HEARTBREAKER
59
ผมเดินแยกกับธัญญ์มาโดยไม่ได้ร่ำลา และเขาก็ไม่ได้ตามมาระรานอีก ระหว่างเดินไปหาลุงหมอที่ห้องพัก ผมก็เอาแต่คิดหาวิธีเปลี่ยนใจธัญญ์ให้หยุดแก้แค้นสักที แต่ยิ่งคิดก็เหมือนยิ่งเจอแต่ทางตัน จะมีทางไหนบ้างที่ทำให้ธัญญ์หยุดคิดแค้น หรือผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
ก็อกๆๆ
ผมเคาะประตูห้องพักของลุงหมอก่อนเปิดเข้าไป
“อ้าว…ต้าร์ หายไปไหนมา ลุงจะสั่งให้คนออกตามหาแล้ว”
น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม ผมยิ้มเจื่อน มองลุงหมออย่างยอมรับผิด
“ขอโทษนะครับ พอดีเจอเพื่อน เลยแวะคุยกันนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร ลุงแค่เป็นห่วง กลัวต้าร์จะเป็นลมวูบไปอีก มานั่งนี่ ลุงขอตรวจเลือดหน่อย”
ผมเดินไปนั่งตามคำสั่ง ยื่นมือออกไปให้ลุงหมอจัดการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว
“ช่วงนี้ต้าร์ต้องดูแลสุขภาพหน่อยนะ อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียด”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงเบา ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงสุขภาพตัวเอง แต่จะไม่ให้คิดเรื่องอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้ ยิ่งแต่ละเรื่องที่เข้ามามีแต่เรื่องที่ทำให้เครียดทั้งนั้น
“มีปัญหาอะไรก็บอกลุงได้ ลุงพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ต้าร์เสมอ”
ผมยิ้มกับความใจดีของลุงหมอ ท่านเมตตาและเอ็นดูผมไม่ต่างจากลูกหลานของท่าน
“เรื่องไหนที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อยให้มันผ่านไป อย่าเก็บมาคิดให้ปวดหัว”
ลุงหมอบอกพลางคีบสำลีก้อนมาไว้ที่ปลายนิ้วตรงที่เจาะเลือดไป ผมหนีบไว้ ท่านยิ้มแล้ววางมือบนศีรษะผมก่อนลุกไปจัดการเก็บอุปกรณ์
“โดยเฉพาะเรื่องควินกับแซท ถ้าพวกมันรังแกต้าร์ ให้รีบบอกลุง อย่าทนให้พวกมันรังแก เข้าใจไหม”
“ครับ” ผมรับคำ นอกจากเป็นหมอแล้วท่านยังเป็นอัศวินพิทักษ์ผมด้วย
ลุงหมอถอดถุงมือเดินหายเข้าไปด้านหลังก่อนกลับมานั่งตามเดิม ท่านมองผมสายตาดูจริงจังขึ้น
“ถ้าคิดว่าอยู่กับพวกมันแล้วต้าร์ไม่มีความสุข หรือยิ่งทุกข์มากกว่าเดิม ลุงจะพาต้าร์ไปจากพวกมัน ที่ผ่านมา ควินทำบาปไปเยอะทั้งเรื่องต้าร์เรื่องฮาร์ฟ แซทก็ไม่ต่างกัน รายนั้นอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าไฟ ใครห้ามก็ไม่ฟัง ต้าร์ยังไม่ต้องตอบลุงตอนนี้ก็ได้ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอก ถามใจตัวเองดูว่ายังอยากอยู่พวกมันต่อไปไหม ที่ลุงพูดเพราะลุงไม่อยากเห็นหลานทำบาปไปมากกว่านี้”
ผมมองหน้าลุงหมอพลางคิดทบทวนคำพูดของท่าน ถามใจผมตอนนี้ ผม…ยังไม่อยากไปไหน เพราะยังไม่มีเหตุผลที่ทำให้ผมอยากไปจากพวกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ผมพยายามไม่นึกถึงมันอีก อย่างที่ผมได้บอกธัญญ์ไป เรื่องมันผ่านมานานแล้ว อย่ารื้อฟื้นอดีตเลย ผมบอกธัญญ์ได้ผมก็ต้องทำให้ได้ด้วย พวกเขารักผมในแบบของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อผม ที่ผ่านมาผมมองข้าม ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ระยะหลังมานี่ผมรับรู้ได้ด้วยใจ ผมเห็นว่าพวกเขาทำอะไรให้ผมบ้าง ผมสัมผัสได้ถึงการกระทำของพวกเขาจากคำพูด สายตา ท่าทาง ผมรู้ ผมเห็น เวลาทำให้พวกเราผูกพันกัน และเวลาก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป ผมรู้ตัวว่าผมแคร์พวกเขามากขึ้น ผมเป็นห่วงพวกเขา ผมหวั่นไหว และผมรู้สึกอบอุ่นที่ได้ถูกพวกเขากอด หรือแม้แต่จับมือ ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยรู้สึกอะไรเลย
‘กูรู้ว่ากูผิดที่ข่มขืนมึง ใช่ กูผิด กูยอมรับ ที่ผ่านมา กูพยายาม กูทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อมึง หวังให้มึงให้อภัย แต่สิ่งที่กูทำมันไม่เคยมีค่าในสายตามึง มึงไม่เคยมองว่ากูดี ไม่เคย!’
‘ขอโทษไปแล้วได้อะไร ให้กูบอกขอโทษมึงแล้วกูจะได้ความรักจากมึงมั้ยต้าร์’
ผมยังจำคำพูดตัดพ้อของพี่แซทในวันนั้นได้
‘กูมันเลว กูเห็นแก่ตัว ทำเลวกับมึงไว้แล้วยังกล้าหวังให้มึงรัก’
‘มึงอยู่ได้ถ้าไม่มีกู แต่กูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง’
คำพูดตัดพ้อของพี่ควินผมก็ยังจำได้
“ต้าร์…ต้าร์”
ผมสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ ยิ้มเก้อให้ลุงหมอที่มองผมอยู่อย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไร ลุงเห็นต้าร์เงียบไป”
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมแค่…คิดหาคำตอบให้ลุงหมอน่ะครับ”
“อย่าพึ่งคิดตอนนี้ก็ได้ ลุงไม่ได้เร่งเอาคำตอบ”
“แต่ผมได้คำตอบแล้วครับ”
ลุงหมอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ผมยิ้มให้ท่าน ระบายลมหายใจยาวก่อนขยับนั่งตัวตรง ประสานมือไว้บนตัก ผมจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง ลองเป็นหมากให้ชะตาเล่นสนุกกับชีวิตผมต่อไปกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ถ้าพระเจ้าเข้าข้าง ผมก็ชนะ แต่ถ้าไม่ ผมก็แพ้ ก็แค่…เจ็บอีกครั้ง
"ผมจะลองให้โอกาสตัวเองดูสักครั้ง ลองเดิมพันหัวใจกับพวกเขาดู ไม่แน่ ผมอาจรักพวกเขาขึ้นมาจริงๆก็ได้" ผมมองหน้าลุงหมอแล้วยิ้มให้ท่านมั่นใจว่าผมตัดสินใจแล้ว
"ถ้าต้าร์ต้องการอย่างนั้น ลุงก็เอาใจช่วย"
"ขอบคุณครับ แต่ถ้าผมแพ้เดิมพัน รบกวนลุงหมอช่วยพาผมไปให้ไกลจากพวกเขา"
ไปให้ไกล...อย่าให้พวกเขาหาผมเจอ
ผมยืนนิ่งอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษก่อนยกมือขึ้นเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป พี่แซทมาถึงแล้ว เขาหันมามองผม พี่ควินก็เช่นกัน ผมส่งยิ้มให้พวกเขา ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหา
“ลุงหมอตรวจเสร็จแล้วเหรอ”
พี่ควินถามพลางจับมือผมดึงให้นั่งลงข้างเขา
“เรียบร้อยครับ เสร็จแล้วผมก็รีบขึ้นมาเลย”
“มึงจะเอาอะไรไหม กูจะลงไปซื้อมาไว้ให้”
พี่แซทถามเพื่อน แต่พี่ควินส่ายหน้าเขาเลยหันมามองผม
“อยากกลับยัง”
ผมไม่ตอบ มองไปที่เตียงคนป่วย คุณยายยังนอนหลับสนิทอยู่
“ดึกแล้ว พามันกลับไป”
พี่ควินว่า เขาฉุดผมลุกขึ้นแล้วดันหลังให้พี่แซท
“เออ งั้นกูกลับแระ พรุ่งนี้จะมาแต่เช้า”
พี่แซทบอกลาพลางจับมือผมไว้ ผมหันไปยิ้มให้พี่ควิน
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้อง
พี่แซทจับมือผมจนกระทั่งเราขึ้นรถ มือข้างนั้นถึงผละออกไปทำหน้าที่ขับรถ ผมหันไปมองหน้าเขาคิดถึงคำพูดสุดท้ายของลุงหมอก่อนผมจะออกมาจากห้องพักของท่าน
‘ไม่ต้องห่วง ถ้ามีวันนั้นจริง ลุงจะพาต้าร์ไปให้ไกล ไกลจนพวกมันใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหาต้าร์เจอ
“หิวไหม”
ผมหลุดจากภวังค์กลับมาสู่โลกปัจจุบัน พี่แซทมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ ผมยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้า เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า ตอนนี้รถกำลังติดไฟแดงอยู่
“พี่แซท”
เขาหันมาเลิกคิ้วมอง พอเห็นว่าผมเรียกแล้วเงียบไป เขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราแตะกัน
“เรียกทำไม”
เขาถามพลางแกล้งสอดมือเข้ามาในเสื้อลูบไล้ตรงเอวผม
“ถ้าเกิดวันนึงผมหายไป พี่จะทำยังไง”
คำถามผมทำให้เขาเงียบ มือที่กำลังลูบไล้ผิวกายอยู่ก็หยุดนิ่ง
“กูไม่ปล่อยให้มึงหายไปจากสายตาหรอก”
เขาตอบเสียงเรียบแต่แววตาแข็งกร้าว
“แล้วถ้าผมอยากไป พี่จะให้ผมไปไหม”
ผมถามหยั่งเชิง คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันที เขาผละห่าง หันหน้ากลับไป
“มึงจะไปไหน”
เขาถามโดยไม่หันมามอง ผมเลยยื่นมือไปแตะแขนเขา
“ผมแค่ถามเล่นๆน่ะครับ”
ผมยิ้มเพื่อคลายบรรยากาศที่เริ่มจะตึงเครียด แต่เหมือนพี่แซทจะสติหลุดไปแล้ว เพราะเขาหันกลับมาเกี่ยวคอผมแล้วกระแทกจูบรุนแรงลงมาบนปากจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขาบดจูบอยู่แต่ภายนอกไม่ได้ล้วงล่ำเข้ามาภายใน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แทบหมดแรงเพราะรสจูบดูดดื่มของเขา
“อื้อ”
ผมส่งเสียงประท้วงในลำคอพลางยันอกเขาออกห่าง แต่คนรุกรานไม่ยอมถอยซ้ำยังจู่โจมหนักขึ้น มือเขาเริ่มสอดเข้าไปในเสื้ออีกครั้ง
ปรี๊ด…ปรี๊ด!!!
เสียงแตรดังยาวลั่นถนนจนผมสะดุ้ง แต่พี่แซทยังไม่หยุด ผมเลยตัดสินใจยกสองมือขึ้นบิดหูเขาอย่างแรงจนเขารีบผละห่างมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“รีบไปสิครับ รถข้างหลังบีบแตรไล่แล้ว” ผมบอกแล้วหันไปมองกระจกด้านข้าง
พี่แซทก็เหมือนจะทำประชด เพราะเขาเหยียบจนรถที่มีสมรรถภาพสูงอยู่แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างเร็ว พอหันไปมองเขาก็ทำเฉย ผมหมั่นไส้ก็เลยหยิกแขนเขาไปหนึ่งที
“กูเจ็บนะ”
เขาโอดครวญ แต่ผมเบ้ปากใส่ สมน้ำหน้า!
