HEARTBREAKER
48
(30%)
ผมเดินเข้าบ้านไปด้วยความรู้สึกผิด หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรในสิ่งนี้ เป็นผมเองต่างหากที่พูดจาทำร้ายจิตใจพวกเขา ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินมาถึงห้องรับแขกก็ไม่เห็นมีใครอยู่ อังเดรเดินนำไปต่อ ผมเดินตามเขาจนมาถึงห้องอาหาร ประตูบานใหญ่ที่ปิดไว้ถูกอังเดรเคาะพอเป็นพิธีแล้วค่อยเปิดออก ผมมองเข้าไปด้านใน เห็นพวกเขานั่งนิ่งอยู่ราวกับกำลังใช้ความคิด แต่พอหันมาเจอผม พวกเขาก็พร้อมใจกันเบือนหน้าหนี ผมเม้มปากแล้วเดินเข้าไป อังเดรเดินตามมาเลื่อนเก้าอี้ให้ ผมยิ้มขอบคุณเขานั่งลงตรงข้ามพี่แซท มองเยื้องไปทางขวามือที่พี่ควินนั่งอยู่ ความเงียบบนโต๊ะอาหารทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหยิบช้อนส้อมบนจานข้าว อาหารมากมายบนโต๊ะดูน่ารับประทาน แต่บรรยากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย
“เอ่อ…ผม…”
“กินข้าว”
พี่ควินพูดขัดขึ้นโดยไม่หันมามองผม เขาลงมือทานข้าวเงียบๆ พี่แซทก็เช่นกัน ผมระบายลมหายใจยาวก่อนลงมือทานตามพวกเขาท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด ข้าวพร่องไปได้ครึ่งจานผมก็รู้สึกอิ่ม เงยหน้าไปมองก็เห็นว่าพวกเขาทานเสร็จแล้ว ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพอดีกับที่พวกเขาพร้อมใจกันลุกขึ้นแล้วเดินตามกันออกไป ผมรู้ว่าพวกเขาไม่พอใจที่ผมพูดทำร้ายน้ำใจพวกเขาแบบนั้น แต่พวกเขาจะไม่ยอมฟังคำขอโทษหน่อยเหรอ ผมเองก็รู้สึกผิดที่พูดจาแบบนั้นออกไป ยิ่งเห็นท่าทีมึนตึงของพวกเขาผมก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลุกขึ้น อังเดรยืนส่งยิ้มให้อยู่ที่หน้าประตูแต่ผมกลับยิ้มไม่ออก
“คิดว่าพวกเขาจะหายโกรธผมมั้ย” ผมเดินไปหยุดถามอังเดรอย่างไม่มั่นใจ
“หายสิครับ บอสกับคุณควินรักคุณหนู”
“ย้ำจังเลยนะไอ้คำว่ารักเนี่ย”
ผมว่าเสียงขุ่น เดินหนีอังเดรไปตามหาพวกเขา เดินมาถึงห้องรับแขกผมค่อยยิ้มออกเพราะเจอพวกเขานั่งอยู่ที่โซฟา
“พี่ครับ”
ผมเรียก พวกเขาหันมามองด้วยท่าทีนิ่งๆ ผมเม้มปากแน่นอย่างประหม่า คิดเรียบเรียงถ้อยคำว่าจะบอกกับพวกเขายังไงดี
“ผม…เอ่อ…พี่แซทครับ ผม…”
"มึงไม่ผิดหรอก มึงไม่เคยทำอะไรผิด มีแต่กูที่ผิด ทำผิดกับมึงมาตลอด"
น้ำเสียงราบเรียบของเขาทำให้ผมที่ตั้งใจจะเดินเข้าไปหาเพื่อบอกขอโทษ หยุดชะงักที่หน้าโซฟา พอผมหันไปมองอีกคน เขาก็มองผมนิ่ง แต่คำพูดที่ออกจากปากเขาทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
"มึงทำให้กูเข้าใจความหมายของคำว่า คนไม่ใช่ ทำอะไรแม่งก็ผิดฉิบหายเลย"
ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ความตั้งใจของผมคล้ายถูกตัดรอนจากถ้อยคำประชดประชันของพวกเขา
“อังเดร! เตรียมรถ”
พี่แซทตะโกนบอก เขาลุกขึ้น นัยน์ตาคมมองสบตาผมแวบนึงก็หันหนี พอผมหันไปมองพี่ควิน เขาก็เอาแต่นั่งนิ่งมองไปทางอื่น ผมหลับตาสูดลมเข้าลึกๆเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ยังไงก็ต้องขอโทษ เพราะมันเป็นความผิดของผมจริงๆ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ยอมฟังก็ตาม
“ขอโทษครับ” ผมบอกแล้วลืมตามองพวกเขา
“กูบอกแล้วไง มึงไม่ได้ทำอะไรผิด จะขอโทษทำไม”
พี่แซทบอกเสียงเรียบ ครั้งนี้เขายอมสบตาผม
“ผมผิดครับ ผมรู้ตัวว่าผมผิด” ผมบอกเสียงหนักแน่นพลางเดินเข้าไปหาพวกเขา
“รีบกลับ เดี๋ยวรถติด”
พี่ควินบอกปัดเขาลุกขึ้นแล้วผลักไหล่พี่แซทไปทีนึง จังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่าน ผมก็ยื่นมือออกไปคว้าแขนเขาจับยึดไว้แน่นไม่ให้เขาเดินไป
“ผมขอโทษ หายโกรธนะครับ” ผมบอกเสียงอ้อน ขยับไปยืนชิด
“กูไม่ได้โกรธ”
“แต่พี่ก็ไม่พอใจ”
ผมว่าต่อ มองเขาด้วยสายตาจับผิด พอเขาเงียบ ผมก็เขย่าแขนกระตุ้น ผมจับแขนเขาเขย่าอยู่อย่างนั้นจนเขาเผลอกระตุกยิ้มกับท่าทางของผมแวบนึงก็รีบกลับไปนิ่งขรึมตามเดิม ผมอมยิ้ม หลุดมาดให้ผมจับได้ขนาดนี้แล้วยังทำเป็นเก็กอีก
“จะกลับมั้ยบ้าน”
พี่แซทพูดขึ้นเสียงเข้ม ผมยู่ปาก มองค้อนเขา ผมปล่อยแขนพี่ควินแล้วเดินเข้าไปหาพี่แซท หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาก่อนโถมตัวกอด เขาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซถอยหลังเล็กน้อยแต่ยังทรงตัวได้
“อย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมขอโทษ” ผมบอกแนบอกกว้าง
“กอดกูแบบนี้ มึงอยากเสียตัวเหรอ”
ผมรีบผละออกทันทีแต่ยังช้ากว่ามือหนาที่ยื่นออกมาคว้าเอวผมรวบไว้แน่น ผมไม่ได้ดิ้นแต่อยู่นิ่งให้เขากอด ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ ผมหลับตาแน่น สัมผัสอุ่นๆที่ซอกคอบอกให้รู้ว่าเขากำลังซุกไซร้มันอยู่ ผมลืมตาขึ้น ยิ้มขำกับมือหนาที่สอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้เอวผมอย่างมันมือ
“นี่มันห้องรับแขกนะครับ” ผมพูดขึ้น
“แล้วไง”
พี่แซทสวนกลับ เขาผละใบหน้าออกไปแต่มือกลับไล่ลงไปลูบที่สะโพกผม
“ผมก็อายเป็นนะครับ ถ้าเราจะมีเซ็กซ์กันตรงนี้”
มือหนาหยุดลูบทันที นัยน์ตาคมจ้องตาผมนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หมายความถ้าเป็นในห้อง มึงจะไม่อายใช่มั้ย”
ผมยังไม่ทันได้ตอบ พี่ควินที่คงยืนมองอยู่นานก็เขามาผลักไหล่พี่แซทออกไป
“หยุดเกรียนเลยมึง กูจะพาต้าร์กลับบ้าน”
พี่ควินว่าเสียงเข้มแล้วโอบไหล่ผมไว้ พี่แซทมองหน้าเพื่อนด้วยสายตานิ่งๆแล้วหันมามองผม
“ถึงบ้านเมื่อไหร่ อย่าหวังว่าจะรอด”
เสียงเข้มบอกก่อนจะเดินผ่านผมไป ได้ยินเสียงเขาผิวปากอย่างอารมณ์ดี พอหายโกรธความหื่นก็กลับคืนมาเร็วเชียวนะ!
“ไปยั่วมันทำไม”
“ผมเปล่านะ!”
ผมร้องเสียงหลงกับคำกล่าวหาของพี่ควิน ไหงมาว่าผมแบบนี้ล่ะ?
“มึงยั่วมัน”
“ผมไม่ได้ยั่วนะ พี่ควินอย่ามาใส่ร้ายผมสิ”
“ไม่ได้ยั่วแล้วไปกอดมันทำไม”
“ผมก็แค่อยากให้พี่แซทหายโกรธเร็วๆ”
“ทีกูทำไมมึงไม่กอด”
อ้าว…ผมผิดงั้นสิ
“มึงมัน…”
ผมจ้องพี่ควินเขม็ง ลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่เขากลับเงียบ ยื่นมือมาบีบจมูกผมแป็ปนึงก็ปล่อย มือหนาผละออกจากไหล่มากุมมือผมไว้แทน จังหวะที่เขาจะก้าวขาเป็นสัญญาณบอกให้ผมเดินตาม ผมก็โผเข้าไปกอดเขาไว้
“หายโกรธผมหรือยังครับ”
“กูไม่ได้โกรธ”
“ถ้าไม่โกรธแล้วตอนทานข้าวทำไมพี่ไม่พูดกับผม”
ผมเงยหน้าจากอกกว้าง มองสบนัยน์ตาคมนิ่งอย่างรอฟังคำตอบ
“ให้กูน้อยใจมึงบ้างได้มั้ยล่ะ”
ผมอึ้งกับคำตอบตรงๆของเขา สรุปว่าทั้งหมดนี่ผมเข้าใจผิดไปเองเหรอว่าพวกเขาโกรธ ความจริงแล้วพวกเขาแค่น้อยใจผม
“ต่อให้กูโกรธมึงจริง แค่มึงยิ้ม กูก็หายโกรธแล้ว”
จู่ๆผมก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและไม่กล้ามองสบสายตาคม ไม่อยากยอมรับว่าผมเขินกับคำพูดเขา แต่ช่างเถอะ ขนาดเขายังบอกตรงๆเลยว่าน้อยใจ แล้วทำไมผมจะเขินเขาบ้างไม่ได้
ขึ้นรถมาได้ผมก็จดจ่อแต่กับโทรศัพท์ เอาแต่เล่นเกมไม่ได้สนใจคนที่นั่งขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา แม้สัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่กำลงลูบไล้หน้าขาผ่านกางเกงยีนของผมจะรบกวนสมาธิ แต่ผมก็ยังนิ่งปล่อยให้เขาลูบ ตอนนี้อยู่บนรถพวกเขาก็ทำได้แค่นี้แหละ เพราะยังมีอังเดรกับอะดอนิสอยู่ด้วย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก
“หยุดเล่นได้แล้ว”
ผมกดพอสเกมไว้แล้วหันไปมองคนสั่ง พี่แซทตีหน้านิ่งขรึมใส่ เขาดึงโทรศัพท์ในมือผมไป
“เอาคืนมา ผมยังเล่นไม่จบเลย”
ผมบอกพลางยื่นมือไปจะแย่งกลับคืนมาแต่เขาก็ยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงยีนแล้วยักคิ้วให้ผมอย่างกวนอารมณ์
“คนบ้า”
ผมว่าเขาแล้วเมินหน้าไปทางอื่น พี่ควินที่นั่งเงียบอยู่ก้มหน้ามามองผม
“งอนเหรอ”
มันสมควรงอนมั้ยล่ะ! ผมพาลค้อนใส่พี่ควิน นั่งกอดอกหน้าตูมอยู่คนเดียวในขณะที่พวกเขาสองคนแอบหัวเราะผมอยู่ หน็อย! คิดว่าไม่ได้ยินหรือไง!
“อะดอนิสขับรถเร็วๆสิ ขับช้าแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง”
ผมพาลใส่อะดอนิสที่ทำหน้าที่ขับรถ ไม่รู้แหละผมจะพาล พาลมันให้หมดทุกคนเลย!
“ขอโทษครับคุณหนู ตอนเย็นรถติดมาก แต่ผมจะพยายามขับให้เร็วครับ”
อะดอนิสส่งเสียงตอบกลับอย่างนอบน้อมผมเช่นเคย
“เด็กดื้อ พาลคนอื่นไปทั่ว”
พี่ควินแขวะผมเสียงเรียบ ผมหันไปถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
“ผมจะดื้อ ใครจะทำไม ผมจะดื้อ! ผมจะดื้อ! ผมจะดื้อ!”
ผมร้องตะโกนลั่นรถท่ามกลางเสียงระเบิดหัวเราะของพวกเขา มีความสุขนักหรือไงที่ได้แกล้งผม คนบ้า! ผมไม่คุยกับพวกเขาแล้ว!
ผมนั่งเงียบมาตลอดทางจนรถเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้าน พี่ควินเปิดประตูออกไป ผมก็รีบลงตามแล้วเดินเข้าบ้านทันที ผมเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องคุณพ่อคุณแม่ เข้าห้องมาได้ผมก็ถลาไปที่เตียงล้มตัวลงนอนแผ่หลาอย่างหงุดหงิด เสียงเปิดประตูตามมา ผมรีบพลิกตัวนอนคว่ำหน้า
“พี่หมอนี่เบอร์ใคร”
เสียงเข้มถามอยู่ใกล้ตัว จะเข้ามาหาเรื่องอะไรผมอีกล่ะ!
“ก็เบอร์พี่หมอ พี่ภู เพื่อนพี่เนส พี่ก็รู้จักนี่ครับ”
ผมพลิกตัวมาตอบพี่แซท ในมือเขาถือโทรศัพท์ผมอยู่ แสดงว่าที่เอาไปนี่ต้องการตรวจสอบเหรอว่าผมโทรหาหรือรับสายใครบ้าง เกินไปแล้วนะ!
“แฟนไอ้เนสแล้วเกี่ยวอะไรกับมึง”
นั่นไง เขาหาเรื่องทะเลาะกับผมจริงๆด้วย
“พี่ภูก็เหมือนพี่ชายผมคนนึง ทำไมจะไม่เกี่ยว พี่ผมรักใคร ผมก็รักด้วย”
ผมว่าเสียงเรียบอย่างไม่อนาทรร้อนใจกับสีหน้าเคร่งขรึมกึ่งข่มขู่ของเขา
“กูจะลบเบอร์มันออก”
“ลบก็ลบสิ ผมจำเบอร์พี่หมอได้ เชิญลบตามสบายเลยครับ”
ผมบอกอย่างไม่สนใจ พลิกตัวกลับไปนอนคว่ำหน้าเหมือนเดิม แต่แรงกระชากต้นแขนทำให้ผมต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาต่อ
“ปล่อย ผมเจ็บ”
ผมบอกตามตรง พี่แซทหลุบสายตามองมือตัวเองแล้วผละออก
“โทรศัพท์ผมก็มีแต่เบอร์พวกพี่ๆกับเพื่อน พี่ก็รู้จักเพื่อนผมทุกคนอยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องด้วย”
“มึงไม่เป็นกู ไม่รู้หรอก”
พี่แซทสวนกลับเสียงแข็ง เขากำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูนนูนขึ้น
“ใช่ ผมจะไปรู้อะไรกับความงี่เง่าเอาแต่ใจของพวกพี่!”
ผมขึ้นเสียงกลับอย่างอดทนต่อไปไม่ไหว
“ที่กูงี่เง่า เพราะกูกลัวว่าวันนึงมึงจะหนีกูไป”
น้ำเสียงอ่อนลงและสายตาตัดพ้อของเขาทำให้ผมนิ่งไป คำพูดเมื่อครู่ดังสะท้อนอยู่ในหัว พอผมหลุดจากภวังค์ก็เห็นว่าพี่แซทเดินออกจากห้องไปแล้ว โทรศัพท์ผมวางอยู่บนเตียง หยิบมาเปิดเช็คดูก็ยังเห็นเบอร์พี่หมออยู่ มันไม่ได้ถูกลบไป ผมส่ายหน้าจิปากอย่างหงุดหงิดตัวเอง
ผมทำผิดอีกแล้วใช่มั้ย?
---------------------------------------------------------
ขอโทษ เค้าปั่นได้แค่นี้อ่ะ
เอาไปแค่นี้ก่อนนะ
พยายามบิ้วอารมณ์ตัวเองให้เขียนซีนซอร์ฟๆน่ารักมุ้งมิ้งบ้าง
แต่สุดท้ายก็ล่ม ทำไม่ได้อ่ะ
ถนัดแต่หน่วงอย่างเดียว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้น การติดตาม และกำลังใจนะคะ