HEARTBREAKER
43
(ต่อ)
เสียงยางรถบดเบียดกับพื้นถนนดังเอี๊ยด รถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงจอดนิ่งอยู่หน้ารั้วบ้านของอดีตเพื่อน สองหนุ่มร่างสูงเปิดประตูก้าวลงจากรถ เดินไปเกาะประตูชะเง้อคอมองผ่านช่องว่างของรั้วเหล็ก นัยน์ตาคมสอดส่ายมองสำรวจไปรอบๆบ้านพลางมองหาคนสำคัญ แซทเดินไปที่เสาปูนด้านข้างประตูตั้งใจจะกดออดแต่ควินเอ่ยขัดขึ้น
“เงียบผิดปกติ”
“เออ หายไปไหนกันหมดวะ”
แซทว่าต่ออย่างหงุดหงิด เบนสายตากลับมาขยับไปชิดประตูก่อนจะตามมาด้วยเสียงสบถดังลั่น
“ไอ้เหี้ย! ประตูล็อค”
ควินขยับตามเพื่อน เห็นเต็มสองตาว่าประตูไม้ถูกล็อคด้วยแม่กุญแจเหล็ก แซทยกสองมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแล้วเตะประตูไปทีอย่างต้องการระบายอารมณ์กลัดกลุ้ม ควินเดินหน้านิ่งกลับมาที่รถหรู ใช้ความคิดทบทวนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วชายหนุ่มก็ได้ข้อสรุปว่า อดีตเพื่อนต้องการพาน้องหนีไปโดยไม่เหลือใครไว้แม้แต่คนใช้ในบ้าน!
“หนีกันไปทั้งบ้านแบบนี้ ไม่ออกต่างจังหวัดก็ไปต่างประเทศ” ควินเอ่ยขึ้นตามที่ตนเองสันนิษฐาน
แซทหัวขวับมามองเพื่อนด้วยสายตาตื่น มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูนนูนขึ้น
“ลูกน้องในมหาลัยเรามีเท่าไหร่” ควินหันไปถามเพื่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ทำไม มึงจะทำอะไร”
“โทรสั่งให้พวกมันตามหาไอ้เนส ตามหาให้ทั่วกรุงเทพ”
แซทมองหน้าเพื่อนนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
“กูจะลองคุยกับลุงหมออีกครั้ง”
ควินว่าต่อแล้วล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าออกมาโทรหาญาติผู้ใหญ่ แซทเองก็จัดการโทรติดต่อรุ่นน้องในมหา’ลัยสั่งความให้ตามหาคนที่ต้องการตัว
**************************************************
บรรยากาศตอนเย็นของคลีนิคทันตกรรมยังมีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการ ร่างท้วมของคุณป้าแม่บ้านที่เนสโทรสั่งให้จัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าของน้องมาให้เดินเข้ามาในคลีนิคแจ้งความจำนงกับพยาบาลสาวที่นั่งรับรองลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์ นั่งรอสักพักเนสก็เดินยิ้มเข้ามาหาก่อนจะคว้ากระเป๋าจากมือแม่บ้านไปถือ
“ขอบคุณนะครับคุณป้า”
เนสยิ้มบอกอย่างซึ้งในน้ำใจของคนสูงวัยที่อุตส่าห์โบกแท็กซี่เอากระเป๋าเสื้อผ้าของน้องชายมาส่งให้ถึงคลีนิค
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู แล้วคุณหนูต้าร์อยู่ไหนค่ะ ป้าอยากเจอ จะบินไปเที่ยวตั้งหลายเดือน ป้าคิดถึงแย่เลย”
“น้องอยู่ข้างบนครับ”
รอยยิ้มจืดจางลงกับคำพูดของคุณป้าแม่บ้าน เนสฝืนยิ้มบอกพลางเดินนำไปก่อน พอขึ้นมาถึงห้องพักก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนเตียงหลังจากตื่นจากการนอนพักผ่อนไปหลายชั่วโมง
“สวัสดีครับคุณป้า”
“สวัสดีค่ะคุณภู”
ว่าทีทันตแพทย์หนุ่มยิ้มทักทายคนสูงวัยก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปหาคนรัก
“คุณหนู”
เสียงเรียกอ่อนโยนคุ้นเคยทำให้ต้าร์หันไปมอง รอยยิ้มบางๆเผยให้เห็น ร่างท้วมเดินไปนั่งลงบนเตียงยื่นมือไปลูบผมนุ่มเบาๆ
“ไม่สบายหายหรือยังค่ะ”
คนถูกถามเงียบ ไม่ยอมตอบ แม่บ้านขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับอาการของคนป่วย หันไปมองเนสก็เห็นว่าเจ้าตัวส่งยิ้มบางๆมาให้
“ต้าร์ยังไม่หายดีครับ เลยดูซึมๆ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี”
“แล้วอย่างนี้เวลาขึ้นเครื่องบินจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
แม่บ้านสอบถามอย่างวิตกด้วยเพราะไม่เคยขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศเลยตั้งแต่เกิดมา
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ต้าร์แค่ไม่สบายนิดหน่อย ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ขึ้นเครื่องบินได้สบายครับ”
เนสตอบคำถามให้คนสูงวัยคลายกังวล
“ป้าค่อยเบาใจหน่อย รีบๆหายนะคะ ป้าเป็นห่วง ดูสิ หน้าตอบไปเยอะเลย ไปอยู่ที่นู้นคุณหนูต้องทานข้าวเยอะๆนะคะ”
ต้าร์นิ่งเงียบก้มหน้าปล่อยให้มือหยาบกร้านของแม่บ้านลูบแก้มลูบผมอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายผละห่างออกไป
“ผมจะพาน้องออกไปทานข้าวข้างนอก เสร็จแล้วจะตรงไปสนามบินเลย ป้าไปทานด้วยกันนะครับ จะได้ไปส่งผมกับน้องขึ้นเครื่อง
ด้วย พี่หมอจะได้ขับรถไปส่งที่คอนโด”
“พวกคุณหนูไปทานกันเถอะค่ะ ป้ากลับเองได้ เมื่อกี้โบกแท็กซี่มาแป็ปเดียวเอง ป้าจำทางกลับคอนโดได้ค่ะ”
“ไปทานด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมกับน้องก็ไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว นะครับป้า หรือว่าป้าไม่อยากไปส่งผมกับต้าร์”
เนสบอกด้วยท่าทางขอร้อง รบกวนให้ท่านเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาส่งให้ถึงที่แล้ว ซ้ำยังต้องจำใจโกหกเรื่องที่น้องป่วยอีก แล้วไหนจะเรื่องที่ให้ท่านกับคุณลุงรวมถึงหลานสาวหอบข้าวของออกจากบ้านย้ายเข้าไปอยู่คอนโดมิเนียมของพี่หมอเป็นการชั่วคราวอีก อย่างน้อยก่อนจะพาน้องไปก็อยากเลี้ยงข้าวท่านเป็นการไถ่โทษบ้าง
“อยากสิค่ะ ก็ได้ค่ะ ป้าจะไปด้วย” คนสูงวัยยิ้มรับด้วยไม่อยากให้คุณหนูลำบากใจ
“ดีครับ งั้นเราไปกันเลยนะครับพี่หมอ” เนสหันไปชวนคนรักที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆกัน
“ครับ เนสไปช่วยพยุงน้องไป เดี๋ยวพี่พาคุณป้าลงไปเอง”
**************************************************
บรรยากาศภายในสนามบินคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนในประเทศเดินทางเข้าออกกันหนาแน่น ร่างสูงของว่าที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินเคียงข้างคนรักที่จับจูงมือน้องชายข้างตัวไว้อย่างห่วงแหนรั้งท้ายด้วยร่างท้วมของแม่บ้าน พอมองหาที่นั่งว่างได้ก็เดินเข้าไปนั่ง เนสจัดการเปิดกระเป๋าล้วงเอาหนังสือเดินทางของตัวเองกับของน้องออกมาตรวจดูความเรียบร้อย
“นี่ยาแก้แพ้ ให้น้องทานก่อนขึ้นเครื่อง”
เนสรับแผงยามาจากคนรัก ยิ้มให้ที่อีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใยน้องแถมยังเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำมาให้”
“ผมไปด้วยดีกว่าครับ อยากได้หมอนรองคอด้วย”
เนสว่า หันไปมองน้องชายที่นั่งเงียบอยู่แล้วยิ้มให้
“ต้าร์ เดี๋ยวพี่มานะ อยู่กับคุณป้าก่อนนะครับ ฝากต้าร์แป็ปนึงนะครับป้า”
“ได้ค่ะ คุณหนูรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
เนสยิ้มขำที่เห็นคุณป้าดูจะเป็นห่วงกังวลเรื่องเวลาก่อนเดินจับมือคนรักเดินออกไป
พอลับร่างพี่ชาย ต้าร์ที่นิ่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนถึงสนามบินก็เริ่มขยับตัวยุกยิกเบาๆ
“คุณหนูเป็นอะไรค่ะ” คนสูงวัยถามพลางมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย
ต้าร์เม้มปากเอามือลูบท้องก่อนบอกเสียงแผ่วเบา
“ผมปวดฉี่”
คนถามยิ้มขำอย่างเอ็นดูก่อนลุกขึ้นจับมือบางให้ลุกตาม
“ป้าก็นึกว่าคุณหนูเป็นอะไร มาค่ะ เดี๋ยวป้าพาไปเข้าห้องน้ำ”
ต้าร์เดินตามคุณป้าไปด้วยท่าทางเซื่องซึม ได้ยินเสียงท่านสอบถามทางไปห้องน้ำกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วท่านก็จูงมือพาเดินมาถึงห้องน้ำ
“ป้ารอข้างนอกนะคะ”
ต้าร์พยักหน้ารับเบาๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เด็กหนุ่มเดินก้มหน้าหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเพราะความหวาดกลัวที่ฝังอยู่ในจิตใจจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัว โดยเลือกจะเข้าห้องน้ำส่วนตัวที่มิดชิดกว่าการยืนปัสสาวะข้างนอก รีบทำธุระเสร็จแล้วก็รีบเดินออกมา
“โอ้ย!”
เพราะความที่เอาแต่เดินก้มหน้าจึงทำให้เดินชนเข้ากับหญิงสาวที่เดินออกมาจากห้องน้ำหญิงอีกฝั่ง ต้าร์ตกใจรีบผงกหัวเอ่ยขอโทษเสียงเบา
“ขอโทษครับ ขอโทษ”
“เดินภาษาอะไร ไม่มีตาหรือไง”
หญิงสาวเหวี่ยงใส่คนที่เดินชน ใบหน้าเรียวสวยฉายแววโกรธเกรี้ยว แต่พอได้เห็นว่าร่างโปร่งบางของชายหนุ่มที่เดินชนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เสียงที่เตรียมจะก่นด่าต่อก็มีอันต้องเก็บกลืนลงคอแทนที่ด้วยอาการเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ต้าร์” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่
เจ้าของชื่อเม้มปากแน่น มองคนเรียกด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ตีรวนกันอยู่ภายใน อยากเอ่ยทักทายแต่อีกใจก็อยากถอยหนีไปให้ไกล อยากถามว่าที่ผ่านมาหายหน้าหายตาไปไหนแต่อีกเสียงก็ร้องบอกว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้
“ต้าร์เป็นอะไร โกรธเมเหรอ เมื่อกี้เมขอโทษนะ เมผิดเองที่ไม่ดูทาง ขอโทษถ้าทำให้ต้าร์ไม่พอใจ“
หญิงสาวรีบเปลี่ยนท่าที เอ่ยขอโทษอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่แสร้งว่ารู้สึกผิด ต้าร์ส่ายหน้าเบาๆแต่ไม่ยอมเอ่ยตอบอะไร สมองสั่งการให้สองขาก้าวเดินไป และพอร่างโปร่งบางตั้งท่าจะเดินไปหญิงสาวที่จ้องมองอยู่ก็รีบเข้าประชิดตัวเกาะแขนอีกฝ่ายทันที
“ต้าร์เป็นอะไร โกรธเมจริงๆเหรอ ทำไมไม่ยอมคุยกับเมเลย” น้ำเสียงกระเง้ากระงอนเอ่ยถาม
ต้าร์ส่ายหน้าอีกครั้งยกมือขึ้นจับมือขาวบางของอีกฝ่ายออกจากแขน โดยไม่รู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองนั้นจะทำให้โทสะของอีกฝ่ายลุกโหมขึ้นมากเพียงใด
“ต้าร์รังเกียจเมเหรอ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเข้มขึ้น
เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ หญิงสาวเลยจับแขนไว้แน่นพลางบีบกระชับทำเอาคนถูกสัมผัสสะดุ้งด้วยความตกใจ
“เราออกไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
หญิงสาวเอ่ยชวนโดยไม่รอฟังคำตอบก็รีบดึงแขนให้ร่างโปร่งเดินไปด้วยกัน พอออกมาถึงหน้าปากทางเข้าร่างท้วมของแม่บ้านที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้ารอคนของตนเองอยู่ก็หันมามอง
“คุณหนู”
ต้าร์หันไปตามเสียงเรียกจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ถูกหญิงสาวรั้งแขนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“สวัสดีค่ะ หนูเป็นเพื่อนต้าร์ที่โรงเรียน ขอตัวต้าร์สักครู่นะคะ” หญิงสาวบอกรัวเร็วแล้วรีบดึงให้ร่างโปร่งเดินออกไปด้วยกันโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากคนสูงวัยเบื้องหลัง
“ต้าร์จะไปไหนเหรอ”
เจ้าของชื่อพยายามขืนตัวไว้ไม่ให้เดินไปตามแรงดึงของหญิงสาวแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆทั้งดึงทั้งฉุดจนลากตัวออกมาข้างนอกได้สำเร็จ
“เมถามทำไมตอบ นี่ต้าร์โกรธเมจริงๆเหรอ เมก็ขอโทษไปแล้วไง”
หญิงสาวถามเสียงแข็งเริ่มเผยนิสัยที่แท้จริงออกมาให้อีกฝ่ายเห็น พอเห็นว่าเจ้าตัวยังเงียบซ้ำยังพยายามจะจับมือเธอออกจากแขนที่จับไว้แน่นเธอก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบจนร่างโปร่งนิ่วหน้าบอกอาการเจ็บ
“ฉันถามว่าจะไปไหน ตอบมา!”
หญิงสาวทนเสแสร้งปั้นหน้าเป็นคนดีต่อไปไม่ไหว นัยน์ตาคมเฉี่ยวที่กรีดด้วยอายไลเนอร์หนาจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง
“เมเปิ้ล” ต้าร์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่วอย่างตกใจที่จู่ๆหญิงสาวก็เปลี่ยนท่าที
“พูดได้แล้วเหรอ ใช่ ฉันเอง เมเปิ้ล ตอบฉันมา แกจะไปไหน แกจะไปเที่ยวเมืองนอกใช่มั้ย แกจะไปมีความสุขในตอนที่ชีวิตฉันตกต่ำแบบนี้น่ะเหรอ!”
หญิงสาวแผดเสียงดังขึ้นจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง ต้าร์ตัวสั่นขึ้นมา ความหวาดกลัวแล่นลามไปทั่วร่าง
“ฉันไม่ยอมให้แกไปมีความสุขหรอก”
หญิงสาวกดเสียงต่ำพลางออกแรงบีบแขนคนที่ยืนตัวสั่นแรงขึ้น นัยน์ตากลมที่ฉายแววโกรธเกรี้ยวตวัดมองไปยังถนนที่มีรถวิ่งผ่าน ในใจเต็มไปด้วยไฟโทสะ ทั้งความแค้นที่มีต่อทุกคนที่ทำให้ชีวิตเธอต้องตกต่ำ ทำให้เธอต้องหนีหัวซุกจนมาเจอกับแม่เล้าที่ติดต่อให้เธอไปขายตัวให้แขกที่เป็นเศรษฐีทำงานอยู่ต่างประเทศ มันบอกว่าจะพาเธอไปทำแท้งที่นั่น เธอต้องเอาลูกออกแล้วต้องขายตัว! ใช่ วันนี้เธอต้องขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศกับแม่เล้าที่คงรอเธออยู่ข้างในสนามบิน แต่ตอนนี้เธอเจอคนที่มันทำให้ชีวิตเธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เธอเจอมันแล้วและเธอจะไม่ปล่อยให้มันมีความสุขเด็ดขาด! ในเมื่อเธอแตะต้องไอ้สารเลวพวกนั้นไม่ได้ เธอก็จะทำให้คนของพวกมันเจ็บเจียนตายเหมือนกับเธอ!!!
