[เรื่องสั้น] ยิ่งใกล้…ยิ่งหวั่นไหว(?) 6th [จบ]“ ทำไมต้องทำแบบนี้ ” ทันทีที่ก้าวเข้าห้องผมก็ถามเขาทันที ผมเบือนหน้าไปมองหน้าต่างพยายามไม่มองห้องที่ตั้งแต่วันนั้นที่ผมหนีออกมาก่อนก็ไม่เคยกลับมาเยียบที่นี่อีกเลย
“ ทำไมนะหรอ ” เขาจับไหล่ผมให้หันกลับมาพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ เพราะคุณไงล่ะ ทันทีที่ผมตื่นมาคุณก็หนีไปติดต่อไม่ได้ยิ่งทำให้ผมสับสน ทำไมต้องหลบหน้าผม ” คำพูดนั้นเหมือนไปทำให้ความอดทนสุดท้ายของผมหมดไป ผมหันไปจ้องเก่งก่อนจะปลดปล่อยความรู้สึกออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ ทำไมนะหรอ! เพราะฉันทำตัวไม่ถูกได้ยินไหม นายจะให้ฉันทำยังไงทั้งๆที่นายรักแป้งเพิ่งเลิกกับเธอแต่กลับมานอนกันฉันไง นายจะให้ฉันทำหน้ายังไงหา ให้ฉันยิ้มแล้วบอกให้นายรับผิดชอบหรอไง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะท้องได้นะดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น…. ” ผมหอบนิดๆเมื่อพูดความรู้สึกทั้งหมดที่คิด ใบหน้าตกใจของเก่งทำให้ผมก้มมองที่พื้น ก่อนจะหันขึ้นไปยิ้มฝืนๆ จากนี้มันคงจบลงแล้วสินะ
“ ดังนั้นลืมมันไปซะ แล้วตอนนี้นายก็กลับไปได้แล้ว ” ผมพูดออกไปแล้วหันหลัง ผมไม่กล้าหันกลับไปกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงความอ่อนแอออกไป
“ ………ไม่…….ผมจะไม่ลืมมัน…. ”
“ ………… ”
“ บอกให้ผมรับผิดชอบคุณสิ ” ร่างของผมถูกรวบไปอยู่ในอ้อมกอดขณะที่ผมยังมึนงงทำอะไรไม่ถูก
“ …………”
“ …..ฮะ…ฮะฮ่า นายนี่เล่นมุกได้ไม่ดูเวลาเลยนะ ฉันจะถือว่าเมื้อกี้นายไม่ได้พูดออกไปได้แล้ว ฉัน…..อือ…. ” ผมถูกแรงดึงก่อนที่จะริมฝีปากจะถูกทาบทับบดขยี้จนผมรู้สึกได้ถึงรสฝาดของเลือด
“ ….อือ… ” ผมดันร่างตรงหน้าออกแต่กลับไม่เขยื้อนกลายเป็นผมซะอีกที่ถูกดันมาจนล้มลงทั้งที่คิดว่าตัวเองจะร่วงทำให้ผมเกาะเก่งเอาไว้ร่างของผมอยู่ในอ้อมกอดของเขามือหนาคว้าเอวแล้วหัวของผมไว้ทำให้ไม่โดนกระแทกแต่ร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนก็ทำให้ผมเจ็บอยู่บ้างก็ตามที
“ คบกับผมนะลม ” ผมมองตาของคนตรงหน้าที่จ้องตอบผมก่อนจะผลักเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
“ ไม่ ……อย่ามาบอกว่าจะคบกับฉัน แค่นายทำเพียงเพราะรู้สึกผิด ” ผมพูดออกไปด้วยความเจ็บปวดเงยหน้ามองเขาทั้งดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่
“ ……ผม…. ”
“ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ออกไป! ออกไปสิ!!! ” ผมตะโกน ร่างของเขามองผมนิ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไปก่อนจะยืนหยุดนิ่งที่หน้าประตู
“ ……แล้วผมจะมาใหม่ ” ทันทีที่ประตูปิดลงผมก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเอามือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ผมนี่มันอ่อนแอเกินไปจริงๆ
วันหยุดที่ควรพักผ่อนของผมหมดไปกับการออกไปเดินห้าง ตอนนี้ผมกำลังนั่งดูดช็อคโกแลตที่ไอ้คุณพี่สะใภ้เพื่อนผมประณามว่า‘เด็ก’ ชิ อย่างน้อยก็ดีกว่ากินกาแฟก็แล้วกัน ผมถอนหายใจเมื่อวานไม่กล้ากลับบ้านกลัวที่บ้านจะเห็นสภาพสุดโทรมของตัวเองผมเลยต้องทนนอนตาค้างคิดไม่ตกอยู่ที่คอนโดจนตอนเช้าก็รีบลากตัวเองมาอยู่ในทีคนหมู่มากเพื่อไม่ให้ผมฟุ้งซ่านตายไปซะก่อน ผมมองภาพผู้คนเดินไปมาอย่างเหม่อๆเสียงสั่นไหวของโทรศัพท์มือถือในมือผมทำให้ผมก้มลงมองก่อนจะกดรับสาย
“ สวัสดี ”
“ แกอยู่ไหน! ” เสียงเข้มของคุณเพื่อนทำให้ผมสะดุ้ง
“ ร้าน …… ทำไมหรอ ” ผมเอ่ยชื่อร้านกาแฟชื่อดัง
“ แกยังกล้ามาถามฉัน ที่เดิมใช่ไหม? ” เสียงไอ้เป้เข้มจนผมกลัวได้แต่ตอบรับมันว่าที่เดิม
“ โอเคก็คอยอยู่ตรงนั้น กล้าหนีฉันเอาแกตายเข้าใจไหม ” ผมพยักหน้าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคุยโทรศัพท์กันอยู่จึงรีบตอบรับก่อนจะถูกตัดสายไปอย่างมึนๆ รอไม่นานผมยังดูดน้ำไม่หมดแก้วร่างของคุณเพื่อนพ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้ก็เดินเข้ามาภายในร้าน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมนั่งดูดช็อคโกแลตอยู่มุมหนึ่งของร้าน
“ แกใส่แว่นดำทำไม ” คำถามแรกที่ยิงมาทำให้ผมนั่งอึ้งตูควรตอบมันว่าไงดีในเมื่อหลังฐานอยู่เบื้องหลังแว่นตานี้ขอบตาแดงแถมยังขอบตาดำคล้ำจากการอดนอนขืนมันเห็นผมโดนซักฟอกขาวเป็นแน่
“ …เพื่อ เพื่อความเท่ไง 55 ” แล้วผมก็หัวเราะร่าอยู่คนเดียวสายตาของเพื่อนเป้ยิ่งคมกริบกว่าเดิมอีกถึงสิบเท่าทำให้ผมหุบปากเงียบ
“ มึงทะเลาะกับไอ้เก่ง ” ผมทำหน้าแปลกใจ ทำไมมึงรู้? ยิ่งผมมองอย่างสงสัยยิ่งทำให้ไอ้เป้หน้าหงิกหนัก
“ มึงคิดว่ากูบริโภคหญ้าเป็นอาหารหรือยังไง ทั้งมึงและมันดูง่ายจะตายแถมยังไม่ยอมเจอกัน เออถึงจะเป็นมึงฝ่ายเดียวที่ไม่อยากพบมัน แต่ใครๆเขาก็ดูออกกันทั้งนั้น ” ผมอึ้งผมเป็นพวกดูง่ายขนาดนั้นเชียว?
ขณะผมยังมึนๆงงๆไอ้เพื่อนเป้ก็ดึงแว่นกันแดดออกจากหน้าผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของมันผงะอย่างตกใจจนผมคว้าแว่นมา
สวมกลับแทบไม่ทัน มือของเป้คว้าข้อมือผมไว้ สีหน้าเข้มของมันเล่นเอาผมเหงื่อตก
“ มึงต้องอธิบายเรื่องนี้กับกู ”
เป็นเวรกรรมของผมที่เมื่อคืนร้องไห้ซะจนตาบวมปูดนี่ยังหลับตาไม่ลงเลยไอ้คุณเพื่อนถึงได้จับได้แบบคาหนังคาเขา ไอ้คุณพี่สะใภ้ตบเข่าทันทีที่ผมเล่าให้มันฟังพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกมาว่า ‘กูว่าแล้วเชียว’ ของมันออกมาทำให้ผมแทบอยากจะกระโดดงับคอมัน
ผมเล่าแค่ว่าผมสนิทกับเจ้าเด็กนั่นแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบเจ้าเด็กนั้น แต่เก่งเขาชอบน้องแป้ง แต่มันก็ซักไซ้ไล่เรียงผมจนต้องเล่าซะละเอียดยิบผมปิดปากเงียบพยายามเล่าข้ามฉากบางอย่างไปเพื่อไม่ให้โดนคดีพรากผู้เยาว์ แต่เหมือนมันจะเป็นกรณีกลับกันมากกว่านะมันต่างหากที่พรากผม แล้วผมหน้าแดงทำไมเนี้ย
“ มึงลุยไปได้เลย กูจะเป็นป๋าดันให้มึงเอง ” ไอ้เป้ตบไหล่ผมหัวเราะโฮะๆ ผมละอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ ไม่เอา ”
“ ทำไมวะดูอย่างมึงยังเคยช่วยเรื่องกูกับพี่ไฟเลย ” อะไรหา! นั้นนะมึงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เรื่องนี้มันความผิดพลาดชั่วชีวิตของผมเลยตั้งหากที่ทำให้มันพบกับพี่ไฟ ทำให้ตอนนี้ผมถึงได้เผชิญกับการกินแห้วซ้ำซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ
“ …. ”
ผมเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกชั่วขณะ ร่างของชายหนุ่มอีกคนก็นั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอีกตัวของโต๊ะผมระหว่างผมกับเป้ ผมหันไปมองก็ต้องผงะจนเกือบตกเก้าอี้ เคราะห์ดีที่คนที่มาใหม่จับแขนผมดึงไว้ได้ทัน ผมนั่งนิ่งไม่กล้าสบตา เป้มองผมกับเก่งไปมาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ไอ้เพื่อนบ้ามึงจะมาเร็วไปเร็วเกินไปไหมไหนว่าเป็นห่วงกูไง
ผมเลี้ยวหลังไปมองไอ้เป้ตาละห้อยก่อนจะสบตากับเจ้าเด็กบ้าโดยไม่ได้ตั้งใจผมมองใบหน้าที่ของไอ้เด็กเก่งทื่วันนี้ดูหน้านิ่งขรึมเหมือนเมื่อวาน ผิดกับปกติที่ผมจะพบแต่มาดกวนๆเล่นๆตลอดเวลาที่อยู่กับผมพอเห็นท่าทางแบบนี้แล้วทำให้หัวใจผมแกว่งวูบอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสายตาคมกริบที่จ้องผมไม่วางตาแล้วด้วย
“ ……..มาตั้งแต่เมื่อไร ” ผมควบคุมสติถามคำถามนี้ออกไป พอโดนมองจากสายตาของเจ้านี่ทำไมผมถึงได้ประหม่าแบบนี้
“ ……….ตั้งแต่แรก ” แรก ? ผมทำหน้าฉงนสงสัย
“ ผมตามลมมาตั้งแต่ออกจากคอนโด ” ตามผมมาตลอดแล้วเขานั่งอยู่ตรงไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นแถมยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด ดูเหมือนเจ้าบ้านี่จะรู้เลยรีบชิ่งตอบผม
“ ผมตามมา แต่ดูเหมือนลมจะเอาแต่เหม่อ ” เก่งพูดเสียงเบาก็จริงของมันผมผงกหัวตอบรับ ผมเองก็ยังมึนๆอยู่เลยว่าพาตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง
ผมนิ่งเงียบก้มมองโต๊ะ ไม่รู้จะพูดยังไงจะให้ตบหัวเล่นทำเฉยกับเก่งผมก็ทำไม่ได้ ผมลืมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่บอกเก่งไปว่าผมลืมแล้วแต่กลับเป็นว่าผมลืมมันไม่ได้ ผมไม่สามารถทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้จริงๆ ความสัมพันธ์ของเรามันถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว เก่งมองผมนิ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากลม” เก่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสบตากับผม
“สิ่งที่ผมบอกไปเมื่อวานผมก็ไม่ได้ทำเพราะรู้สึกผิด อย่างที่ลมเคยบอกผมยังแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่ารักหรือหลง แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมจะไม่ปล่อยลมไปแน่ๆ ” ผมนิ่งอึ้ง ไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดบอกผมแบบนี้ ความดีใจเอ่อล้นอย่างบอกไม่ถูก
“ ผมยังไม่แน่ว่าความรู้สึกที่มีต่อลมตอนนี้จะเป็นความรักแน่รึเปล่า แต่ผมพูดได้เพียงแต่ว่าตอนนี้มันมากกว่าแค่ชอบผมยังบอกไม่ได้เต็มปากว่ารัก แต่ผมมั่นใจว่าผมจะต้องหาคำตอบได้ ” ยิ่งได้ฟังคำกล่าวอย่างหนักแน่นของเขา แม้จะแอบวูบไหวแต่เพียงเท่านี้ผมก็ดีใจแล้ว
“ ให้โอกาสผมนะลม ”
ผม… ผมยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหม?
ผมมองสีหน้าที่จริงจังของเก่งทำให้มั่นใจๆได้ทันทีว่าเขาพูดจริง แต่ว่าผม…
“ ขอโอกาสผมนะลม ” สายตาแบบนั้นยิ่งทำให้ใจผมอ่อนยวบแม้ยังไม่มั่นใจเต็มที่แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้ผมเจ็บปวดอีก ผมนิ่งไปสมองคิดเรื่องต่างๆแต่หัวใจผมเลือกไปแล้ว ผมพยักหน้าลงแม้จะไม่ได้ตอบออกมาแต่ก็เปลี่ยนใบหน้าเข้มให้ยิ้มกว้างออกมาได้ ไม่ว่ายังไงผมก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กบ้านี่อยู่ดี ทำยังได้ล่ะในเมื่อผมรักเจ้าเด็กนี่เข้าไปแล้ว
“ แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ ” ผมบอก
“ ผมสัญญา ”
เจ้าเด็กบ้านั้นพูดพร้อมกับที่จับมือผมขึ้นมาจับตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นรัวเหมือนผมทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว เจ้าเด็กบ้า! ผมรีบดึงมือออกมาแทบไม่ทันเมื่อเห็นคนในร้านเริ่มหันมามอง แล้วก็ต้องถลึงตาใส่ตัวต้นเรื่องที่หัวเราะผมซะงั้น
ก่อนที่ผมจะถูกฉุดให้ลุกขึ้นเดิมตามร่างสูงเบื้องหน้าไปที่รถ ก่อนที่รถจะออกร่างของเจ้าเด็กนั่นก็ก้มลงมากระซิบ
“ คืนนี้ให้ผมอยู่ด้วยนะลม ” เสียงกระซิบทำให้ผมหน้าแดงหันไปเตรียมจะด่า ไอ้เด็กบ้านี่ได้คืบจะเอาศอกผม ยังไม่ทันจะได้พูดริมฝีปากผมกลับถูกปิดด้วยริมฝีปากของฝ่ายตรงข้ามซะก่อน ผมขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเผลอไผล
ให้ตายสิ! ผมปฏิเสธเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สักที
ผมไม่รู้ว่าความรักของผมมันเริ่มมายังไงและจะจบลงที่ตรงไหน
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปล่อยให้เวลาเป็นบททดสอบ
แค่ตอนนี้แค่เพียงผมกับเจ้าเด็กนี่
ขอแค่ ‘เรา’ ยังมีเพียงจับมือกันเดินผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปพร้อมๆกัน ที่จริงจะเอามาลงวันที่26 ฉลองวันเกิดเมื่อวาน
แต่ดันไม่มีเน็ตเลยเอามาลงช้าไปวันนึง
เราเป็นพวกท้อแท้ง่ายกว่าจะแต่งจนจบขืนเป็นเรื่องยาวคงไม่มีวันจบ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้นะครับ ปล.ที่จริงแต่งตอนพิเศษไว้กะจะให้เคลียร์เรื่องเก่งว่าตกลงมั่นใจได้รึยัง คงมาลงเร็วๆนี้แล้วเจอกันนะครับ