♀ TOM (or) BOY ♂
13
[/color]
ความผิดปกติของหัวใจ... ทำไมเจ้าตัวจะไม่รู้
แต่ที่ยังทำเฉยอยู่... ก็แค่อยากหลอกตัวเองต่อไป
ใบสมัครแฟนครับยังถูกวางแน่นิ่งไว้บนโต๊ะอาหาร ใบหน้าหวานไม่กล้าเงยสบตาอีกคู่ที่จ้องมองตนอยู่... นัยน์ตาของเขาเพียงโฟกัสที่ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวบนกระดาษ เพ่งมันราวกับจะอ่านทวนอีกรอบให้แน่ใจ ราวกับจะเปลี่ยน ร.เรือ เป็น ล.ลิง อย่างที่ควรเป็น
แต่ไม่ว่าจะทำยังไง... ใบสมัครแฟนครับ ก็ไม่ใช่ ใบสมัครแฟนคลับ
และไม่ว่าจะทำยังไง... เสียงหัวใจก็ไม่หยุดเต้นดังเสียที
มันคือ ความจริง ที่เขาควรจะยอมรับแต่แรกว่าความรู้สึกของเขาได้เปลี่ยนไป และตอนนี้... เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองควรจะเขียน ความจริง ลงไปเช่นกัน
ตาคู่คมเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นอีกคนหยิบปากกาแล้วเขียนข้อความลงไปในนั้น... อะดรีนาลีนในกายพุ่งพล่าน เขาอยากรู้จนเต็มแก่ว่าอีกคนเขียนลงไปว่าอะไร แต่ใจก็พยายามไม่สะกดอักษรเล็กๆ เหล่านั้นกลับหลัง เขาเพียงแต่นั่งรอให้อีกคนยื่นกระดาษแผ่นนั้นคืนมาให้ รอคอย...ด้วยจิตใจที่ร้อนรน
เพียงไม่กี่วินาทีนั้นการรอคอยก็สำเร็จผล เขามองใบหน้านิ่งๆ ที่สบตากับเขาตอนเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษ ก่อนจะเปลี่ยนไปอ่านข้อความบนนั้นแทน
“นนทนันท์” เต๋าอ่านออกเสียง ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าคงเป็นชื่อจริงของอีกฝ่าย
“อ่านเต็มๆ สิ”
ได้ยินดังนั้น คนใจร้อนก็ก้มลงไปอ่านใหม่ แววตายังคงเป็นประกายเมื่อได้อ่านมันอย่างรีบร้อน “นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์”
ก่อนจะนึกได้ว่าข้อความนั้นมีความแปลกประหลาดไป จึงทวนอ่านใหม่อีกครั้งเอง
“นายนนทนันท์... นาย...หมายความว่าไงชา?”
คนถูกถามไม่ได้ตอบทันที แต่ดึงกระดาษแผ่นนั้นคืนมา “ก็หมายความอย่างนั้นไง” ตอบเสียงแผ่วเมื่อเห็นแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เต็มที
“ไม่ตลกนะชา”
“ก็ไม่ตลกไง” เขาถึงได้เครียดแบบนี้
บรรยากาศสีเทาก้าวเข้ามาบนโต๊ะอาหารโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นัยน์ตาของเต๋าเต็มไปด้วยคำถาม ความไม่เข้าใจ แววตาคู่นั้นแม้จะดูเข้มแข็งแต่ก็ดูอ่อนไหวอย่างน่าประหลาด เป็นคชาที่เป็นฝ่ายหลบตาคู่นั้นอีกครั้ง หัวใจสั่นรัว...กับความกลัวในจิตใจ
“เต๋า... คือเรา...” พยายามจะเริ่มตั้งต้นใหม่ แต่ยิ่งได้มองสายตาคู่นั้น ความหวั่นไหวก็ยิ่งคืบคลาน
“ถ้าเรา... เป็นผู้ชายล่ะ?” จากประโยคบอกเล่ากลายเป็นประโยคคำถามแทนจนได้ แต่คำถามแปลกประหลาดคลุมเครือนั้น แทนที่จะนำความเข้าใจกลับยิ่งนำพาให้สงสัยยิ่งกว่าเดิม
ท่ามกลางสถานการณ์บีบคั้นนี้... คชารู้แล้ว ว่าตัวเองผิดที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานเกินไป
“คือเรา...” เสียงเดิมอึกอักไป ยิ่งเห็นแววตาเร่งเร้าที่จ้องมองมา
“เรา...” คชาสูดลมหายใจเข้าลึกท่ามกลางเสียงหัวใจที่ดังกว่าเสียงของตัวเอง
“เราว่าจะไปแปลงเพศเป็นผู้ชาย”
สุดท้าย... เขาก็เลือกที่จะต่อเวลาให้ตัวเองอีกครั้ง
“มุกนี้ตลกก็ได้” เต๋าพูดออกมาพลางยิ้มน้อยๆ หากแต่นัยน์ตายังมีความประหวั่นใจบางอย่าง และยิ่งทวีคูณเมื่อได้ยินอีกคนพูดต่อ
“ไม่มุก... นี่พูดจริง”
เพียงเท่านั้นท่าทีของเต๋าก็กลับนิ่งกว่าเดิม
“บอกแม่แล้วหรือไง?”
“ยัง... แต่แม่ไม่ว่าหรอก”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ”
“ก็ไม่ได้เล่นนี่”
“ชา...”
“ทำไม?”
“เลิกหนีความจริงสักที”ถ้อยคำแทงใจดำเสมือนมีดปลายแหลมแทงลึกที่อกซ้าย... คชาเพียงนิ่งไป จะเขาให้ทำยังไง ในเมื่อความจริงนั้นมันเป็นสิ่งที่อีกคนยังไม่รู้
“ฟังเสียงหัวใจก่อนสิชา”
เหมือนกำลังถูกแทงเข้าซ้ำสองตรงแผลเดิม... เสียงหัวใจงั้นหรอ...ทำไมเขาจะไม่ได้ยินล่ะ? เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นดังออกมาแบบนี้ กับความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร
เขาอยากจะยอมรับความจริง เขาอยากจะฟังเสียงหัวใจ
แต่จะทำยังไง... ในเมื่อสองสิ่งมันขัดแย้งกัน?
ผู้ชายกับทอมน่ะรักกันได้... แต่ผู้ชายกับผู้ชายมันรักกันไม่ได้หรอกเต๋า เม็ดฝนที่ตกโปรยปรายทำให้บรรยากาศเงียบเชียบภายใต้ร่มคันเดิมดูจะมีเสียงขึ้นมาบ้าง หลังจากทานข้าวมื้อเย็นที่ร้านอาหาร ทั้งสองคนก็ยังคงตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองจนกระทั่งเดินไปถึงปลายทาง... ตรอกหอพักเพียงพอ
แต่เต๋ายังไม่ปล่อยให้อีกคนจากไปง่ายๆ หรอก
“รอนี่ก่อน” ร่างสูงเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งร่มสีหวานไว้กับคนตัวเล็ก ให้เป็นเหมือนกับเครื่องยืนยันว่า ตราบใดที่เขายังไม่มาเอาร่มคืน อีกคนก็ห้ามไป
คชาก้มมองปลายเท้า ร่มที่ยืนอยู่เพียงคนเดียวมันสบายและไม่เปียกฝน หากแต่ร่มที่มีคนยืนอยู่ข้างๆ แม้ไม่ได้พูดกันสักคำ มันกลับอบอุ่นกว่าเป็นไหนๆ
“ชาค่ะ” เสียงเรียกคุ้นหูทำให้รู้ว่าเป็นใคร ใบหน้าหวานหันไปมองก็พบว่าอีกคนยื่นซองพลาสติกเล็กๆ มา “ยา... กลับไปกินซะเดี๋ยวเป็นหวัด”
แปลกใจเล็กน้อยที่อีกคนนึกถึงเขาขนาดนี้ทั้งที่ตัวเองยังไม่คิดสนใจ “ขอบคุณ” คชาเอ่ยสั้นๆ พลางรับมันมาใส่กระเป๋ากางเกง กำลังจะยื่นร่มคืนให้เจ้าของ ทว่ามือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายกุมไว้เสียเอง
“เดี๋ยวไปส่งหน้าหอ...” เต๋าเข้ามาในร่มอีกครั้ง ฝ่ามือขาวนั้นบีบกระชับมืออีกฝ่ายแนบแน่น ความอบอุ่นแทรกซึมผ่านมือหนาจนคนถูกเกาะกุมสัมผัสได้... คชานึกดีใจที่มีอีกคนอยู่ข้างกันแบบนี้
หากแต่ขณะเดียวกัน เขาก็นึกถอนใจ เพราะมันคงอีกไม่นาน...
เป็นครั้งแรก... ที่เขานึกอยากยืดระยะทางออกไปให้ไกลกว่าเดิม
- - -
“แหม... มีคนมาจีบแล้วแอบงุบงิบไม่บอกเพื่อนนะน้องทอม”
“มิน่า ถึงไม่สนหมอ”
“อะไรยังไงอะชา... ได้ยินว่าไปกินข้าวกันด้วยจริงดิ?”
ไม่ผิดจากที่คิดไว้เลยสักนิดว่าเหล่าเพื่อนร่วมคณะของเขาจะต้องพากันหยิบยกเองเมื่อวานมาล้อ ทั้งที่ปกติคชาก็เป็นคนอารมณ์ดี ไม่ได้อะไรกับเรื่องแบบนี้นัก หากแต่สถานการณ์ในตอนนี้มันเริ่มเกินจะรับไหว
คชาเพิ่งจะรู้... ว่าตอนนี้มันมาไกลเกินไปแล้ว
ตั้งแต่เมื่อเช้า ที่เปิดประตูหน้าห้องออกไปก็เจอพัดลมตัวนึงที่วางอยู่... คชารู้ได้ทันทีว่าเป็นของใคร เพียงแค่ได้อ่านข้อความ
‘พา fan มาให้... ถ้าเปิดใจเมื่อไหร่แฟนจะตามมา’
ร่างเล็กได้แต่ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงเมื่อนึกถึงพัดลมที่ได้เมื่อเช้า ก่อนความคิดจะกลับเข้าร่างมาฟังเสียงเพื่อนๆ รอบกายใหม่ คชาเพียงส่ายหน้าออกมา ไม่เถียงอะไร เพียงพูดแค่ว่า “ไม่มีอะไร แค่รู้จักกัน” ตอบปฏิเสธไปอย่างนั้นหากแต่ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
“แค่รู้จัก... แต่ไอ้เช็ดหัวให้กับเดินกางร่มคันเดียวกันไปกินข้าวสองคนกระหนุงกระหนิงมันไม่ใช่นะเว่ย” โปเต้พูดพลางยิ้มล้อ
“เออ... ก็เป็นเพื่อนกันไง” คชาตอบอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบเลยที่ต้องถูกคนอื่นพูดล้อแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองเครียดแทบตาย “หยุดพูดซะที เหนื่อยจะฟัง”
“เพื่อนกัน... ตอบเหมือนดาราเลยนะมึง”
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึเปล่าวะ?”
ได้ยินดังนั้นร่างเล็กก็พลันถอนหายใจหน่วงๆ ออกมา คชาส่ายหน้า ก่อนจะประกาศกร้าวชัดเจน
“ไม่มีใครคิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ!”
โกหกออกไปอีกครั้ง... คชารู้ดี เขาหลอกตัวเองไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังไม่พร้อมจะบอกความจริงกับคนอื่นๆ ในตอนนี้
“โปเต้... กูขอไปอยู่บ้านมึงสักอาทิตย์นึงได้ไหม?”
นี่ต่างหากคือสิ่งที่คชาต้องทำ...
- - -
ในห้องเบอร์ 23 ห้องเดิม เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่คชายังคงนั่งคิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำไปมาอย่างนี้ คิด...ว่าจะหาทางบอกความจริงอย่างไรดี มันเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว
แต่เขาไม่อยากให้เวลาเดินไปมากกว่านี้อีกแล้ว
สุดท้าย ขณะเวลาเกือบห้าทุ่ม เขาก็ตัดสินใจกดปุ่มโทรออกหาใครคนนั้น มือเรียวแนบเครื่องมือสื่อสารลงข้างแก้ม หูก็คอยฟังเสียงนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เขารู้ดีว่าถึงจะดึกป่านนี้แล้วแต่เต๋าคงยังไม่นอน เสียง ‘ตื๊ด... ตื๊ด…’ ในขณะรอสายทำเอาหัวใจเต้นระส่ำ ใจนึงอยากให้อีกคนรับไวๆ แต่อีกใจก็อยากยืดระยะเวลานี้ออกไปนานๆ
“เต๋า...ทำอะไรอยู่ ว่างรึเปล่า?” เป็นคำแรกที่เขาพูดถามเมื่ออีกฝ่ายกดรับ
“ดูบอล...เชลซีแข่งอยู่เนี่ย มาดูด้วยกันไหม?” แม้ไม่ได้บอก หากแต่เสียงจากโทรทัศน์เครื่องใหญ่ก็อธิบายได้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร และน้ำเสียงคนพูดก็บอกได้เลยว่าอยู่ในอารมณ์ดีแค่ไหน “กำลังจะโทรไปชวนอยู่พอดี”
คชาลืมไปเสียสนิท... ฟุตบอลนัดสำคัญที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่พลาดแม้แต่เสี้ยววินาที
“คือเรา...” จะเอายังไงดี? จะเอายังไง? คชาได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เขาแค่อยากโทรมาสารภาพเพราะไม่กล้าบอกต่อหน้า ทว่าโอกาสดันไม่เอื้ออำนวย หากแต่ก็ไม่ซะทีเดียวเมื่ออีกฝ่ายชวนเขาออกไปหาแบบนี้
“ตั้งแต่วันนั้นเรายังไม่เคยดูบอลด้วยกันเลยนะ วันนั้นที่ชาบอกจะมาก็ผิดนัด จนเราต้องไปหาเอง” ความรู้สึกผิดแล่นริ้วขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะใจความแต่เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูตัดพ้อนั่นต่างหาก
“เอ่อ...อือ ก็ได้” และเพราะความใจอ่อน เสียงใสจึงตบปากรับคำไปในที่สุด สมองเร่งนึกว่าจะพูดข้อความทั้งหมดที่จะบอกอีกฝ่ายต่อหน้าตอนไหนหรือยังไงดี
ถ้าอย่างนั้น คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้าย…
เต๋ายิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่คิดถึงมายืนรออยู่หน้าบ้านแบบนี้ มือหนารีบเปิดประตูให้อีกคนเดินเข้ามา คชาในชุดนอนสีฟ้าลายตารางมองดูน่ารักจนแทบไม่อยากละสายตาจากไปแม้เสี้ยววินาที
“ถอดรองเท้าไว้ตรงนี้” เต๋าบอกอีกคน รอยยิ้มยังคงประดับใบหน้าทำเอาคชาต้องมอบยิ้มแก้เก้อให้ คนตัวเล็กถอดรองเท้าแตะตามที่อีกคนบอกก่อนจะเดินเข้าไปดูทีวีที่เปิดทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่น
โซฟาหนังสีดำบุ๋มลงไปตามคนสองคนที่นั่งอยู่ คชาเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายไว้ประมาณหนึ่งฟุต ไม่มากเกินแต่คงไม่น้อยไป
มันอาจจะเป็นฟุตบอลนัดแรกในชีวิตที่คชานั่งมองดูด้วยจิตใจที่เลื่อนลอยแบบนี้... เขาพยายามเรียบเรียงข้อความและคำพูดในหัวออกมาหลายต่อหลายที แต่หันไปมองอีกฝ่ายที่นั่งลุ้นเกมการแข่งขันตรงหน้าก็กลับพูดไม่ออกสักครั้ง
และวินาทีนั้นที่เต๋าหันมาสบตาเข้าพอดี “เป็นอะไร? ไม่สบายหรอ? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?” ระยะห่างฟุตนึงลดน้อยลงเมื่อเต๋าขยับเข้าใกล้เพื่อยื่นหลังมืออบอุ่นมาแตะกลางหน้าผาก คำถามกับสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยทำเอาคนฟังทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน “วันก่อนกินยารึเปล่า?”
“กินแล้ว... ปกติดี ไม่ได้ไม่สบายหรอก” เขาเอ่ยตอบเสียงแผ่ว “สงสัยแอร์หนาวไปมั้ง” ยกเหตุผลข้างๆ คูๆ ขึ้นมาอ้าง
ได้ยินดังนั้นเจ้าบ้านก็รีบลุกเดินไปหรี่เครื่องปรับอากาศลงให้ ซ้ำยังขึ้นไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตัวเด็กน้อยในชุดนอนสีฟ้าให้อีก “โอเคไหมชา?”
“อ...อืม โอเค ขอบใจ...ดูบอลต่อเถอะ” ภายใต้ผ้าห่มสีเหลืองอ่อน คชาประสานมือตัวเองไว้แนบแน่น เขาเกลียดสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเขาแบบนั้น มันทั้งอบอุ่น ทั้งลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย แต่ในขณะเดียวกัน...ก็ยอมรับเลยว่าอยากให้เต๋ามองเขาด้วยสายตาแบบนี้ไปตลอดไป
แต่คงไม่มีวันนั้น
แม้ตอนแรก คชาจะแทบไม่ได้สนใจฟุตบอลตรงหน้า หากแต่สุดท้าย... สัญชาติญาณแฟนบอลที่กำลังดูทีมโปรดเล่นอยู่ก็ดึงเขากลับมาหาการแข่งขันจนได้ สุดท้าย ร่างเล็กก็กลับไปเป็นแฟนบอลที่จงรักภักดีต่อเชลซีเหมือนเดิม
“แลมพาร์ต!! แลมพาร์ต!!! แลมพาร์ต!!! โคตรเมพเลยว่ะเต๋า!!!” ร่างเล็กหันไปพูดกับอีกคนอย่างมีความสุข รอยยิ้มสดใสที่เปื้อนใบหน้าหวานยิ่งทำให้คนน่ารักยิ่งน่ารักเป็นเท่าตัว “สุดยอดเลยอะ... นี่มันเป็นลูกเตะที่สุดยอดในประวัติการณ์เลยนะ” เสียงใสเอ่ยอย่างภูมิใจ “เจ๋งอะเต๋า... เปลี่ยนใจมาเชียร์เชลซีตอนนี้ยังไม่สายนะ”
อารมณ์ที่เปลี่ยนจากตอนแรก 180 องศาทำเอาอีกคนต้องหัวเราะตามเบาๆ ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศนี้เชลซีเป็นฝ่ายชนะทอตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ไปด้วยสกอร์ 5 ประตูต่อ 1 และได้ไปชิงแชมป์กับหงส์แดงลิเวอร์พูล เจ้าตัวถึงได้ดีอกดีใจขนาดนี้
เต๋าส่ายหน้าน้อยๆ หากแต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มบางประดับไว้
“คนเรามันรักแล้วรักเลย... มาเปลี่ยนใจง่ายๆ ไม่ได้หรอกชา”
เพียงเท่านั้น คนฟังก็หน้าขึ้นสีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว คชายกมือเกาศีรษะแก้เก้อ... ก็แววตาตอนอีกคนพูดน่ะ เหมือนกำลังสื่อถึงใครบางคนมากกว่าแมนยูทีมรักน่ะสิ
ใครบางคน... ที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้านี้
เต๋า... พูดแบบนี้เห็นใจคนฟังหน่อยเถอะ
เป็นเกือบตีหนึ่งแล้วที่ร่างเล็กยังนั่งอยู่ในบ้านของเต๋า... คชามองนาฬิกาที่แขวนไว้ในบ้าน แน่นอนว่าตอนนี้หอพักต้องถูกแขวนแม่กุญแจตัวใหญ่เพื่อปิดแล้ว แต่จะเป็นไรในเมื่อคนตรงหน้าเขามีกุญแจ
ที่สำคัญกว่า... คือคืนนี้ต้องพูดเรื่องนั้นกับเต๋าต่างหาก
ท่ามกลางสถานการณ์ที่เริ่มคับขัน เข็มนาฬิกากลับยังคงเดินต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และมันยิ่งเร่งเร้าให้คชาต้องรีบพูดความจริงออกไปก่อนจะไม่มีโอกาส
“เต๋า... คือ...” เห็นอีกคนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ คชาก็พูดขึ้น หากแต่ไม่ทันได้เอ่ยใจความอะไร ข้อมือบางก็ถูกกึ่งลากกึ่งจูงให้ขึ้นบันไดไปเสียก่อน
“ไปไหนอะเต๋า?”
“ไปห้องเรา”
“เฮ้ย!!!!”
กว่าข้อมือบางจะถูกปล่อยเป็นอิสระก็เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูระเบียงออกไป... คชาถอนหายใจออกมาเต็มแรงเมื่ออีกฝ่ายพาเขาออกมายืนตรงระเบียงสีขาวนี่ ยอมรับตรงๆ เลยก็ได้ว่าเมื่อกี๊คิดไกลไปถึงไหนต่อไหน
แอบคิดไปแล้ว... ถ้าเกิดอีกคนนึกปล้ำเขาขึ้นมา แล้วถอดเสื้อผ้าออกเห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย เต๋าจะทำหน้ายังไง
แต่มันก็ไม่เกิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นขึ้น เมื่อจุดมุ่งหมายของเต๋ามีเพียงแค่…
“ดาวสวยไหม?” คนข้างๆ ถามเขา ตอนนั้นคชาจึงแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าตามที่อีกฝ่ายทำบ้าง ฟ้าสีดำสนิท มีจุดเล็กๆ สว่างไสวอยู่บ้างเล็กน้อย
“หน้าต่างห้องเธอมองไม่เห็นดาวไม่ใช่หรือไง? วันนี้พามาดูแล้วนะ”
ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่อีกคนจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับเขาได้มากขนาดนี้ “ขอบใจ” คชาทำได้เพียงเท่านั้น... มันอาจจะเป็นสิ่งที่มากที่สุดที่สามารถตอบแทนอีกฝ่ายได้
“รู้ไหมชา... ตั้งแต่มีเธอเข้ามา ฉันก็ชอบออกมายืนอยู่ที่ระเบียงนี่” สัมผัสโอบกอดจากด้านหลังทำเอาคชาอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว มืออบอุ่นคู่นั้นประสานไว้ที่ด้านหน้า ไม่แน่นหนา ทว่าก็ไม่ได้อ่อนปวกเปียกเสียจนหลุดออกจากกันได้ง่ายๆ
“รู้ตัวอีกที... ก็ชอบดูดาวบนฟ้าสลับกับมองหน้าต่างเล็กๆ นั่นแล้ว”
ยิ่งได้ยินถ้อยคำจากปากอีกคนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเสียดแทงไปในจิตใจมากเท่านั้น… คชาไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟัง... ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมันมากล้นจนเกินกว่าเขาจะรับไหว
“เต๋า...” ฝ่ายคนในอ้อมกอด พอตั้งตัวได้ก็หันหน้าไปหาอีกฝ่ายหมายจะเอ่ยความในใจสักที หากแต่ได้จังหวะพอดีกับที่ร่างสูงขยับเข้าใกล้
จึงกลายเป็นคชาที่เกือบจะหอมแก้มอีกฝ่ายไปอย่างฉิวเฉียด… เป็นอีกครั้งที่คชานิ่งค้างราวกับเป็นหุ่นยนต์ ทั้งร่างกายหรือใบหน้าเหมือนกับถูกสาปให้นิ่งไว้อย่างนั้น
เว้นก็แต่หัวใจที่เต้นดังจนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน
รอยยิ้มบางเบาถูกประดับไว้ที่ริมฝีปากหยัก ตาคู่คมเพ่งมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อ... เต๋าคลายอ้อมแขนที่ประสานกอดอีกฝ่ายไว้ออก ยกมือข้างหนึ่งไล้แก้มใสนั้นเบาๆ
“เต๋า...” พยายามปัดมือนั้นออกทว่ากลับไม่เป็นผล ร่างเล็กเอ่ยค้านด้วยเสียงติดขัด “อย่าทำแบบนี้เลย... เรา...”
หากแต่คำพูดนั้นกลับกลายเป็นเพียงลมหายใจบางเบาที่ถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากหยักจนหมดสิ้น ใบหน้าขาวคมเอียงเล็กน้อย
เพื่อมอบจูบรสหอมหวานได้ถนัดถนี่
ราวกับตัวเขากำลังเบาเหมือนนุ่น... ราวกับกำลังนอนหนุนก้อนเมฆบนฟ้าไกล
เปลือกตาบางค่อยๆ หลับลง มือที่กำแน่นถูกคลายออกจากกัน
ทั้งหมดราวกับกำลังฝันไป... เป็นไปได้ไหม? ถ้าคชาจะหลับใหลตลอดกาล
TBCยังมีคนอ่านอยู่ไหมคะเนี่ย เห็นคนไปตามอ่านในเด็กดีกันหมดแล้วหง่า แหะๆ
ถ้ามีก็แสดงตัวกันหน่อยนะค้า >w<
