อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ  (อ่าน 88632 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 11/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #30 เมื่อ11-05-2012 23:02:45 »



โพสท์เสร็จแล้วผมจะแวะมาใหม่นะครับ อ้อ ผม + น้องเป็ดให้ทุกคนด้วย

ตอนนี้ แทนคำขอบคุณได้เพียงเท่านี้ครับ

เทคนิคอื่นยังทำไม่เป็น รึว่า มันต้องมีั level ก็ค่อยว่ากันไป






“มีอะไรรึป่าว ไหนเล่าให้พี่ฟังก่อนซิ”

 ปืนพยายามบังคับเสียงไม่ให้แสดงออกถึงความร้อนรนในใจมากจนเกินไป อย่างน้อยเขาต้องตั้งสติ

เพื่อจะรับรู้ปัญหาของปอ เพราะถ้าเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แล้วเขาจะช่วยแก้ปัญหาของปอได้ยังไง

“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ”

“อ้าว! ก็บอกพี่มาตอนนี้เลยสิปอ ทำไม...เป็นอะไร”

“เดี๋ยวผมขึ้นไปนะ ผมรอลิฟท์อยู่”

 รอลิฟท์? ปืนงง ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“แล้วนี่อยู่ไหน”

“ผมอยู่ข้างล่าง เค้าซ่อมลิฟท์อยู่อ่ะ”

โธ่เอ๊ย! ที่แท้ปอก็มาถึงอพาร์ทเมนท์แล้ว นั่นยิ่งทำให้ปืนยิ่งร้อนรนทนไม่ไหว จนรออยู่ในห้องเฉย ๆ ไม่ได้

“งั้นก็อยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวพี่ลงไป”

ปอโทรศัพท์มาจากที่ล็อบบี้นี่เอง...มิน่า หน้าจอโทรศัพท์มันถึงโชว์เบอร์ส่วนตัว

ปืนก็นึกว่าใช้เครื่องสาธารณะที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพ


ปืนกระโจนลงจากบันไดราวติดปีกก็ว่าเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันใจอยู่ดี

สารรูปปอเท่าที่เห็น ทรุดโทรมผิดตา ไรหนวด และเคราจาง ๆ เป็นเงา

ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงไม่ได้เอาใจใส่ตัวเองอย่างที่เคยทำ

ปืนเห็นแล้วปวดหนึบไปทั้งใจ.....แค่เดาเอาเองก็มีหวังถูก ไม่ใช่เรื่องเรียน ไม่ใช่เรื่องกิจกรรม

 ก็เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียว

“พี่ปืน” ปอแทบจะถลาเข้ามากอดปืนไว้ทั้งตัว แต่ปืนไหวตัวก่อน มันไม่ใช่สถานที่ที่จะทำอะไรประเจิดประเจ้อได้

ปืนยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่ เพราะหน้าที่การงานและสังคมที่แวดล้อมตัวเขา

ถึงปอจะยังไม่ได้คิดอะไรกับปืนนอกจากคำว่า ‘พี่ชาย’ แต่ปืนก็ไม่กล้ารับประกันตัวเองว่าเขาจะเก็บอาการได้ดีแค่ไหน

         “ทำไมหน้าตาดูไม่ได้แบบนี้”

        ปืนลากแขนปอให้เดินตามไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกติดผนังด้านหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากเคาน์เตอร์

 เพราะมีต้นไม้และฉากบังตากั้นอยู่ และทันทีที่นั่งลงได้ ปอก็กลับไปเป็นปอคนเดิมในวันที่เจอปืนเป็นครั้งแรก

ที่ดูหวาดหวั่น และไม่มั่นใจ

          ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มเฉียงขึ้น เหนือดวงตาดำในกรอบตาคม แววตาที่เคยสดใสร่าเริง วันนี้ยังเหลือร่องรอยแดงช้ำ

ที่บอกไม่ได้ว่าเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก หรือ เป็นเพราะอดหลับอดนอนกันแน่

ปืนรู้เพียงว่าปอคงได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก  น้ำใส ๆ ที่คลอเบ้าจวนเจียนจะหยดก็เป็นอันหยาดลงบนแก้มขาว

ที่ตอนนี้ซีดสลดหมดสีสัน ริมฝีปากแดงฉ่ำระเรื่อกลับซีดมิหนำซ้ำยังแตกแห้งเป็นขุย

   “พี่ปืน”

   ปืนเข้าใจดีว่าปอคงจะบอบช้ำเต็มที แต่ปอจะรู้มั้ยว่า พี่ปืนคนนี้ก็ไม่ได้เจ็บปวดน้อยไปกว่าปอเลย

   “มีเรื่องอะไร เนยใช่มั้ย”

   “เนยเค้าบอกเลิกผมแล้วอ่ะพี่ปืน เค้าบอกว่าผมไม่สนใจเค้า ไม่เข้าใจเค้า”

   “ก็ยังไงล่ะ”

ปืนได้ยินเสียงแหบพร่าของตัวเองถามออกไป

   “ผมไม่รู้จริง ๆนะพี่ปืนว่าเนยเค้าเกิดวันไหน เค้าเลี้ยงฉลองวันเกิดกัน แล้วผมไม่ได้ไป เค้าหาว่าผมลืมวันเกิดเค้า

 ผมไม่เคยรู้เลยว่าเค้าไม่พอใจที่ผมมัวแต่ทำกิจกรรม เค้าไม่เคยบอกผมว่าเราต้องไปทานข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน

 ไม่เคยบอกผมว่าทุกครั้งที่เค้าเห็นเพื่อนอยู่กับแฟนมันทำให้เค้าน้อยใจที่ผมไม่ใส่ใจเค้าแบบนั้นบ้าง เค้าไม่เคยบอกผม

แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงอ่ะพี่ปืน ฮือ ๆ”

   โธ่ถังเอ๊ย! เจ้าปอ ช่างไม่เดียงสาซะจริง ๆ คนที่เค้ารักกันอ่ะนะ ไม่ต้องรอให้เค้าบอกหรอก....

ความรักมันจะสอนเองว่าเราควรจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารักบ้าง เหมือนกับที่ปืนก็กำลังทำอยู่นี่ไง

   ปืนได้แต่ลูบหัวปลอบใจปอ ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ เพราะหัวใจตัวเองก็กำลังระบมไปหมด

   “แล้วทำไมไม่คุยกันดี ๆ บอกให้เค้าเข้าใจรึป่าว ผู้หญิงอ่ะนะ เวลาโกรธก็ไม่ฟังอะไรหรอก

รอให้เค้าอารมณ์เย็นลง ก็พอจะพูดกันได้”

              “ไม่มีทางหรอกพี่ปืน เค้าบอกเลิกผมได้สองสามวัน เค้าก็ควงผู้ชายคนใหม่ให้ผมเห็น

ผมอุตส่าห์ตามไปง้อที่หอเค้าตั้งหลายครั้ง เนยเค้าก็ไล่ผมยังกะหมูกะหมา อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว

....พี่ปืน ผมไม่กลับไปแล้วนะ”

   ปืนปล่อยให้ปอฟูมฟายสักพักก็ค่อยซาลง ปอยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาอย่างง่าย ๆ

เห็นแล้วปืนอยากจะเป็นคนจูบซับน้ำตานั่นเสียเอง แต่มันเป็นไปไม่ได้

มีเงื่อนไขอะไรตั้งหลายอย่างที่ทำให้ปืนไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเอง

และยิ่งกว่าเงื่อนไขใด ๆ ปืนต้องนึกถึงแม่กับป๊าของปอให้มาก ๆ ท่านทั้งสองคงอยากเลี้ยงหลาน

 และปืนเองก็ไม่สามารถทำให้ท่านสมหวังได้....ลำบากจังว่ะ

ทำไมต้องมาหลงรักไอ้เด็กคนที่มันเป็นลูกชายคนเดียวด้วยวะ เออ....ก็พูดไปได้ ยังกับว่าปอมันคิดจะโอเคกับปืนงั้นแหละ

   “แล้วนี่ไม่เรียนรึไง ถึงได้กลับมาตอนนี้เนี่ย ช่วงนี้มันกำลังสอบไม่ใช่เหรอ”

   “ผม....”

   “เอางี้ดีกว่า ไหน ๆ ก็มาแล้วขึ้นไปคุยกันข้างบนก่อนแล้วกัน ไหนกระเป๋า”

   ปืนเหลียวซ้ายแลขวาหากระเป๋าเสื้อผ้าของปอ

   “ไม่มี ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลย”

   ปืนถึงกับอึ้งไปเลย อะไรของมันเนี่ย

   “ไป ๆ ขึ้นห้องก่อน”

   แต่ด้วยเหตุที่ลิฟท์ยังซ่อมอยู่ ทั้งคู่ก็เลยต้องเดินขึ้นบันไดแทน ยังขึ้นไม่พ้นชั้นแรกดีด้วยซ้ำ

เจ้าปอก็ทำท่าจะทรุดนั่งลงตรงที่พักบันไดนั่นเอง

   “ผมเดินไม่ไหวอ่ะพี่ปืน”

 เสียงอ่อย ๆ ท่าทางเหมือนจะหมดลมหายใจเอาดื้อ ๆ ทำให้ปืนต้องลงทุนหมดตัว

   “เอ้า! ขึ้นมา”

 ปืนย่อตัวลงให้ปอเกาะหลังเขา

   “พี่ปืน”

 ปอท่าทางตกใจ คงคิดไม่ถึงว่าปืนจะทำได้ขนาดนี้ แต่เพื่อปอน่ะเหรอ น้อยกว่านี้ได้ไงสำหรับปืน

   “มาเหอะ จะได้ไปอาบน้ำนอนซักตื่น แล้วค่อยคุยกันนะ”


   ท่าทางหงอย ๆ ที่ตะกายเกาะหลังปืน ทำให้เขาแทบหลั่งน้ำตา ก่อนจะจากกัน ปอยังดูร่าเริง สดใส ราวกับนก

ที่พร้อมจะกางปีกร่อนไปในท้องฟ้ากว้างเพียงแค่ไม่กี่เดือนปีกก็หักกลับมาซะแล้ว

จะมีทางไหนที่พี่ปืนจะช่วยซ่อมแซมปีกให้ปอได้รึเปล่าหนอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2012 23:06:09 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 11/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #31 เมื่อ11-05-2012 23:10:30 »



กว่าจะพาตัวเองกับเจ้าปอที่เกาะหลังขึ้นมาถึงห้องได้ ปืนก็แทบจะรากเลือด ก็มันหนักไม่ใช่เล่นนี่นา

ปอสูงขึ้นมากเท่า ๆ กับเขาแล้ว เพียงแต่โปร่งบางกว่ากันหน่อย ตามประสาวัยรุ่นที่ยังโตไม่เต็มที่

   ปืนปล่อยปอลงยืนกับพื้น เพื่อรูดการ์ดผ่านประตูเข้าห้อง หันไปดูปอยืนก้มหน้า ไหล่ห่อคอตก

เห็นแล้วปืนก็คิดแค้นคนที่ช่างทำกับปอได้ลงคอ

ประเดี๋ยวเถอะ จะถามให้ได้เรื่องเลย ปืนมีความเชื่ออยู่ว่า ปอเป็นเด็กที่อ่อนโยน และช่างเอาใจมาแต่ไหนแต่ไร

การที่เนยบอกเลิกกับปอต้องมีเหตุผลที่ฟังได้ ไม่งั้นปืนไม่ยอมแน่ ยังหรอก....ปืนยังไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้ตัวต้นเหตุ

หรือบางทีปืนอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเลยก็เป็นได้ แต่เวลานี้ เขารู้แค่ว่า ถ้ามันอยู่ใกล้ ๆ มันต้องเจ็บตัวแน่

   “เข้าห้องป่ะ”

หลังไหล่ที่บอบบางของปอ ยิ่งทำให้ปืนรู้สึกอยากปกป้อง ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้ปอของเขาต้องอยู่ในสภาพอย่างนี้

มันควรต้องชดใช้

   “อาบน้ำนะ เดี๋ยวพี่ทำโจ๊กให้กิน เสร็จแล้วจะได้นอนซักงีบ”

 ก็โจ๊กซองสำเร็จรูปนั่นแหละ หนุ่มโสดอย่างเขา ช่วยตัวเองได้แค่นี้ก็เยี่ยมแล้ว ปืนพูดพลาง

หยิบผ้าขนหนู เสื้อยืดและกางเกงใส่สบาย ๆ ยื่นให้ปอ ซึ่งก็รับด้วยท่าทีซังกะตาย

   “ผมไม่หิว”

   “กินนิดนึงก็ยังดี โจ๊กใส่ไข่นะ ใส่น้ำเยอะ ๆ กลืนได้เลย ไม่ต้องเคี้ยว”

ปืนไม่เคยเอาใจใครมากเท่านี้นะ แต่คราวนี้เขาเต็มใจทำทุกอย่างให้ปอ นี่ถ้าเกิดมันอยากกินหูฉลามน้ำแดง

สงสัยปืนก็คงต้องวิ่งออกไปซื้อให้มั้ง

   ปอเดินระทดระทวยไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตูไปสักพักใหญ่ ก็ตะโกนออกมา

   “พี่ปืน แปรงสีฟันอ่ะ”

   “อ้อ...เดี๋ยวนะ มันอยู่ข้างนอก”

 ปืนหยิบแปรงสีฟันที่มักจะซื้อเก็บไว้ออกมาจากชั้นวางของใช้ที่อยู่ในครัวเล็ก

   “ออกมาเอามะ”

ปืนเคาะประตูสองสามที ก็ไม่มีทีท่าว่าปอจะเปิด

   “ปอ....เปิดประตูซิ”

   “ไม่ได้ล็อคอ่ะ พี่ปืนเปิดเข้ามาเลย”

   ปอตะโกนตอบมาท่ามกลางเสียงน้ำจากฝักบัวดังซู่ซ่า ปืนนึกรู้ว่าถ้าเปิดเข้าไปจะเจออะไร มือเริ่มสั่น

ยังไม่กล้าพอที่จะเปิด  ถึงจะสนิทสนมกันแค่ไหน แต่ก็ยังไม่เคยเลยซักครั้งที่ทั้งคู่จะเปิดเนื้อเปลือยตัวให้เห็นกันจะ ๆ

อย่างน้อยก็ต้องมีกางเกงว่ายน้ำตัวน้อยเป็นปราการด่านสุดท้าย ปืนยืนสองจิตสองใจอยู่สักพัก

ปอก็ตะโกนออกมาอีกที

   “พี่ปืน แปรงอ่ะ”

   “มาแล้ว ๆ”

 ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ไม่ได้ผิดไปจากมโนภาพซักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ปืนค่อย ๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ปอยังเหลือด่านสุดท้ายเกาะติดสะโพกเพรียวอยู่....ไม่น่าคิดไปล่วงหน้าเล้ย.....ไอ้ปืน

   “พี่ปืนยาสระผมเข้าตา แสบอ่ะ”

   “ลืมตาดิ เปิดฝักบัวแรง ๆ หน่อย ให้น้ำมันชะออกไป”

   “เปิดให้หน่อย ผมมองไม่เห็น”

เออ...ไอ้เจ้านี่ มันไม่ยอมช่วยตัวเองเอาซะเลย บ่นในใจไปงั้นเองเพราะปืนก็เอื้อมมือไปเปิดให้อยู่ดี

ความที่กลัวน้ำจะกระเด็นใส่เสื้อผ้า ปืนก็ต้องเอื้อมซะสุดแขน มัวแต่มองก็อกน้ำ ไม่ทันดูว่าไอ้คนที่มันบอกว่าแสบตา

 ตอนนี้มันลืมตาได้ทั้งสองข้าง พร้อมกับหยิบฝักบัวที่แขวนอยู่ออกมารดใส่ปืนเต็ม ๆ จนเปียกแฉะตั้งแต่ชั้นนอกถึงชั้นใน

   “เฮ้ย! อะไรเนี่ย เปียกหมดเลย”

   “ฮ่า ๆ ๆ”

คนที่จะเป็นจะตายอยู่เมื่อสิบนาทีที่แล้ว ตอนนี้หัวเราะปากกว้าง เสียงดังคับห้องน้ำ

   “เล่นอะไรเนี่ย”

 เปล่าหรอก ปืนไม่ได้โกรธอะไรเลย กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงหัวเราะร่าของปอ ดีกว่าเห็นน้ำตาเป็นไหน ๆ

   “พี่ปืนก็มาอาบน้ำกะผมอีกรอบมั้ยอ่ะ”

   “ซนแล้วไอ้เจ้าปอ พี่อาบแล้ว”

   “เราไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยนะพี่ปืน”

   คิดอะไรของมันอยู่เนี่ย

   “สมัยเด็ก ๆ ผมเคยเห็นเพื่อนมันอาบน้ำกับพี่ชายมันดูแล้วน่าสนุก ผมยังแอบอิจฉามันเลย

อยากมีพี่ชายอย่างนั้นมั่ง ตอนนี้ผมก็มีพี่ปืนแล้ว พี่ชายจะไม่อาบน้ำกับน้องชายหน่อยเหรอครับ”

   เฮ้อ.....ปืนทนลูกอ้อนได้ที่ไหน แพ้เจ้าปออีกตามเคย สองคนเล่นน้ำกันจนตัวซีด กว่าจะออกมาเช็ดตัวได้

แต่ปืนก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปอสระผมให้ปืนทั้งที่มันก็มีอยู่กระจุกนึงเนี่ยแหละ แต่มีคนนวด ๆ เกา ๆ

มันก็สบายดีเหมือนกัน ส่วนผมของปอสระจนสะอาดแล้ว ปืนก็เลยชะโลมครีมนวดให้ ผมของปอเริ่มยาวเลยบ่า

 เส้นเล็กนุ่มมือดีจริง ๆ จากนั้นก็ผลัดกันถูหลัง ปืนมีรังบวบสำหรับถูตัว นาน ๆ จะได้ใช้ซักที แต่ก็ไม่เคยใช้ถูหลัง

 เพราะเอื้อมไม่ถึง คราวนี้ได้เจ้าปอช่วยถูให้ ก็เจ็บ ๆ มัน ๆ ดี

   “พี่ปืนไม่ไปลงอ่างกะเค้ามั่งเหรอ”

ปอหมายถึงสถานอาบ อบ นวด ที่ปืนเลิกไปนานแล้ว

   “ทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็กมารู้เรื่องอ่าง”

ปืนหมั่นไส้ ก็เลยเอาแปรงที่กำลังสางผมให้ปอ เคาะกะโหลกไปทีนึง

เจ็บก็คงไม่เจ็บสักเท่าไร แต่มันดันแหกปากร้องซะ

   “โอ๊ย!....เด็กเล็กที่ไหน ผมโตแล้วนะ”

   ปอคลำหัวป้อย ๆ

   “ถามจริง พี่ปืนเที่ยวอีกรึป่าวอ่ะ”

   “ถามทำไม”

   “อยากรู้”

   “อยากรู้รึอยากไป”

   “ก็จะพาไปมะล่ะ”

   “นี่แน่ะ....ยิ่งโตยิ่งทะเล้นนะ”

   “ไม่ไปก็ได้”

 นิ่งไปอึดใจ ปอก็เกิดคำถามใหม่

“แล้วตกลงพี่ปืนไม่มีแฟนซักคนเลยเหรอ”

   “มายุ่งอะไรเรื่องพี่อีกล่ะเนี่ย”

   ปอถามมา ปืนก็ตอบไปบ้าง โยกโย้เอาบ้าง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้คำตอบไปจริง ๆ ปืนแค่เห็นปอพูดคุยได้เรื่อย ๆ

ก็เลยคิดว่าดีกว่าปล่อยให้อยู่เงียบ ๆ คนเดียว ซึ่งอาจจะทำให้ปอเศร้าซึมลงไปอีก

   หลังจากเป่าผมให้ปอจนแห้งสนิท ปืนก็ให้นอนบนเตียง นั่นก็บ่ายคล้อยแล้ว ดูเหมือนปอจะสดชื่นขึ้น

พูดคุยได้อย่างร่าเริง ยังมีเสียงหัวเราะบ้าง แค่นี้ปืนก็สบายใจแล้ว แต่อย่านึกนะว่าปืนจะลืมสาเหตุที่ทำให้ปอเป็นแบบนี้

เขาแค่รอเวลาให้ปอได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ สักวันสองวัน คราวนี้ล่ะ ปืนจะเริ่มสอบสวนต้นสายปลายเหตุซะที

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 11/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #32 เมื่อ11-05-2012 23:17:50 »



ย่างเข้าวันที่สาม ปืนก็รู้สึกว่าปอเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม ดูหนัง ฟังเพลง เล่มเกมออนไลน์ได้

แถมบางทีมีร้องเพลงหงุงหงิง ๆ อีกต่างหาก น่าจะถึงเวลาที่ต้องพูดเรื่องที่ปืนยังคาใจได้ซะที
   
   ดังนั้น หลังจากพิซซ่าเดลิฟเวอรี่ ถาดใหญ่ มันฝรั่งทอด กับปีกไก่ ตบท้ายด้วยเป็บซี่ผ่านไปเรียบร้อย

 โดยที่ไม่มีแก้วแตกสักใบ (เพราะเป็นแก้วเมลามีน) ปืนก็เริ่มต้นบทสนทนา

   “แล้วนี่จะขึ้นกรุงเทพเมื่อไหร่เนี่ยฮึ ปอ”

   ปอเช็ดมือ เช็ดปาก ก่อนจะตอบหน้างอ ๆ

   “ผมบอกแล้วว่าไม่กลับไปแล้ว พี่ปืนก็ยังจะมาถาม”

   ไอ้เจ้านี่พูดจาเป็นเด็กอมมือ

   “ถึงไม่คิดจะกลับไปเรียน ก็ต้องกลับไปจัดการอะไร ๆ ให้มันเรียบร้อยก่อน”

   ปอเงยหน้าจากถาดพิซซ่าเปล่า ๆ ที่กำลังลำเลียงลงถุงขยะ

   “ถ้าผมไม่ไปอ่ะ”

   “อย่างน้อยก็ต้องไปลาออกจากมหาวิทยาลัย จัดการเรื่องหอพัก”

 ปืนพยายามให้สติ

   “แล้วข้าวของทั้งหลายแหล่ถ้าไม่อยากขนมาก็ทิ้งไว้งั้นก็ได้ตามใจ”

เสียดายเหมือนกันนะเว้ย

   “ผมไม่อยากไป ไม่รู้จะมองหน้าเพื่อนได้ยังไง”

   “แล้วปอไปทำอะไรที่มันเสียหายเหรอ ถึงต้องอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร”

 ปืนเสียงอ่อนลง

   ปอส่ายหน้า ดูมันสลดลงจนเห็นได้ชัด จากที่อารมณ์พอจะรื่นเริงบ้าง ก็กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว

   “พร้อมจะเล่าให้พี่ฟังรึยัง”

   “ผมไม่อยากพูดถึง”

   “ก็ตามใจ งั้นพี่ก็คงไม่มีอะไรจะพูดกับเราอีกแล้ว”

 ปืนขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ ลองทำเป็นไม่สนใจดูซิ จะทำยังไงต่อไป เรียนก็ไม่เรียน แต่ไม่ยอมไปลาออก

จะเอายังไงก็ไม่เลือกเอาสักทาง ปืนอยากจะช่วยก็เลยไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน

   “ไม่รู้ป๊ากับแม่จะว่ายังไงมั่ง ถ้าผมจะไปลาออก”

   “พี่ถึงถามปออยู่นี่ไงว่าตัดสินใจว่าไง เพราะก่อนที่จะเราจะทำอะไรกันต่อไป ปอต้องคุยกับที่บ้านก่อน”

   “พี่ปืนไปเป็นเพื่อนผมได้มั้ย”

 ปอช้อนตามองปืน ต่อให้ปอไม่ใช้แววตาขอร้อง ปืนก็ต้องตอบคำเดียวกันว่า

   “ได้”

ปืนตอบอย่างไม่ลังเล เพราะเท่าที่ทนดูอาการเงื่องหงอยของปอมาหลายวัน มันก็ทำร้ายจิตใจเขามากพอดูอยู่แล้ว

ถ้าเพียงแต่จะทำให้ปอมีกำลังใจที่จะก้าวไปข้างหน้า ทำชีวิตให้ดีขึ้น ไม่จมปลักกับเรื่องรักน้ำเน่า

ยากกว่านี้ปืนก็เต็มใจทำเพื่อปอ

   “ไปกรุงเทพนะ”

 ปอย้ำเหมือนกลัวว่าปืนจะเข้าใจผิด

   “ไปบ้านปอด้วยยังได้”

 แค่ปอบอกว่าอยากให้ปืนอยู่เคียงข้างในวันที่ต้องการกำลังใจ ไม่มีทางที่ปืนจะปฏิเสธ

   “จริงนะ”

 ปอทิ้งอะไร ๆ ทุกอย่างที่อยู่ในมือ ริมฝีปากที่เริ่มฉ่ำด้วยเลือดฝาดคลี่ขยายยิ้มจนเห็นไรฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ

แววตาเปล่งประกายสุกใส เพียงเท่านี้ที่ปืนอยากจะเห็นบนใบหน้าของปอ ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนที่เขาลงไปรับที่ล็อบบี้

เมื่อสองสามวันก่อน พร้อมกับร่างกายที่ซูบโทรม

   “ไม่จริงมั้ง”

 ปืนยิ้มรับ และปอเองก็คงรู้ว่าคำพูดของปืนแค่ล้อเล่น ปืนจึงได้รับอ้อมกอดแน่น ๆ แบบเต็มเวอร์ชั่นจากปอ

   “ถ้าไม่มีพี่ปืนซะคนผมจะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้ ขอบคุณครับ ผมรักพี่ปืนที่สุดเลย”

   ....พี่ก็...รักปอ....ที่สุดเหมือนกัน...

   ปืนไม่กล้าเอ่ยคำเดียวกันกับที่ปอพูดออกมา ด้วยแน่ใจว่ารักที่ปอพูดถึงคงไม่เหมือนที่เขารู้สึกอยู่ในใจ

 และเขาพยายามบอกตัวเองเสมอมาว่า จะพยายามเปลี่ยนความรู้สึกนั้นซะใหม่ เพื่อความสัมพันธ์ที่ถาวรกว่า

 ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะทำมันสำเร็จหรือเปล่า ปืนกลัวว่าวันหนึ่งถ้าปอล่วงรู้ความจริงในใจ เขาอาจจะเสียปอไป

แต่ถ้าเขารักปออย่างน้องชายได้เมื่อไร ความเป็นพี่เป็นน้องมันย่อมจะยั่งยืนกว่าอยู่แล้ว เขาต้องเลือกเอาทางหนึ่งสินะ

 แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญก็ต้องลอง อย่างน้อยปอก็จะไม่มีวันออกจากชีวิตของเขาไปเป็นแน่

   รุ่งขึ้นปืนคงต้องรีบลางาน หลังจากตกลงกับปอได้ว่า คงต้องไปหาป๊ากับแม่ที่บ้านก่อน

    “โทรไปก็ได้มั้งพี่ปืน”

 ปอเสนอทางเลือกที่ปืนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว

    “เรื่องใหญ่ขนาดนี้โทรไปก็คงทำให้ป๊ากับแม่ไม่สบายใจเปล่า ๆ ถ้าอยากจะให้เค้าเข้าใจ

ก็ต้องไปอธิบายกันยาว ๆ ที่บ้านนู่น พูดทางโทรศัพท์ไม่เห็นหน้าเห็นตา เค้าจะยิ่งกังวล”

   “แล้วถ้าป๊ากับแม่ไม่เห็นด้วย ผมจะทำไงอ่ะพี่ปืน”

สีหน้าปอเริ่มวิตก เพราะอยู่ ๆ จะบอกที่บ้านว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัย มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

แถมสถานศึกษาที่อุตส่าห์สอบเขาได้ ก็ออกจะมีหน้ามีตา ใคร ๆ ก็อยากจะได้โอกาสอย่างนั้น

แต่นี่โอกาสอยู่ในมือแล้วแท้ ๆ กลับรักษาไว้ไม่ได้ มันก็น่าที่จะให้พ่อแม่เสียใจอยู่หรอกนะ

   “อย่าว่าแต่ป๊ากับแม่เลยที่จะไม่เห็นด้วย แม้แต่พี่ก็คิดอย่างนั้น”

   “พี่ปืนอ่ะ....ก็ไหนจะว่าจะไปเป็นเพื่อนไง”

 ปอกระเง้ากระงอด

   “ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นด้วยหนิ เพราะปอเองก็ไม่เคยอธิบายให้พี่ฟังนี่นา ว่ามีเหตุผลอะไร

ถึงกับจะต้องลาออก ที่พี่ไม่คัดค้านก็เพราะพี่ถือคติว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน”

...โห...โบราณนะนั่น

   “เรื่องเรียนก็ต้องตามใจคนเรียน อีกอย่างปอจะเรียนอะไร พี่ก็ไม่ได้ ไม่เสีย แล้วแต่ปอ ไม่เรียนก็ตามใจ

อยากเสียโอกาสที่จะมีอนาคตดี ๆ ก็เรื่องของปอ ชีวิตของปอ พี่ก็ให้ได้แค่กำลังใจ”

   ปอนิ่งสงบไปอึดใจหนึ่ง ถึงพี่ปืนจะช่วยเหลือ ก็เหมือนจะทำไปเพราะไม่มีทางเลือกซะมากกว่า

 แต่ที่จะให้พูดออกมามันก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดที่น่าอับอายของตัวเอง ทั้งที่กำลังจะลืมแท้ ๆ

    “ที่ผมกลับไปไม่ได้อีกแล้วก็เพราะแฟนคนใหม่ของเนย เป็นรูมเมทของผมเอง”

   ปอเริ่มเล่าด้วยประโยคธรรมดา ๆ แต่ทว่าเสียดใจคนฟังดีแท้ ๆ

   “เวลาที่มันคุยโทรศัพท์ในห้อง ผมได้ยินทุกคำ มันจะออกไปไหน มีนัดกันยังไง ผมไม่อยากรู้ก็ต้องได้รับรู้

ผมจะย้ายหอก็ยังไม่รู้จะย้ายไปไหน ห้องว่างยังไม่มี แล้วความจริงเพื่อนคนนี้มันก็ดีกับผม

ถ้าตัดเรื่องเนยออกไป  เราคงจะคบกันเป็นเพื่อนสนิท แต่พอมีเรื่องนี้เข้ามา ก็เหมือนกับผม

เสียเพื่อนดี ๆ ไปหนึ่งคน”

   ปอเล่าว่า ทีแรกก็ไม่เคยรู้ว่าแฟนใหม่ของเนยเป็นใคร จนกระทั่งวันที่ปอไปหาเนยที่หอพักหญิง

เพื่อที่จะง้อขอคืนดี ก็ไปเจอเพื่อนคนนี้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ขณะที่นั่งรอก็คุยกันไปเรื่อย ๆ จนเนยเดินตรงเข้ามา

 แล้วเข้าไปยึดแขนเพื่อนคนนั้นแหละ ปอถึงเข้าใจว่าอะไรมันเป็นอะไร

   “ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ใคร ๆ ที่นั่งกันอยู่ตรงนั้นมองผมอย่างสมเพช

เพื่อนมันก็ไม่บอกผมซักคำว่ามันเป็นแฟนใหม่ของเนย แล้วเวลาที่มันบอกผมว่ามันไม่กลับหอ

แต่จะไปค้างคืนกับแฟนก็คงเป็นเนยนี่เอง พี่ปืนคิดดู ใคร ๆ เค้ารู้เรื่องผมกันทั้งนั้น

ผมกลายเป็นไอ้งั่งอยู่คนเดียว เดินไปทางไหนเห็นเค้าซุบซิบแล้วหันมามองกัน

 ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้ากำลังพูดเรื่องของผม เป็นพี่ปืนจะทนได้มั้ย”

   ปอพูดเสียงสั่นเครือ ก้มหน้าไหล่ลู่ อย่างคนที่หมดแล้วซึ่งความมั่นใจในตัวเอง น้ำตาหยดแหมะลงบนกางเกง

จนเปียกเป็นวงสีเข้ม ปืนไม่คิดว่าเรื่องมันจะน่าอดสูถึงขนาดนี้ ปืนคงได้แค่อยู่เคียงข้าง คอยปลอบใจ

และเป็นกำลังใจให้ เพราะการจะฟื้นจากสภาพที่บอบช้ำทางจิตใจ คงมีแต่เจ้าของหัวใจเท่านั้น

ที่จะเยียวยาตัวเองได้

   ปอร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ปืนได้ทำสิ่งที่ไม่กล้าจะทำในวันแรกที่ปอกลับมา

นั่นคือการกอดประคองปอไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับถ่ายทอดความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจเขาออกมา

สุดแท้แต่ว่าปอจะรับรู้มันได้หรือเปล่า เขาจูบกระหม่อมเบา ๆ ลูบหลังไหล่ ที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น

ส่วนปอเองก็ตอบรับด้วยการกอดปืนแน่นขึ้น แรงสั่นสะเทือนจากอาการสะอื้นยังไม่จาง ปอก็พูดขึ้นมา

   “พี่ปืนอย่าทิ้งผมนะ รู้มั้ย ตอนที่ผมอยู่ที่โน่น ผมคิดถึงพี่ปืนที่สุด ถ้าพี่ปืนอยู่ด้วย

บางทีผมอาจจะยังไม่กลับบ้านก็ได้  แต่นี่เพราะผมไม่มีใครเลย เพื่อนที่คบกันผมก็ไม่กล้าไว้ใจ

ไม่รู้ว่ามันจริงใจกับผมรึป่าว คิดดูก็แล้วกัน ขนาดเรื่องเนยมีแฟนใหม่ พวกมันต้องรู้แน่ ๆ ว่าเป็นใคร

 ก็ยังไม่มีใครบอกผมซักคน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรกันอยู่  แต่ผมรู้สึกว่าผมกลายเป็นตัวตลก

ต่อหน้าผมมันไม่กล้าหัวเราะ แต่ลับหลังผมล่ะ มันอาจจะขำกลิ้งกันไปเลยก็ได้”

   “อย่ามองในแง่ร้ายอย่างนั้นสิปอ บางทีเค้าอาจจะสงสารปอ กลัวว่าถ้าบอกแล้วปอจะเสียใจ

หรือไม่บางทีก็คงอยากให้ปอได้เห็นเองกับตา เพราะพูดไปปออาจจะไม่เชื่อ”

   “ผมก็ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆอ่ะแหละพี่ปืน ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นรูมเมทของผมเอง ทำไมมันทำกับผมได้”

   “ช่างมันเถอะ พี่ดีใจที่คนเลว ๆ อย่างนั้นหลุดออกจากชีวิตปอไปซะได้ ตัวเลือกมันเยอะขึ้นมั้ง

เนยก็เลยเสียดาย คิดว่าถ้าหยุดอยู่แค่ปอ เค้าจะเสียโอกาส แต่พี่เชื่อนะว่า พฤติกรรมอย่างที่เนยทำอยู่นี่

 คงไม่ทำให้เค้าได้พบคนดี ๆ หรอก พี่ค่อนข้างมั่นใจด้วยซ้ำไปว่าแฟนใหม่ของเนยเป็นนักฉวยโอกาส

พอได้จังหวะก็เสียบ ถ้าเค้าจริงใจก็น่าจะคุยกับปอก่อนที่จะคบกับเนย”

   ปืนลูบหัวปอเบา ๆ ตอนนี้ปอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ยังเกาะปืนในท่าเดิม

   “ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า แล้วก็เลิกเสียใจให้คนเลว ๆ ที่ไม่จริงใจกับเรา จะได้มีแรงทำเรื่องดี ๆมั่ง”

   “พี่ปืน....ถ้าเสร็จเรื่องแล้ว ผมมาอยู่กับพี่ปืนได้มั้ย ผมไม่อยากแยกห้องไปอยู่คนเดียว”

   “เอาไว้คุยกับป๊ากับแม่ก่อน เรื่องจะอยู่ที่ไหนไม่ใช่ปัญหาที่ต้องรีบแก้นี่นา”

   “ก็บอกมาก่อนไม่ได้รึไง ผมจะได้บอกแม่ว่าผมจะอยู่กับพี่ปืน จะไม่เหลวไหล ปีหน้าผมจะเอ็นฯใหม่

เลือกที่นี่ที่เดียว ไม่ไปแล้วกรุงเทพอ่ะ”

   เฮ้อ! ปืนก็อยากอยู่หรอกนะ ถ้าต่างคนต่างก็ใจตรงกัน มันก็คงจะดี เพราะได้อยู่กับคนที่ปืนรัก

มีหรือจะไม่ชอบ แต่นี่ปืนต้องฝืนแสดงตัวเป็นพี่ชายนะ อะไรที่มันฝืน ๆ น่ะ ไม่รู้จะหลุดวันไหน

เกิดเจ้าปอมันจับได้แล้วรังเกียจพี่ชายกลายพันธุ์ขึ้นมา ปืนก็คงต้องเสียปอไป

ความรู้สึกดี ๆ ที่มี ที่เป็นอยู่ในวันนี้คงจะสลายไปในพริบตา

   “แล้วพี่จะให้เค้าหาห้องใกล้ ๆ กันให้นะ”

   “พี่ปืนรังเกียจผมเหรอ”

ดูหน้าเศร้า ๆ ของปอแล้ว ปืนก็แทบจะรีบปฏิเสธ แต่เขาต้องนึกเผื่ออนาคต ปอไม่รู้ แต่เขารู้อยู่เต็มอก

เขาต้องคิดถึงคำว่า ‘ถ้า’ ก่อนเสมอ ก่อนที่อะไรบางอย่างจะเกิด และไม่อาจจะแก้ไขได้

วันนั้นเขานี่แหละที่จะเสียใจมากกว่าใคร

   “ถ้ารังเกียจจะให้อยู่ด้วยเหรอ ตั้งกี่วันมาแล้วเนี่ย แต่บางทีพี่มีเพื่อนมาหา ปออาจจะรำคาญ

 แล้วห้องก็นิดเดียว ข้าวของของเราสองคนวางกันเต็มห้อง คงแทบจะไม่มีที่ว่างให้นั่งเล่นนอนเล่นแน่เลย”

   เป็นเหตุผลที่ปืนพอจะหาได้ในตอนนี้ และปอก็เห็นด้วย ก็เป็นอันว่า ถ้าปอตั้งใจจะอยู่ที่นี่จริง ๆ

ปืนก็ไม่ต้องทนฝืนใกล้ชิดปอ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย มันคงทรมานน่าดูถ้าคนเราต้องฝืนตัวเองทุกเมื่อเชื่อวัน


   ***********************************************************************




CarToonMiZa    เอาใจช่วยนะค๊า   :L2:  :กอด1: >  ช่วยผมรึช่วยใครครับ  คนนี้ชอบกอด ผมมั่ง  :กอด1:
mild-dy    มารับเรื่องใหม่ > ใหม่ที่นี่ เก่ามาจากที่อื่น อย่าว่ากันนะครับ
roseen   :กอด1: :3123:เป็นกำลังใจ > ชื่นนนนจายย ขอบคุณครับพี่เอก
Tiamo_jamsai :กอด1: :กอด1:เป็นกำลังใจจร้า > คนที่นี่กอดเก่งนะครับ ผมก็ชอบนะ :กอด1:
[aoihimeko ขออ่นด้วย  > เข้าใจว่า ขออ้อน….อ้อนผมมั้ยครับ
KuMaY  ปอช่างทำร้ายจิตใจพี่ปืนได้ลงคอ :o12:  >  เค้าผลัดกันน่ะน้องเม
Pakbung Mazo ปออออ ทำไมทำกับพี่ปืนแบบนี้   >  อ่านไปเรื่อย ๆนะครับ คู่นี้เค้าพอ ๆกัน
daboo พี่เสียดายนิยายในเวปเก่า   หลายเรื่องเลยที่ชอบ > ที่นี่นิยายก็เยอะนะครับ เรียกว่าเยอะมากกกกกจะถูกกว่า
โดดเดี่ยวแต่ไม่ > ไม่เดียวดาย……..พี่กล้วยยยยยยยยยยยยย
kingkakingka  สนุกๆมากเลยบค่ะ  >  ขอบคุณครับ หัวเราะไป น้ำตาคลอไปในบางครั้ง อิอิ
silverphoenix  นึกถึงพี่ปืนขึนมาเชียวล่ะ  หนูน้อย >  ผมชอบนกฟีนิกซ์ครับ คิดถึงดัมเบิลดอร์เลย




 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2012 23:39:46 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 11/5/2555 รอบแรก
«ตอบ #33 เมื่อ11-05-2012 23:37:27 »

อิอิ       ตามอ่านแบบระยะประชิดเลย

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 13/5/2555
«ตอบ #34 เมื่อ13-05-2012 23:18:44 »



เสาร์-อาทิตย์นี้ผิดแผนไปหน่อย

ผมกะว่าจะลงให้ได้ทุกวันอย่างน้อยวันละโพสท์

นี่ไง...ผมก็เลยไม่้กล้าสัญญาว่าจะลงวันไหน

กลัวจะทำไม่ได้ตามสัญญา

แต่ที่แน่ ๆ คือ ลงให้จนจบครับ

เหมือนที่เคยสัญญาไว้ทุกที่ ๆ ได้โพสท์

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ

จากทีแรกที่คิดว่า แค่มาตามคำขอของคนที่เคยเป็นแฟนนิยายของผม

แต่ตอนนี้รู้สึกดีจัง ที่มีคนเข้ามาติดตาม


 :pig4:









      เป็นเพราะอาทิตย์นี้มีลองวีคเอนด์ ปืนก็เลยมีเวลาจัดการธุระให้ปออย่างสบาย ๆ ถึงแปดวัน

ทั้งที่ลาพักร้อนแค่ 5 วันเท่านั้น วันแรกก็นั่งรถไปบ้านปอเพื่อขออนุญาตลาออกจากมหาวิทยาลัย
 
ป๊ากับแม่ของปอเป็นพ่อแม่ที่รักลูกมาก ให้ความสำคัญกับความรู้สึกด้านจิตใจของปอก่อนเรื่องอื่น
 
อาจจะเป็นเพราะปอเป็นลูกคนเดียว และไม่เคยทำตัวเหลวไหลให้กลุ้มใจ แถมยังมีผลการเรียนดี
 
เมื่อปอรับปากจะเอ็นฯใหม่ในปีถัดไป และเลือกเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านกว่ากรุงเทพก็ยิ่งดีใจใหญ่

พร้อมทั้งให้การสนับสนุนเมื่อปอบอกว่าไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ตลอดครึ่งปีที่เหลือ

     “ปออยากเรียนคอมฯ เพิ่ม แล้วก็ว่าจะลงเรียนสนทนาภาษาอังกฤษด้วย”

      “บ้านเรามันไม่มีที่สอนภาษอังกฤษดัง ๆ ด้วยซี แต่แม่มีคนรู้จักเค้าเป็นอาจารย์สอนที่ปีนัง
 
ให้เค้ามาสอนตัวต่อตัวดีมั้ยลูก”

   “ไม่ใช่นะแม่ ที่ว่าไม่อยากอยู่ว่าง ๆอ่ะ ปอหมายความว่าปอจะไปอยู่กับพี่ปืน ที่โน่นมีที่เรียนเยอะแยะ
 
ก็ที่เคยเรียนปีที่แล้วอ่ะแม่ ปออยากจะลงซ้ำบางคอร์สด้วย”

      “ทำไมต้องไปเรียนถึงโน่น ที่นี่ก็พอมีที่เรียนนะ”

      ป๊าซึ่งนั่งเงียบอยู่นานเริ่มออกความเห็น ซึ่งปกติมักจะให้แม่เป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้าลองป๊าออกเสียง
 
ไม่ว่าจะเข้าข้างใคร ก็จะไม่มีคนคัดค้าน

      “พี่ปืน”

      แล้วปอก็หันมาหาตัวช่วยที่ชื่อปืนอีกแล้ว เอาไงล่ะทีนี้ ถ้าเหตุผลของปืนโดนใจป๊า ก็เป็นอันว่า

เจ้าปอต้องได้กลับไปกับเขาแน่ ๆ แต่ถ้าไม่โดน....

     “ผมขอออกความเห็นส่วนตัวได้มั้ยครับ”

    “ว่าไงล่ะ จะเข้าข้างเจ้าปอมันอีกล่ะสิ”

   ป๊าดักคอ

     “เอ่อ...มันก็ไม่เชิงหรอกครับป๊า....ปอขอพี่คุยกับป๊ากับแม่เป็นการส่วนตัวได้มั้ย”

      ปืนหันไปถามเหมือนจะขออนุญาต แต่ถ้าปอพอจะรู้จักปืนอยู่บ้างก็คงจะเข้าใจสายตาที่แปลได้ว่า....

ถ้าไม่ออกพี่ไม่ช่วย....   

      ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ปอก็ยอมเดินออกไปหน้าร้าน ปอไม่รู้ว่าพี่ปืนจะชักแม่น้ำสักกี่สาย

เพื่อโน้มน้าวให้ป๊าเชื่อ แต่มั่นใจได้เลยว่า ยังไงซะพี่ปืนก็ต้องช่วยปอเหมือนทุกครั้ง

     “ผมไม่อยากให้ปอได้ใจว่าผมเข้าข้าง ก็อย่างที่ทราบกันแล้วว่าปอกำลัง....อกหัก จะให้อยู่บ้าน

ที่นี่ก็เงียบเหงาเกินไป ถึงจะมีเวลาเรียนบ้าง ทำงานบ้างแต่ก็พอมีเวลาเหลือเฟือที่จะคิดเรื่องเก่า ๆ

ยิ่งปอเป็นลูกคนเดียว เค้าไม่มีเพื่อนที่จะคอยคุยด้วย ถึงเค้าจะโทรหาผมคุยกันได้ ก็เมื่อผม

กลับจากทำงานแล้ว ไม่ก็วันหยุด นอกนั้นก็คงไม่รู้จะคุยกับใคร”

     “ที่นี่ก็มีเพื่อนเยอะแยะ คบกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่สนิทกว่าปืนเหรอ”

       ป๊าแย้งเสียงเรียบ เดาไม่ออกว่าเห็นด้วยหรือว่าเห็นต่างจากปืน

      “เพื่อนที่นี่เค้าไม่เรียนหนังสือแล้วนะครับ หลายคนกลายเป็นพ่อค้า ช่วยงานที่บ้าน
 
การคิดการมองชีวิตก็เริ่มที่จะแตกต่างกันไปแล้ว เพื่อนที่พอจะพูดคุยได้ก็ไปเรียนหนังสือที่อื่น

บางคนก็ขาดการติดต่อ”

     “คิดว่าปืนเป็นเพื่อนที่ปอมันจะคุยได้ดีกว่าคนอื่นงั้นสิ”

      “ก็....ผมไม่คิดขนาดนั้นหรอกครับป๊า แต่ถ้าปออยากจะเรียนพิเศษช่วงที่กำลังว่าง ที่โน่นดูจะดีที่สุด

ยังไงเค้าก็ปรึกษาผมได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว อยู่ด้วยกันผมก็พอจะดูแลได้ แต่ถ้าไปอยู่ที่อื่นผมคงไม่มีเวลาไปตามดูให้”

     “อยู่ที่บ้านป๊ากับแม่ก็ดูแลได้”

      “แต่เรื่องแหล่งความรู้คงสู้ที่โน่นไม่ได้แน่”

      ป๊าเกาคางเบา ๆ อย่างใช้ความคิดอึดใจหนึ่ง ซึ่งมันพอที่จะทำให้ปืนได้ลุ้นคำตอบ

      “นี่มันจ้างเท่าไหร่เนี่ย”

      “โอ๊ะ! เปล่าเลยป๊า ผมแค่พูดจากมุมมองของผมนะ”

      “เฮ้อ! ไม่ต้องรีบปฏิเสธขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่อยากฟังคารมน่ะ นะแม่นะ”

      ป๊าหันไปพยักเพยิดกับแม่ที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ฟังอย่างเดียวแต่ไม่เสริม ไม่ค้านอะไรทั้งนั้น

ก็คงอย่างที่ป๊าบอกว่าอยากฟังคารมปืน ว่าจะอ้างอะไร แล้วที่สุดปืนก็ต้องรับปากดูแลลูกชายคนเดียวให้

โดยที่ป๊ากับแม่ไม่ต้องขอร้อง

      “แล้วจะอยู่กันยังไง”

      “ทีแรกปอจะอยู่ห้องผม แต่ผมไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้อยู่ แต่เพราะห้องมันก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร

อยู่สองคนมันค่อนข้างอึดอัด ยิ่งเวลามีเพื่อนมาหาที่ห้อง คงไม่รู้จะให้นั่งตรงไหนล่ะครับ

ผมก็เลยคิดว่าหาห้องใกล้ๆ กันผมจะได้ดูแลเค้าได้”

      “เอางั้นเหรอแม่”

      “ก็แล้วแต่ป๊า แต่ค่าเช่ามันก็ไม่น้อยนะ ยิ่งอยู่ไปนาน ๆก็ยิ่งกินเงิน”

      สมกับที่เป็นผู้รักษาเงินประจำบ้านเลยแม่ของปอเนี่ย เพราะขนาดปืนเองก็ยังคิดว่า

ค่าเช่าห้องมันเหมือนเอาเงินไปทิ้งเปล่า ๆ แล้วไม่ได้กรรมสิทธิ์อะไรในห้องนั้นเลย

ปืนก็เลยมีโครงการที่จะกู้สวัสดิการพนักงานเพื่อซื้อบ้านสักหลัง แต่ตอนนี้เขาลังเลระหว่างซื้อบ้านก่อน

หรือว่าซื้อรถก่อนดี    ถ้าซื้อบ้าน ภาระผูกพันมันไม่ต่ำกว่า 20 ปีเห็น ๆ แต่ซื้อรถอย่างดีก็ผ่อน 5 ปีเอง
 
ผ่อนรถหมดค่อยซื้อบ้านก็ยังไม่สาย แต่คิดวนกลับมาอีกที ปืนก็เสียดายค่าเช่ารายเดือนไม่น้อย

....ค่อยเก็บไปคิดอีกที

      “ปืน...”

      เสียงเรียกของแม่ช่วยดึงปืนกลับมาจากห้วงความคิด

      “ครับ”

      “ไม่ได้ยินล่ะสิ แม่เค้าว่า กลับมาจากกรุงเทพเมื่อไหร่โทรมาบอกด้วย จะไปจัดการเรื่องที่พักของปอให้”

      “ครับ ก็คงสักสามวัน ผมว่าจะขึ้นเครื่องไป เร็วดี ไปถึงก็จัดการเรื่องลาออกให้เสร็จก่อน

แล้วก็จัดการเรื่องข้าวของที่หอพัก เห็นปอว่าจะไม่เอากลับมา ผมก็ไม่ทราบว่าปอขนซื้ออะไรมากรึเปล่า

แต่โดยทั่วไปที่หอพักเค้าก็มีเตียง ตู้ โต๊ะไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อย่างอื่นก็คงไม่ค่อยมีราคาค่างวดอะไร

ทิ้งไว้ให้เพื่อนที่ห้องเค้าใช้ก็คงได้”

      เรื่องสุดท้ายที่พูดออกไป ปืนไม่ค่อยแน่ใจ เพราะความสัมพันธ์ของคู่นี้ดูท่าจะเปลี่ยนเป็นลบไปซะแล้ว

      “ปืนก็จัดการไปตามที่เห็นสมควรแล้วกันนะ ปืนเป็นผู้ใหญ่กว่าน้อง ยังไงแม่ก็ไว้ใจปืนได้อยู่แล้ว”

       มาอีกแล้ว ไอ้ความไว้เนื้อเชื่อใจเนี่ย จะว่าดีมันก็ดีนะ รู้สึกดีที่มีคนมอบความไว้วางใจให้เรา

แต่มองอีกมุม ปืนว่ามันเป็นภาระเหลือเกิน คงไม่ดีหากจะทำให้เค้าผิดหวังหรือเสียความรู้สึก
 
ก็ไม่ใช่เพราะป๊ากับแม่ไว้ใจเขาหรอกหรือ ปืนถึงไม่กล้าที่จะมีท่าทีกับปอเกินไปกว่าคำว่าพี่ชาย

อย่างทุกวันนี้




      เที่ยวบินที่โดยสารมาถึงกรุงเทพเอาตอนสาย ๆ ดังนั้นบ่ายวันเดียวกัน ปอก็คะยั้นคะยอให้ปืน

ไปเป็นเพื่อนเพื่อยื่นใบลาออกกับทางมหาวิทยาลัย อีกหลายวันกว่าจะเปิดเทอม ทำให้นักศึกษา

ดูบางตาลงหน่อย ดูท่าปอคงไม่ค่อยสบายใจนักถ้ามีคนพลุกพล่านเหมือนในช่วงเปิดเทอม

      ปืนเลือกพักในโรงแรมใกล้ ๆ แม้ว่าราคาค่าที่พักค่อนข้างสูง เพราะจะไปพักในหอซึ่งปอยังมีสิทธิ์อยู่

ปอก็ไม่เอา

      “ผมคงมองหน้าเพื่อนไม่ติด”

      “ทำยังกะเป็นความผิดของเรางั้นแหละ”

      “พี่ปืนไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก”

      ปอค้อนปะหลับปะเหลือก ในขณะที่ปืนรู้สึกว่า ปอช่างเปราะบางซะเหลือเกิน

ถึงเขาจะไม่เคยเจอเรื่องแบบเดียวกับปอ ก็พอจะรู้ว่ามันก็น่าจะอาย แต่ไม่ใช่อายที่ถูกแฟนทิ้ง

แต่อายเพราะ...กูไม่น่าเอามันมาเป็นแฟนตั้งแต่แรก...กูมันตาต่ำ...หรือไม่ก็อาย

เพราะไม่ชอบที่จะตกเป็นเป้าสายตาใครมากกว่า แต่สำหรับปอคงรู้สึกอายที่ถูกเนยบอกเลิก

ดีไม่ดีอาจจะคิดด้วยซ้ำไปว่าเขามีอะไรบางอย่างบกพร่องเสียจนผู้หญิงทนไม่ได้ก็เลยไปมีแฟนใหม่

ถึงทำให้ปอหมดความมั่นใจขนาดนี้

      ปืนจะต้องทำยังไงนะ ปอถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ไม่ต้องมาดมั่นนักก็ได้

แต่ขอให้ปอยืนหยัดด้วยตัวเองได้อย่างเดิม ไม่ใช่ต้องเอนหลังพิงปืนแบบนี้เรื่อยไป

ถึงจะอยากเป็นฮีโร่ให้ปอพึ่งพาแค่ไหนก็ตาม แต่ปืนก็สำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตปอไม่ได้มีแค่เขา

สักวันปอก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ปอจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี

ชีวิตในวันข้างหน้าของปอจะต้องก้าวหน้าและรุ่งเรือง ส่วนปืนไม่อยากคิดเลยว่า

เขาเองจะยังมีที่ยืนอยู่ในชีวิตปอในวันนั้นหรือเปล่า เขาขอแค่วันนี้เขายังได้ยืนข้าง ๆปอ

ได้มองเห็นความเป็นไปในทางที่ดี และที่สำคัญเขาจะทำให้ปอยิ้มได้สดใสเหมือนที่เขาเคยประทับใจ

มันคงดีถ้าเขาจะได้ชื่นชมกับรอยยิ้มนั้นตลอดไป

      กว่าจะยื่นเอกสารเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายแก่ ๆ จวนเย็น มีเวลาเหลือพอที่จะเข้าไปสำรวจข้าวของ

ที่หอพักให้เสร็จก่อนค่ำ ระหว่างที่เดินไปก็ปรึกษากันไปพลาง

     “ผมว่าจะยกของใช้ส่วนตัวบางอย่างให้เพื่อน จะได้ไม่ต้องขนกลับให้เกะกะ”

      “อะไรมั่งล่ะ”

      “ก็มีเครื่องเสียง...ที…”

     “เอากลับ”
 
      ปืนสวนขึ้นทันที

      “ทีวี”

     “เอากลับ”

     “โห...พี่ปืนขนไปทำไมให้ยุ่งยาก”

      “แล้วจะทิ้งไว้ทำไม”

      “ไม่ใช่ของดีเด่อะไรนักหรอก ผมซื้อไว้ดูแก้เหงาแค่นั้นเอง”

      “มันยังใช้ได้ไม่ใช่เหรอ”

      “ก็...ได้อ่ะมันได้ แต่เอากลับมันก็...”

     “ใช้ได้ก็เอากลับ หรือว่าจะยกให้รูมเมท”

      “ไม่มีทาง….เอากลับก็ได้ แต่กล่องมันอ่ะ ผมทิ้งไปหมดแล้วนะ”

      “ให้มันได้อย่างงี้ดิ...เออ...ไปหาเอาข้างหน้าแล้วกัน”

      สุดท้ายทุกอย่างก็สำเร็จด้วยฝีมือปืน เสื้อผ้าของปอมีไม่มาก เพราะวัน ๆ ก็สวมแต่ชุดนักศึกษา

ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกอ่างซักผ้าใบเล็ก (สำหรับซักน้องชาย) ถังน้ำ ไม้แขวนเสื้อ ชั้นวางของ

และอื่น ๆ อีกมากมาย ปอรวบรวมใส่ลังกระดาษที่ขอซื้อมาจากร้านขายของข้างมหาวิทยาลัย

ยกลงมาให้แม่บ้านที่ดูแลหอพัก

      “อย่าเหลือไว้ให้มันได้ใช้ พี่ปืนรู้มั้ย บางทีสบู่อาบน้ำ ยาสระผม มันก็มาใช้ของผม

ที่ไม่เคยว่าอะไรมันก็เพราะเห็นเป็นเพื่อนร่วมห้อง ผมไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย แต่ดูมันทำ”

      ให้มันได้อย่างนี้สิปอ....กับบางคนถึงจะแสดงน้ำใจไปมันก็ไม่สำนึกหรอก

.....เนยจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเจอกับคนแบบไหน ก็ดี..........สมน้ำหน้ามันทั้งคู่แหละ

      กว่าจะเก็บของเสร็จก็เกือบสองทุ่ม ปืนขนของลงมาห้องคอมมอนรูม ฝากคนดูแลหอไว้ก่อน

ค่อยเหมารถมาเอาของในวันเดินทางกลับทีเดียวเลย (ติดสินบนด้วยของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ

ที่ปอเก็บลงกล่องไว้....ป้าแกยิ้มรับหน้าบานไปเลย)

      “ไม่แวะไปทักทายเพื่อนมั่งเหรอ”

      “ไม่ดีกว่า อีกอย่างไม่รู้ว่ามีใครอยู่มั่ง เจอกันก็ไม่รู้ว่าเค้าจะทักผมรึป่าว”

     ปอกลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจขนาดหนัก จนปืนอดห่วงไม่ได้ว่า ปอจะดูแลตัวเองได้ดีเหมือนเดิมมั้ย

ปอคนเดิมที่ร่าเริงจะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่า แต่ไม่ว่าปอจะเป็นยังไง

พี่ปืนคนนี้ก็จะยังคงอยู่ข้าง ๆ จนกว่าปอจะไม่ต้องการ

      “งั้นหาข้าวกินแล้วกลับโรงแรมเลยนะ”

      ยังไม่ทันจะก้าวออกไปพ้นหอพัก ก็สวนกับรูมเมทที่ปอไม่อยากพบหน้าสักนิดเดียว ยังดีที่มันไม่มากับ

 ‘คนอื่น’ ที่ปืนเกลียดยิ่งกว่า ตอนมันแย่งปอไปจากเขา (คิดเหมาเอาเองคนเดียว) ก็เหม็นหน้าไปพอแรงแล้ว

 ยิ่งมาทำให้ปอต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ปืนยิ่งเกลียดร้อยเท่าพันทวี ถ้าไม่ติดที่ว่าปืนเป็นผู้ชาย

ที่ยังต้องรักษาความเป็นสุภาพบุรุษไว้ คงได้ชกหน้าสวย ๆ ให้เยินกันบ้าง

      “เอ่อ...ปอ”

       รูมเมทของปอเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว ส่วนสูงไม่เกินไปกว่าความสูงของปอ หน้าตาเข้ม ๆ

จะเรียกว่าหน้าตาดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก (เพราะปืนว่าปอหน้าตาดีกว่า)

      ปอไม่ตอบ ได้แค่พยักหน้าให้ แล้วก็ทำท่าจะเดินผ่านเลยไปซะเฉย ๆ ไอ้หนุ่มนั่นก็เลยเกี่ยวติดแขนปอไว้

ไม่ยอมปล่อยให้เดินผ่านไปง่าย ๆ

      “มีไร”

      น้ำเสียงของปอฟังดูไม่เป็นมิตร แต่ยังยอมหยุดฟัง

      “เรื่องเนย”

      อีกฝ่ายท่าทางกลัว ๆ กล้า ๆ

      “ไม่เกี่ยวกับเราหนิ”

       ปอยังไม่ใยดีเหมือนเดิม

     “เราอยากขอโทษ”

      “ไม่จำเป็นหรอก”

      “จำเป็นสิ นายจะได้ไม่เข้าใจผิด”

     “โห...มีอะไรที่เรายังเข้าใจไม่ถูกอีกเหรอ”

      ปอยิ้มเยาะ ๆ

      “ปอ...”

       ไอ้หนุ่มนั่นหันมามองหน้าปืนเป็นเชิงบอกว่า ปืนเป็นคนนอก

      “อยากพูดไรก็พูดมาตรงนี้แหละ พี่เค้ารู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”

     เพื่อนปอถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือ

      “นายคิดว่าเราไม่บอกเรื่องที่เรากับเนยคบกันใช่มั้ย”

      ปอยังนิ่งฟัง

      “ความจริงเนยเป็นคนสัญญากับเราว่าเค้าจะบอกนายเอง เราอยากบอกตั้งแต่แรกที่รู้ว่า

นายกับเนยเลิกกันแล้วว่า เราขอจีบเนยได้มั้ย แต่....”

      “นี่นายชอบเนยรึว่าคิดจะฟันเล่น”

      เพื่อนปอคงจะตีความว่าปอยังห่วงใยเนยประสาคนรักเก่า ก็เลยรีบระล่ำระลักบอกว่า

     “เราชอบเนยจริง ๆนะ เราชอบตั้งแต่วันแรก ๆ ที่รับน้องแล้ว แต่พอรู้ว่าเป็นแฟนนายเราก็ไม่คิดจะยุ่ง

พักหลังที่นายทำกิจกรรม เนยเค้าเจอเราเค้าก็ถามถึงเรื่องนายตลอด ก็เลยได้คุยกันมากขึ้น

เราบอกตรง ๆ นะว่าเรารักเนยมาก เราสัญญากับนายว่าเราจะดูแลเนยเป็นอย่างดี

จะไม่ทำให้เนยต้องเสียใจเป็นอันขาด”

      “นี่นายพล่ามอะไรวะ นายจะคบกัน จะดีจะร้ายใส่กันมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเราอีกแล้ว”

      “ปอ...นายอย่าโกรธเราเลยนะ เรายังอยากเป็นเพื่อนกับนายอยู่ ไหน ๆ ก็ต้องนอนห้องเดียวกัน

เราไม่อยากให้มีเรื่องขุ่นใจ”

      “อ๋อ....ไม่แล้วล่ะเรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วง เราไปลาออกจากมหาลัยเรียบร้อยแล้ว

อีกวันสองวันเราทำธุระเสร็จก็จะกลับบ้าน ไม่อยู่นานหรอก ตอนนี้ข้าวของของเราในห้องนั้นก็ขนออกมาหมดแล้ว

 เราขอให้นายโชคดีกับความรักของนายก็แล้วกัน แต่บอกไว้อย่างนึงนะ ที่เราถามว่านายรักจริงรึหลอกฟันน่ะ

 เราก็ไม่ได้ห่วงเค้าหรอก ผู้หญิงอย่างเนยน่ะ เอาตัวรอดกับเรื่องแบบนี้ได้อยู่แล้ว

เราก็แค่อยากรู้อะไรเพิ่มขึ้นจากเดิมแค่นั้นเอง”

      “นี่นายลาออกเหรอ แค่เรื่องนี้น่ะนะ”

     “ก็ไม่เชิงนะ เราเพิ่งจะคิดได้ซักพักแล้วล่ะว่า เราไม่เหมาะกับที่นี่ พอเรากลับบ้านเราถึงได้รู้ว่า

เราคิดถึงบ้านเป็นบ้า แล้วก็อยากอยู่บ้านมากกว่า ความจริงเราไม่ควรเลือกสอบเข้าที่นี่เลยด้วยซ้ำ

แต่ก็นั่นแหละ มหาลัยที่มีชื่อเสียงว่าเข้ายากอ่ะมันท้าทาย แต่พอเข้ามาได้แล้วก็งั้น ๆ

สู้เราเลือกอยู่ในที่ ๆ เหมาะกับเราจะดีกว่า”

      ปอพูดจบก็หันมามองปืนเหมือนจะบอกให้รู้ว่า ที่ ๆ เหมาะกับปอคือที่ไหน ปืนก็ตอบ

ด้วยการส่งรอยยิ้มให้กำลังใจกลับมา ตอนนี้ปอรู้สึกดีขึ้นมากจนสามารถคุยกับเพื่อนได้

โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเหมือนตอนแรก คงเป็นเพราะได้รู้ว่า เขาได้สลัดอะไรบางอย่างที่ชั่วร้าย

ออกไปจากชีวิตอย่างไม่ควรเสียดาย ด้วยความร่วมมือโดยไม่ตั้งใจจากเพื่อนคนนี้

      “นายไม่โกรธเรื่องเรากับ....”

      “ไม่ ๆ ๆ....ไม่โกรธ เอาเป็นว่าเราขอให้นายมีความสุขกับสิ่งที่นายเลือกแล้วกัน งั้นเราไปก่อนนะ”

     ปอบอกลาเพื่อน คงจะเป็นการลาชั่วนิรันดร์ล่ะปอคิด สำหรับคนคู่นี้เขาปลีกตัวออกมาได้

ก็เรียกว่าบุญท่วมหัว

      “โชคดีนะปอ ถ้าแวะมาที่นี่ก็อย่าลืมมาหาเรามั่งแล้วกัน”

      ปอไม่คิดจะตอบรับเพราะคงไม่มีวันที่ปอจะทำอย่างนั้นแน่ เจอกันแค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับเวลาที่สูญเสียไป

      ปืนเก็บความสงสัยไว้ในใจกับท่าทีของปอที่เปลี่ยนไปได้ไม่ทันข้ามวัน ซึ่งหลังจากออกมาจากหอพัก

ปอกลับชวนปืนไปเดินเล่นในห้างเพื่อซื้อของฝากป๊ากับแม่ จากที่ในครั้งแรก ตกลงกันว่ากินข้าวแล้ว

ก็จะกลับโรงแรมเลย ด้วยความที่ไม่อยากออกไปพบผู้คน

      แต่จะยังไงก็ช่าง แค่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี ปืนก็พอใจแล้ว เขาไม่อยากเห็นปอซึมเศร้า

ยังนึกด้วยซ้ำว่าการมากรุงเทพคราวนี้จะเป็นย้ำความระทมบ่มความเศร้าให้ปอหรือเปล่า
 
แต่ก็ดูเหมือนว่าปืนคงไม่ต้องกังวล ก็ดูกิริยาอาการที่มีชีวิตชีวาของปอสิ มันเรียกรอยยิ้มของปืน

ได้ตลอดเวลาเลยทีเดียว

      “ยิ้มอะไรอ่ะพี่ปืน”

     ปอหันมาเห็นตอนที่ปืนยิ้มพอดี

      “คนอารมณ์ดีก็ยิ้มได้ไม่ต้องมีสาเหตุ”

      “เออ...พี่ปืนก็เป็นไปได้”

     "พี่ดีใจที่ปอโต้ตอบเพื่อนไปแบบนั้น"
 
     "เพราะผมมีพี่ปืนอยู่ข้าง ๆ ไง"


    ปอยิ้มกว้าง แล้วหันไปหยิบผ้าไหมเนื้อเนียนแถบยาวสำหรับคลุมไหล่หรือพันคอสำหรับผู้หญิง

ขึ้นมาถามความเห็นของปืน

    “พี่ปืนว่าแม่จะชอบมั้ย”

    “ถามพี่แล้วจะรู้มั้ยเนี่ย”

    ปืนใช้นิ้วมือทบผ้าเข้าด้วยกันแล้วขยี้เบา ๆ

    “เนื้อนุ่มเนียนดีนะ ไม่หนา อากาศไม่เย็นก็ห่มได้เอาสวยอย่างเดียว แต่แม่จะใช้เหรอ”

   “นั่นดิ มันดูสุภาพสตรีจังเลยนะพี่ปืน แล้วแม่ก็...นะ บางทีผมก็อยากให้แม่แต่งตัวสวย ๆ
 
เป็นเถ้าแก่เนี้ยมั่ง แต่ดูดิ ขนาดงานแต่งงานตามโรงแรมแม่ยังใส่เสื้อตัว กระโปรงตัว ไม่เห็นจะนุ่งผ้าไหม

ใส่ผ้าทอเหมือนใครต่อใครเลย”

    “แล้วมันไม่ดีตรงไหนเหรอ”

    “ผมไม่ได้ว่าไม่ดี แต่บางทีก็อยากให้แม่สวย ๆไง...ซื้อไปแล้วกันนะ เผื่อบางทีมันจะจุดประกาย

ให้แม่ลุกขึ้นมาทำสาวกะเค้ามั่ง”

    เจ้าปอนี่คิดแปลก ๆ ปืนก็เป็นผู้ชายที่สนใจการแต่งตัว เพื่อให้ภาพลักษณ์และบุคลิกดูดีอยู่เสมอ

แต่ก็ไม่เคยที่จะคิดอย่างที่ปอคิดมาก่อน แม่ของปืนเองก็งี้แหละ ดูจะไม่ต่างจากแม่ปอเท่าไร

อาจจะเป็นเพราะแม่เป็นคนทำมาหากิน ไม่ใช่คุณน้ำคุณนายมาจากไหน จะซื้อหาเสื้อผ้าแต่ละชุด

ก็ต้องคิดว่าใช้ได้นาน อีกทั้งต้องได้ใช้อย่างคุ้มค่า

    จำได้ว่าเสื้อผ้าชุดที่แม่ตัดใหม่เพื่อไปถ่ายรูปวันที่เขารับปริญญา จนบัดนี้

เขาก็ยังเห็นแม่หยิบมาใส่ไปงานเลี้ยงอยู่เรื่อยตามแต่โอกาส แบบเสื้อดูก็รู้ว่าไม่ทันสมัย

แต่คนอายุขนาดแม่คงไม่มาคิดเรื่องอินเทรนด์แล้วมั้ง

    “ถ้าแม่ไม่ใช้ก็อย่าว่าแล้วกัน”

    “ไม่ว่าหรอก แค่บอกราคาให้เสียดายก็พอ ขี้คร้านจะหยิบมาใช้ไม่ทัน”

    ช่างรู้นิสัยกันดีซะจริง สมกับที่เป็นลูกแม่เชียวนะเจ้าปอ

    “พี่ปืน ผมหิวน้ำ”

    “ก็ไปซื้อดิ”

    “เลือกของอยู่”

    “ไปก่อนเดี๋ยวค่อยมาดูต่อ”

    “พี่ปืนแหละไปซื้อให้หน่อย ผมซื้อพลาง ๆ จะได้เสร็จเร็ว ๆ”

    นี่ปืนเป็นพี่หรือเป็นทาสกันแน่เนี่ย....แต่ก็เต็มใจทำให้ปอเหมือนทุกเรื่อง

     ....ก็แค่ไปซื้อน้ำ….

    ปืนแก้ตัวให้ตัวเอง แล้วก็นึกถึงคำพูดที่ป๊ากับแม่มักจะพูดขึ้นมาดักคอเขาเกือบทุกครั้ง

    ‘เข้าข้างเจ้าปออีกแล้วล่ะสิ’

    หลายครั้งที่ปืนเห็นนิสัยทั้งดีและไม่ดีของปอ เขาก็มักจะหาเหตุผลมาสนับสนุน

หรือไม่ก็แก้ตัวแทนอยู่ร่ำไป ไม่รู้ว่าวันไหนเจ้านี่คงได้เสียคนเพราะปืนไม่เคยขัดใจกันบ้าง

    ปืนกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำอัดลมในมือ ก็เห็นปอยืนรออยู่ก่อนแล้ว พอปืนมาถึงก็ชวนกลับโรงแรม

    “อ้าว! แล้วไหนว่าจะซื้อของ”

    “ซื้อเสร็จแล้ว”

    “พี่ไปแป๊บเดียวเนี่ยนะ”

    “ก็เห็นมะล่ะว่าไม่เสียเวลา...ปะ กลับ”

    “ถ้ารู้ว่าแป๊บเดียวอย่างงี้ พี่รอให้ปอซื้อให้เสร็จ ๆ ซะ แล้วไปซื้อน้ำด้วยกันซะก็ดี

เหมือนถูกหลอกใช้เลยนะเนี่ย”

    เจ้าปอหัวเราะชอบใจ

    “เสร็จแล้วก็ไปเถอะน่า จะบ่นทำไมเนี่ย”

    ปอคว้าข้อมือปืนฉุดให้ออกเดินซะที เพราะนี่ก็ดึกแล้ว อีกสักพักก็คงได้เวลาห้างปิด

    กลับมาถึงโรงแรม พอเข้าห้องได้เจ้าปอก็นอนแผ่หราลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า

ปืนก็รู้สึกเหนื่อย ๆ เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ลงจากเครื่องก็ไม่ได้หยุดเลย ตั้งแต่เดินเรื่องเอกสารลาออกของปอ

ไปจนกระทั่งเก็บข้าวของที่หอพักเสร็จ ยังมีแรงไปเดินห้างอีกแน่ะ

   ไอ้การเดินช็อปปิ้งแบบนี้ปืนก็ร้างลามานานแล้ว เขาไม่ใช่วัยรุ่นที่ยังสนุกกับการเดินดูสินค้า

ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้างขอให้ได้ดูว่าที่ไหนมีอะไร วัยอย่างปืนเรียกว่าเป็นวัยที่รู้ใจตัวเองดีแล้ว

ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ชุดทำงานก็มีแบบมาตรฐานอยู่แล้ว เสื้อผ้าชุดลำลองก็ไอ้ยี่ห้อเดิม ๆ

ที่เคยใช้ อาจจะเลือกสีเลือกแบบใหม่ ๆบ้าง แต่ก็ไม่เคยเดินสำรวจของแปลกหูแปลกตาให้เสียเวลา

ซึ่งบางทีก็ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย

    แต่กับปอ ปืนเดินได้ทุกร้าน ทั้งเสื้อผ้าวัยรุ่นที่ปอถูกใจ ของฝากป๊ากับแม่ ญาติสนิทบางคน

กับเพื่อนสนิทอีกนิดหน่อย ปออาจจะถามความเห็นเขาบ้าง ปืนก็ไม่เคยเบื่อหน่ายหรือรำคาญ

กลับรู้สึกสนุกด้วยซ้ำไป เขาพอใจแล้วที่ได้มีส่วนร่วมในทุกจังหวะชีวิตของปอ

    “ไปอาบน้ำก่อนไปค่อยมาคลุกบนที่นอน”

    “เดี๋ยวดิ เหนื่อยนะเนี่ย”

    “ทีงี้ทำมาบ่น อีตอนเดินขึ้น ๆ ลง ๆ ซื้อของน่ะ ไม่รู้สึกอะไรมั่งเหรอ เดินลิ่ว ๆ ไม่มีหันมามองพี่หรอก”

    “อ้าว! ผมก็เห็นพี่ปืนเดินตามมาติด ๆ”

    “ก็งั้นสิ ขืนไม่ตามติด ๆ มีหวังได้หลงกันมั่งหรอก นึกจะผลุบหายเข้าไปร้านไหนก็ไม่ส่งซิกกันก่อน

 ดีนะว่าพี่คอยสังเกต ไม่งั้นได้เดินหากันจ้าละหวั่น เมื่อยหนักกว่านี้อีกจะบอกให้”

    “โด่...ที่แท้ก็เมื่อยเหมือนกัน เอาเหอะ คืนนี้จะนวดให้”

    “ไม่ต้องเลย ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะได้อาบมั่ง เหนียวตัวจะตายอยู่แล้ว”

    “อาบพร้อมกันปะ” ปอนึกสนุก ท่าทางบอกว่าเอาจริง

    “ไม่เอา”

    “ไปเหอะ สนุกออก...นะ”

    “ชวนเป็นเด็กไปได้….ไปเลย อย่ามาเถลไถล ดึกแล้วจะได้รีบนอน”

    ปอลุกขึ้นทำท่าอิดออด แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำไปดี ๆ

    เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งหรอกที่ปืนไม่ได้ตามใจปอ ซึ่งก็หมายความว่าปืนก็ขัดใจตัวเองเหมือนกัน

ทำไมปืนจะไม่อยากทำอย่างที่ปอชวน ก็การได้อาบน้ำด้วยกัน มันก็ต้องมีการสัมผัสเนื้อตัวกันบ้าง

ได้แนบชิดกับคนที่เราพึงใจใครล่ะไม่ชอบ แต่ปืนกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวเผลอทำอะไรลงไป

ที่อาจจะทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิตน่ะสิ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 13/5/2555
«ตอบ #35 เมื่อ13-05-2012 23:22:29 »

ปอเดินออกมาจากห้องน้ำเนื้อตัวยังมีหยดน้ำเกาะ แล้วก็ไม่ยอมเช็ดซะให้แห้งก่อน มาเจอแอร์เย็น ๆ

เดี๋ยวก็ไม่สบายกันบ้างหรอก ปืนทนดูไม่ได้อีกตามเคย ต้องลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาห่มให้....แล้วดูมัน

ยังมีหน้ามายิ้มตาหยีอีกนะ

   “ทีหลังอย่าเดินตัวเปียกออกมาอีก โดนแอร์จะไม่สบาย”

   ปืนบ่นเบา ๆ

   “ผมไม่กระหม่อมบางอย่างนั้นหรอกน่าพี่ปืน....อาบน้ำเย็น ๆ ออกมาโดนแอร์เนี่ย สดชื่นที่สุดเลย

หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเชียวแหละ”

   “เค้ามีแต่แช่น้ำอุ่นให้หายปวดเมื่อย”

   “นั่นมันพี่ปืน เอามั้ย เดี๋ยวผมผสมน้ำอุ่นให้แช่ในอ่าง เสร็จแล้วมานอนให้ผมนวด”

    ฟังเจ้าปอพูด มันคลับคล้ายคลับคลาอยู่นะ หวังว่าปอคงไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรออกมา

   “ไม่ต้องหรอก ขอบใจ พี่ทำเองได้” ปืนเดินไปหยิบชุดนอน เลี้ยวเข้าห้องน้ำ

   “ถึงผมจะไม่ใช่น้องนาง ลงอ่างกับพี่ปืนไม่ได้ แต่ผมก็นวดเก่งน้า แม่ยังเคยให้นวดบ่อยไป

ไม่ลองหน่อยเหรอคร้าบ”

   นึกแล้ว

   “ไอ้ทะลึ่ง”

   ก่อนประตูห้องน้ำจะปิดลง ปืนยังได้ยินเสียงปอหัวเราะแว่ว ๆ ถึงจะหมั่นไส้คำเชิญชวนที่น่าลอง

แต่ปืนก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ กับอารมณ์ร่าเริงของปอที่ค่อย ๆ กลับมาเหมือนเดิม ปืนจะยังต้องการอะไรมากไปกว่า

การที่ปอยิ้มได้เต็มหน้า หัวเราะได้เต็มเสียง.....ไม่มีอีกแล้ว

   ปอนอนดูทีวีอยู่บนเตียงแล้ว เมื่อปืนเสร็จจากอาบน้ำ ออกมาในสภาพที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย

   “ยังไม่นอนอีก ดึกแล้วนะ” หันไปมองนาฬิกา ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว

   “อ้าว! ก็ผมรอนวดให้อยู่หนิ”

   “เอาจริงเหรอ” จะว่าไป ปืนก็ยังปวดเมื่อยอยู่จริง ๆ นั่นแหละ

   “พื่ปืนเอาจริง ผมก็นวดจริง”

    ปอขยับลุกขึ้นจากเตียงตัวเอง กระโดดขึ้นมาอีกเตียงที่ยังคลุมผ้าห่มตึงเปรียะ

   ปืนล้มตัวลงนอนแล้วพลิกตัวคว่ำลง

   “อ้าว! ไงล่ะ ให้ผมนวดตรงไหน”

   “เมื่อยน่อง” ปืนพูดทั้งที่ยังหลับตา พอได้อาบน้ำ รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว ความง่วงงุนก็ถามหาทันที

 แต่ยังคงรู้สึกถึงฝ่ามือนุ่มหยุ่นที่สัมผัสหนัก ๆ เป็นจังหวะไปตามลำขาอย่างสม่ำเสมอ

ปืนค่อย ๆ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าทีละน้อย สบายจนเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว

   “อือ....”

   “ง่วงแล้วเหรอพี่ปืน”

   “อือ...”

   “ง่วงก็หลับไปเลยก็ได้นะ ผมจะนวดไปเรื่อย ๆ”


   ปืนค่อย ๆ ดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ มารู้สึกตัวอีกทีตอนใกล้สว่าง มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นฟ้าเริ่มจะสางแล้ว

แต่ฟ้าที่นี่กับฟ้าที่บ้านช่างต่างกันเหลือเกิน ปืนไม่ค่อยจะได้เห็นผืนฟ้าที่นี่เป็นสีฟ้า อย่างที่เคยเห็นที่บ้านเลย

มากี่ครั้ง มองไปกี่หน ก็เห็นแต่ฟ้าที่มัว ๆ ซัว ๆ แต่กระนั้น เช้านี้ก็ยังรู้สึกแช่มชื่น กระชุ่มกระชวยต่างจากวันอื่น ๆ

ก็เจ้าตัวดีมันมานอนเบียดอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ขาเรียว ๆ ก่ายอยู่บนขาของปืน หน้าผากมน ๆ

ก็ซุกอยู่กับไหล่ของปืน เตียงตัวเองมีก็ไม่รู้จักไปนอน มานอนเบียดกันอยู่ได้

....แต่มันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

   ปืนนอนนิ่ง ๆ พยายามไม่ขยับตัว กลัวปอตื่น ความรู้สึกดี ๆ อย่างนี้จะพลอยหายไปด้วย

ขอเก็บเอาไว้นาน ๆ หน่อยได้มั้ย อยากทำอะไรมากกว่านี้ อย่างเช่น ก้มลงไปจูบหน้าผากนั่นสักที....ก็ไม่กล้า

..........เดี๋ยวปอตื่น

   ปืนนอนมองหน้าปอพลางก็คิดถึงตอนแรก ๆ ที่เริ่มรู้จักกัน ปอเป็นแค่เด็กมอปลายที่กำลังเตรียมเอ็นฯ

ร่างบาง ๆ หน้าตาเด๋อ ๆ แต่ก็น่ารักสุดใจ มาถึงวันนี้ปอโตกว่าเดิมนิดหน่อย แขนขาเริ่มมีกล้ามเนื้อ

แสดงให้เห็นว่าเริ่มเป็นหนุ่มแล้ว จากที่แค่รู้สึกว่าน่ารัก น่าเอ็นดู ตอนนี้ปืนกลับเห็นแววเซ็กซี่ในตัวปอขึ้นมา

เวลาผ่านไปไม่ทันข้ามปี เด็กผู้ชายช่วงนี้ช่างโตเร็วซะจริง.....แล้วเขาเองล่ะ ปีนี้ปืนก็ครบเบญจเพส

กำลังย่างเข้าปีที่ 26 ห่างจากปอตั้งหกเจ็ดปี จะมีทางที่ปอจะมองเห็นปืนเป็นอื่นไปได้มั้ยนะ

นอกจากคำว่าพี่ชาย

   ปืนนอนคิดวนเวียนเรื่องเดิม ๆ สลับกับมองหน้าปอไปเรื่อย ๆ จนแดดแจ๋อยู่นอกหน้าต่าง

เรียกว่าสายมากแล้ว เอื้อมมือหยิบนาฬิกาที่วางไว้ที่หัวนอนมาดู เป็นเวลาแปดโมงกว่า ๆ

....นี่เขานั่งมองปอเฉย ๆ นิ่ง ๆ มากว่าสองชั่วโมงเชียวหรือ ทำไมเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วนักนะ

ปืนยังไม่อิ่มเลย มองเท่าไรก็ไม่มีวันอิ่ม ไม่มีวันเบื่อ

   ปอขยับตัวท่าทำบิดขี้เกียจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองปืน หัวยุ่ง หน้ายับ ขี้ตากรังปอก็ยังน่ารักในสายตาปืน

   “พี่ปืนตื่นนานยัง”

    พูดไปอ้าปากหาวไป ปืนก็ยังฟังรู้เรื่องว่าปอถามว่าอะไร

   “นานแล้ว” ปืนขยับตัวบ้าง นอนนิ่ง ๆ ท่าเดียวนาน ๆ ออกจะเมื่อย

   “หลับสบายจัง”

   “แล้วทำไมไม่ไปนอนเตียงตัวเอง”

   อุตส่าห์เสียค่าห้องสองเตียง อย่างงี้มันขาดทุนนะเว้ย

   “ไม่รู้ดิ พอง่วงผมก็ล้มตัวนอนนวดพี่ปืนไปด้วย หลับตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย”

    ปอลุกขึ้นจากเตียงไปยืนบิดขี้เกียจอวดทรวดทรงองค์เอวอยู่ตรงหน้าปืน....แหม...มันน่าขย้ำนักนะ

   “หายเมื่อยยังเนี่ย”

    ปอถาม

   “อืม....”

    ปืนลุกขึ้นบ้าง นอนนิ่ง ๆ ดูหุ่นเจ้าปอ เดี๋ยวจะพาลฟุ้งซ่านซะเปล่า ๆ

   “พี่อาบน้ำก่อนดีกว่า ปออ่ะ สั่งอะไรมากินก่อนมั้ย แล้วค่อยอาบน้ำ”

   “อย่าเลย เราอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า อาหารที่นี่แพงจะตาย”

   “ถ้าหิวก็ไม่ต้องหิ้วท้องรอหรอก เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหา สั่งมากินได้เลย

มันไม่ได้หมดเปลืองไปซักเท่าไหร่หรอกกะอีแค่มื้อสองมื้อ”

   “ผมว่าแทนที่จะสั่งมากิน เรารีบอาบน้ำแล้วไปเร็ว ๆดีกว่า”

   “ก็ตามใจ”

   ปืนหยิบชุดชั้นใน เดินเข้าห้องน้ำ กำลังจะปิดประตู ไอ้ตัวดีก็รีบคว้าบานประตูไว้ก่อน

   “อาบด้วยดิ”

   “อารายเนี่ย”

   “อาบพร้อม ๆ กันจะได้เร็ว ๆ ไง”

   มันบอกหน้าตาเฉย

   “น่าอย่ามากเรื่องนักเลย อาบพร้อมกันน่ะดีแล้ว ประหยัดเวลา ผมหิวแล้วด้วย”

   ไอ้เด็กบ้านี่มันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซะบ้างเลย ว่าปืนจะต้องอดทนอดกลั้น กักเก็บอารมณ์ (ใคร่) ขนาดไหน

 จะพูดจะห้ามไปเดี๋ยวมันก็อ้างเรื่องที่มันอิจฉาเพื่อนมันกับพี่ชายอาบน้ำด้วยกันขึ้นมาอีก แล้วปืนก็ต้องใจอ่อนอยู่ดี

 อย่าพูดมันเลยวะ....อาบน้ำเย็น ๆ ก็แล้วกันเผื่อมันจะช่วยคลายความร้อน (รุ่ม) ได้มั่ง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 13/5/2555
«ตอบ #36 เมื่อ13-05-2012 23:24:29 »

         อาหารเช้าราคาเยาจากร้านใกล้ ๆ โรงแรมก็ทำให้อิ่มได้  ความจริงปืนก็ไม่ใช่

คนที่กินหรูเลิศมาจากไหน ข้าวแกงธรรมดาก็ฟาดมานักต่อนักแล้ว ขอให้อิ่มเป็นพอ เขาห่วงก็แต่ปอนั่นแหละ

ยิ่งช่วงหลังปอดูซูบผอมผิดตา ปืนก็อยากจะดูแลให้ปอมีน้ำมีเนื้อขึ้นกว่าเดิมหน่อย

แต่ปอเองก็เป็นคนกินง่าย....เด็กหนุ่มก็แบบนี้แหละ กำลังโตวันโตคืน ก็ดูเอาเถอะ อยู่กับปืนทั้งวันทั้งคืน

กินอิ่มนอนหลับ เรื่องทุกข์ใจค่อย ๆ จางหาย ปอก็เริ่มกลับมามีสีสันเหมือนเดิมแล้ว แก้มเต่ง ๆ เริ่มมีเลือดฝาด

ยิ่งเวลาที่โดนแดดยามเช้าส่องก็ยิ่งซับเป็นสีแดงเรื่อ ริมฝีปากก็อูมอิ่มน่า....

         “พี่ปืน วันนี้เราไปไหนกันดีอ่ะ”

         อยู่ ๆ เจ้าปอก็ส่งเสียงขัดจังหวะความคิดขึ้นมา

         “เอ้อ....แล้วปออยากไปไหนล่ะ”

         ปืนย้อนถามกลับให้ปอเป็นฝ่ายเลือก

         “ที่จริงก็ไม่อยากไปไหนหรอก แต่เราไม่เคยมาเที่ยวด้วยกันเลย ผมอยากพาพี่ปืนเที่ยว”

         “ก็แล้วแต่ปอแล้วกัน”

         “ว่าแต่พี่ปืนจะไหวป่าว เกิดเมื่อยขึ้นมาอีก ผมมิต้องนวดให้อีกรอบเหรอเนี่ย”

         หนอย! ไอ้เด็กนี่ เมื่อคืนมันเป็นฝ่ายเชิญชวนซะขนาดนั้น ทำยังกะว่าถูกปืนบังคับแน่ะ

         “ลำบากนักก็ไม่ไปก็ได้วะ กลับไปนอนที่โรงแรมแล้วกัน”

         “โห...มีงอนนะ ผมแค่ล้อเล่น คืนนี้ถ้าพี่ปืนเมื่อยอีก ผมก็นวดให้อีกยังได้”

         ตลอดวันที่เหลือจนกระทั่งยามเย็นมาเยือน ทั้งสองคนก็ยังไม่กลับเข้าโรงแรม เดินเล่นเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา

เข้าห้างโน้น ออกห้างนี้ จนปืนขาแทบลาก เจ้าปอจัดเป็นนักช็อปคนหนึ่ง ทีแรกที่บอกว่าจะพาพี่ปืนเที่ยว

ปืนก็นึกว่าน่าจะไปตามสวนสนุก หรืออย่างน้อยก็น่าจะเป็น สวนสัตว์เขาดินละเอ้า (แม้ว่ามันจะดูเชย)

ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าการพาเที่ยวก็คือการพาปืนมาเสียเงินแท้ ๆ ถุงใส่ข้าวของอยู่ในมือสองมือของตัวเองยังไม่พอ

ยังอยู่ในมือปืนอีกไม่รู้เท่าไร พะรุงพะรังกันทั้งคู่ล่ะว่างั้น

         “มีแต่ของผมซะเมื่อไหร่ ของพี่ปืนอ่ะ น้อยนักเหรอ”

         พอปืนแกล้งบ่นว่าหนัก ไม่มีมือจะถือ เจ้าปอก็สวนมาว่ายังงี้แหละ มันน่า...??..ปิดปากซะดีมั้ย

         “ก็ใครชวนซื้อโน่นซื้อนี่ล่ะ”

         “พี่ปืนไม่เอาก็ได้นี่นา อย่านะ อย่ามาโทษผมฝ่ายเดียว”

         ปอทำหน้าคว่ำ

         “เออ...ก็ไม่ได้โทษหรอก แต่ว่า....พอรึยังล่ะ พี่เมื่อย พี่เหนื่อย พี่หิว”

     ....หิวจนแทบจะกินคนแถวนี้ด้วยความมันเขี้ยว

         “อ้าว!  แล้วก็ไม่บอก กินไรดีอ่ะ ในห้างมันก็มีแต่ฟู้ดเซ็นเตอร์นะพี่ปืนที่มันง่าย ๆ หรือว่าพี่ปืนอยากกินอะไร”

         “อะไร ๆ ก็กินเข้าไปเถอะปอ เสร็จแล้วจะได้รีบ ๆ กลับ”

         และแล้ว ‘อะไร ๆ’  ที่ปืนพูดก็จบลงที่พิซซ่าอย่างที่คาดไว้ในใจ เพราะเพิ่งจะเดินผ่านร้านนั้นมาเมื่อสักครู่นี่เอง

         ก่อนกลับโรงแรม ปืนก็จำเป็นต้องแวะร้านขายกระเป๋าเป็นร้านสุดท้าย

         “ซื้อไปทำไมพี่ปืน ยังกะได้เดินทางบ่อย ๆ งั้นแหละ ปีนึง ๆ พี่ปืนขึ้นมาอบรมกี่หนกันเชียว”

         ปอมองกระเป๋าลากใบใหญ่ขนาดที่ตัวเองก็ยังลงไปนอนขดได้อย่างงง ๆ

         “ก็ไอ้สัมพารกพวกนี้มันจะมีที่เก็บมั้ยละนั่น ถ้าไม่หาอะไรใหญ่ ๆ ใส่มันไว้รวมกันน่ะ”

         เจ้าปอทำปากรูปตัวโอ แก้มป่อง ทำท่าว่าเข้าใจ ปืนเห็นแล้วให้นึกอยากจุ๊บแก้มป่อง ๆ นั่นซะจริง

แล้วก็ต้องปลงกับตัวเองว่า คงได้แค่คิดอยู่ในใจ

         บางทีปืนมานึกดูว่า เขาจะอยู่ในสภาพนี้ได้อีกนานแค่ไหน การจะทนเก็บกักความรู้สึกให้มันอยู่แค่ภายในใจ

มันต้องอึดอัดแน่ ๆ เขารู้ตัวดี แต่จะให้ปืนเปิดเผยความรู้สึกนี้กับปอเขาก็ทำไม่ได้อีก แล้วการที่ต้องเก็บอะไรเอาไว้นาน ๆ

ปืนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีวันที่มันจะระเบิดออกมาหรือเปล่า และถ้าวันนั้นมาถึง แรงระเบิดมันคงมหาศาล

มันจะทำร้ายใครบ้างก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ มันคงทำร้ายตัวปืนเอง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ปืนไม่อยากมีวันนั้นเลย

         “พี่ปืนอิ่มแล้วไปไหนต่อดี”

         นี่มันยังไม่หมดแรงรึไงเนี่ย ปืนล่ะแทบจะลงนอนเหยียดซะตรงนี้ให้มันหายเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว

ดูท่าเจ้าปอคงจะอ่านสายตาปืนออกมั้ง ก็เลยรีบเปลี่ยนความตั้งใจ

         “กลับกันเลยก็ดีเนอะพี่ปืนเนอะ เดินต่อเดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวได้ซื้อกันอีกจะขนกันไม่ไหว”

         “คิดได้งั้นก็ดี พี่จะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ยังกับว่าที่บ้านเราไม่มีขาย ขนซื้อเข้าไปทำไมตั้งมากมาย

ทั้งเสื้อผ้า ทั้งรองเท้า มันก็ไอ้ยี่ห้อที่ในห้างบ้านเรามันก็มีนั่นแหละ”

         “แต่ที่นี่มันลดราคาเยอะกว่านะพี่ปืน ที่โน่นอ่ะจะลดหนัก ๆ ทั้งทีก็สินค้าล้างสต็อค เคยมั้ย

จะลด50เปอร์เซ็นทั้งเคาน์เตอร์อ่ะ” เออ...ก็จริงของมัน

         “แล้วรองเท้าที่นี่แบบมันก็มากกว่า เคยมั้ยเจอแบบถูกใจบางทีไม่มีไซส์ แล้วนี่ทั้งถูกใจทั้งถูกเงิน

ยังไม่เอาอีก”
         ไม่เอากะผีอ่ะสิ เฉพาะรองเท้าของปืนก็สามคู่เข้าไปแล้ว ของมันอีกสองคู่ ที่เหลืออีกเป็นสิบถุง

ก็เสื้อผ้าที่ปอเลือกให้ บอกว่าเหมาะกับปืนอย่างงั้นอย่างงี้ ส่วนของตัวเองก็ซื้อเอา ๆ

ไม่ถามความเห็นของปืนสักคำ

        ปืนนึกถึงพ่อตอนที่แม่ซื้อของใช้มาให้ พ่อก็ไม่เคยปริปากบ่นว่าไอ้โน่นไม่ดี ไอ้นี่ไม่ชอบ มีแต่ก้มหน้าก้มตาใส่

ชอบมากหน่อยก็ใส่บ่อย ๆ ชอบน้อยหน่อย ก็ใส่บ้างพอให้แม่เห็น จะได้ไม่น้อยใจว่าซื้อมาแล้วพ่อไม่ชอบ

         ปืนสำรวจความรู้สึกตัวเองตอนนี้ก็ใกล้เคียงพ่อเข้าไปทุกที ปอชี้ให้ซื้ออะไรปืนก็พยักหน้าหงึกหงักไม่ค้านซักคำ

ปืนหยิบอะไรที่ปอบอกว่าไม่เข้าท่า ไม่เหมาะกับปืน ก็ไม่ดื้อไม่โวยอีกนั่นแหละ

         ถ้าเขามีปอช่วยดูแลเรื่องส่วนตัวให้อย่างนี้ ปืนก็ว่าคงไม่จำเป็นที่ปืนจะต้องมองหาแม่บ้านซะแล้วละมั้ง

แต่ความจริงก็คือ สักวันปอจะต้องไปมีครอบครัวของตัวเอง แล้ววันนั้นใครจะมาช่วยดูแลปืนอย่างนี้

ยิ่งอยู่กับปอไปนาน ๆ ยิ่งจะทำให้ปืนเคยตัว ชักจะทำอะไรไม่เป็น ช่วยตัวเองไม่ได้เข้าไปทุกที

         จะว่าไปทุกวันนี้ตั้งแต่มีปอมาอยู่ร่วมห้อง เจ้านี่ก็ทำทุกอย่างให้ปืนเหมือนเมื่อตอนที่มาติวหนังสือก่อนเอ็นฯนั่นเลย

ไหนจะซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน จะมีก็เรื่องอาหารการกินที่ต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารนอกบ้าน

จนเดี๋ยวนี้คนรับจ้างซักผ้าให้ปืน ชักจะเขม่น ๆ เพราะขาดรายได้ไปไม่น้อย ด้วยความที่ปืนเป็นขาประจำ

และไม่เคยโวยวายเหมือนบางราย ที่พอผ้าไม่เรียบก็บ่น ผ้าไม่หอมก็บ่น ส่งผ้าช้าก็บ่น แถมปืนยังจ่ายเงินตรงเวลา

ไม่เคยต้องให้ทวง ไม่ใช่ว่าปืนจะเป็นคนดิบดีอะไรนักหนา แต่เป็นเพราะรำคาญ ขี้เกียจจะเถียง

เสื้อผ้าส่งไม่ทัน ไม่มีจะใส่ ปืนก็ซื้อเพิ่มดีกว่า ปัญหาอะไร ๆ ก็แล้วแต่ คิดเสียว่า

เราไปแก้ไขข้อบกพร่องคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น แก้ที่ตัวเองล่ะดีที่สุด ได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น


         กลับมาถึงห้องพักเกือบสองทุ่ม ปืนวางสัมพารกในมือได้ก็ถลาคว่ำหน้าลงบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยล้า

ยังไม่ทันไรเลย ปีนี้ปืนเพิ่งจะย่าง 26 แต่เดินช็อปปิ้งกับปอแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองแก่กว่านั้นมากมาย

คงเป็นผลมาจากการที่เขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไร เลิกงานแล้วก็เข้าผับเพื่อดื่มกิน ออกจากผับได้

ก็หิ้วหญิงติดมือมานอนด้วย เพิ่งจะมาเลิกหิ้วก็ตอนที่รู้จักกับปอนี่เอง เพราะใจมันหมดอยากซะดื้อ ๆ

เห็นผู้หญิงแล้วปืนเฉย ๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน หมายตาคนไหนไว้แล้วไม่ได้เป็นต้องทุรนทุราย

นึกย้อนกลับไปมองตัวเองแล้วยังแปลกใจว่า เขาเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่พบปอ หรือว่า จริง ๆ

แล้วมันฝังอยู่ในหัวจิตหัวใจเขามาตั้งแต่เกิด ก่อนนี้เขาก็เคยมาแล้วทั้งสองอย่าง หญิงก็ได้ชายก็ได้

เสพสุขได้เหมือน ๆ กัน แต่เดี๋ยวนี้ ปืนไม่มองใครอีกเลย ไม่ว่าหญิงหรือชาย ปืนมีแค่ปอคนเดียวเท่านั้น

บางเวลาที่นึกสนุกกับใครสักคน แค่นึกถึงหน้าปอ ปืนก็หันหลังได้ทันทีอย่างไม่ลังเล

         “พี่ปืน ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวผมนวดให้อีก”

         “อืม”

         ปืนรับคำแต่ยังไม่อยากลุกขึ้น

         ปอออกแรงดึงแขนที่ปืนใช้ซบหน้าแทนหมอน คะยั้นคะยอให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ

         “ไปเร็ว เดี๋ยวผมจะอาบมั่ง ร้อน เหม็นเหงื่อด้วย”

         พี่ไม่เห็นรู้สึกเหม็นเลย....ปืนนึกโต้ตอบอยู่ในใจ

         “ผมถอดรองเท้าให้นะ”

         ปืนรู้สึกว่ารองเท้าหลุดออกจากฝ่าเท้าไปแล้ว แต่ก็ยังนอนนิ่ง ๆ รอดูท่าเจ้าปอว่าจะทำอะไรต่อไป

จากถอดรองเท้า ก็ถอดถุงเท้า แล้วเจ้าตัวยุ่งก็จับปืนพลิกให้นอนหงาย ลงมือรูดเข็มขัดออกจากหูกางเกงก่อน

         ปืนนอนหลับตา ใจเต้นตึก ๆ ตั้ก ๆ ลุ้นอยู่ว่ามันจะไปถึงไหน ต่อจากเข็มขัด มันก็เป็นกางเกงละสิทีนี้

         “ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยพี่ปืน ถ้ายังไม่ลุก ผมอาบก่อนนะ แล้วอย่ามาเร่งด้วยขอบอก

เพราะผมจะนอนแช่น้ำอุ่นในอ่าง”

         เจ้าปอถอยออกไปยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าเตียง ปืนลืมตาขึ้นมองยิ้ม ๆ แล้วก็ได้แต่ถอนใจ

....นี่เขาหวังจะให้อะไรมันเกิดขึ้นงั้นหรือ ?

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 13/5/2555
«ตอบ #37 เมื่อ13-05-2012 23:44:21 »

วู๊วววววววววววววววววว     o13



ต่ออีกๆๆๆๆ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
 
    กว่าจะออกจากโรงแรมได้ก็เล่นเอาเหนื่อยพอแรง เพราะข้าวของที่ช่วยกันขนซื้อเมื่อวานนี้

ขามามีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กมากันคนละใบ แต่ขากลับนี่นอกจากกระเป๋าลากใบมโหฬาร

อย่างที่ปืนไม่เคยนึกอยากจะซื้อมาใช้ก็ยังมีเป้ที่มันงอกออกมาจากกระเป๋าปอเมื่อคืนนี้

      “ผมพับใส่กระเป๋ามาเผื่อเหลือเผื่อขาดอ่ะพี่ปืน”

    รู้จักที่จะรอบคอบเหมือนกันนะ แต่ก็ยังเอาไม่อยู่นั่นแหละ แล้วนี่ต้องไปเอาโทรทัศน์กับเครื่องเสียงที่หอพักอีก

ถึงได้รีบตื่นรีบเช็คเอ๊าท์จากโรงแรม ทีนี้ก็ต้องมาวางแผนว่าจะไปเอาของพวกนั้นยังไง เรียกรถแท็กซี่อ่ะของแน่อยู่แล้ว

แต่ไปโน่นมั่ง นี่มั่ง คงหลายตังค์อยู่ แต่ช่างเถอะเอาสะดวกก็แล้วกัน คิดได้อย่างนั้นปืนก็ให้เด็กยกกระเป๋า

เรียกรถหน้าโรงแรมเข้ามาให้


      ดีนะที่ปืนวางแผนไว้แล้วว่าขากลับต้องกลับรถไฟ เพราะเผื่อไว้ว่าสัมภาระของปอจะเยอะ บินกลับ

อาจจะยุ่งยากมากเรื่อง ก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ แถมยังจะมากเกินกว่าที่คิดซะอีกมั้ง หันไปมองไอ้ตัวภาระ

มันหน้าตาอย่างนี้นี่เอง แต่ปืนก็เต็มใจเป็นที่สุด

      การขนข้าวของขึ้นรถ แล้วขนถ่ายลงจากรถเมื่อถึงสถานีรถไฟ ทุลักทุเลพอสมควร เห็นปอตัวเล็ก ๆ บาง ๆ

อย่างนี้ก็อย่าได้ประมาทไปเชียว กระเป๋าใบใหญ่ที่เพิ่งซื้อปอก็ยกลงจากรถแท็กซี่ไหว ไอ้แท็กซี่เฮงซวย

ตอนขึ้นมันก็ช่วยกันดิบดีกับเด็กยกประเป๋าที่โรงแรม พอถึงปลายทางกลับไม่ลงมาช่วยเอาดื้อ ๆ ซะงั้น

จากที่คิดว่าจะไม่เอาตังค์ทอนจากเงินที่บอกไว้ที่มิเตอร์ ก็เลยเตรียมเหรียญเล็กเหรียญน้อยไว้ให้เสร็จสรรพ

....อย่าเอาเลยมึงเงินทิป เงินแถม...ปืนไม่ให้เหลือไปสักบาท สัมภาระทั้งหลายกองอยู่บนพื้นจนแทบไม่น่าเชื่อว่า

เขาสองคนจะพากันมาได้ ก็คิดดู กล่องโทรทัศน์กับกล่องเครื่องเสียงก็น้ำหนักไม่ใช่น้อย ๆ

คงต้องเรียกรถขนสัมภาระมาช่วยลำเลียง แต่ปอกลับอาสาที่จะทะยอยขนของบางส่วนไปก่อน

หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่แล้วว่ารถไฟขบวนล่องใต้ที่จะโดยสารขากลับจะเข้าเทียบชานชาลาไหน

ระหว่างที่เขาขนก็ให้ปืนเฝ้าของที่เหลือไว้ก่อน แต่ปืนไม่เห็นด้วย

   “เรียกรถขนสัมภาระมาเหอะปอ ของไม่ใช่น้อย ๆ แล้วก็หนักไม่ใช่เล่น จะขนให้เหนื่อยทำไม

จากตรงนี้เข้าไปข้างในก็ไม่ใช่ว่าใกล้นะ”

   ปืนมองดูเม็ดเหงื่อที่เกาะขมับและกำลังไหลลงมารวมกันที่ใต้คางของปอ แล้วอยากหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า

ออกมาซับให้ถ้าไม่ติดว่าที่ตรงนี้มีใครผ่านไปผ่านมา หันมาเห็นคงดูไม่ดี ปืนก็คงทำตามใจตัวเองไปแล้ว

ปอยกไหล่ ใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ราวกับจะอ่านใจปืนได้

    “เค้าคิดค่าขนเป็นชิ้นนะพี่ปืน หลายตังค์นะเนี่ย”

      “ไอ้ที่เสียไปกับค่าของมากกว่านี้ตั้งเท่าไหร่ มาเสียดายกับความสะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ

แค่นี้ ช่างมันเหอะ อ้อ! นั่นไง มาแล้วคันนึง”

      ปืนขยับยกมือเรียก แต่ไม่ทัน เพราะกลุ่มคนที่ยืนถัดจากเขาไปข้างหน้าอยู่ใกล้รถเข็นมากกว่า
   
   ...อดเลย...ปืนนึกในใจ แต่ไม่เป็นไร เพราะนี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเศษ ยังมีเวลาอีกนานกว่ารถไฟจะออก

มีเวลาให้เดินไถลเล่นซะจนเบื่อด้วยซ้ำไป อีกคันที่ตามมาระยะไม่ห่างกัน ก็ถูกเรียกไปก่อนอีกแล้ว

ปืนกับปอหันมาสบตากัน ปรึกษากันด้วยสายตา ปอก็พยักหน้า หันหลังเดินไปที่ห้องสัมภาระ

ไปเรียกที่ต้นทางซะเลยดีกว่าจะมายืนรอคันแล้วคันเล่า เพราะข้าวของที่กองอยู่ตรงบริเวณรับ-ส่งผู้โดยสาร

ซึ่งอยู่ด้านนอกสุด ยังดีที่ไม่อยู่นอกชายคาให้แดดส่องหัวเท่านั้นเอง ที่ตรงนี้คงไม่อยู่ในสายตาของคนรับจ้างขนของ

   ในที่สุดทั้งคู่ก็พาสัมภาระมาถึงโบกี้รถไฟได้อย่างราบรื่นในราคาเกือบสองร้อยบาท ปอทำหน้าขมึงทึง

เพราะรู้ว่าถูกโก่งราคา แต่จะให้ทำไงก็จ้างเค้ามาแล้ว เงินเล็กน้อยปืนไม่อยากให้เป็นเรื่อง ปอก็เรียกใช้ให้คุ้ม

โดยการให้ขนของขึ้นไปวางบนโบกี้ให้ด้วย เป็นเรื่องบังเอิญที่โบกี้หมายเลขที่จองมาจอดอยู่พอดี

พร้อมกับเปิดแอร์เย็นฉ่ำรอผู้โดยสาร ที่จริงก็เหลือเวลาอีกชั่วโมงเศษ ๆ ก็จะได้เวลารถออก

จึงมีการติดเครื่องยนต์และเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็เรียกว่าโชคดีที่ไม่ต้องขนขึ้นรถเอง

แต่ปลายทางล่ะ....ค่อยแก้ปัญหาเอาก็แล้วกัน เพราะยังไงรถก็จอดที่สถานีชุมทางปลายทาง

นานพอที่จะเขาจะขนของลงได้หมดก่อนรถไฟจะออกจากสถานีอยู่แล้ว
 
      “เหนื่อยจังเลยพี่ปืน”

    ปอทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับปืน หลังจากบ่นเสร็จ แทนที่จะไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้าม

จากนั้นก็ถอดรองเท้าเหลือแต่ถุงเท้าสีขาวสะอาด ยกขาขึ้นพาดบนเก้าอี้ พร้อมกับเอนลงมาซบไหล่ปืน

เขารับรู้ได้ถึงรอยเปียกชื้นของเหงื่อบนใบหน้าของปอ ที่ซึมลงมาเปียกเสื้อของเขาเองจนรู้สึกเย็น ๆ

คราวนี้ปืนก็เลยได้ทำตามใจตัวเองซะที

    เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดออกมาจากกระเป๋าเสื้อซับใบหน้าข้างที่ตะแคงขึ้น

      “ไม่หิวข้าวเหรอ”
 
      ปืนถามพลางเช็ดหน้าปอไปพลาง

    “ก่อนออกจากโรงแรมกินมาตั้งเยอะ ยังไม่หิวหรอก แต่เดี๋ยวผมจะไปหาของกินเล่นแถว ๆ นี้นะ
   
พี่ปืนอยากได้อะไรมั้ย”

    ปืนส่ายหน้าแทนคำตอบ

    “งั้นเดี๋ยวผมมา จะเอาเบียร์มาฝากนะครับ”

    ปืนยิ้มรับ ไอ้เด็กช่างรู้ใจ ร้อน ๆ เหนื่อย ๆ อย่างนี้ได้เบียร์เย็นเฉียบเทลงไปในคอคงรู้สึกดีขึ้น

เขามองตามหลังปอไปด้วยความรู้สึกรักใคร่ เอ็นดู เป็นห่วง ซึ้งใจ สารพัดความรู้สึกที่ผุดพลุ่งขึ้นมา

ล้วนแต่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก มันปนเปกันไปหมด อยู่ในช่องอกข้างซ้ายของเขานี่

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
      รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงตรงเวลา ไม่รู้ทำไมสิน่า ขาขึ้นกรุงเทพล่ะสายได้ทุกที

บางเที่ยวเสียเวลาเป็นชั่วโมง ๆ ก็ยังเคย

   ปืนเองชอบนั่งรถไฟมากกว่าเครื่องบิน ถ้าพอมีเวลา เพราะได้นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปตลอดเส้นทาง

ตกกลางคืนก็เหมือนมีคนไกวเปลให้นอน แกว่งไปแกว่งมา เพลินดี แต่ถ้าครั้งไหนเจอโบกี้สุดท้ายก็แย่หน่อย

เพราะมันจะแกว่งซะจนนอนไม่หลับเอาเลยทีเดียว

    เบียร์เย็น ๆ หมดไปแล้ว ที่ต้องรีบซดเพราะไม่มีถังน้ำแข็งสำหรับแช่ เบียร์ไม่เย็นก็ไม่อร่อย

ส่วนเจ้าคนที่ซื้อมาให้ เอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน ขายาว ๆ พาดมาฝั่งที่ปืนนั่ง เวลานอนหลับอย่างนี้

ดูเหมือนปอจะเด็กลงไปอีกหลายปี แก้มใส ๆ ปากแดง ๆ นั่นก็ยั่วยวนซะจริง ปืนรู้สึกตัวเอง

ยังกับกำลังชดใช้กรรมยังไงไม่รู้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นจะต้องอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกอยากขนาดนี้เลย

เพราะคู่ขา คู่นอน สำหรับปืนก็พอหาได้ บางคนก็ดูดีเข้าขั้นเป็นนางแบบได้ด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะสวยเพราะผ่านการทำศัลยกรรมก็เถอะ แต่ควงคู่ไปไหนมาไหนก็ไม่อายใคร บทบาทบนเตียง

ก็เรียกได้ว่ามืออาชีพ  อาการอยาก ๆ อย่างนี้ถ้าไม่ได้ระบายออกซะบ้าง ปืนคงอึดอัดตายกว่าจะถึงเวลานอน

ที่เจ้าหน้าที่บนรถไฟจะมาปูเตียงและปิดม่านให้ดูเป็นส่วนตัวขึ้น คิดได้อย่างนั้นปืนก็ลุกขึ้นจะไปจัดการตัวเองที่ห้องน้ำ

ถึงบรรยากาศจะไม่รื่นรมย์สักเท่าไร แต่ก็ยังนับว่าสะอาดกว่าตู้รถไฟบางขบวน เพราะขบวนนี้เป็นรถด่วนระหว่างประเทศ

ที่ต้องรักษาหน้าตาของประเทศกันหน่อย ยังไม่ทันจะก้าวพ้นจากที่นั่งก็ได้ยินเสียงเรียกของปอ

   “พี่ปืนไปไหน”
 
      “ไป...ห้องน้ำ”

    “ถึงไหนแล้วครับ”

   “เกือบถึงราชบุรีแล้ว จะกินก๋วยเตี๋ยวลวกรึป่าว”

   “ดีครับผมชอบ”

   “ดูไว้แล้วกัน เดี๋ยวพี่มา”

    ปืนเดินไปห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้จริง ๆ เพียงแต่เปลี่ยนจุดมุ่งหมายไปเลย ก็ยังไงดีล่ะ อารมณ์อยากมันหดหายไป

ตั้งแต่คำแรกที่ปอมันทักแล้วนั่นแหละ ปืนก็เลยแค่ระบายเบียร์ที่ดื่มไปสองกระป๋องออกไปให้ท้องโล่งแค่นั้นเอง

หลังจากนั้นก็เดินไถลไปตามตู้อื่น ๆ ในขบวน ผ่านไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นที่นั่งอย่างเดียวไม่ปูเตียง

และไม่มีไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ เรียกว่าเป็นชั้นประหยัด สภาพผู้โดยสารค่อนข้างแออัด

แทบจะไม่มีที่ว่างตรงทางเดิน แต่ปืนก็เลาะ เลียบไปเรื่อย ๆ จนถึงท้ายขบวนซึ่งเป็นช่องประตูโล่ง ๆ

ไม่มีบานปิดเปิด แต่มีโซ่คล้องเอาไว้หลวม ๆ ดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัย เพราะถ้าเด็กเล็กเดินเพ่นพ่านมาถึงตรงนี้

ก็อาจจะตกจากรถไฟได้ ปืนไม่อยากนึกภาพ เพราะมันดูสยดสยองเกินไป

   ยืนได้เดี๋ยวเดียว ปืนก็รู้สึกเหมือนมีใครมายืนใกล้ๆ เพราะได้กลิ่นอ่อน ๆ ของโคโลญจ์ผู้หญิง

หันไปดูก็เห็นเด็กสาวแรกรุ่น ยืนกอดอกมองปืนเฉย สบตากันก็ยังไม่หลบ

  จะเอายังไงกันเนี่ย.....ปืนไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ขนาดที่ผู้หญิงเห็นแล้วต้องวิ่งเข้าใส่

แต่สายตาที่จ้องมองมาของเด็กสาวคนนี้บอกปืนอย่างนั้น เขาไม่มีอารมณ์จะสนองตอบใครทั้งนั้นในตอนนี้

กำลังรู้สึกว้าวุ่นใจ คิดจะผ่อนคลายเงียบ ๆ คนเดียวก็ดันมีใครไม่รู้ตามมาป่วนจนได้ เขาตัดสินใจ

ที่จะเดินย้อนกลับไปทางเดิม ติดตรงที่เด็กสาวยังยืนขวางทางแคบ ๆ อยู่

ถึงปืนจะเบี่ยงจนตัวลีบ ก็ยังจะเสียดสีกันจนได้

   “ขอโทษครับ”

     ปืนเอ่ยออกไป พร้อมอากัปกิริยาก้าวเท้า เป็นภาษากายที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้ว่า เขากำลังขอทาง แต่จนแล้วจนรอด

เด็กสาวก็ไม่ทีท่าว่าจะเข้าใจ ปืนโบกมือไปด้านข้าง...น้องจะไปท้ายขบวนก็ไป แต่พี่จะเดินเข้าข้างใน

....ภาษามือพร้อมภาษาตาสื่อออกไปคราวนี้ เรียกรอยยิ้มของเด็กสาวตรงหน้าจนเห็นไรฟันเรียงตัวเรียบ

ทาบกับริมฝีปากสีชมพูที่ดูก็รู้ว่าถูกแต่งแต้ม

   “นี่พี่ปืนจำหยินไม่ได้จริง ๆ เหรอ”

   เสียงพูดห้วน ๆ กับใบหน้ายิ้มแย้ม เริ่มคุ้นหน้าปืนขึ้นมาทันทีที่ถูกทวงถาม

      “อ้าว! โทษที”

    “นึกว่าสาวไหนมาอ่อยให้ล่ะสิ”

   เฮ้อ!...ปากคอนะ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม่คุณเอ๊ย ปืนแก้เขินที่ถูกจับความรู้สึกได้ ด้วยการเกาศรีษะ

ทั้งที่ไม่มีอาการคัน เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ แต่เป็นกันเองจากหยินได้อีก

  “ไปไหนมาอ่ะพี่ปืน”

  “ไปกรุงเทพครับ”
 
  “ธุระเหรอ”

  “ครับ”

  “มาคนเดียว?”

  “เอ่อ...มากับปอ”

   สาวน้อยดีดตัวผึงยืนตัวตรง

   “ปอมาด้วยเหรอ ไหนอ่ะ”

   พูดพลาง สายตาก็สอดส่ายไปทั่ว จะเห็นได้ไง ปอนั่งห่างออกไปตั้งห้าหกโบกี้

   “อยู่ชั้นสองตู้นอนแน่ะ”

  ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรกะใคร หยิน สาวน้อยผู้ห้วนห้าวก็เดินฉับ ๆ ไปโดยไม่ต้องรอภาษากายของปืนให้ชักช้า

ที่เดินนำหน้านั่นก็คงไม่รู้หรอกว่า ปอนั่งอยู่ตู้ไหน แต่ดูท่าแม่คุณ เดินไปก็เหลียวมองไปอย่างไม่ต้องการคำบอกกล่าวของปืน

ก็คงเจอเข้าจนได้แหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบบ่าย
« ตอบ #39 เมื่อ: 14-05-2012 13:45:08 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
นั่นไง

   “ไงปอ”

   ทันทีที่เห็นก็ยิ้มร่าเข้าใส่ปอ ซึ่งดูจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวหยินไปแล้ว ที่เป็นคนยิ้มง่าย ร่าเริง

และตรงไปตรงมา

  “อ้าว! หยิน มาไงอ่ะ”

  หยินหย่อนก้นลงบนที่นั่งของปืน ทำให้ปืนต้องมานั่งกับปอแทน ม้านั่งที่นั่งคนเดียวได้สบายแม้ว่าจะนั่งฉีกแข้งฉีกขา

ก็แคบลงไปถนัด ต้นขาของปืนแนบสนิทกับต้นขาของปอ รวมทั้งด้านข้างไปตลอดลำตัว จนปืนรู้สึกวูบ ๆ วาบ ๆ

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันนะถึงได้มีอาการแบบนี้ แต่....อาการที่มันหดหายไปเมื่อครู่เริ่มจะมาเยือนอีกแล้ว

จนปืนหนาว ๆ ร้อน ๆ กลัวจะมีใครสังเกตเห็น มือเอื้อมคว้าหมอนย่น ๆ หุ้มผ้าขาวซึ่งเจ้าหน้าที่บนรถไฟนำมาวางไว้ให้

มาวางบนตักของตัวเอง ก็น่าจะพอพรางตาได้บ้างนะ

  “ไปธุระที่กรุงเทพให้แม่มา” หยินตอบ

  “เราก็กลับจากลาออกที่มหาลัย”

  “ลาออก? เฮ้ย! พูดเป็นเล่น ลาออกทำไม”

  อาการแปลกใจของหยินแลเลยมาทางปืน ก่อนจะหันไปสนใจปอต่อ

  “ทำไมอ่ะ มีปัญหาอะไรเหรอ อุตส่าห์สอบเข้าไปได้แล้วแท้ ๆ เรายังอยากจะเรียนที่ดี ๆ แบบนั้นแลย”

  “ก็มีปัญหาหลายเรื่องอ่ะ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับที่นั่น”

   “ไม่เหมาะยังไงว้า ตอนเลือกคณะก็เลือกเอง ไม่เห็นจะมีใครบังคับ แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าไม่เหมาะ”

      “มันไม่เกี่ยวกับคณะที่เราเลือกหรอกหยิน เราคงไม่คุ้นเคยกับสังคมแล้วก็ความเป็นอยู่แบบนั้นมากกว่า

เราชอบอะไรที่สบาย ๆ ไม่แก่งแย่งแข่งขัน แล้วก็ไม่ต้องแข่งกับเวลาด้วย”

      อันนี้หยินเห็นจริงเหมือนปอ

     “ก็จริง แต่เราก็จำเป็นต้องอยู่หนิ เค้าส่งให้มาเรียนแล้วก็ต้องเรียนให้จบ กว่าจะขอออกจากบ้าน

มาอยู่อย่างอิสระเสรีได้นี่ก็แทบตาย ปอก็รู้ว่าแม่กับป๊าของปอยังต้องมาขอกับแม่กับป๊าของเราเลย”

     “เออ...จริงดิ แล้วนี่ถ้าอาเจ็ก กับอี๊นีรู้ว่าเราลาออก ไม่ได้อยู่กรุงเทพแล้ว จะยังให้หยินเรียนต่อไปอีกมั้ยเนี่ย”

     ปอนึกขึ้นได้ว่า แม่กับป๊า บอกอาเจ็กกับอี๊นีว่า ไม่ต้องห่วงหยิน เพราะปอก็จะมาอยู่ด้วย ถึงจะเรียนคนละที่

แต่ถ้ามีปัญหาก็ติดต่อกันได้ไม่ลำบากอะไร เป็นการช่วยรับรองให้หยินได้ไปเรียนในเมืองหลวง ที่เจ้าตัวเคยใฝ่ฝันนักหนา

ว่าสักวันจะต้องได้มาเรียน เหมือนรุ่นพี่หลายคนที่กลับไปแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนเก่า

     “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ปอยังไม่ได้บอกแม่กับป๊าเราใช่มั้ย”

     “แต่แม่กับป๊าเรารู้แล้ว พี่ปืนบอกว่าต้องของอนุญาตก่อน ไม่งั้นเราก็ไม่บอกหรอก”

     หยินหันมายิ้มให้ปืน

     “ดีแล้วล่ะปอ ไม่บอกไม่ได้หรอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้เนี่ย ถ้าเค้ารู้ทีหลังก็คงจะเสียใจ ให้รู้กันไปตอนนี้

คุยกันด้วยเหตุผล ยังไงก็รับได้อยู่แล้ว เพราะปอไม่เคยเหลวไหล ที่ปอลาออกจะต้องมีเหตุผลจริงมั้ย”

     “แล้วปอมีเหตุผลแค่ที่บอกเราเนี่ยเหรอ”

     หยินทำหน้าคล้ายจะไม่เชื่อ อาจจะด้วยวัยที่เท่ากัน และความสนิทสนมที่มีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้จักนิสัยใจคอกันดี

หยินมั่นใจว่าต้องมีสาเหตุมากกว่านั้น

     “ก็เรื่องเพื่อนนิดหน่อย แล้วเราก็อยากกลับมาเรียนใกล้บ้านด้วย อยู่อย่างนั้นเหมือนตัวคนเดียว เวลามีปัญหา

เรารู้สึกเคว้งคว้างยังไงไม่รู้”

  “ปีหน้าจะเอ็นฯ ใหม่เหรอ ทำไมไม่เรียนไปก่อนซักปีล่ะ เผื่อจะได้โอนหน่วยกิตได้มั่ง ไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด”

  หยินเสียดายทั้งเวลา และโอกาสที่น้อยคนนักจะทำได้อย่างปอ แถมบางคนพอเอ็นทรานซ์ไม่ได้คณะที่ตั้ง

ความหวังไว้ก็ทำลายชีวิตตัวเองอย่างคนสิ้นคิด หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการทำร้ายคนที่อยู่ข้างหลังอีกไม่รู้กี่คน

ที่แน่ ๆ ก็คือพ่อกับแม่ที่ทุ่มเททั้งความรัก ความห่วงใย แรงกายแรงใจ เพื่ออนาคตของลูก

    “ช่างมันเหอะ ไม่เท่าไหร่หรอก”
 
     ปอพูดตัดบทเหมือนอยากจะให้บทสนทนาเรื่องเรียนมันจบ ๆ ไป ก็มันตัดสินใจไปแล้ว มาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์

ปออาจจะดูเป็นคนไม่ค่อยจะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดนัก แต่ถ้าลองได้ตัดสินใจทำแล้ว ก็จะยอมรับผลของมันเสมอ

และน้อยครั้งที่จะรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น

     “ก็เราห่วง”

     “ขอบใจนะ มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”

     สีหน้าของปอไม่ได้แสดงความรู้สึกเสียดาย นั่นทำให้หยินพูดออกไปว่า

     “ถึงจะเปลี่ยนได้ ปอก็ไม่เปลี่ยน ทำไมเราจะไม่รู้”

     สองคนส่งยิ้มให้กันอย่างคนที่รู้ใจกันมานาน ปืนมองคนโน้นที คนนี้ที แล้วสรุปได้ว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกไปซะแล้ว

ก็เลยคิดได้ว่า ไม่รู้ตัวเองจะมานั่งทนดูความสนิทสนมของเค้าไปทำไมกัน

     “ที่นั่งหยินอยู่ตรงไหนครับ”

     “ตู้โน้นแน่ะค่ะ”

     หยินพยักหน้าไปด้านท้ายขบวนที่เพิ่งจะเดินย้อนกลับมา มันก็ชั้นสามน่ะสิ ปืนมองตามด้วยความรู้สึกงงงัน

เพราะฐานะทางบ้านของหยินไม่ใช่ธรรมดา เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของภัตตาคารชื่อดังของเมือง

แต่ยังไงถึงเดินทางด้วยพาหนะที่แสนจะมัธยัสถ์ขนาดนี้ ทั้งที่มีอันจะจ่ายค่าเครื่องบินก็ยังได้

     “หยินบอกแม่ว่าขึ้นเครื่องอ่ะพี่ปืน แล้วหยินก็อุ๊บอิ๊บเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีเก็บไว้ นั่งรถไฟชั้นสามถูกดี

เหลือเงินตั้งเยอะแน่ะ”

     หยินบอกเล่าราวกับมานั่งอยู่ในใจปืนงั้นแหละ

     “อยากได้เงินทำไมไม่ขอดี ๆ ล่ะครับ”

     ปืนอดไม่ได้ที่จะถามให้หายสงสัย

     “เค้าก็ส่งเงินให้ใช้อยู่แล้ว แต่หยินอยากได้เยอะ ๆ นี่”

     “จะเก็บเอาไปทำอะไรนักหนา”

      ปอบ่นแล้วยิงคำถามต่อ

     “แล้วอี๊เค้าให้ไปทำธุระอะไรเหรอหยิน”

     “ไปรับของที่สั่งไว้อ่ะ พอดี ป๊าไม่ว่างขึ้นมาเอาเอง ก็เลยอาสาเอาลงมาให้ ที่จริงตอนนี้เราก็เปิดเรียนแล้วนะ

แต่ช่วงแรก ยังไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้อาจารย์ไม่ได้สอนอะไรมาก หาตังค์ก่อนดีกว่า”

     “พี่เดินไปดูของที่ตู้โน้นให้หยินก่อนนะ ทิ้งไว้เดี๋ยวใครไม่รู้มาหยิบไป”

     ปืนพูดแทรกขึ้น แล้วออกเดินไปตามช่องว่างระหว่างเก้าอี้นั่งทั้งสองฟาก หลังจากที่หยินบอกตำแหน่งของที่นั่ง

     “แล้วจะบอกได้ยังว่าจะหาเงินไปทำอะไรเยอะ ๆ”

     “เราก็มีความฝันของเรามั่งอ่ะดิ”

   หยินพูดยิ้ม ๆ แค่นึกถึงความฝันของตัวเองก็ทำให้เป็นสุขได้แล้ว

     “ฝันอะไร เท่าที่ได้มาเรียนกรุงเทพอย่างที่ฝันยังไม่พอรึไง”

     “นี่มันแค่จุดเริ่มต้น”

     “เออ...ยังจะฝันอะไรต่ออีกอ่ะ ฝันซะจนฟุ้งซ่านแล้วมั้งตัวเองอ่ะ”

     “เราอยากมีร้านขายตุ๊กตา”

     “โธ่เอ๊ย นึกว่าฝันอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ซะอีก”

     “ทำไมต้องฝันให้มันยิ่งใหญ่ด้วยเล้า.…ฝันเล็ก ๆก็ทำมันให้ได้ซะก่อนเถอะ”

     “แล้วปอล่ะ มีฝันอะไรกะเค้ามั่งป่าว”

     หยินทิ้งท้ายคำถามที่ปอไม่เคยคิดถึงมาก่อน เพราะปอไม่ค่อยจะคิดอะไรไปข้างหน้าไกล ๆ เรียนจบทีละช่วงชั้น

 ก็แค่คิดว่าจะเรียนต่อที่ไหน จะเรียนสายวิชาอะไร อนาคตอยากจะประกอบอาชีพอะไร ปอยังไม่เคยนึกไปถึงด้วยซ้ำ

ที่ปอเรียนต่อชั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ คงเป็นเพราะคนรุ่นปอที่อยู่แถวบ้าน ส่วนใหญ่ก็ไปเรียนต่อกันในเมืองใหญ่ ๆ

หรือไม่ก็เข้ากรุงเทพกันหมด และที่ปอพยายามเรียนไห้เก่ง ๆ ก็แค่อยากจะให้ป๊ากับแม่ภูมิใจ

ที่ต้องหาที่เรียนพิเศษเสริมความรู้ก็เพราะมันช่วยให้เขามีความรู้กว้างขึ้น เข้าใจได้ลึกซึ้งขึ้น

ส่วนเป้าหมายในอนาคตอย่างที่หยินเรียกว่าความฝัน ปอเพิ่งจะสำเหนียกว่า มันช่างว่างเปล่าในความคิด

อย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย

   
   ปืนให้หยินมานอนแทนที่เขา และเขาไปนั่งชั้นสามแทน ด้วยเหตุที่ชั้นสามเป็นที่นั่งเบาะแข็ง ๆ

ม้านั่งตัวหนึ่งต้องนั่งถึงสองคน ง่วงขึ้นมาก็ได้แต่นั่งหลับ ไม่ก็ฟุบหน้าในท่านั่งชันเข่าบนเก้าอี้

คงทั้งเมื่อยทั้งอึดอัด รำคาญคนที่นั่งข้าง ๆ จนเหลือจะกล่าว

   ปืนเป็นผู้ชายลำบากแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย แต่หยินกลับปฏิเสธ เพราะคุ้นเคยซะแล้ว ทุกครั้งที่ต้องเดินทางขึ้นลง

ระหว่างบ้านกับกรุงเทพ หยินไม่เคยตีตั๋วที่แพงกว่านี้  ยกเว้นถ้าป๊ากับแม่จะเป็นคนจองตั๋วให้ ก็ได้โดยสารตู้นอน

สบายหน่อย แต่นั่นก็ นานแสนนานซักครั้ง เพราะหยินมักจะขอจองเองโดยไม่ให้ที่บ้านรู้

แล้วเก็บเงินส่วนเกินไว้ในบัญชีธนาคาร

     ‘สบายมาก’

     หยินพูดเมื่อปอบ่นว่าหยินคงลำบากแย่กว่าจะทำความฝันให้สำเร็จได้

     ‘ฝันที่เราต้องฝ่าฟันกว่าจะไปถึงจุดหมายได้มันมีค่ามากนะปอ  ทำให้เราอดทน บากบั่น

   ทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง ว่าเราก็สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง’

      แต่สุดท้ายปอก็เป็นคนตัดสินซะเอง

     “หยินขึ้นไปนอนเตียงบนละกัน แล้วเราลงมานอนกับพี่ปืนที่เตียงล่าง”

  “ไม่เอา เดี๋ยวการ์ดรถเค้ามาเห็นเค้าปรับเอา”

   ปืนปฏิเสธเสียงหลง เจ้าปอจะรู้มั้ยว่าเขาไม่ได้กลัวไอ้ค่าปรับไม่กี่สิบกี่ร้อยนั่นหรอก

แต่เขากลัวว่าอาการที่เพิ่งจะสงบอย่างยากเย็นเมื่อกลางวัน มันจะหวนกลับมาเล่นงานเขาต่างหากเล่า

เตียงรึมันก็กว้างดีหรอกนะถ้าจะนอนคนเดียว แต่ลองเบียดกันสองคน เนื้อแนบเนื้อซะขนาดนี้

ปืนไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าเขาจะอดกลั้นอารมณ์ที่มันระริก ๆ อยู่ข้างในได้แค่ไหน


     สามทุ่มแล้ว ผู้โดยสารตู้ที่ปืนโดยสารมาก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด นาน ๆ จะมีเสียงไอ จาม เสียงพูดคุยงึมงำเบาๆ

อย่างเกรงอกเกรงใจจากเตียงใดเตียงหนี่ง

  “สองคนนั้นน่ะ อาบน้ำตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ ระวังนะ ไม่รู้กลิ่นใครเป็นกลิ่นใคร ตีกันให้ยุ่งแหละ”

  เสียงแซวของหยินดังมาเบา ๆ ก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นบน ที่อยู่ห่างจากหลังคารถแค่นั่งคู้หลังหัวก็ชนเพดานแล้ว

  “แล้วตัวเองอ่ะ อาบน้ำแล้วเหรอ”

     ปอสวนกลับมาจากหลังม่านที่ชักปิดเตียงล่างไว้

     “อาบแต่เช้าเหมือนกัน แต่เรานอนคนเดียวไม่มีใครมาดมกลิ่นนี่”

     “พี่ปืน ผมเหม็นสาบป่าว”
 
     ได้ยินเสียงปอถามปืนเบา ๆ หยินก็ได้แต่หัวเราะคิก ก่อนจะหยิบเครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กขึ้นเสียบหูฟัง

ปิดการติดต่อกับใคร ๆ แล้วล้มตัวลงนอนอย่างสุขใจ เพราะเที่ยวนี้เสียเงินค่ารถทู้ก….ถูก แต่ได้นอนสบ๊าย…สบาย

ไม่สนใจคนลำบากสองคนกำลังงึมงำกันอยู่ที่เตียงล่าง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
“นอนไปเถอะ เหม็นแล้วไง จะไปอาบน้ำที่ไหน ห้องอาบน้ำอ่ะนะ ลองดูก็ได้

อาบไปอาบมายังไม่ทันจะล้างสบู่ให้หมดฟอง เกิดน้ำหยุดกะทันหันจะว่าไง”

   ปืนพูดด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญ ซึ่งเป็นการอำพรางจังหวะการเต้นระรัวของหัวใจ ที่มันกระดอนอยู่ในอก

เพราะคืนนี้เขาได้นอนแนบชิดกับปออย่างที่ไม่เคยชิดเท่านี้มาก่อน แล้วหันหลังล้มตัวนอนชิดริมด้านนอก

พลอยทำให้ปอต้องนอนลงไปด้วย

  “พี่ปืนหมอนหนุนไม่สบายเลยอ่ะ”

  “ทำไมเหรอ”

  “มันแบนเต๊ดแต๋ แล้วยังต้องแบ่งกันหนุนอีกอ่ะ”

   ปืนยกหมอนทั้งใบให้คนบ่นว่านอนไม่สบาย แล้วเขาก็ต้องลุกขึ้นมากลางดึก เพื่อที่จะหยิบกระเป๋าใบเล็ก

มาหนุนแทนหมอน แต่ดูท่าจะไม่นุ่มพอ ก็เลยรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูมาพับรองไว้อีกชั้น ส่วนหมอนยู่ ๆ

ก็ยกให้จ้าปอไป นอนไปได้สักพัก นึกว่าจะหมดเรื่อง

   “พี่ปืนแอร์เย็นจัง”

   ปืนก็เลยต้องลุกขึ้นมาเกลี่ย ๆ ผ้าห่มผืนที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ให้คลุมร่างคนขี้หนาวจนมิดชิด

แล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง คราวนี้ถึงสงบลงได้ซะที ปืนเองก็รู้สึกง่วงเต็มที ถึงจะอยากดูแลปอให้นอนหลับอย่างสบาย

แต่เขาเองก็ต้องการพักผ่อนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นพอหัวถึงหมอน…เอ้อ…กระเป๋า ปืนก็หลับเป็นตาย

   เสียงล้อเหล็กบดลงบนรางเหล็กดังเอี๊ยดลั่นยาว ๆ ก่อนจะหยุดสนิท ซึ่งน่าจะเป็นสถานีสำคัญที่ไหนสักแห่ง

ปืนก็ไม่ได้สนใจจะจำ แต่จำได้ขึ้นใจว่าคืนนั้นปอนอนซุกอยู่กับอกเขา ทั้ง ๆ ที่ยังหลับสนิท

ปืนเองก็ไม่รู้ว่าเขาพลิกตัวหันกลับเข้าหาปอตอนไหน อาจจะเพราะเมื่อยที่ต้องนอนตะแคงท่าเดียวอยู่นาน

ร่างกายมันก็เลยสั่งการให้พลิกตะแคงอีกข้าง ส่วนปอก็คงเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ

และอุณหภูมิยามดึก ที่เย็นลงเรื่อย ๆ ถึงได้หันเข้าหาไออุ่นที่อยู่ใกล้ ๆ ตามสัญชาตญาน

   ในความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากชานชาลาสาดผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา ปืนจ้องมองใบหน้าใสกระจ่าง

ที่หลับตาพริ้ม สองจิตสองใจว่าจะทำอะไรตามที่หัวใจเรียกร้องสักครั้งจะดีมั้ย แต่ยังไม่ทันที่สมองจะสั่งการต่อไป

หัวใจของปืนก็สั่งแทนให้ก้มลงแตะจมูกกับแก้มนวล ๆ ของปอ….ก็แค่แผ่ว ๆ ใครจะกล้าลงจูบหนัก ๆ

ทั้งที่ก็อยากจะทำใจจะขาด เดี๋ยวเกิดปอตื่นขึ้นมาเพราะปืนย้ำแรงไปหน่อย เป็นได้มองหน้ากันไม่ติดพอดี

   เป็นอีกคืนที่ปืนหลับไปทั้งที่แต้มรอยยิ้มบนริมฝีปากจาง ๆ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
โอ๊ะ! นี่มัน...แนวที่ช้านชอบนี่ :oni2: แอบรักแอบหวังดีและมีอุปสรรค(แต่หวังว่าอุปสรรคคงไม่มากนะ :monkeysad:)
ชอบตอนที่ปืนให้ปอขี่หลัง โรแมนติกอ่ะ ปอคงซึ้งเนอะ นึกถึงซีรี่ส์เกาหลีเลย
ปอนี่ก็ช่างยั่วโดยไม่รู้ตัว ชอบขออาบน้ำด้วยอยู่เรื่อย แต่คุณนูไม่เห็นบรรยายอะไรมั่งเลย ตัดฉึบตลอด :o12:
ตอนที่นอนด้วยกันบนรถไฟก็ชอบ เคยนอนเหมือนกัน นอนคนเดียวยังรู้สึกแคบ สองคนนี่ต้องมีก่ายกันมั่ง ไม่งั้นเมื่อยแย่
จุดที่ทำใจยากคือปอเป็นลูกคนเดียว ถ้ารักกับปืนก็ไม่มีหลานให้พ่อแม่อ่ะนะ
ติดตามๆค่า
+โหวต+เป็ด :L2:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
สงสารพี่ปืนแท้ๆ
 :sad4:
เข้าใจความรู้สึกเลยนะ
แบบว่ารักน้องแต่แสดงออกไม่ได้
แววว่ามาม่า ไวไวในอนาคตของพี่ปืนท่าจะหลายชามน่าดู
คนอ่านหัวใจอ่อนแอนะคะ กระซิกๆ
 :o12:

ออฟไลน์ kiyomaro

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
มาทักทายคุณนู  ไม่รู้จะจำกันได้รึป่าว 
เอาพวงมาลัยมาคล้องแล้วก้หอมแก้มซ้ายแก้มขวาเหมือนเดิม ฮี่ ฮี่

tawan

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยพี่ปืน

ให้ใจทั้งสองตรงกัน

 :call:

ออฟไลน์ KuMaY

  • คนไม่สำคัญ ทำไรก็ผิด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
พี่นูลงยาว
อ่านตาแฉะเลย
แต่เมชอบนะ o13
 :กอด1: เป็นกำลังใจให้พี่นู

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #47 เมื่อ14-05-2012 23:57:48 »





 :เฮ้อ:

 ดึกเกินไปสำหรับคนที่ต้องตื่นไปทำงานตอนเช้า แต่ก็อยากจะรีับลงให้จบเร็ว ๆ ครับ

เพราะผมเขียนจบหมดแล้ว ไม่อยากยืดเยื้อให้ต้องรอนาน เหมือนที่เคยลงไว้ที่เว็บเก่า

ไป ๆ มา ๆ เลยเขียนไม่จบ

ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาทักทายกันนะครับ   :pig4:

คุณkiyomaro เคยใช้user อะไรล่ะครับ ลองบอกมาผมน่าจะจำได้นะ

แบบว่าโดนหอมแก้มแล้วผมมักไม่ืลืมอ่ะ จะต้องเอาคืนให้ได้  :z1:









    ฟ้าสางเอาเมื่อใกล้สถานีสำคัญอีกแห่ง อีกประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงสถานีปลายทาง ที่จะต้องลงแล้ว

ปืนสลัดผ้าห่มออกจากตัวเบา ๆ กลัวจะรบกวนคนที่กำลังหลับสบาย แล้วลุกออกมานอกเตียง มองเห็นผู้โดยสาร

ที่ตื่นขึ้นมารับแสงแรกของวัน  เพียงไม่กี่คนเท่านั้น จัดแจงหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก ยาสีฟันพร้อมแปรง

อุปกรณ์ทำความสะอาดใบหน้า เดินโซเซตามจังหวะเคลื่อนของรถไฟไปที่อ่างแสตนเลสที่ข้อต่อเชื่อมระหว่างตู้

มีผู้หญิงสองคน สองวัยกับเด็กเล็กอีกคนกำลังทำธุระอยู่หน้าอ่างน้ำ ซึ่งปืนคิดว่าพอจะรอได้

ดีกว่าจะเดินโซเซ กลับไปแล้วต้องกลับมาใหม่ เพื่อจะเจอว่ามีคนอื่นใช้พื้นที่ต่อ

    หญิงสาวที่อ่อนวัยกว่า หันมาส่งยิ้มให้ปืนทั้ง ๆ ที่ฟองยาสีฟันยังเต็มปาก จะรู้มั้ยนั่น ว่ามันชวนคลื่นไส้

มากกว่าจะทำให้อยากยิ้มตอบ ปืนเบือนหน้าหนีก่อนจะอาเจียรออกมาจริง ๆ ทั้งที่คงมีแต่น้ำย่อย

เพราะเช้านี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก่อนจะเดินส่ายลำตัวออกไปอย่างอ้อยอิ่ง หญิงสาวคนนั้น

ก็ยังไม่วายหันมาเล่นหูเล่นตากับปืน นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ปล่อยให้ลอยชายอย่างนี้หรอก

ยิ่งได้ที่นอนเตียงล่างก็ยิ่งสะดวก ปิดม่านเข้าก็เหมือนสวรรค์ บนรางเหล็ก แต่นั่นมันเมื่อก่อนที่ปืนยังไม่เจอกับปอ

ทุกวันนี้ปืนแทบจะหายใจเป็นปอทุก ๆ นาทีอยู่แล้ว ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งทรมานหัวใจสิ้นดี อยู่ใกล้แสนใกล้

ทำได้แค่จุ๊บแก้มเบา ๆ ถ้าไม่ง่วงจนตาแทบปิด เมื่อคืนปืนคงลำบาก แสนสาหัส กว่าจะข่มอารมณ์ให้มันนิ่งสงบลงได้

       เสร็จธุระกลับมาที่เตียง มันก็กลายเป็นเบาะที่นั่งสองฟากสองตัวเหมือนเดิม โดยมีปอนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด

เพ่งสายตาออกไปนอกหน้าต่างกระจก

      “ไปล้างหน้าล้างตาไปปอ”

      ปืนส่งอุปกรณ์ที่ถืออยู่ในมือให้ปอ เจ้านั่นก็รับไปด้วยท่าทางแปลก ๆ ดูไม่ค่อยจะเต็มใจ ปืนส่งผ้าขนหนูผืนเล็ก

ที่ยังชื้นนิดหน่อยจากการที่เขาใช้เช็ดหน้า แต่ปอไม่รับ หันไปรูดซิปเป้หยิบเอาของส่วนตัวออกมาแทน

   “จะกินอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่จะสั่งห้องเสบียง”

   “ไม่ครับ”

   ปอพูดน้อยไม่เหมือนเก่า ดูแปลก ๆ แต่ปืนก็คิดไปว่าคงเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม หลับไม่สบาย ก็เลยหงุดหงิด

แต่หลังจากที่ปอกลับมาที่นั่งด้วยหน้าตาหมดจด ก็ยังดูว่าอารมณ์ขุ่น ๆ อย่างไม่มีสาเหตุ

   “เป็นอะไรไป เช้านี้หน้าตามู่ทู่”

   ปืนเริ่มเย้าแหย่ด้วยคำพูดออกไปก่อน

    “ป่าว”

     แล้วประโยคชวนคุยมันก็ด้านอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อปอไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบอะไรลักษณะเดียวกันออกมาเลย

     “หยินไปไหนแล้วล่ะ”

     “กลับไปเอาของที่ที่นั่งเค้า”

     “ไม่หิวรึไง”

    “ไม่ครับ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว กลับไปกินที่บ้านก็ได้”

    “แต่พี่หิวนี่”

    “พี่ปืนหิวก็สั่งอะไรมากินสิครับ”

    “แล้วเราล่ะ”

    “ท้องไม่ได้ติดกันซะหน่อย จะมายุ่งอะไรกับผมนักหนาเนี่ย....ฮะ”

     ปอลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปทางห้องเสบียงที่อยู่ค่อนไปทางหัวขบวน หลังจากทิ้งระเบิดอารมณ์ไว้ลูกหนึ่ง

ให้ปืนนั่งงงอยู่คนเดียว อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาไม่เคยเห็นปอเป็นอย่างนี้มาก่อน

เมื่อคืนก็ยังคุยกันดี ๆ อยู่แท้ ๆ ตอนเช้าที่ปืนตื่นไปทำธุระก่อน ปอก็ยังไม่ตื่นซะด้วยซ้ำ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างที่ปืนไม่อยู่ ตอนที่ทั้งหยินและปอตื่นมาเจอหน้ากัน สองคนนั่นอาจจะปะทะคารมกัน ขณะที่ยังงัวเงีย.

...ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ปกติปอไม่ใช่คนฉุนเฉียวง่าย ๆ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง ทั้งที่อยากรู้

แต่ถ้าคิดจะถามเอากับปอก็เลิกคิดไปได้เลย เรื่องนี้ต้องถามหยิน

   แต่โอกาสที่จะถามหยินก็ยังไม่มา ไม่มีจังหวะที่จะได้อยู่ตามลำพังพอให้ถามกันได้เลย

นับจากที่หยินล้างหน้าล้างตา แล้วกลับมานั่งด้วยกันที่โบกี้ชั้นสอง พร้อมด้วยสัมภาระอีกสองสามชิ้น

สองคนนั่นก็คุยกันไปเรื่อย ๆ จนปืนกลายเป็นคนอื่นไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ปืนไม่คิดจะลุกเดินไปที่อื่น

เพราะใกล้จะถึงปลายทางแล้ว ก็จำต้องทนนั่งมองความสนิทสนมของทั้งคู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     ปอดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้คุยกับหยิน นั่นทำให้ปืนคิดได้ว่า หยินคงไม่ใช่สาเหตุ และตลอดระยะทาง

ที่เหลือก่อนรถไฟจะเข้าเทียบชานชาลา ปืนก็แทบจะไม่ได้อ้าปากคุยกับใครเลย โดยเฉพาะปอ

เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ชั่วข้ามคืน และยิ่งไม่เข้าใจว่า

อะไรเป็นสาเหตุให้ปอเย็นชา มึนตึงกับเขาถึงเพียงนี้แค่ชั่วข้ามคืน

     เขากับปอแยกกับหยินที่สถานีรถไฟนั่นเอง ต่างคนก็ต่างเรียกรถรับจ้าง เพราะไปกันคนละเส้นทาง

     “ให้ที่บ้านมารับไม่ได้หรอกเดี๋ยวความแตกว่าเราไม่ได้ตีตั๋วเครื่องบินมา”

     หยินบอกกลั้วหัวเราะก่อนจะแยกทางกันในเช้านั้น ช่างเป็นเด็กที่ร่าเริง แต่เจ้าเล่ห์ซะนี่กระไร

ในความคิดของปืน สำหรับเขาหยินดูเป็นคนเปิดเผย สนุกสนาน กล้าได้กล้าเสีย และคงจะน่ากลัว

เวลาที่คิดอยากจะได้อะไร เพราะดูท่าจะเป็นคนมีความพยายามในทุก ๆ ทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ถึงอพาร์ทเมนท์ปุ๊บ ปอก็รีบเดินนำหน้าไปที่เคาน์เตอร์ก่อนอื่น เพื่อถามหาห้องว่าง

     “มีอยู่ชั้นสองนะคะ แต่ประตูห้องน้ำเสียยังไม่ได้ซ่อม รออีกวันสองวัน ให้ช่างซ่อมให้เสร็จก่อนจะดีกว่า”

     “งั้นผมจองห้องนี้แหละ ซ่อมเสร็จแล้วโทรไปบอกผมที่ห้องด้วยนะ”

     ปืนมองตามอย่างงง ๆ  เพราะไม่เคยมีการพูดคุยกันมาก่อนว่า ปอจะแยกห้องออกมาทันทีที่กลับจากกรุงเทพแล้ว

แต่ตกลงกันไว้ว่าจะโทรไปบอกแม่ให้มาจัดการเรื่องที่พักให้ต่างหาก

    “ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยล่ะปอ”

    ปืนถามขึ้นระหว่างที่อยู่ในลิฟท์

    “ทำไมล่ะครับพี่ปืน ก็จะเร็วจะช้า ผมก็ต้องแยกห้องออกมาอยู่ดี”

    “ก็ไหนแม่บอกว่าจะมาจัดการให้ไง”

     “ไม่เป็นไรหรอก ผมจัดการเองได้ เดี๋ยวคืนนี้โทรหาแม่ให้โอนเงินค่าห้องมาให้ก็ได้...เหมือนกันนั่นแหละครับ”

     ไม่เหมือนกันหรอก.....ปืนคิด

     เพราะการที่ปอจัดการอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง โดยที่ไม่ได้ปรึกษาปืนมาก่อน

แถมยังไม่เป็นไปตามที่ตกลงกับทางบ้านไว้ตั้งแต่แรก มันคล้ายเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง

ที่ทำให้ปืนมองเห็นว่าระยะห่างระหว่างเขากับปอ มันเริ่มจะถ่างออกเรื่อย ๆ และเกินกว่าที่ปืนจะคาดเดาได้ว่า

มันจะออกมาในรูปไหน


    สัมภาระของปอที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากกรุงเทพ ไม่ได้ถูกนำขึ้นมาไว้บนห้องของปืน

แต่ฝากไว้ที่ห้องเก็บของชั้นล่างของอพาร์ทเมนท์ ซึ่งต้องจ่ายค่าเก็บรักษารายวัน

ทั้งที่ปืนก็บอกว่าให้เอาไว้บนห้องก่อน ย้ายไปอยู่ห้องชั้นสองเมื่อไหร่ก็ค่อยขนลงไปก็ยังได้

ดีกว่าจะต้องเสียเงินค่าฝากเป็นไหน ๆ

    “ไม่เป็นไรครับ ไว้ข้างล่างนี่แหละ ไม่ต้องขนขึ้น ๆ ลง ๆ ให้เหนื่อยเปล่า ๆ ผมไม่อยากรบกวนพี่ปืน”

    นั่นเป็นเหตุผลของปอที่ฟังยังไงปืนก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ยับยั้งอะไร เพราะท่าทีที่แปลกเปลี่ยนของปอเอง

ชวนให้ปืนรู้สึกน้อยใจอยู่ลึก ๆ ที่เขากลายเป็นคนที่ปอไม่อยากรบกวนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน

แล้วไอ้คำว่า ‘รบกวน’ มันก็สะดุดหูซะจนแทบจะทำใจไม่ได้ ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะคิดอย่างนั้น

ที่ผ่านมาเขายินดีและเต็มใจทำให้ยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป และปอเองก็ไม่เคยเลย

ที่จะใช้คำพูดทำนองนี้กับเขา มันเกิดอะไรขึ้น นับวันข้อกังขาในใจปืนก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ


    กว่าที่จะได้รับแจ้งจากผู้ดูแลอพาร์ทเมนท์ว่า ห้องที่จองไว้พร้อมเข้าอยู่ได้ บรรยากาศในห้องพักของปืน

ก็อึมครึมเสียจนมันสร้างความกดดันให้ปืนเครียดมากขึ้นทุกวัน จากที่เคยรีบกลับบ้านมา

เพื่อจะได้กินข้าวพร้อมกันอย่างที่เคยปฏิบัติ ปืนก็ต้องหางานอะไรทำฆ่าเวลาในที่ทำงาน

เพื่อจะได้กลับบ้านค่ำหน่อย หรือไม่งั้นก็ชวนเพื่อนที่คุ้นเคยกันไปนั่งดื่มฆ่าเวลา แต่บ่อยนักคงไม่ได้

หลายคนมีภาระครอบครัว ต้องกลับไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน การที่ปืนจะไปนั่งหย่อนใจคนเดียว

มันก็เหงาและอ้างว้างจนเกินไป ที่เขารู้สึกไปได้ถึงเพียงนี้เพราะเขาเริ่มตระหนักว่าระหว่างเขากับปอ

มันได้เปลี่ยนไปแล้ว อย่างที่เขาเคยนึกหวั่นใจ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #48 เมื่อ14-05-2012 23:58:58 »



     ปอย้ายของออกจากห้องพักของปืนตั้งแต่เช้า หลังจากที่ปืนออกไปทำงานได้ไม่นาน

ข้าวของที่อยู่ในห้องพักมีแค่เสื้อผ้าสองกระเป๋าเล็กใบหนึ่ง ใหญ่ใบหนึ่ง กับของใช้ส่วนตัวอีกบ้าง

ขนย้ายคนเดียวไม่นานก็เรียบร้อย แค่ยังไม่ได้จัดเรียงให้เป็นระเบียบเท่านั้น ห้องพักสะอาดสะอ้าน

เพราะแม่บ้านมาทำให้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ปอแค่ปูที่หลับปัดที่นอนก็เป็นอันเข้าอยู่ได้เลย

คืนนี้เขาจะมีที่นอนเป็นของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่พักอาศัยอยู่กับปืนมาเป็นเดือน ซึ่งทำให้ปอรู้สึกเกรงใจ

…ใช่ปอเกรงใจปืนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมา สนิทสนมกันจนปอคิดว่าปืนเป็นพี่ชายแท้ ๆ

อยากได้อะไร อยากทำอะไร อยากไปไหน แค่ปอเอ่ยปาก ปืนไม่เคยขัดใจเลยสักครั้ง

อาจจะมีบ้างที่ไม่ได้รับการสนองตอบในทันที นั่นเพราะปืนยังมีภาระเรื่องงานที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน

แต่สุดท้ายแล้ว ปอก็ไม่เคยผิดหวัง


     หลายวันมานี้เขากับปืนแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดูเหมือนต่างคนจะต่างเลี่ยง เขารู้ว่าปืนจงใจที่จะกลับให้ดึกขึ้น

บางคืนตอนที่ปืนกลับมา ปอแกล้งนอนหลับตาหันหลังให้ไม่ทักถาม อยากให้ปืนเข้าใจว่าเขาหลับแล้ว

เขาได้กลิ่นเหล้าจากตัวปืนแรงมาก ก็ไม่รู้ว่าปืนเมาหรือเปล่า แต่ปืนก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จได้กระทั่งเข้านอน

ซึ่งก็เตียงเดียวกันนั่นแหละ เพราะมีเตียงเดียว ปอนึกอยากไปนอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์

แต่กลัวปืนจะหาว่าเขารังเกียจ เขาเป็นแค่คนอาศัย ไม่อยากให้เจ้าของบ้านไม่สบายใจ ก็เลยยังปฏิบัติเหมือนเดิม

แค่มีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย ปอไม่เข้าใจอะไรมากนัก ทั้งตัวเองแล้วก็ปืน นับตั้งแต่ค่ำคืนบนโบกี้รถไฟ


     กลิ่นบุหรี่ลอยมาตามลม ขณะที่ปอยืนอยู่ที่ระเบียงหลังของห้องพัก ช่างบังเอิญว่าเหนือขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น

ก็คือห้องของปืนที่เขาเพิ่งจะจากมา และตอนนี้ปืนก็คงยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงเหมือนเขา ดีไม่ดีอาจจะมองลงมาเห็น

ปอก็เลยก้าวถอยหลังหลบเข้ามาข้างในตามสัญชาตญาน...เขายังไม่อยากเผชิญหน้าปืนตอนนี้

ข้อแรกปืนสั่งไว้ว่าจะไปเมื่อไรให้บอกก่อน แต่เขาก็ไม่รอ ไม่บอก คล้ายจะหนีเสียด้วยซ้ำไป

ข้อสอง หลายครั้งที่เขาตีหน้าไม่ถูกเวลาสบตาปืน แววตาเศร้า ๆ ปนคาดหวัง ทำให้ปอใจแป้ว

รู้สึกว่าตัวเองผิดทุกที เหมือนคนใจจืดใจดำ ทำเหมือนคนที่ไม่เคยสนิทสนมกันจนแทบจะนับเป็นพี่น้องแท้ ๆกันได้เลย

  แต่ปอเหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่า เขาสับสนแค่ไหนกับสิ่งที่ปืนปฏิบัติกับเขาคืนนั้น

ปืนคงคิดว่าเขาหลับ ก็ใช่ล่ะ ปอหลับสนิทเกือบตลอดทาง เพียงแต่ขณะนั้น เป็นช่วงที่เขารู้สึกตัว

แบบงัวเงียนิด ๆ ง่วงงุนหน่อย ๆ และยังรู้ตัวดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก้ม

ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดเบา ๆ ยังรู้สึกได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้

   ปอลูบแก้มข้างนั้นช้า ๆ ไออุ่น....มันก็ยังคงอุ่น แค่คิดปอก็ใจหวิว ๆ วูบ ๆ....ไม่รู้เขาเป็นอะไรไป

รู้สึกดีแต่ก็ตกใจในขณะเดียวกัน ไม่ใช่ว่าปอจะไม่รู้ว่ามีความรักในเพศเดียวกัน สมัยมัธยมเขาเคยเห็น

เพื่อนหญิงคบกันเป็นคู่ เห็นเพื่อนผู้ชายที่กิริยาอาการดูแตกต่างไปจากเขาก็เคย แต่ไม่เคยเห็นใครคบกันอย่างจริงจัง

   ระหว่างที่เรียนในมหาวิทยาลัยปอก็เคยเห็นมาบ้างที่ผู้ชายจับคู่กันเอง นัวเนียกันราวกับคู่รัก

ใหม่ ๆมันก็แปลกในความรู้สึก แต่สักพักก็เริ่มชินว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่เขาไม่เคยคาดคิดว่า

เหตุการณ์ในทำนองนั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

      ปืนรู้สึกกับปอแบบไหน ที่ผ่านมาปืนคิดเช่นนั้นกับเขามาตลอดเวลา และรอที่จะแสดงอาการฉันท์คนรัก

หรือว่าเพิ่งจะมาเป็น เพิ่งจะมารู้สึกกันแน่ เพราะปอรู้ว่าที่ผ่านมาปืนมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน

เป็นไปได้หรือที่ปืนจะเปลี่ยนมามีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันได้ แล้วเขาเองล่ะ เขาก็เพิ่งจะอกหักจากเนยนะ

นั่นไม่ใช่ข้อพิสูจน์หรือว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้มีใจชื่นชอบเพศเดียวกัน

      แต่แล้วความรู้สึกก้นบึ้งในใจปอก็กลับแย้งเบา ๆ

   เหตุใดตัวเขาเองถึงได้โหยหาไออุ่นอย่างคืนนั้นล่ะ ทำไมถึงใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้พี่ปืน

ทำไมไม่กล้าสบตาคู่นั้นตรง ๆ ทำไมถึงใจหายที่ต้องแยกมาอยู่คนเดียว

...ทำไมและทำไม ล้วนแล้วไม่มีคำตอบให้กระจ่างใจสักคำตอบเดียว


      เสียงโทรศัพท์ดังแว่ว ๆ มาจากในห้อง มีคน ๆ เดียวที่รู้ว่าปออยู่ห้องนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้

ใจหนึ่งอยากจะทำหูทวนลม ไม่รู้ไม่ชี้ แต่อีกใจกลับสั่งให้เดินเข้าไปยกหู ไม่ต้องโต้ตอบคำใดออกไปก็ยังได้

ขอแค่ได้ยินเสียงคนทางโน้นก็พอ เสียงกริ่งดังอยู่สักพักแล้วหยุดไป ปอเดินกลับเข้าห้อง นั่งลงบนเตียง

แล้วเพ่งมองราวกับจะรอคอยวินาทีที่มันจะกริ่งอีกครั้ง

   แล้วมันก็ดังขึ้นจริง ๆ

   “ปอครับ”

   เสียงถอนหายใจเบา ๆ ถ้าไม่เป็นเพราะปอกำลังกลั้นหายใจ ก็แทบจะไม่ได้ยิน

   “เป็นยังไงห้องใหม่”

   “ก็เหมือน ๆ ที่ห้องพี่ปืนแหละครับ”

   “ขาดเหลืออะไรรึป่าว มีอะไรก็บอกพี่นะ”

   “ไม่มีอะไรครับ ผมอยู่ได้”

   ปอตอบออกไปอย่างที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดที่จะทำให้ไม่ต้องห่วงกังวล จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเขาอีก

   “ทำไมไม่รอพี่กลับมาก่อนล่ะ”

   นึกแล้วว่ายังไงเสีย ปืนก็ต้องถาม เป็นปอก็คงคาใจเหมือนกัน เพราะเราเคยทำอะไรร่วมกันมาตลอด

ธุระของคนหนึ่ง อีกฝ่ายแทบจะไม่เคยต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำไป การช่วยเหลือที่ไม่ต้องร้องขอลักษณะนั้น

มันคงจะค่อย ๆ หายไป เพราะปอตั้งใจว่าเขาจะอยู่ให้ได้ด้วยตัวเขาเอง เขาไม่ต้องพึ่งพาพี่ปืนอีกต่อไป

แม้ว่าแรก ๆ มันคงจะยากหน่อย และอาจจะเคว้งคว้างอยู่บ้างแต่มันก็จำเป็น ใคร ๆ ก็เคยผ่านภาวะโดดเดี่ยวกันมาทั้งนั้น

และเขาเหล่านั้นก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี ปอก็คงทำได้เช่นเดียวกัน

   “ผมอยากทำให้มันเรียบร้อยแต่เช้า กว่าพี่ปืนจะกลับมาก็ค่ำทุกที ไหนจะเหนื่อยมาจากที่ทำงานอีก

ผมไม่อยากรบกวน”

   “ก็ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย มะรืนนี้ก็วันเสาร์แล้ว ย้ายกันแต่เช้าก็ยังได้”

   “ไม่เป็นไรหรอกพี่ปืน ผมอยากทำอะไรให้มันเสร็จ ๆ ไป จะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อ ไม่ต้องมาคอยกังวล”

   “กังวลเรื่องอะไร”

   “เอ้อ....กังวล...เรื่อง....ก็เรื่องของที่ฝากเค้าไว้ข้างล่างนั่นแหละ ฝากไว้นาน ๆ ก็เปลืองเงิน

ค่าห้องก็จ่ายแล้ว เดี๋ยวขาดทุน”

   ปอพูดปนเสียงหัวเราะ ซึ่งเขาคิดว่ามันคงช่วยให้ความเป็นกันเองกลับคืนมาบ้าง

   “แม่โทรมามั่งมั้ย ว่าอะไรรึป่าว”

   “ผมคุยกับแม่ตั้งแต่วันที่ให้โอนเงินมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอีกเลยครับ แต่แม่รู้แล้วว่าผมจะย้ายออกมาวันนี้”

   “งั้นเดี๋ยวพี่คงต้องโทรไปคุยกับแม่ปอซักหน่อย รับปากไว้ว่าจะดูแลปอให้ แต่ก็ทำไม่ได้”

   “โทรทำไม ผมบอกแม่แล้ว แม่ไม่เห็นว่าอะไรเลย ผมโตแล้ว พี่ปืนไม่ต้องมาคอยดูแลหรอก

ที่ผมออกมาอยู่ตามลำพังก็เพื่อจะพิสูจน์ให้รู้ว่าผมดูแลตัวเองได้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะว่าพื่ปืนผิดคำพูด

ผมบอกแม่ให้เข้าใจแล้ว”

   “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ อย่างน้อยพี่ก็จะได้ถามสารทุกข์สุกดิบมั่ง หรือว่าพี่ไม่ควรโทรไป”

   น้ำเสียงของปืนที่ตอบกลับมา ราวกับจะรู้ว่าปอพยายามตัดทุกเรื่องที่จะต้องเกี่ยวข้องกับปืน

เขาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักหน่อย แต่ปอก็ทำใจลำบากเหลือเกิน ที่จะต้องมารับรู้ว่าความรู้สึกของปืนในวันนี้

ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้น ปอกลับตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า ที่จริงแล้วเขาอยากให้มันดำเนินไปแบบไหน

ย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว หรือจะปล่อยให้มันดำเนินไปตามความรู้สึกของใจ

ปอก็ยิ่งทำใจได้ลำบากกว่า....เขาเป็นผู้ชายนะ เคยมีความรู้สึกรักใคร่ชอบพอในเพศตรงข้าม

แล้วอยู่ ๆ จะเกิดมีความรู้สึกรักเพศเดียวกัน มันจะเป็นไปได้ยังไง

....ไม่มีทาง เขาไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นเป็นอันขาด แล้วป๊ากับแม่ก็คงรับไม่ได้ด้วย

แบบนี้แหละดีแล้ว....ปอสรุปกับตัวเอง ก่อนจะบอกลาปืนทางโทรศัพท์  แล้วล้มตัวลงนอน

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #49 เมื่อ15-05-2012 00:30:04 »

น่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
 :z3:
ตรูว่าแล้วว่าน้องปอต้องรู้แน่เลย
โธ่ๆๆพี่ปืนน่าสงสารเกินไปแล้ว
 :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
« ตอบ #49 เมื่อ: 15-05-2012 00:30:04 »





ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #50 เมื่อ15-05-2012 01:21:05 »

อ๊ากกกกก  โกรธปอโว้ยยยยย

//หยาบคายสักเล็กน้อย  อารมณ์มันขึ้น 555

เชื่อมั้ย ตอนกำลังพิมนี่น้ำตาไหลเลยนะ
ปอใจร้ายชะมัด  ไม่มีพี่ปืนแล้วจะรู้สึก  เฮอะ!

+1 ให้จ้าาาา  อยากอ่านต่อม๊ากกกก  มาไวๆน้าา

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #51 เมื่อ15-05-2012 03:26:40 »

รอตอนต่อไปนะครับ

เมื่อไหร่จะลงเอยกันซักทีนะ พี่น้องคู่นี้   :z10:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #52 เมื่อ15-05-2012 13:01:46 »

ปอก็คิดได้ถูกต้องนะ แต่สงสารปืน โดนเมินแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ :monkeysad:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 15/5/2555
«ตอบ #53 เมื่อ15-05-2012 14:37:37 »

       วันเวลาของปืนกับปอสวนทางกันนับแต่นั้น ปืนนับไปนับมาได้เกือบจะสามเดือนแล้ว

หลังจากคืนที่ปอย้ายออกไป เขาโทรศัพท์ติดต่อกับแม่ของปอเป็นระยะ ๆ แรก ๆอาทิตย์ละครั้ง

ต่อมาก็ลดลงเรื่อย ๆ จนเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้โทรไปเกือบเดือนแล้ว....ก็ไม่มีเรื่องจะคุย


     เดือนแรกปืนยังพบหน้าปอบ้างไม่มีการหลบหน้าหลบตาอย่างที่ปืนนึกกลัว แต่การพูดคุยทักทายนั้น

ก็ค่อนข้างห่างเหินปืนพยายามที่จะแสดงให้ปอรู้สึกว่า เขาเป็นที่พึ่งพาได้เสมอเหมือนเดิม

ไม่ว่าปอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม

     แต่นับวันความพยายามของปืนก็ดูจะไร้ผล นอกจากปอจะไม่แวะมาหาประสาคนคุ้นเคยกันแล้ว

ปืนก็อยากจะมั่นใจเหลือเกินว่า ปอจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการทักทายกันในที่ต่าง ๆอีกด้วย

       เขาแทบจะไม่รู้ความเป็นไปของปอเลยถ้าไม่โทรถาม ใหม่ ๆ ก็มีเรื่องให้ถามหลายเรื่อง

ทั้งการเรียนและความเป็นอยู่โดยทั่วไป แต่ทุกคำถามก็ได้รับคำตอบที่เหมือนจะบอกปืนเป็นนัย ๆว่า

หยุดยุ่งกับปอเสียที

      ‘ผมไปติวที่เดิมครับ ไม่มีอะไรน่าหนักใจ อาจารย์ก็สอนดี’

      ‘ผมไปเรียนทุกวันครับ ช่วงเช้าถึงเที่ยงกับตอนเย็นไปจนถึงสองทุ่ม ไม่มีเวลาไปไหนเลย’

      ‘เสาร์อาทิตย์ผมไปหอสมุด แล้วก็ไปสปอร์ตคลับบ้าง’

      ไม่เหลือช่องว่างตรงไหนให้ปืนได้แทรกเข้าไปในชีวิตของปออีกแล้วละมั้ง  สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้

ไม่ติดต่อปออีกถ้าไม่จำเป็น ซึ่งความจำเป็นที่ว่า ก็ไม่เคยมีมาเลยสักครั้ง นอกจากความคิดถึงที่เขามีให้ปอสม่ำเสมอ

อยู่ห่างกันแค่เพดานกั้น แต่ราวกับอยู่ห่างกันไกลแสนไกล ห้วงเวลาของเขากับปอเดินทางเป็นเส้นขนาน

ราวกับอยู่กันคนละมิติ

   
      ธนาคารที่ปืนทำงานอยู่มีโครงการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลใหม่ เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

และเพื่อให้ทันสมัยกับโลกธุรกิจหมุนเร็วในปัจจุบัน  โดยทุ่มทุนมหาศาลซื้อซอฟท์แวร์จากต่างประเทศ

และเทกระเป๋าซื้อฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ล่าสุด  และที่สำคัญต้องมีบุคคลากรที่มีความสามารถรุ่นแร

กเข้ารับการฝึกอบรมการใช้งานระบบใหม่

      ปืนเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลจำนวนห้าสิบคนจากสาขาทั่วประเทศ ที่เข้ารับการอบรมเมื่อเดือนที่เล้ว

ร่วมกับพนักงานในเขตนครหลวงและปริมณฑลอีกยี่สิบคน เพื่อพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถมากพอ

ที่จะเป็นวิทยากรเดินสายไปทั่วประเทศ เพื่อสอนงานพนักงานในพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่

ซึ่งปืนอยู่ในทีมที่รับผิดชอบสาขาในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 5 จังหวัด จบหลักสูตรใช้เวลาอบรมสองสัปดาห์

โดยใช้สถานที่อบรมในกรุงเทพ ซึ่งเต็มไปด้วยทฤษฎีล้วน ๆ ปืนพกความเครียดกลับมาเต็มหัว

เพราะถูกคาดหวังว่าจะต้องเผยแพร่ความรู้ให้พนักงานในเขตรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี

     
     กลับมาได้วันเดียวก็ต้องเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางไปอบรมพนักงานสาขาในจังหวัดใต้สุด

ปืนคงมีเวลาแวะไปเยี่ยมแม่กับป๊าของปอได้บ่อย ๆ เพราะกว่าจะอบรมเสร็จก็คงหลายวัน

นับเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้มีเรื่องคุยกับปอ เขาจะลองถามปอว่ามีอะไรจะฝากถึงที่บ้านมั้ย

แต่คราวนี้ปืนไม่โทรศัพท์หรอก ได้ยินแค่เสียงคงไม่พอที่จะทำให้หายคิดถึงได้

สองเท้าก้าวยาว ๆ ลงบันไดหนีไฟไปที่ชั้นสอง

      ปืนเคาะประตูสองสามที เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา

      ไม่ได้เห็นปอตั้งแต่ก่อนที่ปืนจะไปอบรมที่กรุงเทพเป็นเดือน จนถึงวันนี้ก็เดือนเศษ ๆ แล้ว

ปืนฉีกยิ้มกว้างขวางทันทีที่หน้าใส ๆ ของปอโผล่มาให้เห็นตรงบานประตูที่แง้มออก

     “พี่ปืน”

     “เป็นไงมั่งปอ สบายดีมั้ย”

     “ครับ พี่ปืนล่ะ”

     “ก็ดี”

      อะไรจะเป็นทางการขนาดนั้น....ปอมีท่าทีขัดเขิน ในขณะที่ปืนแทบจะกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ซะให้ได้

ด้วยความคิดถึงล้นอก และอยากจะระบายออกมาให้ปอได้รับรู้บ้าง

     “พี่ปืนมีอะไรรึป่าว ที่จริงโทรมาก็ได้”
 
     โทรมาจะได้เห็นหน้าเหรอปอเอ๊ย

     “ไม่เป็นไร พี่อยากมาดูความเป็นอยู่ของปอเหมือนกัน”

      สิ่งที่ปืนพูดออกไปไม่ได้ครึ่งของความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้เลย เขาอยากพบหน้า อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง

อยากเห็นรอยยิ้ม แต่ที่เหนืออื่นใด เขาอยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม และปอกลับไปอยู่ที่ห้องเดียวกัน

ถึงห้องจะคับแคบเมื่อมีคนสองคนเดินสวนกันไปมา ข้าวของของเราสองคนก็เต็มห้องไปหมด จนไม่มีที่ทางจะรับแขก

ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพราะการมีปออยู่ด้วยทำให้ห้องที่เคยว่างเปล่ากลับอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้น

ทำให้วันหยุดของปืนมีความหมายมากกว่าคำว่าวันหยุดแต่กลายเป็นวันแห่งความสุข

      ปอถอยหลังให้ปืนเดินผ่านประตูเข้ามาภายใน ปืนดูซูบไปเล็กน้อย วันนี้ยังไม่โกนหนวดโกนเครา

ซึ่งออกจะผิดวิสัยของหนุ่มแบ็งก์อย่างปืน ซึ่งชอบที่จะให้ตัวเองสะอาด สะอ้าน ดูดีอยู่เสมอ

เสิ้อยืดโปโลที่สวมอยู่ก็ไม่เนี้ยบเท่าที่ปอเคยเห็น ดูยังกับเสื้อเก่าเก็บ ชายเสื้อดูจะย้วย ๆ เสียด้วยซ้ำ

ชั่วระยะเวลาไม่นาน ปืนเปลี่ยนแปลงไปมากจนปอไม่อยากจะเชื่อสายตา

     “จะไปไหนเหรอปอ”

      ปืนถามด้วยความแปลกใจ ที่มองเห็นกระเป๋าเป้สะพายหลังใบเก่งของปอวางอยู่ข้าง ๆ

กองเสื้อผ้าสามสี่ชุดบนเตียง

     “กลับบ้านครับพี่ปืน”

     เยส!!....ทำไมจังหวะมันช่างพอเหมาะพอดีอย่างนี้นะ ปืนนึกกระหยิ่มในใจ ทั้งที่สีหน้ายังวางเฉย

     “ไม่มีเรียนเหรอ”

     “จบไปสองคอร์สแล้วครับ บ่ายนี้อีกคอร์สนึง ผมว่าจะไปซักอาทิตย์ กลับมาก็สมัครเรียนภาษาอังกฤษพอดี

วิชาอื่นผมว่าจะหยุดซักเดือน ขอพักสมองซักหน่อย”

     พูดยาว ๆ ก็เป็นนะปอ พี่ปืนนึกว่าถามคำตอบคำเป็นอยู่อย่างเดียวซะแล้ว

     “จะไปเมื่อไหร่ เรียนเสร็จเหรอ”

     “ไม่ครับ ผมว่าจะไปพรุ่งนี้เช้า”

   เยส!!...อีกซักครั้ง ปืนนึกขอบคุณอะไรก็ได้ที่ทำให้จังหวะของเขากับปอ ประสานกันได้อย่างลงตัวในครั้งนี้

หลังจากที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และปืนแทบจะต้องชอกช้ำระกำใจมาตลอดสามเดือนกว่า ๆ

     “ซักเจ็ดโมง เช้าไปมั้ย”

   ปอเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ....ก็คงไม่เข้าใจหรอก เพราะปืนเล่นสรุปเอาดื้อ ๆ ว่า ก็ในเมื่อพรุ่งนี้เช้า

เขาก็ต้องเดินทางอยู่แล้ว ให้ปอนั่งไปด้วยกันก็คงไม่เป็นไร รถตู้ของสำนักงานบริหารภาคใต้ตอนล่างของธนาคาร

มีคนโดยสารไปแค่หกคนรวมคนขับรถ จะมีปอนั่งไปด้วยอีกคนคงไม่คับแคบลงสักเท่าไร มีแต่จะทำให้บรรยากาศในรถ

(สำหรับปืน) อบอวลไปด้วยละอองแห่งความสุขปนมากับแอร์เย็นฉ่ำไปตลอดทางล่ะไม่ว่า

      แล้วคำว่า ‘ได้ครับ’ จากปากของปอก็สร้างความพึงพอใจ จนต้องระบายออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

    ...คงจะกว้างที่สุดจากระยะเวลานับถอยหลังไปสามเดือนเศษ ตั้งแต่วันที่ปอ ย่างเท้าออกจากห้องของปืนนั่นแหละ


     ปอปิดประตูตามเมื่อส่งปืนที่หน้าห้องแล้ว เขานึกถึงช่วงสุดท้ายก่อนที่ปืนจะกลับออกไป

หลังจากคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งส่วนใหญ่ปืนจะถามปอซะมากกว่า เวลาสองชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

แล้วจึงมาปิดท้ายที่เวลานัดในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หน้าอพาร์ทเมนท์

   “รถมารับประมาณเจ็ดโมงนะ แต่ถ้าตื่นไม่ทันก็บอกพี่จะได้ให้เค้าไปรับคนอื่น ๆ ก่อนแล้วค่อยย้อนกลับ

มารับเราสองคนทีหลัง”

  “ทันครับพี่ปืน พี่เป็นหัวหน้าทีมนะ ทำอย่างงั้นได้ไง เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะว่าเพราะผมทำให้ต้องเสียเวลาไปด้วย”

   “ดีแล้วล่ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”

   ปืนยกมือขึ้นโบกเป็นเชิงบอกลาแต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อปอเรียกเขาไว้

   “พี่ปืนหยิบเสื้อมาใส่ผิดรึป่าวน่ะ”

   ปืนทำหน้าเหวอ ก้มลงดูเสื้อที่ตัวเองสวม....ก็เสื้อเขานี่หว่า มีอะไรแปลกงั้นหรือ

   “ผมนึกว่าพี่หยิบผ้าขี้ริ้วมาใส่แทนเสื้อน่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษนะครับ มันดูโทรมมากเลยอ่ะ พี่ปืนรู้ตัวรึป่าว”

   แล้วประตูห้องก็งับสนิท ไม่เปิดช่องให้ปืนทำหน้ายักษ์ใส่เขาได้

   ปอยิ้มน้อย ๆ ให้กับช่วงเวลาสองชั่วโมงที่เพิ่งผ่านไป รู้สึกราวกับความหนักหน่วงที่ถ่วงหัวใจมาหลายเดือน

 ได้ผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว เขารู้สึกตัวเบาจนแทบจะลอยล่องไปในอากาศได้

ปอลองกระโดดตัวลอยขึ้นจากพื้นก็รู้สึกคึกคักขึ้น ลองอีกทีคราวนี้กระโดดจากพื้นขึ้นไปบนเตียง

แรงยืดหยุ่นของเตียงสปริงส่งร่างของปอให้กระดอนจนเสียหลักล้มพับไปนอนหมอบอย่างไม่เป็นท่า

เขาพลิกตัวหงายขึ้นมองเพดานห้อง แต่ในความคิดกลับทะลุเลยเพดานขึ้นไปถึงชั้นสามเข้าไปในห้อง

...ป่านนี้พี่ปืนกำลังทำอะไร คงจะกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้า หรือไม่ก็นอนดูโทรทัศน์ หรืออาจจะกำลังนอนอ่านหนังสือ

....หรือว่าจะไม่อยู่ในห้อง

   มือไวเท่าความคิด ปอคว้าโทรศัพท์กดเลขห้องของปืนทันที เสียงปลายสายตอบมา

   “ห้อง......ครับ”

   “เอ่อ....มะ....ไม่ออกไป....ไปไหนเหรอครับพี่ปืน”

   “อ้าว! ปอมีอะไรรึป่าว”

   “คือผม.....ผมอยากเอ้อ....”

   “หรือว่าไม่ไปแล้ว”

   “ไปครับไป ผมโทรบอกแม่แล้วว่าจะกลับก็ต้องกลับ เดี๋ยวแม่รอเก้อ”

     “แล้วมีอะไรรึป่าว”

     “เย็นนี้เลี้ยงพิซซ่าผมนะ ผมอยากกิน แต่ไม่มีเพื่อนอ่ะ กินคนเดียวไม่อร่อยเลย”

      ปอพูดออกไปอย่างที่เคยนึกบ่อย ๆ เวลาที่สั่งพิซซ่ามากินที่ห้อง หรือแม้แต่เวลาออกไปกินที่ร้านคนเดียวก็เถอะ

มันเหงาจับใจที่ต้องนั่งกินคนเดียว พิซซ่าที่เคยชอบ กลายเป็นเมนูต้องห้าม

เพราะมันคอยเตือนให้นึกถึงคนที่เคยกินด้วยกันอยู่เสมอ

   “ได้เลย ไปกินที่ร้านนะ พี่จะได้ซื้อของฝากป๊ากับแม่ปอด้วย”

   “ครับพี่ปืน”

   ปอวางโทรศัพท์พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ยังหุบไม่ลง พอสบตาตัวเองในกระจกถึงได้รู้ตัว ปอก้าวเข้าไปจนชิดบานกระจกเงา

เพ่งดูหน้าตัวเองก็เห็นผิวแก้มซ่านจนเป็นสีแดงเรื่อ ๆ เขาควรต้องยอมรับสักทีใช่มั้ยว่า การที่มีพี่ปืนป้วนเปี้ยนอยู่ในชีวิต

มันทำให้วันคืนของเขามีความหมายขึ้นมามากอย่างคาดไม่ถึง


   ไม่ได้กินพิซซ่าด้วยกันมานานพอดู ปืนรู้ว่าเป็นของชอบของปอ และการที่ปอยอมรับกับเขาว่ากินพิซซ่าคนเดียวไม่อร่อย

ก็น่าจะหมายความว่า ปอเริ่มจะกลับมาเหมือนเดิมแล้ว แต่จนแล้วจนรอดปืนก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรทำให้ปอ

ทำตัวเหินห่างกับเขาเป็นนานสองนาน และการที่ปอกลับมาเหมือนเดิม เป็นเพราะปอลืมเรื่องราวที่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์

....ปอให้อภัยในความผิดของเขา หรือว่าปอคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ ปืนไม่รู้อะไรเลย

แม้แต่จะเดาก็เดาไม่ออก คงได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไป และทำให้สถานการณ์ระหว่างเขากับปอกลับมาเป็นปกติเร็ว ๆ

   “กินใหญ่เลย พี่นึกว่าจะกินไม่หมดนะเนี่ย”

   “หมดดิพี่ปืน ผมไม่ได้กินมาสองเดือนแล้วนะ ชวนเพื่อนมาก็ไม่เจริญอาหารเลย”

   “เพื่อนแย่งกิน แล้วเราก็กินไม่ทันเค้าล่ะสิ”

   “ไม่ใช่ซักหน่อย ไม่มีคนจ่ายตังค์ให้ต่างหาก”

   ปอยิ้มกวน ๆ ทั้งที่คราบซอสยังเลอะไปทั้งปาก ปืนก็ยังเห็นว่าน่ารัก

(ทีแม่สาวที่แปรงฟันบนรถไฟกลับว่าน่าเกลียด ลำเอียงนะไอ้ปืน)

   “ซื้ออะไรไปฝากแม่ดีล่ะปอ”

   “แล้วแต่พี่ปืนดิ ตังค์พี่นี่นา”

   “พี่เลือกไม่ถูก ไม่รู้ว่าป๊ากับแม่ชอบอะไร ปอเลือกแล้วกันพี่จ่ายตังค์เอง”

   “พี่ปืนให้อะไร เค้าก็ถูกใจไปหมดแหละครับ จะเป็นลูกรักมากกว่าผมอีกนะ”

   “ไม่หรอก เค้าคงเกรงใจพี่มากกว่า แต่พี่ก็ไม่ได้อยากให้เค้าเกรงใจนะ แม่ชอบพูดเรื่องเก่าเรื่อยเลย”

   “ก็เค้าซาบซึ้งนี่นา เพราะถ้าพี่ไม่ช่วยผมตอนนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร”

   ปอเท้าความเรื่องเก่าทีไร ปืนเป็นต้องเขินจนเอามือลูบท้ายทอยทุกที  ตอนนั้นเค้าแค่อยากจะใกล้ชิด

ไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกของเขาจะถลำลึกกว่านั้นไปมาก

   “ยิ่งป๊านะ ไม่ต้องพูดถึง บอกให้ผมขยันตั้งใจเรียนจะได้มีงานมีการทำดี ๆ อย่างพี่ปืน”

   “งานอย่างพี่น่ะหนักนะ ปอเรียนดีกว่าพี่ต้องไปได้ดีกว่าอาชีพพนักงานธนาคารอยู่แล้ว

แถมที่บ้านยังมีกิจการค้าขายเป็นของตัวเอง ดีไม่ดี ได้ไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาทำงานที่ได้เงินเดือนสูง ๆ อีก”

   “โห พี่ปืนคิดไปไกลจัง ผมยังไม่ทันได้สอบเรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ”

   “ตอนนี้ยัง แต่พี่รู้ว่าปอก็กำลังเตรียมตัวอย่างดี เอ็นฯปีหน้าก็คงได้ที่ดี ๆ อีกนั่นแหละ

   “ผมก็พยายามอยู่นะครับ แต่ก็ไม่รู้จะทำได้ดีแค่ไหน ผมตั้งเข็มเอาไว้แค่คณะเดียว ไม่เหวี่ยงแหเหมือนปีทีjแล้ว

 จะได้มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบให้เต็มที่ นี่ผมก็ลองทำข้อสอบของปีก่อน ๆ ดูนะ แล้วก็ทำได้เยอะด้วย”

   ปอมีท่าทีที่มุ่งมั่นในการเตรียมตัวสอบครั้งนี้มาก ข้อสอบเก่า ๆ ของปีที่ผ่านมาเขาก็ซื้อมาลองทำ

 ไหนจะอาจารย์ที่สอนพิเศษสรรหามาให้อีก เขาคิดว่าคงจะครอบคลุมเนื้อหากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นไปแล้ว

   “เลือกคณะเดียวเกิดพลาดขึ้นมา ก็ไม่ต้องเรียนกันพอดี”

   ปืนเริ่มวิตกแทน

   “โธ่! พี่ปืน ไงมาตัดกำลังใจกันอย่างงี้อ่ะ”

   ปอท้วงอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้ว่าปืนห่วง

   “พี่น่ะให้กำลังใจปอตลอดแหละ แค่ไม่อยากให้ปอเสียโอกาส เลือกคณะอะไรที่ชอบอีกซักคณะดีมั้ย”

   ปอส่ายหน้า

   “พี่ปืนรู้มั้ย ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมพยายามกดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้  ไม่งั้นผมจะก็จะเคว้งคว้างไปอีกปี

อีกอย่างนึง ที่มอนี้มีคณะที่ผมอยากเรียนแค่คณะเดียว  ถ้าผมเลือกคณะอื่นสำรองไว้อย่างที่พี่ปืนว่ามันก็จะลงเอยเหมือนปีนี้

ที่ผมไม่ยอมทนอะไรที่เรารู้สึกไม่กลมกลืนแล้วก็ทิ้งมันกลางคัน”

   “อ้าว! ไม่ใช่เพราะเนยหรอกเหรอ”

   “นั่นก็ด้วย แต่แค่เรื่องนั้นมันไม่ได้สั่นคลอนความเป็นอยู่ของผมมากเท่าไหร่หรอก  ไม่มีแฟนก็ดี

ผมจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องคอยพะวงเอาใจใคร  แต่เรื่องเรียนกับกิจกรรมต่างหาก

ที่ทำให้ผมเบื่อที่อยู่กับมันทุก ๆ วัน  เบื่อที่จะทำในสิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมจะทำไปเพื่ออะไร

ทั้ง ๆ ที่ไมได้ชอบเลยซักนิดเดียว พี่ปืนน่าจะเคยผ่านความรู้สึกอึดอัด เวลาที่ต้องจำใจทำอะไร

ที่มันขัดแย้งกับความต้องการของตัวเองจริงมั้ย”

   ปืนรู้สึกว่าปอโตขึ้น คิดอย่างคนที่เข้าใจตัวเองและรู้จุดมุ่งหมายในชีวิต หรือจะเป็นผลพวงมาจาก

การที่ได้ย้ายออกไปอยู่ตามลำพัง ถ้าเช่นนั้นปืนคงต้องปล่อยให้ปอได้อยู่ในแบบที่เขาได้เลือกแล้วใช่มั้ย

ปืนคงเป็นได้เพียงคนที่เฝ้ามองปอเติบโตด้วยความห่วงใยใช่หรือไม่

   ....อืม....แบบนี้คงจะดีกว่าสินะ


   เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เมื่อปอกำลังยกเป้ขึ้นสะพายไหล่ อีกไม่ถึงห้านาทีก็เจ็ดโมงเช้า

ปอคิดว่าเขากระโจนลงบันไดเดี๋ยวเดียวก็ถึงหน้าอพาร์ทเมนท์ทันเวลานัดพอดี

   “เสร็จรึยังปอ”

   “เสร็จพอดีตอนพี่ปืนเคาะประตูแหละครับ”

   ชายหนุ่มสองคนเดินลงบันไดมาถึงล็อบบี้ เรียกความสนใจจากสายตาสาว ๆ ที่นั่ง ๆ เดิน ๆ อยู่แถวนั้นได้มากพอดู

คนที่สูงใหญ่กว่าสวมเสื้อยืดโปโลสีน้ำทะเลกางเกงผ้าเวสปอยท์สีเข้ม อีกคนที่ร่างเล็กและบางกว่า

สวมเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ ใบหน้าทั้งคู่หมดจดสะอาดสะอ้านพอ ๆ กัน

เพียงแต่คนตัวโตผิวคล้ำกว่าเล็กน้อย และมีใบหน้าคมเข้มแบบชาวใต้ แต่คนตัวเล็กผิวขาว

 หน้าตาเกลี้ยงเกลาปากนิดจมูกหน่อยสไตล์วัยรุ่นเกาหลี ผมดำยาวเคลียบ่า สะบัดพริ้วยามก้าวเดินเร็ว ๆ

   รถตู้จอดรออยู่แล้วเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงริมฟุตปาธ ประตูถูกเลื่อนออก ทั้งปืนและปอมุดเข้าไปนั่งที่เบาะด้านหลังสุด

   “เก็บที่นอนไว้ให้คุณปืน เผื่อง่วงขึ้นมาจะได้เหยียดสบาย ๆ”

   เพื่อนร่วมงานหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่เบาะหน้าถัดจากเขาไป หันมาพูดล้อ ๆ

   “น้องชายเหรอคุณปืน”

   “อ่า...ครับ ชื่อปอ...คนนี้พี่หมอก”

   ปืนแนะนำผู้ชายคนแรกที่ทักเขาให้ปอยกมือไหว้ก่อน

   “ที่นั่งคู่พี่หมอกก็พี่เอก พี่ผู้หญิงผมยาวชื่อพี่มล อีกคนก็พี่น้ำ ส่วนคนข้างหน้าสุดชื่อพี่ภพ 

คนสำคัญที่ถ้าไม่มีเขาเราก็ไปไม่ได้ พี่จ๋าย โชเฟอร์ของเราเอง”

   ปอไหว้จนครบทุกคนพร้อมกับส่งรอยยิ้มใส ๆ

   “น้องชายคนละพ่อคนละแม่ล่ะสิปืน”

   “ก็แหงล่ะครับ น้ำ ดูสีผิวก็รู้แล้ว”

   ปืนพูดไปหัวเราะไป ก็ปอดูยังไงก็มีเชื้อจีน ในขณะที่เขาดูก็รู้ว่ามีบรรพบุรุษทำไร่ทำนาแน่ ๆ

   “หน้าตาน่ารักนะน้องปอ ยังเรียนอยู่ใช่มั้ยคะ”

   พี่มลชวนคุย ขณะที่รถเคลื่อนออกไปสู่การจราจรบนท้องถนน

   “ครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนแล้ว กำลังเตรียมตัวเอ็นฯใหม่ปีหน้านี้แหละครับ”

   “งั้นพี่ขอให้โชคดีนะคะ ปีนี้เอ็นฯไม่ติดไม่เป็นไร ปีหน้าลองใหม่”

   “ใครว่าเอ็นฯไม่ติด นี่น่ะสอบเข้าที่ม......ได้นะครับ แต่ไม่ชอบก็เลยลาออกไม่อยากเสียเวลาไปเปล่า ๆ

เอาเวลามาเตรียมตัวสอบคณะที่เค้าชอบดีกว่า”

   ปืนรีบชี้แจง

   “โอ้โห เก่งจังเลยน้องปอ พี่น้ำเสียดายแทนนะเนี่ย”

   “ผมก็เสียดายครับ แต่เสียดายเวลามากกว่า สู้เรามาเริ่มต้นใหม่ ได้เรียนอะไรที่เราชอบดีกว่า”

   “เออ....แล้วนี่จะกลับบ้านกี่วัน ขากลับจะกลับพร้อมพวกพี่ก็ได้นะ”

   พี่หมอกเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจ

   “ตั้งใจจะอยู่ซักอาทิตย์นึงครับ แต่ไม่แน่ผมอาจจะขอติดรถกลับด้วยก็ได้ พวกพี่ไม่รังเกียจนะครับ”

   “รังเกียจอะไร น้องปืนแท้ ๆ”

   น้ำพูด   

   .....ไม่แท้เว้ย....

   “ก็ไม่แน่นะ ลองถามหัวหน้าทีมเค้าก่อนมั้ย”

   พี่หมอกแกล้งแซวปืน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม ปืนได้แต่ยิ้มกว้าง เขาก็เพิ่งรู้นี่แหละว่า ปอเปลี่ยนแผนจะกลับด้วยกัน

...เฮ้อ! จะมีอะไรสุขใจเท่านี้เป็นไม่มีอีกแล้ว

   ทีมงานของปืนเข้าพักที่โรงแรมที่ได้จองไว้ล่วงหน้า แต่ปืนขอยกเลิกส่วนของจ๋าย เพราะเขาจะไปพักบ้านของปอแทน

 โดยยกสิทธิของเขาให้จ๋ายคนขับรถ และยังทำให้คนเข้าพักครบคู่พอดีอีกด้วย

   “ประหยัดให้แบ็งก์น่ะครับ”

   ปืนบอกกับทีมงานทั้งหมดว่าบ้านของปออยู่ในตลาด ถ้ามีเวลาว่างพอเขาจะชวนไปกินข้าวที่บ้าน

   (ชวนยังกะบ้านตัวเองเลยนะไอ้ปืน)

   (ปรึกษาเจ้าปอแล้วเว้ย!!!)

   ทีมงานไม่มีใครคัดค้านอยู่แล้วเพราะยังไงปืนก็เป็นหัวหน้าทีม ใครล่ะจะกล้า แล้วอีกอย่าง จ๋ายจะได้นอนโรงแรมดี ๆ

กับพวกเขาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องไปหาเช่าโรงแรมที่ราคาย่อมเยากว่านี้ เพราะเกินกว่าสิทธิการเบิก

ของตำแหน่งพนักงานขับรถ

   การอบรมพนักงานผ่านไปได้ด้วยดี อุปสรรคมีเพียงเรื่องเดียวก็คือเวลา  เนื่องจากพื้นที่แถบนี้ยังคงมีปัญหาการก่อการร้าย

อย่างต่อเนื่อง มองจากสายตาคนภายนอกดูจะน่ากลัว  แต่ความจริงแล้ว ในเขตตัวเมืองไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

พนักงานที่มาจากสาขาต่าง ๆ  ทั้งสามจังหวัดที่จะมาอบรมต่างหาก ดูจะน่าเป็นห่วงมากกว่าในเรื่องของสวัสดิภาพ

ระหว่างการเดินทาง  ดังนั้นผู้บริหารจึงให้พนักงานที่มาอบรมพักอยู่ในโรงแรมจนกว่าการอบรมจะสิ้นสุด

 ก็ดีไปอย่างที่ปืนและลูกทีมจะได้ไม่ต้องตระเวณไปตามสาขา ซึ่งนั่นก็นับว่าเสี่ยงพอสมควร

เหตุการณ์ร้ายมักจะเกิดในช่วงเช้าตรู่ หรือไม่ก็ช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่ออกเดินทางเสียด้วย

   วันที่เดินทางกลับเป็นไปอย่างที่ปืนภาวนา นั่นก็คือปอเดินทางกลับพร้อมกัน  ทั้งที่ใจจริงเขาก็อยากจะให้ปอได้อยู่กับ

ครอบครัวนาน ๆ เพราะใช่ว่าปอจะได้มีโอกาสกลับบ้านบ่อย ๆ  ซึ่งมีสาเหตุมาจากทั้งเรื่องการเรียน

และสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสงบนัก

   “กลับเลยก็ดีเหมือนกันลูก เดินทางไปกับพี่ ๆเค้า แม่กับป๊าจะได้ไม่ห่วง”

   แม่พูดด้วยอย่างตัดใจ ต่างก็รู้ดีว่าตั้งแต่ปอออกจากบ้านไป ที่บ้านก็เงียบเหงาลงมาก แต่ที่ต้องยอมก็เพื่ออนาคต

และความปลอดภัยในชีวิตของลูกชายคนเดียว

   “ฝากน้องด้วยนะปืน มีอะไรก็ดุด่าว่ากล่าวได้เลย”

   “ครับแม่”

   “ผมดูแลตัวเองได้น่าแม่ก็”

   ทั้งปืนและปอพูดขึ้นพร้อมกัน

   “ค่าเช่าตึกแม่ให้เค้าโอนเข้าบัญชีของปอแล้วนะ ต่อไปแม่จะไม่โอนเงินให้แล้ว  ปอก็ต้องใช้จ่ายระมัดระวังหน่อย

เดือน ๆ หนึ่งค่าเช่าก็ไม่น้อย แม่ว่าจะพอค่าเทอมได้ตลอดปีซะด้วยซ้ำไป พี่ปืนน่ะหมั่นดูบัญชีปอให้แม่ด้วยนะลูก

ถ้าปอใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ก็ช่วยโทรบอกแม่ที”

   “ครับ”

   “ผมจะใช้อย่างประหยัดครับแม่ ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่จ่าย จะกินจะใช้แต่ของพี่ปืน”

   “เฮ้ย!...”

   ปืนร้อง ส่วนเจ้าปอหันมายิ้มหน้าทะเล้นใส่

   “ไปรบกวนพี่เค้าได้ยังไง ของตัวเองก็มี แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังรู้มั้ย”

   แม่กำชับก่อนจะส่งทั้งสองคนขึ้นรถตู้ออกเดินทางกลับ ปืนยึดที่นั่งเดิมเหมือนตอนขามา  ปอทำท่าจะไปนั่งเบาะหน้า

แต่ใคร ๆ ก็นั่งเป็นคู่อยู่แล้วยังกะจองตั๋วล่วงหน้า ก็เลยมานั่งกับปืนเหมือนเดิม ก็ไม่รู้ว่าทำไมปอถึงไม่อยากนั่งกับเขา

 ปืนว่าสถานการณ์ระหว่างเขากับปอก็ดีขึ้นนะ ช่วงเวลาที่พักอยู่บ้านปอ ก็พูดคุยหยอกล้อสนิทสนมกันดี

แต่พอขึ้นรถทำไมถึงกลับเป็นอย่างนี้ไปได้

   “ปอมานั่งข้างหน้ากับพี่มั้ยครับ”

   พี่เอกซึ่งอาวุโสที่สุดในทีมหันมาชวนปอไปนั่งที่เบาะหน้า ปืนมองปออย่างแปลกใจ เพราะพี่เอกไม่ใช่คนช่างพูดช่างคุย

โดยเฉพาะกับปอก็เพิ่งจะรู้จักกันตอนขามานี่เอง ระหว่างอบรมก็ได้คุยกันบ้าง ปืนคิดว่าแทบจะไม่มีเวลาคุยกันเสียด้วยซ้ำ

 แล้วนี่สนิทกันถึงขนาดชวนไปนั่งด้วยกัน จะไม่ให้แปลกใจยังไงไหว

   แล้วเจ้าตัวดีก็ปฏิบัติตามหน้าตาเฉย ลุกขึ้นจากที่นั่งข้างปืนออกไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อหน้าระรื่นอยู่ที่เบาะหน้าโน่น

ตอนนี้อารมณ์เบิกบานที่พกมาเต็มหัวใจกลายเป็นพายุทอร์นาโดไปซะแล้ว....ปอไปสนิทกับพี่เอกตอนไหน

แล้วพี่เอกนึกยังไงถึงมาตีสนิทกับปอ ทั้งที่เขาเป็นคนพามา จะเรียกว่าเป็นน้องชายก็ว่าได้

   ปืนหวาดหวั่นยังไงบอกไม่ถูก ก็พี่เอกน่ะ เกย์ต้นฉบับเลยเชียวนะ เจ้าปอไม่มีทางดูออกหรอก ไร้เดียงสาปานนั้น

จะไปทันเสือเขี้ยวคมอย่างพี่เอกได้ยังไง

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 14/5/2555 รอบดึก
«ตอบ #54 เมื่อ15-05-2012 14:54:27 »

หน่วงจัง o22

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 15/5/2555
«ตอบ #55 เมื่อ15-05-2012 15:05:23 »

พี่ปืน...ดีเกิ๊นนนนน
ไม่โกรธอะไรสักอย่าง
คนอ่านนี่สิ  โกรธนำไปไกล  555
อยากให้ปอได้รู้สักที  ว่าไม่มีพี่ปืนจริงๆมันเป็นยังไง

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 15/5/2555
«ตอบ #56 เมื่อ15-05-2012 15:35:05 »

เห็นชื่อปุ๊บกดเข้ามาทันทีเลย ตอนแรกคิดอยู่ว่าชื่อพ้องรึเปล่าเนี่ย (มันจะพ้องทั้งชื่อนิยาย-ชื่อคนเขียนได้ไงเนาะ)
ใช่เลยตัวจริงเสียงจริง  :กอด1:ดีใจจริงๆนะเนี่ย :pig2:ยินดีต้อนรับน้องนู กด+ กดเป็ด ต้อนรับเลยจ้ะ
พาพี่ปืนน้องปอมาเป็นขวัญใจชาวเล้าแล้ว

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 15/5/2555
«ตอบ #57 เมื่อ15-05-2012 17:26:00 »

ขามาเหมือนจะดี ตอนลาแม่ก็ยังดีอยู่ ไหงขากลับน้องปอไม่อยากนั่งกับพี่ปืนแล้วล่ะ

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 15/5/2555
«ตอบ #58 เมื่อ15-05-2012 19:29:50 »

น้องปอทำไมไม่น่ารักเลยอ่ะ
 :serius2:
รู้ก็รู้ยังทำให้พี่ปืนเสียใจอยู่นั่นอ่ะ
แบบนี้คุณแม่(?)ไม่ปลื้มนะคะ
 :a14:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #59 เมื่อ16-05-2012 23:56:42 »





บวกเป็ดให้ แทนกำลังใจที่ผมได้รับจากทุกคนนะครับ

ขอบคุณครับ  :pig4:

ดีใจจัง มีคนที่จำผมได้เข้้ามาอ่านเรื่อย ๆ

หวังว่าจะไม่เบื่อผมไปซะก่อน

ช่วงต่อไปผมอาจจะไม่ได้ทักชื่อของทุกคนนะครับ อาจจะไม่ตอบทีละคอมเม้นท์

ขอสงวนหน้าโพสท์ไว้เผื่อว่าจะได้หานิยายได้ง่ายหน่อย

แต่ขอให้รู้ว่าผมอ่านทุกถ้อยคำจริง ๆ

  :3123:

ม่ะ....อ่านต่อกัน















 “ปอ ขอพี่คุยหน่อยได้มั้ย”

   ปืนพูดขึ้นหลังจากประตูลิฟท์ปิดลง

   “มีอะไรเหรอครับ”

   “พี่ขึ้นไปเก็บของแล้วจะลงมา”

   “พี่ปืนจะมาคุยที่ห้องผมเหรอ”

   “ได้มั้ย”

   ปอพยักหน้า พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดออก เขาก็ก้าวออกไปพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังคู่ใจ

ออกเดินแบบไม่เหลียวหลัง

   อาการพยักหน้าที่ไม่ใช่คำเชิญให้ไปคุยที่ห้อง ก็ทำเอาปืนแทบจะเปลี่ยนใจไม่อยากคุย แต่เขาไม่อยากให้ปอเสียท่าพี่เอก

   ....ก็ไม่รู้ล่ะนะ ว่าพี่เอกคิดจะสานสัมพันธ์กับปออย่างที่เขาระแวงหรือเปล่า แต่เขาไม่อยากให้ปอใกล้ชิดกับพี่เอกล่ะเป็นดีที่สุด

เห็นเงียบ ๆ ขรึม ๆ อย่างนั้น พี่เอกล่ะร้ายน่าดู ขนาดแฟนเก่ายังโดนซ้อมจนต้องหามเข้าโรงพยาบาล แค่แสดงความหึงหวง

ไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง  คนอารมณ์แรง มือหนักตีนหนักอย่างนั้น อย่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า

   ปืนรีบวางข้าวของกองลงกับพื้น แล้วเดินกลับลงไปที่ห้องของปอทันที ก็ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน

   รู้แต่ว่าเขาร้อนใจมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้

    อดจะคิดไปต่าง ๆ นานาไม่ได้ ว่าพี่เอกจะติดต่อปอก่อนที่เขาจะทันได้ออกปากเตือน
   
    หรือไม่ก็อาจจะนัดปอไปกินข้าวกันโดยที่เขาไม่รู้

      อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ขณะที่ปอนั่งคู่ไปกับพี่เอกที่เบาะหน้า ก็มันนานตั้งสี่ชั่วโมงเชียวนะที่อยู่บนรถน่ะ

ใครจะไปรู้ว่า ทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง

   กว่าปอจะมาเปิดประตูให้เขาเข้าไป ปืนก็รู้สึกเหมือนรอเป็นสิบนาที ไม่ใช่แค่อึดใจ

   “เคาะซะรัวเชียวพี่ปืน ผมกระโดดมาแทบไม่ทัน”

   “เอ้อ...พี่ขะ...ขอโทษ”

    อ้าว...แล้วยังไง ปืนกลับอึกอักอ้ำอึ้งซะเอง ทั้งที่เขาน่าจะพูดได้คล่องลิ้น ก็ไอ้ที่จะมาบอกน่ะ เพื่อตัวของปอเองนะ

เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หมุนหน้าคอมฯ ที่ยังเปิดโปรแกรมบางอย่างค้างไว้

   “กำลังทำอะไรอยู่น่ะ”

   “ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ๆ น่ะครับ กำลังจะนอนเล่น ก็พอดีพี่ปืนเคาะรัวอยู่หน้าประตูอ่ะแหละ”

   บรรยากาศชวนให้อึดอัด อาจจะเป็นปืนที่รู้สึกไปเอง เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันอัดอยู่ในใจจะบอกไอ้ตัวต้นเหตุก็ไม่ได้

มิฉะนั้นความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะต่อติดหมาด ๆ อาจจะสะบั้นลงอีกครั้ง แต่ไอ้เรื่องที่ตั้งใจจะมาบอกก็ติดอยู่ปลายลิ้นนี่เอง

ไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยประโยคไหนดี....ใคร ๆ หลายคนคงเคยมีอาการที่คันปากอยากพูด

แต่ก็กลัวผลที่ตามมา จะไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย
 
   คิดอีกที เขาตระหนกตกใจไปก่อนรึเปล่าที่คิดว่าพี่เอกกำลังจะสานสัมพันธ์กับปอ แค่เรียกไปนั่งด้วยกันที่เบาะหน้า

มันสรุปได้อย่างนั้นจริงๆหรือ

   แต่ว่า...ไม่มีเหตุผลอื่นเลยนี่นา ที่พี่เอกจะชวนปอไปนั่งด้วย ปอมากับเขา ที่นั่งข้างหลังก็ว่างพอ

แล้วปอก็ไม่ใช่คนเมารถ ที่ต้องให้นั่งเพ่งถนนข้างหน้าตลอดเวลา เพื่อแก้อาการเมา

   “พี่ปืนมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”

   ปอเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงก่อน แต่ยังไม่ทันไรเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง

   “สงสัยจะเป็นคนส่งพิซซ่า”

   ปอพึมพำลอย ๆ ก่อนจะก้าวยาว ๆ ไปเปิดประตู

   ปืนก็เลยได้โอกาสสังเกตว่าปอสูงขึ้นกว่าเดิม ขาที่เคยเห็นว่าขาว ๆ เรียว ๆ ตอนนี้ก็ยาวขึ้น และได้รูปได้ร่างสวย

มีแค่ไรขนบาง ๆ ที่มากกว่าผู้หญิงนิดหน่อย ขายาว ๆ คู่นั้นก้าวเข้ามาใกล้ปืนพร้อมกับคำถาม

   “พี่ปืนมองอะไรน่ะ...ขาผมเหรอ”

   ปืนรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ๆ รีบเงยหน้าขึ้น ก็สบตาที่มองตรงมาขำ ๆ

   “ก็...เออ...อืม...พี่ว่าปอสูงขึ้นนะ”

   “ครับ ก็ผม 19 แล้วนะพี่ปืน สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วตั้ง 6 เซ็นแน่ะ”

   ปอวางพิซซ่าของโปรดลงบนโต๊ะหนังสือ ที่ตอนนี้โล่งสะอาด แต่ยังมีหนังสือวางเป็นตั้งอย่างมีระเบียบ

รวมอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปหยิบแก้วน้ำที่เป็นแก้วจริง ๆ เนื้อใส ตักน้ำแข็งเกร็ดใส่แก้วสองใบ

เทเครื่องดื่มเรียบร้อยก่อนจะยื่นส่งให้ปืน

     ทั้งหมดที่ปอทำ เคยเป็นสิ่งที่ปืนมักจะเป็นฝ่ายทำให้ ตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันที่ห้องพักของเขา

แต่วันนี้ปอกลับเป็นฝ่ายทำให้เขาบ้าง มันให้ความรู้สึกดีจริง ๆ นะ และยิ่งดีขึ้นไปอีก

เมื่อปอหยิบพิซซ่าใส่จานใบเล็กส่งมาให้ปืน

   “ไม่กลัวแก้วแตกแล้วเหรอ”

   ปืนล้อ เพราะแก้วกับปอ เป็นอะไรที่อยู่ใกล้กันไม่ได้ แก้วจะเป็นฝ่ายแพ้ไปเสียทุกที ปืนเสียเงินซื้อแก้วไปหลายโหล

ในตอนนั้น  แต่ก็ไม่เคยนึกเสียดาย เมื่อเทียบกับวันคืนแสนสุขที่ผ่านเข้ามา

   “ก็ยังแตกอยู่เรื่อย ๆ แหละครับ แต่ผมก็ชอบมากกว่าแก้วพลาสติก”

   ปอหยิบพิซซ่าใส่ปาก ท่าทางเคี้ยวหนุบหนับดูน่าอร่อย

   “ชอบซะจริงนะ พิซซ่าเนี่ย”

   ปืนหยิบใส่ปากบ้าง....มันก็งั้น  ๆ สำหรับปืน ข้าวแกงจานนึง หรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวสักชาม ยังจะถูกปากเขามากกว่า

อาหารฝรั่งที่ดูยังไงก็เหมือนขยะ ศิลปะที่พอมองเห็นก็แค่สีสันของอาหารที่จัดวางให้เป็นจังหวะดูสวยงาม รสชาดก็จืด ๆ

ไอ้จะปรุงพริกขี้หนูแบบอาหารบ้านเรา มันก็จะผิดสูตรเค้าไปซะอีก แต่ปืนก็เอร็ดอร่อยกับมันได้ทุกที

ขอแค่ให้คนที่กินเป็นเพื่อนกันไม่ใช่ใครอื่น แต่ต้องเป็นคน ๆนี้เท่านั้น

   “ก็มันอร่อยนี่นา ไม่ได้กินด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะครับ”

   “ตั้งนานที่ไหน จำไม่ได้เหรอ ก่อนไปหาแม่น่ะเพิ่งจะไปนั่งกินที่ร้านด้วยกันอยู่เลย”

   “ก็ใช่ แต่ผมหมายความว่า ก่อนหน้านี้เราไม่ได้กินอะไรด้วยกันนานแล้วต่างหาก”

   “งั้นเย็นนี้ไปกินอะไรอร่อย ๆ กันมั้ย”

   ปืนรีบฉวยโอกาสชวน

   “กินอะไรล่ะครับ”

   “ก็ปออยากกินอะไรล่ะ”

   “พี่ปืนเลี้ยงนะ”

   “แล้วพี่เคยให้เราเป็นคนจ่ายซะที่ไหนล่ะฮึ”

   “ผมล้อเล่น รู้น่าว่าพี่ปืนน่ะศักดิ์ศรีมาก ไม่ยอมให้ผมจ่ายเงินให้ ไม่ว่าจะค่าอะไร แต่นี่อ่ะ.....”

   ปอชี้ไปที่ถาดพิซซ่าที่วางบนโต๊ะแล้วยิ้มใส่ตาปืน

   “ผมจ่ายนะ เป็นครั้งแรกที่พี่ปืนยอมให้ผมจ่ายตังค์”

   ตั้งตัวไม่ทันน่ะสิไม่ว่า ก็ใครจะไปรู้ว่าปอสั่งพิซซ่ามากิน แต่ดูท่าว่าเจ้าตัวจะดีใจที่ได้มีโอกาสจ่ายเงิน

ทำยังกับว่าแข่งขันเกมอะไรสักอย่างแล้วได้เข้ารอบงั้นแหละ ส่วนปืน....พิซซ่าชิ้นนี้อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาก็ว่าได้

   ในที่สุดเวลาของอาหารเย็นกับคนที่ถูกใจก็ผ่านไปโดยที่ปืนยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปอย่างที่ตั้งใจไว้เลย

บอกจริง ๆ ว่าเขากลัวคำถามที่ออกจากปากจะทำลายบรรยากาศดี ๆ เหล่านี้ไป

   เอาน่า...รอดูไปอีกสักระยะดีกว่า บางทีพี่เอกอาจจะไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับปอ

เพราะตอนนี้ยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ด้วยกัน ถึงจะไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ในกลุ่มเพื่อนฝูงก็เป็นที่รู้กันว่า

พี่เอกมีรสนิยมชัดเจนขนาดไหน โชคดีที่แรกรู้จักกัน พี่เอกยังรักเหนียวแน่นกับแฟนคนที่อยู่ด้วยกันตอนนั้น

(ซึ่งไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้ และยิ่งไม่ใช่คนที่ถูกหามเข้าโรงพยาบาลเพราะฝ่าเท้าพิฆาติของพี่แก)

 มิฉะนั้น ปืนก็อาจจะเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของพี่เอกอีกคนก็ได้   



   ไม่มีวันไหนที่ปืนไม่คิดถึงเจ้าคนที่อยู่ห้องชั้นล่างที่มีระเบียงตรงกัน

   หลายครั้งที่ปืนมักจะชะโงกหน้าลงไปมอง ทั้งที่ก็คงมองเห็นเพียงแค่ขอบระเบียงกับอะไรอีกนิดหน่อย

เช่นรองเท้าแตะผ้าลายทวีตตี้สีเหลืองสด  ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่กับราวโครเมี่ยมทรงเตี้ย เพื่อไม่ให้โผล่พ้นระเบียง

(เจ้าของอพาร์ทเมนท์ห้ามขาดไม่ให้โชว์ราวตากผ้านอกระเบียง)

   แค่เท่านั้นมันก็ทำให้ปืนปั่นป่วนในหัวใจ กระวนกระวายเพราะความคิดถึง อยากเจอหน้า

ปั่นป่วนวุ่นวายใจหลายวันเข้า ก็เริ่มจะทนคิดถึงไม่ไหว ทำเนียนโทรชวนไปกินข้าว

ก็ได้รับคำปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา ทำให้ปืนได้รู้ว่า เดี๋ยวนี้ปอมีสังคมของตัวเอง

จนไม่เหลือเวลาให้เขาอีกแล้ว ถึงแม้ส่วนใหญ่กิจกรรมแต่ละวันของปอจะหมดไปกับการเรียนพิเศษ 

การเข้าห้องสมุด เข้าร้านหนังสือ แต่ทุกที่ ทุกเรื่อง เจ้านั่นไม่เคยขาดเพื่อน

แม้กระทั่งจะกินข้าวเย็นก็ยังมีนัดกับเพื่อน แล้วคนต่างวัยอย่างปืนน่ะหรือ จะเข้าไปร่วมแจมกิจกรรมที่ว่าเหล่านั้นได้

   ....เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว.....เขาในฐานะพี่ชาย (นอกไส้) ที่รับปากพ่อแม่ของปอว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี

ก็เบาใจไปได้อย่างหนึ่งว่า ปอจะไม่เหงา การมีเพื่อนสักสองสามคนในเมืองใหญ่ ก็นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะเท่ากับช่วยให้ปอได้ปรับตัวเข้ากับสังคมเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันได้ การแลกเปลี่ยนทัศนะของคนวัยเดียวกัน

ช่วยให้มีโลกทรรศน์กว้างไกล ยิ่งถ้าได้เพื่อนดี ก็คงได้รับประสบการณ์ดี ๆ ไปด้วย ปืนเชื่อว่าปอคงจะมีจิตสำนึกดีมากพอ

ที่จะกลั่นกรองเพื่อนประเภทที่เรียกว่า “คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” แทนที่จะ “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด”


   ปืนทนกินข้าวเย็นคนเดียวอยู่หลายวัน ก็เกิดความรู้สึกว่าจะกระเดือกไม่ลงอีกแล้ว ก็เลยหาเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศ

ไปกินอาหารจีนบ้างดีกว่า และคงไม่มีที่ไหนที่จะอร่อยถูกปากเท่าที่ร้านของอาเจ็กหมง

(ซึ่งนอกจากจะอร่อยแล้วปืนก็จะได้ลดราคาเป็นพิเศษอีกต่างหาก)   

   ลูกค้าเข้าร้านแน่นขนัดเช่นเคย และที่ทำให้ดูคึกคักก็คงเป็นโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดของร้าน ที่เป็นโต๊ะขนาดสิบที่นั่ง

มีคนนั่งล้อมรอบโต๊ะเต็มเหยียด แถมยังมีเสียงเฮฮาส่งมาเป็นระยะ ปืนหันไปมองนิดเดียวก็ละความสนใจ

เดินไปนั่งที่โต๊ะริมผนัง ซึ่งเป็นโต๊ะขนาดสสามนั่ง วางอาหารได้สามจานแบบพอดี ๆ

   อาหารทั้งโต๊ะถูกกวาดลงไปอยู่ในท้องเขาเรียบร้อย โดยมีเสียงเฮฮาของโต๊ะใหญ่ดังมาเป็นระยะ ๆ

ถึงจะไม่ค่อยได้สนใจแต่มันก็ลอยมาเข้าหูอย่างเลี่ยงไม่ได้ กินเสร็จแล้วปืนก็ไม่รอช้า จัดการชำระค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว

(ด้วยราคาลดห้าสิบเปอร์เซ็น) ก็ลุกออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าจะเป็นที่สนใจของใคร

   “พีปืน”

   เสียงเรียกกระหืดกระหอบ แทรกด้วยเสียงวิ่งตึกตักที่ตามมาข้างหลัง ทำให้ปืนต้องหันกลับไปดูด้วยความแปลกใจ

เพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของปอ อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจที่ปอจะมาที่ร้านอาหารของญาติตัวเอง

ปืนแค่เสียดายที่เขาไม่รู้ว่าปอจะมา ไม่อย่างนั้นก็คงได้กินอาหารเย็นด้วยกัน

อาหารมื้อนี้จะเอร็ดอร่อยขนาดไหนหนอ

   “จะกลับแล้วเหรอครับ”

   “แล้วปอล่ะมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ตั้งแต่ก่อนค่ำแน่ะ พี่เอกเค้าชวนมาเลี้ยงวันเกิดแฟนเค้า”

   “พี่เอก?...แฟน?”

   ปืนถามแบบงง ๆ

   “วันเกิดแฟนพี่เอกไง พี่ปืนไม่รู้จักแฟนพี่เอกเหรอครับ”

   “ก็รู้...รู้จักสิ”

   “นั่นแหละครับ พี่เต้ยเค้าสอนพิเศษคณิตศาสตร์ที่โรงเรียน สอนดีมากด้วย ผมลงเรียนกับแกสองสามคอร์สแล้ว

เพราะแกสอนเข้าใจง่ายดี”

   ปืนพยักหน้า พยายามคิดตามที่ปอเล่า แล้วก็เลยเข้าใจว่า ที่แท้เขาวิตกไปเองที่คิดว่าพี่เอกจะจีบปอ

ความจริงปอกับเต้ยแฟนพี่เอกรู้จักกัน พี่เอกก็อาจจจะเคยเห็นหน้าปอ ตอนไปรับเต้ยที่ โรงเรียนกวดวิชา

แต่ไว้ทีหลัง ปืนจะถามซะให้กระจ่าง ว่าใช่อย่างที่เขาคิดรึเปล่า

   ปืนรู้จักเต้ยแฟนพี่เอกวันที่ขึ้นไปอบรมหลักสูตรใหม่ เมื่อไม่นานมานี้ เท่าที่รู้ไม่มีใครในกลุ่มเพื่อนสนิทที่จะไม่รู้ว่า

เต้ยเป็นแฟนของพี่เอก เพราะคู่นี้ไม่เคยปิดบังความสัมพันธ์ที่มีต่อกันในทุกที่ทุกเวลา แต่ปอล่ะ

ปอรู้มานานหรือยังว่าคู่นั้นเป็นอะไรกัน ปอเข้าใจความรักระหว่างชายกับชายได้ดีขนาดไหน

ดีพอที่จะมีความรู้สึกเช่นนั้นตอบเขาได้หรือเปล่า ถ้าวันนี้ปอรู้สึกกับปืนแค่พี่ชาย

วันข้างหน้ามันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักแบบที่ปืนต้องการได้มั้ย


   ที่แท้โต๊ะใหญ่ที่ส่งเสียงเฮฮา ก็คือโต๊ะกินเลี้ยงงานวันเกิดของเต้ยนั่นเอง เพียงแต่โต๊ะนั้นตั้งอยู่ด้านในสุด

 เมื่อปืนเดินจากประตูหน้าไปเลือกที่นั่งอีกด้านก็เลยไม่ทันสังเกตว่ามีคนรู้จักรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

และคนในโต๊ะนั้นก็คงอยู่ในอารมณ์สนุกสนานจนไม่ได้สังเกตว่าใครจะเข้า ใครจะออก

   “พี่เอกเค้าจะไปต่อกันที่ผับ เค้าชวนผมแต่ผมไม่มีเพื่อนไม่อยากไปนั่งเหงาคนเดียวอ่ะ”

   “เพื่อนออกเต็มโต๊ะ จะเหงาได้ไง”

   “เค้าไม่ไปกันหรอก พี่เอกชวนผมคนเดียว”

   “อ้าว! แล้วทำไมชวนแค่ปอคนเดียว”

   “พี่เอกเค้าไม่ชอบเพื่อนคนอื่นของพี่เต้ย เค้าว่ามีแต่เพื่อนกิน”

   “อ้าว! ก็ชวนเค้ามากิน จะให้เค้าทำอะไรอ่ะ”

   พี่เอกนี่คิดอะไรประหลาด ไม่ใช่ว่าปืนไม่เข้าใจ หรือไม่รู้นิสัยพี่เอก ที่อ้างเรื่องเพื่อนกินน่ะ ข้ออ้างเห็น ๆ

และที่ปืนว่าประหลาดก็ตรงที่พี่เอกนึกยังไงถึงชวนปอแค่คนเดียว จะว่ามีแผนอื่นก็คงไม่ใช่ เพราะไปกับเต้ย

คงไม่กล้าทำอะไรรุ่ม่ร่ามกับปอ ถ้าพี่เอกจะคิดจะจีบปอต่อหน้าเต้ยก็คงคิดผิดไปมากเลยล่ะ

เพราะแฟนคนนี้ไม่เหมือนคนที่โดนซ้อมจนต้องหามเข้าโรงพยาบาลหรอก เต้ยเคยเป็นนักกีฬาอากิโด้สมัยที่เรียนมัธยม

ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านักกีฬาประจำจังหวัด แต่ฝีไม้ลายมือแค่นั้นก็คงเอาพี่เอกซะอยู่หมัดแน่นอน

   “พี่ปืนไปกับผมนะ”

   “เฮ้ย! จะไปยังไง เค้าไม่ได้เชิญ”

   “ทำไมต้องเชิญด้วยอ่ะ ใคร ๆ ก็ไปกันได้ทั้งนั้นแหละ ไปเที่ยวผับนะไม่ใช่ไปงานแต่งงานจะได้รอให้การ์ดเชิญน่ะ”

   ฟังมันพูดเอาแต่ได้ งานฉลองวันเกิดใครมันจะอยากให้มีคนนอกเข้าไปร่วมแจม

   “ก็ไหนว่าเค้าฉลองวันเกิดเต้ยไง มากินกันเค้าก็ไม่ชวน ปอก็ไม่เห็นจะบอกอะไรพี่นี่ ไหนจะของขวัญก็ไม่ได้เตรียมให้เค้า

จะเอาหน้าที่ไหนไปนั่งกับเค้าล่ะฮึ”

   “งั้นพี่ปืนก็เป็นเจ้ามือที่ผับก็ได้....นะ...นะ พี่ปืนนะ ผมอยากไปอ่ะ”

   ดูท่ามันจะอยากไปมาก ถึงขนาดจับมือปืนไปเขย่าเบา ๆ แถมยังส่งสายตาออดอ้อนซะปืนจะใจอ่อนอยู่รอมร่อ

ดีที่นึกอะไรขึ้นมาได้

   “เป็นด็กเป็นเล็ก ใครเค้าจะให้เข้า เกิดเค้าตรวจบัตรขึ้นมามิซวยกันหมดเหรอ”

   “ผมสิบเก้าแล้วนะพี่ปืน”

   “แล้วไงล่ะ”

   ปืนเผลอลืมไปว่าปอไม่ใช่ผู้เยาว์อีกแล้ว แต่มันก็ยังไม่สมควรอยู่ดี

   “ผมไม่เคยเข้าผับเลยอ่ะพี่ปืน สนุกป่าวไม่รู้นะ”

   เห็นท่าทางปอที่ดูตื่นเต้นแล้ว ปืนก็อดจะนึกเอ็นดูไม่ได้

   “ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก คนก็เยอะ เสียงก็ดังไม่รู้เสียงอะไรเป็นเสียงอะไร จะคุยกันก็ไม่ค่อยจะได้ยิน

ของก็แพง....”

   สิ่งที่ปืนพูดออกไปล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ปอไม่น่าจะชอบ เพราะเจ้านี่ บุหรี่ก็ไม่สูบ เหล้าก็ดื่มไม่เป็น

แล้วก็รำคาญสถานที่ที่มีเสียงดังหนวกหูเป็นที่สุด คงจะเป็นผลมาจากการที่ปอเกิดในเมืองเล็ก ๆ

ที่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งบันเทิงเริงใจตามแบบของคนในเมืองใหญ่ ความเป็นอยู่ในครอบครัวก็เรียบง่าย

เขายังออกจะแปลกใจด้วยซ้ำว่าทำไมคราวนี้ปอถึงได้คะยั้นคะยอเขานัก


   ปืนนั่งรอที่เก้าอี้พักสำหรับลูกค้าที่หน้าร้านอาหาร ในขณะที่ปอเดินกลับเข้าไปในร้าน เพื่อร่ำลาอาเจ็กหมง

พร้อมกับบอกพี่เอกและเต้ยให้ตามมาสมทบ ไม่นานนักทั้งสามคนก็เดินออกมาพร้อมกัน

   “ไง พี่ว่าปืนไม่ค่อยจะชอบนั่งผับไม่ใช่เหรอ ทำไมเที่ยวนี้ยอมได้ล่ะ”

   พี่เอกเดินโอบไหล่เต้ย ที่กำลังยกมือไหว้ปืน เพราะเต้ยรุ่นเด็กกว่า

   “ปอเค้าอยากให้ไปเป็นเพื่อนน่ะครับพี่ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่นาน ๆ ทีก็ดีเหมือนกัน”

   “นั่นสิ พี่ว่าวัยอย่างเรามานั่งที่แบบนี้กลัวเด็กมันล้อเอา”

   “แหม พูดยังกับคนอายุซัก40 เลยนะพี่เอก”

   เต้ยยิ้มอวดเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก ดูเหมือนเด็กซน ๆ แต่ใครที่ได้รู้จักก็คงจะรู้ดีว่านี่น่ะ ภาพลวงตาชัด ๆ

บทเต้ยจะโหดขึ้นมา ก็จับพี่เอกที่สูงเกือบร้อยแปดสิบทุ่มลงไปนอนกับพื้นได้สบาย ๆ ทั้งที่เต้ยก็ไม่ได้ใหญ่หนา

ล่ำบึ้ก ก็แค่กล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างคนที่ยังออกกำลังกายสม่ำเสมอเท่านั้นเอง

   “รถพี่จอดตรงโน้นแน่ะ...ปะ”

   พี่เอกยังตระกองกอดหวานใจไว้ในอ้อมแขน ยังกับกลัวใครจะแย่ง เห็นอย่างนั้นปืนก็อยากจะโอบไหล่

ปอดูมั่งเหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า ยอมเป็นเสือสิ้นลายเพราะเจ้านี่ไปโดยไม่รู้ตัว เขากลัวว่าจะได้กอดแค่ครั้งนี้

ครั้งเดียว แล้วต่อจากนั้นความสัมพันธ์ก็ขาดสะบั้น....เขาคงทนไม่ได้

   ให้ตายเถอะ ไม่เคยรู้สึกทรมานใจเท่านี้มาก่อนเลย

   ค่ำคืนในผับสำหรับปืนออกจะน่าหน่าย ซึ่งถ้าไม่มีปอที่นั่งหน้าระรื่น ตื่นตาตื่นใจไปซะทุกซอกทุกมุม

ปืนว่าเขาคงจะแจวอ้าวตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกไปแล้ว ขอกระดกแก้วเหล้าในบรรยากาศที่เป็นธรรมฃาติหน่อยดีกว่า

หรือถ้าจะนั่งในร้าน ก็ขอร้านที่มีแค่เสียงเพลงเบาสบาย ชนแก้วกับคนถูกใจ แค่นี้ก็แฮ็ปปี้กลับไปนอนหลับได้สบาย

   กว่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะกลับได้แล้ว ก็เลยเที่ยงคืนไปไม่น้อย รวมเวลาที่ร่างกายรับมลพิษเข้าไปเกือบสี่ชั่วโมง

ปืนไม่ได้แตะของมึนเมามากนัก จิบนิด ๆ หน่อย ๆ พอไม่ให้นั่งเป็นเบื้อ ไม่มีอาการอ้อแอ้ ลิ้นไก่สั้น แทบจะไม่รู้รส

รู้กลิ่นแอลกอฮอล์เลยด้วยซ้ำ คนเดียวที่ดูจะป้อแป้กว่าใครเพื่อนก็เจ้าปอนี่แหละ บอกแล้วเชียวว่าอย่า ๆ ไม่เคยจะเชื่อกันบ้างเลย

   ‘ก็ผมอยากลองหนิ อุตส่าห์ให้พี่ปืนมาเป็นเพื่อนแล้วนะ’

   ตอนมันพูดก็ไม่ได้นึกอะไรมากหรอก ก็ตามที่บอกแหละ ให้มาเป็นเพื่อนเพราะพี่เอกก็คู่เต้ย ถ้าปืนไม่มาด้วย ปอก็นั่งคนเดียว

 เป็นภาระให้คู่รักต้องชวนคุยเปล่า ๆ ไม่งั้นปอก็ต้องนั่งน้ำลายบูดอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้ปืนได้สำนึกแล้วว่า

ที่ให้มาเป็นเพื่อนน่ะ หมายความถึงต้องหิ้วปีกมันกลับไปบ้านด้วย เพราะเมาไม่รู้เรื่องเลย

   “ไหวมั้ยปืน พี่ช่วยมั้ย”

   พี่เอกขับรถมาส่งหน้าที่พักของปืนแล้วยังอุตส่าห์มีน้ำใจถามถึงอีก แต่เจ้าปอก็ตัวแค่นี้ ไม่ได้หนักหนาอะไร

เคยแบกขึ้นบันไดวันที่ช่างมาซ่อมลิฟท์เสียด้วยซ้ำไป แล้วกะอีแค่ประคองเดินเข้าลิฟท์นี่น่ะสบายมาก

   “ไหวครับพี่เอก ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

   “ไม่เป็นไรครับพี่ปืน มาส่งเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดทั้งที พี่เอกไม่ต้องควักตังค์ แค่นี้เล็กน้อย”

   เต้ยบอกขอบคุณปืนที่เลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มทั้งโต๊ะ แทนการให้ของขวัญวันเกิดก่อนจะออกรถ

   “ปอ...ปอ.....เดินไหวมั้ย”

   ปืนตบแก้มใสเบา ๆ เพื่อเรียกสติคนที่อยุ่ในอ้อมแขน

   “หือ...หวายดิ”

   คอพับคออ่อนซะขนาดนี้ ยังอุตส่าห์มีแรงพูดได้นะเจ้าปอ

  ปืนทั้งประคองทั้งลากร่างบาง ๆ ที่เริ่มมีเนื้ออย่างหนุ่มแรกรุ่นของปออย่างทุลักทุเล

ที่จริงก็มีวิธีที่น่าจะดูดี และไม่ลำบากลำบนกว่านี้นะ แต่สภาพปอตอนนี้คงไม่สามารถจะเกาะหลังปืนได้เหมือนคราวที่แล้ว

อีกวิธีที่ปืนคิดได้แต่ไม่กล้าทำก็คือ ช้อนปอขึ้นอุ้มทั้งตัวน่ะง่ายสุด

แต่ทั้ง รปภ. ทั้งแม่บ้านยังนั่งดูโทรทัศน์ที่ล็อบบี้มั่ง เดินไปเดินมามั่งใครล่ะจะกล้า

ดังนั้นทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดตรงชั้นสอง ปืนก็ทำอย่างใจคิดโดยไม่รอช้า

   “พีปืนนนน”

   ปอดิ้นขลุกขลักทั้งที่ไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรง

   “เรียกทำไม เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

   “โผมม่ายกลาบห้องน้า”

   อ้าว!...ปืนชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน

   “แล้วจะไปไหน”

   “ปายนอนด้วยน้า”

   ไม่ต้องให้พูดซ้ำ ปืนก็รีบจ้ำขึ้นบันไดหนีไฟไปทันที เพราะได้ยินเสียงลิฟท์เปิด ขืนเดินย้อนกลับไปทางเก่าแล้วใช้ลิฟท์

 เป็นได้จ๊ะเอ๋กับคนที่กำลังจะออกจากลิฟท์แน่ ๆ

   ปอคงจะโตขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หรือไม่งั้นปืนก็คงแก่ขึ้นจนแรงถดถอย

ถึงได้รู้สึกเหนื่อย หอบหายใจจนตัวโยน พอวางปอลงบนเตียงได้ ตัวเองก็นอนแผ่บ้าง

   หายเหนื่อยแล้ว ปืนก็ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำความสะอาดให้ปอ

เพราะพอได้ที่หลับที่นอนสบายตัวก็ได้ยินเสียงเจ้าตัวกรนเบา ๆ ตามมา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด