HEARTBREAKER
56
วันนี้ผมมีเรียน9โมง เมื่อคืนพี่ควินบอกจะไปส่ง และเขาก็ทำตามที่พูดจริงๆ ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกจากห้องมาก็เจอเขายืนควงกุญแจรถรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว ผมยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร เขาเองก็ยิ้ม โอบเอวผมไปจนกระทั่งขึ้นรถ เขาไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำตลอดการเดินทาง แต่เราจับมือกันไว้ พักหลังมานี้ผมชอบให้พวกเขาจับมือนะ เพราะมือของพวกเขาใหญ่กว่าผม เวลาที่นิ้วสอดประสานกันแล้วมันอบอุ่นดี และเป็นการกระทำที่ไม่รุ่มร่ามต่อหน้าสาธารณชนด้วย ตอนลงจากรถผมหันไปเห็นพวกปีสามกลุ่มนึงมองมาแต่พอพี่ควินเดินมาจับมือผมพวกนั้นก็เดินไป ผมเงยหน้ามองคนข้างตัวเห็นพี่ควินมองตามแต่ไม่พูดอะไร ผมเลยเงียบ ในเมื่อพี่ควินเลือกที่จะไม่พูด ผมก็ไม่ถาม
“วันนี้พี่ไม่มีเรียนเหรอครับ”
“ไม่”
ผมพยักหน้า ก็พวกเขาใกล้จะจบแล้วนี่นา คงเหลือแต่ทำโปรเจคจบเท่านั้นแหละ แต่ผมนี่สิยังต้องต่อสู้อีกนาน ทั้งเรื่องเรียนทั้งเรื่องคน วุ่นวายจริงๆ
“แปดโมงครึ่งแล้ว ขึ้นตึกเถอะ”
พี่ควินบอกแล้วกระชับมือแน่น เราเดินขึ้นตึกท่ามกลางสายตาหลายคนมองมาแต่ผมเฉย ผมชินกับสายตาพวกนี้แล้วหละ ใครจะมองจะซุบซิบนินทายังไงก็ช่าง ผมเลิกสนใจไปนานแล้ว
“ถึงห้องแล้ว พี่ควินกลับไปนอนต่อเถอะครับ”
“อืม…ไอ้เฟียซมาหรือยัง”
หือ…จู่ๆก็ถามหาเฟียซ อารมณ์ไหนเนี่ย?
“ต้าร์”
เสียงเรียกของบอส ผมหันไปมองก็เห็นบอสกับตัวเล็กเดินมาจากอีกทาง รั้งท้ายด้วยเฟียซ ผมมองสบตาเพื่อนสนิทแวบนึงก็หันกลับมามองพี่ควิน
“เข้าห้องไป”
“เอ่อ…” บอกตรงๆผมไม่วางใจ กลัวจะมีเรื่องกันอีก
“ไม่มีอะไรหรอก”
เหมือนพี่ควินจะเดาความคิดผมได้ ผมเลยพยักหน้าหงอยๆแล้วเดินเข้าห้อง หาที่นั่งได้ก็ชะเง้อมองออกไปอย่างเป็นกังวล เห็นพวกเขายืนคุยกันอยู่ด้วยท่าทางปกติผมก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ค่อยยังชั่วหน่อย
“ต้าร์ มันขึ้นมาทำไมอ่ะ แถมยังคุยกับเฟียซอีก มันกินยาผิดขวดมาเหรอ”
บอสถามแล้วนั่งลงข้างๆ ผมยิ้ม
“ไม่รู้สิ แต่ไม่มีเรื่องกันก็ดีแล้ว”
“นั้นแหละที่แปลก ปกติพวกมันไม่เคยมาดีแบบนี้”
บอสยังข้องใจ ผมหัวเราะ ก็จริงอย่างที่บอสบอก ปกติพวกเขาไม่เคยมาดีแบบนี้ เห็นหน้าเฟียซทีไรก็มีแต่เขม่นจ้องจะหาเรื่องตลอด
“เฟียซมาแล้ว”
บอสบอกแล้วหันกลับไปเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือออกมา ทำท่าพร้อมกับการเรียน แต่ผมรู้ว่าบอสตั้งหูรอฟังเรื่องนี้อยู่ เฟียซเดินมานั่งข้างๆผมอีกด้าน ผมค่อยๆหันไปมอง เจ้าตัวทำหน้าเซ็งแต่ก็มองผมตอบ