“ป้า ต้าร์ล่ะครับ ต้าร์ไปไหน” เนสวิ่งเข้ามาถามคนสูงวัยหน้าตาตื่นที่ไม่เห็นน้องชายนั่งอยู่ด้วย
“ป้าไม่รู้ค่ะคุณหนู ป้าพาคุณหนูต้าร์ไปเข้าห้องน้ำ พอแกออกมาก็มีผู้หญิงบอกว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเกาะแขนมาด้วย แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลากตัวคุณหนูไป”
น้ำเสียงเครือสะอื้นเอ่ยบอก แม่บ้านใจเสียที่เดินตามหาแล้วไม่เจอตัวคุณหนู เธอร้องไห้แล้วกลับมานั่งที่เดิมรอให้คุณหนูเนสกลับมา
“เพื่อนผู้หญิงเหรอ ใคร” เนสกำมือแน่น ใจเสียไปแล้วที่น้องหายตัวไป
“พี่ว่าเราให้ประชาสัมพันธ์ประกาศตามหาดีกว่า เนสอย่าเพิ่งคิดมากนะ ใจเย็นๆ คุณป้านั่งรออยู่ตรงนี้นะครับ เพื่อน้องต้าร์กลับมาจะได้ไม่หลงกัน”
ว่าที่ทันตแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกคนรักแล้วสั่งความกับแม่บ้านก่อนจะจับมือบางให้เดินตามไป
“พี่หมอ น้องหายไปไหน ต้าร์หายไปไหน พี่หมอ” เนสร้องไห้ออกมาอย่างขวัญเสีย
“เนส ฟังพี่นะ ทำใจดีดี ตั้งสติดีดี ต้าร์ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวน้องก็กลับมา เชื่อพี่”
เนสส่ายหน้าแม้จะรู้ว่าคนรักต้องการปลอบโยนแต่ถ้อยคำนั้นก็คล้ายกับคำลวงที่แค่ต้องการให้เขาหยุดฟุ้งซ่านชั่วขณะ
“ผมจะไปหาน้อง พี่หมอปล่อยผม ผมจะไปตามหาน้อง”
เนสว่าพลางสะบัดมือออกจากการจับกุมแต่คนรักไม่ยอมปล่อยซ้ำยังบีบแน่น
“เนส อย่าเป็นอย่างนี้สิ พี่รู้ว่าเนสตกใจ แต่เราต้องมีสตินะ”
“น้องผมหายไปทั้งคน จะให้ผมใจเย็นอยู่ได้ยังไง!”
เนสตะคอกใส่คนรักด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ ทั้งตกใจที่น้องหายตัวไป ทั้งหวาดกลัวว่าน้องจะมีอันตราย
“เนส”
ร่างสูงเอ่ยเรียกเสียงนุ่มพลางดึงคนรักเข้ามากอดปลอบ ลูบไล้แผ่นหลังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง พร่ำบอกข้างหูให้คนรักวางใจว่าน้องชายจะต้องปลอดภัยและเขาจะช่วยตามหาให้เจอ เนสปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น ในใจหวาดกลัวไปต่างๆนาๆ ได้แต่โทษตัวเองว่าไม่น่าปล่อยให้น้องคลาดสายตา ไม่น่าเลยจริงๆ พอความคิดวิ่งวนกันยุ่ง ใบหน้าของอดีตเพื่อนทั้งสองคนก็ผุดขึ้นมาในความคิด เนสรีบผลักอกกว้างออกห่าง
“เนส เป็นอะไร”
“พี่หมอรีบไปบอกประชาสัมพันธ์ ผมจะโทรหาพวกมัน ต้องเป็นพวกมันแน่ๆที่พาต้าร์ไป”
“งั้นเนสรอพี่อยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน เข้าใจมั้ย”
เนสพยักหน้ารับ มองแผ่นหลังกว้างเดินหายไปกับกลุ่มคนแล้วก็หันกลับมาเปิดกระเป๋าล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์ของอดีตเพื่อนด้วยใจที่ร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง
“ไอ้เหี้ยควิน พวกมึงเอาน้องกูไปใช่มั้ย!”
------------------------------------------------------------------
ยังไม่จบตอนนี้
ยัดให้จบตอนนี้เลยไม่ได้
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอ่านกันอยู่
ตอนนี้คืออีกครึ่งนึงของตอน 43 นะคะ เพื่อคนอ่านลืมไปแล้ว
รวมหน้าเวิร์ดที่ปั่นสำหรับตอนนี้ก็เกือบ 15 หน้า
ยาวอลังการมาก เพราะเหตุนี้เลยไม่สามารถยัดให้จบในตอนนี้ได้
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ตอนหน้าอาจจะจบ (อาจจะ
)
คนอ่านคงเบื่อที่ต้องรอนาน เพราะคนแต่งหายหัวไปนานเหลือเกิน
ก็ไม่มีอะไรแก้ตัว ยอมรับผิดโดยดี เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา
ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับการติดตาม เจอกันตอนหน้าค่ะ