HEARTBREAKER
44
“กูถามว่าพวกมึงเอาต้าร์ไปใช่มั้ย! ไอ้สัด! ตอบกูมา!!”
ควินถือโทรศัพท์แนบหูนิ่งฟังเสียงตะคอกดังจากปลายสาย ยังไม่ได้เอ่ยตอบอะไรไปสักคำ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ในหัวประมวลถ้อยคำที่อดีตเพื่อนถามตนด้วยอารมณ์โทสะ จู่ๆอีกฝ่ายก็โทรมา หาว่าพวกเขาเอาน้องชายไป ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอไงที่ต้องการพาน้องชายหนีพวกเขา!
“ไอ้เหี้ยควิน! ต้าร์อยู่ไหน พวกมึงเอาน้องกูไปไว้ไหน!!”
“ต้าร์ไม่ได้อยู่กับพวกกู พวกกูไม่ได้เอาน้องมึงไป”
ควินตอบเสียงเย็น ปลายสายเงียบไปคล้ายกำลังครุ่นคิดแต่ไม่นานก็ตะคอกกลับมาอีก
“กูไม่เชื่อ! พวกมึงโกหก บอกมา เอาน้องกูไปไว้ไหน บอกกูมา!!”
“มึงตั้งใจพาต้าร์หนี พวกกูก็กำลังตามหามึงอยู่ ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง”
ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง ควินนิ่ง รอฟังว่าอีกฝ่ายจะโต้กลับมาหรือเปล่า แต่แล้วสัญญาณก็ตัดไป ชายหนุ่มรีบหันไปมองหน้าเพื่อนซี้ที่ยืนมองอยู่ตั้งแต่ตนรับสาย
“ต้าร์หายไป ไอ้เนสคิดว่ากูกับมึงเอาน้องมันไป”
“ว่าไงนะ ต้าร์หายไป” แซททวนคำเพื่อนเสียงตื่น
ควินหน้าเครียด จู่ๆเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เนสพาน้องหนี แต่กลับทำน้องหาย หรือมีใครพาต้าร์ไป ใคร?
“ศัตรูมึงมีใครบ้าง พวกมันรู้หรือเปล่าว่ามึงมายุ่งกับต้าร์”
ควินถามเพื่อนที่สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน
“มึงอย่าบอกนะว่าที่ต้าร์หายไปเพราะ…”
“ไม่ศัตรูมึงก็ของกู” ควินเอ่ยแทรกขึ้น
“พวกมันไม่น่าจะรู้” แซทว่าต่อ “มึงกับกูก็ไม่ได้พาต้าร์ไปเที่ยวสองต่อสองบ่อยๆ”
“ก็ไม่แน่” ควินบอกเสียงเข้ม เริ่มใจคอไม่ดีด้วยกลัวว่าคนสำคัญจะเป็นอันตราย
แซทหลับตาแน่นนิ่งคิดอยู่ครู่นึงก่อนลืมตาแล้วหันไปบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ถ้าจะมีใครสักคนเอาตัวต้าร์ไป ไอ้ฮาร์ฟก็น่าสงสัยที่สุด”
ควินเบิกตากว้างกับคำพูดเพื่อน สองมือกำแน่น ใช่…เขาลืมนึกถึงมันไปได้ยังไง ถ้าจะมีใครสักคนเอาตัวต้าร์ไปจริงๆ ไอ้สัดฮาร์ฟคือคนที่น่าสงสัยที่สุด!
