม่สนใจ กลั้นขำไว้สุดกำลัง
”ผมเจ็บจริงๆนะ คนอะไรหัวแข็งชะมัด”
ต้าร์โวย ใบหน้าบึ้งตึง
“ทำตัวเอง”
ควินว่าต่อ
เด็กหนุ่มแลบลิ้นใส่ หันหน้าหนีกอดถุงขนมไว้ราวกับเด็กห่วงของ ควินมองท่าทางเง้างอนนั้นก็กระตุกยิ้ม
“หันมานี่”
สั่งเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายดื้อเพ่งไม่ยอมหันกลับมาตามคำสั่ง
“หันมา”
เด็กหนุ่มยังเงียบเช่นเดิม มือหนายื่นออกไปฉกถุงขนมออกมาจากอ้อมกอดอย่างแรงจนหลุด
“เอาคืนมานะ!”
ต้าร์หันกลับมาแว้ดใส่ แต่กลับได้รับสัมผัสเย็นๆจากลมปากที่เป่ารดอยู่บนศีรษะคล้ายร่างสูงจะช่วยเป่าให้คลายอาการเจ็บ
“ไม่เจ็บแล้ว”
ควินบอก ยื่นถุงขนมส่งคืนให้เจ้าของ ต้าร์รับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“หายเจ็บจริงๆด้วย ยาวิเศษ”
บอกเสียงใส กอดถุงขนมไว้แน่น คนมองลอบยิ้มก่อนออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว
‘มีเด็กน่ารักอยู่ข้างๆ คอยส่งยิ้มหวานมาให้อย่างนี้ทุกวันก็คงดี’
-----------------------------------------------------------------------------------------
ตึงโป๊ะ!
เมเปิ้ล นางท้องกับใครอ่ะ?
ใครคือพ่อของลูกนาง?
มาทายกันดีกว่า
1.ควิน 2.แซท 3.ฮาร์ฟ
มาทายเล่นกัน
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตามนะคะ