Friend's brother Brother's friend 28, พี่ชาย น้องชาย
[Beam's talk]
ร่วมเดือนแล้วร่วมเดือนแล้วที้ไอ้เน็ตหลบหน้าผมจนแทบคลั่งแบบนี้! โทรหาก็ไม่รับ ห้องหับก็ไม่กลับ! ถึงกับไปดักรอหน้าคณะ อย่างเหี้ยที่สุดคือลากคอไอ้โชติเพื่อนมันวิ่งหนีซึ่งๆหน้า บอกผมสักนิดว่าผมทำผิดอะไรก็ไม่มี อารมณ์กรุ่นในอกแล่นพล่านตั้งแต่ลืมตากระทั่งหลอกหลอนในฝัน เผลอสะดุ้งตื่นควานหาคนข้างๆยิ่งย้ำความรู้สึกปลาบแปลบในใจว่ามันกำลังหลอกล่อให้ผมติดอยู่ในฝันร้าย
ไม่มีใครเข้าหน้าติด กระทั่งนึกกลัวตัวเองว่าการกลับบ้านอาจสร้างความกังวลให้ป๊ากับม้าขนาดหนัก สุดท้ายเลยจมปลักอยู่คนเดียวเงียบๆคิดหาเหตุผลสารพันว่าตัวเองบกพร่องอะไรลงไป
ว่างเปล่า..จนนาทีนี้ต้องมายืนกอดอกตากฝนหลงฤดูอยู่หน้าบ้านขนมปังที่เคยแวะเวียนมาบ่อยครั้งแต่ไม่กล้าเอื้อมมือไปกดออดเสียทีด้วยความสับสน เรื่องราวมากมายในแววตามันผมไม่อาจอ่านออกหากแต่รู้สึกมั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่าในหัวใจดวงนั้นยังเอ่อล้นคำๆหนึ่งอยู่
คำว่ารัก ที่มันไม่เคยพูดออกมา
นั่นเป็นเหตุผล ที่ทำให้ผมไม่คิดจะยอมแพ้"อ้าว ตาหนู?"
เสียงทักนุ่มนวลสำเนียงประหลาดใจทักให้ผมเงยหน้าขึ้นผ่านเม็ดฝนปรอย ยกมือไหว้'แม่'ที่ฉายแววงงๆจากดวงตาเมตตาคู่นั้น เธอถือร่มคันใหญ่สีเขียวสดใสในมือยื่นมาเบื้องหน้าเพื่อกันไม่ให้กระแสเย็นๆของหยดน้ำกระเซ็นโดนผมมากกว่าเก่าแล้วถามเสียงรื่นหู
“ไม่กดออดล่ะ แม่ก็ชะเง้ออยู่นานว่าใครมาด้อมๆมองๆหน้าบ้าน”
"ผม.. แวะมาหาเน็ตน่ะครับ”
“หืม? ตาเน็ตเหรอ? ตั้งแต่เปิดเทอมก็ไม่ได้กลับมาบ้านเลย.. มีอะไรกันหรือเปล่าลูก?”
ผมหลบตาที่เหมือนกับคนที่นึกถึงราวกับเป็นดวงตาจากคู่เดียวกันลงต่ำ ถอนหายใจยืดยาวจนท้ายที่สุดหญิงวัยกลางคนก็ไขประตูบ้านเลื่อนให้ผมเข้าไปข้างในโดยปราศจากการร้องขอ
แววตาที่สอดส่องด้วยความเป็นห่วงนั่น กำลังทำให้ผมเริ่มกังวลว่าบางทีตัวเองอาจทำให้เรื่องเล็ก กลายเป็นเรื่องใหญ่..
บางทีอาจไม่มีอะไร เน็ตอาจแค่เบื่อไปตามวัยคะนอง
แต่ผม... ก็ไม่อาจทำใจให้สงบได้เสียที
RRRRR..."saikeaw" เป็นชื่อที่ผมกดตัดสายบ่อยที่สุดเมื่อผุดขึ้นมาพร้อมเสีไงเรียกเข้า โทรหนักๆหน่อยทรายจะเปลี่ยนเป็นส่งข้อความให้ผมได้อ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ บ่อยครั้งจะเป็นแนวตัดพ้อต่อว่า ร่ำไรราวไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่เธอคงลืมไปว่าผู้หญิงที่ไม่เคยรักคนอื่นอย่างเธอไม่มีวันทำร้ายตัวเองดังนั้นการเอาเรื่องชีวิตมาขู่ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกลังเลเลยสักนิด
ด้วยชื่อเสียง เกียรติยศ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ทรายไม่อาจปล่อยให้แฟนเก่าอย่างผมไปคบกับผู้ชายด้วยกัน ผมกับเธออาจรู้จักกันมานานเกินไปทำให้แค่เห็นแววตาก็อ่านออก ใช่.. มันไม่ตลกเลยถ้าผู้หญิงที่เพรียบพร้อมคนหนึ่งจะรับรู้ว่าแฟนเก่าของเธอเป็นเกย์ ซึ่งมาถึงจุดนี้ ผมก็ไม่อาจช่วยอะไรทรายได้จริงๆ
ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่เคยมองผู้ชายด้วยกันมาก่อน แค่บังเอิญว่าคนที่ผมรักและรู้สึกอบอุ่น สบายใจด้วยเป็นผู้ชายเท่านั้น
ไม่เคยมีเจตนาจะโกหกหลอกลวงหรือคบทรายบังหน้า มันแค่เป็นการเปิดเสรีทางหัวใจให้ยอมรับกับตัวเองว่า ผมไม่ได้รู้สึกรักใครสักคนด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆนานา
แค่รู้ว่ารัก รักด้วยหัวใจ...
'บีมไปไหน พี่เต้ยบอกบีมออกจากออฟฟิศตั้งแต่เที่ยง เค้ารออยู่ที่คอนโด รีบกลับมานะ มีธุระจะคุย'ผมกดลบข้อความดังกล่าวอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากเห็นมันรกตาในเครื่อง จากนั้นไม่ต้องอาศัยเวลามาพะวักพะวงเลยสักนิดที่จะเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางจากเดิมที่ออกมาจากบ้านไอ้เน็ตแล้วตรงดิ่งสู่คอนโดเป็นกลับบ้านย่านฝั่งธน แค่เรื่องไอ้หัวแดงของผมมีอาการเหมือนเมนส์มาไม่ปกติก็ประสาทจะแดกอยู่แล้ว ไม่อยากเอาเรื่องผู้หญิงคนนั้นมาเติมเป็นเชื้อให้ไฟมันลุกลามยิ่งกว่าเก่า บ้านไอ้เน็ตอยู่แขวงเดียวกับผม ดังนั้นอาศัยเวลาไม่นานเลยเมอร์ซิเดสคันเก่งก็แล่นปราดมาจอดหน้าบ้านเดี่ยวโดยมีเสียงไอ้ปุยเห่าหอนกระโดดเกาะรั้วบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นการต้อนรับ บอมเดินหัวกะเซิงออกจากบ้านมาเปิดรั้ว เสื้อตราห่านแขนสั้นสีขาวกับบอกเซอร์ลายจุดตัวจิ๋วของมันทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าตัวเองรบกวนเวลานอนของน้องเข้าให้
“นอนอะไรป่านนี้ เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่หลับ” ทักเพราะเห็นว่าเป็นเวลาเย็นย่ำ ไอ้บอมโคลงหัวไปมาสภาพมึนๆ
“ไม่ไหวจริงๆเฮีย เมื่อคืนเมาหัวทิ่มเลย นี่ถ้าไม่ได้ยินเสียงไอ้ปุยเห่าป่านนี้ก็คงนอนเป็นศพอยู่บนห้องอะแหละ”
“ป๊ากับม้าไม่อยู่เหรอ?”
“เห็นโน๊ตเขียนว่าไปเยี่ยมอี๊กลับดึกๆ แล้วนี่นึกยังไงถึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ไม่ทำงานเหรอ?”
ชายกลางถามพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน พี่วรรณคงตามม้าไปช่วยถือของเยี่ยมทั้งบ้านเลยเหลือแค่ปารณเท่านั้น
“ทำ แล้วตี๋ไปไหน?”
“ไปค้างบ้านปันเป็นเพื่อนเน็ต เมื่อคืนไปกินเหล้ากันมา”
พอได้ยินชื่อของคนที่แสนคิดถึงก็เผลอชะงักมือที่เทน้ำเย็นจากเหยือกลงแก้ว ไอ้บอมยังควานๆหาของกินในตู้เย็นแล้วหันมาทำหน้าบูด
“น้ำผลไม้หมด พี่วรรณยังไม่ซื้อมาให้เลย เฮียซื้อขนมกลับมาด้วยหรือเปล่า?”
เพราะปกติเวลากลับบ้านผมมักจะมีของติดไม้ติดมือมาฝากน้องเสมอๆ หากแต่วันนี้เหตุการณ์มันติดจะฉุกละหุกนิดหน่อยเลยได้แต่ส่ายหัวตัดความหวังน้องชาย บอมยืนคอตกแล้วเปลี่ยนเป้าหมายจากน้ำผลไม้เป็นรังนกของป๊าในตู้เย็นแทน
“ไอ้เน็ตเป็นยังไงบ้าง กูไม่เจอมันเลย..”
“ก็เรื่อยๆตามประสา ทำไม เฮียจะให้มันเป็นอะไร?”
“มันพูดถึงกูบ้างหรือเปล่าว่ามันโกรธมันงอนอะไร?”
ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่าไอ้บอมไม่มีทางเล่าแน่แต่ก็อดถามไม่ได้ น้องชายคนกลางเหลือบมองผมด้วยหางตาก่อนโยนขวดแก้วที่ดื่มรังนกจนหมดแล้วลงถังขยะ
“แคร์มันจริงๆเลยนะ ทีกับทรายไม่เห็นจะสน”
“กูกับทรายมันจบไปแล้ว บอม กูเป็นคนตัดความสัมพันธ์เองด้วยแล้วทำไมกูต้องแคร์ต้องสนอีกวะ?”
“เพราะทรายยังรักเฮียอยู่...”
ผมถอนใจหน่าย ยืนพิงกับเคาท์เตอร์ครัวโดยมีสายตาไอ้บอมจ้องอยู่ทุกการกระทำ
“ที่เลิกกับทรายเพราะเรื่องผมเหรอ?”
“....................”
“เฮียกลับไปหาทรายเถอะ ถึงผมจะชอบทราย ทรายจะหวั่นไหวกับผมบ้าง แต่สุดท้ายคนที่ทรายรักก็คือเฮีย”
“มึงแคร์ผู้หญิงคนนั้นมากกว่าพี่ชายแท้ๆกับเพื่อนสนิทมึงอีกนะ..”
“มันเป็นเรื่องของความถูกต้องด้วยว่ะ เฮีย อย่าให้สิ่งที่ไอ้เน็ตทำมันไร้ค่านักได้ไหม มันอุตส่าห์เลิกกับเฮียเพื่อให้เฮียกลับไปใช้ชีวิตปกติที่เคยเป็นเลยนะ”
ผัวะ!เป็นครั้งแรกที่ผมลงมือกับคนในบ้าน รู้ตัวอีกทีพอจบประโยคนั้นก็เผลอชกไอ้บอมคว่ำลงไปนอนกับพื้นเสียแล้ว แต่แปลกที่ตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด
โกรธ
โมโห..
เสียใจ...ทุกสิ่งรุมเร้าภายใต้สีหน้านิ่งเรียบแต่ฉายแววไม่สบอารมณ์ในแววตาชัดเจน “ที่เน็ตห่างกับกู แล้วทรายเข้ามาวุ่นวาย ทั้งหมดนี่ฝีมือมึงใช่ไหม?”
บอมไม่ตอบ ยกมือมาปาดเลือดที่ไหลจากมุมปากแล้วหลุบสายตาลงต่ำให้ผมเค้น
“ไอ้บอม!”
“ผมก็แค่หวังดี! เฮียจะพูดกับม้ากับป๊ายังไง เฮียเป็นพี่ชายคนโตนะ แล้วคิดว่าที่ผมทำนี่ผมไม่เจ็บเลยหรือยังไง ผมรักทรายแต่ต้องยัดคนที่ตัวเองรักใส่มือพี่ชายแท้ๆของตัวเองที่ไม่อยากจะรับไว้น่ะ เฮียรู้ไหมว่ามันยาก!”
“อย่ามาสะเออะทำตัวเสียสละ!”
“เฮียนั่นแหละที่ทำตัวเสียสละ ยกผู้หญิงของตัวเองให้น้อง ถุย! เฮียแม่ง! ผมไม่รู้จะด่าว่ายังไงดี!”
“ไอ้เหี้ยบอม! กูต่างหากที่ต้องเป็นคนด่ามึง!! มองซิ แหกตามองรอบๆตัวมึงซิว่าตอนนี้มีใครมีความสุขกับการเสียสละของมึงบ้าง หรือไอ้เน็ตมันสบายดี มันมีความสุขมาก นั่นเพื่อนที่ยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องเรียนกับมึง เพื่อนที่ลอกการบ้านให้มึง เพื่อนที่ชวนมึงไปเตะบอล เพื่อนที่อยู่ข้างมึงตลอดเวลาน่ะ มึงทำอะไรกับมันลงไป! แล้วทราย ผู้หญิงที่มึงเทอดทูนหนักหนา มีความสุขมากไหมที่ต้องมาวิ่งตามกูคนที่หมดรักหมดอาลัยทรายไปสิ้นเชิงแบบนี้ กับกูก็อีก พี่ชายที่ยอมให้มึงได้ทุกอย่าง ตามใจมึงได้ทุกเรื่อง กูขอแค่นี้ได้ไหมวะ! ให้กูรักคนที่กูอยากรักได้ไหมวะ? โลกไม่ได้โคจรรอบตัวมึงนะไอ้สัตว์! แหกตามองความเป็นจริงซักที!”
นี่อาจเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดที่ผมทะเลาะกับน้องชายตัวเอง มือสองข้างกำแน่นระงับอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้นขีดสุด สบตามองคนหน้าเหมือนด้วยอารมณ์คุกรุ่น ไอ้บอมยังคงหลบสายตามองที่พื้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มขาวซึ่งมีร่องรอยเขียวช้ำจากหมัดหนักๆของผมเมื่อครู่ช้าๆ
“....ผม.......”
คงมีอะไรตีบตันในลำคอชายกลางมันเลยพูดได้แค่เสียงแผ่ว ผมเสยผมที่ปรกลงรกลูกตาไปด้านหลังด้วยความหงุดหงิดก่อนปะทุอารมณ์ในน้ำเสียงใส่น้องชายคนรองไปอีกรอบ
“อย่าทำให้กูกับเน็ตต้องวุ่นวายได้ไหมวะ มึงรู้ไหมกูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
ไอ้ตัวดีนั่นก็เหมือนกัน คิดจะห่างเพื่อให้ผมกลับไปคบกับทรายแก้ว คิดดูเถอะว่าทำไว้เจ็บแสบขนาดไหน นึกๆแล้วก็อยากจะไปจัดการให้สาสมกับแผลที่มันกรีดให้ผมเจ็บในอกแบบนี้เหลือเกิน
ไม่สงสารกันบ้างเลยหรือไง?ผมถอนหายใจยาวเหยียด หลับตาลง ใจนึกอยากโกรธงอนไอ้เน็ตเสียเหลือเกินแต่รู้ดีว่าในเวลานี้คงทำไม่ได้ ในเมื่อเน็ตไม่ได้จับผมเอาไว้แล้ว ก็ต้องเป็นผมเองที่ดึงรั้งมันให้กลับมา
ให้ตาย.. คิดจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แม่งก็เสือกสวมวิญญาณนางเอกละครให้กูปวดตับอีกนะ ณัฏฐนิช..
“ผมขอโทษ....”ท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุมผมกับน้องชาย จู่ๆไอ้บอมก็เอ่ยเสียงสั่น ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาแบบนั้นเหมือนตอนเด็กๆเวลาที่มันเกเรแล้วถูกดุ
ผมดึงไอ้บอมเข้ามาตบปุที่บ่า เด็กหนุ่มวัย21ก็สะอื้นฮักเหมือนเด็กน้อยวัย 2 ขวบ
ไอ้บอมเป็น Wednesday child ซึ่งจะประสบปัญหาคล้ายๆกันทุกคนว่าบางทีมันก็ก้ำกึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กดี จะตามใจคนอื่น หรือเอาแต่ใจตัวเองดี ซึ่งมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ผมรู้... ว่าสุดท้ายมันก็แค่หวังดีตามที่พูดจริงๆ“เฮียจะไปตามไอ้เน็ตไหม?”
“ตามสิวะ แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเจอมันได้ที่ไหน”
“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่บ้านปันหรือกลับไปบ้านไอ้โชติแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปตามมันที่บ้านไอ้โชติแล้วกัน รอหน่อยได้หรือเปล่า”
ผมมองหน้าน้องชายตัวเองนิ่ง ถึงบอกว่าไม่ได้ก็คงต้องรอ สภาพตอนนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าแย่ นี่ถ้าส่งบอมไปเดินในฉากของหนังเรสทิเดนท์อีวิลคงไม่ต้องแต่งหน้าให้เป็นซอมบี้เลยด้วยซ้ำ รอยเขียวๆที่มุมปากนั่นเริ่มมีเลือดซึมออกมาเพิ่มความสมจริงจนผมต้องอดใจรอแทนที่จะรบเร้า
“เอาจริงใช่ไหมเฮีย เรื่องเน็ต..”
“จริง..”
“ไม่เปลี่ยนใจแล้ว?”
“กูไปคุยกับแม่เน็ตมาแล้ว”
ชายกลางเบิกตามองผมกว้าง อ้าปากหวอตกใจ “คุยยังไงวะ?”
“แม่มันเหมือนระแคะระคายอยู่แล้ว พอกูไปหาที่บ้านเลยถามว่าไอ้เน็ตมันเป็นตุ๊ดหรือเปล่า”
“แล้วเฮียว่าไง”
“กูก็บอกว่าเปล่าสิวะ”
“โถ่... ป๊อด” บอมโคลงหัว ผมเลยเผยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเมื่อนึกถึงบทสนทนาของตัวเองกับมารดาเพื่อนมัน
“แต่กูก็บอกไปนะ ว่ากูจีบเน็ตอยู่ นี่ไม่รู้งอนอะไรกู จะให้แม่ช่วยพูดหน่อยถ้ามันกลับบ้าน”
ผมยิ้ม ตอนไอ้บอมตกอยู่ในอาการชอคอีกครั้ง “เฮียแม่งโคตรกล้า แบบนี้ไม่โดนเขาเพ่นกบาลแตกเหรอ?”
“ก็ไม่นี่.. แม่แค่บอกว่าฝากเน็ตด้วย อย่าทำให้มันเสียใจก็พอ...”
“เฮียร้ายว่ะ เข้าทางแม่”
“กูถึงได้บอกไงว่าเอาจริง.. กูไม่ปล่อยมือไอ้เน็ตไปแน่ๆ ส่วนมึง ถ้าก่อเรื่องอีกกูก็ไม่เอามึงไว้แน่ๆเหมือนกัน”
ไอ้บอมยกมือขึ้นยอมแพ้ ปากยิ้มนิดๆแต่ตายังดูเศร้าอยู่ “ไม่ต้องห่วงเรื่องทรายหรอกน่า.. เชื่อกูเถอะ เธอไม่เป็นอะไร ไปทำแผลไป เดี๋ยวม้ากลับมาเห็นจะโดนเล่นงานกันทั้งคู่”
“ผมจะฟ้องม้าว่าเฮียต่อยผม”
“มึงไม่ฟ้องหรอก..”
ผมยีหัวปารณเบาๆ น้องชายตัวดีเลยถอนใจยาวเหยียด “เกลียดเฮียจริงๆว่ะ”
นั่นแปลว่ามันรักผม------------------------------------------
COMPLETE Friend's brother Brother's friend 28
26/09/12
ตอนนี้ไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ขอโทษด้วยนะคะ ฮืออ งานยังคงเยอะต่อเนื่อง เมื่อวานได้กลับบ้านไวหน่อยสี่ทุ่มกว่าก็ปั่นมาให้ได้เท่านี้ ยังไม่ค่อยมีอะไรเดินเลยเนอะ ตอนหน้าจะจัดให้ยาวหน่อย นักอ่านผู้น่ารักของเรายังอยู่กันไหมม ม ม ม คิดถึงมาก ^^
สำหรับวันนี้ขอตัวไปปั่นงานก่อนนะคะ