Friend's brother Brother's friend 10 ,ช่างไม่รู้เลย
[Pun's talk]
"ปัน เย็นนี้แดกเหล้ากัน"เสียงที่ลอดตามสัญญาณโทรศัพท์ในช่วงบ่ายเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าชักชวน สำเนียงห้วนติดหงุดหงิดนิดๆของปารณเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่ามันกำลังอารมณ์บูดขั้นสูงสุด ทำให้ผมต้องมายืนอยู่หน้าร้านเหล้าแถบสะพานหัวช้างชะเง้อคอยาวเข้าไปหาเพื่อนสมัยมัธยมในเวลาค่ำของช่วงใกล้สอบในตอนนี้ มือไม้ที่ยกขึ้นโบกไหวๆในร้าน และส่วนสูงร่วม180 รวมไปถึงหน้าตาที่โดดเด่นจนเกินไปเป็นที่สะดุดตาได้ไม่ยาก ผมใช้สองมือล้วงกระเป๋าเดินอาดมายังมันที่ดูเหมือนดวดเหล้าคนเดียวก่อนผมถึงไปกึ่งหนึ่ง
"ไงมึง" ผมทัก โหนกแก้มกร้านแดดของบอมเริ่มแดง ตอนนี้ตามันเยิ้มเหมือนน้องชายมันไม่มีผิด แหงล่ะ ร้านนั่งเล่นบรรยากาศดีที่ปกติแล้วจะมีผู้คนพลุกพล่านไปหมดแต่ตอนนี้ยังโหลงเหลงมันเล่นซัดคนเดียวไปขนาดนี้ก็สมควรเมาอยู่
"ช้าสัด ทำเหี้ยอะไรอยู่"
"ติวการตลาดให้รุ่นน้อง"
"ผู้หญิง?"
มันถามแล้วยักคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเชิงล้อ ผมไม่ตอบอะไรแต่คว้าแก้วทรงสูงที่ยังว่างอยู่มาเติมโซดากับเหล้าอ่อนๆแทน
"แล้วนึกเปรี้ยวอะไรมาแดกคนเดียว พวกไอ้โจ้ล่ะ" ผมถามถึงก๊วนมัน ไม่บ่อยนักที่ผมจะถูกโทรตามให้ออกมากันลำพังกับบอม ถึงเป็นเพื่อนมัธยมกันก็จริงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนึกครึ้มโทรชวนกันสังสรรค์แค่2คน นอกเสียจากบอมมันมีเรื่องที่ให้พวกเพื่อนมันรู้ไม่ได้ ซึ่งถ้าจะให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องในบ้านมันที่ดูอีรุงตุงนังกันพิลึกแหงๆ
"มึงว่าไหม ไอ้เน็ตกับเฮียแม่งดูมีซัมติงกันจริงๆแล้วว่ะ"
คำพูดของไอ้บอมทำให้ผมชะงักแก้วที่จรดอยู่ริมฝีปาก น้ำลายที่ในคอดูข้นเหนียวจนไม่อาจกลืนได้ง่ายๆ พยายามจะไม่เอามาคิด แต่ก็ยอมรับกับตัวเองว่าผมว้าวุ่นใจเอาการเมื่อวันเสาร์ที่ปันกับเน็ตหายกันไปสองคนหลังเตะบอล
'เฮียไปส่งพี่เน็ตที่บ้าน'บูมบอกพวกเราแค่นั้นและไอ้บอมก็มีสีหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อย อย่าว่าแต่บอมที่กังวลนักหนาเลย ขนาดไอ้โชติไอ้โต๊ดยังลงความเห็นว่าเฮียกับเน็ตมีท่าทีแปลกๆจริง ไม่ใช้อุปปาทานหมู่อย่างที่ผมพยายามพูดให้พวกมันสบายใจ
"ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้กำชับเฮียแล้วให้ไปคอยรับส่งไอ้เน็ต แต่แม่งดูเหมือนตอนเย็นจะไปแดกข้าวด้วยกันทุกวัน บูมบอกว่าเน็ตไม่ได้ไปกินเหล้ากับพวกพี่ก้องเลย"
รสชาดของแอลกอฮอล์แย่กว่าทุกวัน ถึงกระนั้น ผมก็ยกมันขึ้นดื่มด้วยสีหน้านิ่งเฉยแบบที่ถนัด ไอ้บอมชงเหล้าของตัวเองเพิ่ม เข้มเสียจนผมคิดว่าคืนนี้มันคงเมาเละแน่ๆ
"แล้วเน็ตมันเล่าอะไรให้ฟังบ้าง" ผมถามเชิงมารยาท แต่ก็ตั้งใจฟังผ่านเสียงบีทที่เต้นตุบกระแทกหู
"เหมือนเดิม บอกว่าไม่มีอะไร ไหนๆเฮียก็เลี้ยงข้าวมันก็เลยไปด้วย มึงว่ามันจะหักหลังกูไปจิ๊จ๊ะกันเงียบๆปะวะ"
"มึงก็คิดมาก" ผมปลอบมันได้เท่านั้น พยายามหาข้อโต้แย้งให้เน็ตเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นว่าเพราะอะไรที่เฮียทำขนาดนี้เน็ตยังไม่ปริปากบอกอะไรไอ้บอมสักอย่าง
สายตาที่มองกันตอนนั้น ขนาดผมที่ดูอยู่ห่างๆยังคิดว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ
"กูเป็นห่วงทรายแก้ว..."
ผมไม่ตอบอะไรมัน มองเครื่องดื่มสีอำพันไหลรินจากแก้วใสลงสู่ลำคอครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่คิดจะปรามให้มันพอ ต่อให้ห้ามมันก็คงไม่หยุด ปล่อยให้มันดื่มจนถึงที่สุดแล้วพามันกลับบ้านคงง่ายกว่าจะรั้งมันเพราะไม่มีประโยชน์อะไร
"วันก่อนกูไปหาเขามา"
ไอ้บอมพูดอ้อแอ้ ผมเก็บรายละเอียดขณะที่จิบเหล้าแล้วหันไปยิ้มให้ผู้หญิงโต๊ะข้างๆที่มองมาพอเป็นมารยาท
"ทรายโทรมลงไปเยอะเลยว่ะ" คนพูดยังเพ้อนิดๆ ผมถอนหายใจรินเหล้าไม่ให้คำแนะนำ ซึ่งในสถานการณ์ตอนนี้มันคงอยากระบายมากกว่าฟังใครเตือนสติ
"ตอนทรายคบกับเฮียนะ ทรายดูมีความสุขมาก ทรายใจดีกับกูมาก แล้วดูตอนนี้ดิ หน้ากูทรายยังไม่อยากมองเลย เพราะอะไรรู้ไหม กูแม่งเสือกหน้าเหมือนเฮียไง!"
มันเริ่มเสียงดัง เทเหล้าเพียวลงบนน้ำแข็งโดยไม่ผสมมิกเซอร์ ผมหันไปสั่งเอ็นไก่ทอดกับบริกรเพราะคิดว่าถ้ามันกินแบบนี้มีหวังกระเพาะพังแน่ๆแล้วใช้ความเงียบอยู่เป็นเพื่อนมัน บอมขบกรามแน่น ส่ายหัวเหมือนคนสติเริ่มหลุดลอย
"...แม่ง ไม่น่าเลย" ชายหนุ่มยังคงรำพัน มันฟุบหน้าผากลงบนบ่าผม
"กูไม่น่าจูบเขาเลย..."
มันช่าง.... อ่อนแอจริงๆ...สุดท้ายก่อนข้ามพ้นวัน ผมก็ขับแคมรี่มาจอดหน้าประตูบ้านพาณิชยโชติ เสียงไอ้ปุยเห่าระงมให้น้องชายคนเล็กของบ้านต้องเปิดไฟจากชั้นสองเพื่อชะโงกหน้ามาดูผู้บุกรุกยามวิกาลก่อนม้ากับป๊าจะตื่น
ผมหิ้วปีกไอ้บอมลงจากรถทุลักทุเลพอตัว บูมหายไปจากกระจกห้องนอนมันแล้วโผล่มาหน้าบ้าน รีบไขกุญแจรั้วก่อนช่วยผมพยุงพี่ชายตัวเองอีกด้าน เราไม่พูดอะไรกันจนถึงห้องนอน ทั้งผมและน้องชายหน้าหมวยของมันก็พร้อมใจกันโยนร่างสูงของปารณลงบนเตียงดังปุ
"ช่วงนี้พี่บอมกินเหล้าบ่อยจัง"
บูมบ่น มันถอนหายใจเฮือกแล้วมองหน้าผม "พี่ปันกินมาด้วยหรือเปล่า?"
"ก็กินพอเป็นเพื่อนมัน แต่ไม่เมา เดี๋ยวกูกลับแล้ว เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่มึงด้วย"
"เดี๋ยวสิ นอนนี่ก็ได้ เดี๋ยวเจอด่าน"
บูมคว้าแขนผมไว้ จ้องหน้าตาแป๋ว ภาพตอนที่มันปีนข้ามเบาะมาจูบผมผุดขึ้นสะท้อนตาดำคู่นั้นทำให้ผมดึงแขนออก
"ไม่เป็นไร กูเคลียร์ได้"
"แต่มันก็อันตราย ไปนอนห้องบูมก็ได้เดี๋ยวบูมมานอนกับบอม"
ผมส่ายหัว ไอ้หมวยเลยจิ๊จ๊ะขัดใจในลำคอ "โกรธบูมหรือไง?"
"กูจะไปโกรธมึงทำไม ดูพี่มึงเหอะไม่ต้องห่วงกู"
ผมทำท่าจะผละออก ไอ้บูมก็เดินมาดักหน้า จ้องตาผมนิ่ง
"ตั้งแต่จูบ พี่ปันก็ไม่คุยกับบูมเลย"
"ไม่ได้โกรธ แล้วเป็นไงเรื่องมึงกับไอ้เอกอะไรนั่น" ผมเริ่มเซ็งเลยเปลี่ยนเรื่อง บูมมันถอนใจระอาทำหน้าหน่ายสุดชีวิต "ก็เหมือนเดิม"
"มีอะไรให้ช่วยก็บอก อย่ารอให้เป็นเรื่องใหญ่" ผมพูดกับมันสั้นๆแล้วเบี่ยงตัวเดินออกมาหน้าบ้าน บูมไม่ได้เซ้าซี้ให้อยู่ต่อแต่ยังเดินตามผมมาเงียบๆ ไอ้ปุยก็เหมือนกัน มันกระดิกหางระริกทำเป็นสนิทสนมกับผมดีผิดกับไอ้ชาติหมาที่ขู่กรรโชกผมในทีแรกก่อนซี้มันออกมา
"ครับ ถ้าเกินกำลังพี่ปันได้ช่วยแน่ๆไม่ต้องห่วงเลย"
"อืม อย่าลืมเช็ดตัวให้พี่มึงแล้วเข้านอนซะ ดึกแล้ว"
ผมบอกน้องชายเพื่อนตอนไขกุญแจรถ บูมยิ้มให้ผมตาปิด ผมบิดกุญแจสตาร์ทรถไอ้หมวยก็เดินมาเคาะกระจกให้ผมต้องเลื่อนลงมาถามมันว่ามีอะไร
"ขอบคุณครับ ที่มาส่งบอม แล้วก็ที่เป็นห่วงด้วย กลับดีๆนะ"
ผมละสายตาออกมาจากบานกระจกข้างคนขับมองตรงไปยังทางมืดเปลี่ยวข้างหน้า ตอบมันขณะที่ค่อยๆเลื่อนกระจกไฟฟ้าขึ้นสูง
"ก็มึงเป็นน้องเพื่อนกู"ผมลอบมองรอยยิ้มที่เฝื่อนลงของบูมก่อนหมุนพวงมาลัยออกจากรั้วบ้าน ภาพที่สะท้อนจากกระจกหลังคือมันยังใส่ชุดนอนลายหมีสีฟ้ายืนมองรถผมห่างๆ ไอ้ปุยวิ่งวนง๊องแง๊งๆรอบตัวมันแต่บูมก็ไม่ได้หันไปเล่นตามที่ลูกน้องมันอ้อนขอ
นาฬิกาดิจิตอลสีเขียวหน้ากระจกรถปรับเวลาเป็น 0.00 ของวันใหม่ ผมตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวไปทิศที่ห่างจากคฤหาสถ์โอ่โถงของตัวเองไปอีกฝั่งฟากของมหานครSLK สีบลอนด์เงินทะเบียนสวยจอดเทียบหน้าหอพักนักศึกษาเยื้องๆมหาวิทยาลัยที่นานๆผมมาทีแต่ยังจำทุกรายละเอียดของมันได้ตอนเกือบตีหนึ่ง ฟิล์มสีทึบและลานจอดรถมืดๆอาจไม่ให้รายละเอียดว่าหลังจากจอดแช่อยู่พักหนึ่งแล้วคนในรถกำลังทำอะไร แต่ผมก็รู้ได้โดยไม่ต้องใช้สมองตรึกตรองให้มากว่าเบาะสองที่นั่งของรถราคาสูงนั่นถูกใครจับจองเอาไว้
ไอ้เน็ตเดินหน้ามุ่ยลงจากประตูข้างคนขับ พอสแกนคีย์การ์ดเข้าตัวตึกได้รถของเฮียบีมจึงแล่นออกไป ตอนนั้นที่ผมผุดลุกจากเบาะหนังแคมรี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าประตูกระจกของหอพักซึ่งค่อยๆแง้มลงปิดก่อนสัญญาณลอคจะดังกึก
ไอ้เน็ตยืนมองเลขลิฟที่ลดหลักลงมาเรื่อยๆ ไม่ทันสังเกต แต่พอประตูบานลิฟสีเงินเปิดออก กระจกเงาจากภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆก็สะท้อนให้เห็นผมที่ยืนอยู่ด้านหลังมันเงียบๆจนมันสะดุ้งโหยง
"เฮ้ย! มาเมื่อไหร่?"
"มาทันเห็นเฮียมาส่งมึงนั่นแหละ ทำไมเพิ่งกลับ"
ผมถาม กดหมายเลขชั้นที่จำขึ้นใจแล้วรอฟังคำตอบจากเพื่อนที่ไม่สนิทใจด้วยสักเท่าไหร่ "กูไปอ่านหนังสือที่หอสมุด พอปิดเฮียเลยมารับ มาแดกเหล้าแถวนี้หรือไงมึงน่ะ"
ตัวผมคงยังตลบด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และบุหรี่ เสียงติ๊งของลิฟดังขึ้นในเวลาไม่กี่นาที ไอ้เน็ตเดินนำผมไปที่ห้อง ดูมันเงอะงะที่จะหากุญแจในกระเป๋าสะพายข้างผมเลยยื้อมาค้นแล้วไขให้ ไอ้เน็ตทำท่าเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่าง มันลอบมองผมแล้วเม้มปากแน่นแต่พอผมมองกลับไปแม่งก็หลบตาลงต่ำ
"จะถามอะไร?"
"เปล่า แค่แปลกใจที่อยู่ๆก็โผล่มา แถมยังทำเหมือนจะมาค้าง"
มันคงอยากถามผมว่า 'มึงมาทำเหี้ยอะไรที่นี่ตอนนี้ บ้านช่องไม่กลับ?' มากกว่า แต่ยังเกรงใจผมนิดๆจึงหาคำที่ซอฟท์ที่สุดมาถาม ผมไม่ตอบมันแต่เดินเข้ามาในห้องที่รกตากว่าครั้งก่อนมาก ช่วงใกล้สอบก็แบบนี้ กระดาษ สมุด หนังสือถูกวางกองๆรวมกันเป็นปึกหนา ชีทบางชุดผมมองแค่ผ่านๆยังรู้เลยว่ามันซีรอกซ์ซ้ำกันมาถูกโยนระเกะระกะตามพื้นห้อง ไอ้เน็ตไม่ใช่คนหัวไวแต่มันขยันมากพอที่จะเปลี่ยนตัวเองจากคนเรียนในระดับกลางให้สามารถเป็นตัวตั้งตัวตีติวเพื่อนได้ในทุกวิชายกเว้นภาษาอังกฤษตั้งแต่ช่วงมัธยม
ผมล้วงโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ออกมาวางหน้ากระจก ถอดกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำที่ใส่ไปเรียนวางพาดกับเก้าอี้ให้เหลือแค่บอกซ์เซอร์ เสื้อนิสิตก็ปลดกระดุมหยิบไม้แขวนในตู้มาแขวนๆแล้วเอาไปตากที่ระเบียงก่อนเปิดตู้เย็นไปหยิบสเมอนอฟโยนให้เน็ตที่ยังยืนเอ๋อแดกเหมือนปกติ
"อะไรของมึงเนี่ย"
"แดกซะ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงเยอะ"
เน็ตมันเม้มปาก มันไม่มองหน้าผมเหมือนที่ชอบทำ ประหยัดคำพูดคำจาไม่เป็นเน็ตคนเดิมเวลาที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ
"ไม่ต้องมามอมกูเลย"
มันบ่น ผมดึงขวดสเมอนอฟกลิ่นแอปเปิลมาจากมือมันแล้วหมุนเกลียวฝายื่นให้ ไอ้เน็ตเหลือบมองค้อนแล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนิสิต100%มาเป็นเสื้อกล้ามกางเกงบอลก่อนกระชากขวดแอลกอฮอล์สีใสไปจากมือผม
"ว่ามา"
มันพูดห้วน ทิ้งตัวเองลงบนเตียงก่อนผมจะนั่งลงข้างๆมัน
"เรื่องแรกเลย รู้เรื่องไอ้บูมเป็นเกย์ไหม" กูสัญญาว่าจะไม่เล่าให้เฮียๆมึงฟัง แต่กูไม่ได้บอกว่าจะไม่เอามาปรึกษาเพื่อนเฮียมึงนะครับปรเมศ เน็ตมันนิ่งไปยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาจิบแล้วถดตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง
"อืม... แต่กูไม่ได้บอกไอ้บอมกับเฮียหรอกนะ ดูมันไม่อยากบอก" เน็ตตอบ มันไม่ใช่พวกที่จะไปวุ่นวายปากสว่าง ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เน็ตมันรู้ตั้งแต่เมื่อไร แต่การที่มันเลือกจะปิดไอ้บอมก็ทำให้ผมระแวงว่าบางทีเรื่องเฮีย มันอาจทำอะไรคล้ายๆกัน
"ทำไม? มีอะไร?"เน็ตถาม ผมยังนั่งอยู่ปลายเตียงยกสเมอนอฟอีกขวดขึ้นดื่มเป็นเพื่อนมัน
"ได้ยินมาว่าแฟนมันไม่ใช่คนดี จะให้มึงดูๆมันหน่อย"
"อีกละ? ห่า! กูไม่ใช่พี่เลี้ยงไอ้สามตัวนั้นนะ"
ถึงเน็ตมันจะบ่นรำคาญ หน้าตามันจะเหวี่ยงไม่สบอารมณ์ แต่ผมก็รู้ว่าถ้าลองพูดขอความช่วยเหลือจากมันแล้วล่ะก็มันทำให้แน่ๆ มันยกขวดขนาดกลางขึ้นสูงเหมือนหงุดหงิดที่ตัวเองไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง
"อืม แล้วก็เรื่องเฮีย"
ผมวกกลับมาประเด็นที่แท้จริง เน็ตชะงักขวดเครื่องดื่มที่ยกขึ้นแค่แป๊บเดียว แล้วเบือนสายตาไปยังระเบียงที่ถูกกั้นด้วยกระจก
"มึงดูสนิทกันไวนะ"
"ก็แบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน"
"เน็ต ถามจริงนะ มึงชอบเฮียหรือเปล่า?"
ผมไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันที่ถามเค้นมันเสียงต่ำ ลมหายใจผสมแอลกอฮอล์ถูกพ่นออกมาจากจมูกสันของตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างเหมือนอยากฟัง ขณะเดียวกันกลับไม่อยากได้ยิน และผลสุดท้าย สิ่งที่เป็นคำตอบผมคือความเงียบงัน
ผมค่อยๆหันกลับไปมองไอ้เน็ตที่นั่งชันเข่าอยู่หัวเตียง เหลือบไปมองขวดสเมอนอฟเปล่าๆที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงก็แปลกใจว่ามันดวดไปหมดขวดตอนไหน แก้มใสสีแดงปลั่งเพราะเลือดสูบฉีดด้วยพิษแอลกอฮอล์ ตากลมเล็กของมันทอดลงต่ำมองปลายเท้าที่จิกกับพื้นเตียงเม้มปากแน่น
"เป็นอะไร?"
"เปล่า..."เสียงมันสั่น ผมวางขวดเครื่องดื่มลงบนพื้นแล้วค่อยๆขยับตัวเข้าหามันที่ไหลค่อยๆสั่นไหว พอแตะตัวมันก็ถดหนี
"เน็ต?"
"ช่างเถอะ มึงจะค้างใช่ไหม ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวกูหาชุดให้" พอมันจะก้าวลงจากเตียง ผมก็คว้าท่อนแขนของมันเอาไว้ ตาใสกวาดมองผมครู่หนึ่งฉายแววผิดหวังออกมาก่อนกรอกหนีและนั่นกำลังทำให้ผมบีบมือที่จับมันไว้แน่น
"ร้องไห้ทำไม"
"ไม่มีอะไร ปล่อยเหอะ กูจะไปเตรียมของให้ ง่วงแล้วจะได้รีบนอน"
มันบิดแขนออกจากพันธนาการ ซึ่งทำให้ผมอ่อนแรงเอาง่ายๆ
บ่อยครั้งที่เห็นเฮียแตะตัวมันเกินความจำเป็น แต่ไอ้เน็ตแค่ทำหน้าบูดไม่เห็นเคยปฏิเสธจริงจังแบบตอนนี้ ผมออกแรงบีบที่ข้อศอกมันมากขึ้น ขณะเดียวกัน มันก็เริ่มใช้มืออีกข้างแกะปลายนิ้วของผมออก
"ปล่อยกู..."
"ทำไมถึงจับไม่ได้?" ผมถาม ในเมื่อมันเคยชอบผม สายตามันแสดงออกแบบนั้นมาตลอด แล้วทำไม?
เน็ตไม่ตอบ เม้มปากแน่นจนผมโมโห
"พอถามเรื่องเฮียก็เป็นแบบนี้ กูแตะไม่ได้ใช่ไหม? มึงหักหลังไอ้บอมมันใช่ไหม?" ผมถามมันเสียงนิ่ง ไอ้เน็ตยังเงียบและรั้งตัวออกห่าง ผมหลับตาลงเมื่อรู้สึกจุกในใจอย่างประหลาด
ผมเคยสำคัญ แต่ตอนนี้กำลังถูกมันผลักไส"อย่างมึงจะไปเข้าใจอะไร....." ไอ้เน็ตพูดเสียงแผ่ว และนั่นทำให้ผมปล่อยมือ เน็ตเร่งฝีเท้าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ใช่สิ ผมจะไปเข้าใจอะไร..
ผมจะไปรู้อะไรในความรักเลิศเลอของมันกับเฮียกันตือดือดึ๊ง.....เสียงข้อความโทรศัพท์จากมือถือที่วางอยู่หลังตู้เย็นของไอ้เน็ตดังตอนมันหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมถือวิสาสะเดินไปหยิบขึ้นมาดู
Beam:
ถึงคอนโดแล้ว พรุ่งนี้อย่าเลท ไม่งั้นไม่ใช่แค่หอมแน่ๆผมกดลอคเครื่องตรงมุมขวาบนของโทรศัพท์ ไม่อาจบรรยายความรู้สึกหลังประโยคเรียบๆนั่นจบลงได้ นาน กว่าบานประตูห้องน้ำจะถูกเปิดออกมาและผมก็ยังนั่งอยู่ปลายเตียงไม่ไปไหน ไอ้เน็ตดูมีสีหน้าดีขึ้นมันล้มตัวนอนหันหลังโดยไม่พูดไม่จากับผมอีกปล่อยให้ความอึดอัดระหว่างเราเป็นตัวเดินเรื่องเหมือนทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ผมลุกไปปิดไฟแล้วนอนลงข้างๆมัน ลืมตาโพลงในความมืดมิดก่อนสุดท้ายจะพลิกตัวหันมองแผ่นหลังเรียบ ยื่นมือไปลูบผมเส้นใหญ่สีแดงส้มของมันแผ่วเบา ไอ้เน็ตยังนิ่งอยู่พักใหญ่ ตัวเกร็งเหมือนทุกครั้งที่ผมแตะต้องตัว
"เน็ต..."
ไม่มีเหตุผลที่จะไปขอโทษ เช่นกัน ผมไม่ได้อยากให้มันเอ่ยอะไรออกมาในสถานการณ์แบบนี้ บ่อยครั้งที่เราไม่อาจมองหน้ากัน ด่ากันได้อย่างสนิทใจ เพราะเราต่างรู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมกับมันไม่เคยเป็นเพื่อนกันจริงๆได้ แต่แค่หลับ และลืมตาขึ้นมาใหม่ ความอึดอัดที่เหมือนเป็นกำแพงรอบตัวเรานั้นจะถูกพังทลายลงไป
เราจะเริ่มต้นใหม่ ความบาดหมางผิดใจก็จะมลายหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผมปิดตาลง จนเริ่มทิ้งตัวสู่นิทรา ก่อนจะรู้สึกอุ่นในอกเหมือนถูกใครซุกตัวเข้าหา
"ควายเอ๊ย มึงมันไม่รู้เหี้ยอะไรจริงๆ...."เสียงที่ดังแผ่วเข้ามาในความฝันทำให้ผมกระชับอ้อมแขนแน่น กลิ่นอ่อนๆที่ลอยในอากาศทชักชวนผมให้ซุกสันจมูกเข้ากดลงบนกลุ่มเส้นผมหนา
และคืนนั้น เป็นคืนที่ผมหลับสบาย แม้มีเรื่องว้าวุ่นใจมากมายเต็มไปหมด
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 10
31/05/12มันดราม่าอ้ะ!!!! คนอ่านไหวกันหรือเปล่า? ถ้าเครียดช่วงนี้ก็ดูข่าวการเมืองกันนะคะ นิยายเรื่องนี้จะดูซอฟท์ลงทันที

พาร์ทนี้เฮียกริบมาก โผล่มาแค่ชื่อนิดน้อย กลายเป็นตัวละครลับไปแล้ว

เห็นรีเควสปันเน็ตมาพอสมควรเลยแอบจัดให้เบาๆ เอ๊ะหรือไม่เบา? แฟนคลับปันเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า

ไม่ต้องห่วงค่ะ เฮียได้มีโอกาสทำคะแนนแข่งกันแน่ๆ
แอบบอกนิดนึง จากสถิติแล้ว เราจะมาต่อนิยายสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ใช้เวลาเสาร์อาทิตย์ให้เกิดประโยชน์ แต่ช่วงนี้งานเยอะจริงอะไรจริง แถมวันหยุดยาวจะไปตะลอนต่างจังหวัดด้วยเลยขอระยะปลอดภัยไม่ให้ผิดสัญญาว่าจะโผล่อีกทีวันพุธที่6 นะจ๊ะ รอเก๊าหน่อยนะ #ทำเสียงอ้อนขอความเห็นใจ
ซียูอะเกนออนเวนส์เดย์ฮับ ขอบคุณที่ติดตามกันมานะ