**************************************************
“อื้อ…อื้อ…”
เสียงอึกอักในลำคอของคนที่พยายามดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งที่ข้อมือและที่ปาก นัยน์ตากลมสั่นไหวมองใบหน้าเรียวรูปไข่ของหญิงสาวข้างกายอย่างหวาดกลัวในการกระทำอุกอาจของเธอ ต้าร์คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่สนามบินตอนที่เจอกันหลังจากถูกอีกฝ่ายลากออกมา เขาพยายามเดินหนีกลับเข้าไปหาคุณป้าแม่บ้าน แต่เมเปิ้ลไม่ยอม ยื้อยุดกันอยู่สักพักจู่ๆเธอก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินผ่านมาพอดี เธอกล่าวหาว่าเขาเป็นคนบ้าสติไม่ดีซ้ำยังบอกว่าหนีออกมาจากโรงพยาบาล และเธอมาตามตัวเขากลับโรงพยาบาลในฐานะเพื่อนสนิท และทั้งๆที่เขาส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมบอกว่าไม่ใช่ รปภ.คนนั้นก็ไม่เชื่อ แล้วพอเธอบอกรปภ.ด้วยน้ำเสียงขอร้องพร้อมแสร้งบีบน้ำตาให้ช่วยโบกแท็กซี่และช่วยกันจับตัวเขายัดใส่รถได้สำเร็จ เธอก็ทำร้ายร่างกายเขาด้วยการจับหัวโขกกับประตูรถจนเจ็บทั้งยังมึนงงไปชั่วขณะ เธอก็อาศัยจังหวะนั้นถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมามัดมือ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากเขาไว้ โซเฟอร์แท็กซี่ทักท้วงขึ้นเธอก็เล่นละครตบตาไปอีกด้วยประโยคเดิมว่าเขาเป็นคนบ้าสติไม่ดีและเธอเป็นเพื่อนสนิทมาพาเขากลับไปส่งโรงพยาบาล โซเฟอร์แท็กซี่ก็เชื่อไม่ถามต่อ และจนถึงตอนนี้ที่รถยังแล่นอยู่ และเธอก็ยังแสยะยิ้มร้ายส่งมาให้เขาเป็นระยะ เพราะมือถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลังทำให้ไม่สามารถดิ้นหนีได้ ซ้ำปากยังถูกปิดไว้อีก ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้หญิงสาวทำตามความต้องการของเธอได้อย่างสะดวก
“ฮัลโหล ฉันเองเมเปิ้ล ยุ่งอยู่หรือเปล่า”
ต้าร์หยุดร้องมองหน้าหญิงสาวที่หันไปคุยโทรศัพท์ ในใจเต้นรัวด้วยความกลัว เมเปิ้ลจะทำอะไร เธอจะพาเขาไปไหน แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย หลากหลายคำถามวิ่งวนอยู่ในหัว
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่มีเด็กผู้ชายหน้าหวาน เพิ่งเรียนจบมอปลายมาหมาดๆ ตาโตๆ ตัวบางๆ ผิวขาวๆนั่งรถมาด้วย สนใจมั้ยล่ะ”
คนฟังเบิกตากว้าง ใจหายไปกับคำพูดของหญิงสาว และราวกับเธอจะรู้ว่าเขากำลังตกใจ เธอเลยหันมาแสยะยิ้มร้ายให้เขา
“ฉันอยู่บนแท็กซี่ แล้วนายอยู่ไหน ฉันจะไปหา โอเค แล้วเจอกัน”
ตกลงกับปลายสายเสร็จ หญิงสาวก็เก็บเครื่องมือสื่อสารแล้วหันไปบอกโซเฟอร์แท็กซี่ถึงจุดหมายปลายทางใหม่
“ไม่ไปโรงพยาบาลแล้วนะคะพี่ ไปลาดพร้าว101แทน”
ต้าร์ส่ายหน้า มองคนพูดด้วยสายตาตื่นกลัว เมเปิ้ลหันกลับมามอง เธอแสยะยิ้มแล้วโน้มหน้าเข้าใกล้คนที่มองอยู่ กระซิบบอกข้างหูให้คนฟังนิ่งอึ้ง
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำให้แกมีความสุขจนลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตเลยล่ะ”
**************************************************
ชายหนุ่มร่างสูงราวกับนายแบบเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในมือข้างนึงถือช่อดอกกุหลาบขาวจัดแต่งสวยงามสั่งมาเพื่อเยี่ยมคนป่วยโดยเฉพาะ ชายหนุ่มเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ โปรยยิ้มหล่อให้พยาบาลที่นั่งประจำอยู่ก่อนเอ่ยถาม
“ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมรุ่นน้อง เขาชื่อเนติพัทธ์ อัครกุล ไม่ทราบว่าพักอยู่ห้องไหน”
“รอสักครู่นะคะ”
พยาบาลสาวยิ้มบอกแล้วหันมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ คีย์หาชื่อข้อมูลคนป่วย
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณเนติพัทธ์ย้ายออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อวานก่อนแล้วค่ะ”
“ออกไปแล้วเหรอครับ”
คนฟังถามย้ำอย่างไม่เชื่อนัก แต่พยาบาลก็พยักหน้าตอบรับยืนยันมาอีก ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ หันหลังเดินออกจากโรงพยาบาลมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารออกมาดูชื่อคนโทรเข้าก่อนรับสาย
“มีไรวะ” ส่งเสียงทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ “ห๊ะ! มึงเจอมันเหรอ เจอที่ไหน เมื่อไหร่”
ชายหนุ่มถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงตื่นเมื่อปลายสายบอกว่าเจออดีตคู่ควงคนล่าสุดที่ถูกเขาสลัดทิ้งไปแล้ว
“ผู้ชาย…ใครวะ เออๆ กูจะรีบไป มึงเฝ้าไว้นะ แล้วเจอกัน”
จบบทสนทนาชายหนุ่มก็เก็บเครื่องมือสารแล้วรีบเดินไปที่รถยนต์คันหรูของตัวเอง ขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด นัยน์ตาคู่คมฉายแววกรุ่นโกรธ
“กลับมาอีกทำไม ไหนบอกว่าจะไปไกลๆไม่ให้กูเห็นหน้ามึงไง จะกลับมาให้กูรับผิดชอบเด็กในท้องเหรอ ฝันไปเถอะ! คนอย่างไอ้ฮาร์ฟไม่ยอมมาหมดอนาคตเพราะผู้หญิงขายตัวคนเดียวหรอกโว้ย ไม่มีทาง!”
**************************************************
“ลากมันเข้าไปสิ เร็วๆ”
เสียงห้วนของหญิงสาวเอ่ยสั่งเพื่อนชายสองคนให้ลากตัวร่างโปร่งบางเข้าไปในลิฟต์ และแม้อีกฝ่ายจะออกอาการต่อต้านด้วยการดิ้นรนขัดขืนแต่ก็สู้สองแรงของผู้ชายร่างสูงใหญ่กว่าไม่ได้ ท่อนแขนเรียวเล็กนั่นถูกสองมือใหญ่จับแน่นบังคับไม่ให้เจ้าของร่างออกแรงได้ถนัดจนเมื่อห้องโดยสารสี่เหลี่ยมเคลื่อนตัวขึ้นมาถึงชั้นที่พัก ประตูลิฟต์เลื่อนเปิด สองหนุ่มก็จับลากแขนเด็กหนุ่มหน้าหวานให้เดินตามออกไป
“ไปได้มาจากไหนวะเม”
ชายหนุ่มซึ่งเดินขนาบข้างด้านขวาของต้าร์เอ่ยถามเพื่อนสาวพลางส่งสายตาหื่นกระหายมองเด็กหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ได้มาจากไหนไม่สำคัญหรอกน่า พวกนายชอบหรือเปล่าล่ะ”
เมเปิ้ลถามกลับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยพราวระยับ
“ชอบสิ ขาวๆ ตัวบางๆ หน้าหวานๆแบบนี้ ของชอบพวกฉันอยู่แล้ว”
อีกหนึ่งหนุ่มเอ่ยตอบเพื่อน แลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทีกระหายยากในตัวเด็กหนุ่ม
“งั้นก็ดี รีบๆจัดการเข้า ของดีแบบนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ”
หญิงสาวเอ่ยเสริมให้เพื่อนตนรีบจัดการ เธออาสารับคีย์การ์ดมาเปิดห้องให้ ดันประตูเปิดทางให้เพื่อนพาร่างโปร่งบางเข้าไปในห้อง เธอแสยะยิ้มร้ายที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่เธอต้องการ หญิงสาวล็อคประตูแล้วเดินตามเพื่อนเข้าไป ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความสะใจที่จะได้เห็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตเธอต้องตกต่ำแบบนี้
“อื้อ…อื้อ…”
เสียงร้องพร้อมกับอาการดิ้นรนขัดขืนเมื่อถูกเหวี่ยงร่างไปนอนแผ่อยู่บนเตียงนอนนุ่ม นัยน์ตาคู่โตเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสที่พร้อมจะรินไหลออกมาได้ทุกเมื่อ ความหวาดกลัวแล่นลามทั่วร่างพานให้เลือดในกายแข็งค้าง ต้าร์คาดเดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจก็คือ เมเปิ้ลทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เธอต้องการอะไร ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ เพราะอะไร!
“มีกล้องวิดีโอหรือเปล่า”
จู่ๆหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องก็เอ่ยถามขึ้น เธอยิ้มหวานให้เพื่อนทั้งสองคนที่กำลังจัดการจับตรึงร่างที่ดิ้นหนีไม่ให้ออกแรงต่อต้านได้
“มี ถามทำไมวะ จะทำอะไร”
“ฉันขอถ่ายคลิปมันเก็บไว้ได้มั้ย ไม่ต้องห่วง ฉันจะถ่ายแค่มันคนเดียว”
สองหนุ่มหันหน้ากันอย่างชังใจก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนสาว
“ขอบใจ แล้วกล้องอยู่ไหน”
“ในตู้ ชั้นข้างบน”
ได้คำตอบแล้วหญิงสาวก็รีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า จัดการเปิดมันออก เขย่งปลายเท้าขวานมือเข้าไปหากล้องที่ว่าจนเจอ รอมยิ้มพึงใจพร่างพรายไปทั่วใบหน้า นัยน์ตาลุกวาว เดินกลับมาที่ข้างเตียงหญิงสาวก็เช็คอุปกรณ์ในมือว่าพร้อมใช้งานหรือเปล่า
“อย่าดิ้นสิวะ ดิ้นไปก็หนีไม่รอดหรอก อยู่เฉยๆ”
ต้าร์ร้องอื้ออึ้งในลำคอพลางดิ้นพล่านอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสู้แรงพวกมันไม่ได้
“แกะผ้าออกจากปากมันสิ ไม่อยากได้ยินเสียงตอนมันครางหรือไง”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มหวานหยด หากแววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามปนสมใจเมื่อมองไปที่เหยื่อตรงหน้า
“เออ มึงแกะดิ กูอยากได้ยินเสียงมัน”
พอผ้าเลื่อนหลุดออกจากปาก คำแรกที่เอ่ยออกจากปากบางกลับไม่ใช่คำขอร้องวิงวอน แต่เป็นคำถามที่ส่งตรงถึงหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องนี้
“ทำแบบนี้ทำไม”
คนถูกถามยิ้มเหยียด จ้องมองแววตาตัดพ้ออย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ฉันพอใจ จะโทษฉันไม่ได้นะ ในเมื่อแกมันโง่เอง!”
น้ำตาใสไหลออกจากนัยน์ตากลมโต ต้าร์สะอื้นไห้จนตัวสั่นเทา สองมือที่ถูกจับตรึงไว้เหนือศีรษะออกแรงดิ้นรนขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มเม้มปากเน้นจนเป็นเส้นตรง
“ร้องไห้แล้ว โธ่ เด็กน้อยอย่าร้องนะครับ”
คนที่ขึ้นคร่อมตัวเอ่ยปลอบพลางยิ้มหื่น สองมือลูบไล้เนื้อตัวคนใต้ร่างด้วยแรงปรารถนา
“เราทำอะไรให้เมไม่พอใจ ทั้งๆที่ผ่านมา เราช่วยเมมาตลอด แล้วทำไม…”
“เพราะแกทำลายชีวิตฉันไง เพราะแก! ถ้าไม่มีแก พวกมันก็ไม่เขี่ยฉันทิ้ง ถ้าไม่มีแกสักคน!”
ต้าร์เบิกตากว้างกับถ้อยคำของหญิงสาวที่กล่าวหาว่าเขาเป็นคนทำลายชีวิตเธอ เด็กหนุ่มตัวสั่นเพราะแรงสะอื้น ในหัวคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ได้พบกับพวกเขา เพื่อนพี่ชายทั้งสองคนนั้น และความสัมพันธ์กับหญิงสาวตรงหน้า
“ฉลาดขึ้นมาบ้างรึยัง ห๊ะ! ที่ชีวิตฉันต้องตกต่ำแบบนี้ก็เพราะแก ได้ยินมั้ยว่าที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะแก! ฉันเกลียดแก!!ฉันเกลียดแก!!!"
หญิงสาวแผดเสียงดังลั่นราวกับคนเสียสติ มือที่ถือกล้องถ่ายวิดีโอสั่นระริก นัยน์ตาแดงก่ำตวัดมอง
เพื่อนชายสองคนที่จับยึดแขนขาวของเหยื่อหน้าหวานไม่ให้ดิ้นรนขัดขืน ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มร้ายก่อนที่นิ้วเรียวจะกดปุ่มอัดคลิปวิดีโอให้เริ่มทำการบันทึกภาพ
“พวกนายรออะไรอยู่ล่ะ เอาเลยสิ รีบจัดการมันเลย"
น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยบอกเพื่อนชายทั้งสอง ใบหน้าแสดงออกถึงความสะใจที่จะได้เห็นเหยื่อตกอยู่ในสภาพตายทั้งเป็น!
“เมเปิ้ล ทำไม...ทำไมเธอถึงใจร้ายอย่างนี้"
ต้าร์ถามเสียงแผ่วอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ใบหน้าหวานอาบไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย กลัวจนตัวสั่นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงตรงหน้าจะทำร้ายกันได้ลงคอ ทั้งๆที่ผ่านมาเขาทำดีกับเธอมาตลอด แต่สุดท้ายเธอก็กลับมาทำร้ายกันอย่างโหดร้ายที่สุด!
“มึงแน่ใจนะว่าเป็นมัน”
ฮาร์ฟถามเพื่อนที่โทรไปบอกเขาว่าเจอเมเปิ้ลอยู่ที่คอนโดฯนี้ ในมือชายหนุ่มคีบมวนบุหรี่ที่จุดสูบไปได้นิดหน่อย
“เออ แน่สิวะ กูเห็นมันลงมาจากแท็กซี่กับผู้ชายหน้าหวานคนนึง แต่ไอ้นั่นถูกมัดมือมัดปากไว้”
“ถูกมัดเหรอ” ฮาร์ฟว่าทวนอย่างสงสัย ระบายลมหายใจพร้อมควันพิษออกมาทางปาก
“เออ เหมือนไอ้นั่นถูกบังคับมา ก็แม่งถูกมัดขนาดนั้นคงเต็มใจมาด้วยหรอก”
“มึงบอกว่าผู้ชายคนนั้นหน้าหวานเหรอวะ”
“เออ หน้าหวาน ผิวขาวโคตรอ่ะมึง ขาวแบบเหี้ยๆ ตัวบางๆอ่ะ ตาโตด้วย กูเห็นตอนแรกแม่งนึกว่าทอม”
ฮาร์ฟหันขวับ มองหน้าเพื่อนนิ่งก่อนทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้น ในใจกระหวัดคิดถึงเด็กหนุ่มหน้าหวาน หรือจะเป็นเด็กคนนั้นจริงๆ ถ้าใช่…
“มันขึ้นไปห้องไหน มึงรู้มั้ย”
“ไม่รู้โว้ย มึงบอกให้กูเฝ้าอยู่ กูก็เฝ้าอยู่ข้างล่าง”
“มึงเข้าไปกับกู”
ฮาร์ฟสั่งเพื่อนพลางเดินนำเข้าไปในคอนโดฯ พอเข้ามาได้ก็เดินดุ่มๆตรงไปที่ลิฟต์ รปภ.เห็นว่าท่าทางสองหนุ่มมีพิรุธก็รีบเดินปรี่เข้ามาถาม
“คุณ พักอยู่ที่นี่เหรอครับ”
“ผมมาตามหาน้อง น้องผมถูกลักพาตัวมาที่นี่ คุณเห็นผู้หญิงพาผู้ชายผิวขาวๆถูกมัดมือมัดปากเข้ามาหรือเปล่า”
รปภ.คิ้วขมวดอย่างไม่แน่ใจ
“มีอะไรให้ดิฉันช่วยมั้ยค่ะ” รีเซฟชั่นสาวเดินเข้ามาถามไถ่
“ผมมาตามหาน้อง เขาถูกลักพาตัวมาที่นี่ เด็กผู้ชายตัวผอมๆ ผิวขาวๆ มากับผู้หญิง คุณเห็นหรือเปล่า”
ฮาร์ฟถามด้วยใบหน้าเครียด รีเซฟชั่นนิ่งคิดไปครู่ร้องอ๋อออกมาอย่างนึกขึ้นได้
“เห็นค่ะ ดิฉันเห็นผู้หญิงสวยๆคนนึงเข้ามากับผู้ชายตัวบางๆหน้าขาวๆ แต่ผู้ชายเหมือนไม่เต็มใจมาด้วย รู้สึกเหมือนจะถูกปิดปาก
ไว้ด้วยค่ะ แต่พอดิฉันมอง เธอก็หันมายิ้มให้แล้วบอกว่าแค่แกล้งกันเล่น”
“แล้วรู้มั้ยว่าผู้หญิงคนขึ้นไปชั้นไหน” ฮาร์ฟรีบถามทันที
“เอ่อ…เธอขึ้นไปพร้อมกับผู้ชายอีกสองคนค่ะ พวกเขาพักอยู่ที่นี่ ฉันจำชื่อพวกเขาได้ เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเช็คให้” รีเซฟชั่นบอกอย่างสุภาพก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์จัดการเรื่องให้
ฮาร์ฟยืนรอด้วยความร้อนใจ กลัวว่าจะขึ้นไปช่วยเด็กหนุ่มไม่ทัน รู้ดีว่าที่เมเปิ้ลทำอย่างนี้เพื่อต้องการแก้แค้น และเขาจะไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จเด็ดขาด เด็กคนนั้นต้องเป็นของเขา!
**************************************************
รถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงแล่นด้วยความเร็วตามอารมณ์คนขับที่ไม่คงที่นักหลังจากได้รับรายงานจากลูกน้องว่าเจอศัตรูคู่อาฆาตขับรถไปแถวย่านลาดพร้าว เจ้าของรถหรูขับเร่งเครื่องยนต์ขึ้นแซงรถคันอื่นอย่างชำนาญ คนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ถือโทรศัพท์แนบหูสั่งงานกับลูกน้องของตนด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน
“ถ้าไอ้เหี้ยฮาร์ฟทำอะไรต้าร์ กูเอามันตายแน่”
แซทหันมาบอกเพื่อนด้วยสายตาแข็งกร้าวหลังจากวางสายจากลูกน้อง
“ไม่ต้องให้ถึงมือมึงหรอก กูจะฆ่ามันเอง”
ควินตอบกลับเสียงห้วน นัยน์ตาลุกโชนไปด้วยโทสะ ไอ้ฮาร์ฟไม่เคยคิดจะเลิกรังควานชีวิตเขาจริงๆ ในใจมันคงแค้นเขาแทบกระอักเลือดมาตลอดหลายสิบปีนี้ เขาเหยียดหยามมันว่าเป็นลูกเมียน้อย กดมันให้อยู่ต่ำฐานะกว่าเขา พร่ำบอกให้มันเจียมตัวว่าอย่าคิดใฝ่สูงมาเทียบกับเขาได้ ใช่…มันแค้น เขารู้ดี มันรอแก้แค้นเขาอยู่ทุกลมหายใจ!
แต่มันจะไม่มีทางทำสำเร็จ ไม่มีทาง!!!
**************************************************
“ฮึก! อย่า…ออกไป…ฮือ…”
ต้าร์ร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่คร่อมตัวอยู่ เสื้อผ้าที่ติดตัวตอนนี้เหลือแค่ชั้นในตัวเดียวและคนชั่วก็กำลังจะดึงมันออกไป
“ไม่เอาน่า อย่างร้องสิครับ เรากำลังมีความสุขกันนะ เด็กดี”
คำปลอบโยนมาพร้อมกับฝ่ามือร้อนนาบกับผิวขาวเนียนละเอียดที่หน้าท้อง คนถูกสัมผัสสะดุ้งเฮือกเบิกตากว้างพร้อมออกแรงดิ้นพล่านแม้มือทั้งสองข้างจะถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มอีกคนจับกดแนบจนจมฝูกนุ่ม
“ไม่…อย่านะ…อย่า…ฮึก!”
ต้าร์ส่ายหน้าแรงเมื่อรับรู้ได้ว่าชั้นในถูกดึงออกไปพ้นขาแล้ว สัมผัสหยาบโลนตามมาที่ต้นขาด้านใน สองขาถูกจับแยกออกกว้าง ตามาด้วยเจลหล่อลื่นที่ถูกนิ้วเรียวยาวทว่าร้อนรุ่มป้ายมาไว้ที่ช่องทางด้านหลัง ต้าร์สะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ เบิกตากว้างอย่างตระหนก หวาดกลัวจนตัวเกร็ง
“อยุด…หยุด…อย่าทำ…อย่าทำ!”
ต้าร์ร้องลั่น เป็นอีกครั้งที่รู้สึกหวาดกลัวที่สุดในชีวิต ภาพเหตุการณ์ที่ถูกเพื่อนพี่ชายข่มเหงรังแกในห้องของตัวเองฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิด เสียงร้องไห้คร่ำครวญและเสียงวอนขอแหบพร่าในคืนวันนั้นยังฝังอยู่ในความทรงจำ ต้าร์หอบหายใจแรงดิ้นสู้จนวินาทีสุดท้าย ในใจร้องเรียกหาพี่ชายพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาอาบแก้ม
“มึงจับมันไว้ดี กูจะเข้าไปแล้ว”
คนคร่อมอยู่เบื้องบนเอ่ยสั่งเพื่อนที่จับตรึงข้อมือเล็กให้อยู่นิ่งเมื่อตนจัดการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสร็จ
“เออ มึงก็รีบๆสิวะ”
ต้าร์ฟังบทสนทนาของคนชั่วด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน นัยน์ตาบวมช้ำรื้นไปด้วยน้ำตาตวัดมองหญิงสาวที่ถือกล้องวิดีโอบันทึกภาพไว้อยู่ข้างเตียงอย่างชิงชัง
“ไม่ต้องมามองหน้าฉันด้วยสายตาแบบนั้น! แกมันโง่เอง!”
เมเปิ้ลตวาดกร้าวก่อนยิ้มเหยียด เธอมองดูภาพเคลื่อนไหวผ่านหน้าจอของกล้องวิดีโอที่กำลังทำกานบันทึกภาพสดๆอยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกคล้ายได้รับชัยชนะมันสั่งให้เธอยิ้ม ยิ้มกว้างด้วยความสะใจ!
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงดังมาจากหน้าห้องทำให้คนที่กำลังขยับตัวถูไถแก่นกายกับช่องทางด้านหลังของเหยื่อใต้ร่างชะงัก หันไปมองด้วยความตกใจ
“เสียงอะไรวะ”
“เม เดินไปดูดิ ใครทำอะไรเสียงดังวะ แม่งเอ้ย!”
คนถูกสั่งเม้มปากแน่น สัญญาณเตือนภัยร้องบอกให้เธอรีบหนีไปแต่ขาสองขากลับก้าวเดินออกจากห้องอย่างช้าๆพร้อมบอกย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปัง! ปัง!
เสียงดังขึ้นอีกที่หน้าประตู เมเปิ้ลสะดุ้งเฮือก หยุดชะงักขา มือที่ถือกล้องวิดีโอสั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เหี้ยเอ้ย! มันสลบไปแล้ว”
เสียงร้องจากในห้องดังออกมาให้เธอได้ยิน หญิงสาวเตรียมหมุนตัวเดินกลับเข้าไปดูในห้อง แต่เสียงเปิดประตูดังทำให้เลือดในกายเธอแข็งค้างพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงเมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นเคยดังอยู่เบื้องหลัง
“เมเปิ้ล!”
แรงกระชากรวดเร็วจู่โจมจนหญิงสาวที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวปลิวไปตามแรง นัยน์ตากลมเบิกกว้างเมื่อมองสบกับสายตาคมดุดันของเขา ผู้ชายที่ไล่ให้เธอออกไปจากชีวิตพร้อมข่มขู่ให้เธอไปทำแท้งจนเธอต้องหนีหัวซุกหัวซนด้วยกลัวว่าเขาจะสั่งให้คนมาทำร้าย
“ฮาร์ฟ”
“เออ! กูเอง มึงจะทำอะไร ห๊ะ! กูถามว่ามึงจะทำอะไร มึงจับตัวต้าร์มาทำไม!”
ชายหนุ่มตะคอกพลางเขย่าแขนเธอจนตัวสั่น เสียงตึงตังดังมาจากในห้อง ฮาร์ฟตวัดสายตาไปมองก็เห็นผู้ชายสองคนวิ่งออกมาในห้องด้วยสภาพที่ยังแต่งกายไม่เรียบร้อยนัก
“พวกมึง!”
“กูเปล่านะ กูยังไม่ได้ทำอะไรมัน ยังไม่ได้ทำ”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องพักบอกเสียงสั่นพลางตั้งท่าจะวิ่งหนีออกนอกห้อง แต่ถูกเพื่อนของฮาร์ฟยืนขวางทางไว้ หมัดหนักๆซัดโครมเข้าที่ใบหน้าจนทรุดฮวบลงกับนอนกองกับพื้น ชายหนุ่มอีกคนเห็นเพื่อนโดนทำร้ายก็ตั้งท่าจะวิ่งเข้าห้องแต่ก็ไม่ทัน เพราะฮาร์ฟกระโจนเข้าใส่พร้อมเหวี่ยงหมัดเข้าที่สันกรามจนเลือดกบปากหมอบตัวเพื่อนไปอีกคน
“กรี๊ด!!!”
เมเปิ้ลแผดเสียงดังลั่นห้องจนความชลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นต้องหยุดลงเพราะเสียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติของเธอ
“แก! ไอ้สัดนรก! ฉันจะฆ่าแก!!!”
หญิงสาวยกนิ้วชี้หน้าฮาร์ฟที่มองเธอด้วยความตกตะลึง เธอวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมเงื้อมือเตรียมจะฟาดเข้าใส่ใบหน้าหากแต่ชายหนุ่มตั้งรับได้ทัน เขาจับแขนเธอแล้วผลักออก ด้วยแรงผู้ชายที่มีมากกว่าทำให้เธอเสียหลังจนล้มลงไปกระแทกกับกำแพงห้อง
“คิดจะทำร้ายร่างกายกูเหรอ”
ฮาร์ฟถามเสียงเข้ม เดินย่างสามขุมเข้าหาหญิงสาว
“กูจะฆ่ามึง! มึงทำลายชีวิตกู ไอ้เหี้ย!!!”
หญิงสาวรวบรวมแรงกำลังลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกแรงทำร้ายชายหนุ่มตรงหน้า อีกฝ่ายก็ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าเธออย่างแรงจนล้มลงไปอีกรอบ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เธอมึนงงไปชั่วขณะ
“โง่!”
ฮาร์ฟด่าพลางแสยะยิ้มร้ายแล้วเดินเข้าห้องไป ชายหนุ่มหยุดชะงักอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นร่างแบบบางของเด็กหนุ่มนอนสลบอยู่ด้วยสภาพที่เปลือยเปล่า แม้จะตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่ชายหนุ่มก็รีบตั้งสติและอารมณ์ของตัวเองที่พลุ่งพล่านขึ้นมา สองมือหยิบเสื้อและกางเกงและชั้นในที่ตกอยู่ข้างเตียงมาใส่ให้คนที่นอนหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว เสร็จแล้วก็เตรียมจะอุ้มขึ้นแต่เสียงจากข้างหลังดึงรั้งไว้
“คิดว่ากูจะยอมให้มึงเอามันไปง่ายๆเหรอ!”
ฮาร์ฟหันไปมอง ชายหนุ่มผละจากคนหมดสติเดินมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอคงเสียสติไปแล้ว
“ออกไป! ก่อนที่กูจะทนไม่ไหวแล้วบีบคอมึงตายตรงนี้!!!”
ชายหนุ่มแผดเสียงดังใส่อย่างข่มขู่ให้เธอกลัวแล้วรีบหนีไป แต่ทว่าหญิงสาวกลับเชิดหน้าแล้วทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าเอจะกล้าทำ!
“โอ้ย!”
ฮาร์ฟร้องลั่นอย่างเจ็บปวดที่ถูกหญิงสาวขว้างกล้องวิดีโอใส่หัว เลือดไหลหยดออกมาผ่านตา ชายหนุ่มกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียง นัยน์ตาคมดุตวัดมองคนทำแล้วตรงเข้ากระชากผมเธออย่างแรง
“กรี๊ด!!! ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!!”
ฮาร์ฟไม่ฟังเสียงกรีดร้องโวยวายของเธอ ชายหนุ่มใช้สองมือใหญ่บีบเข้าที่ลำคอหญิงสาวด้วยท่าทางโหดเหี้ยม เสียงสำลักไอจากเจ้าของร่างพร้อมน้ำตาที่ไหลรินไม่ได้ทำให้เขาสงสารหรือเห็นใจแต่กลับออกแรงบีบมากขึ้นจนตาเธอเลือกขึ้นอย่างทรมานคล้ายคนกำลังหมดลมหายใจ
“เฮ้ย! ไอ้ฮาร์ฟ ทำบ้าอะไรวะ เดี๋ยวมันก็ตายจริงๆหรอก!”
เสียงร้องบอกพร้อมแรงดึงกระชากทำให้ฮาร์ฟได้สติ ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากคอหญิงสาวจนเธอทรุดฮวบไปกองกับพื้นหอบหายใจแรงพร้อมสำลักอากาศออกมาและเธอก็สลบไปหลังจากนั้น
“มึงลงไปสตาร์ทรถรอกูข้างล่าง”
ฮาร์ฟสั่งเพื่อนพร้อมยื่นกุญแจรถให้ ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนบนเตียงที่ยังไม่รู้สึกตัว ช้อนร่างอ่อนปวกเปียกเข้าสู่อ้อมแขนอุ้มขึ้นมาและพาเดินออกจากห้อง
“อย่าโทรแจ้งตำรวจ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง ส่วนผู้หญิงคนนั้นรบกวนช่วยพาเธอออกไปจากห้องนี้ ไปทิ้งไว้ที่หน้าคอนโดก็ได้ แล้วผมจะกลับมาจัดการ”
ฮาร์ฟสั่งความกับรีเซฟชั่นสาวที่ยืนหน้าซีดอยู่หน้าห้องด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เธอก็พยักหน้ารับคำ
เสียงรถติดเครื่องยนต์กำลังทำงาน ฮาร์ฟอุ้มร่างไร้สติเข้าไปวางไว้บนเบาะข้างคนขับก่อนปิดประตูแล้วหันไปคุยกับเพื่อน
“มึงรีบกลับบ้านไป ที่เหลือกูเคลียร์เอง”
“เออ ให้กูช่วยแค่นี้ใช่มั้ย”
“เออ ขอบใจมึงมาก”
ฮาร์ฟมองเพื่อนเดินหายไปทางลานจอดรถแล้วก็รีบขึ้นรถตัวเอง จังหวะที่ชายหนุ่มเงยมองกระจกหลัง รถสปอร์ตคันคุ้นตากูแล่นเข้ามาในระดับสายตา นัยน์ตาคมเบิกว้างพร้อมกับที่อาการตื่นกลัว ชายหนุ่มรีบขับรถออกไปด้วยความเร็วทันที
“เหี้ยเอ้ย! ตามมาทันได้ไงวะ เร็วฉิบหาย!”
ฮาร์ฟสบถอย่างหงุดหงิดที่ถูกศัตรูตามมาทันซ้ำมันยังขับรถไล่จี้เขาตามมาติดๆด้วย!
“มึงจะหนีไปไหนไอ้สัดฮาร์ฟ!!!”
ควินตะโกนลั่นรถขณะเร่งเครื่องยนต์ขับแซงรถคันอื่นเพื่อไล่ตามรถคันเป้าหมายให้ทัน
“ต้าร์อยู่ในรถแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่ลนลานรีบขับหนีมึงหรอก”
แซทว่าขึ้น ชายหนุ่มนั่งไม่ติดเบาะ นัยน์ตาคมดุมองรถคันเป้าหมายอย่างโกรธแค้น ควินไม่ตอบแต่เหยียบคันเร่งพารถขับแซงขึ้นไปจนเทียบกับรถศัตรูได้สำเร็จ ชายหนุ่มกระแทกแตรดังลั่นพลางเลื่อนกระจกลง
“ไอ้ฮาร์ฟ! จอดรถ! กูบอกให้มึงจอดรถ!!!” ควินตะโกนสั่งพลางกระแทกแตรรถดังลั่นท้องถนน
“ไอ้เหี้ย!” ฮาร์ฟสบถด่าพลางเร่งเครื่องหนี ชายหนุ่มเหลือบมองคนข้างตัวที่ยังนอนนิ่งไม่ได้สติ
“เรื่องอะไรกูจะปล่อยต้าร์ไปให้มึง ไม่มีทาง!”
-------------------------------------------------------
เพื่อใครเข้าใจผิด นี่คือนิยาย Y แนวรักใสๆนะคะ
ย้ำให้คนอ่านเข้าใจว่านี่คือนิยาย Y ไม่ใช่นิยายบู๊
(คนอ่านบอก แนวใสๆบ้านแกสิ ดราม่าแม่งทั้งเรื่อง)