อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ  (อ่าน 88619 ครั้ง)

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #120 เมื่อ24-05-2012 10:21:23 »

ร้ายกันทั้งคู่


๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #121 เมื่อ24-05-2012 13:06:07 »

ตอนนี้น่ารักจัง :L1:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #122 เมื่อ24-05-2012 13:10:02 »

อมยิ้มเลย ตอนสุดท้าย ปืนเจ้าเล่ห์ แต่ปอรู้ทัน ฮิๆ^^
อย่างนี้ปอก็รู้แล้วสิว่าปืนก็รักปอ รอแค่เมื่อไหร่ปืนจะยอมเลิกปากแข็งใช่มะ

คุณนูในเรื่องคือคนเขียนจริงๆด้วย มาเป็นกามเทพให้คู่นี้นี่เอง  :L2:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #123 เมื่อ24-05-2012 20:25:17 »

หักเหลี่ยมกันมากๆ  555

รักกันก็คบกันสักทีเท้ออออ
คนอ่านลุ้น  อิอิ

ออฟไลน์ kiyomaro

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #124 เมื่อ24-05-2012 21:42:11 »

กดเป็ด กันไป
เอากำลังใจมาฝากคุณนูด้วยจ้าาาา

cksong2008

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #125 เมื่อ24-05-2012 22:32:09 »

คุณ NOO เขียนบรรยายเรื่องได้น่ารักมากๆเลยคับ  :impress2:
ผมว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "ร้ายนักรักซะดีแมะ" ดีกว่าน๊ะ  o18

ออฟไลน์ KuMaY

  • คนไม่สำคัญ ทำไรก็ผิด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #126 เมื่อ25-05-2012 02:13:09 »

พี่ปืนกะปอนี่กินกันไม่ลงจริงๆ :laugh:
อยากอ่านตอนหวานๆอ่ะ :-[

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 23/5/2555
«ตอบ #127 เมื่อ27-05-2012 22:46:31 »



 :pig2:

choijiin > หมั่นไส้นิดหน่อยไม่เป็นไรครับ ให้หยิกแก้มได้หนึ่งที

daboo  >  ปืนร้ายกว่า ปอน่าร้ากกกกก

CarToonMiZa  >  หมายถึงคนโพสท์เนอะ (เข้าข้างตัวเองจนน่าเกลียด อิอิ)

$VAN$   >  เอ๊ ...ผมเกริ่นไว้รึยังไม่รู้นะครับ ว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของเพื่อน

silverphoenix  >  ยังมีให้ลุ้นกันอีกหลายตอนครับ

kiyomaro   >  ขอบคุณครับ กำลังใจเหล่านี้ทำให้ผมมีแรงโพสท์ ทั้งที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย (กินแต่ข้าวร้อน 55)

cksong2008  >  ตอนตั้งชื่อเรื่อง ผมคิดเอาจากบทตอนท้าย ๆ ครับ แต่คู่นี้ไม่มีใครร้ายหรอก เพราะผมเป็นตัวร้ายซะเองแล้ว

KuMaY  >  หวานไปเดี๋ยวจะเลี่ยนนะครับน้องเม


 


แอบย่องมาตอนดึกไม่รู้จะมีใครถ่างตาอ่านรึป่าวนะครับ

แต่ก็จะโพสท์ล่ะใครจะทำไม   :really2:





ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #128 เมื่อ27-05-2012 22:48:18 »







      แม้ว่าแอร์จะซ่อมเสร็จแล้ว แต่ปอก็ยังสวมรอยนอนห้องของพี่ปืนต่อ

โดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง พูดถึงเรื่องซ่อมแอร์ ปอก็ยังขำ

ตอนที่พี่ปืนปฏิเสธพัลวัน ที่ปอบอกว่าจะตามช่างมาซ่อมแอร์เอง

         “ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวพี่ให้ช่างที่ดูแลแอร์ที่แบ็งก์มาดูให้ก็ได้”

         “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ปืน ผมอยู่ว่าง ๆ ผมไปตามร้านที่เค้ามาติดตั้งดีกว่า สินค้าของเค้า

ยังไงเค้าก็ต้องมาดูแลอยู่แล้ว”

         “อย่าเลย พี่ตามช่างคนนี้เค้าไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลย อย่างดีก็จ่ายแค่ค่าอะไหล่ อะไรพวกนี้แหละ”

         “แต่ร้านที่เค้าติดตั้งให้เค้าก็บอกว่าเครื่องเรามีประกันอยู่นะครับ อย่างงี้เราก็ไม่ต้องจ่ายตังค์เหมือนกัน”

         “เอาเหอะ ไว้เป็นธุระให้พี่จัดการเองดีกว่า ปอไปเรียนเหอะ เช้านี้ไปถึงแบ็งก์พี่จะโทรหาช่างเลย”

         พี่ปืนตัดบทเอาดื้อ ๆ ส่วนปอเห็นว่าดักคอพี่ปืนพอเป็นน้ำย่อยก็รามือ ไม่ต่อคำต่อไป

แอบขำในใจคนเดียวว่า พี่ปืนคงกลัวว่า ถ้าให้ปอตามช่างมา ความจะแตกเพราะช่างคงหาเจอว่า

ปัญหาที่แอร์ไม่ทำงานมันอยู่ตรงไหน หารู้ไม่ว่า คราวนี้แหละพี่ปืนได้จ่ายตังค์ค่าซ่อมแอร์แน่ ๆ

เพราะอะไหล่มันเสียจริง ๆ ด้วยฝีมือปอนี่แหละ

    นึกแล้วก็เสียดายที่จะต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่ทำไงได้ พี่ปืนมาทำเหลี่ยมจัดกับปอก่อนทำไมล่ะ

อยากรู้นักว่าจะปากแข็งใจแข็งกับปอไปได้ถึงไหนกัน




         คืนนี้ที่ทำงานพี่ปืนมีงานเลี้ยงส่งพนักงานย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่สาขาอื่น

มันเป็นประเพณีว่าจะต้องมีการเลี้ยงส่ง และทุกคนควรจะไปร่วมงาน

         ตอนเย็นเลิกงานแล้ว พี่ปืนกลับมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วไปรับพี่นูที่บ้านตามนัด

ซึ่งขากลับก็คงไปส่งที่บ้านตามเคย

        เดี๋ยวนี้สองคนนี้เหมือนตัวจะติดกันไปซะแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนปอก็คงจะมีอาการหวงแบบเก็บกด

แต่ในเมื่อพี่นูกลายมาเป็น “พี่เลี้ยง” ของปอ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ปอจะต้องหวง

เพราะพี่นูมักจะคอยช่วยเหลือปอเรื่องพี่ปืนอยู่เสมอ

         กว่าจะได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ก็เกือบสี่ทุ่ม ปอยังไม่หลับ แค่เบลอ ๆ แล้วก็ฝืนตัวเองไม่ให้ปิดตา

ไม่งั้นคงจะลืมตาไม่ขึ้นแน่ แล้วพอได้ยินเสียงรถ ปอก็ตาสว่างทันที แต่พอเปิดประตูรั้วออกไป

รถคันที่จอดอยู่กลับไม่ใช่รถของพี่ปืน

         ผู้ชายตัวโตลงมาจากด้านคนขับ พร้อมกับพี่นูที่นั่งคู่กันมา

        ปอนึกรู้ทันทีว่าคงเป็นพี่นิว “พี่ชาย” ของพี่นูน่ะเอง

         “สวัสดีครับพี่นิว แล้วพี่ปืนล่ะครับพี่นู”

         ปอรีบไหว้ก่อนโดยที่ไม่ต้องให้ใครแนะนำ

         “มาช่วยกันหน่อย”

         พี่นูไม่ตอบ แต่เดินไปเปิดประตูด้านหลัง ก้มตัวเข้าไปทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ จนพี่นิวทนดูไม่ไหวมั้ง

ก็เลยเดินมาฉุดแขนลากออกมายืนรอห่าง ๆ

         “ตัวเท่านี้น่ะ ไหวเหรอ”

         “ก็พี่จะยืนทำเก๊กอยู่ทำไมอ่ะ ชักช้าไม่ทันใจผมหนิ”

         พี่นูบ่นออด ๆ ทำหน้างอ ๆใส่อย่างไม่เกรงสายตาปอ

         “แล้วจะเร็วไปไหน นี่ก็รีบบึ่งซะแทบจะเหาะอยู่แล้ว”

         “ก็ง่วงอ่ะ”

         “แล้วมันความผิดของพี่เหรอ”

         ท่าทางพี่สองคนจะลืมไปว่ามีปอยืนหัวโด่อยู่ใกล้ ๆ

         “พี่นิวครับ พี่นูครับ ใจเย็น ๆครับ มีอะไรกันรึป่าว”

         “ขอโทษครับปอ”

         พี่นิวเป็นคนเอ่ยปากขอโทษ แล้วก้มลงไปประคองพี่ปืนออกมาจากเบาะหลังรถ แต่ดูทุลักทุเลเหลือเกิน

เพราะพี่ปืนหมดสติ หมดสภาพ นี่เค้าฉลองกันหนักขนาดนี้เลยเหรอ

         “ทำไมอาการน่าเป็นห่วงแบบนี้อ่ะครับพี่นู”

         “ก็....ไม่มีอะไรหรอก....ก็....ธรรมดาของคนเมาแหละ โดนคะยั้นคะยอให้ชนแก้วซะแทบไม่รู้สติ

พี่ก็เลยต้องโทรให้พี่นิวไปรับที่ร้าน ที่จริงเพื่อน ๆ เค้าก็อาสามาส่งกัน แต่พี่ว่าให้พี่นิวมาส่งดีกว่า

ก็เลยทิ้งรถพี่ปืนไว้ที่ร้าน...อ้ะ...กุญแจ”

         “ขอบคุณครับ”

         ปอเดินเข้าไปช่วยประคองอีกข้างของพี่ปืน แต่ก้าวขาไม่ตรงจังหวะกับพี่นิว

พี่ปืนก็เลยเดินกะโผลกกะเผลก ยังกะตัวหุ่นกระบอกให้พี่นูยืนขำเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างรถ

         ....หมดมาดแมนเลย พี่ปืนของน้องปอ....

         พี่นิวแบกพี่ปืนขึ้นไปถึงห้องนอนคนเดียว โดยที่มีปอรอเปิดประตูให้

วางพี่ปืนลงกับเตียงเสร็จแล้ว พี่นิวก็ตบแก้มพี่ปืนแปะ ๆ ด้วยปลายฝ่ามือ

แล้วพึมพำงึมงำ ฟังไม่รู้เรื่องว่าบ่นอะไร แต่พอหันหน้ามาหาปอ พี่นิวก็ยิ้มให้

...โอย...เห็นพี่นิวกลางแสงไฟจ้าอย่างนี้ พี่ปืนของปอดูหมองไปเลย

ผิวหน้าพี่นิวเกลี้ยงใส จมูกก็โด่ง รอยยิ้มดูอบอุ่นชวนให้อยากอยู่ใกล้

         หันไปดูพี่ปืนที่ผิวคล้ำกว่า ใบหน้าคมเข้มกว่า คิ้วเข้มตาคม แต่ดูยังไงปอก็เห็นว่าพี่ปืนน่ารักอยู่ดี   
   
         “ล่ามไว้ให้ดี ๆ หน่อยนะครับปอ เกะกะระรานแบบนี้คราวหน้าพี่คงไม่ยั้งมือแล้วนะ”

         “ครับ”

         ปอรับคำด้วยความเคยปาก ยังไม่เข้าใจเลยว่าพี่นิวหมายถึงเรื่องอะไร

แต่ก็ช่างเหอะ ดูแลพี่ปืนสำคัญกว่า

         “ขอบคุณครับพี่นิว”

         “พี่กลับนะครับ”

         ปอยกมือไหว้แล้วเดินลงมาส่งชั้นล่าง ที่มีพี่นูยืนรออยู่ พอเห็นว่าใครมา พี่นูก็เดินจ้ำล่วงหน้าไปรอที่รถ

ปอได้ยินเสียงรีโมทกด ตอนที่พี่นูกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู หันมาเห็นพี่นิวถือพวงกุญแจอยู่ในมือ

ถ้าพี่นูยั้งมือไม่ทันมีัหวังสัญญาณกันขโมยได้ดังลั่นซอยกลางดึกแน่ ๆ

....พี่สองคนเค้าเล่นอะไรกันเนี่ย

         “มานี่ก่อน”

         พี่นิวเรียกพี่นู

         “ทำไมอีกครับ กลับได้แล้ว”

         “มาลาน้องก่อน”

         “พี่กลับก่อนนะครับปอ”

         พี่นูตอบกลับมาทั้งที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

         “ครับ ขอบคุณมากครับ พี่นิว พี่นู”

         “เตรียมน้ำอุ่นไว้ด้วยนะครับ เผื่อตื่นขึ้นมากลางดึก ก็ให้ดื่มน้ำอุ่นหน่อย

แล้วก็หาผ้าขนหนูไว้ประคบหน่อยก็ดี เช้าขึ้นมาจะได้ไม่ระบมหนัก”

         “ครับ”

         รับคำแบบงง ๆ อีกคำ ปอก็รีบเดินไปเตรียมปิดประตูรั้ว เมื่อพี่นิวถอยรถออกจากบ้านไปแล้ว

ฟิล์มกระจกรถพี่นิวมืดมาก ยิ่งอยู่ในความมืดยิ่งมองไม่เห็นคนข้างในเลย แม้แต่เงาลาง ๆ

อืมมม....ต้องบอกให้พี่ปืนติดฟิล์มสีมืด ๆ มั่งดีกว่า ปอไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน

แต่จากนี้ไปคงต้องเตรียมอะไร ๆไว้บ้างแล้วสินะ

         กลับขึ้นไปข้างบน ปอก็ทำอย่างที่พี่นิวบอกทุกอย่าง น้ำอุ่นไม่มีปัญหา

เพราะกระติกต้มน้ำเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา

อ่างใส่น้ำ ผ้าขนหนู ได้ของครบแล้ว ปอก็จัดการเช็ดตัวให้พี่ปืน

ตอนที่ปอมีปัญหาเรื่องเนย พี่ปืนดูแลปอเป็นอย่างดี

แม้แต่ตอนไม่สบายพี่ปืนก็ไม่เคยละเลย นี่ก็ถึงคราวที่ปอจะต้องดูแลพี่ปืนบ้างแล้ว

         ปอจับพี่ปืนพลิกตัว ซ้ายที ขวาที เพื่อจะปลดเสื้อผ้าออก จะได้เช็ดตัวให้ถนัด ๆ 

เนื้อตัวพี่ปืนร้อนรุม ๆ ลมหายใจก็มีแต่กลิ่นเหล้าจนฉุนจมูก คงจะดื่มมากจริง ๆด้วย

แต่เมายังไงปอก็ไม่เคยเห็นพี่ปืนหมดสติขนาดนี้เลย

         ผ้าขนหนูผืนน้อยถูกชุบน้ำแล้วบิดออกพอหมาด เริ่มเช็ดจากหน้าผาก คิ้ว คาง

สองข้างแก้ม ไล่ลงไปถึงคอ และแผ่นอก

         ผิดวิสัยยังไงไม่รู้ พี่ปืนเมาหลับยังกับสลบ ไม่เหมือนคนเมาที่หมดสติ

ปอก็ไม่ได้สันทัดนักหนาหรอกว่าคนเมาจะต้องเป็นยังไง แต่ที่เห็นเพื่อนในกลุ่มเมาแล้วหมดสติ

ก็ยังป่ายแขนเปะปะไปมาได้ บางทียังมีเสียงฮื้อฮ้าในลำคอ เพราะรำคาญที่มีคนคอยกวน

ปอว่าถ้าพี่ปืนเป็นแบบนั้น ปอคงเบาใจกว่านี้

         น้ำสองถูกเปลี่ยนแล้ว คราวนี้ปอใส่โคโลญจน์กลิ่นอ่อนลงไปด้วย เริ่มไล่เช็ดจากที่เดิมไปเรื่อย

 อ้อ....ปอเว้นในร่มผ้าส่วนกลางลำตัวของพี่ปืนไว้นิดนึง ยังไม่กล้าเท่าที่ควร

แค่เช็ดแขน ขา ใบหน้า และลำตัว พี่ปืนก็คงพอจะสบายตัวแล้วมั้ง

         หน้าข้างซ้ายของพี่ปืนดูปูด ๆ ปอพลิกใบหน้าพี่ปืนเข้าหาตัวเอง พร้อมกับก้มลงไปดู มีรอยเขียวนิด ๆ

         “ไปโดนอะไรมาเนี่ย”

         พอดีกับพี่ปืนเริ่มขยับตัว เสียงลมหายใจติดขัด บอกว่าเจ้าตัวคงไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวเท่าไร

         ขอบตาล้อมด้วยไรขนตาเป็นแพตรงกระพริบถี่ ๆ พี่ปืนยกมือขึ้นป้อง ทำตาหยี เหมือนจะเคืองตา

ปอก็ช่างรู้อาการ จัดการเปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินไปปิดไฟกลางห้อง ให้แสงสว่างไม่จ้าเกินไปนัก

พี่ปืนเท้าแขนตัวเอน ๆ อยู่บนเตียงนอนมองปอด้วยสีหน้ามึนงง

         “พี่กลับบ้านได้ยังไงอ่ะปอ แล้วนูล่ะ”

         “พี่นูโทรไปตามพี่นิวให้ไปรับที่ร้านครับ”

         “นิวไปรับเหรอ”

         พี่ปืนบีบขมับตัวเอง ท่าทางจะมีอาการเจ็บปวดอยู่ในหัว

....ก็แน่ล่ะ เมาซะขนาดนั้น ไม่ปวดหัวก็เก่งเกินคนไปหน่อย

ปอรินน้ำอุ่นใส่ถ้วยมายื่นให้ตรงหน้า พี่ปืนรับไปจิบ ๆ สองสามอึกก็ส่งถ้วยคืน

         “พี่ว่าพี่เดินไปที่รถกับนูนะ จำไม่ค่อยได้ว่าไปถึงรถรึยัง แต่ที่แน่ ๆตอนนั้นไม่เห็นนิว

แล้วนูก็ไม่เห็นบอกว่าโทรตามให้มารับ แล้วเค้ามาส่งพี่ยังไงเหรอ”

         “รถพี่ปืนจอดทิ้งไว้ที่ร้านครับ พี่นูเอากุญแจมาให้ ผมวางไว้ที่หน้ากระจก”

         “พี่จำอะไรไม่ได้เลย”

         “แล้วทำไมถึงดื่มมากอย่างนี้ล่ะครับ ปกติพี่ปืนไม่เคยถึงกับต้องให้ใครแบกมาส่งเลยนะ”

         “อืมมม....นั่นสิ เสียฟอร์มชะมัด”

         “ยังจะมาห่วงฟอร์มอีก ผมห่วงพี่ปืนนะครับ พี่นิวเป็นคนแบกพี่ปืนขึ้นมานอน

ลำพังผมคงไม่ไหวหรอก พี่ปืนหลับเป็นตายเลย”

         “เฮ้ย....เกินไป”

         “ไม่เกิน ผมเหรอจะมีปัญญาแบกพี่ปืนขึ้นมาน่ะ"

         “จริงเหรอ”

         พี่ปืนครางเบา ๆ อย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ อย่าว่าแต่พี่ปืนเลย ปอเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย

ก็ไม่เคยเห็นพี่ปืนในสภาพที่แย่ขนาดนี้มาก่อนนี่นา

         “พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า มันมึน ๆ งง ๆ ยังไงไม่รู้”

         “อาบน้ำอุ่นดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ที่จริงผมเช็ดตัวให้พี่ปืนเรียบร้อยแล้วด้วย

จะนอนก็นอนได้เลยครับ”

         “พี่อยากรดหัวน่ะ เผื่อจะหายมึน ขอบใจนะปอ”

         “ไม่เป็นไรครับ พี่ปืนเคยดูแลผมดีกว่านี้ตั้งเยอะ ผมทำให้พี่ปืนได้แค่นี้เอง”

         “ใครว่าแค่นี้ ปอดูแลพี่ ดูแลบ้าน ถ้าไม่มีปอ บ้านก็คงไม่เป็นบ้านแบบนี้หรอก จริงมั้ย”

         พูดจบพี่ปืนก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งไว้เพียงคำพูดเรียบง่าย ที่ได้ใจความ

พี่ปืนจะรู้มั้ยว่าปอคิดอะไรไปถึงไหนแล้ว ที่เค้าบอกกันว่า บ้านคือวิมานของเราน่ะ ปอเองก็เคยได้ยินมา

ก่อนหน้านี้ก็คิดแค่ความสุขสบาย จะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า

แต่เดี๋ยวนี้ปอรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่าบ้านมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

         ตอนเป็นเด็ก ปอก็เป็นเทวดาน้อยของพ่อกับแม่ อาศัยอยู่ในวิมานอย่างมีความสุข

อบอุ่นไปด้วยความรักความห่วงใยอย่างล้นเหลือ

         ตอนนี้ปอโตแล้ว ไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่อีกแล้ว พี่ปืนสร้างบ้านของเรา

ปอนี่แหละจะทำให้บ้านกลายเป็นวิมานของเราให้ได้ อย่างน้อยตอนนี้พี่ปืนก็รู้แล้วว่า

บ้านเป็นบ้านขึ้นมาได้ก็เพราะปอ ต่อไปปอจะทำให้พี่ปืนรู้ว่า บ้านหลังนี้จะขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้

      A house is made of bricks and stone,

      but a home is made of love alone.




      โทรศัพท์เข้าแต่เช้า....พี่ปืนยังไม่ตื่นทั้งที่เสียงมันออกจะดังกลบหูซะขนาดนี้ คงเป็นผลมาจากเมื่อคืนแหละ

เพราะหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ยังไม่ทันจะได้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยดี พี่ปืนก็หาวแล้วหาวอีก

แล้วก็บ่นเจ็บที่ข้างแก้ม ที่ปอเห็นว่ามันดูช้ำ ๆ เขียว ๆ ตอนที่เช็ดตัวให้มันก็บวมปูดขึ้นมาจนเห็นได้ชัดว่า

พี่ปืนหน้าโย้ไปข้างหนึ่ง แต่ให้นึกยังไงพี่ปืนก็นึกไม่ออกว่าหน้าไปโดนอะไรมา แล้วก็หลับไปพร้อมกับความข้องใจ

      ปอเอื้อมไปหยิบมาดูเบอร์มันโชว์ชื่อพี่นู ก็เลยถือวิสาสะรับสาย

      “ปอนะครับพี่นู พื่ปืนยังไม่ตื่นเลย”

      “เหรอ แล้วเป็นอะไรมากรึป่าว สลบไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ฟื้นอีกเหรอ”

      “ตื่นมาทีนึงแล้วครับ ตอนที่ผมเช็ดตัวให้ แต่มึน ๆ ก็เลยไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็หลับยาวมาจนถึงตอนนี้แหละครับ

พี่นูมีธุระด่วนอะไรรึป่าว ผมปลุกให้ก็ได้นะครับ”

      “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องปลุก ไม่มีธุระอะไร พี่แค่โทรถามเฉย ๆ ว่าเป็นไงมั่ง

วันหยุดก็ให้เค้านอนไปสบาย ๆ เหอะ แล้วพี่ค่อยโทรมาใหม่”

      หลังจากที่พี่นูวางหูไป ปอก็ทำอะไรต่ออะไรเสร็จไปหลายอย่าง ตั้งแต่ซักผ้าทำอาหารเช้าตั้งไว้

เผื่อพี่ปืนจะตื่นมากิน แต่พี่ปืนก็โผเผ ตื่นขึ้นมาตอนใกล้จะเที่ยง พออาบน้ำสระผมเสร็จ ถึงได้ดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง

ไรผมที่หน้าผากและข้างขมับเริ่มแห้ง หลังสระผม พี่ปืนชอบที่จะหวีผมเสยขึ้นไปทั้งเปียก ๆ

ตอนมาอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ ปอก็ว่ามันตลกดี เหมือนมาเฟียในหนังจีนยุคเก่า ๆ เลย นี่ถ้าใส่สูทขาว ผูกหูกระต่าย

พี่ปืนจะเหมือนเจ้าพ่อคนไหนมั้ยน้า

....ไม่หรอก...เจ้าพ่อหนังจีนไม่มีใครคมเข้มเท่าพี่ปืนของปอซักคน...ถึงแม้ว่าวันนี้แก้มจะโย้ไปข้างนึงก็เหอะ

      “ยิ้มอะไรปอ”

      ปอสะดุดความคิดลงพร้อมกับหุบยิ้มที่เพิ่งรู้ตัวตอนพี่ปืนทักนี่แหละ

      “แล้วพี่ปืนล่ะครับ หน้าแดงทำไม”

      “ย้อนเหรอ”

      “ผมขำทรงผมพี่ปืนน่ะครับ”

      คนถูกขำยกมือขึ้นลูบผมตัวเองเขิน ๆ

      “ทำไมเหรอ มันดู...ตลกอีกแล้วเหรอ”

      “ป่าวครับ”

      “แล้วทำไมต้องขำ”

      “เหอะน่า สำหรับผมน่ะ พี่ปืนไม่มีอะไรไม่ดีหรอก มาครับ กินข้าวดีกว่า

ผมทำผัดกะหล่ำปลีไว้ให้พี่ปืนด้วยนะ เมื่อเช้าได้กุ้งมาครับ ตัวไม่ใหญ่หรอกแต่มันสดดี”

      “พักนี้ปอทำแต่ของชอบของพี่ทั้งนั้นเลย กะหล่ำปลีนี่ก็ทำบ่อย แต่ตัวเองกลับไม่กิน

นี่ถ้าปอกินเป็นเพื่อนพี่ก็จะดี...เอามั้ย กินด้วยกัน ผัดซะจานใหญ่อย่างงี้ พี่กินคนเดียวไม่หมดหรอก”

      “ไม่ดีกว่าครับ ผมมีกับข้าวของผมแล้ว”

      ปอบุ้ยปากไปที่จานเปลขนาดกลาง ในนั้นมีกุ้งชุบแป้งทอดเป็นแพ น่าจะปรุงอะไรลงไปด้วย

เพราะเห็นผักใบเขียวหั่นฝอยปนอยู่ด้วย

      “อะไรน่ะ”

      “กุ้งทอดครับ แม่พี่ปืนสอนผมทำ กินกับอาจาดอร่อยดีครับ”

      “กินแต่ของทอด ๆ ผักก็ไม่กิน”

      พี่ปืนบ่นเบา ๆ ไปงั้นแหละ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่ปอได้ยิน แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยของปอได้สักที

ที่จริงปอก็กินผักนะ เพียงแต่เลือกชนิดที่ตัวเองกินได้สบายปากเท่านั้นแหละ พี่ปืนก็พูดเกินไป

      ข้าวคำแรกยังไม่ทันจะเข้าปาก โทรศัพท์พี่ปืนก็ดังขึ้นซะก่อน

      “หืม”
 
      “.........”

      “เรื่องอะไร”

      “.........”

      “หา....”

      “.............................................”

      ทางโน้นพูดอะไรมามั่งก็ไม่รู้ แต่พี่ปืนวางช้อน แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โย้เบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองปอ

ก่อนจะลุกเดินออกไปทางหน้าบ้าน เสียงพี่ปืนพึมพำตอบกลับไปบ้าง อย่างไม่ได้ใจความอะไร

ปอเหลียวมองตามหลังไป พี่ปืนก็เดินพ้นประตูหน้าบ้านไปจนไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว

      ใจนึกอยากเดินตามไปฟังบ้าง แต่นิสัยไม่ดีแบบนั้นปอไม่เคยคิดจะทำ

และคิดว่าถ้ามันเกี่ยวข้องกับปอ เดี๋ยวพี่ปืนก็คงมาเล่าให้ฟังเอง

แต่ถ้าไม่เล่าก็แปลว่าไม่เกี่ยว เป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า ปอคงไม่กล้าก้าวก่าย

      แอบเดาเล่น ๆ ว่า มันจะเกี่ยวกับแก้มข้างเป็นรอยช้ำรึป่าว (ก็พี่ปืนเค้าลูบแก้มทำหน้างง ตอนคุยโทรศัพท์)

อยู่ ๆจะมีรอยช้ำจนบวมปูดขึ้นมาแบบนี้มันต้องมีสาเหตุ แต่พี่ปืนน่ะ เมาซะจนไม่รู้เรื่อง ปอจะถามพี่นูก็ลืม

      “พี่ปืนไม่กินข้าวเหรอ”

      ปอเรียกพี่ปืนไว้ก่อนที่เค้าจะเดินขึ้นบนบ้าน อะไรของเค้ากันนะ ลืมไปรึไงว่า จานข้าวตั้งรออยู่บนโต๊ะเนี่ย

      “อืม ไม่ล่ะ ปอเก็บโต๊ะไปเลยนะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย”

      หันกลับมาครึ่ง ๆ ตัว ตอบอะไรก็ไม่ชัดเจน ยิ่งทำให้ปอแปลกใจ

ก็ตะกี้ พี่ปืนยังทำท่าอร่อยกับอาหารมื้อนี้อยู่เลยนี่นา อยู่ ๆ ทำไมถึงไม่สบายขึ้นมาดื้อ ๆ

      ปอเก็บโต๊ะเสร็จแล้ว หยิบยาแก้ปวด แก้ไข้ พร้อมกับแก้วน้ำ เดินขึ้นบันไดไปเคาะประตูห้องพี่ปืน

แล้วจับลูกบิดประตูให้เปิด    แต่มันติดล็อกจากข้างใน

      “พี่ปืนครับ เป็นอะไรมากรึป่าว เปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ ทำไมต้องล็อกประตูด้วยอ่ะ”

      เสียงตอบดังลอดบานประตูออกมาโดยเจ้าของห้องไม่สนใจเสียงเคาะแต่อย่างใด

      “พี่ปวดหัวน่ะปอ ไม่มีอะไรหรอก ขอพี่พักซักแปบนะ”

      “ผมเอายามาให้ครับ กินยาก่อนนะ แล้วค่อยนอน”

      “พี่กินแล้วล่ะปอ ไม่ต้องห่วงนะ”

      ปอไม่คิดว่าพี่ปืนจะปวดหัวแล้วหายากินเองหรอก เมื่อกี้ก็เดินขึ้นบันไดมา โดยไม่ได้แวะที่ตู้ยาสักหน่อย

จะว่ามียาอยู่ในห้องก็บังเอิญเกินไป เพราะปอเป็นคนทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง ทำไมจะไม่รู้ว่าในห้องไม่มียา

แต่เมื่อพี่ปืนยืนยันแบบนั้น ปอจะไปทำอะไรได้ ห่วงก็ห่วง

เพราะเห็นแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ คงเป็นโทรศัพท์สายสุดท้ายนั่นแหละ

      ทำยังไงดีนะ....โทรศัพท์พี่ปืนก็เอาเข้าไปในห้องด้วย ปออยากรู้จังว่าสายสุดท้ายน่ะ ใครโทรมา

แล้วเค้าพูดอะไรกัน ถึงได้ทำให้พี่ปืนมีอาการที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้

      ช่างเหอะ...รอสักพัก ให้พี่ปืนสบายใจกว่านี้ ปออาจจะตะล่อมถามดู

ตอนนี้โทรหาพี่นูก่อนดีกว่า อยากรู้เรื่องที่ทำให้พี่ปืนแก้มโย้เต็มทีแล้ว

      “หวัดดีครับพี่นู ผมปอนะครับ”

      “หวัดดีครับปอ โทรมามีอะไรรึป่าว”

      “ผมรบกวนถามพี่นูซักเรื่องสิครับ”

      “รบกวนเลยเหรอ เรื่องอะไรล่ะ”

      “เรื่องพี่ปืนครับ”

      “ปืนเป็นอะไร มีอะไรรึป่าว”

      เสียงพี่นูถามกลับมาด้วยอาการร้อนรนระคนตกใจ

      “ไม่มีอะไรมากหรอกครับพี่นู ไม่ต้องตกใจ คือเมื่อคืนตอนที่ผมเช็ดตัวให้พี่ปืนน่ะ

ผมเห็นที่ข้างแก้มพี่ปืนเขียว ๆช้ำ ๆ ยังกะไปโดนอะไรมาเลยอ่ะครับ พี่นูอยู่กับพี่ปืนตลอดเวลารึป่าวครับ”

      “เอ้อ....ก็ตลอด...อ้า...ตอนไหนล่ะ ตอนที่อยู่ในร้านก็นั่งด้วยกันนะ แต่ว่าเค้าลุกไปไหนมั่งพี่ก็ไม่ทันสังเกตหรอก”

      “แล้วตอนขากลับล่ะครับ พี่ปืนบอกว่าเดินมาพร้อมพี่นู”

      “ครับ ปืนเค้าจะมาส่งพี่ที่บ้าน ก็เลยออกมาด้วยกัน แต่....พอดี อ้า...ปืนเค้า...เออ…

พี่เห็นว่าเค้าเมา อาจจะขับรถกลับไม่ไหวอ่ะนะ ก็เลยโทรตามพี่นิวให้มารับ แล้วปืนเค้าว่าไงเหรอ”

      น้ำเสียงพี่นูยังคงแสดงความห่วงกังวล

      “เค้าจำไม่ได้ครับ ตื่นขึ้นมาก็คลำป้อย ๆ เชียวแต่ก็ไม่รู้ตัวว่าไปทำอะไรมา”

      “คงไม่มีอะไรมั้ง อาจจะไปชนประตง ประตู ตอนเดินไปห้องน้ำเข้าก็ได้”

      “ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ดีครับ ผมกลัวเค้าจะไปมีเรื่องกับใครมา เพราะรอยมันยังกะโดนใครชกมามากกว่าอ่ะครับพี่นู”

      “อู๊ยยยย ไม่มั้ง เมาออกอย่างงั้นจะไปมีแรงชกกะใครเค้า พี่ว่าปออย่ากังวลจนเกินไปดีกว่านะ

รอยปูด ๆ นั่นน่ะ เดี๋ยวก็หาย ไม่เสียโฉมหรอกน่า”

      “โธ่ พี่นูครับ ผมไม่ได้กลัวเสียโฉมซักหน่อย”

      ปอพูดกลั้วหัวเราะ รู้ว่าพี่นูแกล้งแซวเล่น

      ”ผมกลัวว่าเค้าไปมีเรื่องกับใครมา แล้ววันหลังไปเจอกันอีกก็ไม่รู้ตัวว่าเจอโจทก์เก่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวต่างหาก”

      “ไม่หรอกปอ ปืนไม่ได้เป็นคนมีนิสัยนักเลงอย่างนั้นปอก็น่าจะรู้ดี...เออ แล้วนี่เค้าเป็นไงมั่งอ่ะ”

      “นี่ก็อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงครับพี่นู คือเมื่อกี้น่ะไม่รู้ว่าใครโทรหาพี่ปืน กำลังจะกินข้าวอยู่แล้วเชียว

อยู่ ๆ เค้าก็ลุกขึ้นไปคุยหน้าบ้าน หายไปพักนึงก็เดินขึ้นบนห้อง บอกผมว่าไม่กินแล้ว บอกแต่ว่าปวดหัว

ผมตามไปดูก็ไม่ให้เข้าห้อง ผมดูเค้าเครียด ๆอ่ะครับพี่นู ก่อนรับโทรศัพท์ก็ยังดี ๆอยู่นะ

พอวางหูเท่านั้นแหละ เปลี่ยนไปเป็นคนละอารมณ์เลย”

      “เหรอ”

      “ครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เรื่องรอยช้ำนั่นยังไม่มีคำตอบ ยังต้องมาห่วงเค้าเรื่องนี้อีก

ผมห่วงพี่ปืนจริง ๆ นะครับพี่นู หรือว่า สองเรื่องนี้มันจะเกี่ยวกันครับ”

      “ฮื้อ....ไม่หรอกม้าง พี่ว่าปออย่าคิดมากเลย เอาเวลาไปดูแลพี่เค้าเหอะ”

      “งั้นแค่นี้ก่อนนะครับพี่นู ผมจะไปดูพี่ปืนก่อน”

      ปอเดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบาไปหยุดที่หน้าห้องพี่ปืน แนบหูกับบานประตู เผื่อจะได้ยินเสียงขยับกุกกัก

จะได้รู้ว่าพี่ปืนตื่นแล้ว แต่ภายในก็ยังเงียบ หรือว่าพี่ปืนยังไม่ตื่น

....นี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้วนะ สองสามเที่ยวแล้วที่ปอเดินขึ้นเดินลงบันได

แอบมาฟังเสียงในห้องพี่ปืน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทีท่าว่าพี่ปืนจะออกมาจากห้อง

หรือแม้แต่ส่งเสียงบางอย่างให้ปอรู้ว่าตื่นแล้ว

      จะให้เป็นกังวลไปถึงไหนกันนะครับพี่ปืน.....ปอได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินออกไปนั่งที่ซุ้มต้นเล็บมือนางอย่างเหงา ๆ


ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #129 เมื่อ27-05-2012 22:48:35 »



      จากบานหน้าต่างชั้นบนหลังม่านสีเข้ม ปืนมองลงไปที่ซุ้มไม้มุมโปรดของปอ

เห็นเพียงหลังบอบบางที่งองุ้ม มีเส้นผมสลวยเคลียไหล่

ปอคงน้อยใจที่พี่ปืนไม่เปิดประตูรับ แถมยังบอกปัดความหวังดีที่เอายาแก้ปวดมาให้แล้วปืนบอกว่ากินแล้ว

      เขาก็รู้หรอกว่าปอไม่เชื่อ เพราะแม่บ้านย่อมรู้ดีว่าวางอะไรไว้ที่ไหนบ้าง

แต่เวลานั้นปืนไม่อยากพบหน้าปอเลย....เรียกว่าไม่กล้าสู้หน้าจะตรงกว่า

      เขารู้สึกตัวเองเลว แปดเปื้อน ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดี ไม่มีคุณค่าพอที่ปอจะมอบความรู้สึกดี ๆ ให้

หลังจากที่รู้ว่ารอยช้ำได้มายังไง ปืนก็ไม่อยากนั่งเผชิญหน้าปอในโต๊ะอาหารอีก

การที่หลบขึ้นมาเก็บตัวในห้อง คงเป็นแค่การซื้อเวลา เพื่อที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง

      ‘อะไร’ ที่ควรจะยุติซะที เพราะมันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น

ยอมเฉือนหัวใจตัวเองตอนนี้ ยังดีกว่าจะให้ปอต้องมารับรู้ว่า เขาเป็นพี่ชายที่แสนเลว

แค่เหล้าเข้าปากก็ขาดสติ ทำอะไรที่น่ารังเกียจลงไปถึงสองครั้งสองหน

ยังดีที่นูไม่คิดจะถือสา ไม่ว่าอะไรซักคำ นอกจากเตือนสติให้เขาตัดสินใจอะไรให้มันเด็ดขาดได้แล้ว

แถมยังขอโทษขอโพยที่นิวใช้กำลังตอนที่ปืนอยู่ในอาการเมาเมื่อคืนนี้

      เขาไม่อยากให้ปอต้องเจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว จะรักก็รักไม่ได้ อยากอยู่ใกล้ชิดก็กลับจะเป็นปัญหาขึ้นทุกที

ปืนคิดว่าการที่ตัวเองพยายามสะกดกลั้นอารมณ์รัก อารมณ์ปรารถนาที่มีต่อปอไม่ให้มันแสดงออกมา

มันเหมือนระเบิดที่รอจุดชนวนอยู่ สำแดงฤทธิ์เดชออกมาแต่ละทีก็ทำเอาคนรอบข้างเดือดร้อน

โชคดีที่สองครั้งที่ผ่านมาไปลงที่นู (แต่นูอ่ะโชคไม่ดี) ถ้าคราวหน้าเป็นคนอื่นก็คงแย่ และจะยิ่งแย่ถ้าเป็นปอ

หากมีอะไรที่เลยเถิดจนเกินสมควร เขากลัวจะถูกเกลียด แค่รักไม่ได้ปืนก็ขื่นในหัวใจแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าถูกคนที่เรารักเกลียดหน้าปืนจะอยู่ต่อไปยังไง



      ปอยังคงไม่รู้สึกตัวเมื่อปืนเดินไปหยุดอยู่ข้างหลัง อดที่จะลูบไล้เส้นผมสลวยของคนตรงหน้าไม่ได้เลย

ก่อนที่จะพูดจาอะไรออกไปปืนขอแค่สัมผัสให้ชื่นหัวใจหน่อยเถอะ

 เพราะรู้ว่า สิ่งที่จะพูดออกไป คงทำร้ายจิตใจปอไม่น้อยเลย

อย่าว่าแต่ทำร้ายปอเลยนะ ปืนเองก็ทำร้ายจิตใจตัวเองตั้งแต่เริ่มคิดเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ

      “พี่ปืน”

      เสียงเรียกพร้อมรอยยิ้มของปอ บอกได้มากมายว่ายินดีแค่ไหน

      “หายแล้วเหรอครับ”

      ปืนได้แต่พยักหน้า

      “หิวมั้ย”

      ปืนส่ายหน้า ลำคอเริ่มตีบตันขึ้นมาจนต้องกลั้นหายใจแล้วกลืนก้อนแข็ง ๆลงคอไปอย่างยากเย็น

      “นอนซะนานเลย งั้นเดี๋ยวผมไปเอาน้ำฝรั่งเย็น ๆให้นะครับ”

      ปอกระตือรือร้นรีบลุกออกจากม้านั่ง แต่ปืนฉวยข้อมือไว้ได้ก่อน

      “เดี๋ยวก็ได้ พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

      “ครับ”

      น้ำเสียงที่รับคำร่าเริง แววตาแจ่มใส เมื่อปอทรุดตัวลงนั่ง ปืนก็คลายมือออกจากข้อมือของปอ

แต่เจ้าตัวถือโอกาสพลิกมือตัวเองมากุมมือปืนไว้ แล้วยื่นมืออีกข้างมาประกบ

ยังไม่พอ ปอยังมีอาการร่าเริงพอที่จะเดาะมือปืนเล่น

      “อย่าทำหน้ายับอย่างนี้สิพี่ปืน เดี๋ยวก็แก่ก่อนวัยหรอก”

      ดวงตาแป๋วจ้องเป๋งมาที่ปืน อย่างรอคอย มันทำให้ปืนอยากจะเปลี่ยนใจเหลือเกิน

แต่มาจนขนาดนี้แล้ว ปืนมองไม่เห็นว่า เขาจะช่วยตัวเองได้ยังไง

เพื่อจะรักษาความสัมพันธ์ที่สวยงามระหว่างตัวเอง ปอ และครอบครัวของปอไว้ได้

      “เทอมหน้าย้ายไปอยู่หอพักเถอะ”




      *******************************************************

      ยังมีต่อนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
« ตอบ #129 เมื่อ: 27-05-2012 22:48:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #130 เมื่อ27-05-2012 22:52:45 »





 *******************************************************



      ปอสะอื้นซะไม่มีดี น้ำตาไหลจะหมดตัวแล้วมั้ง เย็นย่ำผ่านไปจนเลยเที่ยงคืนแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะแห้งเหือดลงได้

      หยุดไปพักเดียว น้ำตาก็ไหลพรากอีกไม่รู้จบ

      คิดถึงคำพูดของพี่ปืนขึ้นมาทีไร ปอก็แทบอยากกรีดร้องซะให้หายเจ็บปวด

ใครสักคนเคยบอกว่า ถ้าได้ระเบิดเสียงออกมาให้สุดแรง ความอึดอัด เจ็บปวด ที่มันท่วมท้นอยู่ข้างใน จะบรรเทาลงได้

แต่ทำไงปอถึงจะระเบิดมันออกมาได้...ไม่รู้เลย

      รู้แต่ว่าตอนนี้ใจมันจะขาด เหมือนหัวใจจะหลุดจากขั้ว

      เคยเห็นใบไม้ร่วงมั้ย  ยามที่มันถึงกาลจะต้องร่วงหล่น

แค่ต้องลมเพียงแผ่วเบา ขั้วของมันก็หลุดจากกิ่งอย่างง่ายดาย

คว้าง ๆ ละลิ่วลงดินอย่างช้า ๆ

......ยังไงยังงั้นเลย.....

หัวใจของปอในยามนี้มันอ่อนแอนักหนาแล้ว

 
      นานเท่าไร ที่ปอพยายามจะค้นใจพี่ปืนให้เจอว่า ที่จริงแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากปอเลย

      นานเท่าไร ที่ปออดทนรอเวลาที่พี่ปืนจะเทใจทั้งหมดให้ปอ

      นานเท่าไร ที่ปอพยายามเหลือเกินที่จะให้พี่ปืนยอมรับความรู้สึกนั้นซะที

      หมดเวลาแล้วสินะ

      …..เทอมหน้าย้ายไปอยู่หอพักเถอะ....

      .....ทำไมล่ะครับ.....

      .....พี่อยากอยู่ตามลำพัง.....

      .....แล้วใครจะดูแลพี่ปืน....
.
      .....พี่ดูแลตัวเองได้ ปอเถอะ ดูแลตัวเองดี ๆนะ......

      ....ครับพี่ปืน....

      ก็จะให้พูดอะไรได้นอกจากคำ ๆ นี้ บอกมาเถอะว่าพี่ปืนอยากให้ปอทำอะไร 

จะไม่ขัดเลย......ขอให้บอก

อะไรที่เป็นความต้องการของพี่ปืน ที่จะทำให้พี่ปืนมีความสุข

ปอจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว

ต่อให้หัวใจของปอถูกกรีดจนเลือดโทรมเท่าไรก็จะไม่ปริปากว่าเจ็บสักคำ




Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #131 เมื่อ27-05-2012 23:00:29 »

ขอบคุณจ้า :L2:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #132 เมื่อ27-05-2012 23:01:14 »

แง้!!!! ค้างอีกแย้วววววววววววววววววว
 :sad5:
คุณนูใจร้ายตลอดเลยง่า
หายไปไม่คิดถึงคนอ่าน
พอกลับมาทำให้เราค้างซะขนาดนี้อีก

พี่ปืนทำไมทำแบบนี้อีกแล้ว
แบบนี้คนอ่านโกรธจริงๆนะเนี่ย
เดี๋ยวยุให้น้องปอหนีกลับบ้านเลยนี่
 o12

choijiin > หมั่นไส้นิดหน่อยไม่เป็นไรครับ ให้หยิกแก้มได้หนึ่งที

แบบนี้ทีนึงไม่พอแล้วค่ะ งอน!!!
 :a14:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #133 เมื่อ28-05-2012 13:07:00 »

ปอจะทำไง ถ้าออกไปอยู่หอ คงหาโอกาสเจอกันยาก

ที่คุณนูถามเรานึกไม่ออกนะคะว่ามีบอก ว่าเป็นเรื่องของเพื่อน
ตอนแรกยังคิดว่าเป็นเรื่องของคุณนูเองรึเปล่า^^
แต่ฮาตอนที่บอกว่าคุณนิวขาว ใส ทำเอาปืนหมอง
555 คุณนูแอบอวยแฟนตัวเอง




ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 27/5/2555
«ตอบ #134 เมื่อ28-05-2012 13:09:55 »

หน่วงอีกแล้วววววววววววว :z3:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 29/5/2555
«ตอบ #135 เมื่อ30-05-2012 00:04:03 »



ไว้พรุ่งนี้ผมจะแวะมาทักทายครับ

อ่านเสร็จแล้วก็...

ฝันดี...ราตรีสวัสดิ์นะครับ



 :bye2:






ห้องข้างๆ ว่างแล้วเพราะเจ้าของห้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด

...ยังหรอก…ปอยังไม่ได้ย้ายออกไปอยู่หอพัก แค่กลับบ้านช่วงปิดเทอมเท่านั้น

จากที่เคยวางแผนไว้ด้วยกันว่า ปิดเทอมเมื่อไรจะหาเวลาไปเที่ยวไกล ๆ กันสักที

แต่แล้วแผนเที่ยวก็ถูกยกเลิกโดยปริยาย หลังจากที่ปืนบอกให้ปอย้ายไปอยู่หอพัก

วันลาพักร้อนที่ได้รับอนุมัติแล้ว ปืนไม่ได้ขอยกเลิก เพราะคิดว่าพักผ่อนอยู่กับบ้านก็คงจะดี

แต่ทำไมมันถึงเหมือนกับอยู่ในนรกก็ไม่รู้

      ปอไม่อยู่แค่ครึ่งเดือน ทำไมบ้านมันเงียบจัง รกก็รก เปิดตู้เย็นก็ไม่มีอะไรเหลือเลย ออกไปซื้อของ

ว่าจะหาอะไรมาตุนไว้เผื่อวันไหนไม่อยากออกไปกินนอกบ้าน ก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ถึงซื้อมาก็ทำไม่เป็นอยู่ดี

สุดท้ายก็ได้แต่บะหมี่สำเร็จรูป โจ๊กสำเร็จรูป ขนมปัง สารพัดน้ำพริกสำเร็จรูป แล้วก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารตามเคย

      นูก็พลอยเงียบหายไปด้วย ช่วงนี้มีงานนิทรรศการที่มหาวิทยาลัยในท้องถิ่นจัดขึ้น

แบ็งก์ไปเปิดบู๊ทประชาสัมพันธ์ เด็กใหม่ ๆ หน้าตาดี ๆ ถูกเกณฑ์ไปช่วยงานกันหมด

ดีนะ ที่ปืนลาพักร้อนล่วงหน้าไว้ ไม่งั้นอาจจะโดนเรียกตัวไปช่วยงานด้วยก็ได้ (แอบคิดว่าตัวเองหน้าตาดี)

      ยังนึกไม่ออกว่าวันนี้จะกินอะไร....อืม...แวะไปหานูที่บู๊ทดีกว่า

ตั้งแต่คืนที่ถูกนิวชกลงไปนอนวัดพื้น ก็แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย

ปืนอยากจะคิดว่านูหลบหน้าด้วยซ้ำ แต่ก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมต้องหลบ

เขาซะอีก เป็นฝ่ายผิด ควรจะหลบหน้า แต่ก็ยังอยากจะเจอนูอยู่ดี มีหลายอย่างที่ปืนรู้สึกอัดอั้น

ทั้งเรื่องนู และเรื่องปอ อาจจะเป็นเพราะเรา “เหมือนกัน” นูจึงเป็นคนที่เขาอยากจะพูดด้วยมากที่สุดในตอนนี้


      ที่ในงานคนพลุกพล่านจนน่ารำคาญ เดินกันจนฝุ่นตลบไปหมด ไหนแดดจะเปรี้ยง อากาศก็ร้อนระอุ

 ร้านอาหารที่เปิดในงานดูเหมือนจะน่ากิน แต่พอเห็นว่าภาชนะที่ใส่ไม่มีอะไรปกปิด ปืนก็เดินเลยไป

บางร้านที่ใส่ตู้กระจก มีฝาเลื่อนเปิดปิดได้ พอเดินไปใกล้ ๆ ตัดสินใจจะสั่งอะไรกิน ก็ต้องถอย

เพราะมีแมลงวันเกาะอยู่ข้างในทั้งที่ตู้ก็ยังปิดสนิท...เจ้าตัวนี้มันคงกินซะอิ่มแล้ว ถึงได้ทุรนทุรายอยากจะออกมาเต็มแก่

      ทำไมแต่ก่อนนี้ปืนไม่เคยสังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลยนะ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเดินซื้อของกินตามงานแบบนี้

แต่ทุกครั้งที่มามักจะมีเจ้าตัวเล็กนั่นมาเดินเป็นเพื่อนด้วย หันไปทางไหนก็น่าสนุกไปหมด

ร้านอาหารก็แบบเดิม ๆ ร้านแสดงสินค้าก็เดิม ๆ แต่วันนี้ปืนบอกไม่ถูกเลยว่าอากาศร้อนทำให้หงุดหงิด

หรือว่า การเดินคนเดียวมันไม่น่าสนุกกันแน่

      แล้วก็เดินมาถึงบู๊ทโดยไม่มีอะไรติดมือมาฝากนูแม้แต่ข้าวสักกห่อ รวมทั้งตัวเองก็ไม่นึกอยากพอที่จะซื้ออะไรมากิน

      เสียงเพื่อนที่ถูกเกณฑ์มาช่วยงานดังผ่านลำโพง ประกาศผลิตภัณฑ์ของแบ็งก์ที่น่าสนใจ

แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่าการเล่นเกมแจกของที่ระลึก แก้วน้ำพลาสติกสีสวย กระติกใส่น้ำดื่ม กล่องข้าว

ทุกอย่างมีตราของแบ็งก์ประทับอยู่ ของที่ต้นทุนอันละไม่กี่บาทก็ดูน่าสนใจ

ทำให้นึกอยากได้พอที่จะลงเล่นเกมแข่งขันเล็กน้อย ๆ

บางคนอาจจะคิด....ก็ดีกว่ากลับบ้านมือเปล่า....

      นูหันมาเห็นเขาแล้ว พยักหน้าเป็นเชิงให้รอก่อน ปืนเดินเข้าไปในบู๊ทหาที่นั่ง

ทุกคนที่มาล้วนแต่เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา เนื่องจากเคยเจอกัน ตอนอบรม สัมมนาอะไรสักอย่างที่แบ็งก์จัดขึ้น

จนได้เวลาพักเที่ยง เสียงจากลำโพงก็เงียบลง ทุกคนตรงเข้าไปหยิบกล่องข้าวสวัสดิการที่มีคนเตรียมไว้ให้

นูเดินไปหยิบมาเผื่อเขา พร้อมกับน้ำอัดลมคนละกระป๋อง

      “พักร้อนทั้งทีมาเดินเล่นในงานเนี้ยะนะ”

      “ไม่รู้จะไปไหน”

      “ไหนว่าจะพาปอไปเที่ยวลันตา รึ พงันนะครับ”

      “กลับบ้านไปแล้ว”

      “อ้าว ทำไมอ่ะ ไม่เที่ยวตอนนี้แล้วจะไปตอนไหน ยังกับวันลาขอได้ง่าย ๆ ยิ่งปิดเทอมแบบนี้อ่ะนะ

มีแต่คนคิดจะลาพาลูกเที่ยว พี่ลาได้ก็บุญเท่าไหร่”

      “แล้วจะให้ทำไง ไม่มีเพื่อนไป ไปคนเดียวสนุกที่ไหน”

      “อืม...ไม่เป็นไรหนิ เค้ากลับมาก็ค่อยไปก็ได้ บอกผมมั่งแล้วกัน เผื่อพี่นิวว่างจะได้ไปด้วยกัน”

      “ไม่รู้เค้าอยากจะไปกับพี่รึป่าว”

      ปืนเขี่ยข้าวในกล่องเล่น ไม่นึกอยากกินเป็นทุนอยู่ก่อนแล้ว พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

ข้าวที่อยู่ในปากก็เกิดจะกลืนไม่ลงไปทีเดียว

      “ทำไมอ่ะ”

      “ก็...พี่ให้ปอไปอยู่หอพักเทอมหน้า”

      “ฮื้อ....มันเรื่องอะไร ปอเรียนหนักขึ้นเหรอ”

      “ป่าว...พี่ให้เค้าไปเอง ไม่อยากเห็นหน้า”

      “บ้าไปแล้วเหรอพี่ปืน”

      “นั่นสิ”

      “เกิดอะไรขึ้นบอกผมได้มั้ย”

      ปืนปิดกล่องโฟมใส่ข้าว โยนลงถุงขยะ จิบน้ำอัดลมอีกอึกก็ลุกขึ้นบอกลา

      “พี่กลับก่อนนะ”

      “อะไรอ่ะ ยังไม่ทันจะรู้เรื่อง งั้นเอางี้ดีกว่า รอผมแป๊บ ผมไปฝากเวรเพื่อนก่อน เดี๋ยวผมจะออกไปด้วย”

      “เฮ้ย....หนีงานเหรอ”

      นูหันมายักคิ้วให้ หันหลังเดินไปที่กลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่อีกด้านของบู๊ท พูดอะไรสองสามคำแล้วก็เดินกลับมาที่ปืน

      “ไปครับ เรียบร้อย”

      “เดี๋ยวผู้จัดการมาเจอจะซวยมั้ยน่ะ”

      “ไม่หรอกครับ ใครมีธุระก็ฝากกันได้ ผมโดนฝากอยู่เรื่อยแหละ พวกนั้นชอบไปเดินเล่นในงาน

เผลอ ๆ ไปโผล่ที่ตึกคณะ....นู้น ไปจีบเด็กนักศึกษา”

      “จะไปไหนอ่ะ”

      ปืนขับรถออกจากลานจอด ผู้โดยสารก็ไม่ได้บอกจุดหมายปลายทาง ส่วนเขาเองก็ไม่รู้จะไปไหนดี

ตอนแรกก็คิดแค่ว่า ไปไหนก็ได้ขอให้ออกมาพ้นชายคาบ้านก่อนเป็นพอ

      “ไม่รู้จะไปไหนก็ไปบ้านผมป่ะ”

      “เฮ้ย....นึกยังไงจะพาพี่เข้าบ้าน”

      “ก็ไม่รู้จะไปไหนไง”

      “นิวอยู่รึป่าวล่ะ”

      “เค้าไปทำงาน นี่มันเพิ่งจะเที่ยงวันเอง เที่ยงคืนนู่น กว่าจะได้เวลาเข้าบ้าน ฟ้าสว่างขนาดนี้

เค้ากลับบ้านไม่ถูกหรอก....หลง”

      “ฮ่า ๆ นินทาเว้ยวันนี้”

      ปืนแกล้งกระเซ้าเพื่อนรุ่นน้อง อีกสองสามซอยกว่าจะถึงบ้านของนู ปืนก็แวะบ้านเลขที่ 7/11 ก่อน

      “เบียร์ไม่ต้องนะพี่ปืน ที่บ้านมี ผมอยากได้ไส้กรอกนะ เวฟให้ด้วย”

      สั่งเสร็จสรรพ ปืนก็เปิดประตูรถลงไปซื้อของที่ตัวเองต้องการ ทีแรกก็ตั้งใจจะซื้อเบียร์ซักสองสามขวด

แต่ก็มีอยู่แล้วหนิ จะซื้ออีกทำไม เลยหยิบไส้กรอกที่มีคนสั่งไว้มาสองถุงเขาเองก็กินอะไรไม่ค่อยลง

กินเบียร์ตอนท้องว่างคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กินไส้กรอกพอประทังไปก่อนก็ดีเหมือนกัน

      เป็นครั้งแรกที่เหยียบเข้าบ้านนูเต็ม ๆ เท้า ทุกทีน่ะเร้อ เค้าให้จอดส่งแค่ประตูรั้วด้วยข้ออ้างเดิม ๆ

      ....ผมอาศัยเค้าอยู่น่ะพี่ปืน ไว้ผมขออนุญาตพี่นิวพาเพื่อนมาบ้านก่อนนะ ผมจะเชิญเข้าไปกินข้าวฝีมือผม.....


      เบียร์เย็นเฉียบเสิร์ฟพร้อมถั่วอบเนยเม็ดใหญ่ของชอบของปืน กับไส้กรอกจัดใส่จานมาอย่างเรียบร้อย

      “ออเดิร์ฟก่อนนะ ผมบอกป้าให้ทำยำรสจัด ๆ ให้แล้ว”

      “ไม่ต้องยุ่งยากหรอกน่า แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว”

      “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่นิวเค้าจะว่าผมรับแขกไม่ดี”

      “นิวนี่ดุมากเหรอ”

      ถามไปปืนก็นึกถึงคืนที่นิวปล่อยหมัดเข้าข้างแก้มจนเขาหมดสติ

      “ทำไมถามผมอย่างงี้อ่ะพี่”

      “พี่ได้ยินนูพูดถึง แบบกลัว ๆ เกรง ๆ ยังไงไม่รู้”

      “ไม่ดุหรอกครับ แต่เค้าค่อนข้างมีระเบียบนิดนึง ไม่เอา วันนี้ไม่ได้ให้มาพูดเรื่องผมนะ

ผมอยากรู้เรื่องปอมากกว่า ไหนพี่บอกผมมาหน่อยทำไมอยู่ ๆ ไล่ปอไปอยู่หอพัก”

      “ไม่ได้ไล่ แค่ให้ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแค่นั้นแหละ”

      “ปลอดภัยจากอะไร แล้วอยู่กับพี่ปืนไม่ปลอดภัยตรงไหน”

      “ยังจะมาถาม พี่ไม่อยากพูดถึงมันอีก”

      “ไม่พูดแล้วจะรู้กันมั้ยเล่า บอกผมมาเหอะว่าทำไม ผมฟังดูว่ามันไม่มีเค้ามาก่อนว่าพี่ปืนจะให้ปอไปอยู่หอทำไม”

      “มันน่าอาย พี่ไม่อยากพูด”

      ปืนยกสองมือปิดหน้า อึดอัดอยู่ข้างใน อยากระบายเหลือเกิน แต่เขาไม่รู้จะเริ่มยังไง

ในเมื่อคนที่นั่งตรงหน้าก็มีส่วนในสิ่งที่เขาทำด้วย แล้วยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ราวกับเขาไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายมาก่อน

      “พี่ปืนหมายถึงเรื่องที่พี่ทำกับผมเหรอ”

      ปืนชะงัก นูเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย (ถ้าอยากทำ) หรือเพราะว่าเรามีเส้นทางความรักที่เหมือนกันก็ไม่รู้

แต่โดยเนื้อแท้เขารู้ว่านูเป็นคนใจกว้าง ไม่เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นอารมณ์นานนัก

ยิ่งเรื่องที่ปืนพยายามใช้กำลังกับนูด้วยแล้ว ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจเสียยิ่งกว่าตัวเขาเองซะอีก

      “โถ่เอ๊ย...เรื่องแค่นี้เอง พี่นิวจัดการให้แล้ว ผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”

      ปืนยิ้มขื่น ๆ นึกถึงนิวแล้วเขาก็นับถือน้ำใจ เพราะหลังจากวันที่เกิดเรื่อง นิวก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พบหน้ากันตอนไปรับนูที่ทำงานก็ยังทักทายตามปกติ และยังไม่เคยเท้าความใด ๆ อีกเลย

      “แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับปอตรงไหน”

      “พี่กลัวปอรู้ว่าพี่เป็นคนไม่ดี”

      “ใครล่ะจะบอก พี่ปืนก็อย่าทำอีก แล้วความจริงมันก็เพราะเหล้า”

      “แล้วถ้าพี่เมา”

      “ไม่ยาก ก็เลิกดื่ม”

      “เฮ้อ....มันกลุ้ม”

      ปืนกระแทกหลังกับพนักพิงอย่างแรง คิดว่าทำอย่างนี้แล้วไอ้ความทุกข์ที่มันทับถมอยู่กระเด็นหลุดออกไปได้มั่งก็ยังดี

      “ผมรู้ว่าพี่ปืนกลุ้มเพราะอะไร”

      ปืนนิ่งฟังสิ่งที่นูกำลังจะพูด ปกติเขาไม่เห็นนูจะยุ่งเรื่องใคร จะมีก็แต่เขากับปอที่ดูจะใส่ใจเป็นพิเศษ

 ...ก็นั่นแหละ อาจจะเป็นเพราะ ”ความเหมือน”

      “ผมก็เคยกลุ้มใจมาไม่น้อยกว่าพี่ปืนนะ ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย

แต่ชีวิตเรามันก็แค่นี้ไม่รู้จะตายวันไหน ผมพยายามทำตัวเองให้มีความสุขตราบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจอยู่

ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ยังไงก็คงเป็นอยู่อย่างนี้ไปจนตาย

ขอแค่คนอื่น ๆ ไม่ต้องมาร่วมเดือดร้อนไปกับการกระทำของผม เท่านี้ผมว่ามันก็ดีที่สุดแล้ว”

      “แล้วครอบครัวของนูล่ะ”

      “เค้าก็มีความสุขดี ถึงผมจะไม่เคยบอกเล่าอะไรให้เค้าฟัง แต่ผมก็ไม่เคยทำให้เค้าต้องอับอาย

พี่ปืนดูผมสิครับ ถ้าผมไม่บอกใครจะรู้มั้ยว่าผมเป็นอะไร บางคนอาจจะสงสัย ก็ให้เค้าสงสัยกันไป

ผมแคร์แค่คนในครอบครัวผม เค้าอาจจะรู้ แต่ตราบใดที่เค้าไม่ถาม ผมก็ไม่บอก ผมคิดว่า

การที่เค้าไม่เปิดใจรับความเป็นจริงของผม คงจะทำให้เค้าสบายใจขึ้นบ้าง”

      “แล้วถ้าวันไหนเค้าถาม”

      “ผมก็จะไม่โกหก เพราะผมคิดว่า วันที่เค้าตัดสินใจถาม คือวันที่เค้าเริ่มยอมรับในตัวผม ได้บ้างแล้ว

....ผมก็แค่รอเวลา แต่ระหว่างนี้ผมก็หาความสุขให้ตัวเองไปเรื่อย ๆ”

      “แต่พี่ไม่รู้จะทำอย่างนูได้รึป่าว”

      “ไม่หรอกครับพี่ปืน ไม่มีใครทำอย่างคนอื่นได้ ผมแค่บอกถึงสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ว่าผมคิดยังไง

เผื่อพี่ปืนจะได้ถามใจตัวเองบ้างว่า พี่ปืนต้องการอะไรสำหรับชีวิตตัวเองต่อจากนี้

หลังจากที่พี่ปืนรู้ว่าตัวเองรักใคร พี่ปืนจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ผมอยากให้พี่ปืนคิดถึงคนที่พี่ปืนรักด้วยว่า

ถ้าพี่ปืนยังฝืนตัวเองอยู่อย่างนี้ เค้าจะมีความสุขมั้ย ถ้าต้องทุกข์ทั้งสองคน มันจะคุ้มมั้ย”

      ได้พูดอะไรออกไปบ้างทำให้ปืนรู้สึกดีขึ้นที่มีคนมาร่วมรับรู้ เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะหันหน้าไปคุยกับใครได้

เรื่องแบบนี้สังคมที่นี่ยังไม่ค่อยจะยอมรับกันเท่าไร แล้วอีกอย่าง หน้าที่การงานของปืนมันก็ไม่เอื้อซะด้วย

นี่ยังไม่พูดถึงครอบครัวเลยนะ ลูกชายคนเดียวอย่างปืนไม่รู้จะแบกหน้าไปบอกคนที่บ้านว่ายังไง

      ดื่มเบียร์หมดไปสองขวดปืนก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ ชักมึน ๆ เหมือนกัน คงเป็นเพราะยังวันอยู่เลย

แถมท้องว่าง อาหารหนักยังไม่ตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า

      “รีบกลับก็แล้วกัน หวัดดีครับ”

      ตอนที่เดินกลับมานั่งที่ชุดรับแขก นูเพิ่งจะวางสายจากนิว หน้าตาไม่ค่อยเสบย สงสัยคงจะกลัวปืนเมาแล้วล่วงเกินนูอีก

แต่เขาตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะไม่ดื่มให้เพลินไปนัก อย่างน้อยก็ต้องพาตัวเองขับรถกลับไปนอนที่บ้าน

....ถึงจะไม่อยากกลับไปนอนในบ้านที่เหมือนนรก แต่ก็ต้องกลับอยู่ดี



      ถ้าปืนไม่เคยลิ้มรสคำว่า “บ้าน” ตอนที่มีปออยู่ด้วย เขาคงไม่อ้างว้างอย่างนี้....

แต่จะมาเรียกร้องอะไร ในเมื่อได้ทำทุกอย่างลงไปแล้ว

.....เนี่ยนะ...เค้าถึงบอกว่าให้คิดก่อนพูด

      .....ก็คิดดีแล้วนี่หว่า.....

      .....คิดดีแล้วจะมานั่งคร่ำครวญหาอะไร.....

      .....ก็แค่ตอนนี้หรอกน่า อีกหน่อยพอชินแล้วก็สบาย.....

      .....จริงหรือ?.....

      ประโยคโต้ตอบไปมาในใจ จบลงตรงที่ เขาเองก็ไม่แน่ใจนี่สิ ปืนพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนจนครึ่งค่อนคืนผ่านไป

ก็หลับตาไม่ลง มีแต่ภาพของปอตรงนั้น ตรงนี้ ปอทำอย่างนั้น ปอทำอย่างนี้ เต็มหัวไปหมด

กลางคืนช่างทรมาน กลางวันก็เหงาจับใจ


      เสียงบิดลูกบิดประตูห้องข้าง ๆเบาๆ เหมือนจะเป็นฝีมือคน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

เพราะทั้งบ้านมีแค่ปืนคนเดียว หยิบนาฬิกามาดู

....บ่ายแล้วเหรอเนี่ย เมื่อคืนไม่รู้เคลิ้มหลับไปตอนไหน

แต่ละวันผ่านไปด้วยความเคยชินว่า ตื่นแล้วต้องอาบน้ำ ล้างหน้า....

ปืนลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวที่ปลายเตียงขึ้นมาพาดไหล่

ความชื้นจากการที่ถูกใช้เมื่อคืนนี้ยังไม่หมดไป เพราะถูกขยุ้มทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี

      อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาหาอะไรกินสินะ....เป็นความเคยชินอีกอย่าง ทั้งที่ปืนยังไม่รู้สึกหิวเลย เหมือนน้ำย่อยจะไม่ทำงาน

เหลือบไปมองห้องข้าง ๆ ประตูก็ยังปิดสนิท หัวใจปืนยิ่งห่อเหี่ยว แห้งแล้งจนไม่อยากฝืนมองนาน ๆ

ปืนเดินเรื่อย ๆ ลงมาข้างล่าง แวะรินน้ำในตู้เย็นดื่มแก้กระหาย เช้า ๆ ปืนเคยได้ดื่มกาแฟร้อน ๆ 1 ถ้วย
 
ล้างคอด้วยชาจีนร้อน ๆ 1 กา แต่ตอนนี้คนทำให้ไม่อยู่ เผลอยิ้มเยาะตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว

มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วมั้ง ปอกลับมาอีกทีก็คงจะขนของย้ายออกไปอยู่หอพักเลย

      ปืนเดินหากุญแจรถที่จำได้ว่าเมื่อคืนโยน ๆ ไว้แถวโต๊ะรับแขก....ไม่มี

      รื้อหนังสือสองสามเล่มที่วางซ้อนทับกัน...ก็ไม่เห็น

      ก้มลงดูใต้โต๊ะเผื่อว่ามันจะตกลงไป....ก็ว่างเปล่า

ถึงพื้นจะไม่ค่อยสะอาด เพราะเจ้าของบ้านไม่ค่อยจะใส่ใจทำความสะอาด แต่มันก็เรียบ โล่ง

      กวาดมือเข้าไปตามซอกเก้าอี้ทุก ๆ ตัว ทั้งที่แน่ใจว่า วางไว้บนโต๊ะ....ก็ไม่เจอ

      มันอะไรกันนักหนา เขาไมได้เมาจนขาดสติ จำอะไรไม่ได้นะ

เมื่อวานกลับมาจากบ้านนูอย่างสบาย ๆ มีกลิ่นเบียร์ติดมานิดหน่อย เบียร์สี่ห้าขวดไม่ได้ทำให้ความจำเสื่อมขนาดนั้น

      .....คร้านจะหาต่อ....ปืนคิดได้แค่นั้นก็ขึ้นไปบนห้องนอน เพื่อจะหยิบกุญแจสำรองออกมาใช้

พวงที่หายนั่น ไว้อารมณ์ดี ๆ ค่อยรื้อบ้าน หรือไม่งั้น พอทำลืม ๆ มันก็ออกมาเอง

      ประตูห้องเปิดอ้า

      คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างงงงวย เขาไม่ใช่คนเลินเล่อ ก่อนออกจากห้องมักจะปิดประตูตามหลังทุกครั้ง

(ยกเว้นตอนเมา...จำไม่ได้) แล้วนี่เพิ่งจะลงไปข้างล่างได้ไม่กี่นาที เขาไม่มีทางลืมแน่ ๆ ว่า ปิดประตูด้วยมือของตัวเองดัง’คลิก’

      หรือว่าปิดไม่สนิท แล้วล็อคประตูมันเสื่อมก็เลยเปิดเองได้....ช่างมัน

เปิดลิ้นชักโต๊ะด้านที่เก็บสารพัดกุญแจ ควานหากุญแจสำรองที่ต้องการ....

แต่มันไม่อยู่ในนี้ ถึงคราวที่ปืนงงเป็นไก่ตาแตก หาอะไรก็ไม่เจอ

ดูเหมือนอะไร ๆ มันไม่เป็นไปตามที่คิดสักอย่าง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #136 เมื่อ30-05-2012 00:06:05 »




 “หานี่อยู่รึป่าวครับ”

      ปืนหันขวับไปตามทิศทางของเสียงที่คุ้นเคย

      หลากหลายอารมณ์ที่ประทุขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จนไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าไหนดี

      ตกใจ...เพราะคิดว่ามีตัวเองคนเดียวทั้งบ้าน

      ประหลาดใจ....เพราะคิดว่าเจ้าของเสียงไม่น่าจะมาปรากฏตัวต่อหน้าในเวลานี้

      ดีใจ....เพราะเป็นคนเดียวที่หัวใจของปืนทั้งคิดถึงและห่วงหา ตลอดหลายวันมานี้

      ใจมันสั่น

      มือก็สั่น

      ปากก็พาลจะสั่นจนพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย     

      “ผมขอโทษที่กลับมาก่อนกำหนดครับ แต่คิดว่าจะมาหาหอให้ได้ก่อน จะได้เอาของย้ายเข้าไปเลย

มาหาใกล้เปิดเทอมเดี๋ยวไม่เจอที่ถูกใจ”

      “ไม่เป็นไร”

      ปอเดินมาหยุดตรงหน้า พร้อมกับยื่นกุญแจให้ทั้งสองพวง

      “จะไปไหนเหรอครับ ธุระร้อนรึป่าว ถ้าไม่มีธุระอะไรด่วน ก็ไปหาหอพักเป็นเพื่อนผมได้มั้ย”   

      อะไรไม่รู้ที่ทำให้ปืนตกปากรับคำปอไป แล้วก็พาปอตระเวณหาหอพักที่ใกล้ม.ที่สุด สะดวกที่สุด

ต้องมีลานจอดรถ สะอาด มี รปภ.ตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญใช้ทั้งระบบกุญแจและ คีย์การ์ด



      สามแห่งผ่านไปก็ยังไม่ได้มาตรฐานในใจปืน...ปอไม่รู้หรอกว่า ปืนตั้งมาตรฐานไว้ยังไง

ตอนที่ลงไปดูสถานที่ ปืนให้ปอลงไปดูก่อนว่า ชอบมั้ย ส่วนรายละเอียดปืนจะเป็นคนสอบถามเอง

เท่าที่ไปดูมา ปอชอบสองแห่ง แต่ปืนยังติดใจเรื่อง รปภ. เพราะตึกสูง 5 ชั้น มีรปภ.อยู่หน้าประตูทางขึ้นแค่คนเดียว

พนักงานประจำเคาน์เตอร์ก็ไม่อยู่ประจำ ปืนยืนรอเกือบสิบห้านาที ก็ไม่เห็นมีใครเดินผ่านมาแม้แต่คนเดียว

ไม่ต้องถามหาความปลอดภัยเลย ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็

      เมื่อยังไมได้ตามที่ต้องการปืนก็ขับรถตระเวณหาต่อไป แห่งที่สี่ที่กำลังจะไป

เป็นหอพักที่อยู่ไกลออกมาจากมหาวิทยาลัยพอสมควร แต่ก็ยังไปมาสะดวก

      น้ำใส ๆ ไหลจากขมับเป็นทาง ด้วยความร้อนจากไอแดด บ่ายแก่ๆ แดดเปรี้ยง ๆ ช่างทรมานดีแท้

รถจอดติดไฟแดงเป็นคันแรก ข้าง ๆ เป็นรถมอเตอรไซค์ มีเด็กวัยรุ่นซ้อนท้ายกันมาหนึ่งคู่ เห็นแล้วร้อนแทน

ปืนเร่งแอร์ในรถให้เย็นขึ้น ควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าออกมายังไม่ทันจะได้ซับเหงี่อเสียงปอก็ขัดขึ้นมาก่อน

      “ผมขอผ้าเช็ดหน้าหน่อยสิครับพี่ปืน”

      ปืนชะงักมือที่กำลังจะยกขึ้นเช็ดหน้า ส่งมันให้ปอแทน

ส่วนตัวเองก็เอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถ แหวกเอกสาร กระดาษและหีบห่อ ควานหากล่องกระดาษซับที่หมกไว้ที่เบาะหลัง

มือของคนข้าง ๆ แตะใบหน้าของปืนด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนที่อยู่ในมือเบา ๆ ปืนหันมาทั้งตัว เลิกสนใจกระดาษซับกล่องนั้น

      “ปอ”

      “ร้อนนะครับพี่ปืน”

      ปอส่งยิ้มสดใสมาให้ แค่นี้ปืนก็คลายร้อนไปได้เยอะเลย แล้วก็นั่งนิ่ง ๆ จนปอเช็ดหน้าให้เสร็จ

ระหว่างนั้นก็มองการกระทำของปอไปเงียบ ๆ

      สัญญาณไฟเขียววาบขึ้นมาปืนก็ออกรถไปสู่จุดหมายที่ตั้งใจ ด้วยอารมณ์ที่เบิกบานกว่าเดิม...มากทีเดียว

มากจนต้องฮัมเพลงตามเสียงเพลงที่เปิดอยู่โดยไม่รู้ตัว

      “อารมณ์ดีเหรอครับ”

      “หือ...อ๋อ....ก็อืม เพลงเพราะดี”

      “พี่ปืนหิวรึยังครับ ตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”

      “นั่นสิ ปอพูดขึ้นมาพี่ก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีเลย แล้วปอล่ะกินอะไรรึยัง”

      “กินก่อนเข้าบ้านครับ แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไรมาเผื่อพี่ปืนหรอก”

      “ไม่เป็นไร งั้นหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า อยากกินอะไรล่ะ แต่พิซซ่าไม่เอานะ พี่ขี้เกียจเลี้ยวรถกลับ ร้านมันอยู่ไกลไป”

      “แล้วแต่พี่ปืนสิครับ ผมยังไงก็ได้”

      “อืม...งั้นออกนอกเมืองไปหน่อยดีมั้ย ไหน ๆก็มาทางนี้แล้ว”

      ร้านอาหารนอกเมืองเป็นแบบสวนอาหารที่สร้างศาลากระจายไปทั่วบริเวณ มีศาลา 3 หลัง

ที่อยู่รายรอบสระน้ำสลับกับสวนหย่อมที่มีทั้งไม้ดอกและ ไม้ใบต่างดอก สีสันสวยงาม ชวนให้อารมณ์แช่มชื่น

ท่ามกลางแดดบ่ายที่แผดเผาผิวน้ำในสระดูระยิบระยับ

      อาหารอร่อยไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร ปืนรู้แต่ว่าวันนี้เขาอิ่มอย่างที่ไม่เคยรู้สึกอิ่มแบบนี้มาหลายวันแล้ว

เกือบจะครึ่งเดือนแล้วมั้ง ที่เขาแทบจะกินอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย อาหารเช้าไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยได้ตกถึงท้อง

ไปถึงที่ทำงาน ให้แม่บ้านชงกาแฟให้ดื่มอย่างไม่ค่อยจะรู้รส มื้อเที่ยงอะไรก็ได้

อาศัยฝากท้องกับร้านข้างที่ทำงาน แล้วแต่เค้าจะตักมาให้ มื้อเย็นก็แล้วแต่จะนึกอยาก บางวันไม่อยากก็ไม่กิน

ส่วนวันหยุดก็หลังเที่ยง หาอะไรกินกันตายไปมื้อ ๆ พอแล้ว

      “อิ่มแล้วเหรอครับ”

      “กระเพาะครากเลยล่ะเนี่ย สงสัยพี่คงอิ่มไปถึงมื้อเย็นเลย”

      “งั้นผมขอพูดธุระหน่อยนะครับ”

      ปอทำหน้าเคร่งจริงจังอย่างผิดวิสัย

      “แหม ทำท่าซีเรียสจังเลย”

      ปืนหัวเราะ กลบเกลื่อนความสงสัยในท่าทีของปอ ก็จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง ปอเคยทำท่าจริงจังแบบนี้ที่ไหน

ยิ่งตอนนี้ยังมีเรื่องที่เขาทำให้ปอเสียใจที่ให้ย้ายออกไปอยู่หอพักอีกล่ะ....แต่ปืนหวังดีจริง ๆนะ

หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ดีกว่าจะให้มันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน จนมองหน้าคนในครอบครัวของปอไม่ได้อีกต่อไป

....ปืนยังมั่นใจว่าเขามาถูกทาง

      “ไม่ซีเรียสหรอกครับพี่ปืน แต่ผมอยากได้คำตอบที่มาจากใจก็เท่านั้น”

      “ก็....เอาสิ พี่ก็ตอบปอจากใจทุกเรื่องแหละ”

      “ดีครับ งั้นพี่ปืนบอกผมหน่อยได้มั้ยว่าทำไมผมต้องไปอยู่หอพัก”

      ปืนนึกหาคำตอบอะไรไม่ได้ เพราะความที่ไม่ชอบพูดโกหกพกลม ไอ้จะปั้นคำตอบที่ดูดีมีเหตุมีผล ปืนก็พูดไม่เป็น

แต่จะให้พูดเหตุผลจริง ๆ มันก็ไม่ควร

      ปืนยิ้มก่อนจะตอบว่า

      “ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากที่พี่บอกปอไปแล้วว่าพี่อยากอยู่คนเดียว”

      “แปลว่านับจากที่ผมย้ายออกไปอยู่หอพัก ผมก็จะกลายเป็นคนอื่น”

      “ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย ก็แค่ย้ายไปอยู่หอ แต่ปอก็ยังแวะมาหาพี่ได้ เราก็ยังเป็นเหมือนเดิม”

      “แล้วพี่ปืนคิดจะไปหาผมมั่งมั้ย”

      “ถ้าพี่ว่างอ่ะนะ”

      “ผมหวังว่าพี่ปืนจะมีเวลาว่างนะครับ”

      “ก็ต้องมีสิ พี่จะทิ้งปอได้ยังไง ป๊ากับแม่เค้าฝากฝังให้พี่ดูแลปอนะ จำไม่ได้เหรอ”

      “ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ เพื่อน ๆ ผมเค้ามาจากที่อื่น เค้าก็ดูแลตัวเองกันทั้งนั้นแหละ

ที่บ้านผมเค้าก็รู้ดีว่า ผมดูแลตัวเองได้ ผมไม่จำเป็นต้องมีพี่ชายไว้คอยดูแลเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับพี่ปืน”

      “ก็แล้วแต่ปอนะ แต่พี่ก็ยังเป็นพี่ที่ให้คำปรึกษาปอได้เสมอ ตลอดเวลาด้วย ไม่ว่าปอจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร

ถ้าปอมีอะไรให้พี่ช่วยขอให้บอก พี่ไม่มีวันจะทิ้งปออยู่แล้ว”

      ปืนยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกปรารถนาดีทั้งหมดที่มี

ปอพยักหน้ารับอย่างยอมรับในความช่วยเหลือที่ปืนหยิบยื่นมาให้เพียงแค่นั้น...ต่างคนต่างยอมรับจุดที่ตัวเองยืนอยู่

หรือจำเป็นต้องยืนให้ได้ อย่างน้อยความสัมพันธ์ที่เคยมีก็ยังไม่สูญหายไปไหน

      “จำคำพูดไว้ให้ดีนะครับพี่ปืน ผมคงมีเรื่องให้พี่ปืนช่วยแน่ ๆ เร็ว ๆ นี้แหละครับ“

      ปอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ปืนคงไม่ทันสังเกตแววตาหมายมาดที่พุ่งตรงมายังตัวเอง

เพราะมัวแต่เบือนหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีปอ ไม่อยากให้ปอรู้ว่าเขาเองก็ฝืนใจทำ


      ในที่สุดก่อนค่ำ ปอก็ได้หอพักที่ถูกใจตัวเองและถูกใจพี่ปืน (ด้วยความไม่เต็มใจเลย) นับเป็นแห่งที่หกที่ได้ไปดูมา

พี่ปืนทำยังกะปอเป็นนักเรียนมัธยม เพราะหอพักจะต้องปลอดภัย มี รปภ. 24 ชั่วโมง

เดินทางสะดวก สาธารณูปโภคพร้อม ต้องมีแต่นักศึกษากับคนทำงาน คนไม่พลุกพล่าน ไม่หนวกหู

ถึงจะเหนื่อยมากมายแต่ปอก็รู้สึกดีที่ได้รู้ว่าทุกอย่างที่ทำไป เพราะพี่ปืนห่วงปอเสมอ


      วันต่อมาก็ขนข้าวของออกจากบ้านพี่ปืนมาไว้ที่หอพักจนหมด

ไหน ๆ พี่ปืนก็ไม่ให้อยู่ด้วยแล้ว ปอก็จะไม่เหลืออะไรทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว

แต่บางส่วนที่ติดกับตัวบ้าน ที่ถูกแต่งเติมตามความคิดของปอก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ปอคงต้องทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนบางคนคิดถึงเล่น....เป็นต้นว่า

ซุ้มไม้เลื้อยที่ปอชอบนั่ง เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าในห้อง(ที่เคยเป็น)ของปอ

      ‘พี่เลี้ยง’ ของปอบอกว่า ให้ใจเย็นไว้ก่อน ปอคงไม่ต้องอยู่หอพักนาน

      “คนบางคนกำลังหลอกตัวเองว่าเค้าทนได้ แต่เชื่อพี่เถอะปอ ความอดทนมันมีจำกัดกันทุกคนแหละ

ไม่มีใครอยากเจ็บปวดไปตลอดชีวิต ทั้งที่มันยังมีทางออกหรอก ยกเว้นอย่างเดียว

ถ้าเค้าจะตัดสินใจบวชตลอดชีวิต อันนี้พี่ก็ช่วยไมได้ มันเกินความคาดหมายซะด้วยซี

แต่ยังไงพี่ก็ไม่เชื่อว่าคน ๆนี้จะสละทางโลกย์”

      หลังจากออกความเห็นเชิงวิจารณ์เสร็จแล้ว พี่นูก็หัวเราะอย่างสะใจ พอปอถามว่าหัวเราะทำไม พี่นูก็ตอบว่า

      “ได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกคู่นึงไง”

      “อุดมการณ์อะไรครับ”

      “ลดประชากรโลก ฮ่า ๆ ๆ”


      จัดการเรื่องหอพักเสร็จปอก็ย้ายเข้ามาอยู่ทันที ไม่กลับไปค้างที่บ้านพี่ปืนอีก แต่ก็ยังไม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัด

พี่นูบอกว่ารอสักระยะ เผื่อจะมีอะไรดี ๆ ปอก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่พี่นูว่าน่ะ มันคืออะไร แถมพอถามไป

พี่นูก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า....ไม่รู้.....แค่อยากรอดูเฉย ๆ

ไหน ๆ ปอก็ยอมให้พี่นูโทรตามตัวมาจากบ้านแล้ว ยอมเชื่อต่อไปก็คงไม่มีอะไรเสียหาย



      อาทิตย์ต่อมาพี่นูก็ชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ ๆ เป็นบ้านสวนของเพื่อนพี่นิว

พอบอกว่าเป็นบ้านสวน  ปอก็นึกถึงแม่น้ำลำคลอง (ก็คนทำสวนน่าจะเลือกที่ที่มีน้ำหนิเนอะ)

เอาเข้าจริง สวนที่ว่านี่เป็นสวนยาง ไม่ต้องติดน้ำขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็ยังดี ถึงไม่มีแม่น้ำ ไม่มีคลองให้กระโดดน้ำเล่น

จะมีก็แต่น้ำตกสายเล็ก ๆ เพราะสวนนี้เป็นควน (เนินเตี้ย ๆ คล้ายภูเขา)

ยางที่ปลูกก็ลดหลั่นกันไปตามทางลาดควน น้ำตกสายเล็กก็มาจากตาน้ำบนยอดควนนั่นเอง

พี่นูบอกให้จัดกระเป๋าไปพักสองคืนก็พอ ดีไม่ดีอาจจะได้พักแค่คืนเดียวก็ยังไม่แน่


      ถึงจะไม่มีลำคลองให้กระโดดเล่น แต่น้ำตกสายเล็กก็เย็นชื่นใจไม่แพ้กัน

ปอนอนแช่น้ำตั้งแต่ไปถึงตอนสาย ๆ กลับขึ้นมากินข้าวเที่ยง ก็ลงไปแช่น้ำต่อ

ข้างพี่นูก็ไม่ยอมแพ้ นั่งเล่นนอนเล่นในน้ำตกทั้งวัน ส่วนพี่นิวกับเพื่อนก็ออกตระเวณสำรวจพื้นที่สวน

ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้เข้ามาดูแลนัก ปอคิดว่า ต้นยางอายุมากเกินกว่าจะให้น้ำยางด้วยซ้ำไป

เพราะดูลำต้นสูงใหญ่ ที่ลำต้นก็มีร่องรอยการกรีดเก่า ๆ คราบน้ำยางที่เกาะเปลือกไม้ก็ดำ ๆ แห้ง ๆ

      “เพื่อนพี่นิวเค้าเพิ่งซื้อได้ไม่นาน ยังไม่มีเวลาเข้ามาดูแล เห็นว่าจะโค่นต้นยางแล้วลงปาล์มน้ำมันแทน”

      ปอไม่ค่อยจะรู้เรื่องการเกษตร ก็ฟังพี่นูเล่าแบบผ่าน ๆหู

จนผ่านไปถึงตอนเย็น ปอก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ปืน ถามว่าอยู่ที่ไหน...

ปอก็เลยนึกได้ว่า ตัวเองไม่ได้บอกพี่ปืนก่อนมา ไม่ถึงกับต้องขออนุญาต เพราะปอโตแล้ว

และพี่ปืนก็ไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ปกครอง แต่ในความรู้สึกระหว่างกันนั้น มากล้นไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน

ปอไม่น่าลืมเลย

      “พี่ไปหาที่ห้องไม่เจอ ก็เลยลงมารอที่ล็อบบี้ พอดีแม่บ้านผ่านมาเห็น รู้ว่าปอไม่อยู่ ก็เลยบอกพี่ แล้วนี่ปออยู่ที่ไหน”

      “ผมมาเที่ยวสวนเพื่อนพี่นิวครับ พี่นูชวนมา”

      “ทำไมไม่โทรบอกพี่ซักคำ พี่จะได้ไม่มารอเก้อ”

      “ผมขอโทษครับพี่ปืน ก็พี่ปืนหายไปหลายวันแล้วหนิ โทรก็ไม่โทร....”

      “อ้อ....ที่ทำแบบนี้จะประชดที่พี่ไม่สนใจใช่มั้ย”

      “เปล่านะ...ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นซักหน่อย ก็มันลืม แล้วพี่นูก็ชวนแบบฉุกละหุกด้วย ผมอยู่เฉย ๆ มันเหงาก็เลยตามเค้ามา”

      “พี่ขอคุยกับนูหน่อย”

      ปอยื่นโทรศัพท์ให้ตามคำบัญชา ฟังเสียงพี่ปืนดูเครียด ๆ ยังไงไม่รู้ พี่นูรับโทรศัพท์ไป พร้อมกับส่งยิ้มให้ปอ

เดินห่างออกไปได้สามสี่ก้าว พี่นูก็หยุดคุยต่อ เหมือนจะไม่อยากให้ปอได้ยินสิ่งที่คุยกัน

ตอนที่เอาโทรศัพท์มาคืนก็บอกแค่ว่า สงสัยจะพักแค่คืนเดียวซะแล้ว ปอไม่ติดใจอะไรหรอก คืนเดียวก็คืนเดียว

จะว่าไปที่นี่ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากสวนยางกับธารน้ำตก วันนี้เล่นมาทั้งวันก็ชุมฉ่ำพอแล้ว


      แต่ไม่ใช่หรอก ปอต่างหากที่ได้ค้างคืนแค่คืนเดียว

เพราะวันรุ่งขึ้นพระอาทิตย์ยังไม่แผดแสงสักเท่าไร  พี่ปืนก็มาโผล่ที่สวนให้ปอแปลกใจเล่น

      “สวนนี้ลูกค้าเอามาจำนองไว้กับแบ็งก์ แล้วไม่ผ่อนชำระ แบ็งก์จะฟ้องยึดทรัพย์อยู่แล้วพอดีเพื่อนนิวอยากได้สวนยาง

นูเค้าติดต่อให้ได้ค่านายหน้าตั้งหลายหมื่น แต่เค้าคืนให้เพื่อนนิวไปหมดเลย”

      เพราะเจ้าของสวนคนเก่าเป็นลูกค้าของธนาคารนี่เอง พี่ปืนถึงมาถูก ปอก็เลยจับต้นชนปลายได้ว่า

ทำไมพี่นูถึงได้ชวนปอมาด้วย แล้วยังจะบอกอีกว่าได้ค้างแค่คืนเดียว

.....พี่นูนี่ร้ายไม่ใช่เล่น.....เป็นจอมวางแผนอีกต่างหาก

      “แล้วพี่ปืนตามมาทำไมอ่ะครับ”

      “พี่มารับปอไง”

      “มารับทำไม พรุ่งนี้ผมก็กลับพร้อมพี่นูพี่นิวแล้ว”

      “ก็พี่อยากให้กลับวันนี้นี่นา อุตส่าห์ไปรับที่ห้อง ก็ไม่อยู่ซะอีก”

      “นั่นแหละ พี่ปืนไปรับผมทำไมครับ จะไปไหนรึป่าว”

      “ก็...พี่ไปรับ....ก็ที่เคยบอกว่าถ้าว่างจะแวะไปเยี่ยมไง”

      “แปลก ๆอ่ะ”

      “แปลกตรงไหน นี่เดี๋ยวเราแวะซื้อกับข้าวไปทำกันดีกว่าดีมั้ย”

      “เรา?”

      “พี่อยากกินผัดกะหล่ำปลีกุ้ง”

      “อย่าบอกว่าไปรับผมที่หอเพื่อจะให้ผมทำผัดกะหล่ำปลีให้กินนะ”

      “ทำไมเหรอ”

      “สั่งร้านไหนเค้าก็ทำให้ได้ทั้งนั้นแหละ”

      “แม่ครัวไม่ได้ชื่อปอหนิ”

       ปอเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างรถแล้วอมยิ้มกับตัวเอง

...หรือว่าปออาจจะไม่ต้องอยู่หอพักนาน “อะไรดี ๆ”  ที่พี่นูหมายถึงกำลังจะเกิดขึ้นงั้นเหรอ???


ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #137 เมื่อ30-05-2012 00:38:33 »

คุณนูมาแล้วววววววววววววว
คิดถึงมากเลยค่า
 :z2:  :m4:

เดี๋ยวนี้น้องปอเจ้าเล่ห์แสนกลขนาดนี้
เพราะว่ามีครูดีชื่อนูใช่มั้ยคะ
 :m12:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #138 เมื่อ30-05-2012 12:24:10 »

รอสักพักนะปอ
ปืนกำลังอยู่ในสภาวะต่อต้าน
รอจนเค้าทนไม่ไหวแล้ว
คงจะได้มาลดประชากรโลกกัน ฮิๆๆ :z1:

ออฟไลน์ kiyomaro

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #139 เมื่อ30-05-2012 13:32:05 »

 :กอด1:
 :L2:
มาเพิ่มกำลังใจมากมายให้คุณนูจร้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
« ตอบ #139 เมื่อ: 30-05-2012 13:32:05 »





ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #140 เมื่อ30-05-2012 13:56:34 »

 :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #141 เมื่อ30-05-2012 20:15:40 »

ตอนแรกลุ้นปอ  ตอนนี้มาลุ้นปืนแทน
555

cksong2008

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #142 เมื่อ30-05-2012 20:24:43 »

ปากแข็งให้ได้ตลอดนะ ไอ้พี่ปืน  :m16:
อยากให้มีคนมาจีบปอจังเลย จะได้รู้ว่าไอ้คนปากแข็งจะทำตัวยังไง  o18

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 30/5/2555
«ตอบ #143 เมื่อ30-05-2012 21:43:28 »

ถ้าช่วงนี้มีคนมาสนใจปอ ปืนจะทำไงนี่ :m16:

ก็ไม่อยากให้ปออยู่หอพักนานๆหรอกนะ อยากให้ไปอยู่บ้านกับปืนมากกว่า

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 31/5/2555
«ตอบ #144 เมื่อ31-05-2012 00:02:58 »



Tiamo_jamsai  >  ขอบคุณมากกว่าครับ  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
Choijiin   >  จะหยิกกี่ทีดีครับเดี๋ยวเอียงแก้มให้ คนนี้ขาประจำ โพสท์ปุ๊บมาปั๊บ ให้หยิกสองที  :กอด1:
$VAN$   >  อายอ่ะ  :o8:   มีคนรู้ทันเราด้วย (ก็เค้ารักของเค้า ผิดด้วยเหรอ) ตอนหน้ามีอวยกว่านี้อีก 5555
CarToonMiZa  >  :serius2:    นิยายรักนะเนี่ย มาหน่งมาหน่วงอะไรกัน
Mild-dy   >   ไม่รีบได้ป่าวครับ แต่มาเรื่อย ๆ โพสท์แต่ละครั้งผมจะลงวันที่ไว้ที่หัวข้อด้วย
Kiyomaro   >  ขอบคุณมากมายเหมือนกันครับ  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
Silverphoenix   >  ผลัดกันลุ้นครับ   o13
Cksong2008  >  ผมนี่ไง อยากจีบ สงสารปืนหรอกเนี่ย  :z2:
Donutnoi  >  ใจเย็น ๆ ครับ “บ้านของเรา” ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกัน แต่รอก่อนน้า   o18







     แต่ทว่าสุดสัปดาห์ต่อมา และต่อ  ๆ มา พี่ปืนกลับเงียบหาย จนปอเองเริ่มไม่มั่นใจ

ทั้งที่พี่นูยังคงยืนยันหนักแน่น ก็หลังจากวันที่พี่ปืนไปรับปอที่สวนเพื่อนพี่นิววันนั้น

รุ่งขึ้นพี่นูก็โทรมาถามข่าวคราวอย่างใกล้ชิดตามประสากองเชียร์ แล้วก็เลยให้ความมั่นใจกับปอว่า

ถ้าพี่ปืนไม่คิดจะบวช  รับรองได้ว่า พี่ปืนไม่หนีปอไปไหนแน่ ขอแค่เวลาให้พี่ปืนตัดสินใจว่า

พร้อมหรือยังที่จะเผชิญกับอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไปพร้อม ๆ กับปอ



      แต่พอหลายสัปดาห์เข้า ปอก็ชักจะเซ็ง ที่ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าสักที

ทั้งที่หอพักกับบ้านก็ไม่ได้ห่างไกลกันนักหนา พี่ปืนหยุดวันเสาร์อาทิตย์ อยากจะมาหาก็ย่อมทำได้

ถ้าไม่แน่ใจว่าปอว่างหรือเปล่า พี่ปืนก็น่าจะโทรมาเช็คก่อนได้

เว้นไว้แต่ว่าพี่ปืนจะไม่อยากสนใจปออีกต่อไป



      ปอกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบเก็บคะแนนอยู่ ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

ใจหนึ่งก็ว่าจะไม่รับเพราะอยากอ่านหนังสือให้จบบทก่อน แต่อีกใจก็คิดว่า เผื่อพี่ปืนจะโทรมา

เพราะวันนี้ปอติวหนังสือกับเพื่อนทั้งวันไม่อยากเสียจังหวะ ก็เลยปิดมือถือซะเลย

พอก้มลงดูเบอร์ ก็เป็นพี่ปืนจริง ๆด้วย

      “ครับพี่ปืน”

      ขานรับออกไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าปากแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

      “วันนี้พี่โทรหาปอทั้งวัน แต่โทรไม่ติดเลย”

      “ผมปิดเครื่องตอนติวหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ มะรืนจะสอบเก็บคะแนน วิชานี้ผมอยากได้คะแนนดี ๆ”

      “อ๋อ งั้นก็แล้วไปเถอะ พี่นึกว่าเป็นอะไรไป แต่ทีหลังบอกพี่ก่อนได้มั้ย จะได้ไม่กังวล”

      “ผมขอโทษครับพี่ปืน แล้วนี่มีธุระอะไรรึป่าวครับ”

      “ไม่หรอก โทรมาเช็คดู นึกว่ามีอะไร แต่เมื่อกลางวันที่โทรน่ะ พี่ว่าจะชวนไปกินข้าว”

      “ผมไปไม่ได้ครับ ช่วงนั้นกำลังอ่านหนังสือเลย”

      ปอนึกเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องสอบสำคัญกว่า

      “งั้นสอบเสร็จแล้วพี่ค่อยโทรมาใหม่นะ”

      “ครับพี่ปืน”

      เสียงโต้ตอบเงียบลงไป โดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก

คล้าย ๆ ต่างคนต่างจะยื้อเวลาพูดคุยออกไปให้ยาวนาน

เรื่องพูดคุยมีมากมายพอที่จะหยิบยกมาคุยได้

แต่ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ ก็คงไม่อาจจะมาเติมเต็มความอ้างว้างในใจปอได้

      “พี่ปืน”

      “หือ”

      “ผมอยากกลับไปอยู่บ้าน”

      “อ้าว...แล้วเรื่องเรียนล่ะ”

      “ผมก็มาเรียนตามปกติไงครับ เหมือนเมื่อก่อน”

      “ยังไง.....กลับไปอยู่บ้าน แล้วจะมาเรียนตามปกติได้ยังไง”

      พี่ปืนคงเข้าใจไขว้เขวไปว่าปอหมายถึงบ้านที่ต่างจังหวัด

      “ไม่ใช่ที่บ้านผมนะครับ... ผมอยากกลับไปอยู่บ้าน...บ้านของเรา”

      เสียงตอนท้ายแผ่วลงด้วยความไม่แน่ใจในคำขอของตัวเอง ว่าเขายังมีสิทธิ์ให้ความหมายกับบ้านหลังนั้น

ว่า “บ้านของเรา” ได้อีกมั้ย

      พี่ปืนเงียบไปซะเฉย ๆ อึดใจนั้นปอได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนปลายสายได้อย่างชัดเจน....

พี่ปืนคงอึดอัดใจ และคงไม่กล้าที่จะบอกปัดว่า...ไม่ได้....

ดีไม่ดี ก็อาจจะอยากปฏิเสธด้วยมั้งว่า ไม่มี “บ้านของเรา”

      ปอตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะจบความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ระหว่างเขากับพี่ปืน

      “เอ้อ....พี่ปืนครับ ผมขอตัวก่อนนะ มีสายแทรก สงสัยเพื่อนจะโทรมาตามไปทำรายงาน

แค่นี้ก่อนนะครับ แล้ว....ค่อยคุยกันใหม่ สวัสดีครับ”

      การตัดบทดื้อ ๆ พร้อมกับปิดโทรศัพท์ ถอดซิมทิ้งลงไปในโถชักโครก ตามด้วยการกดน้ำ

ให้มันกลืนหายไปกับสายตา  ถือเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดที่ปอทั้งเจ็บปวด ทั้งสะใจในคราวเดียวกัน....

        เจ็บปวดที่ต้องทำอะไรที่ทำร้ายหัวใจตัวเอง ด้วยการตัดขาดจากคนที่รักแสนรัก

        สะใจที่ทุกอย่างที่ทำไป เป็นไปตามความต้องการของพี่ปืนทุกประการ     

        ก็ดีแล้วนี่นะ.....เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องรอให้พี่ปืนติดต่อมา

         ความรู้สึกที่อยากเป็นฝ่ายเริ่มเกมรุกเมื่อวันก่อนมันหายไปไหนหมดไม่รู้

อาจจะเป็นอารมณ์น้อยใจ ที่เหมือนถูกเสือกไสไล่ส่งออกมาจากบ้านหลังนั้น


      ปอเคยคิดว่าการที่ออกมาอยู่หอตามใจพี่ปืน จะทำให้พี่ปืนรู้สึกตัวสักทีว่าตัวเองคิดผิด

ที่จริงแล้วพี่ปืนอยากให้เราอยู่ใกล้ ๆ กัน ปอคงคิดไปเองสินะว่า   

.....คนเราถ้ารู้สึกว่ากำลังจะสูญเสียอะไรไป ถึงจะมองเห็นว่าสิ่งนั้นมีตัวตน มีความหมายขึ้นมา

      ไม่รู้เลยว่า ความคิดสำเร็จรูปนั้น จะใช้ไม่ได้เลยกับคนอย่างพี่ปืน

       ต่อไปนี้การพบกันระหว่างปอกับพี่ปืน คงเป็นแค่ความบังเอิญ มันควรจะเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว

ความรู้สึกดี ๆ แต่เกิดผิดที่ผิดทาง คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำใจยอมรับได้อย่างหน้าชื่น



      หลังจากสอบเสร็จ ปอก็ง่วนอยู่กับการค้นคว้าข้อมูลเพื่อทำรายงาน เข้าห้องสมุดทีไร ก็ปิดโทรศัพท์

ไม่อยากให้ใครกวน ปอใช้เวลาในห้องสมุดครึ่งค่อนวัน เกือบทุกวัน ถึงเวลาเรียนก็ไปเรียนแล้วกลับมาค้นต่อ

เพื่อนร่วมกลุ่มก็ผลัดกันไปกินข้าว แล้วทุกคนก็รีบมาทำงานกัน เป็นอย่างนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ จนงานเสร็จสมบูรณ์

กลุ่มของปอส่งให้อาจารย์ดูก่อนกลุ่มอื่น มีแก้ไขบ้างบางจุด เพิ่มเติมรายละเอียดอีกนิดหน่อย

แต่เรียกได้ว่า กลุ่มของปอถูกตำหนิน้อยที่สุด คุ้มค่ากับการทุ่มเทจริง ๆ 



      ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไป ปอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ ออกจากห้องเลกเชอร์ก็เข้าห้องสมุด

ไม่งั้นก็ติวหนังสือกับเพื่อน กลับถึงหอก็อ่านหนังสือจะเป็นบ้าเป็นหลัง

หวังเพียงอย่างเดียวว่าหนังสือจะช่วยให้ปอลืมความคิดถึงที่มีต่อพี่ปืนได้

      ใหม่ ๆ มันก็ยากเย็นเหลือเกินกับการที่จะรวบรวมสมาธิให้หันมาจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าได้

อ่านไปได้พักหนึ่ง ปอก็ต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่ เพราะไม่เข้าใจตัวหนังสือที่ผ่านสายตาไปเลย

ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ผ่านมา

      กว่าจะตั้งตัวได้กับการหายไปของพี่ปืน ก็ใกล้จะสอบปลายภาคอยู่รอมร่อ

ซึ่งปอต้องหมั่นเตือนตัวเองให้ใส่ใจกับหนังสือตรงหน้าทุกครั้งที่หยิบมันขึ้นมาทบทวน....

ปอรู้แล้วล่ะว่า ทำไมผู้ใหญ่ถึงเตือนนักว่า อย่าริรักในวัยเรียน มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ถ้าสมหวังก็เหมือนมีพลังใจที่จะแบ่งปันให้กันและกัน

แต่ถ้าไม่สมหวังเหมือนปอตอนนี้...เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรมันไม่เหลือเลย

สิ่งที่ทำให้ปอยึดมั่นไว้เป็นที่พึ่งทางใจก็คือป๊ากับแม่...และพี่ปืน


      เอาเถอะ..ถึงพี่ปืนจะเป็นคนที่ทำให้ปอปั่นปวนรวนเรตลอดมา

แต่ก็เพราะพี่ปืนนี่แหละ ที่มีส่วนช่วยให้ปอมาถึงวันนี้ได้

ที่สำคัญ....ปอไม่อยากเห็นสายตาของพี่ปืนที่แสดงความผิดหวังในตัวปอ

ไม่ว่ายังไงพี่ปืนจะต้องไม่เสียใจที่ได้ “เคย” ดูแลปอ



      ทันทีที่การบรรยายของวิทยากรในท้องถิ่นสิ้นสุดลง นักศึกษาทั้งห้องก็ลุกฮือขึ้นตามกันออกไป

เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ฟังบรรยายมาสามชั่วโมงเต็ม ต่างคนก็คงจะเมื่อยล้า

มีแต่ปอที่ยังไม่อยากขยับ พยักหน้าให้เพื่อนบางคนที่เดินผ่านช่องทางเดิน มีสองสามคนแตะมือก่อนจะแยกย้ายกันไป

      ก็ไม่รู้จะรีบออกไปไหน ออกจากที่นี่ก็คงกลับหอ ถ้าไม่หาอะไรกินก่อน

ก็คงจะหิ้วอะไรสักอย่างเข้าไปกินอย่างซังกะตาย....มันเป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว

ชีวิตที่แห้งแล้ง แสนเงียบเหงา เพลงที่เคยเปิดฟังก็ไม่เพราะอีกต่อไป รายการโทรทัศน์ที่เคยดูก็ไม่สนุก

ไม่น่าติดตาม มีเพียงหนังสือเรียนเป็นเพื่อน อย่างน้อยก็ยังมีอะไรทำบ้างเมื่อต้องอยู่คนเดียวในห้องเล็ก ๆ

ที่มีระเบียงกว้างอีก 1 เมตร ให้พอได้เดินออกไปสูดอากาศหายใจ

ไม่มีต้นไม้สีเขียว ๆ ไม่มีสนามหญ้า ไม่มีอ่างบัว....และ....ไม่มีซุ้มไม้เลื้อยให้นั่งเล่นอีกแล้ว

      “น้อง....พี่จะปิดห้องแล้วนะครับ”

      เสียงคนงานประจำตึกร้องบอกมาจากหน้าประตูบานใหญ่ ทั่วทั้งห้องสว่างจ้าด้วยไฟเพดานหลายสิบดวง

มีนักศึกษาหนุ่มหน้าใส นั่งอยู่เพียงลำพัง ในมือเคาะปากกาลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ

      ปอขยับตัวลุกขึ้น คว้าหนังสือสองเล่มก้าวเดินออกจากห้องบรรยายเป็นคนสุดท้าย

      “ขอโทษครับพี่ คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

      ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันตอนที่เดินสวนทาง

      “อยู่หอในรึป่าวครับ”

      “ไม่ครับพี่ ผมอยู่หอหน้ามอ”

      “จะกลับยังไงล่ะเนี่ย รถคิวเหรอครับ”

      “เดินครับ ไม่ไกลหรอกพี่ เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง”

      ปกติปอก็คงอาศัยขึ้นรถที่คิวรับส่ง ข้างโรงอาหาร แต่วันนี้เขาอยากเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามลำพัง

กว่าจะถึงหอก็คงได้เหงื่อ คืนนี้คงจะหลับสนิท

      “โชคดีนะครับน้อง”

      “ปอ”

      “ขอบคุณครับพี่”

      เสียงเรียกชื่อดังประสานกับเสียงอวยพรจากพี่คนงานดูแลตึก ปอหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย

 ก็พบผู้ชายสองคนกำลังก้าวเร็ว ๆ เข้ามาหา

      ”สวัสดีครับพี่นู พี่นิว

      ปอแปลกใจมากที่อยู่ ๆ สองคนนี้ก็มาปรากฏตัวตรงหน้า จะว่าบังเอิญพบกันก็คงไม่ใช่

ดูท่าจะตั้งใจมาหาซะมากกว่า

      “มาทำอะไรกันครับ ดูรีบ ๆจัง”

      “พี่มารับไปธุระด้วยกันหน่อย”

      พี่นูเป็นคนตอบข้อสงสัยของปอ

      “จะไปไหนกันเหรอครับ ไกลรึป่าว”

      “ไม่ไกลหรอก...พี่ต้องขอโทษปอด้วยนะ ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า โทรหาแล้วมันไม่ติดน่ะ”

      “ผมเปลี่ยนเบอร์น่ะพี่นู”

      “อ้าว...ทำไมอ่ะ”

      “โทรศัพท์หายครับ”

      หวังว่าพี่นูจะจำหน้าตาโทรศัพท์เครื่องเดิมที่อยู่ในกระเป๋าของปอไม่ได้

      “แล้วจะพาผมไปไหนเหรอครับ ธุระอะไรถึงมาเกี่ยวกับผม”

      “ไปถึงก็รู้เองแหละ.....อย่าเพิ่งถามเลย”

      พี่นูหน้าเครียด ๆ จริงจังซะจนปออดที่จะหวั่นใจไม่ได้ อะไรก็ตามที่ทำให้พี่นูร้อนรนขนาดนี้

จนถึงกับต้องมาตามหา ปอไม่อยากจะคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพี่ปืน

      ปอสบตาพี่นิวก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา...ปอชอบเวลาพี่นิวยิ้มจริง ๆนะ

ปกติพี่นิวจะเป็นคนเฉย ๆ นิ่ง ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่พอยิ้มก็ดูหน้าอ่อนลงมากเลย

ถ้าไม่เคยรู้จักพี่ปืนมาก่อน ปออาจจะหลงรักพี่นิวได้ง่าย ๆ นะเนี่ย 


      (555....ล้อเล่นค้าบ ผมรักของผมอ่ะ ผมก็ว่าเค้าน่ารักอ่ะดิ....นู)

      เอาใหม่ ๆ



      ปอสบตาพี่นิวก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา ปกติพี่นิวจะเป็นคนเฉย ๆ นิ่ง ๆ แต่พอยิ้มแล้วก็ดูอ่อนโยน

ดูเหมือนพี่ชายใจดี รอยยิ้มของพี่นิวทำให้ปอค่อยคลายใจลงไปได้ว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง

      จุดหมายปลายทางที่ปอกำลังจะไปก็คือโรงพยาบาล ปอเอะใจตั้งแต่ที่พี่นูแวะซื้อของใช้กับของเยี่ยมไข้แล้ว

ไหนจะเส้นทางที่พี่นิวขับรถมุ่งหน้าไป ก็ใช่เลย....แต่ปอไม่อยากเดาว่าเราทั้งหมดกำลังจะไปเยี่ยมใคร

แม้ว่าในใจของปอจะเต้นระทึก ด้วยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะไปเจอ จะหนัก จะเบา หรือว่าสาหัสขนาดไหน

แต่เวลานี้สิ่งเดียวที่ปอควรจะทำคือสงบใจและมีสติให้มากที่สุด

      เมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้อง พี่นูจึงได้เห็นแค่อาการสงบนิ่งของปอ

      “มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่กลัวหรอกน่า”

      ปอพยักหน้าช้า ๆ มันก็ใช่....เพราะนี่ไม่ใช่ตึกผู้ป่วยอุบัติเหตุ แต่ยังไงก็เป็นที่พักสำหรับคนป่วยอยู่ดี

พี่นิวแตะบ่าปอพาเดิน ในขณะที่พี่นูเปิดประตูนำหน้าเข้าไปก่อนแล้ว แรงบีบเบา ๆที่บ่า

ช่วยให้ปอรู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมามากมาย เพราะรู้ว่าพี่สองคนอยู่เคียงข้างปอและคนที่นอนอยู่ข้างในห้องเสมอ

      ใบหน้าคมคายนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้ ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าคงจะหลับสนิท

      พี่นูบอกว่าพี่ปืนเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเมื่อตอนสาย ๆ

      “เค้าปวดท้องมาสองวันแล้ว หายากินเองอีกต่างหาก ไม่ได้คิดว่าไส้ติ่งอักเสบ”

      นั่นล่ะนิสัยพี่ปืน ไม่ค่อยจะสนใจอาการป่วยไข้ของตัวเอง

แต่ถ้าปอป่วยล่ะก้อ....ยังไงพี่ปืนก็ต้องพาไปหาหมอให้ได้ จะปวดหัวตัวร้อน ก็ขอให้หมอเป็นคนจ่ายยา

      “ตอนเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ให้พี่บอกปอ กลัวปอจะเป็นห่วง มาถึงนี่ได้ก็มาคนเดียว

โทรบอกพี่ให้ช่วยลางานให้เฉย ๆ พี่มาตอนที่เค้ากำลังจะเข้าห้องผ่าตัดแล้ว หมอบอกว่าทนอยู่ได้ยังไงตั้งสองวัน

ที่มานี่ก็คงจะเอะใจแล้วล่ะ ดีนะที่ไส้ติ่งไม่แตกน่ะ ไม่งั้นล่ะหมอเค้าไม่รับรองหรอก”

      ปอยกมือขึ้นแตะแก้มซูบ ๆ นั้น แล้วน้ำตาก็ปริ่ม....ทำไมไม่บอกผมสักคำ กลัวผมจะเป็นห่วง

แล้วที่ทำอยู่นี่น่ะ มันดีแล้วรึไง…

      “ตอนนี้หมอให้ระวังเรื่องติดเชื้อ ดูแลพี่ปืนให้ดี ๆ นะปอ พรุ่งนี้เช้าพี่จะมารับ”

      พี่นูบอกทิ้งท้ายไว้ก่อนจะกลับไปพร้อมพี่นิว เป็นอันว่าปอต้องนอนเฝ้าพี่ปืนสินะ

ที่พยายามจะออกห่าง ไม่ติดต่อมาเป็นเดือน ๆ สุดท้ายก็กลับมาใกล้ยิ่งกว่าใกล้

      ปอนั่งที่โซฟาชิดผนัง เหม่อมองใบหน้าคนป่วยด้วยความคิดหลากหลาย

อุตส่าห์ทำใจจนมันยอมรับสถานภาพของตัวเองได้แล้วเชียว

การที่ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ช่วยให้การทำใจง่ายขึ้น

ถึงจะรู้สึกคิดถึง ห่วงใยอาทรบ้าง แต่ก็ไม่พลุ่งพล่านจนทำให้ตัวเองต้องทรมานใจ

      แต่นี่....เฮ้อ....ใกล้แค่นี้....แล้วยังต้องมาดูแลตอนที่กำลังเจ็บไข้ไม่สบาย

ปอจะต้องเจอกับอะไรบ้างหนอ

      หน้าคมดูซูบเซียวอย่างเห็นได้ชัด ตื่นขึ้นมาคงเจ็บแผลเป็นอะไรเชียว

แต่พี่ปืนเป็นคนมีน้ำอดน้ำทน เจ็บแค่นี้คงไม่ปริปากอะไรแน่ ๆ ปอคงต้องสังเกตอาการเอาเองว่า

ตอนไหนที่พี่ปืนเจ็บ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ปอคงไม่ได้เข้าเรียน วิชาหนึ่งอาจารย์ไปสัมมนากลับอาทิตย์หน้า

อีกสองวิชาโดดได้เพราะเข้าเรียนประจำ ไม่เคยขาด วิชาอื่นก็ช่างมัน ค่อยตามเลกเชอร์ทีหลัง

      ความจริงแล้วอาการพี่ปืนก็ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ อย่างมากก็คอยดูแลให้ร่างกายฟื้นเร็ว ๆ

พี่ปืนตัวโต แข็งแรง คงใช้เวลาไม่นาน
     
      ทันทีที่ใบหน้าคมเข้มนิ่วหน้า ปอก็กระโจนขึ้นจากโซฟาไปใกล้ ๆ ได้ทันที คนป่วยกระพริบตาช้า ๆ ท่าทางเพลียจัด

      “พี่ปืน”

      “ปอ....มาไง”

      “พี่นูบอกครับ...พี่ปืนเจ็บมากมั้ย”

      พี่ปืนกดหน้านิดหนึ่งแทนคำตอบรับ

      “พี่อยากไปห้องน้ำ”

      “ปะ ผมประคอง”

      พี่ปืนขยับลุกขึ้นหัวไม่ทันพ้นจากหมอน ก็ร้องโอย

      “ไหวมั้ยครับ”

      “แป๊บ”

      ว่าแล้วก็ขยับอีกครั้งช้า ๆ กว่าจะเดินไปถึงห้องน้ำได้ พี่ปืนคงทรมานน่าดู

ปอรู้สึกได้จากแรงกดเกร็งที่อยู่บนไหล่ปอ ขากลับขึ้นเตียงก็ไม่ต่างกัน

      “ไม่สบายทำไมไม่บอกผมซักคำครับ”

      ปอเริ่มซักฟอก

      “พี่เห็นปอเรียนหนัก ไหนจะติดสอบอีก”

      พี่ปืนพูดช้า ๆ เสียงเบา ๆ แผ่ว ๆ บอกอาการเพลีย แต่ปอก็ยังอยากถามให้รู้

      “ทีเรื่องไม่สำคัญยังโทรหาผมได้เลย”

      “ก็ตอนนั้นไม่รู้ว่าปอสอบอยู่”

      “ช่วงนี้ไม่มีสอบหรอกครับ แต่ถึงจะสอบผมก็มาได้ รอสอบเสร็จก่อนไงครับ แต่นี่พี่ปืนเจตนาไม่บอกให้ผมรู้ ทำไมครับ”

      “ก็พี่....”

      “อ้าว...น้องคะอย่าชวนคนไข้คุยสิคะ ให้คนไข้ได้พักผ่อนก่อน แล้วก็อีกครู่หนึ่งคุณหมอจะมาดูอาการนะคะ”

      โดนพยาบาลดุจนได้ นางฟ้าในชุดขาวเดินทำโน่นทำนี่ เตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วเดินออกไป

      “พี่ว่า...”

      “ค่อยคุยครับพี่ปืน พยาบาลเค้าบอกไม่ให้ผมชวนคุย พี่ปืนต้องพักมาก ๆ”

      “คุยได้”

      “ผมยังอยู่เฝ้าพี่ปืนอีกหลายวันหรอกครับ ค่อยคุยแล้วกัน”

      “ก็ปอมะ....”

      “นอนครับ พูดมาก ๆ ผมเหนื่อย เห็นจะดูแลไม่ไหว”

      พี่ปืนนอนลืมตาโพลงมาตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมาตอนหัวค่ำ จนกระทั่งหมอที่มาตรวจอาการกลับไปแล้ว ก็ยังไม่ยอมนอน

ท่าเหยียดขาตรง ๆ สองมือวางทาบบนหน้าอก แต่เอียงคอมามองหน้าปอ น่าจะทำให้เมื่อยซะจนคอเคล็ด

แต่พี่ปืนก็ยังนอนอยู่ในท่านั้น

      “นอนได้แล้วครับ”

      “ยังไม่ง่วงเลย”

      “งั้นเดี๋ยวผมไปขอยานอนหลับมาให้นะ”

      “เค้าไม่ให้กันพร่ำเพรื่อหรอกน่า”

      “แต่ถ้าพี่ปืนไม่นอนทั้งที่ควรจะพักผ่อนได้แล้ว ผมก็พอจะมีวิธีให้พยาบาลเค้าจัดการให้ได้แหละ”

      “โอ๊ะ...อูย....ซี้ด….”

      พี่ปืนร้องออกมาด้วยความเจ็บแผล จากการที่เผลอพลิกตัวตะแคง แล้วก็ไม่สำเร็จ

      “นอนดี ๆสิครับ”

      “ก็มันเมื่อย”

      “เค้าบอกว่าท่านอนหงายน่ะเป็นท่าที่ถูกสุขลักษณะที่สุดแล้วนะครับ”

      “แต่ไม่มีใครบอกใช่มั้ยล่ะว่ามันเมื่อยน่ะ”

      “งั้นก็ตามใจพี่ปืนแล้วกัน ยังไงก็ได้ครับ ขอให้นอนให้หลับ พักผ่อนให้เยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ ไง”

      “ก็อยากหายอยู่หรอก นอนแบบนี้มันทั้งเมื่อย ทั้งเบื่อ แถมขยับทีก็เจ็บแทบขาดใจ”

      “นอนนิ่ง ๆ เดี๋ยวก็หลับไปเองแหละครับ แถมไม่เจ็บตัวด้วย”

      ปอเดินไปปิดไฟกลางห้อง บอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะนอน ยังคงเหลือแสงจากไฟหรี่ดวงเล็กข้างเตียงคนไข้พอให้เห็นลาง ๆ

      “ปอจะนอนแล้วเหรอ”

      “ครับ พรุ่งนี้พี่นูจะมารับแต่เช้า ผมว่าคงจะมาก่อนจะไปทำงาน แล้วผมก็มีเรียนตอนสายไปจนถึงเที่ยง”

      “แต่ปอจะกลับมาอีกใช่มั้ย”

      “พี่นูขอให้ผมมาเฝ้าพี่ปืน ผมก็รับปากไปแล้ว ตลอดเวลาที่พี่ปืนนอนโรงพยาบาล

ผมจะนอนเป็นเพื่อนทุกวัน แต่กลางวันผมขอไปเรียนนะครับ”

      “พี่ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถึงยังไงเรื่องเรียนของปอก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว แค่ถามเฉย ๆว่าปอจะมาเยี่ยมพี่อีกรึป่าว”

      “รึว่าพี่ปืนจะให้ผมแค่มาเยี่ยมก็ได้นะครับ”

      “ไม่ ๆ ๆ...โอ๊ะ....โอ๊ย...”

      พี่ปืนรีบปฏิเสธ พร้อมกับยกตัวขึ้นจากที่นอน แต่ไม่ทันที่หัวจะพ้นหมอน ก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บแผล

      “แล้วจะขยับขึ้นมาทำไมล่ะครับ เห็นมั้ยก็รู้อยู่ว่าแผลมันยังใหม่ เดี๋ยวก็ไม่หายซักทีหรอก”

      ปอส่งเสียงเหมือนจะดุ ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่จริงแล้วตั้งใจดุพี่ปืน หรือว่าดุตัวเองกันแน่

เพราะพอเห็นพี่ปืนมีอาการสะดุ้งเมื่อตะกี้ ปอก็แทบจะถลาเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความเป็นห่วงแล้ว ยังดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน

....อย่าเข้าไปใกล้นักเลย เท่าที่ต้องมานอนห้องเดียวกันแบบนี้

ปอก็ต้องใช้ความหนักแน่นไม่รู้ตั้งเท่าไร ให้พอที่จะรั้งใจตัวเองให้อยู่ที่เดิมได้

.....เตือนตัวเองไว้นะ อย่าได้ไปรักเค้าอีก...อย่าได้ไปรักเค้าอย่างเดิม...เท่าเดิม

เพราะเท่าที่รักอยู่ตอนนี้ มันก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีอนาคตเลย


      คนป่วยนอนบ่นว่าไม่หลับพักเดียว ปอไม่โต้ตอบอะไร

ทั้งห้องคงมีแต่ความเงียบในความสลัวลางของดวงไฟ หันไปดูอีกทีพี่ปืนก็หลับสนิทแล้ว

คงมีแต่ปอที่ทำยังไงก็ปิดสวิทช์ตัวเองไม่ได้สักที

ตาน่ะหลับ แต่สมองส่วนที่ควบคุมการนอนหลับเกิดไม่ทำหน้าที่ขึ้นมาซะเฉย ๆ

เพราะสมองส่วนที่ควบคุมการคิดทำงานอยู่ตลอดเวลา


      ดังนั้น พอพี่นูมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับพี่นิวในตอนเช้า เห็นลักษณะอาการของปอ ถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

      “พี่ไม่ควรให้ปอมาเฝ้าพี่ปืนเลย พลอยทำให้ปอต้องอดนอนไปด้วย พี่นิวครับ ผมว่าหาพยาบาลพิเศษเฝ้าปืนเถอะ

ไม่งั้นน้องปอไปเรียนไม่ไหวแน่ ปืนยังต้องนอนพักต่ออีกตั้งหลายวัน”

      “งั้นเดี๋ยวพี่ไปถามที่เคาน์เตอร์ก่อนละกัน”

      “ไม่ต้องหรอกครับพี่นิว ผมอยู่ได้ เมื่อคืนคงจะรู้สึกผิดที่ก็เลยหลับไม่สนิท เดี๋ยวคืนนี้ผมจะเอาหนังสือมาอ่าน

ที่นี่เงียบดีครับ มีสมาธิดี”

      “อ่านหนังสือก็ไปอ่านที่หอแล้วกันปอ เฝ้าคนป่วยน่ะ เดี๋ยวก็เรียกไปทำโน่นทำนี่ จะเอาสมาธิที่ไหนมาอ่าน”

      “อ้าว....ก็แล้วใครล่ะที่เป็นคนต้นคิดให้ไปรับน้องมาน่ะ พี่บอกแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าเราจะจ้างพยาบาลดูแลปืนน่ะ”

      “ก็ผมอยากให้เขาได้ดูแลกันนี่นา แต่ถ้าเป็นแบบนี้ แค่มาเยี่ยมก็พอแล้ว นะปอนะ พี่นิวน่ะ

ไปติดต่อพยาบาลพิเศษมาเลย ไม่ต้องมาทับถมผม....พลาดนิดพลาดหน่อยล่ะไม่เว้นเลยนะ อย่าให้ถึงทีผมมั่งแล้วกัน”

      พี่นิวเดินห่างออกไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่พี่นูยังทำหน้าเข่นเขี้ยวมองตามหลังไป

ปอเห็นภาพแบบนี้มาจนชินแล้ว แต่พี่สองคนก็ยังอยู่ด้วยกัน ยังรักกันดี ดูแล้วน่าอิจฉา...

แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าเขาสองคนจะไม่มีปัญหาเลย ปัญหาทั้งหลายที่ทยอยกันผ่านเข้ามาในชีวิต

เพียงแค่สองคนช่วยกันแก้ไขให้มันผ่านพ้นไปได้ ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจก็จะตามมา


      แต่ปอ...ยังไม่ทันที่จะได้ลงเอย ปัญหาก็เกิดซะแล้ว

      ปัญหาแรกก็คือ การยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตัวเองให้ได้

หันหน้ามาเผชิญกับความรู้สึกนั้น และสานต่อให้มันเป็นไปในทางบวก

ถ้าต่างคนต่างทำได้ การใช้ชีวิตร่วมกันอย่างที่พี่นิวกับพี่นูเป็นอยู่คงไม่ยากเย็นแสนเข็ญนัก

      แต่นี่แม้แต่ปัญหาแรก ก็ยังไม่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณา....ก็ดีแล้วที่ปอตัดใจได้เสียตั้งแต่ต้น

เจ็บนี้ฝังลึกแต่คงไม่นาน....ปอหวังอย่างนั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2012 00:11:31 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 31/5/2555
«ตอบ #145 เมื่อ31-05-2012 01:21:12 »

Choijiin   >  จะหยิกกี่ทีดีครับเดี๋ยวเอียงแก้มให้ คนนี้ขาประจำ โพสท์ปุ๊บมาปั๊บ ให้หยิกสองที

วันนี้ก็มาคนแรกอีกแล้ว
แบบว่าเรารอคุณนูทุกวันเลยน้า
ถ้าตอบแบบชะนีก๋ากั่นนะคะ
ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนมาเป็นขอหอมสักสองฟอด
แต่เผอิญนิสัยน่ารักเรียบร้อย
บอกกับกลัวโดนต่อยค่ะเลยบอกว่าหยิกเบาๆสักทีก็พอแล้วค่ะ
 :m23: :m29:

(555....ล้อเล่นค้าบ ผมรักของผมอ่ะ ผมก็ว่าเค้าน่ารักอ่ะดิ....นู)

อันนี้อ่านแล้วแอบกรี๊ด
แบบว่าน่ารักอ่าค่ะ น่ารักทั้งคู่แหละ
 :-[

น้องปอของพี่ช่างน่าสงสาร
เมื่อไหร่พี่ปืนจะคิดได้สักทีน้อ
แค่นี้ยังเจ็บกันไม่พออีกเหรอไง แง้ๆๆๆ
 :sad4: :o12:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
     


เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา


  :กอด1:   choijiin   แล้วรีบโพสท์ทันที









   
    พี่นิวกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ทำให้รู้ว่า ปอคงต้องนอนเฝ้าพี่ปืนต่อไป...ก็ไม่ได้เกี่ยงงอนอะไรนี่นา

ก็แค่....ห่างกันได้ก็อยากจะห่าง เพื่อสวัสดิภาพของหัวใจ และพี่สองคนก็หวังดี

แต่เมื่อไม่มีทางเลือก ปอก็ยังเต็มใจทำหน้าที่นี้อยู่ เพราะถึงยังไง

นอกเหนือไปจากผู้ให้กำเนิด พี่ปืนก็เป็นคนที่ประเสริฐที่สุดสำหรับปออยู่แล้ว

      “ผมทำได้ครับพี่นิวพี่นู กลางคืนพี่ปืนเค้าก็หลับสนิทนะครับ ไม่ได้รบกวนอะไรผมเลย

ก็แค่รู้สึกผิดที่ คืนแรก ๆอาจจะนอนไม่ค่อยหลับบ้าง แต่เดี๋ยวก็คงชินหรอกครับ”

      “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอ แล้วตอนเย็นจะให้พี่ไปรับกี่โมง....ปอเลิกเรียนตอนไหนครับ”

      “ไม่ต้องหรอกครับพี่นิว แค่ไปส่งที่หอตอนเช้านี่ก็พอแล้ว เลิกเรียนเสร็จผมมาเองได้

ว่าจะกลับไปเอาชุดนักศึกษามาเปลี่ยน เผื่อว่าตอนเช้าจะได้ไปเรียนเลยไม่ต้องแวะไปมาหลายที่”

      “ผมว่าเอางี้ดีกว่าครับพี่นิว เราไปส่งปอที่บ้าน ให้ปอเอารถปืนมาใช้ น้องจะได้สะดวก”

      พี่นูหันไปปรึกษาพี่นิว แล้วหันมาออกตัวกับปอ

      “ไม่ใช่ว่าพี่กับพี่นิวไม่อยากไปรับไปส่งปอนะ แต่แบบนี้ปอจะสะดวกกว่า ไหนจะวันที่ปืนออกจากโรงพยาบาลอีก

ถ้าวันนั้นพี่นิวบังเอิญมาไม่ได้ พี่คงไม่มีปัญญามารับคนเดียวหรอก”

      “นั่นสิครับ ทำไมพี่นูไม่หัดขับรถล่ะครับ ผมว่าจะถามหลายทีแล้วเหมือนกัน”

      พี่นูหันไปสบตาพี่นิวที่จ้องเป๋งมา  แต่ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากทั้งสองคน

      “กลับกันเหอะ ปอมีเรียนเช้าเลยรึป่าว”

      พี่นูไม่ตอบคำถาม ปอเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบมากนัก เพราะกลัวพี่นูจะเข้าใจไปว่า

ปออยากให้พี่นูมารับส่งทั้งที่ไมใช่ธุระของพี่นูซะหน่อย

      “ไม่ครับ ของผมสาย ๆ หน่อย”

      “แต่พี่ต้องไปทำงานแล้ว ไม่งั้นสายแน่”

      “งั้นพี่นิวไปส่งผมที่หอพักแล้วกันนะครับ”

      “อ้าว...ทำไมล่ะครับไปเอารถที่บ้านก่อนสิ พี่ไปส่ง”

      พี่นิวชะงักเท้าที่กำลังจะออกเดินนำไปที่ลิฟท์เพื่อจะลงไปที่ลานจอดรถ

      “ผมไปเองมาเองสะดวกกว่าน่ะครับ ถ้าวันไหนพี่สองคนไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ผมเรียกรถรับจ้างเอาก็ได้

แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงถูกแล้ว”

      “พูดแบบนี้ได้ยังไง พี่เต็มใจนะ พี่ปืนก็เพื่อน ปอก็น้อง ถ้าพี่นิวไม่ได้ออกต่างจังหวัดปอก็โทรหาได้ตลอดเวลา

ใช่มั้ยครับพี่นิว”

      พี่นูพูดออกมาอย่างมั่นใจ แต่ลงท้ายก็ต้องให้พี่นิวรับคำอีกทีอยู่ดี

      “ครับ ได้อยู่แล้ว”

      ปอว่าพี่นิวรับคำไปงั้นเอง เพราะนึกอยากจะล้อพี่นูและพี่นูก็ดูจะรู้ทัน แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการขึงตาใส่

แล้วก็ชวนปอเดินล่วงหน้าออกมาก่อน

      “ไปเอารถน่ะดีแล้ว เผื่อว่าตอนเลิกงานพี่นิวไม่ว่าง พี่จะได้โทรให้ปอไปรับพี่มาเยี่ยมพี่ปืน

รายนี้นะ เผลอ ๆ นึกว่าอยู่แถวนี้ที่ไหนได้ ไปต่างจังหวัดอีกแล้ว ตอนเช้าก็ทำทีไปส่งพี่ที่แบ็งก์

ไอ้เราก็เลยไม่เอารถไปเอง สุดท้ายก็ต้องอาศัยคนอื่นเค้ากลับอยู่ดี”

      “ถ้าขับรถได้ก็ไม่ต้องอาศัยใครเค้ากลับ”

      เสียงพูดเบา ๆ ลอยมาเข้าหู แต่พี่นูก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

      “ถ้าปอไปรับ เราจะได้หาของกินอร่อย ๆ มากินยั่วน้ำลายพี่ปืนกัน”

      “นั่น....คนชอบวางแผนทำร้ายคนอื่น”

      “ส่วนปอก็จะได้กะเวลาเข้าเรียนได้ ถ้ามัวแต่รอรถรับจ้างก็อาจจะเข้าเรียนสายได้นะ”

      “มีดีอยู่ข้อเดียวก็ข้อนี้แหละ”

      พี่นูหยุดกึกหันไปจ้องคนที่เดินตามมาข้างหลัง ทำท่าเอาเรื่องเต็มที่

      “ใจคอพี่นิวจะหาเรื่องผมจนไปถึงลานจอดรถเลยมั้ยครับ”

      “ใครหาเรื่อง”

      “ก็นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้ใครต่อปากต่อคำกับผมทั้งที่ก็ไม่ได้พูดด้วยซะหน่อย”

      “อ๋อ ไม่ได้อยากพูดกับพี่ใช่มั้ย....ได้….แล้วใครก็อย่าพูดกับพี่ก่อนก็แล้วกัน”

      “อ้าว....พี่สองคนทำไมงี้อ่ะครับ”

      “ปอดูเค้านะ พี่พูดกับปอ แต่เค้าน่ะพูดแทรกพี่ตลอดเลย น่าโมโหมั้ยล่ะ”

      “ผมไม่เห็นว่าจะน่าโมโหตรงไหนนี่ครับ พี่นูยั่วขึ้นหนิ พี่นิวเค้าก็เลยอยากแกล้ง

แล้วประเดี๋ยวถ้าพี่นูชวนพูดก่อน พี่นิวก็จะได้ทีคอยดูเถอะ”

      “ช่างเค้าปะไร ไม่ว่าใครจะแพ้รึชนะ ตอนนี้ แต่พี่ก็ชนะตลอดศก ปอก็คอยดูเหอะ”

      พี่นูทำหน้ายิ้มอย่างเป็นต่อ จนเดินไปถึงหน้าลิฟท์ที่พี่นิวกดเรียกรอไว้แล้วเข้าไปยืนอยู่ก่อนด้านใน

ปอก็ยังเห็นพี่นูแกล้งปรายตาไปมองแบบเยาะ ๆ เย้ย ๆ ดูไปดูมาคู่นี้ก็มีเรื่องให้ปอได้ยิ้มได้ขำในวันที่หัวใจกำลังหม่นได้เสมอ

เห็นหยิก ๆ หยอก ๆ จิก ๆ กัด ๆ แต่พี่นูก็เอาใจพี่นิวเสมอต้นเสมอปลาย

และพี่นิวก็เป็นห่วงเป็นใยคอยดูแลพี่นูในทำนองเดียวกัน....เฮ้อ...อยากมีแบบนี้บ้างจัง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



      ปอเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น บางวันก็มีเพื่อนมาด้วย ซึ่งมักจะเป็นเพื่อนที่พี่ปืนก็รู้จักอยู่แล้ว

และถ้าวันไหนที่เพื่อนอยู่ด้วย พี่ปืนก็จะเหมือนคนไข้ปกติ แต่วันไหนที่อยู่ตามลำพังกับปอสองคน

พี่ปืนจะกลายร่างเป็นคนป่วยหนักไปเลยทีเดียว....อย่างวันนี้

      “ปอ”

      “ครับพี่ปืน”

      มีแค่คำขานรับ แต่เจ้าของเสียงยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนที่กางอยู่บนตัก

      “ปอ...”

      เสียงเรียกดังขึ้นอีกเพราะยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ และถ้ายังไม่ได้ เห็นทีจะเรียกไปเรื่อย ๆ

      “อะไรครับ”

      ปอเงยหน้าขึ้น เห็นคนไข้สะบัดผ้าห่มออกจากตัวไปแล้ว

      “พี่อยากเข้าห้องน้ำ”

      ที่บอกออกมาอย่างนั้น แล้วยังนอนรออยู่บนเตียง ก็เป็นอันรู้กันว่า ปอจะต้องเข้าไปพยุงอย่างงี้ทุกที....

ไม่ใช่ว่าปอไม่อยากทำอะไรให้พี่ปืนหรอก ก็แค่ไม่อยากใกล้ชิดให้มากจนเกินไป

ความจริงพี่ปืนก็ลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำได้แล้ว ผลมาจากการที่หมอบอกให้ขยับตัวบ้าง

แต่ให้ค่อย ๆ ขยับอย่างช้า ๆ ไม่ผลีผลาม ไม่งั้นแผลจะไม่หายซะที พี่ปืนก็ดูจะเชื่อฟังหมอดีอยู่หรอก

วันแรก ๆ ปอก็ต้องประคองบ้าง สามสี่วันให้หลังพี่ปืนเริ่มช่วยตัวเองได้มากขึ้น ปอก็เลยปล่อยมือ

พอดีกับเป็นจังหวะที่ปอต้องรีบทำงานกลุ่มส่ง ก็เลยนัดเพื่อนมาทำงานที่โรงพยาบาล จะได้ดูแลพี่ปืนไปด้วย

      “ครับ”

      ปอวางหนังสือลงข้างตัวแล้วก็ลุกขึ้นไปประคองอย่างว่าง่าย พี่ปืนยังตัวงอเป็นกุ้งและมีสีหน้าเจ็บนิดหน่อยเวลาที่ต้องเกร็งหน้าท้อง

ปอเองก็ได้แค่เกาะเอวให้พี่ปืนได้พาดแขนลงมาบนบ่าแล้วก็ไปส่งหน้าห้องน้ำ

      “อย่าเพิ่งไปไหนนะ พี่ทำธุระแป๊บเดียว”

      “ครับ”

      แต่ปอก็เดินกลับมาอ่านหนังสือที่โซฟาตามเดิม ห้องพักมันก็แค่นี้ ๆ โซฟาห่างจากประตูห้องน้ำแค่สองก้าว

พี่ปืนเปิดประตูออกมาปอก็ถึงตัวแล้ว

      นี่ไง....พี่ปืนชะโงกหน้าออกมา ปอก็เข้าไปประชิดพอดี

      “อย่าบ่นผมนะครับ พรุ่งนี้ผมมีสอบ”

      ปอรีบดักคอก่อนที่พี่ปืนจะทันได้อ้าปาก กลัวพี่ปืนจะดุว่า บอกให้รอทำไมไม่รอ

      “งั้นปอก็อ่านหนังสือไปแล้วกัน เดี๋ยวพี่ก็จะนอนพักแล้ว”

      ให้มันจริงเท้อะ....พอพี่ปืนล้มตัวลงนอนปอก็คลี่ผ้าห่มคลุมให้จนถึงหน้าอก พี่ปืนยังคงลืมตามองปอ

ไม่ยอมช่วยตัวเอง ปล่อยให้ปอห่มผ้าให้จนเรียบร้อย

      ล้มตัวลงนอนไม่ทันไร พี่ปืนก็เรียกอีก

      “ปอ พี่หิวน้ำ”

      “ครับ”

      ปอวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นไปหยิบแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดให้ ทั้งที่จริงมันก็ห่างแค่มือเอื้อม

แต่คนไข้ที่อาการไม่หนักแล้วคงอยากให้เอาใจ

      “ลุกขึ้นสิครับ นอนอยู่อย่างนี้จะดูดน้ำยังไง”

      ปอต้องวางแก้วน้ำลงก่อน แล้วประคองไหล่หนาของคนไข้ให้ลุกขึ้นนั่งพิงหมอนที่ปออีกนั่นแหละ

หยิบขึ้นมาวางพิงหัวเตียงให้คนไข้นั่งเอนพิงสบาย ๆ

      “เบื่อมั้ยที่ต้องมาคอยดูแลพี่”

      จิบน้ำเสร็จก็อ้าปากถาม....ถามอะไรแบบนั้นก็ไม่รู้ ไม่เคยจะรู้เลยเหรอว่าปอแคร์พี่ปืนขนาดไหน

ที่ทำอยู่นี่ไม่ได้บอกอะไรบ้างเลยหรือไง

      “ไม่หรอกครับ ตอนผมไม่สบายพี่ปืนก็ดูแลผมเหมือนกัน”

      “อืม...ตอบแทนที่พี่ทำให้ปอสินะ”

      “ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจ ยังไงเราก็มีกันสองคนนี่ครับ”

      “งั้นถ้าพี่มีคนคอยดูแล ปอก็จะไม่มาเฝ้าใช่มั้ย”

      “ผมรู้ตัวว่าคงทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ต่างหากครับพี่ปืน บางทีคนอื่นอาจจะดูแลได้ดีกว่า

แต่ในเมื่อพี่ปืนไม่มีใคร ก็ไม่มีทางเลือกนี่ครับ”

      “ใครที่ไม่มีทางเลือก พี่รึปอ”

      “ก็ทั้งพี่ปืนทั้งผมแหละครับ พี่ปืนไม่มีทางเลือกเพราะ ไม่มีใคร แล้วก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ส่วนผม....”

      ...ไม่มีทางเลือกเพราะหัวใจผมมันดื้อ ทั้งที่รู้ว่าควรอยู่ให้ห่าง ก็ยังจะพาตัวเข้าใกล้....

      “ผมไม่มีทางเลือก เพราะพี่ปืนเป็นพี่ชายคนเดียวที่ผมมี พี่ปืนดูแลผม ทำให้ผมทุกอย่าง

ถึงเวลานี้จะให้ผมทิ้งไปได้ยังไง”

      “ขอบใจนะที่ปอไม่ทิ้งพี่”

      “ไหนว่าจะนอนไงครับ ผมจะได้อ่านหนังสือ”

      “พี่ขอนั่งอีกซักพักดีกว่า นอนเยอะ ๆ เบื่อตัวเอง ปอไปอ่านหนังสือเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว”

      พี่ปืนยิ้มให้ปอ แล้วหลับตาลง เพื่อหยุดการสนทนา ปอถอยกลับมานั่งที่เดิม พยายามปรับความรู้สึกให้นิ่ง

ไม่งั้นคงไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือแน่ ๆ พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนน ปอคิดว่าตัวเองพร้อมพอสมควร

แต่การนั่งเฝ้าดูพี่ปืนนอนหลับอยู่ตรงหน้า ก็เป็นสาเหตุให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปได้มากมาย

คงมีเพียงหนังสือเท่านั้นที่พอจะดึงสติเอาไว้ไม่ให้นึกคิดอะไรที่มันเพ้อเจ้อ ฝันไกลเกินตัวไปกว่านี้

      “ปอ”

    ........

      “ปอ....”

      “ครับพี่ปืน”

      ปอเงยหน้าจากหนังสืออีกครั้ง

      “หมอจะให้พี่กลับบ้านวันไหน”

      “คงอีกซักสามสี่วันมั้งครับ ต้องถามพี่นู”

      “แต่พี่ยังไม่หายดีเลยนะ”

      “หมอเค้าให้ไปพักฟื้นต่อพี่บ้านครับ รอให้หายสนิท คนไข้อื่นก็ไม่ต้องใช้ห้องกันพอดี”

      “พูดเหมือนไม่มีเยื่อใยกันเลยนะ”

      อะไรของเค้าเนี่ย....ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอว่า ถ้าคนไข้อาการดีขึ้น หมอก็ต้องปล่อยกลับบ้าน

มีแต่คนไม่อยากเข้ามานอนโรงพยาบาล ปอพูดแค่นี้ทำไมต้องทำเหมือนกับว่าน้อยใจด้วยล่ะ

      “ผมพูดตามความเป็นจริงน่ะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของผมเองตรงไหนเลย

แล้วทำไมพี่ปืนถึงคิดว่าผมไม่มีเยื่อใยล่ะครับ”

      “พี่กลับไปอยู่บ้านแล้วใครจะดูแล”

      “โห ถึงตอนนั้นพี่ปืนก็เดินปร๋อแล้วล่ะครับ ตอนนี้ก็เดินคล่องขึ้นเยอะ โดยที่ผมไม่ต้องประคองก็ยังได้”

      “กะจะทิ้งกันเลยล่ะสิ”

      “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ก็แค่เปลี่ยนจากดูแลที่โรงพยาบาลเป็นที่บ้าน ทำไมพี่ปืนถึงคิดว่าผมจะทิ้ง”

      .....คนเค้าเป็นห่วงแค่ไหน ทำไมถึงไม่รู้บ้างนะ.....

      “ก็...”

      “แค่ผมออกไปอยู่หอพักน่ะ ไม่ได้แปลว่าเราจะขาดจากกันไม่ใช่เหรอครับ รึอย่างน้อยพี่ปืนก็น่าจะรู้ว่า

ไม่มีใครปล่อยให้พี่ปืนอยู่คนเดียวตอนเจ็บไข้ไม่สบายอย่างนี้หรอก พี่นูก็คงมาดูบ้าง”

      “นูเค้าไม่ได้มีเวลามากหรอก แล้วไหนจะต้องดูแลนิวอีก ปอสัญญาว่าจะไปดูแลพี่ที่บ้านด้วยแน่นะ”

      “ไม่ต้องสัญญาหรอกครับ ผมไม่มีวันทิ้งพี่ปืนอยู่แล้ว”

      ....เว้นซะแต่ว่า พี่ปืนจะเสือกไสไล่ส่งผมไปเอง.....เหมือนที่ผ่านมา



ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



  เป็นเพราะปอไม่ได้เข้าไปเอารถพี่ปืนมาใช้ตามที่พี่นิวแนะนำ เช้าวันที่พี่ปืนต้องออกจากโรงพยาบาลถึงได้วิ่งวุ่น

ทิ้งให้คนป่วยรอเป็นครึ่งค่อนวัน ทั้งที่พี่นูก็เตือนก่อนแล้วว่าวันที่ออกจากโรงพยาบาล

ถ้าพี่นิวไม่อยู่คงจะวุ่นวาย แต่ปอก็ยังใจเย็นอยู่ได้

      เรื่องของเรื่องก็เพราะปอจำไม่ได้ว่าเอากุญแจบ้านไปเก็บไว้ที่ไหน

ถ้าจะเอ่ยปากขอกับพี่ปืนก็กลัวพี่ปืนจะว่ากะอีสมบัติเล็ก ๆน้อย ๆแค่กุญแจบ้าน ปอก็ไม่มีปัญญาจะรักษา

อาจจะคิดไกลต่อไปอีกว่าปอไม่อยากจะเข้าบ้านนั้นอีก พักนี้ยิ่งน้อยอกน้อยใจง่ายอยู่

ไหนจะเรื่องที่ปอเปลี่ยนเบอร์โทร ยังไม่รู้ว่าพี่ปืนจะว่ายังไงเลย ถึงปอตั้งใจที่จะหลบหน้าหลบตา

แต่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกพี่ปืนขนาดนั้น ไม่อยากให้พี่ปืนรู้ว่าปอตั้งใจจะตัดขาดกันจริง ๆ


      กว่าคนไข้จะได้ออกจากโรงพยาบาลก็เกือบบ่าย ทั้งที่หมอบอกให้เช็ครายการค่ารักษาได้ตั้งแต่เช้าเลยด้วยซ้ำ

สงสารพี่ปืนที่ต้องนอนรออยู่คนเดียวในห้อง ยิ่งตอนที่ปอเปิดประตูเข้าไป ดูจ๋อยสนิทเลย   

แต่พี่ปืนก็ไม่พูดอะไรสักคำนอกจาก

      “พี่รู้ว่าปอต้องมา นูโทรมาบอกว่าปอจะมารับพี่ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ พี่ก็เตรียมตัวแต่เช้าเลย”

      “ผมเข้าไปเอารถที่บ้านมา ขอโทษนะครับ ที่มาช้า”

      “ไม่เป็นไร แค่ปอมาพี่ก็ดีใจแล้ว”

      บ้านที่เคยเป็นของ “เรา” ดูรก ๆ บอกไม่ถูก ต้นไม้ก็ไม่งาม ไม้ดอกก็ไม่ผลิช่อ

ยิ่งซุ้มไม้เลื้อยของปอยิ่งแล้วใหญ่ กิ่งก้านเกะกะซะจนเกือบจะระพื้น

เพราะช่อดอกที่ปลายกิ่งหนักจนมันโน้มต่ำแทบจะแตะยอดหญ้าอยู่แล้ว

คงไม่มีใครคอยตัดแต่งกิ่งให้มันเป็นรูปเป็นทรง ปอไม่อยู่พี่ปืนก็คงไม่มีเวลา ดีไม่ดีก็คงไม่ได้เหลียวมามองมันด้วยซ้ำ

      ปอลงจากรถเดินไปเปิดประตูรั้วออกกว้างทั้งสองบาน ขับรถขึ้นไปจอดหน้าประตูบ้าน

แล้วก็ย้อนกลับมาปิดประตูรั้ว....พี่ปืนคงยังไม่เห็นหรอกว่า ปอเปลี่ยนกุญแจประตูรั้วใหม่แล้ว

      เมื่อเช้าที่เข้าบ้านไม่ได้น่ะ ปอต้องไปตามช่างกุญแจใกล้มอที่คุ้นเคยกันมาช่วยจัดการให้

ไม่งั้นก็คงไม่มีปัญญาเอารถออกไปแน่ ๆ ส่วนประตูบ้านก็เหมือนกัน กุญแจที่พี่ปืนเคยให้ไว้

ปอก็ทำเป็นลืม ๆ ไม่สนใจจนเผลอลืมไปจริง ๆ ก็ได้ช่างมางัดให้ กว่าจะได้เข้ามาหากุญแจรถ เล่นเอาเหงื่อตก

ก็ไม่คิดจะปกปิดพี่ปืนหรอก แต่ระหว่างนี้ถ้าไม่จำเป็น ปอก็อยากจะให้พี่ปืนพักฟื้นให้หายป่วยก่อน

อยากให้พี่ปืนสบายทั้งกายทั้งใจ อยากได้อะไร จะทำให้ทุกอย่าง ไม่อยากขัดใจ

อย่างน้อยก็เป็นการตอบแทนที่พี่ปืนเคยดูแลปอ และเหนืออื่นใดปอทำตามเสียงเรียกร้องเงียบ ๆ ในหัวใจตัวเองนั่นแหละ

      “พี่ปืนขึ้นไปนอนบนบ้านนะครับ”

      ปอประคองพี่ปืนเดินเข้าบ้าน ผ่านโซฟา และทำท่าจะเดินขึ้นชั้นบน
     
      “หือ...นอนข้างล่างไม่ได้เหรอ”

      พี่ปืนชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวต่อ

      “ไม่อยากขึ้นบ้านเหรอครับ ยังเจ็บแผลอยู่รึป่าว”

      “ก็ไม่มาก แต่ไม่อยากอยู่ข้างบนคนเดียว”

      “เดี๋ยวผมขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อน”

      “แต่ปอก็ต้องลงมาทำอะไรต่ออะไรข้างล่างอยู่ดีแหละ”

      “ก็มีบ้าง ครัวมันอยู่ข้างล่างนี่นาพี่ปืนก็ เสร็จธุระข้างล่างแล้วผมก็ขึ้นไปอยู่ด้วย”

      “นอนห้องพี่นะ”

      “ก็งั้นสิครับ แล้วพี่ปืนจะไปนอนห้องไหนล่ะ”

      “ไม่ใช่ พี่หมายความว่า ปอนอนด้วยกันที่ห้องพี่”

      “ผมจะกลับไปนอนหอครับพี่ปืน”

      “อ้าว....พี่นึกว่าปอจะมานอนค้างที่นี่ซะอีก”

      พี่ปืนเปลี่ยนทิศทางเดินจากหน้าบันไดขึ้นชั้นบน เป็นหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด

ทำท่าราวกับคนหมดแรงเอาดื้อ ๆ

      “ซู้ดดดด”

      ใบหน้าเหยเกขณะที่ต้องเกร็งลำตัว ตอนนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับเอามือกุมแผล

ทำให้ปอเริ่มที่จะเป็นกังวลถึงอาการที่เพิ่งจะฟื้นตัว จะทิ้งไปได้ยังไงกันนะ แต่จะให้ค้างคืนที่นี่งั้นเหรอ.....

      “พี่ปืนอยู่คนเดียวได้นี่ครับ ผมจะทำอะไรไว้ให้เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ถ้าตื่นขึ้นมากลางดึก

ก็ไม่ต้องลงมาทำอะไรข้างล่างอีกแล้ว แล้วผมจะมาใหม่ตอนเช้า....

มาแต่เช้าเลยก็ได้ครับ จะได้มาทำอาหารเช้าให้พี่ปืนด้วย”

      “แล้วถ้าพี่จะเข้าห้องน้ำ”

      “ห้องน้ำในห้องนอนสะดวกจะตายไปครับ เดินสองสามก้าวเอง”

      “ถ้าเผื่อพี่หิวตอนดึก ๆล่ะ”

      “ระหว่างพักฟื้น ยังไงก็ต้องกินตามเวลานะครับ จะได้กินยาตามเวลาไปด้วย ยามื้อสุดท้ายก่อนนอน

ผมจะจัดให้พี่ปืนกินก่อน แล้วค่อยกลับ”

      “ใจคอจะไม่อยู่เป็นเพื่อนพี่เลยเหรอปอ แล้วถ้าพี่ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนต่อไม่หลับล่ะพี่จะมีใครเป็นเพื่อน”

      “ถึงตอนนั้น ต่อให้ผมอยู่ด้วย ผมก็คงจะหลับสนิทนิทรารมณ์ไปแล้วล่ะครับ พี่ปืน”

      ปอพูดขำ ๆ กับอาการโยกโย้โยเยของคนไข้ที่เรื่องมากซะจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะเห็นอาการงอแงของพี่ปืนเลย

ที่เค้าว่าคนป่วยกาย แล้วจิตใจก็พลอยอ่อนแอตามมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

      ในที่สุดปอก็ต้องยอมตามใจพี่ปืนจนได้ ต้องเปลี่ยนแผนการทำกิจกรรมชมรมกันเป็นการใหญ่

ไหนจะรายงานกลุ่ม ไหนจะติวหนังสือกับรุ่นพี่ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับปอ พี่ปืนต้องมาก่อนเสมอ

โดยเฉพาะตอนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้มาก ปอทิ้งเค้าไม่ลง

      ก็จะให้ปอใจดำทิ้งไปได้ยังไง ในเมื่อเห็นอยู่ทนโท่ว่าพี่ปืนต้องการปอแค่ไหน ถึงแม้ว่าความต้องการนั้น

แค่เพียงให้มีใครอยู่เป็นเพื่อน แต่ปอก็คิดว่ามันยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของปอ ที่พี่ปืนขอร้องปอเป็นคนแรก

      การดัดแปลงสภาพห้องรับแขกให้เป็นห้องนอนจึงเริ่มขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีแต่ปอที่เป็นคนจัดการขนฟูกลงมาจากห้องนอนพี่ปืน ฟูกใหญ่ทั้งหนาทั้งหนักถูกวางไว้ชิดผนัง

ชุดรับแขกไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ก็เอาไปเรียงชิดกันไว้อีกด้าน แค่นี้ก็ได้โถงกว้าง ๆ

ที่มีแค่ที่นอน กับโทรทัศน์ พร้อมด้วยโต๊ะรับแขกสำหรับวางสิ่งของจำเป็น แขกไปใครมาไม่ต้องได้นั่งเก้าอี้กันล่ะ

      หลังจากจัดการปูที่หลับปัดที่นอนชั่วคราวเสร็จ ปอก็ลงนอนแผ่อยู่ข้าง ๆ นั่นเอง

      “เสียอยู่อย่างนะ เวลาจะลุกเนี่ย มันเจ็บเป็นบ้าเลยล่ะปอ”

      .....ก็แน่ล่ะ เพราะฟูกวางไว้กับพื้น จะลุกขึ้นครั้งใดก็ต้องเกร็งกันจนปวดแผล แล้วจะให้ปอทำยังไง

ล่ะ ขนเตียงลงมาด้วยดีมั้ยครับพี่ปืน......

      “งั้นก็ไปนอนข้างบนอย่างเดิม”

      “ไม่เอา พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวตอนปอลงมาข้างล่างนี่”

      คนเกือบจะหายป่วยรีบโวยวายก่อน กลัวปอจะทำตามที่พูด

      “งั้นก็อย่าบ่นสิครับ แค่นี้ผมก็แทบหมดแรงอยู่แล้วนะ”

      ปอก็แค่พูดขึ้นมาเพื่อให้พี่ปืนยอมรับความไม่สะดวกบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำให้ แต่พี่ปืนก็คิดไปให้เป็นเรื่องจนได้

      “พี่ขอโทษนะที่เป็นภาระให้ปอ ทำให้ปอต้องลำบาก”

      หน้าคมเข้มที่เริ่มมีไรหนวดจาง ๆ จืดเจื่อนลงจนดูน่าสงสาร

      “ไม่เอาพี่ปืนอย่าพูดอย่างนี้สิครับ....”

      ปอขยับเข้าไปใกล้ ๆที่นอนที่ปูทับด้วยผ้าปูสีน้ำตาลนวล ตรงที่พี่ปืนนั่งอยู่

      “อย่าคิดมากสิครับ ผมขอโทษที่พูดไม่คิด ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมทำให้พี่ปืนได้ดีที่สุดแค่นี้เอง

ไม่ได้หมายความว่าผมลำบาก ต่อให้ลำบากแค่ไหน ถ้ามันอยู่ในวิสัยที่ผมจะทำได้ ผมก็เต็มใจจะทำ

ไม่เคยคิดว่าเป็นภาระเลยนะครับ ผมอยากให้พี่ปืนหายเจ็บเร็ว ๆ อยากให้พี่ปืนอยู่สบาย ๆ แต่ผมก็ทำได้แค่นี้

ผมสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษ เพราะเวลาที่ผมไม่สบาย เวลาที่ผมเป็นทุกข์

พี่ปืนดีกับผมทุกอย่าง ดูแลผมได้ดีกว่านี้เป็นหลายเท่า ผมไม่เคยลืม

แล้วที่ผมพูดแบบนี้ก็อย่าเก็บไปคิดอีกล่ะครับ ว่าผมตอบแทนที่พี่ปืนเคยทำให้”

      ทุกคำที่ปอพูดออกไปคงสื่อถึงความจริงใจที่มีให้พี่ปืน ริมฝีปากที่ยังคงซีดเซียวจึงแย้มได้


      หลังจากทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ปอคิดว่าพี่ปืนเองก็ใช้ความอดทน และช่วยเหลือดูแลตัวเองได้มากขึ้น

เพื่อผ่อนภาระของปอไปด้วย ทำให้ปอมีเวลาเรียนเต็มที่ แม้ว่าเรื่องกิจกรรมบางอย่าง

ปอจะไม่ได้มีส่วนเข้าร่วมเลยก็ตาม แต่เพื่อน ๆ ก็บอกว่าไม่เป็นไร งานส่วนของปอ

มีคนแบ่ง ๆ กันไปทำแล้ว บางคนอยากจะมาเยี่ยม

“พี่ชายของปอ” ที่บ้าน แต่ปอบอกไปว่าไม่สะดวก เพราะคนป่วยไม่พร้อมจะรับแขก

ดังนั้นระหว่างพักฟื้น ที่บ้านจึงมีแค่แขกสองคนไปมาหาสู่เป็นประจำ บางวันก็มากินข้าวด้วยกัน

บางวันก็แวะเอาของกินมาฝาก

      “เอาหมูย่างตรังมาฝาก เจ้านี้อร่อย เค้าขายวันละยี่สิบกิโล ตั้งขายไม่ถึงสองชั่วโมงเกลี้ยง”

      “ขอบคุณครับ”

      ปอยิ้มแก้มปริ พี่นิวจำได้ว่าเป็นของชอบของปอ ผ่านไปทางนั้นเมื่อไรก็มักจะซื้อมาฝาก

แต่คนป่วยกินไม่ได้ทั้งที่เป็นของชอบเหมือนกัน ได้แต่ทำหน้ามุ่ย

      “นี่ของคุณ”

      พี่นิวยื่นถุงกระดาษเนื้อหนาสีน้ำตาลไม่มีหูหิ้วที่ถูกรวบปิดปากถุงด้วยเชือกกล้วยอย่างง่าย ๆ ให้พี่ปืน

      “อะไรน่ะ”

      คนที่ชะโงกหน้าดูด้วยความสนใจไม่ใช่ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นคนที่โดยสารมากับรถพี่นิว

เพื่อมาเยี่ยมพี่ปืนที่บ้านด้วยกัน พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็ตาโต

      “หา....เนี่ยเหรอของเยี่ยมไข้พี่นิว”

      “ซีเรียสอะไรนักนะ”

      พี่นิวตอบเสียงเอื่อย ๆ เหมือนไม่ยินดียินร้าย
     
      พี่ปืนเปิดปากถุงมองลงไปแล้วอมยิ้ม

      “ป่วยอยู่จะกินได้ยังไง”

      พี่นูยังข้องใจไม่ลดละ   
   
      “เจ้าตัวเค้ารู้น่าว่าจะกินได้ไม่ได้ ไปเรากลับเหอะ”

      ว่าแล้วก็ลากข้อมือพี่นูให้เดินตามไปที่รถ

      แขกกลับไปแล้วโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ปอก็ยื่นหน้าเข้ามาดูของเยี่ยมไข้ด้วยคน

      “อย่าบอกว่าพี่ปืนจะกินไอ้น้ำตาลสดนี่นะครับ”

      “ทำไมเหรอ”

      “ยังต้องให้บอกอีกเหรอครับ ว่าพี่ปืนยังไม่หายดี”

      “นิดเดียวเอง”

      “ไม่ได้ครับ ของอื่นมีเยอะแยะไป ผมไม่ให้กินนะ”

      “แต่นี่มันเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินะ กินได้ ไม่มีสารพิษ”

      “กินแล้วมันจะมีผลกับร่างกายยังไงมั่งก็ไม่รู้ พี่ปืนยังไม่แข็งแรงนะครับ”

      “นิวเค้าอุตส่าห์เอามาฝาก”

      “นั่นก็ร้ายนัก เดี๋ยวพี่นูเค้าก็จัดการกันเองแหละ ส่วนพี่ปืนน่ะ ผมไม่อนุญาตนะครับ”

      พี่ปืนวางห่อกระดาษสีน้ำตาลไว้ข้าง ๆ ตัว มองด้วยความเสียดาย เห็นแล้วคงคิดถึงบ้านที่ต่างจังหวัดนู่น

ถ้าร่างกายเป็นปกติจะกินเท่าไรก็ได้ ไม่มีใครว่า แต่ตอนนี้ต้องรู้ตัวเองสิว่า กำลังพักฟื้น ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี

ถ้าเกิดอาการแพ้รึท้องเสียขึ้นมาจะไปกันใหญ่ พี่ปืนคงไม่อยากเข้าโรงพยาบาลอีกรอบหรอกนะ

      “พี่ปืนกินข้าวก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดยาไว้ให้ เสร็จแล้วก็นอนเลย ผมออกไปมอซักสองชั่วโมง แล้วจะกลับ”

      “ไปทำอะไรค่ำ ๆมืด ๆ”

      “ผมไม่ได้เข้าชมรมมาหลายวันแล้ว ว่าจะไปดูงานส่วนที่เพื่อนเค้าทำไว้ให้ซะหน่อยน่ะครับ

ถ้ายังไงผมอาจจะต้องแก้ไข ก็ยังดีกว่าต้องทำเองทั้งหมด”

      พี่ปืนพยักหน้าหงอย ๆ

      “ไม่ต้องรอนะครับ ผมเอารถไปแล้วก็เอากุญแจบ้านไปด้วย กลับมาผมจะไขกุญแจเข้ามาเอง

พี่ปืนนอนดูโทรทัศน์ก่อนนะ รึว่าจะดูหนังมั้ยครับ ผมจะใส่เครื่องเล่นไว้ให้เลย”

      พี่ปืนพยักหน้าอีก ปอจัดการให้ตามที่บอกเสร็จแล้วก็เตรียมตัวออกจากบ้าน
     
      “ผมไปนะครับ”

      “จะเอาไปไหนน่ะ”

      พี่ปืนตะโกนถามเมื่อเห็นปอฉวยถุงเจ้าปัญหาติดมือออกมาด้วย

      “เอาไปฝากเพื่อนที่มอครับ”

      “แต่นั่นนิวเค้าเอามาฝากพี่นะ”

      “พี่ปืนกินไม่ได้หรอกครับ เก็บไว้ก็เสีย น้ำตาลสดน่ะ เค้าต้องกินทันที ไม่งั้นมันจะบูด

นี่ก็ไม่รู้พี่นิวซื้อไว้ตอนไหน อาจจะเสียแล้วก็ได้”

      “ของ ๆ พี่นะ”

   คนป่วยยังไม่วายทวงของ ทั้งที่ยังไงปอก็คงไม่ยอม

      “กินไม่ได้แล้วจะหวงไว้ทำไมครับ”

      “กินได้แต่ปอไม่ให้กินต่างหาก”

      พี่ปืนทำหน้างอ ยังกับเด็กเอาแต่ใจ....นี่แหละเอานิสัยหลานรักของตากับยายมาใช้

แต่มันไม่ได้ผลสำหรับปอหรอก

      “ผมไม่พูดด้วยแล้ว พักผ่อนนะครับ ง่วงก็หลับเลยไม่ต้องรอผม”


      (เกร็ดความรู้เล็ก ๆน้อย ๆ ครับ.....น้ำตาลสด ได้มาจากน้ำหวานของงวง ตาล คือส่วนที่เป็นช่อดอกของต้นตาล

โดยการใช้ มีดคม ๆ ปาดงวงตาลให้น้ำหวานหยด ลงในกระบอกไม้ไผ่ซึ่งรมควันให้แห้งสนิท

ที่ก้นกระบอกไม้ไผ่ใส่ไม้ฝาด เปลือกไม้ตะเคียน พะยอมหรือไม้เคี่ยม 3-4 ชิ้น เพื่อไม่ให้บูด

นำน้ำตาลสดตามปริมาณที่ต้องการ มา ต้มให้เดือด ใส่เกลือป่นเล็กน้อย)


      งานชมรมที่แค่จะมาดูความคืบหน้า ไม่มีอะไรต้องแก้ไข เพื่อน ๆที่แบ่งเอาไปทำให้ ทำได้อย่างดีไม่มีที่ติ

รุ่นพี่รับทราบแล้วว่า งานนี้ปอไม่ได้เป็นคนทำเอง ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ขอให้ออกมาเสร็จสมบูรณ์

พร้อมที่จะออกงานในเดือนหน้าได้ก็พอแล้ว ดูเหมือนรุ่นพี่จะพอใจซะด้วยซ้ำไปว่า รุ่นน้องกลุ่มนี้สามัคคีกลมเกลียวกันดี

มีอะไรก็ช่วยกันทำ ไม่ปล่อยให้งานเสีย

      แต่แทนที่งานไม่มีปัญหา ปอน่าจะกลับได้เลยก็เปล่า เพราะช่วงนี้หายหน้าไปจากกลุ่มเพื่อน

พอโผล่มาทีหนึ่งก็เลยครึกครื้น ตั้งวงกันเป็นที่สนุกสนาน เวลาล่วงผ่านไปถึงค่อนคืนเมื่อไรไม่รู้ตัว

จนเพื่อนสะกิดถามว่า แล้วใครดูแลพี่ชาย...เท่านั้นแหละ ปอถลันลุกออกจากวงไม่เหลียวหน้าเหลียวหลัง

ได้แต่ตะโกนบอกลากลุ่มเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่เคยจะขับรถห้อตะบึงด้วยความเร็วระดับนี้มาก่อน ก็เคยกันคราวนี้


      หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเผื่อพี่ปืนจะโทรเข้าแล้วตัวเองไม่ได้ยิน ก็ปรากฏว่าไม่มี แล้วก็นึกได้ว่า

พี่ปืนยังไม่รู้ว่าปอเปลี่ยนเบอร์โทร...ชิบ...นี่ถ้าพี่ปืนโทรหาเบอร์เดิมล่ะ จะเป็นไง จะแก้ตัวยังไงรึว่าจะพูดความจริงออกไปดี

      คิดไปคิดมายังไม่มีคำตอบ รถก็มาจอดหน้าประตูรั้วเรียบร้อยแล้ว....แสงไฟในบ้านยังเหมือนเมื่อตอนก่อนจะออกไป

ทั้งที่มันเกือบจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อแล้ว พี่ปืนคงหลับแล้ว ตั้งแต่ไม่สบาย ปอก็ให้เข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม

แต่นี่ไฟออกสว่างโร่ พี่ปืนจะหลับตาลงรึป่าวก็ไม่รู้...ไม่น่าเลยปอเอ๊ย

      คนป่วยนอนหันหลังให้ประตูบ้าน จะว่าหลับหรือเปล่าปอก็ไม่รู้หรอก โทรทัศน์ปิดแล้วมีแต่เสียงเพลงเบา ๆ

ปอเปิดประตูเข้ามาพี่ปืนก็ยังไม่ขยับตัว ก็เลยย่องขึ้นบนบ้าน เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

แล้วลงมานอนเฝ้าพี่ปืนเหมือนทุกคืน


        คิดว่าตัวเองหายไปทำธุระไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง กลับลงมาพี่ปืนก็ยังนอนท่าเดิม

....นี่เค้าไม่เมื่อยมั่งรึไง

    ที่จริงปออยากให้นอนหงายมากกว่า จะได้ไม่กระทบกระเทือนแผล แต่คนป่วยอาจจะรู้สึกสบายในท่านั้น

ก็คงแปลว่าแผลไม่เจ็บแล้ว

      ปอเดินไปปิดไฟกลางบ้าน แล้วเดินมาเปิดโป๊ะไฟที่วางไว้ข้างตัวให้มีแสงสว่างลาง ๆ

พอให้หยิบอะไรโดยไม่ต้องเปิดไฟดวงใหญ่ พอล้มตัวลงนอน ถึงได้รู้ว่าพี่ปืนยังไม่หลับ

      “พี่โทรไปทำไมไม่รับสาย”

      เสียงจากคนที่นอนหันหลังให้ เรียบสนิท ไม่มีอาการงัวเงียอย่างคนตื่นนอน

      “เอ่อ....ผม....ผมไม่ได้ยินครับ กำลังทำงานยุ่ง ๆน่ะ ขอโทษนะครับพี่ปืน”

      “ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนเบอร์โทรแล้วหรอกเหรอ”

      “เอ้อ...ผม....”

      “ไม่คิดจะบอกพี่เลยเหรอ นี่ถ้าไม่รู้จากนูซะก่อน พี่จะได้รู้มั้ยว่าปอเปลี่ยนเบอร์แล้ว”

      “ผม...”

      “เอาเถอะ ต่อไปจะพี่ไม่โทรหาปอแล้วก็แค่อยากรู้ว่าปอจะกลับตอนไหน พี่อยู่คนเดียวบ้านมันเงียบ ๆ....”

      “....พี่เหงา”

      เสียงของคนที่บอกว่าเหงา ทอดแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน

      “ผมขอโทษครับพี่ปืน”

      “ช่างเถอะ พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าปออยู่แล้ว แค่....”

      คำพูดขาดลงเพียงแค่นั้น ตามมาด้วยการถอนหายใจแทน

      “เดี๋ยวนี้พี่ไม่เคยได้รู้เรื่องอะไรของปอเลย สำหรับปอ พี่คงไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”

      “ไม่จริงนะครับพี่ปืน ถ้าผมคิดอย่างนั้นผมจะมานอนเฝ้าทุกคืนทำไม”

      พี่ปืนเงียบไป ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา พอเงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง ดูว่าพี่ปืนคงไม่ติดใจอะไรอีก

ปอก็ขยับตัวให้นอนสบาย ๆ ต่างคนต่างนอนกันคนละฟากของฟูก แต่สองสามคืนมาแล้วที่ตื่นเช้าขึ้นมา

ปอกลับพบว่าตัวเอง เข้าไปนอนซบกับไหล่พี่ปืน ไม่รู้ว่าพี่ปืนจะรู้สึกตัวบ้างหรือเปล่า

แต่ปอก็ตื่นก่อนทุกครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ ส่วนพี่ปืนยังหลับสบาย

.......คงไม่รู้หรอกมั้ง


      หลาย ๆ วันเข้าความเคยชินที่ได้กลับมาอยู่ “บ้านของเรา” ก็คืนมา จนบางครั้งปอไม่ได้นึกถึงเลยว่า

ครั้งนั้นที่ตัวเองต้องระเห็จออกไปอยู่หอพัก เป็นเพราะพี่ปืนเป็นคนเสนอแกมบังคับ

จนพี่ปืนพูดเรื่องให้ปอย้ายจากหอกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม ปอก็ได้สติ

      “ผมอยู่หอก็สบายดีแล้วครับ”

      “จะได้ไม่ต้องไป ๆมา ๆไง มันเหนื่อยนะ”

      “ก็แค่ชั่วคราวนี่ครับ พอพี่ปืนหายดีกลับไปทำงานได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม”

      “อืม....พี่รู้ว่าที่ปอคิดแบบนี้ เพราะพี่เป็นคนบอกให้ปอย้ายออกไปใช่มั้ย

ปออยากให้พี่รู้สึกผิดที่เป็นคนไล่ปอออกไปอยู่ตามลำพัง”

      “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ ความจริงแล้วผมว่าดีซะอีก ที่พี่ปืนพูดขึ้นมาตอนนั้น

เพราะผมเองจะได้เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องซะที”

      “อะไรที่ปอคิดว่ามันไม่ถูกต้อง”

      “ทุก ๆอย่าง”

      “เช่น...”

      “เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลย”

      ปอยักไหล่ ทำท่าไม่แคร์เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน เป็นแค่เรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นมา

และไม่เห็นจะต้องให้ความสำคัญ สมควรที่มันจะต้องกลับไปสู่ความจริงที่ว่า

....คนสองคนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน อยู่ด้วยกันนานเกินไป

และควรจะถึงเวลาไปตามทางของตัวเองได้แล้ว

      “ก็ไหนปอบอกว่าอยากมีพี่ชาย พี่ไม่ดีพอสำหรับคำนั้นแล้วรึไง”

      “พี่ปืนก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความอย่างงั้น อย่าพูดประชดผมสิครับ ผมแค่ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้

.....เอาเป็นว่า ผมออกไปอยู่หอพัก ส่วนพี่ปืนก็อยู่บ้าน ว่าง ๆ เราก็นัดเจอกัน ถ้าผมว่างก็แวะมาหาที่บ้าน

มาทำอะไรกินกัน วันไหนพี่ปืนว่างก็แวะไปหาผมที่หอบ้าง ดีมั้ยครับ”

      ทุกคำที่พูดบอกพี่ปืนไป ใช่ว่าปอจะไม่รู้สึกอะไรเลย การตัดสินใจเดินออกจากชีวิตพี่ปืนไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ก้าวแรกที่ปอได้ทำมาแล้วคือการออกมาอยู่ตามลำพัง ก็น่าจะทำให้ก้าวต่อไปง่ายขึ้น และปอน่าจะเจ็บน้อยลง

      ที่ต้องมาดูแลพี่ปืนระหว่างนี้ ก็นับว่าปอได้ใช้ความเข้มแข็งและกำลังใจทั้งหมดที่มีทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้ว

จะว่าไปก็เหมือนบททดสอบครั้งสำคัญที่จะทำให้ความรู้สึกที่เคยมีพลิกผันไปเป็นความรู้สึกอย่างพี่น้องตามที่พี่ปืนต้องการ

แต่โลกนี้ช่างมีบททดสอบมากมายเหลือเกิน อย่างเช่นตอนนี้ ที่พี่ปืนพยายามให้ปอกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม

เพื่ออะไรปอก็ไม่อยากจะรู้ แต่ปอตั้งใจจะไม่ย้อนกลับมาเป็นอย่างเก่าอีกแล้ว

กว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่ปอไม่รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีอะไรเสียดแทงในช่องอก

ปอต้องต่อสู้กับความอยากพบอยากเจอ อยากเห็นหน้าคนที่ตัวเองรัก

และต้องอดทนอดกลั้นต่อความคิดถึงที่มันรุมเร้าอยู่ภายในแค่ไหน....ไม่มีใครรู้

แล้วจะให้กลับมาร่วมชายคาเดียวกันอีกอย่างนั้นหรือ

กลับมาเป็นฝ่ายที่ต้องเก็บกดอารมณ์รัก ไม่ให้แสดงออกมา อย่างที่เคยทำ

ถึงแม้จะเคยทำได้ แต่ปอก็ไม่อยากทำมันอีก....ไม่อยากกลับมาทรมานอย่างนั้นอีกแล้ว

      ปอหวังว่าพี่ปืนคงไม่ผิดหวังอะไรนักกับคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของปอ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ทำไมจะรักกันไม่ได้ล่ะ?

 :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด