HEARTBREAKER
42
(ต่อ)
สองหนุ่มผู้ทำความผิดใหญ่หลวงลงไปได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ร็อคมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยใจคอไม่ดี เกรงว่าเพื่อนกับคนรักจะเปิดศึกกันหน้าห้องผู้ป่วย แล้วหมอกับพยาบาลจะได้แห่กันตามมาให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม
“พวกมึงกลับไปก่อน กูขอร้อง”
ร็อคตัดสินใจบอกเพื่อนอีกครั้งพลางเดินไปเตะไหล่ หากแต่แซทกลับปัดมือออกอย่างไม่ยอมรับความหวังดีจากเพื่อน
“ทำกับน้องกูขนาดนี้แล้ว พวกมึงยังจะหวังอะไรอีก”
เนสเค้นเสียงถาม มองหน้าคนที่ทำร้ายน้องชายด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว ร็อคเองก็ส่ายหน้ากับความดื้อด้านของเพื่อนที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมกลับไปตามคำขอ
“รับปากกูไว้ แต่สุดท้าย…พวกมึงก็ผิดคำพูด”
เนสส่ายหน้าช้าๆอย่างข่มขืน ความเจ็บปวดที่น้องได้รับมันสะท้อนอยู่ในอก เจ็บราวกับมีมือล่องหนมาบีบเคล้นก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ แต่ต่อให้เจ็บแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจที่น้องแบกรับไว้
อนาคตที่สดใสยังรอให้ต้าร์ก้าวเดินไป แต่พวกมัน! พวกมันกลับทำลายเส้นทางนั้นพังยับเยินไม่มีชิ้นดี!
“พวกมึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกแล้ว ไม่ใช่”
เนสย้ำเสียงแข็ง สายตาจ้องมองนัยน์ตาคู่คมของเพื่อนไม่กระพริบ
“ออกไปจากชีวิตน้องกู ออกไป!”
ตะโกนใส่หนาอดีตเพื่อนด้วยความคับแค้นใจ มือที่สั่นอันเนื่องมาจากการสะกดกลั้นอารมณ์ไว้สุดกำลังคลายออกอย่างช้าๆก่อนจะหันหลังกลับไปเปิดประตูห้องผู้ป่วยแต่ก่อนที่จะเดินเข้าไป ใบหน้าหมองเศร้าก็หันมามองร่างสูงที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาห่วงใย
“มึงด้วย ออกไปจากชีวิตกูได้แล้ว”
เสียงปิดประตูห้องผู้ป่วยราวกับเสียงฟ้าผ่าในความรู้สึกของร็อค ชายหนุ่มยืนนิ่ง อึ้งกับคำพูดของคนที่เดินเข้าห้องไป คนที่เขารัก แต่อีกฝ่าย ไม่เคยแม้แต่จะคิดรักกัน…ไม่เคยเลย
ร็อคเดินไปตามทางคล้ายคนหมดอาลัยตายอยากโดยไม่หันไปมองเพื่อน ควินมองตามหลังแล้วถอนใจอยากกลัดกลุ้มกับปัญหาที่เกิด รู้ว่าเนสเสียใจ รู้ว่ามันคงไม่ให้อภัยกัน แต่ที่ไล่ให้ออกไปจากชีวิตน้องชายมัน เขาทำไม่ได้จริงๆ
“กูอยากเข้าไปดูต้าร์”
แซทพูดขึ้น นัยน์ตาคมวูบไหวด้วยความเป็นห่วงและกังวลกับอาการของคนป่วย
“ไปลากไอ้เนสออกมา มึงกับกูถึงจะเข้าไปได้” ควินว่าเสียงขุ่น
“ให้ลุงหมอช่วยดิวะ โรงบาลลุงมึงนี่หว่า จะทำอะไรก็ได้” แซทบอกต่อ
“มึงคิดว่าไอ้เนสมันโง่เหรอ เกิดมันพาต้าร์ย้ายโรงบาลขึ้นมา เรื่องมันจะยุ่งกว่านี้”
ควินสวนกลับด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างคิดไม่ตกว่าจะจัดการยังไงต่อไป แซทหน้าตึง หงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
“กูจะไปคุยกับลุงหมอ มึงกลับไปก่อน อยู่รอทั้งคืนไอ้เนสมันก็ไม่ยอมให้เข้าไปหรอก เสียเวลาเปล่า” ควินบอกเพื่อน หันไปมองประตูห้องผู้ป่วยแล้วตัดใจเดินกลับไป
“แม่งเอ้ย! หงุดหงิดโว้ย!” แซทโวยวายอย่างหัวเสีย เดินตาขวางตามเพื่อนไป
**************************************************
เสียงพูดคุยในห้องรับแขกของคฤหาสน์พัฒนวัฒน์ทำให้คนที่เดินเข้าบ้านมาชะงักขา เงี่ยหูฟังก็ได้ยินว่าเป็นเสียงของประมุขบ้านกับพี่ชายซึ่งมีอาชีพเป็นหมอแถมยังพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ตัวเองเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่กำลังพูดคุยถึงคนที่แค่ได้ยินชื่อมันก็ทำให้ความเกลียดชังพวยพุ่งขึ้นมา ชายหนุ่มจะเดินต่อ แต่ประโยคที่ได้ยินก็ทำให้ขาชะงักอยู่กับที่อีกรอบ
“ฝ่ายนั้นจะเอาเรื่องควินหรือเปล่า”
“ไม่ พี่ชายเด็กคนนั้นไม่เอาเรื่อง แค่ขอร้องไม่ให้พี่ช่วยควินให้เข้าใกล้น้องชายเขา”
“ไอ้ลูกคนนี้ ขยันสร้างแต่เรื่องอยู่เรื่อย”
“อย่าไปต่อว่าซ้ำเติมลูกเลย เท่าที่คุยกัน พี่ว่าควินก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไป”
“ที่ผ่านมามันมีแต่เรื่องต่อยตี ผมยังพอทำใจได้ ยังไงซะมันก็เป็นลูกผู้ชาย แต่ครั้งนี้มันทำเกินไป มันไปข่มขืนเขา ผมเลี้ยงลูกไม่ได้ดีจริงๆ”
คนแอบฟังเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน คำว่า ‘ข่มขืน’ ดังก้องอยู่ในหัว
‘ไอ้ควินมันไปข่มขืนใคร’
คำถามตามมาให้คิดหาคำตอบ
“ดูท่าว่าควินจะรักเด็กคนนั้น แต่คงต้องใช้ความพยายามมากหน่อย เพราะพี่ชายเขาดุน่าดู ห่วงน้องยังกับจงอางห่วงไข่ กว่าพี่จะกล่อมให้ใจอ่อนได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน”
“เป็นเพราะผม ลูกถึงทำตัวเสเพลแบบนี้ ผมผิดเอง”
“ไม่เอาน่า อย่าโทษตัวเอง พี่จะช่วยพูดให้ควินกลับมานอนบ้านบ้าง ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่ช่วยดูแลให้”
“เรื่องค่ารักษา พี่ช่วยไปบอกพี่ชายของเด็กคนนั้นทีว่าผมจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง อย่างน้อยก็เป็นการตอบแทนในความมีน้ำใจที่เขาไม่เอาเรื่องควิน ว่าแต่ เด็กคนนั้นชื่ออะไร พี่บอกมาตอนแรกผมก็ลืมไปแล้ว”
“ชื่อต้าร์ พี่ชายชื่อเนส หน้าตาดีทั้งคู่ หน้าหวานเหมือนผู้หญิง ไม่แปลกใจที่ควินจะรักเด็กคนนั้น”
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
เสียงแข็งตะโกนถามออกมาทำให้คนที่แอบฟังอยู่สะดุ้งโหยงก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอย่างเอื่อยๆ แสร้งปั้นหน้านิ่ง ทำท่าจะเดินผ่านขึ้นบันได แต่เสียงเรียกของเจ้าของบ้านรั้งตัวไว้ก่อน
“ฮาร์ฟ มานี่สิ”
เจ้าของชื่อเดินเข้าไปหาคนเรียก ยกมือไหว้คนเป็นพ่อกับญาติผู้ใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นลุง
“หวัดดีครับพ่อ คุณลุง”
“ทำไมกลับบ้านดึก แล้วไปเที่ยวที่ไหนมา กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
คนเป็นพ่อถามอย่างเป็นห่วงที่เห็นลูกกลับบ้านดึกดื่นทั้งยังมีกลิ่นเหล้าติดตัวมา
“ฉลองสอบเสร็จครับ” ฮาร์ฟตอบเสียงเรียบ
“ปิดเทอมแล้วก็หัดอยู่บ้านบ้าง อย่าออกไปเที่ยวเตร่นัก แค่ควินคนเดียว พ่อก็ปวดหัวจะแย่แล้ว”
คนฟังแอบเบ้ปากก่อนพยักหน้าให้
“ขึ้นห้องไป”
“ครับ”
ฮาร์ฟรับคำ เดินขึ้นบันไดไปได้ครึ่งทางก็เหลียวกลับไปมองที่ห้องรับแขกอีกรอบก่อนจะหันกลับมาแสยะยิ้ม เดินต่อไปที่ห้องตนเอง เข้าห้องมาได้ชายหนุ่มก็เดินตรงไปที่โต๊ะหัวเตียง ดึงลิ้นชักออกแล้วหยิบรูปถ่ายใบนึงออกมา นัยน์ตาคมพิศมองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มในรูปถ่ายแล้วยิ้มมุมปากพร้อมกับที่แผนการร้ายผุดขึ้นในหัวเป็นฉากๆ ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้าของคนในรูปอย่างนึกเสียดายที่ใบหน้าสวยเกินชายและผิวขาวจัดนี้ถูกศัตรูคู่อาฆาตสอยตัดหน้าไปก่อน ถ้าไม่ติดพันเรื่องเมเปิ้ลที่กว่าจะเคลียร์จบก็ใช้เวลาอยู่นาน ถ้าไม่มัวแต่ยุ่งเรื่องบ้าๆนี่ ป่านนี้เขาคงได้นอนกับเด็กคนนี้ก่อนหน้าไอ้เหี้ยควินให้มันแค้นใจเล่นไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ถึงเด็กนี่จะนอนกับไอ้ควินแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะต่อจากนี้ไป เด็กนี่ต้องเป็นของเขา!
เขารู้ดี คนอย่างไอ้เหี้ยควิน มีแต่คนเข้าหามันก่อนและสมยอมนอนกับมันเอง ไม่เคยเกิดกรณีขืนใจเลยสักราย แต่กับเด็กคนนี้มันกลับใช้กำลังข่มขืน ถ้าไม่รักก็คงอยากเอาชนะ ตัดเรื่องที่มันหวังฟันแล้วทิ้งไปได้เลย เพราะแผนการคราวก่อนที่ใช้เมเปิ้ลเป็นเหยื่อล่อ มันยังออกอาการเดือดจนแทบคลั่ง
มือหนายกรูปถ่ายขึ้นจรดริมฝีปากแล้วหยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าหวานนิ่งนาน เหยียดยิ้มให้กับแผนการที่คิดจะทำ
“เมียพี่ก็เหมือนเมียน้อง ถ้ากูจะเอาเด็กมึงบ้างก็อย่ามาว่ากันนะคุณพี่ชายสารเลว กูจะทำให้มึงเจ็บจนกระอักเลือดเลยคอยดู ไอ้เหี้ยควิน!”
**************************************************
เสียงเคาะประตูยามเช้าทำให้คนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสะดุ้งเฮือก มือข้างนึงจับขยุ้มผ้าห่มด้วยความหวาดกลัว แม้มึงอีกข้างจะถูกกอบกุมไว้ด้วยมืออบอุ่นของพี่ชาย แต่คนจับก็ยังรับรู้ได้ว่ามือน้องสั่น
“ขอโทษนะครับ ลุงหมอทำให้ตกใจใช่มั้ย”
นายแพทย์เจ้าของไข้ที่พวงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอ่ยถามคนป่วยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ใบหน้าคมสันแม้อายุจะขึ้นเลขสี่มาแล้วแต่ก็ยังดูภูมิฐานสมตำแหน่งหมอยิ้มแย้มแจ่มใสให้คนป่วยได้คลายความหวาดกลัวไปบ้างว่าคุณหมอมาดี ไม่ได้เข้ามาทำร้ายกัน
เนสมองหน้าคุณหมอแล้วหันมองน้อง ยิ้มละมุนให้ ยื่นมืออีกข้างไปลูบแก้มขาวเนียนนุ่มมือเบาๆอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องกลัว คุณหมอแค่เข้ามาตรวจ พี่อยู่กับต้าร์ตรงนี้ ไม่ไปไหน ไม่ต้องกลัวนะ”
ยิ้มบอกพลางจับกระชับมือเล็กไว้แน่นให้น้องอุ่นใจว่าพี่ชายคนนี้จะอยู่เคียงข้างคอยปกป้องน้องไม่ไปไหน
คนป่วยขยับปากคล้ายจะยกยิ้มให้พี่ชาย แต่มันก็จืดจางไม่ใช่รอยยิ้มสดใสเหมือนอย่างที่เจ้าตัวเคยยิ้มมาตลอด นัยน์ตากลมยังหวาดระแวงร่างสูงใหญ่ของคุณหมอ
“ลุงหมอขอตรวจหน่อยนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ ลุงหมอตรวจแป็ปเดี๋ยว”
ต้าร์เกร็งตัวเมื่อคุณหมอเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วยืนมือมาแตะที่หลังมือซึ่งมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ ใบหน้าหวานแสดงอาการหวาดกลัวรีบหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ บีบมือพี่ไว้แน่น
“เสร็จแล้วครับ” คุณหมอยิ้มบอกคนป่วย สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“น้องผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่” เนสยิงคำถามใส่คุณหมอทันทีที่ตรวจอาการน้องเสร็จ
“สภาพร่างกายดีขึ้นมากแล้ว หมั่นทานยา แล้วก็ทายาแก้ฟกช้ำไปเรื่อยๆก็หาย แต่สภาพจิตใจยังมีอาการหวาดกลัวคนแปลกหน้าอยู่ ลุงอยากให้อยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันเพื่อดูอาการ”
“ผมอยากพาน้องกลับบ้านให้เร็วที่สุด”
เนสว่า มองหน้าน้องที่นิ่งฟังทั้งสายตาหวาดระแวงไม่เปลี่ยน นัยน์ตากลมโตที่เคยมีประกายสดใสร่าเริงอยู่ตลอด ตอนนี้…ไม่มีอีกแล้ว
“จะกลับก็ได้ แต่ต้องพาน้องมาตรวจอาการกับลุงตามนัด”
“ผม…จะพาน้องไปรักษาที่อื่น” เนสบอกเสียงเบาลง หลังจากที่คิดทบทวนมาตลอดคืน
“จะย้ายโรงพยาบาลเหรอ ทำไมล่ะ”
“เปล่าครับ ไม่ได้ย้าย แต่ผม…” เนสหยุดพูด มองสบตาคุณหมอนิ่งก่อนถอนใจออกมาแล้วเอ่ยต่อ “ผมจะพาต้าร์ไปเมืองนอก ญาติผมอยู่ที่นั่น” ยิ้มเศร้าเมื่อพูดจบ หันไปมองน้องก็พบว่าเจ้าตัวอยู่ในอาการเหม่อลอย ไม่ได้รับฟังว่าพี่ชายกำลังคุยเรื่องอะไรกับคุณหมออยู่
“ถ้าเป็นห่วงเรื่องนั้น ไม่ต้องกังวลหรอก ลุงรับปากแล้วไงว่าจะไม่ให้ควินเข้ามายุ่งวุ่นวายกับน้อง หรือเนสไม่เชื่อลุง”
“ผมเชื่อครับ แต่ผมไม่อยากให้น้องอยู่ในสภาพนี้ ผมไม่อยากเห็นน้องเป็นแบบนี้”
เนสส่ายหน้า นัยน์ตาทอแววหมองเศร้า หลังจากฟื้นขึ้นมา ต้าร์ก็มีอาการหวาดผวา ตกใจง่าย สะดุ้งแม้แต่กับเสียงเดิน เหม่อลอยบ่อยอย่างที่ไม่เคยเป็น ซ้ำยังตัวสั่นเวลาที่คนแปลกหน้าเข้าใกล้ตัว กับพยาบาลต้าร์ก็ยังกลัว
น้องชายของเขา…ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“เอาอย่างนั้นเหรอ” คนสูงวัยกว่าถามอย่างเป็นห่วงทั้งตัวคนป่วยและตัวพี่ชาย
“ครับ ผมตัดสินใจแล้ว จะให้น้องอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไง”
เจ้าของโรงพยาบาลถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าหวานของคนป่วยที่ยังคงเหม่อลอยทอดสายตามองฝ่ากระจกออกไปอย่างไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังมองอะไรอยู่
“ตามใจเถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอก ลุงพร้อมช่วยเสมอ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ต้องห่วง พ่อควินเขายินดีรับผิดชอบ ถือเป็นการตอบแทนที่เนสไม่เอาเรื่องควินด้วย”
“ไม่ต้อง ผมมีปัญญาจ่าย”
เนสเค้นเสียงบอกอย่างไม่พอใจ แค่ค่าห้องพักพิเศษ ค่ายา ค่าแอดมินนอนโรงพยาบาล เรื่องแค่นี้ เขามีปัญญาจ่าย!
“แต่…”
“ผมบอกว่าไม่ต้องไง!”
เนสลืมตัวเผลอขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายจนน้องสะดุ้งเฮือกหันมามองหน้าตาตื่น
“ไม่มีอะไรครับ พี่ขอโทษ”
บอกเสียงอ่อนพลางลูบผมน้องเบาๆ ต้าร์นิ่งไปแต่สายตายังวูบไหวเพราะความตกใจบวกกับความหวาดกลัว
“ตามใจเนสแล้วกัน”
“ขอบคุณครับที่เข้าใจ ผมจะพาน้องออกพรุ่งนี้ รบกวนลุงหมอช่วยจัดการด้วย ผมไม่อยากปล่อยให้ต้าร์อยู่คนเดียว”
“ได้ ลุงจะจัดการให้”
“มีอีกอย่างที่ผมอยากขอ อย่าบอกเรื่องที่ผมจะพาต้าร์ไปต่างประเทศให้พวกมันรู้ อย่าบอกให้พวกมันรู้เด็ดขาด ลุงหมอช่วยผมได้มั้ย” เนสเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่ออดีตเพื่อนเพราะกลัวน้องจะตกใจถ้าได้ยิน
คนถูกขอนิ่งเงียบไปก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
“ได้ ลุงรับปาก”
“ผมหวังว่าคุณลุงจะไม่ผิดคำพูด อย่าทำให้ผมต้องเกลียดคุณลุงเพิ่มขึ้นอีกคน หลานชายคุณลุงทำชั่วกับน้องผมไว้ยังไง หวังว่าคุณลุงคงไม่ลืม”
เนสกดเสียงต่ำทั้งสายตาที่มองยังแฝงความกดดันให้ลุงของอดีตเพื่อนรับรู้ถึงความเกลียดชังที่มีต่อหลานชาย
“ต่อให้เอาชีวิตของพวกมันมาชดใช้ ผมก็ไม่ได้น้องชายคนเดิมกลับคืนมา”
เนสบอกเสียงเรียบ มองหน้าน้องด้วยความสะเทือนใจ ไล้ปลายนิ้วบนผิวแก้มขาวเนียนนุ่มเบาๆ ต้าร์กระพริบตาช้าๆ มองหน้าพี่ชายด้วยสายตาเหม่อลอย สัมผัสอบอุ่นที่ได้รับแม้จะวางใจได้แต่ก็ยังไม่สามารถทลายความหวาดกลัวที่ฝั่งลึกอยู่ในจิตใจไปได้
“กลับมาสิต้าร์ กลับมาหาพี่ ใจลอยไปถึงไหน หืม…”
‘อย่าเป็นแบบนี้เลย พี่เจ็บจนจะขาดใจแล้ว’
-------------------------------------------------------------------
I'm back!!!
ขออภัยที่หาย(หัว)ไปนาน
เค้ากลับมาแล้วววว (เดี๋ยวก็หายไปอีก)
ขอบคุณที่รออ่านกันอยู่ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับท่านที่เข้ามาดันกระทู้ให้ด้วย ปลื้มหลาย
เจอกันตอนหน้า (เมื่อฟีลมา+เวลาเอื้ออำนวย)
ปล. คิดถึงทุกคนเลยยย