HEARTBREAKER
38
(ต่อ)
ร่างสูงยืนนิ่ง นัยน์ตาคมมองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจที่เจ้าตัวเล็กโผล่มาอยู่ในร้านกาแฟซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายระหว่างเขากับไอ้ฮาร์ฟ แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ ผู้หญิงคนนี้มาอยู่กับคนของเขาได้ยังไง!
“ต้าร์”
เสียงแผ่วเอ่ยเรียกพลางลุกขึ้นมาจับแขนเจ้าของชื่อ ดวงตาแดงก่ำมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างหวาดกลัว ต้าร์หันไปมอง รับรู้ว่าตัวเธอกำลังสั่น และนัยน์ตาที่คลอเอ่อด้วยน้ำใสนั้นก็สั่นระริกแสดงอาการหวาดกลัวผู้ชายตัวโตตรงหน้าเขา
“มาทำอะไร”
ควินถามเสียงเข้ม ไม่ชอบใจที่ต้าร์อยู่กับผู้หญิงคนนี้ เขาส่งสายตาดุคมมองเธออย่างข่มขู่ และมันก็ได้ผล เพราะเธอสะดุ้งตกใจแต่เสือกขยับเข้าใกล้ ยืนหลบอยู่ข้างหลังคนของเขา!
“ผมมาเดินเล่น อยากกินกาแฟก็เลยแวะเข้าร้านนี้”
ต้าร์โกหกคำโต ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องโกหกอีกฝ่ายทำไม
“ต้าร์ เมกลัว” หญิงสาวกระซิบบอก
ต้าร์ปลอบโดยการจับมือเธอไว้ก่อนมองไปที่เพื่อนพี่ชายซึ่งยังยืนนิ่งมองอยู่
“จะกลับบ้านหรือยัง”
ควินถามเสียงเรียบ พยายามระงับโทสะไม่เข้าไปกระชากคนข้างหลังเด็กหนุ่มออกมา เพราะถ้าใจร้อนบุ่มบ่ามทำอย่างที่คิด ต้าร์คงไม่พอใจและสงสัยในการกระทำของเขาแน่ๆ
“ครับ เดี๋ยวต้าร์ไปส่งนะ” ตอบคนตรงหน้าแล้วหันไปบอกคนข้างหลัง
ควินข่มกลั้นอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจับมือเล็กดึงให้เดินตามออกจากร้าน แต่เด็กหนุ่มขืนตัวไว้ ควินชะงัก หันกลับไปมองก็เจอสายตาไม่พอใจของอีกฝ่าย
“ผมจะไปส่งเพื่อน”
ต้าร์บอกเสียงเรียบ ดึงมือกลับ หันไปมองหญิงสาวที่ยังยืนหน้าซีดอยู่ในร้าน กำลังจะเดินกลับไปรับแต่ถูกมือหนาจับแขนดึงรั้งไว้
“ปล่อยผม” น้ำเสียงที่เพิ่มระดับขึ้นเอ่ยสั่ง
ควินมองอย่างแปลกใจที่จู่ๆเด็กหนุ่มก็มองเขาด้วยสายตาแบบนี้ ซ้ำยังใช้น้ำเสียงแข็งพูดกับเขาทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เกิดอะไรขึ้น?
“เดี๋ยวไปส่ง” ควินพยายามบอกอย่างใจเย็น
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ผมจะไปส่งเพื่อนแล้วตรงกลับบ้านเลย”
ต้าร์บอกด้วยใบหน้านิ่ง ตากลมมองมือที่จับแขนตัวเองอยู่อย่างจะบอกให้อีกฝ่ายปล่อย
“มาด้วยกันเหรอ” ควินไม่ยอมปล่อยแต่กลับถามต่อ
“เปล่าครับ”
“มาเองได้ ก็กลับเองได้ ไม่ต้องไปส่งหรอก” ควินตัดบทแล้วดึงแขนเด็กหนุ่มให้เดินตาม
ต้าร์หายใจแรง เม้มปากแน่น ทั้งๆที่ไม่อยากระแวง ไม่อยากสงสัย ไม่อยากปักใจเชื่อว่าที่เมเปิ้ลบอกจะเป็นเรื่องจริง แต่การกระทำของร่างสูงกลับทำให้ชวนคิด
“พี่ควินปล่อยผมก่อนเถอะครับ” บอกเสียงอ่อน มองใบหน้าหล่อเหล่าด้วยสายตาอ้อนวอน
“ทำไม” ควินถามอย่างไม่เข้าใจ มือจับแขนเล็กไว้แน่น ยืนยันแทนคำพูดว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ผมต่างหากที่ต้องถามพี่ว่าทำไม”
ต้าร์สวนกลับ นัยน์ตากลมใสเหมือนลูกแก้วมองสบกับนัยน์ตาสีเฮเซลที่ฉายแววดุดัน ควินนิ่งไป ไม่เข้าใจว่าที่เด็กหนุ่มพูด
หมายความว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาไม่พอใจ ไม่พอใจมากด้วย
“ต้าร์ เม…เมขอตัวกลับก่อนนะ ขอบคุณมากที่ต้าร์มาหาเม ขอบคุณมากจริงๆ”
หญิงสาวส่งเสียงบอกมาจากหน้าร้าน ต้าร์หันไปมองพอดีกับที่เธอรีบเดินหนี
“เดี๋ยวเม รอต้าร์ก่อน เมเปิ้ล!” ต้าร์ร้องเรียกอย่างร้อนใจ หันกลับไปมองคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ผมบอกให้ปล่อย” สั่งเสียงเข้มพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุม
“จะตามไปทำไม” ควินถามเสียงเข้ม ออกแรงจับแขนเล็กไว้แน่นจนผิวขาวจัดขึ้นรอยแดง
“เมเปิ้ลเป็นเพื่อนผม ผมจะไปส่งเพื่อน มันแปลกตรงไหน”
ต้าร์ว่าเสียงแข็ง จับมือใหญ่ดึงออกจากแขนแต่ทำยังไงร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อย คนตัวเล็กกว่าเริ่มแสดงอาการไม่พอใจทางสีหน้าและแววตา
“พี่ควิน ผมเจ็บ”
เท่านั้นแหละ มือใหญ่รีบปล่อยทันที ต้าร์ได้โอกาสใช้จังหวะนี้ชิ่งหนี วิ่งไปตามทางที่หญิงสาวเดินไปก่อนหน้า
“ต้าร์! กลับมา!” ควินตะโกนเรียก กำหมัดแน่นอย่างโมโหที่เด็กหนุ่มไม่เชื่อฟัง
เกิดอะไรขึ้นกับคนที่หัวอ่อน ว่าง่าย ยิ้มเก่ง ใครไปพูดปั่นหัวอะไรให้ต้าร์กล้าแข็งข้อกับเขา!
“เม รอต้าร์ด้วย”
ต้าร์ร้องบอกหญิงสาวที่รีบเดินลงบันไดเลื่อน เธอไม่ยอมหันมามองกัน ซ้ำยังเร่งฝีเท้าเดินหนีอีก
“รอก่อนสิ เดี๋ยวต้าร์ไปส่ง”
บอกพลางรีบเดินให้ทัน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะอย่างสมใจ
“กลับบ้าน”
ต้าร์ชะงักกับเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลัง มือถูกจับไว้แน่น หันไปมองก็เจอร่างสูงมองมาด้วยสายตาแข็งกร้าว
“บอกแล้วไงว่าผมจะไปส่งเพื่อน”
ตอบเสียงแข็ง สะบัดมือแรงหวังให้หลุดจากมือใหญ่แต่ก็ไม่เป็นผล ควินกัดฟันแน่นดึงมือเล็กให้เดินตามแม้ว่าเจ้าตัวจะออกแรงต่อต้านยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ดื้อเหรอ กล้าดื้อกับกูตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ต้าร์อึ้งกับเสียงตวาด สรรพนามแทนตัวของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ตกใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา ยังไม่เคยได้ยินเขาใช้คำพูดและน้ำเสียงแบบนี้เลย
“กลับบ้าน”
ควินไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะมีสีหน้าเช่นไร เขาจับมือเล็กดึงให้เดินตาม จะเรียกว่าดึงก็คงไม่ถูกนัก ต้องใช้คำว่าลากถึงจะถูก เพราะเจ้าตัวทั้งสะบัดทั้งดึงทุบกำปั้นลงบนแขนเขา แม้ปากจะไม่ส่งเสียงแต่เรี่ยวแรงที่มีก็โหมใส่เขาไม่ยั้ง
‘เก่งนักก็ลองดู!’
“ปล่อยผม!”
ต้าร์ร้องสั่งลั่นลานจอดรถเมื่อร่างสูงดึงให้เดินตามมาถึงรถเฟอร์รารี่ที่จอดอยู่ คนตัวสูงไม่เอ่ยตอบแต่เปิดประตูแล้วดันให้เขาขึ้นรถทั้งๆที่ไม่เต็มใจ มือใหญ่กดบ่าให้นั่งลงกับเบาะนุ่มซ้ำยังขึงตาดุใส่อย่างข่มขู่ก่อนรีบปิดประตูแล้วเดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูฝั่งคนขับ เสียงปิดประตูดังตามมา
“คาดเบลท์” เสียงเข้มสั่งพลางมองมา
ต้าร์นั่งนิ่งใบหน้าบูดบึ้งไม่ยอมทำตาม จะหันไปเปิดประตูก็ไม่ทันแล้วเพราะเจ้าของรถกดล็อคไปเรียบร้อย ควินแสยะยิ้มก่อนโน้มตัวเข้าใกล้ ต้าร์ตกใจถอยหนีจนแผ่นหลังติดกับประตูรถ มือใหญ่ยื่นออกมาจับสายเบลท์ดึงออกมาคาดทับตัวเด็กหนุ่ม ความใกล้ชิดของใบหน้าเกิดขึ้นในจังหวะนั้น ตากลมเบิกโพล่งอย่างตกใจก่อนเบือนหน้าหนี แต่ถูกมือใหญ่จับปลายคางบีบให้หันกลับมาสบตากัน
“อย่าดื้อ”
เสียงเข้มสั่งพลางเลื่อนมือลงจับไหล่เล็กให้นั่งตัวพิงเบาะดีดี ต้าร์หายใจแรงไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ได้แต่นั่งเงียบ เม้มปาก กำมือแน่น จนรถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดแล่นเข้าสู่ถนนใหญ่ เจ้าตัวก็หันมาปลดล็อคสายเบลท์ออกแล้วเอ่ยบอกเจ้าของรถเสียงเรียบ
“จอดให้ผมลงป้ายรถเมล์ ผมจะกลับเอง”
‘ฝันไปเถอะ!’
ควินคิด ไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะถอดสายเบลท์แล้ว ชายหนุ่มขับรถผ่านป้ายรถเมล์ไปอย่างไม่สนใจ
“พี่ควิน ผมบอกให้จอดป้ายรถเมล์ไง” ต้าร์หันมาบอกคนขับเสียงเข้ม คิ้วเรียวขมวดมุ่น
“รถกู จะจอดไม่จอดก็เรื่องของกู”
คนฟังตาโต ความโกรธพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“แต่ผมจะลง!”
ต้าร์ขึ้นเสียงอย่างไม่ยอม ใบหน้าหวานขึ้นริ้วแดงเพราะอารมณ์โกรธ หากแต่คนขับรถกลับแสยะยิ้มร้ายอย่างที่คนมองไม่เคยเห็นมาก่อน รถหรูหักเลี้ยวเข้าจอดเทียบข้างทางแล้วคนขับก็ปลดสายเบลท์ของตัวเองแล้วขยับตัวข้ามเบาะมากดไหล่เล็กให้แนบไปกับเบาะนุ่ม ต้าร์อ้าปากค้างอย่างตกใจด้วยคาดไม่ถึงว่าร่างสูงจะทำอะไรแบบนี้
“ถ้าอยากกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยก็นั่งเงียบๆ อย่าดื้อ”
ควินบอกชิดใบหน้าหวาน นัยน์ตาสีเฮเซลจ้องนัยน์ตากลมใสคู่สวยที่ดูตื่นตระหนกราวลูกกวางน้อยตอนรู้สึกตัวถึงภัยอันตราย
“พี่…พี่ควินจะทำอะไรผม”
ต้าร์ถามอึกอัก นั่งตัวแข็งทื่อ ในใจเต้นรัวอย่างหวาดกลัวกับการกระทำของอีกฝ่าย
“กูทำแน่ถ้ามึงยังดื้อ”
ควินบอกกึ่งข่มขู่ จงใจโน้มหน้าเข้าใกล้อีกจนจมูกโด่งแตะโดนจมูกเล็ก กลิ่นหอมของแป้งเด็กลอยอวลมาจากตัวเด็กหนุ่ม ราวกับจงใจปลุกอารมณ์ดิบให้พลุ่งพล่านขึ้นมา ต้าร์นิ่งเงียบ ตัวเกร็ง หลุบสายตามองต่ำ ยอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกกลัวตั้งแต่ที่ถูกเขาตวาดใส่ ลมหายใจร้อนผ่าวผละห่างก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป ต้าร์นั่งนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด คำพูดของเพื่อนสนิทผุดขึ้นมาในหัว คำพูดที่เฟียซบอกพร้อมกับเตือนให้ระวังตัว นัยน์ตากลมเหลือบไปมองเจ้าของรถหรูอย่างลอบสังเกต
‘หรือที่เฟียซบอกจะเป็นเรื่องจริง?’
‘แล้วเรื่องที่เมเปิ้ลท้องกับพี่แซทล่ะ?’
ต้าร์ยกสองมือขึ้นกุมขมับอย่างคิดไม่ตกว่าจัดการกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอย่างไรดี อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนพี่ชาย ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงที่แอบชอบ ถึงแม้ตอนนี้ความรู้สึกที่มีจะลดน้อยลง แต่มันก็ยังไม่หมดไปจากใจ ต้าร์นั่งคิดจนรถเลี้ยวเข้าซอยบ้านถึงรู้สึกตัว ประตูรั้วเปิดรออยู่ ควินขับรถเข้าไป พอจอดนิ่งคนข้างตัวก็รีบเปิดประตูก้าวลงจากรถ ร่างสูงตามออกไป ทันได้เห็นแผ่นหลังเด็กหนุ่มเดินหายเข้าไปในบ้าน
“ผมไม่รับแขกนะครับป้า”
ต้าร์บอกป้าแม่บ้านที่เดินออกมาจากห้องครัวแล้วเดินหนีขึ้นบันได ควินเดินตามเข้ามาพอดีกับที่ได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังปังมาจากชั้นบน
“เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำเย็นมาให้นะคะ”
แม่บ้านยิ้มบอกอย่างเป็นมิตร แต่ควินส่ายหัว
“ขอบคุณครับ ผมจะขึ้นไปดูต้าร์หน่อย ไม่รู้ว่างอนอะไร”
แม่บ้านยิ้มละมุน พยักหน้าให้แล้วขอตัวกลับเข้าไปทำงานในครัวต่อ ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไป จำห้องของเด็กหนุ่มได้แม่นเพราะครั้งแรกที่มาบ้านหลังนี้แล้วได้เจอกับเจ้าตัวเล็ก เขาก็ฉวยโอกาสเอาช่วงเวลานั้นแอบขึ้นมาสำรวจดูห้องของเจ้าตัว ควินหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเป้าหมาย ยกมือขึ้นเคาะประตู สักพักเจ้าของห้องก็มาเปิด ใบหน้าหวานเหวออย่างเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ต่อหน้า
“ขึ้นมาทำไม”
ต้าร์เอ่ยถามอย่างงุนงงปนตกใจ นึกว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้ว แต่ไหงถึงมาโผล่ที่หน้าห้องได้
ควินไม่ตอบ นัยน์ตาคมมองใบหน้าหวานนิ่งพลางคิดถึงกลิ่นหอมที่ได้ใกล้ชิดตอนอยู่ในรถ
“กลับไปได้แล้ว” เจ้าของบ้านบอกเสียงห้วน ทำท่าจะปิดประตูหนีแต่มือหนาจับไว้ได้ทัน
“จะทำอะไร!” ต้าร์ร้องเสียงหลง ออกแรงดันประตูปิด แต่มือหนาก็ต้านไว้ได้
“นี่มันห้องผมนะ”
“กูรู้ว่าห้องมึง” ได้ยินอีกฝ่ายพูด เจ้าของห้องก็เม้มปากแน่น ถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง
“ผมจะพักผ่อน กรุณาปล่อยมือออกจากประตูด้วย”
ต้าร์เค้นเสียงบอก ใบหน้าบึ้งตึง แต่คนมองกลับนิ่งเฉยคล้ายไม่ได้ยิน
“พี่ควิน!” เมื่อบอกแล้วอีกฝ่ายยังนิ่ง เจ้าของห้องก็ขึ้นเสียงใส่
“ทำไม”
ควินถามเสียงเรียบ ไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะอารมณ์เสียแค่ไหน เพราะคงไม่เท่าเขาที่แทบบ้ากับความดื้อดึงและอาการต่อต้านที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“พี่เป็นคนยังไงกันแน่” ต้าร์ถามอย่างเหนื่อยใจ ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว
“กูก็เป็นอย่างที่มึงเห็น”
คำตอบไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น
“พี่ควินที่ผมรู้จัก ไม่ใช่คนแบบนี้” บอกพลางส่ายหน้า มองสบนัยน์ตาคมอย่างผิดหวัง
“มึงยังไม่รู้จักกูดี”
คำพูดที่สวนกลับมาทำให้คนฟังนิ่งไป
‘กูขอเตือนมึง ให้ระวังพวกมันให้ดี อย่าไว้ใจพวกมันมาก กูรู้ว่ามึงชอบคนใจดี แต่คนที่ใจดีกับมึงอาจไม่ใช่คนดีทุกคน กูเตือนมึงแล้วนะ’
คำพูดของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาในความคิด
‘ต้าร์คงยังไม่รู้สินะว่าเขาสองคนร้ายกาจมากแค่ไหน’
คำพูดของหญิงสาวดังตามมา
“พี่ควินรู้จักเมเปิ้ลหรือเปล่า” ตัดสินใจถามพลางจ้องนัยน์ตาสีเฮเซลนิ่ง ลุ้นกับคำตอบ
“รู้จัก”
สองคำสั้นๆที่ตอบกลับมาทำเอาฟังจับลูกบิดประตูไว้แน่น
“มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับเมเปิ้ล พี่เคยได้ยินบ้างมั้ย” แสร้งถามต่อ
“เคย”
ริมฝีปากเม้มแน่นเม้มปากอย่างใช้ความคิด ก่อนถามต่อด้วยความรู้สึกที่กดดัน
“จริงเหรอ”
คราวนี้ร่างสูงเงียบไป แต่ยังมองสบตาอยู่
“คนที่กุข่าวลือขึ้นมาต้องการทำลายเมเปิ้ล” ว่าต่อ สายตาไม่ละจากใบหน้าหล่อเหล่า
“แล้วไง”
“เมเปิ้ลเป็นเพื่อนผม” บอกอย่างเน้นทุกคำ
“แล้วไง”
ควินพูดคำเดิม ไม่ได้ต้องการกวนอารมณ์เด็กหนุ่ม แต่ต้องการรู้ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรกันแน่
“ผมชอบเธอ”
สามคำจากปากคนตรงหน้าทำให้คนฟังกำหมัดแน่น ดวงตาแข็งกร้าววาวโรจขึ้นฉับพลัน
“ถ้าผมรู้ว่าใครเป็นคนกุข่าวลือบ้าๆนี่ ผมจะ…”
ต้าร์เงียบไป ควินมองนัยน์ตากลมนิ่งอย่างรอฟังคำตอบ
“ผมจะเกลียดเขา”
เสียงขบกรามแน่นดังกรอด รอยนูนเป็นสันปรากฏให้เห็น ก่อนเสียงเข้มจะเอ่ยต่อ
“ถ้าข่าวไม่มีมูล มันคงไม่เอามาลือกัน”
“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่จะบอกว่าข่าวลือบ้าๆนั่นเป็นความจริงเหรอ”
ต้าร์ถาม ดวงตากลมจ้องหน้าหล่อคมนิ่ง ความรู้สึกอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก
“ถามตัวเองก่อนว่ารู้จักเพื่อนดีแค่ไหน” ควินย้อนถาม ส่งสายตาเหยียบเย็นให้คนมอง
ต้าร์นิ่งคิดไปกับคำพูดนั้น ‘รู้จักดีแค่ไหนเหรอ?’ นั้นสิ เขารู้จักเมเปิ้ลดีแค่ไหน เขารู้แค่ว่าเธอเป็นคนสวยและน่ารัก เธอป็อปที่สุดในโรงเรียน ใครๆก็ต่างชอบเธอ แม้แต่เรื่องครอบครัวเขาก็ไม่เคยรู้จนเธอเล่าให้ฟังในร้านกาแฟนั่นแหละ เขาถึงได้รู้ว่าครอบครัวเธอแยกทางกัน ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ เขาก็รู้แค่ว่าเธออัธยาศัยดี ไม่หยิ่ง และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เขาชอบในตัวเธอนอกจากรูปลักษณ์ภายนอก
“เพื่อนมึง ไม่ใช่คนดีนักหรอก” ควินว่าต่อเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบไป
“หมายความว่าไง พี่จะบอกว่าเพื่อนผมเป็นคนเลวเหรอ”
ต้าร์ถามเสียงแข็ง เริ่มอารมณ์เสียกับคำพูดกำกวมของคนตรงหน้า
“อย่างที่มึงพูดนั่นแหละ” แสยะยิ้มร้าย
“ผมเองก็ยังไม่รู้จักพวกพี่ดีพอ ทั้งพี่ทั้งพี่แซท”
นัยน์ตากลมสั่นไหว เมื่อคิดถึงความใจดีที่พวกเขามอบให้ ไม่อยากคิดในด้านลบว่าพวกเขาร้ายกาจอย่างที่เมเปิ้ลบอก แต่จากการกระทำและคำพูดของร่างสูงตรงหน้าในวันนี้มันทำให้ความเชื่อใจ ความมั่นใจในตัวของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน
“มึงได้รู้จักพวกกูดีแน่ ไม่ต้องห่วง” ควินบอกเสียงเรียบพลางขยับเข้าใกล้
“ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าที่พวกพี่ใจดีกับผม ที่พวกพี่เอ็นดูผมเพราะเห็นว่าผมเป็นน้องพี่เนส หรือเพราะเหตุผลอื่น” ต้าร์ว่าพลางออกแรงดันประตูไว้กันไม่ให้ร่างสูงเข้ามาใกล้ตัว
“กูชัดเจนตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ มีแต่มึงนั่นแหละที่เข้าใจผิดมาตลอด แค่มึง แค่มึงคนเดียว”
ควินบอกด้วยความรู้สึกน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่เคยเข้าใจและไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่เขาสื่อไปถึง ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน เขามั่นใจว่าสายตาที่มองร่างบางตรงหน้ามันชัดเจนและไม่เคยเปลี่ยนแปลงจนถึงวันนี้ แต่เจ้าตัวกลับมองไม่เห็น ซ้ำยังมองข้ามไป ตีกรอบเอาตามความคิดของตัวเองฝ่ายเดียวว่าเขาเป็นแค่เพื่อนพี่ชาย มองกันอยู่แค่นั้น ขีดเส้นแล้วมอบตำแหน่งที่คิดไว้ให้ หรือแค่สายตากับการกระทำที่แสดงออกให้เห็นยังไม่มากพอ ต้องให้เขาบอกเหรอว่ารู้สึกยังไงถึงได้คอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆตลอดอย่างนี้
การกระทำที่ผ่านมา มันยังไม่ชัดเจนพอหรือไง?
“กูคิดมาตลอดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่กับมึงคงไม่ใช่”
ต้าร์เลิกคิ้วงุนงง ไม่เข้าใจว่าที่ร่างสูงพูดหมายความว่ายังไง พอจะถามเขาก็หันหลังเดินจากไปแล้ว ขาเล็กก้าวเดินตามไปเกาะราวระเบียง มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินลงบันไดไป จนร่างสูงเดินออกไปไกลสายตา ใบหน้าหวานก็หันกลับมา คิดทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง
“ถ้าไม่บอก แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคิดอะไร แค่การกระทำ บางครั้งมันก็ไม่สำคัญเท่าคำพูดหรอก”
-------------------------------------------------------------------------
ไม่มีอะไรจะเม้าท์มอย โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตาม ขอบคุณมากๆค่ะ