Friend's brother Brother's friend 16, เพราะอะไร?
[NET's talk]
นี่กูเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ? คือผมไม่อยากจะหาคำตอบให้เหตุผลของตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้ทำอะไรน่าอายๆแบบนั้นลงไป เหมือนเป็นลูกแมวสมองกลวงโอนอ่อนตามคำพูดไอ้เฮียบ้าไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่การกระทำ คำพูด กระทั่งเสียงของหัวใจ
บอกตรงๆบางทีผมก็ควบคุมไม่ได้เหมือนเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เหมือนมีใครอีกคนมาสิงอยู่ทำให้ผมกลายเป็นคนพิลึกพิลั่นไม่ค่อยเต็มเต็งเท่าไหร่
มีที่ไหน ใจสั่นกับคำบอกรักจากผู้ชาย
แล้วยังยอมให้อีกฝ่ายบุกรุกความเป็นส่วนตัวให้มาหึงหวงได้เสียอีก..
แม่ครับ ลูกชายแม่ถูกล้างสมองไปแล้วล่ะ
แค่
ไม่อยากให้โกรธ แค่นั้นเอง
ผมมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายเพื่อนบนเตียงเดียวกันอยู่นาน ตาคม คิ้วเข้ม จมูกสัน ผิวขาวเนียนที่มันทาครีมบำรุงนักหนาเหมือนสาวแรกแย้ม มันดูดีที่สุดสิให้ตาย ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากหน้าตาดีให้ได้สักครึ่งหนึ่งของมันบ้าง ขนตานี่เป็นแพหนา ไม่รู้ฝันดีอยู่หรือเปล่ามุมปากมันถึงได้ยิ้มอยู่หน่อยๆ ผมมองไล่ลงมายังปลายคางมนที่ทำให้หน้าเฮียดูเป็นรูปไข่ ไล่ลงมายังคอ ลูกกระเดือกใหญ่ฉิบหายนี่มึงแอบไปกินแอปเปิลของอดัมมารึเปล่าถึงได้ติดคอซะเด่นหราขนาดนี้ แผ่นอกก็เหมือนกัน เฮียมันทำงานหนักนะ จากที่ผมเห็นเมื่อวาน วิ่งโน่นวิ่งนี่เหมือนทำหน้าที่ทุกอย่าง เพราะแบบนั้นมันเลยดูแข็งแรงโดยไม่ต้องออกกำลังกายเลยล่ะมั้ง
ผมวางมือแปะไปบนอก นมมันใหญ่อะ เหมือนพวกเล่นฟิตเนสเลย ดีนะที่แข็งปั๋ง เพราะถ้านุ่มนิ่มผมว่ามันคงต้องหาเสื้อในคัพบีมาใส่กันเด้งดึ๋งเหมือนสาวๆแล้วแหละ ไหนจะหน้าท้องที่มีซิกแพคกระชากใจอีก ผมเผลอเอามือที่แตะๆนมเฮียมาวางบนหน้าท้องของตัวเอง ตอนเดินมันก็ไม่รู้สึกว่ามีพุงเท่าไหร่หรอก แต่ให้นั่งหรือนอนตะแคงนี่ไหลแผละมากองรวมกันจนผมต้องส่ายหน้า โลกแม่งลำเอียงเกินไปแล้ว
ผมถอนหายใจเซ็งกับหุ่นและหน้าตัวเองสุดๆ ที่จริงวันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายเลยนอนอืดได้สบายใจ แต่เฮียน่ะผมไม่รู้หรอกว่ามันจะต้องออกไปทำงานตอนไหน จะให้ผมปลุกเหรอ? เฮอะ ถึงผมจะหล่อแต่ใจไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะครับ เสือกไม่ตั้งนาฬิกาปลุกเองงั้นนอนเป็นอาหารตาให้กูต่อไปเถิดปารมี ผมเงยหน้าขึ้นมองมันอีกครั้ง ใช้นิ้วเกลี่ยๆดูที่ริมฝีปากได้รูปสวย เมื่อคืนพอบอกรักเสร็จมันก็กอดผมไว้แน่น แหม ไอ้เราก็นึกว่าจะมีบทจูบให้ใจละลายซักหน่อย ที่ไหนได้แม่งดันกอดเอาไว้จนผมผล็อยหลับคาอก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมันอุ้มมาวางบนเตียงแล้วจูบหน้าผากผมเบาๆนั่นแหละครับ
น่ารักดีนะ.. ผมว่า
ถ้าอย่างนั้น เช้านี้ผมจะให้รางวัลที่เมื่อคืนไม่ใจร้อนทำอะไรผมด้วยมอร์นิ่งคิสแล้วกัน
“......”
ผมแค่ใช้ปากชนปากเท่านั้น จะให้ดีฟคิสทั้งๆที่ฟันไม่ได้แปรงเหรอ ผมยังไม่ได้ลึกซึ้งขนาดยอมกินน้ำลายเน่าของมันได้ดังนั้นให้แค่นี้ก็บุญโขแล้ว ไอ้ตัวโตพอรู้สึกถึงสัมผัสหยุ่นๆที่ปาก มันก็ทำตัวเป็นเจ้าหญิงนิทราปรือตาเปิดมองผมงงๆก่อนคลี่ยิ้มรับอรุณที่สายตะวันโด่งจนแดดจะเผาตูดอยู่รอมร่อ
“อรุณสวัสดิ์...”
“สายแล้ว”
ผมตอบมัน เฮียเหลือบตาไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ปลายตีน แต่ก็ยังไม่ลุกจากเตียง ออกแรงม้วนแขนที่ถูกนอนทับอยู่ให้ผมกลิ้งเข้าหาอกอุ่นๆ จูบซ้ำลงบนหน้าผากกว้างเบาๆเหมือนอยากจะให้เวลาหยุดอยู่แค่นี้ ถ้าเป็นปกติผมคงโวยวายแล้วว่าสิวจะขึ้นหรือทำอะไรสักอย่างไม่ให้บรรยากาศมันดูม่วงอมชมพูแปลกๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าปล่อยให้หายใจรดกันในอ้อมกอดแบบนี้มันก็อบอุ่นดีเหมือนกัน
ผมนอนฟังเสียงหัวใจเฮียเต้น ถึงแรงแต่ก็ยังเบากว่าตอนที่มันบอกรัก ผมไม่รู้ว่าหลังจากคำนั้นควรจะพูดอะไรกับมัน ผมควรบอกอะไรตอบกลับไปหรือเปล่าแต่ตอนนั้นหูมันอื้อๆ ตาลายๆ ทั้งวูบวาบและอบอุ่นในใจตอนที่ได้ยินจนไม่รู้ว่าสมองกำลังประมวลอะไรอยู่ ผมไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรตอนนั้นรู้แค่ว่า มีความสุข
ถึงจะทิ้งระยะเวลาข้ามคืนแล้วแค่ได้นึกถึง ผมก็ยังรู้สึกหายใจติดขัดแปลกๆ
"เฮีย ไม่ไปทำงานเหรอ?"
ไม่ไหวแล้ว ให้อยู่กับมันแบบนี้่ต้องเป็นบ้าแน่ๆ มึงช่วยลุกจากเตียง เอาหน้าห่างไปจากเรติน่ากูทีเหอะ คือพอคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาแล้วหัวใจจะวาย ผ่านมา21ฝน เกิดเป็นคนมา21ปียังไม่เคยถูกบอกรักซึ่งๆหน้าแบบนี้ ยิ่งไอ้คนบอกเป็นตัวผู้มีปิกาจู้เหมือนกันนี่ยิ่งเหนือความคาดหมาย โอเค้ ผมชอบไอ้ปันและไอ้ปันเป็นผู้ชายก็จริง แต่เชื่อเถอะว่าความชอบของผมที่มีให้ปันนภผมไม่เคยเอาเก็บมาหวังหรอกนะว่าวันนึงมันจะชายหางตามาแลไอ้เพื่อนตัวแกร็นคนนี้บ้าง ดังนั้นไอ้เฮียที่ผมเคยมองมันเป็นพี่ชายเพื่อนนี่ยิ่งพลิกโผเข้าไปใหญ่ จะให้ผมทำหน้าระรื่นหน้าชื่นตาบานแล้วบอกว่า ก็ช่วยไม่ได้ว่ะเฮีย กูมันหล่อบาดใจ ขอโทษละกันที่ทำให้เฮียตกหลุมรักเข้าอย่างจัง มันก็ไม่ใช่ปะวะ อย่างแรกคือกูเขิน ไม่ได้ชิลอย่างประโยคว่า อีกอย่างคือกูไม่หล่อ!! เอ๊อออ ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะแต่หน้าอย่างเฮียจะหาหล่อ สวย รวย เอ็กซ์กว่าผมได้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
"เดี๋ยวเข้าไปตอนบ่ายก็ได้ หิวหรือยัง"
ห๊ะ? อะไรตอนบ่าย อ้อ ผมถามมันทิ้งไว้นี่หว่า มัวแต่เพ้อเจ้อลืมฟังคำตอบมันไปเลย ผมพยักหน้าถี่ๆ ที่จริงหิวอะประเด็นรอง หลักๆคือช่วยอยู่ห่างจากกูสักหน่อยเถอะ จะเป็นลมแล้วว่ะ
"ไปอาบน้ำดิ เฮียอาบนานแต่งตัวนานจะตายชัก"
"มึงอาบไวเองมาบอกคนอื่นอาบนาน ถามจริงเหอะถูสบู่สะอาดป่าว"
"สะอาดใสขี้ไคลเกลี้ยง ดูเลยดู"
ผมถกเสื้อยืดตัวโคร่งให้มันดูพุง เฮียนิ่งไป หึ คิดว่าจะเอาอะไรมาด่ากูอีกล่ะ หลักฐานก็คาตาว่าพุงกูขาวเกลี้ยงไม่มี๊ไม่มีคราบสกปรกให้เห็น วะฮ่าฮ่าฮ่า สักพักเฮียก็ยอมแพ้ ลุกขึ้นพรวดพราดไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปึ้ง!
ห๊ะ?? เป็นบ้าอะไรวะ?? ช่างแม่ง เอาหน้าไปไกลๆกูล่ะดีแล้ว ร้อนๆหนาวๆพิกลตอนตกอยู่ในสายตา ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงต่ออีกพักนึงแล้วลุกไปรื้อเสื้อผ้าในตู้เฮียมาใส่ จะให้สวมตัวเมื่อวานก็ไม่ไหว ตอนไปนั่งรอมันที่กองถ่ายร้อนเหงื่อซกยังกะคนถูกน้ำราด จะหยิบไปตากกระผมเองยังรังเกียจเลยครับ เห็นเสื้อสีดำขนาดเล็กที่สุดในตู้ผมก็หยิบออกมาโยนกองบนเตียง อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางกับชั้นในผู้หญิงที่ถูกพับกองไว้ในซอกตู้อีกครั้ง ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นชุดนอนวาบหวิวของพี่ทรายที่ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังคบกัน ผมเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับแค่ไม่อยากทักเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เจ้ก็สวยเซ็กส์เอ็กซ์แตกขนาดนั้น จะมีอะไรต่ออะไรลึกซึ้งกับเฮียก็ไม่แปลก แต่มันก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดี เฮียคิดกับผมถึงขั้นนั้นหรือเปล่าวะ? แล้วถ้าคิดผมจะเอาอะไรไปสู้เจ้ได้วะ ส่วนเว้าส่วนโค้งดึงดูดใจอะไรนั่นก็ไม่มี ดูจากนิสัยมือไวใจเร็ว เอะอะฉวยโอกาสโน่นนี่ตลอดคงผ่านเรื่องนั้นมาโชกโชนผิดกับผมที่ไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการถึงตัวเองกับผู้ชายด้วยกันตอนปลดปล่อย พูดถึงตรงนี้ก็เริ่มอายตัวเองนิดๆแล้วว่ะ ทำไมกูช่างเป็นเวอร์จิ้นแมนแสนรันทดได้ถึงเพียงนี้ ฮมื่อออออ ~ ( ;______; )
ผมยืนเบะปากให้ความน่าสมเพชของชีวิตวัยรุ่นชายตัวเองอยู่พักใหญ่ อยากจะส่งเรื่องราวไปออกรายการวงเวียนชีวิตก็คิดว่ามันจะมากไป สุดท้ายเลยได้แต่ถอนหายใจรอเฮียมันอาบน้ำด้วยการเดินไปดูการ์ตูนเน็ตเวิร์คจากจอLDCในห้องนั่งเล่นพลางๆ
นั่นสิ ผมแม่งก็มีชีวิตน่าทุเรศทุรังแบบนี้ เฮียแม่งรักลงได้ยังไง
เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น ผมหันไปมองผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้าฉากหลังเป็นห้องน้ำที่ยังมีไออุ่นๆของน้ำร้อนที่เฮียมันใช้อาบลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศเหือนดรายไอซ์ก็มิปาน แต่ไอ้ผู้ชายที่โผล่ออกมาจากกลุ่มควันกลับพูดกับผมด้วยประโยคน่าขัดใจไม่เหมือนเป็นเทวดาสาธุใจดีๆให้น้องเน็ตเลยสักนิด
“ไปอาบต่อได้แล้ว อย่ามัวแต่ดูการ์ตูน”
ไอ้สัตว์! กูเพิ่งมานั่งจุ้มปุ๊กได้ไม่ถึง5นาทีเลยนะ!!
ร้านอาหารตามสั่งใกล้มหาวิทยาลัยเจ้าอร่อยในเวลานี้ยังมีผู้คนคลาคล่ำ ผมกับเฮียได้โต๊ะว่างหน้าร้านสองที่นั่งใกล้พัดลม กระเพราเต้าหู้หมูสับไข่ดาวเป็นรายการโปรดของผมและวันนี้ก็ยังสั่งเหมือนเดิมขณะที่เฮียสั่งสุกี้หมูพิเศษ ที่ไม่รู้ว่าจะได้พิเศษน้ำหรือพิเศษวุ้นเส้นกันแน่ อย่างนี้แหละครับช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ กระนั้นก็ยังมีลูกค้าไม่ขาดสาย ซึ่งส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นนิสิตที่หอพักใกล้ ม. นานๆทีจะมีพวกเบื่อโรงอาหารมหาวิทยาลัยออกมากินบ้าง
ผมนั่งมองโต๊ะไม้สลับเหลือบตามองผู้ชายที่นั่งท้าวคางเหม่อออกไปด้านนอกเป็นระยะ คำถามที่ตั้งเองอย่างไร้เหตุผลยังวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหนตั้งแต่เช้า
“นี่เฮีย..”
ในที่สุดผมก็เรียก อีกฝ่ายหันหน้ากลับมายังผู้ร่วมโต๊ะอีกคนแล้วเลิ่กคิ้วสูง มันหล่อจริงๆสิให้ตาย ผมว่าผมเป็นเกย์จริงๆแล้วล่ะถึงได้ใจสั่นกับมันได้แบบนี้
“เมื่อวานน่ะ ทำไมเฮีย..เอ่อ... ทำไมถึงบอกว่ารักผมอะ”
“ก็บอก ตามที่รู้สึก”
“นั่นแหละ แต่ผมเนี่ยนะ ไม่รู้ว่ะ เฮียรักผมตอนไหน?”
อดีตนายแบบคลี่ยิ้ม แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า “ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกตตัวเองเหมือนกัน”
มันเงียบไปพักหนึ่งแล้วถามกลับ “ทำไมเหรอ?”
“ก็.. ก็ไม่ทำไม ผมแค่สงสัยว่าทำไมถึงรัก มารักตอนไหน ดูดิ ผมกับเจ้ทรายแก้วคนละขั้วกันเลยนะ”
ว่าแล้วก็ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เปิดหน้าดาราที่มีข่าวซุบซิบของนางแบบสาวขึ้นเทียบกับหน้าตัวเอง เจ้ทรายในข่าวสวมบิกินี่สีฟ้าสดใสใบหน้ายิ้มแย้ม ปากสีแดงจัด ขนตาติดเป็นแพหนาสมกับเป็นอันดับหนึ่งของหนังสือปลุกใจเสือป่า เฮียยกมือขึ้นขยี้ผมที่เซ็ตเป็นชั่วโมงๆของผมแล้วส่ายหน้า
“จะให้พูดยังไงล่ะ มึงเป็นคนที่น่าสนใจนะ บอกตรงๆตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะจริงจังนักหรอก”
“อ้าว? หมาว่ะ” นี่มึงกะฟันกูแล้วทิ้งหรอกเหรอ? ไอ้สันดาน!!
“เฮ้ย นั่นมันตอนแรก รู้ตัวอีกทีในหัวกูก็มีแต่มึง จะทำอะไรก็นึกถึง อย่างตอนไปเชียงใหม่นะกูยังคิดเลยว่าถ้าพามึงมาด้วยก็คงดี จะพาไปดูหมีแพนด้า”
“อันนั้นกูดูถ่ายทอดเอาก็ได้นะ”
“อย่าขัดดิ แล้วเนี่ย พอเห็นไอ้มินมันยุ่มย่ามกับมึงกูก็ไม่ค่อยชอบใจ เหมือนกับว่าอยากให้มึงมีแค่กู ฟังดูโลกแคบนะ แต่เวลารักใครสักคนร้อยทั้งร้อยมันแทบจะอยากกลืนกินคนรักไปทั้งตัวไม่อยากให้ใครตอมแบบนี้หรอก”
“เหี้ย กูไม่ใช่ขี้..”
“กูเปรียบเปรย”
เฮียว่า ผมท้าวแขนกับโต๊ะไม้บ้าง ตอนไอ้หล่อพูดมันไม่ได้มองหน้าผมแต่สายตาเลื่อนออกไปนอกถนนใหญ่ ปากยิ้มๆเหมือนคนอิ่มเอมไปด้วยความสุขขณะที่หูแดงปลั่ง กูอุตส่าห์ช่วยขัดอารมณ์หวานน้ำตาลขึ้นให้ตั้งหลายทีมันยังเขินจนได้ แต่แค่พักเดียว คนถูกจ้องก็รู้สึกตัว มันเหลือบตามองให้ผมหลบสายตาแทบไม่ทันแทน
“แล้วมึงล่ะ?”
“หืม? กู?? ผม?? อะไร?”
“คิดยังไงกับกู”
ผมอ้าปากพะงาบๆเหมือนคนติดอ่าง ไม่ได้เตรียมใจมาพูดอะไร เอาละเว้ยไอ้เน็ต เมื่อกี้มึงไถเฮียซะโหด แล้วตอนนี้มึงจะแถยังไงถ้าโดนสายตาเจ้าเล่ห์คาดคั้นเสียอย่างนั้น ผมนั่งหลุกหลิกไม่ติดที่พอดีกับข้าวราดกระเพราเต้าหู้หมูสับมาเสิร์พข้างหน้า โอ้วว นี่มันเมนูเพื่อมนุษยชาติ ช่วยผมให้หลุดพ้นจากวิกฤติโดยแท้ ผมล่ะอยากจะกราบป้าอ้วนที่อกงามๆสักสามที
“กินเถอะๆ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะ “หึหึ” แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก้มหน้าก้มตายัดกระเพราเต้าหูเข้าปากจนสำลัก แค่กแค่ก เฮียเทน้ำเปล่าให้แล้วยื่นมาให้ผมยิ้มๆ
“ค่อยๆก็ได้ กูไม่รีบ...”
หมายถึงอะไร?
หมายถึงเรื่องกิน??
หรือว่า คำตอบที่ถามว่าผมคิดยังไงกันแน่
ตาเฮียบีมมีประกายวาววับ มันยิ้มและมองมาที่ผมพราว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากขณะที่รับแก้วน้ำมาจากเฮีย กูพลาดขนาดหนักครับที่เงยหน้าไปสบตามันตอนนี้ ควันสุกี้ลอยฉุยมาแล้ว ผมอยากจะให้หนากว่านี้เหลือเกินเพื่อที่พอจะบังหน้าร้อนผ่าวของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายเห็นได้ว่ามันกำลังเห่อแดง
“ขะ...ขอบคุณ..”
ผมตอบเฮียแค่นั้น แล้วก้มลงกินข้าวต่อ
คิดยังไงน่ะเหรอ? ผมก็ไม่เคยถามตัวเองเหมือนกัน วันที่เฮียบอกว่าจะจีบผมยังรู้สึกแปลกๆ แต่ด้วยความที่คิดว่ามันคงเล่นไปได้ไม่นานก็เลิกเลยไม่ได้ห้ามหรือตีตัวออกห่าง เฮียมีแฟนเด็ดขนาดไหนใครๆเขาก็รู้วันนึงจะมาสนใจผมมันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่พอเวลาผ่านมาเดือนกว่า ผมได้เห็นหน้ามันทุกวัน ถูกเอาใจแบบที่ไม่เคย ถามว่าไอ้เน็ตหัวส้มจะหวั่นไหวไปกับคารมมันไหม บอกได้เลยว่าไม่
การกระทำที่เหมือนเป็นกิจวัตรไปแล้ว ไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเวลาที่ถูกออร่าสีชมพูบานเย็นของเฮียบีมเข้ากระแทก ผมเองก็ใจสั่น...
เพราะว่ามันเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่จะมีเฮียอยู่ในทุกการดำเนินชีวิต
หรือบางทีอาจเป็นเพราะผมเองก็จะเหงา
หรือไม่ก็เพราะผมตื่นเต้นตามประสาคนไม่เคยให้ใครจีบใกล้ชิดแบบนี้
ผมไม่อยากหาข้ออ้างหรือเหตุผลหรอก รู้แค่ว่าอยากให้มีเฮียอยู่ด้วยกันแบบนี้เรื่อยๆ คุยกันดีๆไม่ทะเลาะ ไม่เกี่ยงงอนกันก็พอแล้ว
ความรู้สึกนั้นมันเรียกว่าอะไรนะ???
ช่างมันเถอะ
ผมกวาดข้าวในจานกินเป็นคำสุดท้าย เขี่ยพริกกับใบกระเพราไว้ที่ขอบจานแล้วดื่มน้ำตาม เงยหน้ามองคนที่ก้มหน้ากินสุกี้ของตัวเอง นี่ผมมองมันบ่อยไปหรือเปล่า? แต่ก็นะ มันน่ามองจริงๆนั่นแหละ ถ้าได้สังเกตไปรอบๆตัวบ้างก็จะรู้ว่าหลายๆคนก็มองเฮียอยู่ เออ ห่า มองกันเข้าไป ผมชักจะเกลียดหน้าหล่อๆของมันแล้วว่ะ แม่งมองข้ามหัวกูกันไปหมดเลยหรือไง
ผมพยายามนั่งเต๊ะหล่อบ้างเผื่อสาวๆจะเหลียวมอง แต่พอเฮียเงยหน้าขึ้นมาเห็นมันก็ขำพรืดออกมาเสียมารยาท
“ปวดขี้เหรอ? ดูทำหน้าเข้า”
ไอ้เวร! เขาเรียกว่าเก๊กหล่อเว่ย ไม่มองเป็นศิลปะไงมึงเลยไม่ให้กูผ่าน ผมจิ๊ปากอารมณ์เสียไอ้คนนั่งฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งหัวเราะขำอะไรนักหนา หน้ากูเหมือนลูกหลานตระกูลม๊กจ๊กหรือก็เปล่า
“พอเลย ป้าอ้วนเก็บตังค์”
ป้าคนขายไม่ได้ชื่ออ้วน แต่แกมีรูปร่างท้วมระยะสุดท้ายของสุดท้ายใครๆเลยเรียกแกอย่างนั้น ก็แหงล่ะครับเปิดร้านอาหารของกินอุดมสมบูรณ์แถมยังอร่อยอีกถ้าไม่อ้วนนี่ต้องพิจารณาฝีมือตัวเองเสียหน่อย ป้าอ้วนเดินอาดถือเครื่องคิดเลขเก่าๆขนาดใหญ่มาด้วยจิ้มซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
“85 บาท น้ำแข็งแถม”
ป้าแกบอกอย่างใจดี เฮียควักตังค์ออกมาจ่ายขณะที่ผมใจดีช่วยมันออก 5 บาทกำจัดเหรียญในกระเป๋า แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูร้านดีผมกลับสวนกับไอ้คนที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอแถวมหาวิทยาลัยโดยบังเอิญพร้อมเพื่อนอีกคน
“ไอ้หมอ? มาทำไรแถวนี้วะ?”
“เออ กูว่าจะโทรหามึงพอดี กูเอาหนังสือไอ้โชติมาคืน เมื่อคืนมันไปแดกเหล้ากับกูแล้วลืมไว้เห็นว่าอาจารย์คาบบ่ายมึงโหดไม่มีหนังสือหักคะแนน”
อ้อ อาจารย์จุฑารัตน์ รายนี้โหดจริง ขนาดเรอในห้องเรียนยังถูกหักคะแนนเลยครับ ท่านเป็นผู้มากรากดีลดตัวมาสอนนิสิต ฮะๆ อันนี้ผมล้อเล่นนะ แต่ชีโหดจริง สมควรแล้วที่ไอ้หมอโต๊ดต้องถ่อเอามาให้ถึงที่ ลองไม่พกหนังสือมาสิ นอกจากตัดคะแนนเจ๊แกยังจะให้ปั่นจิ้งหรีดสิบรอบหน้าชึ้นเรียนอีก ทำแบบนั้นเป็นผม ผมยอมโดดอะ ไอ้โชติก็เหมือนกัน โชคร้ายของไอ้หมอตรงที่วันนี้ท่านอาจารย์จะควิซท้ายคาบ โดดก็โดดไม่ได้ สุดท้ายต้องเดือดร้อนเพื่อนเก่าต่างมหาวิทยาลัย
“ไม่ยอมโทรมาก่อน กูแดกเสร็จแล้วเนี่ย”
“แล้ว... มากับเฮีย 2 คนเหรอ?”
“โอ๊ย มากันเยอะแยะ เห็นมั้ยนั่งกันเต็มร้าน”
ผมยิ้มเจื่อนให้หมอโต๊ด แถมองคนรอบร้านหน้าด้านๆ ไอ้โชติ ไอ้บูมรู้เรื่องเฮียจีบและผมก็ยอมคุยกับมันด้วยก็จริง แต่เพราะไอ้สองตัวนี้ออกแนวเป็นกองหนุน ไม่เหมือนพวกมหาลัยโน้นที่ยังไม่รู้เรื่อง ผมเลยไม่แน่ใจว่าไอ้โต๊ดจะรับได้มากน้อยแค่ไหน มันมองหน้าผมงงๆสลับกับเฮีย เหมือนยังมึนอยู่ที่เจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจผมเลยถือจังหวะนี้บอกลามันซะ
“ไว้ค่อยคุยกันแล้วกันมึง เฮียต้องไปทำงานแล้ว โชคดีเว่ย ไอ้โชติเดี๋ยวกูไปรอในห้องเรียนเลยนะ”
โชติพงษ์ยิ้มกริ่มพยักหน้าให้ ผมเลยลากเฮียเดินออกมาที่รถแถ่ดแถ่ด ไอ้ตัวโตก็อ้อยอิ่งเสียจริงประเดี๋ยวถูกไอ้หมอซักไซ้ขึ้นมาจะซวยทั้งกูทั้งมึงนะเว้ย
แต่สุดท้ายเฮียบีมก็เดินขึ้นรถมาได้แล้วทำหน้านิ่ง สวมเรย์แบนด์กันแดดวนรถเข้าไปส่งผมใน ม. พอใกล้ๆคณะมันก็จอดแล้วเลื่อนมือมากุมมือเล็กเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองมันงงๆ เรย์แบนด์สีชาของมันสะท้อนแววตาที่ผมอ่านไม่ค่อยออกมาให้เห็น
“เหมือนมึงไม่อยากให้ไอ้โต๊ดรู้ที่คุยกับกู..”
“หือ.. อ้อ อืม ผมกลัวมันเอาไปบอกคนอื่นน่ะ”
“คนอื่นที่ว่า คือปันเหรอ?”
ไอ้ปัน? เอ่อ.. จะพูดยังไงล่ะ ถึงปันรู้มันก็ไม่ได้มีผลกับผมอยู่แล้วปะวะในเมื่อยังไงๆมันก็ไม่ได้ชอบผม แต่คนที่ทำให้ผมกลัวหัวหดเนี่ยก็อดีตเพื่อนสนิทตัวเองที่เป็นน้องชายมันต่างหาก มันเป็นตัวเริ่มที่ทำให้ผมกับเฮียมีวงจรชีวิตเกี่ยวพันกันก็จริง แต่บอมไม่ได้ต้องการให้ผมกับพี่ชายตัวเองถลำลงมาถึงขั้นมีใจให้แบบนี้นี่หว่า..
ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เฮียมันเบือนหน้าไปทางอื่นแต่มือยังจับผมเอาไว้
“เน็ต... ที่มึงไม่ตอบว่าคิดยังไงกับกู เพราะมึงยังรักปันอยู่ ใช่ไหม?”
จะว่าใช่ก็ใช่.. ใครจะไปลืมมันลงง่ายๆ
แต่จะว่าไม่ มันก็ไม่.. เพราะความรู้สึกของผมที่มีกับเฮีย มันไม่ได้มีปันเข้ามาเกี่ยว มันเป็นความรู้สึกของคนสองคน
เหมือนกับว่า ผมชอบกระเพราเต้าหู้หมูสับ แล้วผมก็ชอบไข่ดาวด้วย จะอธิบายยังไงล่ะ ไข่ดาวก็คือไข่ดาว กระเพราก็คือกระเพราใช่ไหมล่ะ? ไม่มีกระเพรา ผมก็ไม่ได้รักไข่ดาวมากขึ้น หรือไม่ได้มีไข่ดาว ผมก็ไม่ได้รักกระเพรามากขึ้น เอ่อ.. เหมือนยิ่งอธิบายจะยิ่งงงกันไปใหญ่ =_=”
ผมบีบมือใหญ่ที่จับกันไว้แน่น เอนหัวไปซบไหล่กว้างอ้อนๆ ถุย นอกจากแม่กับพี่เนยผมยังไม่เคยทำท่าทำทางน่าสงสารแบบนี้ให้ใครเลยนะ ลูกใครวะตอแหลจริง
“ไหนบอกว่าไม่รีบไง...” กูเหมารวมไปเลยนะว่าตอนที่กูสำลักข้าวนั่นมึงหมายถึงเรื่องนี้ด้วย
“ก็ไม่ได้รีบอะไร... กูแค่อยากให้มึงเห็นใจคนรอบ้าง กูจีบมึงเพราะกูอยากเป็นแฟนกับมึง อยากมีแค่มึงแล้วก็ให้ใจมึงมีแค่กู แค่มึงยังไม่รักกูทำไมกูจะทนไม่ได้ เดี๋ยวกูก็มีวิธีทำให้มึงรักกูเอง แต่ให้กูอยู่ตรงนี้แล้วมองมึงรักคนอื่น บอกตรงๆว่ะ กูก็เจ็บ เจ็บเพราะกูทำอะไรความรักของมึงที่มีให้มันไม่ได้..”
“จะให้พูดยังไงดีวะ ผมก็ไม่อยากโกหกนะเฮีย บอกตรงๆตอนนี้ผมให้เฮียทั้งหมดไม่ได้หรอก” เอาสิ มึงดราม่ามากูก็ดราม่ากลับ ผมถอนหายใจแล้วเหม่อออกไปนอกรถ
“...................”
“5 ปีเชียวนะ...”
5 ปีที่ผมบ่มความรู้สึกที่มีให้ปันเอาไว้จนลึก เวลาที่ไม่เจอบางทีก็รู้สึกเหมือนลืมไป แต่ทุกครั้งที่ได้ใกล้ ได้เห็นหน้า ผมก็ยอมรับเลยว่ายังหวั่นๆ ปันมันไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่รู้จักจนทุกวันนี้ที่ห่างกันไป ความรู้สึกผมก็เหมือนกัน ไม่เคยเปลี่ยนไปแค่มันจางลงเรื่อยๆเท่านั้น
วันหนึ่ง มันจะกลายเป็นภาพลายน้ำที่ผมจำได้แค่ว่า เคยรู้สึกบางอย่าง แต่ไม่ได้ชัดเจนขนาดที่ว่า เคยรู้สึกกับปันยังไง และวันนั้นมันจะไม่ได้สำคัญอีกต่อไป
ผมแค่อยากให้เฮียรอจะว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดในโลกก็ได้ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมกำลังมีอาการของคน 2 ใจชัดเจน แต่ใครบ้างอยากมีความรู้สึกแบบนี้ ใครบ้างไม่อยากมีความรักที่สมบูรณ์ มีคนที่เรารักและคนที่รักเรา ใครบ้างอยากมีคนที่สามซึ่งรังแต่จะบั่นทอนจิตใจกันและกันไปเปล่าๆ
แต่มันก็บังคับกันไม่ได้นี่หว่า
ผมถอนหายใจอีกครั้ง เฮียมันเลยปล่อยมือที่จับผมไว้มาลูบหัว บ๊ะไอ้นี่ ผมกูฟีบหมดแล้ว
“อืม กูเข้าใจแล้ว ขอโทษแล้วกันที่งี่เง่า”
“เออ มึงก็เงี้ยตลอด ทีหลังไร้สาระกับกูอีกถีบกระเด็นจริงๆด้วย”
ไอ้คนเกรียนแตกยิ้มแผล่ เอ่อ.. หมายถึงเฮียนะที่เกรียน ไม่ใช่ตัวเอง =_= ผมเลยหยิกแก้มมันไปด้วยความหมั่นไส้หนึ่งดอก
“ไอ้เน็ต กูเจ็บ!”
“อย่ามาตอแหลเฮีย มึงน่ะหน้าด้านจะตาย”
“ฮื่อ ไม่เรียกเน็ตเฮีย แล้วยังจะมามึงกูอีกนะ ไม่เคยจะน่ารักอะ”
“เออ!”
ผมกระแทกเสียงใส่ เฮียมันเลยหมั่นไส้มาหยิกจมูกแบนๆของผมที โอ๊ย ตอนแรกมันยังโด่งเป็นฝรั่งอยู่เลย โดนบีบทีเดียวทำไมกูกลายเป็นคนแถบที่ราบสูงไปแล้วเนี่ยย ย ย ย อยากจะโวยวายแบบนั้นก็กระดากนิดๆ อีกอย่างเฮียมันก็ชิงพูดก่อนผมได้เอ่ยปาก
“เดี๋ยวมึงจะโดนดี ไป ลงไปเรียนได้แล้ว วันนี้กูเลิกมืด มึงจะกลับหอหรือไปรอที่คอนโด”
ผมเลิ่กคิ้ว จะให้กูไปคอนโดมึงเนี่ยนะ ไม่ได้เดินทะลุกำแพงเป็นว้อยจะได้เข้าไปแบบไม่ต้องมีกุญแจ เฮียมันเหมือนจะอ่านความคิดผมออกเลยค้นๆกระเป๋าแล้วก็หยิบของสำคัญที่ทำให้ผมไม่ต้องใช้วิชามารเข้าห้องไปติดมือมาด้วย
“กุญแจสำรองกูหาย มึงเอานี่ไปปั๊มซะ”
เจ้ากุญแจสีเงินแวววาวสะท้อนกับแสงแดดถูกยัดใส่มือผมที่มันดูเล็กมากเมื่อเทียบกับอีกคน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนให้ มันสบตาแค่พักเดียวแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อน
“เดือนหน้าทำเรื่องออกจากหอย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยก็ดี จะได้ไม่เปลืองค่าห้อง”
“ฮะๆ อยู่กินแบบสามีภรรยาเลยอะนะ ถึงเฮียจะอยากเป็นเมียกระผมเต็มแก่แต่กระผมยังไม่พร้อมนะครับ รอให้กระผมเรียนจบมีงานมีการมั่นคง เก็บเงินค่าสินสอดทองหมั้นก่อน ถึงเพลานั้นกระผมจะบอกหม่อมแม่ให้ยกขันหมากไปขอไม่ให้ว่าที่เมียต้องรอเก้อเลยทีเดียวเชียว”
คู่สนทนากดยิ้มที่มุมปาก ตาคมใต้เรย์แบนด์ราคาสูงฉายแววเจ้าเล่ห์ มิหนำซ้ำเฮียยังหัวเราะ
“หึ” พ่วงด้วยประโยคคำถาม
“กูน่ะเหรอว่าที่เมีย” มาให้ผมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยทางความคิดของไอ้ตัวโต
นี่มันรอยยิ้มของหมาป่าชัดๆ! “ปะ...ไปเรียนดีกว่า”
“กลัวอะไรเล่า...” มะ เมื่อกี้หมาตัวไหนมันไล่กูวะ ทีงี้มาคว้าต้นแขนไว้ทำไม!
“อย่ามั่ว ใครกลัวมึง”
“ให้มันได้แบบนี้ทุกวันนะ ไอ้หัวแดงเอ๊ย”
คนพูดตั้งใจจะยกมือขึ้นยีผมสีส้มของผมแต่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน เฮียมันเลยก้มตัวลงมาเอาหน้าผากชนเบาๆ ผมได้กลิ่นลมหายใจอ่อนๆของมันผสมกันกับลมหายใจของผม ตาของเราสบกันในระยะใกล้และนิ่งค้างเอาไว้แบบนั้น
ตอนแรกเปิดด้วยฉากดราม่า แต่ผมก็เฉไฉพาไปคอมเมดี้แล้ว นี่มึงมาตบท้ายด้วยฉากอีโรติก เอ๊ย โรแมนติกแบบนี้กะจะปั้นกูเป็นซุปตาร์ใช่ไหม?
แต่เอาเถอะ ไหนๆก็มองผมตาหวานขนาดนี้แล้ว กูจะใจดีเป็นพระเอกให้ก็แล้วกัน
‘ทุกวัน..’ ผมคลี่ยิ้ม..
มันพูดเหมือนกับว่าทุกวัน มันอยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ โลกของผมจะมีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย ไม่รู้หรอกว่าอยู่ในฐานะที่เรียกว่าอะไรแต่ว่า การที่เรามีใครสักคนบอกว่า อยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆนานๆมันน่าดีใจไม่ใช่หรอกเหรอ? ผมอาจจะคิดมากไปกับประโยคเบสิคธรรมดาๆของเฮียก็ได้ ใครจะรู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากให้เฮียหมายความแบบเดียวกัน
ให้ผมสำคัญ... ให้เป็นคนสำคัญที่สุดของเฮีย
“เฮีย...” คนถูกเรียกมันเลิ่กคิ้วขึ้นนิดๆผมเลยขยับตัวเข้าหา ช่วงเวลาเพียงชั่วขณะที่เราต่างสบตากันนิ่งผมก็ใช้จังหวะนั้นแตะริมฝีปากลงไปบนกลีบปากที่ยังคลี่ยิ้มอ่อนของอีกฝ่ายหลังจากนั้นก็แทบกระโจนลงมาจากSLK สีบลอนด์เงินของเฮียอย่างรวดเร็ว
ตึก ตึก ตึก ตึก.. ใจเต้นแรงเป็นบ้า ผมไม่หันหน้ากลับไปมองที่รถอีก ไม่รู้ว่าไอ้คนข้างในมันทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่ารถคันเก่งของมันจะเคลื่อนออกไปแล้วหรือยัง สองขาวิ่งเข้าตึกเรียนเหมือนเด็กหนีความผิด หูตานี่ร้อนผะผ่าวเหมือนจะละลายไปหมดแล้ว
นี่กู... จูบเฮียไปทั้งๆที่มันกำลังมองหน้ากูแบบนั้นเนี่ยนะ
ฉิบหายแล้วไอ้เน็ต ยินดีต้อนรับสู่โลกสีม่วงโดยสมบูรณ์แบบแล้วมึง...
------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 16
03/07/12