HEARTBREAKER
62
(60%)
“ไหนบอกไปทำรายงาน”
เสียงเข้มอาบอารมณ์เย็นยะเยือกของคนถามทำให้ร่างเล็กขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว นัยน์ตากลมโตเหลือบมองหนุ่มร่างสูงข้างกายอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอีกฝ่ายก็พร้อมปกป้องคนรักด้วยการวาดแขนมาโอบรอบเอวเล็กรั้งเข้าหาตัว
“ไปถามคนของพวกมึง อย่ามาหาเรื่องพวกกู”
เสียงขบกรามอย่างระงับโทสะเล็ดรอดให้คู่รักสะพรึงจนเผลอก้าวถอยหลังพร้อมกันอย่างระวังภัย
“ควิน กูว่าพวกมันไม่รู้เรื่องหรอก เสียเวลาเปล่า”
แซทเอ่ยบอกเพื่อนสนิทแต่นัยน์ตาดุคมยังจ้องมองคนสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“กูจะถามครั้งสุดท้าย พวกมึงรู้อะไรบ้าง” ควินกดเสียงต่ำอย่างข่มขู่
“พวกกูไม่รู้ ต้าร์กับเฟียซไม่ได้บอกอะไรพวกกู นี่คือความจริง”
ตัวเล็กตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งขรึม แขนที่โอบเอวคนรักกระชับแน่นขึ้นตามสัญชาติญาณป้องกันตัว ทั้งสองฝ่ายยังคงจ้องมองกันอยู่อย่างนั้น จนเสียงโทรศัพท์ดังขัดสถานการณ์ ฝ่ายถูกกดดันจึงได้แต่ลอบถอนหายใจ
“ว่าไง ได้ข่าวรึยัง อะไรนะ!” แซทร้องดังใส่คู่สนทนา ใบหน้าหล่อเหล่าบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ
“หาตัวมันให้เจอ รีบหาให้เจอ!” ร้องสั่งก่อนตัดสาย หันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนดูอยู่ข้างๆ
“คนของกูบอกว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเจอรถไอ้ธัญญ์ที่โรงบาล มันบอกว่าเห็นต้าร์อยู่บรถไอ้ธัญญ์”
ควินกำหมัดแน่นสูดลมหายใจลึกอย่างพยายามระงับอารมณ์ ในใจพร่ำเพ้อถึงประโยคเดียวซ้ำๆ
’ต้าร์โกหกเขาจริงๆ ต้าร์โกหกเขา!’
“ไอ้เฟียซถูกรุม สลบอยู่โรงบาล”
“ว่าไงนะ!” บอสร้องเสียงหลงอย่างตื่นตระหนก “ตัวเล็ก เราไปหาเฟียซกันเถอะ” ความเป็นห่วงเพื่อนทำให้กล้าดึงมือคนรักเดินเร็วผ่านหน้ามาเฟียมหา’ลัยออกไป
เมื่อเหลืออยู่สองคน คำถามที่ค้างคาใจก็หลุดออกจากปาก ควินสบตาเพื่อนอย่างหวาดกลัวกับความเชื่อใจที่เคยลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้
“ต้าร์ถูกมันจับตัวไป…หรือเต็มใจไปกับมัน”
แซทนิ่งไปกับคำถาม รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระชากออกไปจากอก คำสัญญา ความเชื่อใจ คือสิ่งที่เขาคว้ามันไว้ไม่ได้แล้วในตอนนี้
“กูไม่รู้”
“ผมไม่ทำร้ายพี่หรอกน่า…เชื่อใจผมสิ”
ธัญญ์ยิ้มบอกร่างเล็กตรงหน้าพลางเก้าเข้าหาอย่างช้าๆ ในขณะที่อีกฝ่ายถอยหนีอย่างไม่ไว้ใจและหวาดกลัว นัยน์ตากลมโตสั่นไหวเมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ธัญญ์เอาแต่เหม่อลอยหลังพูดประโยคนั้นจบ สักพักก็หันไปมองรูปถ่ายที่ผนังห้อง เดินไปลูบมันอย่างจะรำลึกถึงเรื่องราวความหลังกับบุคคลในรูปถ่าย อยากจะใช้ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเผลอหาทางหนี แต่เพียงแค่คิดร่างสูงก็หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ
“ปล่อยพี่ไปเถอะนะ นายจับพี่มาแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ต้าร์พยายามพูดกล่อมให้น้องรหัสคล้อยตาม ยอมแทนตัวว่าพี่เพื่อหวังให้อีกฝ่ายใจอ่อน อย่างน้อยความสัมพันธ์ของสายรหัสอาจทำให้ธัญญ์สำนึกได้บ้างว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันผิด
“ผิดแล้วล่ะครับ พี่มีประโยชน์กับผมมากเลยล่ะ มากจนผมต้องจับตัวพี่มา”
แววตาเจ้าเล่ห์พร้อมการกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างบางไม่ทันไหวตัวหลบหลีก มือใหญ่ตะบบลงบนไหล่เล็กจับแน่นราวกับคีมเหล็ก เสียงร้องโวยวายดังลั่นห้องและอาการต่อต้านดิ้นรนสุดกำลังโถมเข้าใส่ร่างสูง แต่พละกำลังของคนตัวเล็กไม่สามารถหยุดยั้งโทสะแห่งความโกรธแค้นของอีกฝ่ายได้
ตุ้บ!
ต้าร์ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงจนตัวงอเพราะความเจ็บ ยังไม่ทันได้พลิกตัวหนี เจ้าของห้องก็ตามมาคร่อมตัวจับตรึงไหล่ให้หยุดดิ้น
“นายมันบ้าไปแล้วธัญญ์! นายมันบ้า!”
ต้าร์ร้องใส่อย่างสุดทน นัยน์ตาแดงก่ำอย่างแค้นใจที่ไม่สามารถขัดขืนกำลังของคนที่คร่อมอยู่เหนือร่างได้
“เออ! ผมมันบ้า! ที่ผมต้องเป็นบ้าแบบนี้ก็เพราะพวกมัน! เพราะพวกมัน!!”
เสียงตะคอกดังราวกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า ต้าร์ตัวสั่นเม้มปากแน่น น้ำตาจวนเจียนจะไหลออกมาประจานความอ่อนแอ แต่ถึงจะหวาดกลัวมากแค่ไหนก็ยังอยากให้อีกฝ่ายคิดเปลี่ยนใจ
“นายเอาแต่โทษคนอื่น ทำไมไม่มองดูตัวเองบ้าง ถ้านายปล่อยวางไม่คิดแค้น…”
“หุบปาก!!!”
ธัญญ์ตะโกนใส่ร่างเล็กพลางเอามือปิดปากไว้แน่น ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่คนสำคัญถูกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายแทงเข้าใส่ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ หยดเลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากตัว สีหน้าเจ็บปวดทรมาน ร่างสูงที่ค่อยๆล้มลงนอนจมกองเลือด ความตายพรากคนที่เขารักจากไป แต่คนที่พรากมันไปจากเขายังลอยนวล มันยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมอย่างไม่ทุกข์ร้อน ที่สำคัญ…มันยังกล้ามีความรักได้อย่างไม่ละอายต่อบาปที่มันก่อ!
นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องมองหน้าคนใต้ร่างที่ส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในลำคออย่างยากลำบาก แสยะยิ้มร้ายกาจกับสิ่งที่จะทำต่อไป ในเมื่อมันกล้ามีความรัก ในเมื่อมันมีคนที่รัก เขาก็จะทำลายความรักของมัน ให้มันได้เจ็บปวดทรมานเหมือนที่เขาเป็น!
“ได้ที่อยู่มันแล้วครับบอส”
เสียงรายงานของอะดอนิสเรียกให้แซทหันไปมองก่อนรับโพสต์อิทมาดู นัยน์ตาคมแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ท่าทีที่เจ้านายแสดงออกทำให้ลูกน้องที่ยืนมองอยู่รอบๆกดดันและหวาดกลัวกับอารมณ์นั้น แซทหันไปสบตากับควิน แล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปที่รถ แต่ยังเดินไปไม่ถึงอังเดรก็เข้ามาขวาง
“ผมจะขับรถให้เองครับ”
ด้วยกลัวกับอารมณ์เลือดร้อนของเจ้านายหนุ่ม หากให้ขับรถเองเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“เชิญครับ” อะดอนิสคู่หูเปิดประตูคอยท่าเจ้านายอย่างรู้งาน
แซทไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ถึงความหวังดีของลูกน้องจึงขึ้นรถไปเงียบๆ
“รู้ใช่มั้ยว่ากูต้องไปให้ถึงเร็วที่สุด” ควินที่ขึ้นรถตามมาบอกอังเดรเสียงเข้ม
“กูจะฆ่ามัน” แซทพูดขึ้นขณะที่รถเคลื่อนตัวออก
ควินหันไปมองเพื่อนโดยไม่พูดอะไร เพราะในใจเขาก็คิดแบบเดียวกัน
“ถ้ามันกล้าแตะต้องต้าร์ กูจะฆ่ามัน”
ไม่มีใครพูด ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา แต่อะดอนิสและอังเดรรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มกับเพื่อนสนิทพร้อมจะฆ่าคนที่กล้าขโมยคนสำคัญของพวกเขาไปอย่างแน่นอน
“เราต้องรีบทำเวลาหน่อย ก่อนที่พวกมันจะมาถึง”
ธัญญ์แสยะยิ้มให้ร่างบางที่นอนเหงื่อแตกพลั่กนัยน์ตาปรือปรอย หลังจากถูกเขากรอกเมจิกเปเปอร์ให้มึนเมา ในตอนนี้อดีตพี่รหัสของเขาไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านหรือแม้แต่จะเอ่ยปากพูดออกมาด้วยซ้ำ
“ผมรู้ว่าพี่เป็นคนดี แต่พี่ก็ผิดที่มาเป็นคนรักของพวกมัน”
สองมือใหญ่ประคองใบหน้าเรียวเล็กไว้พลางจ้องเข้าไปในดวงตาใสเจือน้ำตา
“ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก แค่อยากให้พี่นอนอยู่เฉยๆแบบนี้ก็พอ”
รอยยิ้มพึงใจกดลึกที่มุมปากก่อนร่างสูงจะผละห่างออกมาจัดการกับอุปกรณ์สำคัญ ขาตั้งกล้องขนาดเล็กและเครื่องมือสื่อสารถูกติดตั้งในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าของห้องเดินกลับมาที่เตียง ขึ้นคร่อมร่างเล็กที่ยังนอนสะลึมสะลือ จัดการถอดชุดออกอย่างรีบเร่งด้วยกลัวจะไม่ทันเวลา นัยน์ตาคมมองผิวกายขาวผ่องอยู่ครู่นึงก็ถอนสายตากลับมาถอดชุดของตัวเองบ้าง ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่บดเบียดเสียดสีกันอยู่บนเตียง โดยที่การเคลื่อนไหวเหล่านั้นถูกบันทึกลงเครื่องมือสื่อสาร ชัดทั้งภาพและเสียง…
ริมฝีปากหยักลึกเคลื่อนไปที่ข้างหูเล็ก กระซิบบอกเบาๆกับคนที่ไม่มีสติรับรู้
“ขอโทษนะที่ผมต้องทำแบบนี้ พี่ก็คิดซะว่ากำลังชดใช้กรรมแทนพวกมันก็แล้วกัน”
รถBMWสีดำจอดหน้าทาวน์โฮมที่อยู่ของเป้าหมาย ด้วยใจที่ร้อนรุ่ม สองหนุ่มร่างสูงรีบเปิดประตูลงจากรถ นัยน์ตาคมของทั้งคู่มองผ่านรั้วเข้าไปด้านใน แม่กุญแจและโซ่เหล็กอันใหญ่ล็อคคล้องอยู่กับประตูรั้วบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในเวลานี้
“เอาปืนมา” แซทสั่งเสียงเข้ม
อังเดรหันไปสบตากับอะดอนิสก่อนเอาอาวุธที่เหน็บอยู่ในเสื้อสูทส่งให้เจ้านายหนุ่มตามคำสั่ง ควินถอยห่างออกมาจากเพื่อนซี้ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นสองนัด โซ่เหล็กและแม่กุญแจร่วงลงพื้นตามมาหลังจากนั้น คนยิงยกเท้าถีบรั้วประตูให้เปิดออกก่อนเดินเข้าไปด้านใน ควินรีบเดินตามเพื่อนเข้าไป นัยน์ตาคมสอดส่องมองหาคนสำคัญด้วยใจที่ร้อนรน
“พวกมึงหาให้ทั่ว” แซทสั่งลูกน้องก่อนเดินขึ้นไปชั้นบนเมื่อหาชั้นล่างไม่พบ
“มันรู้ว่าเราจะมา”
ควินเอ่ยขึ้นพลางก้าวตามหลังเพื่อน เพราะทุกที่ที่คาดว่ามันจะไป คนของพวกเขาก็หากันหมดทุกที่แล้วแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา เหลือก็แต่ที่นี่ บ้านของมัน เขาเชื่อว่ามันรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วว่าพวกเขาจะมา มันไหวตัวทัน ในขณะที่พวกเขาช้ากว่ามันก้าวนึง
แซทถีบประตูห้องชั้น2พลางเล็งปืนนำเข้าไปก่อน สิ่งแรกที่ประทะสู่สายตาคือเตียงนอนที่สภาพยับย่น มือที่ถือปืนอยู่กระชับแน่น นัยน์ตาคมสั่นไหวอยู่วูบนึงก่อนกลับมาแข็งกร้าว ร่างสูงเดินตรงไปที่เตียง นำมือข้างที่ว่างสัมผัสกับผ้าปู ความอุ่นของมันทำให้รู้ว่าเตียงนี้เพิ่งมีคนสัมผัสมันไปก่อนหน้านี้!
“ไอ้เหี้ยธัญญ์! กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!!” แซทตะโกนลั่นห้อง
ควินไม่ได้หันมองเพื่อน สายตาเขาจ้องมองที่ผนังห้องซึ่งเต็มไปด้วยรูปถ่าย ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในห้วงความคิดแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะสลัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ย้ำเตือนกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปในวันนั้นมันถูกต้องแล้ว
“มันพาต้าร์มาที่นี่แน่” แซทบอกเพื่อนก่อนเดินอกจากห้องไป
ควินมองไปที่เตียง ความรู้สึกเหมือนถูกควักหัวใจออกไปจากอกเร่งเร้าเข้ามาจนแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมหันกลับมามองรูปถ่ายที่ผนัง เสียงเข้มเอ่ยกับคนในรูปอย่างคับแค้นใจ
“มึงอยากแก้แค้นกูใช่มั้ย ได้…กูจะให้มึงไปอยู่กับไอ้ฮาร์ฟ พวกมึงจะได้อยู่ด้วยกันในนรก!”
“ไม่พบตัวคุณหนูครับ ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้” อังเดรรายงานผลกับเจ้านายหนุ่ม
แซทตวัดสายตากราดเกรี้ยวมองหน้าลูกน้อง เสียงขบกรามแน่นดังลอดไรฟันให้ได้ยินจนขนลุกด้วยความหวาดกลัว
“หาให้เจอ! คืนนี้กูต้องได้เมียกูกลับมา ถ้าพวกมึงทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้า จะไปตายห่าที่ไหนก็ไป!”
ธัญญ์เลี้ยวรถเข้าจอดเทียบหน้าโรงพยาบาลที่พ่อและแม่ทำงานอยู่ที่นี่ เขามองคนที่หลับไม่ได้สติอยู่ข้างๆก่อนจับหมวกที่สวมอยู่ดึงลงให้ปิดบังใบหน้ามากที่สุดก่อนเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมมาเปิดประตูอีกฝั่ง อุ้มคนบนรถออกมาก่อนร้องเรียกเจ้าหน้าที่ให้มารับตัว
“ช่วยด้วยครับ”
ผู้ช่วยพยาบาลรีบเข็นเตียงนอนผู้ป่วยมารับร่างที่หมดสติทันทีที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ
“คนป่วยเป็นอะไรคะ”
“เป็นลมครับ” ธัญญ์ตอบปัดพลางดึงหมวกลงต่ำด้วยไม่อยากให้ใครจำหน้าได้
เตียงถูกเข็นตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ธัญญ์แสร้งเดินตามไปอยู่ครู่นึงก็มองหาทางหนี เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดและเตียงถูกเข็นเข้าไป ร่างสูงก็รีบเดินหนีออกมาขึ้นรถและขับออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ได้เวลาเหยียบหัวใจมึงแล้วไอ้ควิน”
ธัญญ์แสยะยิ้มสะใจ ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอมือถือไปที่ไฟล์วิดีโอก่อนกดส่งไปที่เบอร์ของคนที่เกลียดจนอยากจะฆ่าให้มันตายทั้งเป็น
“ในเมื่อกูไม่มีความสุข พวกมึงก็อย่าหวังจะมี!”
บรรยากาศภายในรถถูกความกดดันเข้าครอบคลุม เสียงลมหายใจหนักหน่วงของสองหนุ่มบอกภาวะอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อถ้าเวลายังผ่านไปโดยที่ยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆเกี่ยวกับคนรัก
“เหี้ยเอ้ย! มาหมดไรตอนนี้วะ” แซทสบถอย่างหัวเสียที่แบตฯโทรศัพท์หมดในสถานการณ์แบบนี้
“ควิน เอาโทรศัพท์มึงมาดิ ของกูแบตหมด”
เจ้าของชื่อไม่เอ่ยตอบอะไรแต่ล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารในกางเกงออกมา นัยน์ตาคมกระตุกกับแสงสว่างของหน้าจอ คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นไอคอนแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความมาให้
“เอามาสิวะ” แซทเร่ง จ้องหน้าเพื่อนเขม็ง
ควินไม่สนใจ นัยน์ตาคมจองโทรศัพท์ก่อนเปิดดูข้อความด้วยเสียงหัวใจที่เต้นดังผิดจังหวะ สัญญาณบางอย่างบอกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องดี
‘ไอ้หน้าโง่’
มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเพราะคำสามคำที่ได้อ่าน ใบหน้าหล่อเหล่าบิดเบี้ยวเพราะแรงอารมณ์ แซทที่มองหน้าเพื่อนอยู่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับอาการของเพื่อนซี้
ควินสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลงแต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับไม่ได้มีแค่ข้อความ มันยังมีคลิปวิดีโอ… เปลือกตาหนาปิดลงอย่างวอนขอต่อพระเจ้า ขอให้สิ่งที่คิดอย่าเป็นความจริง ขอให้มันไม่จริง
“เป็นไรวะ”
แซทถามเพื่อนพอดีกับที่ปลายนิ้วของควินกดเปิดวิดีโอ เสียงครางดังออกมาให้ได้ยิน…
ควินจ้องภาพเคลื่อนไหวนั้นด้วยนัยน์ตาสั่นไหวก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เฮ้ย! ควิน…มึงเป็นไรวะ!” แซทร้องเสียงหลง
เจ้าของชื่อไม่ตอบคำถาม ทนดูคลิปวิดีโอจนจบด้วยหัวใจที่ร้าวรานคล้ายกับมีมือลึกลับมาบีบเคล้นมันให้เต้นช้าลงทุกขณะ มือสั่นหนักขึ้นจนทำโทรศัพท์ตก แซทเห็นอาการแปลกๆของเพื่อนก็รีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาดู สาเหตุอะไรที่ทำให้เพื่อนเขาร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆ!
“หามันให้เจอ” เสียงสั่นพร่าเอ่ยขึ้น นัยน์ตาคมแดงก่ำ ควินหันไปจ้องหน้าเพื่อนสนิท
“เอาตัวมันมาให้กู กูจะฆ่ามันด้วยมือกูเอง!”
-----------------------------------------------
Thanks for all your comments and sorry I'm late