“อะไร“
ผมเงียบ ไม่พูด ผมไม่ถามหรอกว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน แต่ผมจะรอให้เฟียซเล่าให้ฟังเอง
“มามุกใบ้อีกแล้วนะมึง กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ”
เฟียซว่าแล้วเอานิ้วดันหน้าผากผม นี่ถ้าคนอื่นทำแบบนี้ผมจะเคืองนะ
“มันฝากให้กูดูแลมึง”
เฟียซเริ่มเล่า ผมมองเขาอย่างตั้งใจฟัง
“มันบอกจะสั่งให้ลูกน้องตามดูมึงทุกฝีก้าวก็กลัวมึงรำคาญ”
ใช่…ผมรำคาญจริงๆ
“มันเลยฝากให้กูดูแลมึง กูถามว่าถ้ากูไม่ทำพวกมันจะทำไง มันก็บอกว่ากูเป็นเพื่อนมึง ยังไงกูก็ต้องทำ ไอ้เหี้ยนี่แม่งกวนตีน”
เฟียซบอกอย่างใส่อารมณ์ ผมหัวเราะตบบ่าเพื่อนไปทีนึง
“หรือเฟียซจะไม่ทำก็ได้นะ ต้าร์ก็พอดูแลตัวเองได้ ถึงจะไม่เก่งเรื่องชกต่อย แต่เรื่องวิ่งหนี ถนัด”
เฟียซกลอกตาไปมาคล้ายจะเอือมระอาผมเต็มที
“กูกลัวว่ามึงจะวิ่งไม่ทันนะสิ ไอ้เอ๋อ”
ว่าเสร็จก็เคาะหัวผม มือหนักใช่เล่นนะ แต่ไม่เป็นไร ผมจะไม่เอาคืน เห็นแก่ความใจดีของเพื่อน
“ขอบใจนะเฟียซ” ผมยิ้มบอกแล้วหันกลับมาเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือออกมาวางบนโต๊ะ
“เรื่องไร”
อีกฝ่ายถามกวนมา
“ทุกเรื่อง”
“ก็ถ้ามึงไม่เอ๋อ กูก็ไม่สนใจมึงหรอก แต่นี่มึงไม่สมประกอบ กูเลยต้องเหลียวแลนิดนึง”
ให้ตาย…เพื่อนผมปากดีจริงๆ กวนได้ตลอดเวลาสิน่า!
คลาสเลิกตรงเวลาพักเที่ยงพอดี เราคุยกันว่าจะออกไปหาไรกินข้างนอก แต่พอเดินลงตึกมาได้พวกเราก็พร้อมใจกันเดินไปทางโรงอาหาร เพราะแดดมันร้อนจนแสบผิว ถึงบอสกับตัวเล็กจะขับรถมา แต่พวกเราก็ไม่เวอร์ถึงขนาดขับรถออกไปกินข้าวแค่ฝั่งตรงข้ามหรอก เดินมาโรงอาหารก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันโหวกเหวก ผมมองหาที่ว่าง เจอแล้วก็รีบเดินไปจอง
“กินอะไร”
ผมถามรวมทุกคน เฟียซหันไปมองร้านค้า ไล่สายตาดูแต่ละร้านแล้วชี้ไปที่ร้านข้าวมันไก่
“รู้สึกว่าไม่ได้กินนาน”
ผมยิ้มแล้วหันไปมองบอสกับตัวเล็ก คู่นี้กำลังตัดสินใจกันอยู่ ส่วนตัวผมคิดได้แล้ว พักเที่ยงร้อนๆแบบนี้ผมจะกินของหวานเย็นๆ
“เดี๋ยวบอสกับตัวเล็กไปซื้อให้ ต้าร์เอาอะไร”
“ของหวาน เอาทับทิมกรอบ ใส่ทุกอย่างเลยนะ ขอน้ำแข็งเยอะๆ”
“ไม่กินข้าวเหรอ”
ผมส่ายหน้า หันไปมองเฟียซ เจ้าตัวก็กำลังสั่งข้าวกับตัวเล็กอยู่ พอคู่รักเดินไปแล้วผมก็เท้าคางมองหน้าเฟียซ
“นี่…เรื่องที่ถูกปีสามบอยคอต ยังไม่ถึงหูอาจารย์ใช่ไหม ต้าร์กลัวเฟียซมีปัญหา”
“น่าจะยัง พวกมันก็เก่งได้แค่นี้แหละ อย่าไปสนใจ เสียเวลา กูไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าพวกมันไม่มาหาเรื่องกูก่อน”
“อืม…ก็หวังว่าพวกเขาจะยอมหยุดแล้วเลิกราไปเอง ต้าร์ไม่อยากให้มีเรื่องลุกลามใหญ่โต พวกเรายังต้องเรียนอีกตั้งสองปี หรืออย่างเร็วก็ปีครึ่ง ทางที่ดีอย่ามีเรื่องเลยดีกว่า ต้าร์อยากอยู่สงบๆ”
ผมว่ายาวแล้วถอนหายใจ
“มึงจะกลัวอะไร มีพวกมันสองคนก็เหมือนมีมารคุ้มหัวมึงอยู่”
มาร? ช่างสรรหาคำพูดมาได้นะเพื่อนผม
“ต้าร์ กูไม่ห้ามนะถ้ามึงจะรักพวกมันจริงๆ แต่กูอยากให้มึงคิดให้ดี ถ้าตัดสินใจไปแล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง เรื่องที่พวกมันเคยทำเลวกับมึงไว้ กูไม่ลืม แต่กูจะไม่พูดถึงอีก”
ผมมองหน้าเฟียซนิ่ง คิดตามคำพูดเขา รักเหรอ…สารภาพตามตรงว่าผมผูกพันและรู้สึกหวั่นไหว ผมแคร์พวกเขามากขึ้น แต่ถ้าถามว่าผมรักพวกเขาไหม ผม…ยังไม่แน่ใจ
“ต้าร์! เมื่อกี้เราเห็นตัวเหี้ย”
“ว่าไงนะ!” ผมร้องตามเสียงบอส จู่ๆตัวเหี้ยจะมาโผล่ที่โรงอาหารได้ไง
“บอสมันหมายถึงคนน่ะ”
ตัวเล็กว่า ส่งสายตาเอือมระอาให้แฟนตัวเอง
“เออ…คนนั้นแหละ แต่คนมันเหี้ยไง”
บอสว่าเสียงห้วนแล้วนั่งลง
“ใครเหรอ” ผมถามอย่างงุนงง
“ก็ไอ้ธัญญ์ไง มันโผล่หัวมาอีกแล้ว”
ธัญญ์มาเหรอ เด็กนั่นจะมาสร้างปัญหาอะไรอีก!
เฟียซอยู่ใกล้ผมไม่ห่างตั้งแต่ทานข้าวกลางวันเสร็จ ผมเดาว่าเขาคงเป็นห่วงเรื่องที่ธัญญ์โผล่มาวันนี้ เริ่มเรียนช่วงบ่ายผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ดีที่อาจารย์เลิกคลาสเร็ว พวกผมเลยมานั่งเล่นกันใต้ตึก สักพักก็มีพวกนักกีฬาจากคณะอื่นมาชวนให้เฟียซไปเล่นบาส เฟียซตกลงเพราะวันนี้ว่าง พวกผมที่เหลือเลยตามมาดูเฟียซที่โรงยิมฝั่งสนามบอล ก่อนลงเล่นเฟียซหันมายิ้มให้ ผมโบกมือกลับไปให้เขาวางใจก่อนหยิบหูฟังไอพอดมาฟังเพลง ส่วนบอสกับตัวเล็กก็นั่งสวีตกันอยู่อีกมุม ดูเฟียซเล่นบาสไปได้สักพักผมก็ปวดฉี่ จำได้ว่าโรงยิมนี่มีห้องน้ำอยู่ข้างหลัง ผมพอสเพลงถอดหูฟังออกมองลงไปที่สนาม เฟียซกำลังตั้งใจเล่นบาสอยู่ ผมเลยเดินลงจากอัฒจันทร์ออกจากโรงยิมมาโดยไม่ได้บอกเพื่อน แค่ออกมาเข้าห้องน้ำคงไม่มีอะไรหรอก ผมเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จก็ออกมาล้างมือ ดูกระจกแป็ปนึง กำลังจะหันหลังกลับจู่ๆประตูก็ถูกปิดจากด้านนอก ผมสะดุ้งตกใจเดินไปดูก็ได้ยินเสียงคล้ายโซ่กระทบกับประตูข้างนอก ลองเขย่าดูก็ปรากฏว่าประตูถูกล็อคแล้ว ใครมาเล่นพิเรนทร์อะไรเนี่ย!
“สวัสดีครับพี่ต้าร์ คิดถึงพี่จังเลย”
เสียงทักจากข้างหลังทำให้ผมชะงัก ใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เสียงนี้ ผมจำได้ ผมหันกลับไปก็เห็นร่างสูงของธัญญ์ยืนยิ้มอยู่ที่ฝั่งประตูอีกข้าง ห้องน้ำหลังโรงยิมนี้มีสองฝั่ง นิสิตทั่วไปไม่ค่อยมาเข้าห้องน้ำที่นี่นักเพราะมันไกล จะมีก็แต่พวกนักกีฬากับคนนอกที่เข้ามาออกกำลังกายช่วงเย็นๆ ผมประมาทเกินไป ปล่อยให้ธัญญ์กับพวกเล่นงานจนได้!
“ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไร”
ผมถามเสียงห้วนพลางมองหาทางหนีทีไล่ ตอนนี้ผมยืนอยู่ฝั่งประตูด้านขวาถ้าหันหน้าเข้าหาโรงยิม ส่วนธัญญ์ยืนอยู่ฝั่งประตูด้านซ้าย และประตูด้านเขาก็ถูกล็อคไปแล้ว ผมกำมือแน่นอย่างหัวเสียที่ทุกอย่างเข้าทางอีกฝ่ายไปซะหมด มันทำให้ผมรู้ว่าธัญญ์วางแผนมาแล้ว เขาคงตามดูผมมาได้สักพักแล้วโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย บ้าจริง!
“ผมคิดถึงพี่ เลยเข้ามาทักทาย”
คิดถึงเหรอ…ใครจะไปคิดถึงเด็กสันดานเสียอย่างมัน!
“ดูพี่ไม่พอใจนะครับที่เห็นหน้าผม”
ก็ต้องไม่พอใจสิ! ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว บอกให้รู้ว่าผมไม่ชอบใจกับสถานการณ์ในตอนนี้
"จะทำยังไงดีหละครับ ห้องน้ำล็อคซะแล้ว"
ธัญญ์ถามด้วยน้ำเสียงยียวน รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก ผมกัดฟันแน่น พยายามข่มกลั้นโทสะไม่ให้มันอยู่เหนือสติ
"สมองนายคิดได้แค่นี้เหรอ" ผมอดที่จะแขวะอีกฝ่ายกลับไปไม่ได้
"ผมยังคิดได้ ลึก มากกว่านี้อีกนะ"
นัยน์ตาคมจ้องผมอย่างจาบจ้วงก่อนก้าวเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ถอยหนี แต่หางตาเหลือบเห็นไม้กวาดทางมะพร้าววางชันอยู่มุมเสา
"อยากรู้ไหมครับว่าผมชอบพี่ตรงไหน"
ผมเงียบ จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
"ผมชอบที่พี่ต่อต้านผมแบบนี้ไง เคยได้ยินไหมครับ ของที่ได้มาง่ายๆ ไม่นานก็เบื่อ แต่ของที่ได้มายาก มันจะกระตุ้นให้เราอยากเอาชนะ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ"
“เลิกทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที หัดคิดเรื่องดีดีบ้าง อย่าหมกมุ่นแต่เรื่องเลวๆเหมือนสันดานของนาย”
ผมจงใจด่าธัญญ์เน้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มร่าราวกับยอมรับคำด่าของผมอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ถ้าผมเลว แล้วไอ้ควินกับไอ้แซท พวกมันไม่สารเลวกว่าผมเรอะ”
ธัญญ์โต้กลับมา ผมสูดลมหายใจเข้าลึก เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ผมต้องมีสติ
“หยุดเถอะธัญญ์ พอแค่นี้เถอะ นายไม่เหนื่อยหรือไง จะหาเรื่องกันไปให้ได้อะไรขึ้นมา”
ผมบอกปรามอีกฝ่ายให้ได้คิด
“พี่ก็เลิกกับพวกมันสิ เลิกกับพวกมันแล้วมาอยู่กับผม”
ผมตาโต คิดไม่ถึงว่าธัญญ์จะอาการหนักขนาดนี้! ถ้ายังเป็นแบบนี้ผมคงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแล้ว ต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่
“อย่าพยายามเลย พี่หนีผมไม่พ้นหรอก”
ธัญญ์บอกเสียงเยาะ วินาทีนั้นผมตัดสินใจพุ่งตัวไปคว้าไม้กวาด จับกระชับด้ามไว้แน่น มีอาวุธอยู่ในมือก็ยังดีกว่ายืนตัวเปล่า ธัญญ์หัวเราะในลำคอมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาเดินเข้ามาใกล้อย่างไม่กลัว ผมไม่ได้ถอยหนี ลองเข้ามาใกล้กว่านี้สิ ผมจะฟาดเขาไม่ยั้งมือเลย!
“ขู่เหมือนแมวเลย น่ารักจัง ผมชอบให้พี่ดุผมนะ”
ธัญญ์ไม่กลัวผมจะทำร้ายเขาจริงๆสินะ คิดว่าผมไม่กล้าหรือไง!
“บอกให้พวกของนายเปิดประตู มีอะไรก็ไปคุยกันข้างนอก เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิธัญญ์ อย่าเก่งแต่ใช้วิธีลอบกัด”
“ผมเป็นลูกผู้ชายอยู่แล้ว พี่จะลองพิสูจน์ดูไหมหละ”
ผมจับด้ามไม้กวาดขึ้นตั้งการ์ดทันที
“ไม่อยากเจ็บตัวเพิ่มก็หยุดอยู่ตรงนั้น” ผมยื่นเงื่อนไข แต่ธัญญ์ยักไหล่
“ผมยอมเจ็บนะ ถ้าเป็นพี่”
ธัญญ์ว่าแล้วก้าวเข้าหา ผมกัดฟันตัดสินใจเงื้อไม้กวาดขึ้นแล้วฟาดเข้าใส่คนตรงหน้าแต่ทว่าร่างสูงกลับรับอาวุธในมือผมได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“มีแรงแค่นี้เองเหรอครับ”
เสียงเย้ยว่ามายิ่งกระตุ้นโทสะผมมากขึ้น
“ปล่อย!”
ผมตะคอกใส่ จะดึงอาวุธกลับมาธัญญ์ก็ไม่ยอมปล่อย นัยน์ตาคมเป็นประกายแปลกๆไม่น่าไว้ใจ
“ผมปล่อยแน่ แต่หลังจากที่พี่หมดแรงคาอกผมแล้วนะ”
ยังไม่ทันที่ผมได้โต้ตอบกลับไปธัญญ์ก็ใช้แรงที่มีมากว่าดึงเอาไม้กวาดออกไปจากมือผม เขาขว้างทิ้งไปอย่างไม่สนใจแล้วเดินเข้าหา ผมหายใจแรงพร้อมกับก้าวถอยหลัง ธัญญ์ยื่นมือออกมาจะจับตัวแต่ผมหลบแล้วเหยียดเท้ายันออกไปเต็มแรง ร่างสูงเสียจังหวะทรุดลง ผมใช้โอกาสนั้นวิ่งหนีไปที่ประตูอีกฝั่ง เขย่าแรงๆพร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยครับ! ห้องน้ำล็อค มีคนติดอยู่ข้างใน ช่วยด้วย! เฟียซ! ช่วยต้าร์ด้วย เฟียซ!!”
ผมร้องตะโกนสุดเสียงหวังให้มีใครสักคนมาช่วย และคนที่ผมนึกถึงคือเฟียซ ภาวนาให้เขาได้ยินเสียงแล้วรีบมาช่วยผม
“ฤทธิ์เยอะนะครับ มานี่!”
เสียงเข้มดังอยู่ข้างหลัง ผมสะดุ้ง ธัญญ์ตะบมมือลงกับต้นแขนทั้งสองข้าง บีบแน่นจนผมนิ่วหน้าแล้วผลักผมไปชนกับกำแพง ยังไม่ทันได้พลิกตัวเขาก็ตามมารวบข้อมือผมไว้อย่างรู้ทัน
“เป็นบ้าไปแล้วเหรอไง!” ผมตะคอกเสียงดังลั่น ทั้งดิ้นทั้งถีบ
“ใช่! ผมเป็นบ้า! เพราะพี่นั่นแหละทำให้ผมบ้า!”
ปัง! ปัง! ปัง!
“ต้าร์! ต้าร์!”
เสียงเฟียซ ผมหันไปมองประตูอย่างดีใจ จะตะโกนออกไปว่าผมอยู่ในนี้แต่ธัญญ์ไม่ยอมให้ผมเปิดปาก เขากระแทกปากลงมาปิดปากผมไว้จนได้กลิ่นคาวเลือด ผมหันหน้าหนีสุดแรงแต่ธัญญ์กัดปากผม!
“อื้อ!”
ผมร้องอื้ออึงอยู่ในลำคอ จะยกเข่าขึ้นอีกฝ่ายก็รู้ทันดันตัวผมจนหลังเบียดกับกำแพงเย็นๆ มันทั้งแสบทั้งเจ็บเพราะแรงเสียดสี เนื้อคนกับกำแพงปูนนะ!
“ต้าร์! รีบเปิดประตู! เพื่อนผมอยู่ข้างใน เร็วๆสิ!”
เสียงเฟียซตะคอกสั่งใครก็ไม่รู้อยู่ข้างนอก เฟียซพยายามช่วยผม และผมกำลังพยายามช่วยตัวเองอยู่ เร็วๆเถอะ ผมต้านแรงไอ้หมาบ้านี่ไม่ไหวแล้ว!
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงทุบประตูดัง ผมยังคงดิ้นขัดขืนสุดกำลัง ธัญญ์ยังไม่ยอมปล่อยให้ปากผมเป็นอิสระ ไอ้บ้านี่บดจูบผมจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว!
“โธ่โว้ย! เปิดเร็วๆสิวะ! ไอ้เหี้ยธัญญ์! กูจะฆ่ามึง!!”
เฟียซตะโกนลั่น ประตูสั่นแรงจนเหมือนจะพัง ผมฝืนแรงฮึดสู้แม้จะเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ดแต่ผมก็กัดฟันทน
ปัง!!!
เสียงดังสนั่นทำให้ธัญญ์หยุดรุกรานผมแล้วผละออกไป ผมหอบหายใจจนตัวโยนโกยเอาอากาศเข้าปอด หันไปมองประตูก็พบว่ามันแตกเป็นวงกว้าง เศษไม้กระจายอยู่เบื้องล่าง ผมตาโตกับสิ่งที่เห็น
“ต้าร์!”
เฟียซส่งเสียงเรียก ผมรีบเดินไปที่ประตู สอดมือออกไป เฟียซคุกเข่าลงกับพื้นจับมือผมไว้
“เฟียซ”
ผมเรียกเพื่อนอย่างดีใจ ในที่สุดเฟียซก็มาช่วยผมจริงๆ
“มันอยู่ไหน ไอ้เหี้ยธัญญ์อยู่ไหน!”
ผมหันหลังไปมอง ธัญญ์กำลังยืนคุยโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่ที่ประตูอีกฝั่ง ผมเดาว่าเขาคงโทรสั่งการกับลูกน้องให้รีบมาช่วยเขา ฮึ! นี่เหรอลูกผู้ชาย!
“มันทำอะไรมึง บอกกูมา มันทำอะไร!”
เฟียซจ้องที่ปากผม เขาเห็นแล้วว่าปากผมแตก มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูนนูนขึ้น
“เฟียซใจเย็นๆนะ ให้ต้าร์ออกไปได้ก่อน แล้วต้าร์จะเล่าให้เฟียซฟังทุกอย่าง“
ผมบอกเพื่อน เฟียซเงียบแต่สายตาจ้องผมไม่กระพริบ
“มึงถอยไป กูจะพังประตู”
ผมลุกขึ้นตามคำสั่ง ถอยห่างจากประตู
“ไม่ได้นะ นี่มันทรัพย์สินของทางมหา’ลัย จะพังไม่ได้”
“หุบปากไปเลย! กูจะช่วยเพื่อนกู!”
เฟียซเถียงกับใครก็ไม่รู้ แล้วเขาก็พังประตูได้ตามที่พูดจริงๆ แผ่นไม้แตกเพราะแรงถีบของเขา มันแตกยาวจนเขาสามารถผ่านเข้ามาได้ ผมโผเข้ากอดเพื่อนทันที
“ขอบคุณนะเฟียซ ขอบคุณที่มาช่วย ขอบคุณ”
“กูจะฆ่ามึง ไอ้เหี้ยธัญญ์!!!”
ผมเป็นคนถูกทำร้าย แต่กลับต้องมานั่งปลอบเพื่อนสนิทให้ใจเย็น เฟียซโกรธจนแทบฆ่าคนได้ตอนอยู่ในห้องน้ำ ผมรั้งเขาไม่อยู่ ผมเชื่อว่าถ้าธัญญ์ไม่วิ่งหนีออกไป เฟียซอาจกลายเป็นฆาตกร เขาโกรธจนตัวสั่น ผมเองยังตกใจที่เห็นเพื่อนโมโหจนคลั่งแบบนั้น
“ต้าร์ เอาน้ำเย็นให้มันกิน เพื่อจะใจเย็นลง”
บอสบอกพร้อมยื่นขวดน้ำให้ ผมรับมาเปิดฝาแล้วจับมือเฟียซ เขาเงยหน้ามองแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองช้าๆ
“ถ้ากูไปช่วยมึงไม่ทัน จะเกิดอะไร ถ้ากูช่วยมึงไม่ได้ สภาพมึงจะเป็นยังไง”
เฟียซพูดพึมพำ ผมหันไปมองบอสกับตัวเล็ก สองคนนั้นก็ส่ายหน้าอย่างอับจนหนทางจะช่วย ผมหันกลับมา บีบมือเฟียซแน่นให้เขารับรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆเขาไม่ได้หายไปไหน
“เฟียซ ต้าร์ไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมบอก เฟียซบีบมือตอบ ผมใจชื้นขึ้น
“กินน้ำหน่อยนะ” ผมยื่นขวดน้ำให้ เฟียซมองตาผมแล้วรับไป เขากระดกน้ำดื่มจนหมดขวด
“มันคงดีขึ้นแล้วหละ”
ตัวเล็กเดินมาตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ ผมยิ้ม จากที่จับมือผมก็เปลี่ยนมานวดคลึงเบาๆให้
เฟียซผ่อนคลาย
“มันทำอะไรมึงบ้าง บอกกูมาให้หมด อย่าโกหกกู”
เฟียซถามคำถามเดิมเหมือนตอนที่เรายังอยู่ในที่เกิดเหตุ
“ต้าร์บอกความจริงเฟียซไปแล้ว ต้าร์ไม่ได้โกหก จริงๆนะ”
ผมยืนยันคำเดิม ผมคิดว่าเฟียซคงยังฝังใจกับเรื่องเก่าอยู่ พอมาเจอเหตุการณ์นี้เลยระเบิดอารมณ์ ตอนนั้นเฟียซช่วยผมไม่ได้ เขาเสียใจมากผมรู้ แต่วันนี้เขาช่วยผมได้ เขาคงกลัวว่าผมจะโกหก ไม่บอกความจริงเขาทั้งหมด
“เฟียซต้องเชื่อต้าร์นะ”
เฟียซพยักหน้า ผมยิ้มแล้วขยับเข้าไปกอดเขาไว้หลวมๆ เฟียซกอดตอบผมแน่น เรากอดกันอยู่สักพักเฟียซก็ดันผมออก
“ปากมึงแตก เจ็บมากไหม”
ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บแล้ว”
“ต้าร์จะแจ้งความไหม”
บอสถาม ผมนิ่งคิด ถ้าผมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย ธัญญ์คงแจ้งความกลับเรื่องยกพวกต่อยตีกันวันนั้นแน่ ในเมื่อมันกล้ามาทำแบบนี้กับผมในมหา’ลัย ผมคิดว่ามันคงไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้ว
“ไม่ อย่าดีกว่า ถ้าแจ้งความต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ไม่ใช่แค่ต้าร์คนเดียวที่จะเดือดร้อน บอสกับตัวเล็กจะพลอยซวยไปด้วย
เฟียซก็เหมือนกัน เรื่องที่ถูกปีสามบอยคอตคงรู้ถึงหูอาจารย์ เราจะซวยกันทั้งหมด”
“ก็ช่างสิ บอสไม่สนใจหรอก เราเป็นเพื่อนกันนะ ต้าร์ถูกรังแก จะให้เราอยู่เฉยได้ยังไง”
บอสว่า ผมเลยลุกขึ้นไปกอดเพื่อน
“ต้าร์รู้ว่าบอสหวังดี ขอบใจมากนะ แต่อย่าให้เรื่องลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้เลย ถ้าเรื่องถึงโรงพัก มันไม่จบง่ายๆแน่ บอสเข้าใจใช่ไหม”
ผมผละออกมองหน้าเพื่อน บอสพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมาย
“พูดแล้วเจ็บใจชะมัด จะจับตัวได้อยู่แล้วมันดันเสือกหนีไปได้ ถ้าไอ้พวกปีสามหน้าโง่ไม่มาช่วยมัน ป่านนี้มันถูกกระทืบจนกระอักเลือดตายคาห้องน้ำไปแล้ว”
บอสว่าอย่างใส่อารมณ์ ก็จริง…ถ้าปีสามไม่มาไขกุญแจประตูห้องน้ำช่วยธัญญ์ออกไป มันคงถูกเฟียซกระทืบเป็นคนแรก
“ต้าร์ แล้วพวกมันรู้เรื่องหรือยัง เฟียซยังคลั่งขนาดนี้ แล้วถ้าพวกมันรู้จะคลั่งขนาดไหน”
นี่แหละที่ผมกลัว กลัวว่าถ้าพวกเขารู้แล้วจะตามไปเล่นงานธัญญ์ แต่ผมเดาว่าตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เรื่อง เพราะวันนี้ลูกน้องของพวกเขาไม่ได้ตามดูผม
เอี๊ยด!!!
เสียงยางรถบดเบียดกับพื้นถนนดังลั่น ผมหันไปมอง ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วตัว ผมขนลุก บอสขยับมายืนเกาะอยู่ข้างหลัง ได้ยินเสียงพึมพำซ้ำๆว่า ตายแน่จอมมารมาแล้ว รถเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงฉายชัดเข้ามาสู่สายตา ผมยืนตัวแข็งทื่อ แม้ใจอยากขยับแต่ร่างกายกลับสวนทาง รับมือตอนเฟียซคลั่งว่ายากแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้เศษเสี้ยวสำหรับพวกเขาเลย ไม่เลยสักนิด!
“ต้าร์ พวกมันลงจากรถแล้ว”
บอสกระซิบบอกแล้วเดินไปหาตัวเล็กที่ยืนรออยู่ บรรยากาศรอบตัวคล้ายจะหยุดนิ่ง ผมมองไม่เห็นใครเลยนอกจากพวกเขาที่กำลังเดินตรงมาหาผม ใบหน้าหล่อเหล่าดูเย็นชาจนผมผวา ให้ตายเถอะ ทำไมพวกเขาถึงดูน่ากลัวจนผมอยากวิ่งหนีไปให้ไกล!
“ต้าร์”
พี่ควินเค้นเสียงเรียก ผมสะดุ้งเฮือกเผลอก้าวถอยหลัง พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก พอมาอยู่ใกล้กันแบบนี้ผมถึงเห็นว่านัยน์ตาของพวกเขาแดงก่ำ กำลังจะเปิดปากถามพี่ควินก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่น จากตอนแรกที่รู้สึกกลัวกลับกลายเป็นแปลกใจแทน ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาทำให้ผมซุกหน้ากับอกกว้าง
“กลัวมากใช่ไหม”
พวกเขารู้ พวกเขารู้ทุกอย่าง ผมพยักหน้า จู่ๆก็รู้สึกแสบตาจนอยากจะร้องไห้
“กูมาแล้ว ไม่ต้องกลัว กูอยู่นี่แล้ว”
ผมกอดร่างสูงแน่นขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาปลอบโยนผม อ้อมกอดอบอุ่นของเขาช่วยชะล้างความกลัวให้หายไป
“คนที่กล้าแตะต้องมึง กูจะทำให้มันอยู่ก็เหมือนตาย”
น้ำเสียงเยือกเย็นของพี่แซทเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากอกพี่ควิน ผมผละจากอ้อมกอด หันไปมองคนพูด พี่แซทมองผมนิ่ง นัยน์ตาคมแดงก่ำจนผมตกใจ มือใหญ่ยื่นออกมาสัมผัสที่ปากผมเบาๆ เขาค่อยๆลูบไล้ริมฝีปากผมช้าๆ นัยน์ตาก็แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ครับ”
ผมเรียกเขาเสียงแผ่ว พี่แซทหลับตาแน่น ผมได้ยินเสียงเขากัดฟันกรอด ผมจับมือเขาออกจากปาก กุมมาแนบอก พี่แซทลืมตา
มองผม
“มึงเจ็บ กูก็เจ็บ แต่คนที่ทำมึงเจ็บ มันต้องเจ็บกว่ากู!”
-----------------------------------------------------------
ยกพู่เชียร์น้องธัญญ์
สู้นะลูก
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามนะคะ