Friend's brother Brother's friend 09, น่ารัก
[Beam's talk]
เส้นผมชื้นเหงื่อสีแดงเพลิงลู่ลงมาบนใบหน้าขาวจนซีด
จมูกเชิดเป็นสันมันเยิ้ม
ริมฝีปากบางสีสดเผยอหอบถี่ให้แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ...น่ารักผมนั่งอยู่บนสแตนสนามกีฬาในร่ม จรดจ้องไปยังนักฟุตซอลเบอร์ 10 ไม่วางตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงคิดว่ามันน่าเอ็นดูเหมือนคนอื่น แต่ถึงเวลานี้พอได้พินิจพิจารณาเด็กหนุ่มตัวบางที่สุดในสนามแล้วก็กลับไม่อาจละสายตาออกมาได้ ผมยอมรับว่าตัวเองสนใจณัฐธนิชมากกว่าทุกที อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาแปลกๆที่มันทำ พอเข้าใกล้จะถอยหนี พอสบตาก็ยิ่งเกร็งตัว ซึ่งนั่นก่อให้เกิดความวูบไหวในใจว่าสิ่งที่ผมพูดวันก่อนส่งผลอะไรบางอย่างกับความรู้สึกของมันจริง
แต่ทั้งๆที่รู้สึกเหมือนเพิ่งใช้เวลามองนักเตะหัวแดงในสนามเพียง 5 นาทีเท่านั้น ทว่าเสียงตะโกนหมดเวลาที่ดังขึ้นจากอีกฟากกลับบอกให้รู้ว่าเราใช้เวลาร่วม2ชั่วโมงเต็มแล้วที่สนามฟุตซอลท์ในร่มแห่งนี้ ชายวัยฉกรรจ์จำนวน12คนค่อยๆชะลอฝีเท้าลง แต้มฝั่งทีมไอ้บอมนำเด็กสถาปัตย์เพื่อนมันอยู่ 2 - 1 จึงไม่มียิงลูกโทษให้ผู้เล่นทั้งสองเหนื่อยหนักกว่าเก่า
ไม่บ่อยนักที่ผมจะมานั่งเฝ้าเด็กๆเล่นฟุตบอล และเป็นครั้งแรกที่กลุ่มเด็กๆที่ผมมานั่งเฝ้าจะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมไอ้บอมทั้งทีม
"เหนื่อยชะมัด เฮีย บูมขอน้ำหน่อย"
ตี๋เล็กวิ่งออกจากสนามคนแรก ผมยื่นขวดน้ำดื่มเย็นๆให้มันก่อนโยนให้คนอื่นที่เดินตามมา เหงื่อกาฬเปียกเต็มหลังนักเหล่ากีฬา บอม โชติ แม้กระทั่งเน็ตถึงกับถอดเสื้อชุ่มๆพาดไพล่บ่าเอาไว้คลายร้อน
ถึงหน้ามันจะขาวจนซีด แต่ผิวใต้ร่มผ้ากลับแดงก่ำตามอุณหภูมิของร่างกาย ขวดน้ำที่ผมโยนให้ถูกไอ้เน็ตเปิดฝาราดหัวแล้วสะบัดๆหลายทีจนหยดน้ำกระเซ็นไปรอบตัว
"ฮื่อ เปียกคนอื่นหมด"
ผมดุมัน ไอ้ตัวเล็กชะงักมองผมหวาดๆ พอผมก้าวผ่านเพื่อนๆมันตาใสก็ผวา ยิ่งตอนที่ยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กที่พกติดมาด้วยให้ ไอ้หัวแดงยิ่งชะงักมองผมด้วยสายตาหวาดระแวงก่อนเหลือบมองเพื่อนๆมันที่เริ่มมองหน้ากันไปมา
"ให้ไอ้บูมมันเถอะ"
"ไอ้บูมมันเอาน้ำราดหัวเหมือนมึงไหมเล่า?"
ผมเอาผ้าไปวางแหมะบนหัวมัน ไอ้ดื้อทำทีจะเบี่ยงตัวหนีแต่ก็ทำได้แค่ฮึดฮัดเพราะผมจัดการลอคหัวมันไว้ด้วยสองมือ ออกแรงยีเช็ดผมยาวแดงของมันเบาๆก่อนเลื่อนผ้ามาเช็ดหน้าและซอกคอที่ยังซึมเหงื่อ หน้าสีซีดของไอ้เน็ตเริ่มเปลี่ยนเป็นแดง มือขาวกระตุกดึงผ้าในมือผมออกแล้วเดินหัวเสียออกห่าง
"ประสาท!" มันบ่นในลำคอไม่ให้คนอื่นได้ยินแล้วเดินนำลิ่วไปห้องน้ำโดยมีไอ้บอมวิ่งตามไปติดๆ เพื่อนมันคนอื่นปรายตามองผมยิ้มๆก่อนเดินตามๆกันไป มีก็แต่น้องชายคนเล็กที่สะกิดผมยิกๆไม่ยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนคนอื่นเสียที
“อะไร?”
“เฮียนั่นแหละเป็นอะไร เห็นตั้งแต่อยู่ในสนามแล้ว เอาแต่มองพี่เน็ต”
ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมเลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยีหัวเหม็นเหงื่อของตี๋เล็กไม่ตอบ มือขาวเหลืองของบูมจึงเลื่อนมาจับข้อมือผมไว้แล้วบังคับให้มองหน้ามัน
“มันไม่เหมือนสายตาของลูกผู้ชายมองกันนะ”
ไอ้บูมดื้อแพ่งเหมือนจะคาดคั้น มันจ้องผมนิ่งตาไม่กระพริบ ก่อนโพล่งถามคำถามที่คาใจมันอยู่
“ชอบพี่เน็ตเหรอ?”“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แล้วเดี๋ยวไปต่อกันที่ไหน?”
พอเปลี่ยนเรื่องบูมก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ เดินสะบัดงอนไปให้ผมต้องเร่งฝีเท้าให้ทันเพื่อจะแก้ตัวไม่ให้มันโกรธด้วยการตอบให้ตรงคำถามที่มันอยากรู้ ให้ตายสิ ปิดไม่ได้เลยจริงๆ
“เน็ตก็น่ารักดี” ผมตอบ ไอ้ตี๋เบิกตากว้างในวินาทีแรกที่ผมตอบยิ้มๆ ก่อนหรี่ตาลงเค้นหาความจริง
“เฮียชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไร? ไอ้คนที่พามาบ้านวันก่อนนั่นก็เด็กเฮียใช่ไหม? แล้วจะยังไง พี่เน็ตเฮียก็บอกว่าน่ารัก แล้วไอ้เก้งหูตาแพรวพราวคนนั้นอีก”
บูมซัดคำถามมารวดเดียวจนผมไม่รู้จะตอบอะไรก่อน คนที่พามาบ้าน วันก่อนที่บูมพูดถึงคงเป็นภูมินทร์ ดารารุ่นน้องที่มาแคสบทพระเอกในหนังเรื่องใหม่ที่จะเปิดกล้องเดือนหน้า
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าตื่นเต้นถ้าเหล่าดารานักแสดงชายจะเป็นเกย์ ตุ๊ด กระเทย หรืออะไรก็ตาม ต้องยอมรับกันว่าบุคคลเหล่านี้มีพรสวรรค์มากกว่าผู้ชายทั่วไปที่จะแข็งมะลื่อทื่อ ไอ้มินมันเป็นเกย์ที่สร้างภาพว่าเป็นแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ต่อหน้ากล้อง แต่กับสังคมเราๆมันก็เปิดเผยเต็มตัวไม่ปิดบัง แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจตอนที่บูมทักว่ามินมันเป็นเกย์ทั้งที่เดินผ่านกันแค่ปราดเดียวนั่น หูตาไอ้รุ่นน้องที่ว่าแพรวพราวนั่นเด่นชัดขนาดที่บูมมันจับได้เลยจริงๆน่ะหรือ?
อาจเป็นเพราะผมเองก็ไม่ได้สนิทกับมันนักจึงไม่ทันสังเกต แต่เหตุสุดวิสัยตอนนั้นเกิดขึ้นเพราะภูมินทร์เป็นนักศึกษาจากสถาบันเดียวกัน จวบกับวันที่ผมไปส่งมันที่คอนโดวันนั้นมันเสือกลืมกุญแจไว้กับพี่สาวซึ่งออกต่างจังหวัดพอดีเป๊ะ ผมเลยต้องรับบทเป็นรุ่นพี่ใจกว้างแบ่งซีกเตียงให้มันซุกหัวนอน
“ไอ้มินมันเป็นรุ่นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้เป็นเด็กเฮีย”
ตาตี่ของตี๋เล็กกวาดมองผมเหมือนไม่เชื่อ ผมก็ไม่เห็นถึงความสำคัญที่จะเซ้าซี้ แต่พอจะเดินผ่านมันไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจจะแก้ตัว บูมก็กลับเชื่อผมที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องไอ้มินเหมือนวัวสันหลังหวะเลยพูดขึ้นมาลอยๆ
“พี่บอมกับคนอื่นจะไปกินหมูกระทะเสี่ยเช็ง แต่เห็นว่าพี่เน็ตจะกลับบ้านไปกินข้าวกับแม่ สงสัยรีบอาบน้ำออกไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยแล้วมั้ง”
ผมหันไปยิ้มให้น้องชาย มันยักคิ้วล้อผมนิดๆก่อนเดินตัดหน้าเข้าห้องน้ำ ไม่กี่นาทีจากนั้นผมก็เห็นไอ้เน็ตเดินออกมารีบๆ เสื้อบอลเบอร์10ที่มันสวมเมื่อกี้คงคืนไอ้บอมไปแล้ว ตอนนี้เน็ตสวมเสื้อแขนยาวลายทางขาวสลับดำตัวเดียวกับเมื่อเช้า มันถกแขนเสื้อซ้ายขึ้นดูนาฬิกา สองขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย ถึงแบบนั้นก็ยังช้ามากพอให้ผมจับข้อศอกมันได้อยู่ดี
“เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร”
“รีบไม่ใช่เหรอ?” ไอ้เน็ตยกมือขึ้นดูนาฬิกาอีกรอบแล้วถอนหายใจ น่าจะหกโมงได้แล้ว ตากลมหันกลับไปมองทางห้องน้ำพอไม่เห็นเพื่อนๆมันเลยพยักหน้าลงเดินตามผมมาเงียบๆกระทั่งถึงเป้าหมายซึ่งเป็นลานจอดรถในที่แจ้ง
“บอกแม่ว่าจะเข้าไปตอนกี่โมง”
ผมถามเมื่ออีกคนสอดตัวเข้ามาในรถ เน็ตโคลงหัวแล้วกดเปิดวิทยุด้วยความเคยชิน
“ไม่ได้นัด จะมาเซอร์ไพรส์”
“แวะซื้อของกลับไปให้แม่หน่อยไหม?”
“อัฐยายซื้อขนมยายรึ? ผมยังขอตังค์แม่ใช้อยู่เลยนะเฮีย ไม่ต้องซื้อให้หรอก ช่วยใช้เงินประหยัดๆหน่อยก็พอ ป้าแกจะว่างั้น”
ไอ้เน็ตเรียกแม่มันว่าป้า ผมอมยิ้มนิดๆในความทะเล้นทะลึ่งหน้าตาย ตอนแรกว่าจะรีบพามันกลับไปส่งบ้านแต่พอรถวิ่งผ่านบิ๊กซีก็อดเลี้ยวแวะเข้ามาไม่ได้
“ซื้อไปเถอะ นานๆที เดี๋ยวเฮียออกให้”
“หึ ป๋านักเหรอ?”
“อืม ทำงานแล้ว มีตังค์เลี้ยง”
“กูจะเอาให้จนเลย คอยดู” ไอ้เน็ตบ่นงึมงำ มันอาจคิดว่าผมไม่ได้ยินแต่ให้มันน้อยหน่อยไอ้แห้ง กูน่ะหูดียิ่งกว่าหมา ผมเดินตามหลังมันมาติดๆได้แต่อมยิ้ม หยิบรถเข็นตรงประตูทางเข้าเดินลัดเลาะตามซอยที่ถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน
ของที่ไอ้เน็ตหยิบลงตะกร้ามีทั้งนม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ พอไปโซนอาหารมันก็หยิบๆผลไม้สดวางซ้อนกันเต็มไปหมด
“แม่จะกินทันไหมเนี่ย? ซื้ออะไรเยอะแยะ”
“อย่างกน่าเฮีย”
ดูมัน คือกูไม่ได้งกครับน้องเน็ต แต่กูเสียดายของ ถ้าซื้อไปแล้วปล่อยเน่าคนลำบากใจจะเป็นแม่มึงนะ ได้แต่บ่นมันในใจแหละครับ อาสาจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแล้วก็ยอมให้มันถลุงเงินตามใจชอบสักวันแล้วกัน เน็ตมันก้มๆเงยๆหยิบโน่นเทียบนี่ อ่านฉลากข้างกล่องทุกครั้งดูสารอาหารในของที่จะซื้อ มันใส่ใจเรื่องสุขภาพแม่มากจนผมอดทึ่งไม่ได้
คุณเคยคิดไหม ว่าถ้าชีวิตหรึ่งเรามีคนแบบนี้มาอยู่ใกล้ตัวก็คงดี“1226บาท 25สตางค์ค่ะ"
พนักงานเคาท์เตอร์คิดเงินหันมาบอกหลังจากกดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดต๊อกแต๊ก ผมหยิบเงินสดออกมาจ่ายโดยที่ไอ้เน็ตยกถุงสีเขียวๆใส่กลับรถเข็นอีกรอบ ช่วงที่ผมกำลังรอรับเงินทอน ไอ้ตัวดีก็เดินนำลิ่วกลับรถไปโดยที่ไม่สนว่าจะมีกุญแจหรือเปล่าให้ผมเร่งฝีเท้าตามมันไป พอเปิดรถได้มันก็สวมตัวเข้าที่นั่งประจำ มือกอดถุงก๊อบแก๊บไว้แน่นไม่ยอมเอาไปเก็บท้ายรถอย่างที่ควร
“เร็วๆดิเฮีย เดี๋ยวกลับมืดแล้วแม่กินข้าวก่อน”
ผมยิ้ม ก่อนสวมตัวเข้าไปในตำแหน่งสารถีตามบัญชาตุ๊กตาหน้าใสเบาะข้างๆ
บ้านเน็ตเป็นบ้านสองชั้น พอเดินเข้าตัวบ้านกลิ่นเบเกอรี่ก็ลอยตลบ แม่มันเปิดโรงเรียนสอนทำขนมและส่งขายตามร้านไปด้วย ผมเคยมาส่งมันที่หน้าบ้านสองสามครั้งสมัยเรียน แต่ผ่านมาสี่ปี นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบเข้ามาภายใน เสียงดนตรีเย็นๆของเพลงลูกกรุงลอยมา มีเสียงภาชนะกระทบกันอยู่หลังบ้านซึ่งผมคาดว่าเป็นห้องครัวดังเป็นระยะ เน็ตหันมาบอกผมให้เดินเงียบๆแล้วย่องเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่ก้มๆเงยๆอยู่กับถาดอบขนมแสตนเลทสีบลอนเงิน
ฟุบ!! "อกอีแป้นจะแตก!!!"ผู้หญิงใบหน้าไร้เครื่องสำอางค์สะอาดสะอ้านอุทานขึ้นเสียงหลงหลังจากลูกชายตัวแสบคว้าเอวหมับเข้าสวมกอดจากด้านหลัง หล่อนหันมาตีที่ไหล่ไอ้เน็ตเบาๆสองสามทีทันทีที่รู้ว่าคนที่มาแกล้งให้หัวใจแทบวายไม่ใช่ใครอื่น แก้มใสแดงก่ำ ปากบางฉีกยิ้มร้องโอดโอยประชดมารดา
"แม่ อย่าตี เน็ตเจ็บ โอ๊ย เจ๊บ เจ็บครับ"
"ใครใช้ให้เล่นแบบนี้ ถ้าแม่หัวใจวายไปเน็ตจะทำยังไง หืม? เจ้าลูกคนนี้ซนไม่เข้าเรื่อง นี่แหน่ะ ตีอีกซักทีดีไหม"
"เซอร์ไพรส์ไงครับ โถ่ ทำเป็นดุ ที่จริงก็ดีใจใช่ไหมล่ะ"
เน็ตไม่สำนึกผิด แม่มันเลยหยิกที่พุุงให้เนื้อเขียวก่อนหันมามองผมซึ่งยกมือไหว้ทั้งๆที่ถุงบิ๊กซียังหิ้วพะรุงพะรังเต็มสองมือ
"ไหว้พระเถอะลูก บอมหรือเปล่าเนี่ย โตขึ้นเยอะเลย"
"ไม่ใช่ครับ ผมบีม เป็นพี่ชายบอม"
"อ้อ พ่อดาราคนนั้นเอง หน้าถอดแบบกันมาทั้งพี่ทั้งน้องเชียว แล้วนั่นอะไรเต็มไปหมด วางก่อนลูกวาง"
คุณแม่กุลีกุจอมาช่วยผม ไอ้เน็ตเลยทำหน้าเซ็งๆมาแบ่งถุงจากมือผมไปวางบนเคาท์เตอร์ครัว
"เน็ตซื้อมาฝากครับแม่ ไม่ต้องบ่นเลย เงินเฮียบีม" มันรีบเอาหน้า ก่อนจะร้องโอดโอยอีกครั้งตอนที่มือกร้านของมารดาฟาดลงบนต้นแขนอีกรอบ
"ตายจริง! เน็ต!! ทำไมไปรบกวนพี่เขาล่ะ"
"ไม่รบกวนเลยครับ แลกกับมื้อเย็นก็พอ" ผมตอบแม่เน็ตยิ้มๆ ไอ้หัวแดงถลึงตาใส่ผมใหญ่แต่แม่มันกลับยินดีฉีกยิ้มกว้าง "โถ พ่อคุณ ทีหลังของฝากน่ะไม่ต้องนะ ว่างเมื่อไหร่แวะมาทานข้าวที่บ้านได้เลย แม่อยากมีเพื่อนกินข้าวเหมือนกัน เด็กๆไม่อยู่กวนแล้วบ้านเงียบพิลึก"
"เน็ตก็กลับมากินข้าวแล้วด้วยนี่ไง แม่นั่นแหละอย่าไปรบกวนพี่เขา"
ดูมัน ดุแม่ตัวเองได้อีก คุณน้าหันไปตีแขนไอ้เน็ตเป็นจนผมแอบคิดว่าถ้าออกแรงมากกว่านี้แขนเล็กๆของมันคงเขียวช้ำแน่ ก่อนหันมาจัดแจงของในถุง
"ดูซิ ซื้อมาเยอะแยะ แม่อยู่คนเดียวกินไม่ทันหรอก ผลไม้อะไรนักนี่ เห็นทีต้องให้ลุงเปี๊ยกบ้านตรงข้ามแกช่วยกินหน่อยแล้ว"
แม่เน็ตดูเป็นคนใจดี แต่ไม่ได้ตามใจลูกเกินไปเหมือนป๊ากับม้า ผมยอมรับว่าถูกเลี้ยงดูมาแบบเป็นลูกบังเกิดเกล้า นิสัยที่เหมือนๆกันของลูกชายทั้งสามคือเอาแต่ใจ โดยเฉพาะตี๋เล็กที่ทั้งป๊า ม้า พี่วรรณ รวมไปถึงพี่ชายอีกสองคนของมันจะคอยเอาใจอยู่เรื่อย
"เน็ตพาพี่ไปนั่งพักก่อนซิ เดี๋ยวแม่เตรียมขนมอีกแป๊บนึงแล้วไปดูกับข้าวให้"
"เน็ตช่วยๆ"
"ไม่ต้องเลย ไว้ค่อยเก็บล้าง บีมพาน้องออกไปข้างนอกเลยจ้ะ เกะกะจริงลูกชายคนนี้"
แม่มันปราม ดูท่างานครัวไอ้เน็ตคงหนักแม่ถึงเอ่ยปากไล่ มันทำหน้ายู่แล้วโดดไปหอมแก้มแม่หนึ่งครั้งก่อนพาผมออกมานอกครัวโดยไม่ลืมหยิบขนมปังที่อบเสร็จแล้วติดมือมากินด้วย
น่ารักจริงๆ โดยเฉพาะตอนอยู่กับแม่ ปากแดงๆเรียกตัวเองแจ้วๆว่าเน็ตอย่างนั้นเน็ตอย่างนี้ มันดูเป็นตัวของตัวเองไม่เกร็งทื่อตอนอยู่กับผมต่อหน้าเพื่อนๆมัน
"ชวนก็ไม่ได้ชวน ขอกินข้าวบ้านคนอื่นเฉย"
ไอ้ตัวเล็กบ่นไปงับขนมปังไป มือข้างที่ว่างก็กดเปิดทีวีนั่งบนพรมหน้าโทรทัศน์ทั้งๆที่เก้าอี้ไม้มะค่าสีแดงก็ยังว่าง ดูเหมือนมันจะถนัดนั่งขัดสมาธิกอดหมอนบนพรมมากกว่านั่งเป็นพิธีการบนเก้าอี้
"ตอนกลางวันเน็ตยังไปกินข้าวที่บ้านเฮียได้เลย แค่นี้ทำบ่น"
"มันไม่เหมือนกันนี่! เน็ตไปหาบอมไม่ได้ไปก้อร่อก้อติกเฮียซักหน่อย!"
มันเรียกแทนตัวเองว่าเน็ต คงติดจากที่คุยกับแม่เมื่อกี้ ชะโงกตัวมาดุผมที่นั่งลงบนพื้นพรมใกล้ๆมันเสียงขรม คงไม่อยากให้แม่ได้ยินเลยกระซิบกระซาบบ่นเอาแบบนี้ ตากลมๆจ้องหน้าผมนิ่งแต่พอผมทำท่าชะโงกเข้าไปใกล้มันบ้างตัวเล็กกลับเด้งผึงนั่งหลังตรงให้ห่าง
"นี่เฮีย เน็ตถามจริงๆ ต้องการอะไรกันแน่"
"เมื่อวานก็บอกไปแล้วนี่"
"เอาจริงๆดิ อย่าล้อเล่น เฮียเป็นไบเหรอ? บอมมันเครียดนะ"
"มึงนี่แคร์บอมจังเลยนะ"
ไม่อยากแขวะหรอกนะครับ แต่อะไรๆก็ไอ้บอมตลอด เห็นแล้วหงุดหงิด ที่ว่าเพื่อนกันๆของบอมนี่ไม่รู้จะแค่นั้นจริงหรือเปล่า ขนาดทรายแก้วกับมันที่ผมไม่เคยระแวดระวังมาก่อนยังแอบคบกันลับๆได้นับประสาอะไรกับเพื่อนกันเอง ถ้าไอ้เน็ตถึกทึนเหมือนไอ้โชติ มีเมียเป็นตัวเป็นตนแบบไอ้หมอโต๊ด หรือเจ้าชู้ฟันผู้หญิงเป็นว่าเล่นแบบปันผมคงไม่กล้าคิดอะไรอกุศลแบบนี้
แต่เพราะเป็นเน็ต ไอ้เน็ตที่ได้รับคำนิยามจากผู้ชายด้วยกันว่า
'น่ารัก' แบบไม่กระดากปากผมเลยเหวี่ยงๆ ไอ้
มันที่เน็ตพูดถึงคือใครตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ ผมหมายหัวหนักๆเอาไว้เลยก็ไอ้บอมกับปัน ไอ้คนหลังนี่มันไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายแต่หลังจากที่ผมเห็นรูปถ่ายวันนั้นก็เริ่มสังเกตความสัมพันธ์ของมันทั้งสองคนไปเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่าง2คนค่อนข้างแปลกแยกกว่าคนอื่น บ่อยครั้ง ที่ผมเห็นว่ามันเหลือบมองกันไปมาแต่ไม่ยอมคุยกัน มันอาจเป็นความคิดงี่เง่าๆของผมเองที่ระแวงไปว่าความสัมพันธ์ของมันสองคนดูไม่เหมือนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันสักเท่าไร
" ไม่ใช่ธุระของผมหรอก แต่บอมมันอยากให้เฮียกลับไปคบกับเจ้ เจ้รักเฮียมากนะ" ไอ้เน็ตวนกลับมาเรื่องเดิมไม่แก้ตัวที่ผมแขวะ มิหนำซ้ำยังพูดถึงไอ้บอมต่อหน้าตาเฉย
"เน็ต กูเลิกกับทรายไปแล้ว" ผมย้ำมัน เรื่องทรายแก้วนี่ผมก็ใช้เวลาคิดอยู่นาน สังเกตทรายกับบอมอยู่หลายสัปดาห์กว่าจะตัดสินใจ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีลมพัดหวนให้ถ่านไฟเก่าคุกระพืออีกรอบ เน็ตถอนหายใจแผ่วใช้คางเกยหมอนที่กอดเอาไว้
"ยังไงก็ไม่รีเทิร์นจริงๆน่ะเหรอ ไม่ลังเลบ้างเหรอ?"
"ไม่เลย"
"เพราะบอม?"
"แล้วก็เพราะมึง"ผมตอบมันชัดเจน
ใช่ อีกเหตุผลหนึ่งของผมคือเน็ต เพราะเวลาที่ได้มองมัน ได้อยู่ใกล้มัน เหมือนผมลืมทุกอย่าง ลืมทุกเรื่องทุกความทรงจำมองเห็นแค่มัน เห็นรอยยิ้ม ความสดใสที่ทำให้ตัวเองเผลอยิ้มไปด้วยห่างๆ
ดวงตาที่มองโทรทัศน์ตอนนี้ของเน็ตวูบไหวหลุกหลิก ผมเอื้อมมือไปดึงแขนที่กอดหมอนเอาไว้ของมันมาจับมือเบาๆ
"ผมจะบอกบอมว่าที่เฮียเลิกกับเจ้เพราะเฮียเป็นเกย์"
"เอาเลย ไหนๆตอนนี้ไอ้บูมก็รู้แล้วว่ากูจีบมึง"
เน็ตมันหันหน้ามองผมตกใจ จะดึงมือกลับแต่ผมก็บีบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตัวเล็กส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ผมจึงถือโอกาสที่มันฟึดฟัดไม่โต้ตอบพูดต่อ "คราวนี้จะได้จีบแบบเปิดเผยสักที"
"ห้ามนะ! จะทำอะไรก็ทำได้แต่ห้ามทำต่อหน้าไอ้พวกนั้น"
ไอ้เน็ตร้องเสียงหลง ผมยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาจูบที่ปลายนิ้วเรียวของมันเบาๆ ขอทึกทักเอาเองไว้ก่อนว่าได้รับอนุญาติให้จีบลับหลังเพื่อนได้ ตัวเล็กเบิกตาโตมองแล้วหลุบลงต่ำ แก้มขาวที่เห็นเส้นเลือดสีเขียวเป็นริ้วมีสีระเรื่อ พอผมปล่อยมันก็รีบดึงมือตัวเองเข้าไปกอดหมอนอีกรอบ
"น่ารัก"ผมชมมันตรงๆ ไอ้เน็ตไม่ตอบอะไรแต่กระชับมือที่หมอนแน่นกว่าเดิมจนเนื้อผ้ายุบย่น ผมมองหน้ามันที่ซุกไปบนหมอนอีกพักใหญ่ นึกอยากดึงมันเข้ามาหา แล้วแทนหมอนใบนั้นด้วยตัวเอง แต่เสียงตะโกนจากหลังครัวก็ดังขึ้นให้เน็ตมันลุกขึ้นเดินหนีลิ่วๆ
ผมมองแผ่นหลังที่ขยับห่างออกไปไม่ไกลแล้วยิ้มเหมือนเป็นคนบ้าอีกครั้ง
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมรู้สึกว่า กำลังอยากก้าวเข้าใกล้หัวใจดวงนั้นของมันให้มากกว่าเดิมทุกที ทุกที?
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 09
26/05/12
มาแล้วค๊าบบบ ตอนนี้ขอเฮียทำคะแนนหน่อยน้า เดี๋ยวจะกลายเป็นตัวละครลับไปซะก่อน//แม่ยกปันเลิกอ่าน คนแต่งทรุด 
ดีใจมากที่ยังติดตามกันเรื่อยๆเน่อ ตอนหน้าใครรีเควสปันเน็ตบ้าง
เดี๋ยวจัดให้แน่ๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ ในพีเอ็มด้วยนะคะ ดีใจมากๆเลยที่มีคนชอบเรื่องนี้ 
มีอะไรแนะนำฝากกันได้ ถ้ามีคำผิดสะกิดกันนิ๊ดส์ เค้าจะได้แก้ คนอ่านต่อไปจะได้ไม่มีสะดุดขำความเป๋อของคนแต่งเนอะ
เจอกันอีกทีวันพฤหัส
สำหรับคืนนี้ นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ฮับ 