“ถึงห้องก่อนเถอะมึง”
เขาหันมาขู่เสียงเหี้ยม ผมก็ทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจแต่แอบยิ้มขำที่ได้แกล้งเขา
พอมาถึงคอนโดผมก็รีบเปิดประตูลงจากรถ เดินนำเข้าไปก่อน เขาเองก็รีบตามมา คงคิดว่าผมจะหนี ประตูลิฟต์เปิดเขาก็รีบจับมือผมเข้าไปแถมยังจับแน่นจนผมหลุดยิ้ม นี่เขากลัวว่าผมจะหนีนาดนั้นเลย
“ถึงห้องแล้ว ปล่อยผมได้หรือยัง” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ยอมปล่อยหรอก
“กูปล่อยแน่…แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
เขาบอกแล้วแสยะยิ้ม ดึงมือให้เดินตามเข้าไปในห้อง พอเข้าห้องมาได้เขาก็จะผลักผมลงเตียงแต่ผมยื้อมือเขาไว้
“ผมไม่ยอม พี่จะบังคับผมเหรอ” ผมแกล้งบอกเสียงเข้ม หน้าตาจริงจัง
“กู…”
เขาจะพูดแต่ก็เงียบไป สักพักเขาก็ปล่อยมือ ผมรอดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ หลังจากที่ผมพูดไปแบบนั้นเขายังจะกล้าใช้กำลังบังคับผมอีกไหม
“กลับห้องมึงไป”
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไล่ผมกลับห้องแทนที่จะใช้กำลังบังคับผมเหมือนแต่ก่อน ผมยิ้มกว้างที่เขายอมถอยเพื่อผม
“ไม่อยากกอดผมแล้วเหรอ” ผมแกล้งถาม
เขาขึงตาดุใส่แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรผมไม่ได้ น่าสงสารจัง
“พี่แซท” ผมเรียกเขา นั่งลงข้างๆ
“กูบอกให้กลับห้องมึงไป”
เขาว่าเสียงขุ่น แต่ผมไม่สนใจขยับเข้าไปชิดเขา
“พี่ควินกอดผมมากี่วันแล้วน้า…” ผมแกล้งพูดขึ้น
“ต้าร์…อย่าทำให้กูหมดความอดทน”
น้ำเสียงอดกลั้นเต็มทนทำให้ผมหลุดขำออกมา ไม่แกล้งต่อแล้วก็ได้
“พี่แซท”
ผมเรียก แต่เขาไม่หันมามอง ผมเลยยื้อตัวขึ้นยกสองมือคล้องคอเขาไว้ คราวนี้เขาหันมามองผมด้วยท่าทีมึนงง ผมยิ้มหวานให้เขาพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ไม่อยากกอดผมจริงๆเหรอ”
“อย่ายั่วกูถ้ามึงไม่เต็มใจ”
บทจะเอาจริงเขาก็ทำได้จริงๆแฮะ
“แล้วถ้าผมเต็มใจล่ะ”
คราวนี้เขาเงียบ จ้องตาผมนิ่ง ผมแกล้งลูบไล้ฝ่ามือที่หลังคอเขาเบาๆ ปฏิกิริยาตอบกลับคือนัยน์ตาคมเข้มสื่อความหมายว่าเขาต้องการผมใจแทบขาด!
“ทำให้ผมเห็นหน่อยสิว่าพี่ต้องการผมมากแค่ไหน”
จบคำพูดเขาพลิกตัวผมเอนลงที่นอน ตามขึ้นมาคร่อมผมไว้
“มึงจะทำให้กูคลั่งตายแล้วต้าร์”
ผมยิ้มก่อนจะถูกปิดปากด้วยจูบร้อนแรง อ้อมกอดและแรงปรารถนาของเขาแผดเผาผมไปทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยนอกจากเสียงแหบพร่ากระซิบบอกรักผมตลอดคืน!
ผมลืมตาตื่นเพราะรู้สึกปวดท้อง จะขยับลุกขึ้นก็ติดแขนที่พาดอยู่ตรงเอว หันไปมองก็เห็นพี่แซทกำลังนอนหลับอยู่ ผมยิ้มก่อนค่อยๆจับแขนเขาออก แต่ผมคงออกแรงเยอะไปเขาเลยตื่น ใบหน้าหล่อสะบัดไปมาแล้วจ้องผมนิ่ง
“ตื่นนานแล้วเหรอ”
เขาถามพลางยื่นมือมาทาบหน้าผากผมคล้ายจะวัดอุณหภูมิ
“เพิ่งตื่นครับ แล้วพี่แซทไม่ไปเยี่ยมคุณยายเหรอครับ ป่านนี่พี่ควินรอแย่แล้ว ตอนนี้กี่โมง…”
ผมถูกปิดปากด้วยจูบหนักๆ ขณะที่หัวผมกำลังมึนงง คนจูบก็ค่อยๆผละออกไปยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่ทำให้ผมหยุดพูดได้
“ยายออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ควินมันก็อยู่ดูแลยายที่บ้าน แต่เดี๋ยวตอนค่ำมันก็มา”
พี่แซทตอบคำถามผมแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มาดูก่อนเงยหน้ามองผม
“ตอนนี้ บ่ายสามโมง”
ผมหัวเราะที่เขาตอบคำถามผมได้หมด มือใหญ่ลูบแก้มผมไปมา นัยน์ตาคมก็จ้องผมนิ่ง
“เจ็บไหม เมื่อคืนกูทำมึงเจ็บหรือเปล่า”
พอเขาถามถึงเรื่องเมื่อคืน ผมก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“เอ่อ…ไม่…ไม่เจ็บครับ”
ผมตอบอึกๆอักๆ หันหน้าหนีสายตาคม แต่เขาก็ตามมาเกยคางกับบ่าแล้วเป่าลมร้อนๆใส่หูให้ผมขนลุก เมื่อคืนยังแกล้งกันไม่พอหรือไง!
“ผมหิว” ผมบอกเสียงเบาแล้วเบี่ยงตัวออกห่าง
“กูสั่งข้าวมาให้แล้ว เดี๋ยวไปอุ่นให้”
พี่แซทลงจากเตียง ออกจากห้องไปจัดการอุ่นข้าวให้อย่างใจดีผิดวิสัย ระหว่างรอผมมองสำรวจตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ยาวถึงเข่าสวมอยู่บนตัวเพียงชิ้นเดียวโดยปราศจากกางเกง ผมจับชายเสื้อเลิกขึ้นก็เห็นรอยแดงเป็นจ้ำตรงต้นขาทั้งสองข้าง แต่ไม่มีคราบเปรอะเปื้อนหลงเหลืออยู่อย่างที่คิด พี่แซทคงเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้ผมตั้งแต่เมื่อคืน ผมยิ้มกับความเอาใจใส่ของเขา สภาพเตียงยับย่นทำให้ผมนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืน พี่แซทสัมผัสผมอย่างอ่อนโยน เขาพยายามไม่ให้ผมเจ็บ ยอมสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเพื่อผม พยายามยับยั้งอารมณ์ดิบเถื่อนเวลาที่สอดใส่เข้ามาในตัวผม เขายอมทำเพื่อผมแม้แต่ตอนที่กำลังจะปลดปล่อย เขาก็มองหน้าผมอย่างลังเลไม่มั่นใจ ผมเชื่อว่าตอนนั้นถ้าผมส่ายหน้าปฏิเสธ เขาคงไม่กล้าขัดความต้องการของผมหรอก
“เสร็จแล้ว ออกไปกินข้าว”
ผมหันไปตามเสียงเรียก พี่แซทเดินเข้ามาหยุดข้างเตียงยื่นมือออกมาตรงหน้า ผมยิ้มแล้ววางมือให้เขาจับ เราเดินออกจากห้องตรงไปที่ห้องนั่งเล่น มีข้าวผัดหนึ่งจานวางอยู่บนโต๊ะเคียงข้างกับถ้วยน้ำซุป
“พี่แซทไม่กินเหรอครับ” ผมถามพลางนั่งลงบนโซฟา
“กูอิ่มแล้ว กินมึงมาทั้งตัว ทั้งคืน”
น้ำเสียงยั่วเย้าทำให้ผมหมั่นไส้หันไปจ้องตาคนพูดเขม็งก่อนตีแขนเขาแรงๆทีนึง
“หยุดพูดเลยผมจะกินข้าว” ผมบอกเสียงเข้ม
พี่แซทเงียบแต่ปากยังยิ้ม มือก็ลูบไล้ต้นขาผมไปด้วย ผมเลิกสนใจเขาแล้วหันมามองจานข้าว ลงมือทานโดยมีคนนั่งข้างๆก่อกวนผมไม่หยุด
“ลูบพอหรือยังครับ” ผมหันไปถามหลังจากทานข้าวหมดจาน
“ยัง ให้ลูบทั้งตัวก็ไม่พอ”
คำพูดส่อเจตนากับสายตากรุ่มกริ่มที่ส่งมาทำให้ผมอดไม่ได้ชกเข้าที่แขนเขาที่เดิม
“โอ้ย! เจ็บนะ”
เจ้าตัวโอดครวญแต่ผมถลึงตาใส่ สมน้ำหน้า! อยากหื่นดีนัก! ผมลุกขึ้นจะเอาจานไปเก็บแต่พี่แซทก็เอาตัวมาขวางไว้
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง”
เขาบอกแล้วหยิบจานกับถ้วยเดินเข้าห้องครัว พอเดินออกมาผมก็เห็นในมือเขาถือแก้วน้ำกับแผงยามาด้วย
“กินยาแก้ปวดกันไว้ก่อน เพื่อไข้ขึ้น”
ผมพยักหน้า พี่แซทแกะยาให้ ผมรับมาใส่ปากก่อนดื่มน้ำตามลงไป เขาดึงแก้วกลับไปวางไว้บนโต๊ะแล้วหันมากอดเอวผมรั้งเข้าหาตัว จังหวะที่เขาจะซุกหน้าลงมาผมก็เบี่ยงหลบยกมือยันอกเขาไว้
“ได้คืบแล้วจะเอาศอกเหรอครับ เมื่อคืนผมยอม แต่วันนี้ผมไม่ยอมนะ”
เสียงถอนหายใจยาวดังให้ได้ยินก่อนคนเอาแต่ใจจะยอมปล่อยผมออก
“ทีกับไอ้ควินทำไมมึงยอมวะ แม่งโคตรลำเอียง กูเพิ่งกอดมึงแค่คืนเดียวเอง”
น้ำเสียงตัดพ้อและท่าทีปั้นปึงทำให้ผมหลุดขำ ตัวโตซะเปล่าทำงอนเหมือนเด็กไปได้
“พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะครับ ผมมีเรียนตอนเช้าด้วย พี่จะใจร้ายให้ผมอดหลับอดนอนไปเรียนเหรอ”
คนฟังสะบัดหน้าพรืดกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟา หายใจฮึดฮัด ผมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ อยากงอนก็งอนไปสิ ผมไม่ง้อหรอก เมื่อคืนก็ยอมให้กอดทั้งคืนแล้ว ผมถือว่าตัวเองใจดีมากแล้วนะ
เสียงกระสุนปืนนัดสุดท้ายดังผ่านเฮดโฟนก่อนผมจะปิดโปรแกรมออกจากเกมที่เพิ่งดวลกับบอสจบ เจ้าตัวบ่นว่าหิวข้าวเลยขอออฟไลน์ไป ผมหันมามองนาฬิกาก็พบว่ามันล่วงเลยเข้าช่วงค่ำของวันมาหลายชั่วโมงแล้ว แปลกแฮะ พี่แซทไม่เข้ามาตามผมออกไปทานข้าว หรือเขายังงอนผมอยู่ คนอะไรขี้น้อยใจชะมัด ผมออกจากห้องตั้งใจไปง้อพี่แซท แต่พอมาถึงห้องนั่งเล่นก็ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ สงสัยจะอยู่ในห้อง กำลังจะหันหลังกลับเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพอดี ผมหันไปมองก็เห็นร่างสูงของพี่ควินเดินเข้ามา นัยน์ตาคมดูอิดโรยคล้ายคนอดนอน แต่ใบหน้าหล่อยังแย้มยิ้มส่งให้ผม
“ทานข้าวมาหรือยังครับ”
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าผมก็ถามเขาทันที พี่ควินพยักหน้าแล้วคว้ามือผมไปกุมไว้ ท่าทางเขาดูเหนื่อยๆ
“นั่งเถอะครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำผลไม้เย็นๆมาให้ จะได้สดชื่น”
ผมบอกแล้วดึงมือเขาดันไหล่กว้างให้นั่งลงบนโซฟาก่อนผละมาเอาน้ำผลไม้ในห้องครัว
“ไอ้แซทไปไหน”
“อยู่ในห้องมั้งครับ”
ผมตอบแล้วยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้ เขารับไปดื่มรวดเดียวหมด
“มันโทรมาด่ากูแล้วตัดสายไป สันดานเสียจริงๆ”
เสียงเข้มสบถ ผมเลิกคิ้วงงว่าพี่แซทโทรไปด่าพี่ควินเรื่องอะไร
“ทะเลาะอะไรกันครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“เรื่องปัญญาอ่อน มันบอกว่ามึงรักกูมากกกว่า”
อะไรนะ! โทรไปด่าเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ เชื่อเขาเลย ไม่คิดว่าพี่แซทจะงอนผมแล้วพาลแบบนี้
“มึงนั่นแหละปัญญาอ่อน! ไอ้เหี้ยควิน!”
ผมสะดุ้งเพราะเสียงตวาด หันไปมองก็เห็นพี่แซทเดินหน้าบูดเข้ามา ตาเขาขวางเหมือนคนจะอาละวาดให้ได้
“กูขี้เกียจทะเลาะกับมึง”
พี่ควินว่าเสียงเรียบแล้วลุกขึ้นเดินสวนพี่แซทไป ผมเดาว่าเขาคงเหนื่อยเพราะเรื่องคุณยาย ไม่มีแรงมาทะเลาะกับพี่แซท
“โทรไปด่าพี่ควินทำไมครับ พี่ไม่พอใจผมก็มาด่าผมสิ ไปพาลใส่พี่ควินทำไม”
“ทำไมกูจะด่าไม่ได้ กูอยากด่ามันกูก็ด่า ทำไม!” พี่แซทว้ากใส่ผมด้วยสีหน้าดุดัน
“นิสัยไม่ดี ไม่น่ารักเลย” ผมว่าเสียงเรียบ
คนฟังยิ่งเดือดไปใหญ่ เขาจับคางผมบีบแน่น
“มึงว่าไงนะ พูดใหม่สิ!”
“ผมบอกว่าพี่นิสัยไม่ดี ไม่น่ารักเลย” ผมบอกย้ำ
“มึงกล้าว่ากูเหรอ!”
“ครับ” ผมตอบรับนิ่งๆ
พี่แซทคล้ายจะอึ้งไป เขาปล่อยคางผมแล้วหันไปเล่นงานแก้วบนโต๊ะแทน
“อย่านะครับ ถ้าพี่ขว้างแก้วแตก คืนนี้ผมไม่ให้นอนด้วยนะ”
พี่แซทชะงักค้าง มือที่กำลังเงื้อขึ้นจะขว้างแก้วค่อยๆลดลง ใบหน้าบึ้งตึงให้ตอนแรกคลายออกเป็นรอยยิ้ม
“พูดจริงหรือเปล่า”
เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ผมยิ้ม พยักหน้ายืนยัน พี่แซทยอมวางแก้วโดยดี เขาเข้ามากอดผมแน่น
“ผมง้อแล้วนะ ไปขอโทษพี่ควินด้วย เขาคงเหนื่อยเรื่องคุณยายมาทั้งวัน พี่โทรไปด่าเขาแบบนั้นได้ยังไง”
“ไม่ ช่างหัวมัน”
เขาบอกอย่างเอาแต่ใจ ผมหยิกแขนจนเขาสะดุ้ง
“ถ้าสลับกัน ถ้าพี่แซทเป็นพี่ควิน จะรู้สึกยังไงครับ คุณยายป่วยเข้าโรงบาลก็เครียดมากพอแล้ว ยังมาโดนเพื่อนโทรไปด่าซ้ำอีก”
พี่แซทเงียบไป เขาซุกหน้ากับซอกคอผม
“มึงรักมันมากกว่ากู มึงรักมันใช่ไหม”
ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องนี้ได้เนี่ย! ผมจับอ้อมแขนออกจากเอวซึ่งเขาก็ยอมปล่อยโดยดี หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ มองเขาอย่างจริงจัง
“ฟังนะ ผมไม่ได้รักใครทั้งนั้นแหละ ทั้งพี่ทั้งพี่ควิน”
นัยน์ตาคมคล้ายสั่นไหวอยู่วูบนึง แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ผมกำลังสับสน ผม…ผมหวั่นไหว ผมคิดว่ามันยังไม่ใช่ความรัก แต่…ผมคิดว่าผมคงรักพวกพี่ได้ แต่มันต้องใช้เวลา” ผมพูดไปอย่างเงอะๆงะๆเพราะมองตาเขาด้วย
“เอ่อ…” ผมพูดไม่ออก ในหัวมันตีกันยุ่งวุ่นวายไปหมด
“กูดีใจที่ได้ยินมึงพูดแบบนั้น”
พี่ควินเดินยิ้มเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ผมเม้มปากแน่น หันไปมองคนตรงหน้า พี่แซทอึ้งอีกแล้ว เขาตาโตมองผมเหมือนตัวประหลาด
“ไอ้ควิน มึงได้ยินเหมือนที่กูได้ยินใช่ไหม”
พี่แซทพูดขึ้น ผมขมวดคิ้วมองอาการแปลกๆของเขา
“เออ”
พี่ควินตอบสั้นๆ
“แม่งเอ้ย!”
จู่ๆพี่แซทก็สบถเสียงดังลั่นแล้วโผเข้ากอดผม มือใหญ่กดศีรษะผมให้แนบจนแทบจมไปกับอกเขา ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นรัว
“กูขอแค่มึงรักกูก็พอ กูขอแค่นี้ก็พอ จะใช้เวลาเท่าไหร่ นานแค่ไหนกูก็จะรอ”
“พี่แซท” ผมเรียกเขาเสียงแผ่ว
“ให้กูรอมึงทั้งชีวิต กูก็รอได้”
บ้าชะมัด หัวใจผมเต้นแรงแข่งกับเขาแล้ว!
“เอ่อ…”
ด้วยกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นดัง ผมเลยดันเขาออก พี่แซทส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ ผมหันหนีเพราะทนมองไม่ได้ แต่ก็ไม่พ้น เพราะยังมีพี่ควินยืนจ้องผมอยู่ข้างๆไม่ได้ขยับไปไหน
“รีบๆรักกูได้แล้ว”
พี่ควินกระซิบบอกข้างหู ผมย่นคอหนีเขาก็ตามมาประคองใบหน้าผมไว้ นัยน์ตาคมทอแววอ่อนโยนจนผมเผลอยิ้มตอบ
“กูอยากให้มึงรู้ไว้ หัวใจกูอยู่กับมึงมานานแล้ว”
“พี่ควิน” ผมเริ่มหาเสียงตัวเองไม่เจอ เพราะมันแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
เวลาที่ผมบอกไป…มันอาจจะใกล้เข้ามาแล้วก็ได้
------------------------------------------------------------------
เค้ากลับมาแล้ววว
ไม่ถนัดเขียนซีนหวานๆเลยจริงๆ หัวใจขอสารภาพ
ที่นานเพราะสมองตันบรรยายกับบทสนทนานี่แหละ เขียนซีนหวานทีไรสมองตันทุกที
ขอโทษคนที่รอนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นท์ด้วย
พยายามเค้นตอนหวานๆมาให้ชุ่มชื่นหัวใจ ตอนหน้าก็หวานนะ
แต่หลังจากนั้นจะหน่วงแล้ว